"เซียวเหยียนจิ่งกับหลี่จื่อเหยาสองคนนั้นอายุยังน้อยไม่รู้ความ แต่ว่า คนหนุ่มสาวน่ะนะ บางครั้งเลือดลมก็แรงเกินจนควบคุมไม่ได้ ถึงได้ทำเรื่องเช่นนั้นออกมา คิดๆ แล้วก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้"องค์จักรพรรดิกระแอมออกมาทีหนึ่งคำพูดเหล่านี้เขาเองก็พูดจนตนเองรู้สึกผิดหน่อยๆ แต่ถ้าไม่พูดเช่นนี้แล้วจะทำอย่างไร?"ในสถานที่เช่นนั้น ผลกระทบก็ไม่ดี ให้คนมากมายต้องมาเห็น แล้วยังลำบากไปถึงหอจันทร์หยาดอีก จะว่าไปหอจันทร์หยาดก็เป็นผู้รับกรรมที่บริสุทธิ์อยู่นะ"เซียวหลันยวนรู้สึกนับถือองค์จักรพรรดิจริงๆ ความสามารถในการลืมตาพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้คนธรรมดาทำไม่ได้นะนี่ถึงกับเด็ดหอจันทร์หยาดหลุดออกไปแล้วยิ่งไปกว่านั้นยังพูดว่าเซียวหยียนจิ่งกับหลี่จื่อเหยาเป็นพวกคุมอารมณ์ไม่ได้อีกพวกคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เซียวหลันยวนถามขึ้นเสียงเรียบ "ดูท่าชินอ๋องเซียวกับหมอเทวดาหลี่จะทำผิดโทษฐานหลอกลวงองค์จักรพรรดิเสียแล้ว ข้างแนะนำให้ท่านจัดการฟันพวกเขาทิ้งเสีย"พรวด!กงกงที่อยู่ข้างๆ เกือบจะสำลักออกมาเขาตกใจจนเหงื่อท่วมตัว แล้วถ้าเขาหัวเราะออกมาด้วยเหตุนี้ต่อหน้าองค์จักรพรรดิกับอ๋องเจวี้ยนล่ะก็ คนทีจะถูกฟัน
"คนจากสองตระกูลนั้นใกล้มาหรือยัง?"นอกจากปรมาจารย์ชือเฉินที่นำสิ่งยืนยันมอบให้กับอ๋องเจวี้ยนในครั้งนั้น ยังมีผู้นำตระกูลอีกสองตระกูลกำลังอยู่ระหว่างทางคุ้มครองส่งสิ่งยืนยันมายังเมืองหลวงตระกูลปาฉินฮู่ตระกูลมู่เฉิงชิ่งองค์จักรพรรดิคิดจะรอให้สิ่งยืนยันสองชิ้นมาครบก่อน แล้วค่อยเปิดแผนที่ จากนั้นจึงจะรู้ว่าไท่ซ่างหวงในตอนนั้นเหลืออะไรทิ้งไว้ให้กับอ๋องเจวี้ยนเดิมทีหลังจากที่เขารู้เรื่องสองตระกูลที่เหลือนั่นก็คิดจะส่งคนเข้าไปขวางไว้อยู่ ขอแค่เขาได้รับสิ่งยืนยันทั้งสามชิ้นมาก็พอแล้วแต่ว่าปรมาจารย์ฉือเชินก็ไม่รู้ว่าเพราะรู้ความเป็นไปได้นี้หรือเปล่า ตนเองจึงนำเอาสิ่งยืนยันมอบให้อ๋องเจวี้ยนก่อนในมืออ๋องเจวี้ยนยังมีองครักษ์เงามังกรอยู่ องค์จักรพรรดิเดาว่าเขาคงจะส่งองครักษ์เงามังกรไปแอบรับผู้นำตระกูลสองคนนั้นแล้วเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจะไปขวางก่อนก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย เช่นนั้นก็จะสู้ปกป้องพวกเขาทั้งสองตระกูลไปเลยดีกว่า รอจนของมาครบแล้ว เขาค่อยหาวิธีการนำมา"รายงานองค์จักรพรรดิ ผู้นำตระกูลฮู่ภายในสามวันน่าจะเข้ามาในเมืองหลวงแล้ว คนของตระกูลฮู่สาขาออกไปนอกเมืองเพื่อรับแล้ว ส่วนเรื่องตระก
"ไทเฮาสู้พูดกับอ๋องเจวี้ยนและพระชายาอ๋องเจวี้ยนให้ชัดเจนดีกว่า วิชาแพทย์เช่นนั้นของพระชายาอ๋องเจวี้ยน อาจจะสามารถทำให้กระดูกของท่านฟื้นฟูกลับมาได้" หมัวมัวเอ่ยแนะนำขึ้นเสียงต่ำไทเฮาตอนนี้ร่างกายอ่อนแอมาก ประเดี๋ยวก็ป่วย ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้สึกปวดกระดูกอยู่เป็นประจำ ตรงนี้ไม่สบายตรงนั้นไม่สบายพวกเขาล้วนรู้ว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนวิชาแพทย์นั้นไม่เลว ถ้าสามารถได้รับการชุบเลี้ยงอย่างประณีตของพระชายาอ๋องเจวี้ยน ร่างกายของไทเฮาจะต้องดีขึ้นแน่ๆไทเฮาส่ายหัว"เอาล่ะ เอาอย่างนี้ต่อไปนั่นล่ะ องค์จักรพรรดิพวกเขารู้ว่าข้าเองก็รังเกียจหลันยวนด้วย หลายสิ่งหลายอย่างไม่มีทางเลี่ยงข้าไปหรอก จะอย่างไรข้าคงได้รู้ว่าพวกเขาจะใช้วิธีการอะไรรับมือกับหลันยวนก่อนเหมือนกัน""แต่พวกอ๋องเจวี้ยนก็ไม่รู้ถึงความเจ็บปวดและน้อยเนื้อต่ำใจของท่านไทเฮา""มีอะไรน้อยเนื้อต่ำใจกัน ข้าอันที่จริงก็แค่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่ออีกหน่อย ได้เห็นร่างกายของหลันยวนดีขึ้นมา อยู่กับจาวหนิงเด็กคนนั้นด้วยกันให้ดี มีลูกตัวขาวๆ อวบอ้วนสักสองสามคน"วังลึกเองก็ไม่ได้อยู่ง่ายขนาดนั้นเรื่องพระราชทานงานอภิเษกของเซียวเหยียนจิ่งกับหลี่จื่อเหย
"จวนชินอ๋องเซียวที่แท้ก็ต่ำช้าขนาดนี้เชียว! สกุลหลี่อย่างข้าถือว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว!" เพราะรู้ว่าพวกเขาทั้งสองบ้านเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนอะไรอีก ยกของเหล่านี้ออกมารับมือ"นี่น่าจะเป็นความหมายของชินอ๋องเซียวแล้ว พี่เซียวไม่มีทางทำกับข้าเช่นนี้" หลี่จื่อเหยาเอ่ยขึ้น"ถุด!"หมอเทวดาหลี่โมโหจนหน้าเขียวไปแล้ว"ทำไมจะไม่มีทาง? พวกเขาแสดงออกมาแล้วว่าดูถูกเจ้า ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเจ้าหรอก ก็แค่จะรับเจ้ากลับไป!""ไม่มีทาง"หมอเทวดาหลี่โมโห หมุนตัวกลับไปที่ห้อง ตอนที่ออกมาก็ส่งกล่องใบหนึ่งให้นาง"ท่านพ่อ นี่คืออะไร?""ในนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของข้า ยาอีกมากมาย วิธีใช้กับบทบาทข้าเขียนเอาไว้บนขวดหมดแล้ว สิ่งเหล่านี้เจ้าพกไว้กับตัว ถึงตอนนั้นถ้าคนในจวนชินอ๋องเซียวหรือเซียวเหยียนจิ่งรังแกเจ้า เจ้าก็ค่อยใช้!"จะให้พวกเขามารังแกไม่ได้เด็ดขาด!บนหลังคา เงาร่างหนึ่งบินแฉลบออกไปอย่างรวดเร็วพอมาถึงจวนอ๋องเจวี้ยน เขาก็มารายงานอ๋องเจวี้ยนอย่างละเอียดเซียวหลันยวนพอได้ยินก็หัวเราะเบาๆ"ลูกสาวออกเรือน แต่ให้ยาพกติดตัวไว้กล่องหนึ่ง นี่หาได้ยากในใต้หล้าเสียจริง สมแล้วที่เป็นหมอเท
คนผู้นั้นสวมชุดคลุมผ้าสีม่วงเข้มคนที่สวมชุดสีนี้ได้ในเมืองหลวง ตอนนี้ปรากฎตัวขึ้นที่นี่อีกแล้ว ฟู่จาวหนิงคิดถึงความเป็นไปได้มากที่สุดนั่นก็คือเซียวหลันยวนแต่ว่าเซียวหลันยวนจะว่างเกินไปไหม?ฟู่จาวหนิงเม้มปาก ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร พอนางเห็นเกี้ยวหลี่จื่อเหยาตะแคงล้มแล้วก็รู้สึกเบิกบานอยู่นี่เหมือนกับระบายความอัดอั้นออกไปแทนนางและไม่รู้ว่าหลี่จื่อเหยากระแทกในเกี้ยวแรงเกินไปไหมในโรงน้ำชาหรูหราชั้นสอง ชิงอีเห็นเซียวหลันยวนปรบไม้ปรบมือ ก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ "ท่านอ๋อง ท่านมาระบายโกรธแทนพระชายาเช่นนี้ คงต้องหาโอกาสบอกพระชายาหน่อยกระมัง?"พระชายาถ้ารู้เข้าก็คงจะซาบซึ้งแน่ ถึงตอนนั้นความรู้สึกของท่านอ๋องกับพระชายาก็จะยิ่งดีขึ้น"ไม่จำเป็น"เสียงของเซียวหลันยวนเย็นเยียบลงมามีอะไรน่าพูดกัน?นางจะทำอะไรก็คิดอย่างชัดเจนกับเขาไปเสียหมด ถึงตอนนั้นคงได้นับเข้าไปในสิบเรื่องนั้นแน่ แล้วมองว่าเขาแค่เสร็จสิ้นสัญญาไปข้อหนึ่งเท่านั้นพอคิดแล้วก็รู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาหน่อยๆชิงอีพอเห็นท่าทางของเขาก็ไม่กล้าพูดต่ออีก ท่านอ๋องสามวันก่อนหลังจากกลับมาจากบ้านตระกูลฟู่ อารมณ์ก็เหมือนจะไม่ดีอยู่ตลอด"ย
หลี่จื่อเหยายืนอยู่ในโถงจนขาเริ่มชาแล้ว ขณะกำลังจะระเบิดอารมณ์ จึงได้ยินว่าเซียวเหยียนจิ่งเข้ามาแล้วผ้าแพรแดงในมืออีกด้านหนึ่งถูกจับไว้ อารมณ์โกรธของหลี่จื่อเหยาจึงระงับลงมา ฟังคำกล่าวหนึ่งกราบไหว้ฟ้าดินสองกราบไหว้บุพการีและทำตามพิธีการไปผลลัพธ์คือเมื่อครู่สามีภรรยาเคารพกันและกัน เซียวเหยียนจิ่งที่อยู่ตรงข้ามพอโค้งเอวลงมา ฟ้ากับดินก็หมุนติ้ว ตัวคนยืนไม่อยู่ ล้มกลิ้งลงไปทางนางพริบตาที่ล้มกลิ้งลงไป เขาก็ยื่นมือตะปบไปข้างหน้าอย่างร้อนรนด้วยสัญชาตญาณ ผลลัพธ์คือไปคว้าเอาเข็มขัดของหลี่จื่อเหยาเข้าพอดีได้ยินเสียงแควกของผ้าที่ถูกฉีกขาดดังขึ้นมาหลี่จื่อเหยาไม่เพียงแต่ถูกกระชากผ้าคลุมหัวแดงลงมา กระทั่งชุดมงคลก็ยังถูกฉีกลงมาเป็นรู"อ๊า!"หลี่จื่อเหยาร้องเสียงแหลมตึงเซียวเหยียนจิ่งล้มหนักๆ ลงไปบนพื้นกลิ่นสุราคละคลุ้งชินอ๋องเซียวกับพระชายาสองคนล้วนสะดุ้งยืนขึ้นมา สีหน้าทั้งสองคนดำจนจะบีบน้ำหมึกออกมาแล้ว"ยังไม่รีบไปประคองรัฐทายาทเซียวขึ้นมาอีก!" พระชายารีบร้อนร้องขึ้นจากเสียงเมื่อครู่ เซียวเหยียนจิ่งล้มไปหนักอยู่ หน้าผากกระแทกพื้นอย่างแรง"พี่เซียว!" หลี่จื่อเหยาตอนนี้ก็ได้ส
เสิ่นเสวียนได้รับรังสีมานานเกินไป ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นจะฟื้นฟูก็ยังยากนักฟู่จาวหนิงกล้ายืนยัน ถ้าไม่มาเจอนาง เสิ่นเสวียนคงไม่รอดแล้วเพราะในห้องเภสัชของนางมียาของยุคปัจจุบันอยู่มากมาย มีบางส่วนสามารถกำจัดเซลล์ที่เสียหายทิ้งได้ สนับสนุนการเติบโตของเซลล์ใหม่สิ่งเหล่านี้นางเองก็ไม่สามารถเขียนลงไปในแผนการรักษาได้ แต่สามารถเปลี่ยนวิธีอธิบายให้ชัดเจนขึ้นมาได้คนทั่วไปสามารถมองแล้วไม่เข้าใจ แต่เสิ่นเสวียนเข้าใจแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถได้รับการปลอบประโลมจากจากแผนการรักษาที่นางเขียนด้วย มองออกถึงระดับและความเป็นมืออาชีพของนางนี่ไม่ใช่สิ่งที่คนป่วยทั่วไปจะสามารถทำได้"แผนการรักษานี้ข้าเห็นด้วย" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้นเพราะฟู่จาวหนิงตอนที่ยื่นแผนการรักษาก็บอกกับเขาไปว่า ต้องให้เขาเห็นด้วยเสียก่อนจึงจะรักษาตามแผนการรักษานี้เรื่องความเสี่ยงนางเองก็เขียนไว้อย่างละเอียด"เช่นนั้นท่านเสิ่นโปรดลงนามด้วย" ฟู่จาวหนิงให้ลุงลั่วเตรียมหมึกพู่กันให้"พระชายาอ๋องเจวี้ยน สิ่งนี้ยังต้องลงนามด้วยหรือ?""แน่นอน ลงนามคือการยอมรับแผนการรักษานี้"เสิ่นเสวียนยิ้มๆ "เข้มงวดดี"เขาลงนามอ
แต่ตอนนี้พอเห็นว่าเสิ่นเสวียนเป็นเช่นนี้ นางเองก็ทำได้เพียงถอนหายใจ ดังนั้นตระกูลเสิ่นจึงไม่มีทางที่จะสงบได้ขนาดนั้น"ตอนนั้น จี้คู่นี้ ท่านลุงเคยเล่นอยู่พักหนึ่ง ลูกชายเขา ลูกพี่ลูกน้องข้า ตอนนั้นก็พูดมาคำหนึ่ง บอกว่าหินดารานี้เหมาะกับข้ามาก ดังนั้นท่านลุงจึงพูดว่า เช่นนั้นก็มอบให้อาเสวียนแล้วกัน"เสิ่นเสวียนคิดถึงสถานการณ์ในวันนั้น แล้วก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจำใจ"ทั้งหมดดูแล้วก็เป็นธรรมชาติดี ดูปกติมาก"คำพูดของเขายังพูดไม่จบ ฟู่จาวหนิงกลับส่ายหัว "ทันที่จริงไม่เหมาะกับท่าน""หืม?" เสิ่นเสวียนมองนางอย่างไม่เข้าใจจี้หินดาราคู่นี้หลังจากมาอยู่ในมือเขา คนไม่น้อยก็ล้วนบอกว่าเหมาะกับเขา ล้วนถามกันว่าเขาได้มาจากไหน หลังจากบอกว่ามีคนมอบให้ คนเหล่านั้นก็ล้วนพูดว่า ถ้าเช่นนั้นของขวัญชิ้นนี้ก็มอบให้ได้เหมาะสมมากแล้วฟู่จาวหนิงเป็นคนแรกที่บอกว่าไม่เหมาะกับเขา"ท่านเสิ่น ท่านไม่เห็นหรือ ว่าฝ่ามือของท่านกับนิ้วของท่านยาวมาก?"ฟุ่จาวหนิงชี้ไปที่มือของเขานางเห็นมานานแล้ว เสิ่นเสวียนมีมือที่ดูดีมาก นิ้วมือเรียวยาว กระดูกข้อนิ้วชัดเจน ถ้าอยู่ในยุคปัจจุบันล่ะก็นี่คือมือที่เหมาะกับการเล่นเปีย
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั