"ใครก็ได้ มาช่วยกันเร็ว!""ให้ตายเถอะ แม่นางหลี่จริงๆ"ตอนนี้คนของหอจันทร์หยาดล้วนรู้แล้วว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง น่าจะเกิดเรื่องอะไรผิดพลาดขึ้นแล้วพวกเขารีบเก็บกวาดกันมือไม้เป็นระวิง แต่ว่าคนที่ยังไม่ใส่เสื้อผ้าสองคนกลับยังล่อนจ้อนอยู่คนที่นำคนกลุ่มแรกเข้ามาเป็นหญิงสาวที่สวยงามมากคนหนึ่ง และนี่คือเจ้าของหอจันทร์หยาดนั่นเอง ฮูหยินหรงเยว่"อ๋องเจวี้ยน!"นางรีบเดินเข้ามาเบื้องหน้าเซียวหลันยวน คิดจะพูดอะไร แต่เซียวหลันยวนก็ไม่มองนางตรงๆ เลย"อ๋องเจวี้ยน ท่านเอาองครักษ์เงามังกรมาล้อมหอจันทร์หยาดของข้าอย่างไม่มีเหตุผล นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?"เมื่อครู่นี้ เพิ่งจะส่งสัญญาณออกไปครู่เดียว องครักษ์ที่เคร่งขรึมกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาปิดล้อมหอจันทร์หยาดเอาไว้แล้ว"ค้นหาให้ข้า!"เซียวหลันยวนสั่งการออกไป! องครักษ์เงามังกรเหล่านั้นก็พุ่งออกไปทันที ค้นหาในหอจันทร์หยาดขึ้นอย่างรวดเร็ว"อ๋องเจวี้ยน ข้าทางนี้ก็ต้องทำการค้า พิธีพิถันเรื่องความปลอดภัย เงียบสงบ ตอนนี้ในหอยังมีแขกคนสำคัญอีกตั้งมากมาย แล้วท่านทำเช่นนี้จะให้ข้าไปอธิบายกับเหล่าแขกลูกค้าสำคัญอย่างไรกัน?"ฮูหยินหรงเยว่ในใจก็ร้อนรนขึ
เซียวหลัยยวนเชื่อมั่นองครักษ์เงามังกร พวกเขาในเมื่อค้นหาละเอียดแล้ว เว้นเสียแต่จะมีสถานที่ลับมากๆ อยู่ตรงไหนสักที่แต่ว่าเวลาแค่นี้ ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่กินเนื้อสัตว์นี่นา จากที่เขาเข้าใจนาง นางไม่ใช่คนที่อ่อนแอ เป็นไม่ได้ที่จะถูกจับไปขังในช่วงเวลาแค่นี้ดังนั้นตอนนี้ที่หาไม่เจอก็น่าจะไม่ใช่ฮูหยินหรงเยว่เอาตัวนางไปและองครักษ์ที่เขาส่งมาเพื่อจับตาหอจันทร์หยาดตนเองก็เชื่อมั่นมากด้วย ฟู่จาวหนิงถ้าออกไปล่ะก็จะต้องมีคนพบแล้ว คงไม่ถึงกับไม่เห็นตัวแบบนี้ดังนั้น ตอนนี้ฟู่จาวหนิงไปอยู่ที่ไหนกัน?ไม่ใช่แค่เซียวหลันยวนที่รู้สึกแปลกๆ ฮูหยินหรงเยว่เองก็รู้สึกประหลาด นางเองก็ส่งคนมาดูไว้ ก่อนหน้านี้ฟู่จาวหนิงเข้ามาในเรือนนี้แล้วจริงๆตอนที่พวกของซ่งอวิ๋นเหยาออกไปยังส่งสัญญาณมือให้นางอยู่เลย ให้พวกนางเล่นตามแผนการณ์ต่อและตอนที่ซ่งอวิ๋นเหยาพวกนางออกไปก็เห็นว่าฟู่จาวหนิงติดกับแล้ว ยืนยันว่าอยู่ในศาลานี้แล้วตอนนี้คนไปไหน?"ก่อนหน้านี้ใครอยู่ที่นี่?" เซียวหลันยวนถามฮูหยินหรงเยว่ฮูหยินหรงเยว่เดิมทีคิดจะปิดบัง "ก็แขกก่อนหน้านี้น่ะสิ หลังจากแขกออกไปพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เข้ามา จากนั้นคร
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับซ่งอวิ๋นเหยาชิงอีมองเซียวหลันยวนอย่างกังวลแล้วจะทำอย่างไรดี?ซ่งอวิ๋นเหยากับท่านอ๋องเคยมีมิตรภาพวัยเด็กด้วยกันนี่นา ท่านอ๋องยังจำความอบอุ่นที่ซ่งอวิ๋นเหยามอบให้เขาเมื่อครั้งอดีตได้อยู่ก่อนหน้านี้ในเมืองหลวงมีคนนำซ่งอวิ๋นเหยากับท่านอ๋องมาพูดล้อเล่น เข้าใจมาตลอดว่าซ่งอวิ๋นเหยาจะกลายเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านอ๋องเองก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรแต่ตอนนี้ซ่งอวิ๋นเหยากลับเกี่ยวข้องกับเรื่องที่พระชายาหายตัวไป ท่านอ๋องจะทำอย่างไรกัน?"ให้คนจับตาดูไว้""หาคนไปถามเซี่ยซื่อที่บ้านตระกูลหลิน""ขอรับ""คุณหนู"เฉินซานขับรถเข้ามาแล้ว รถเพิ่งจะจอด เสี่ยวเถาก็กระโดดลงมาจากรถม้า สืออีมาประคองตัวนางทันทีถ้าไม่ประคองไว้ ดูท่าเสี่ยวเถาคงได้ขาพลิกแน่สืออีพอเห็นเซียวหลันยวน ก็คารวะทันที"ข้าน้อยสืออี คารวะท่านอ๋อง!"สีหน้าเขาเปลี่ยนไปแล้ว นี่เกิดอะไรขึ้น?เขาปกป้องเสี่ยวเถากับหลินอันห่าวกลับไปหาเซี่ยซื่อ พอกลับมาก็เป็นเช่นนี้ไปแล้วหรือ?สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปบนตัวเขาถูกเขาเหลือบมองมาเช่นนี้ สืออีก็สั่นสะท้านวาบไปทั้งร่าง เขาคุกเข่าลงทันที"ข้าน้อยผิดไปแล้ว! ท่านอ๋องโป
หลังจากที่เซียวหลันยวนเข้ามาก็เดินตรงไปยังศาลาผ่านไปนาน ควันไฟในนี้มอดดับไปแล้ว เขาเข้าไปเดินวนรอบหนึ่งก็ถอยออกมาทันทีฟู่จาวหนิงมองท่าทางของเขา ก็สงสัยว่าเขาน่าจะสังเกตเห็นแล้วว่าในศาลามียาอยู่ไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้ตอนที่เดินเข้ามาในศาลแล้วจะถอยออกไปกะทันหันทำไมกัน?ไร้สีไร้กลิ่น เขาสัมผัสได้นี่ก็ถือว่ายอดเยี่ยมอยู่ น่าจะเพราะเขาป่วยมานาน ติดพิษมาแล้วหลายครั้ง จนทำให้เขารู้สึกไวต่อสิ่งเหล่านี้เดิมทีฟู่จาวหนิงยังคิด ถ้าเข้ารออยู่แต่ในศาลานั่น ถึงตอนนั้นนางต้องมานั่งแก้พิษให้เขาอีกร่างกายอ่อนแออย่างเซียวหลันยวน จริงๆ คือห้ามติดพิษอะไรอีกแล้ว ทำร้ายต่อร่างกายเขาอย่างมากยังดีที่ตัวเขารู้สึกถึง แค่เข้ามาเดินวนรอบหนึ่งก็ออกไปแล้ว เขาเหมือนกับเข้ามาเพื่อยืนยันอะไรสักอย่างเขายังไปค้นหาที่ต่างๆ ในเรือนต่ออีกรอบหนึ่งจากนั้นจึงถอยออกไปฟู่จาวหนิงอดคิดขึ้นไม่ได้ เขาคงไม่ได้เข้ามาหาตัวนางหรอกกระมัง?เป็นห่วงนางขนาดนี้เลยหรือ?นางรีบออกจากห้องเภสัช รีบวิ่งออกจากเรือนนี้ พอคิดๆ ก็ยังไม่เตรียมออกไปทางประตูใหญ่ประตูใหญ่ทางนั้นจะต้องมีคนเฝ้าอยู่แน่ ในเมื่อเซียวหลันยวนยังเข้ามาเลย ตอน
เซียวหลันยวนดึงนางไว้ ใช้กำลังภายในพานางกระโจนออกจากกำแพงเรือน ออกจากหอจันทร์หยาดไป ในนี้เขารู้สึกว่ามันสกปรก ดังนั้นจึงไม่อยากจะให้นางเอาแต่อยู่ในนี้พอคนด้านนอกเห็นพวกเขาออกมา ก็ล้วนเข้ามารรับอย่างยินดีปรีดา"ท่านอ๋อง พระชายา!""พระชายาท่านกลับมาแล้วหรือ?""คุณหนู!" เสี่ยวเถาเองก็รีบโถมตัวเข้ามา แต่พอวิ่งมาถึงด้านหน้าตอนที่เห็นมือของฟู่จาวหนิงถูกอ๋องเจวี้ยนจูงไว้นางก็รีบหยุดเท้าตัวโก่ง ไม่กล้าโถมเข้าไปแล้ว"เอ่อ ข้าไม่เป็นไร"พอเห็นพวกเขาเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกเขินหน่อยๆนางยังเห็นสืออีที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วย สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กๆ "สืออี เจ้าทำอะไรน่ะ?""คุณหนู สืออีบกพร่องในหน้าที่ ทำให้ท่านตกอยู่ในอันตราย สืออีรู้ผิดแล้ว"สืออีคุกเข่าอยู่นานแล้ว ไม่กล้าขยับเขยื้อนเลย"ลุกขึ้นมา"ฟู่จาวหนิงเรียกให้เขาลุกขึ้น แต่สืออียังคงคุกเข่าอยู่"เจ้าบกพร่องในหน้าที่ตรงไหนกัน? เป็นข้าที่ให้เจ้าคุ้มกันน้องสาวข้าออกไป เจ้าก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น เจ้าทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว เจ้าบกพร่องในหน้าที่ตรงไหนกัน?"ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะลงโทษสืออีเช่นนี้ พอเห็นว่าเขายังนั่งนิ่
วันนี้วุ่นวายมาทั้งวัน พอมาถึงจวนอ๋องเจวี้ยน หงจั๋วเฝิ่นซิงทั้งสองคนก็ดีอกดีใจวุ่นวายกันขึ้นมา เตรียมน้ำให้นางอาบ เช็ดผมให้นาง จากนั้นก็เตรียมอาหารค่ำให้พวกเขารอจนฟู่จาวหนิงสวมเสื้อผ้าใหม่กินอาหารค่ำเลิศรสแล้ว ก็ถูกหงจั๋วคลุมเสื้อคลุมตัวหนึ่งลงมาให้"พระชายา อ๋องเจวี้ยนอยู่ในเรือนรอท่านอยู่""รอข้าทำไมกัน?""ไปเดินเล่นย่อยอาหารกระมัง" หงจั๋วเม้มปากยิ้มขึ้นมา "สมัยก่อนท่านอ๋องล้วนเดินอยู่คนเดียว ตอนนี้พระชายาไปเดินเป็นเพื่อนท่านอ๋องด้วยกันได้แล้ว"ไม่สิ หน้าตามีความสุขของเด็กคนนี้มันอะไรกัน?นางแม้จะรู้ว่าการเดินหลังจากกินนั้นดีมาก แต่ว่านางวันนี้เหนื่อยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นจะดูด้วยว่ารีบกลับไปบ้านตระกูลฟู่เพื่อถามเสี่ยวเถาเสียหน่อย ว่าวันนี้หลินอันห่าวกลับไปแล้วเป็นอย่างไรบ้างเซี่ยซื่อจะให้อันห่าวออกมาคนเดียวได้อย่างไรกัน?วันนี้ดูท่าเซี่ยซื่อคงตกอกตกใจมากกระมังแต่ว่านางก็ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ถูกหงจั๋วผลักออกมาจากเรือนแล้วหลังออกมาก็เห็นเซียวหลันยวนคลุมผ้าคลุมผืนหนึ่ง กำลังยืนอยู่ด้านนอก ท่าทางเหมือนกำลังรอนางอยู่จริงๆนางหันหน้ากลับมองหงจั๋วผาดหนึ่ง หงจั๋วเองก็ส่งสัญญาณม
"แต่ว่า เขาปฏิเสธหรือ?"เซียวหลันยวนพยักหน้า "ใช่ เขาปฏิเสธแล้ว""ฮองเฮาขายหน้าจนหมดจดต่อหน้าฮูหยินหรงเยว่ เพราะนางคิดว่าเรื่องนี้ถ้านางเอ่ยปากเองคือมั่นใจไปเก้าส่วนแล้ว ผลลัพธ์คือทำให้ฮูหยินหรงเยว่ก็ถูกฟู่จิ้นเชินปฏิเสธอีกครั้ง นางตอนนั้นก็อับอายจนแทบจะไปโขกเสาอยู่แล้ว""นี่มันอ่อนแอเสียจริง"และเพราะชายหนุ่มที่อยากออกเรือนด้วยไม่ยินยอมรับนางเป็นภรรยา ดังนั้นเลยอยากจะตายหรือ?แต่ดูฮูหยินหรงเยว่ก็ไม่เหมือนพวกที่จะยอมเป็นยอมตายง่ายแบบนั้นเลยนี่นา"ตอนนั้นเพื่อไม่ให้เรื่องบานปลายจนจัดการไม่ไหว องค์รัชทายาทก็น่าจะอณุญาตอะไรบางอย่างให้กับฮู่หยินหรงเยว่ ดังนั้นตอนที่องค์รัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ หลังจากที่นางขึ้นเป็นฮองเฮา จึงให้ประโยชน์บางอย่างกับฮูหยินหรงเยว่ กลายมาเป็นเบื้องหลังของนาง"ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้"แต่ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะไม่ได้ง่ายดายเช่นนี้? แค่เพื่อหน้าตาเท่านั้นหรือ?""พวกเขาต่อมาจะต้องมีแผนชั่วอะไรอยู่แน่ๆ อย่างเช่นหอจันทร์หยาดของฮูหยินหรงเยว่นี้ อันที่จริงมีเงินของฮองเฮาอยู่ด้วย นี่อาจจะเป็นลู่ทางหาเงินให้ตนเองของฮองเฮาอีกทางก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นฮองเฮามีเรื่องอะ
ทั้งสองคนล้วนดิ่งสู่ความเงียบงันหลังจากคำพูดนี้ของเซียวหลันยวนและไม่รู้เพราะอะไรถึงรู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองอย่างประหลาดเซียวหลันยวนคิดถึงความรู้สึกในใจที่ควบคุมไม่ได้อย่างหนัก ตอนที่พบว่าคนในศาลาทำเรื่องเช่นนั้นในวันนี้ช่วงบ่าย"ท่านกลัวว่าเป้าหมายที่แต่งงานกับข้ายังไม่สำเร็จ แล้วข้าเกิดเรื่องขึ้นมาก่อนสินะ" ฟู่จาวหนิงถามถึงอย่างไรเขาก็คิดจะรอให้พวกของฟู่หลินซื่อกลับมาอยู่แล้ว ตอนนี้ฟู่หลินซื่อยังไม่กลับมา ถ้าหากนางเกิดเรื่องอะไรขึ้นจนทำให้เขาจำใจต้องหย่าร้างกับนาง เช่นนั้นการแต่งงานนี้ก็จะสูญเปล่าสินะ?ถึงตอนนั้นยังทำให้เขาต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านอีก อับอายขายขี้หน้า"ก่อนหน้านี้เจ้าก็ชอบไล่ตามเซียวเหยียนจิ่งมายังหอจันทร์หยาด แล้วครั้งนี้เซียวเหยียนจิ่งนัดเจ้าออกมาหรือ?"เซียวหลันยวนพอพูดถึงเรื่องนี้ ในใจก็เจ็บจี๊ดเขามีความรู้สึกเช่นนี้เป็นครั้งแรก ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่"เรื่องนี้น่ะ มันเกิดขึ้นเพราะตัวท่านเลยเถอะ!"เขาไม่พูดยังพอว่า แต่พอพูดออกมา ฟู่จาวหนิงก็เดือดดาล"ข้า?" เซียวหลันยวนชี้ตนเอง"ท่านนั่นล่ะ คนที่นัดข้าออกมาคือซ่งอวิ๋นเหยา ข้าไม่เชื่
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้