นางอยู่ในศษลาออกมาไม่ได้ และติดกับไปด้วยแล้วฟู่จาวหนิงที่อยู่ด้านนอกเพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงที่ทำให้คนหน้าแดงหูร้อนขึ้นมา ตนเองก็รู้สึกพูดไม่ออกเหมือนกันหลี่จื่อเหยาโง่หรือเปล่าเนี่ย?"พระชายาอ๋องเจวี้ยนมาที่เรือนนี้หรือ? ธูปหยกขาวที่นางจุดไว้เพิ่งจะส่งเข้ามา แต่ว่าช้าเกินไปแล้ว"ด้านนอกเรือนมีเสียงเอะอะดังลอดเข้ามาอีกตอนแรกฟู่จาวหนิงแค่ได้ยินเสียงหญิงสาวสองคน เหมือนว่าจะเป็นคนในหอจันทร์หยาด แต่ตอนนี้เหมือนจะมีคนมาอีกจากนั้นก็มีคนร้องเรียกอย่างลนลานขึ้นมา "คารวะอ๋องเจวี้ยน!"ฟู่จาวหนิงม่านตาหดลงเซียวหลันยวนทำไมมาที่นี่กัน?นางเองก็ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้หลบเข้ามาในห้องเภสัชด้วยสัญชาตญาณตอนนี้นางไม่อยากเผชิญหน้ากับเซียวหลันยวน"ในศาลานี้มันเสียงอะไรน่ะ?"พวกเขาล้วนเข้าไปในเรือน และมีคนรีบไปยังด้านนอกศาลา พอเห็นก็ร้องตกใจถอยออกไปหลายก้าว ใบหน้าแดงก่ำเซียวหลันยวนที่สวมหน้ากากเงินยืนอยู่ตรงนั้น รู้สึกว่าเลือดทั่วร่างเหมือนโดนน้ำเย็นสาดใส่คนของพวกเขาเห็นฟู่จาวหนิงเข้ามาในหอจันทร์หยาดเพียงแต่ไม่ได้ตามเข้ามาเมื่อครู่ตอนที่พวกเขามาถึงนอกประตูพวกเขาก็แอบส่งสัญญาณมือกัน บ
คนเหล่านี้พอเข้ามาก็พิสูจน์ไปแล้วว่าในนี้คือเซียวเหยีนจิ่ง และคนอื่นๆ ก็พูดกันว่าฟู่จาวหนิงอยู่ด้านในสีหน้าชิงอีขาวซีดไปแล้วเขาตอนนี้อยากจะตีท่านอ๋องให้สลบแล้วพาออกไปเสียจริงถ้าเผื่อ ถ้าเผื่อด้านในเป็นพระชายาจริงๆ เขากังวลว่าท่านอ๋องจะรับการกระตุ้นนี้ไม่ไหวจนกระอักเลือดสดออกมาแน่ๆท่านอ๋องรับการกระตุ้นเช่นนี้ไม่ไหวหรอกแต่ว่าเขาก็รู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่มือของท่านอ๋อง แล้วจะไปตีท่านอ๋องให้สลบได้อย่างไร"ไป"เซียวหลันยวนคำนี้เหมือนลอดออกมาจากไรฟัน"ท่านอ๋อง?"ชิงอีอันที่จริงก็เข้าใจความหมายของเซียวหลันยวนท่านอ๋องทำให้เขาไปหิ้วตัวคนในศาลาออกมาแต่ถ้าเผื่อด้านในเป็นพระชายาจริง แล้วเขาจะกล้าลงมือได้อย่างไร?"ข้าจะเข้าไปเอง"เซียวหลันยวนพอเห็นคนทั้งหมดแข็งทื่ออยู่กับที่ และในศาลายังคงส่งเสียงเช่นนั้นออกมา แจ่มชัดเสียขนาดนี้เขาก้าวเดินออกไปทีละก้าว ทีละก้าว ทีละก้าว เดินตรงไปยังศาลาเซียวหลันยวนรู้สึกว่าดวงตาตนเองเลือนรางขึ้นมา และไม่รู้ว่าเป็นเพราะเลือดพุ่งขึ้นด้านบนหรือไม่ ทำให้เบื้องหน้าของเขาดูเลือนๆ ขึ้นมาเล็กน้อยและตอนนี้เอง จู่ๆ เขาก็พบว่าตนเองก็มีช่วงเวลาที่อ่อนแอ
"ใครก็ได้ มาช่วยกันเร็ว!""ให้ตายเถอะ แม่นางหลี่จริงๆ"ตอนนี้คนของหอจันทร์หยาดล้วนรู้แล้วว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง น่าจะเกิดเรื่องอะไรผิดพลาดขึ้นแล้วพวกเขารีบเก็บกวาดกันมือไม้เป็นระวิง แต่ว่าคนที่ยังไม่ใส่เสื้อผ้าสองคนกลับยังล่อนจ้อนอยู่คนที่นำคนกลุ่มแรกเข้ามาเป็นหญิงสาวที่สวยงามมากคนหนึ่ง และนี่คือเจ้าของหอจันทร์หยาดนั่นเอง ฮูหยินหรงเยว่"อ๋องเจวี้ยน!"นางรีบเดินเข้ามาเบื้องหน้าเซียวหลันยวน คิดจะพูดอะไร แต่เซียวหลันยวนก็ไม่มองนางตรงๆ เลย"อ๋องเจวี้ยน ท่านเอาองครักษ์เงามังกรมาล้อมหอจันทร์หยาดของข้าอย่างไม่มีเหตุผล นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?"เมื่อครู่นี้ เพิ่งจะส่งสัญญาณออกไปครู่เดียว องครักษ์ที่เคร่งขรึมกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาปิดล้อมหอจันทร์หยาดเอาไว้แล้ว"ค้นหาให้ข้า!"เซียวหลันยวนสั่งการออกไป! องครักษ์เงามังกรเหล่านั้นก็พุ่งออกไปทันที ค้นหาในหอจันทร์หยาดขึ้นอย่างรวดเร็ว"อ๋องเจวี้ยน ข้าทางนี้ก็ต้องทำการค้า พิธีพิถันเรื่องความปลอดภัย เงียบสงบ ตอนนี้ในหอยังมีแขกคนสำคัญอีกตั้งมากมาย แล้วท่านทำเช่นนี้จะให้ข้าไปอธิบายกับเหล่าแขกลูกค้าสำคัญอย่างไรกัน?"ฮูหยินหรงเยว่ในใจก็ร้อนรนขึ
เซียวหลัยยวนเชื่อมั่นองครักษ์เงามังกร พวกเขาในเมื่อค้นหาละเอียดแล้ว เว้นเสียแต่จะมีสถานที่ลับมากๆ อยู่ตรงไหนสักที่แต่ว่าเวลาแค่นี้ ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่กินเนื้อสัตว์นี่นา จากที่เขาเข้าใจนาง นางไม่ใช่คนที่อ่อนแอ เป็นไม่ได้ที่จะถูกจับไปขังในช่วงเวลาแค่นี้ดังนั้นตอนนี้ที่หาไม่เจอก็น่าจะไม่ใช่ฮูหยินหรงเยว่เอาตัวนางไปและองครักษ์ที่เขาส่งมาเพื่อจับตาหอจันทร์หยาดตนเองก็เชื่อมั่นมากด้วย ฟู่จาวหนิงถ้าออกไปล่ะก็จะต้องมีคนพบแล้ว คงไม่ถึงกับไม่เห็นตัวแบบนี้ดังนั้น ตอนนี้ฟู่จาวหนิงไปอยู่ที่ไหนกัน?ไม่ใช่แค่เซียวหลันยวนที่รู้สึกแปลกๆ ฮูหยินหรงเยว่เองก็รู้สึกประหลาด นางเองก็ส่งคนมาดูไว้ ก่อนหน้านี้ฟู่จาวหนิงเข้ามาในเรือนนี้แล้วจริงๆตอนที่พวกของซ่งอวิ๋นเหยาออกไปยังส่งสัญญาณมือให้นางอยู่เลย ให้พวกนางเล่นตามแผนการณ์ต่อและตอนที่ซ่งอวิ๋นเหยาพวกนางออกไปก็เห็นว่าฟู่จาวหนิงติดกับแล้ว ยืนยันว่าอยู่ในศาลานี้แล้วตอนนี้คนไปไหน?"ก่อนหน้านี้ใครอยู่ที่นี่?" เซียวหลันยวนถามฮูหยินหรงเยว่ฮูหยินหรงเยว่เดิมทีคิดจะปิดบัง "ก็แขกก่อนหน้านี้น่ะสิ หลังจากแขกออกไปพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เข้ามา จากนั้นคร
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับซ่งอวิ๋นเหยาชิงอีมองเซียวหลันยวนอย่างกังวลแล้วจะทำอย่างไรดี?ซ่งอวิ๋นเหยากับท่านอ๋องเคยมีมิตรภาพวัยเด็กด้วยกันนี่นา ท่านอ๋องยังจำความอบอุ่นที่ซ่งอวิ๋นเหยามอบให้เขาเมื่อครั้งอดีตได้อยู่ก่อนหน้านี้ในเมืองหลวงมีคนนำซ่งอวิ๋นเหยากับท่านอ๋องมาพูดล้อเล่น เข้าใจมาตลอดว่าซ่งอวิ๋นเหยาจะกลายเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านอ๋องเองก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรแต่ตอนนี้ซ่งอวิ๋นเหยากลับเกี่ยวข้องกับเรื่องที่พระชายาหายตัวไป ท่านอ๋องจะทำอย่างไรกัน?"ให้คนจับตาดูไว้""หาคนไปถามเซี่ยซื่อที่บ้านตระกูลหลิน""ขอรับ""คุณหนู"เฉินซานขับรถเข้ามาแล้ว รถเพิ่งจะจอด เสี่ยวเถาก็กระโดดลงมาจากรถม้า สืออีมาประคองตัวนางทันทีถ้าไม่ประคองไว้ ดูท่าเสี่ยวเถาคงได้ขาพลิกแน่สืออีพอเห็นเซียวหลันยวน ก็คารวะทันที"ข้าน้อยสืออี คารวะท่านอ๋อง!"สีหน้าเขาเปลี่ยนไปแล้ว นี่เกิดอะไรขึ้น?เขาปกป้องเสี่ยวเถากับหลินอันห่าวกลับไปหาเซี่ยซื่อ พอกลับมาก็เป็นเช่นนี้ไปแล้วหรือ?สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปบนตัวเขาถูกเขาเหลือบมองมาเช่นนี้ สืออีก็สั่นสะท้านวาบไปทั้งร่าง เขาคุกเข่าลงทันที"ข้าน้อยผิดไปแล้ว! ท่านอ๋องโป
หลังจากที่เซียวหลันยวนเข้ามาก็เดินตรงไปยังศาลาผ่านไปนาน ควันไฟในนี้มอดดับไปแล้ว เขาเข้าไปเดินวนรอบหนึ่งก็ถอยออกมาทันทีฟู่จาวหนิงมองท่าทางของเขา ก็สงสัยว่าเขาน่าจะสังเกตเห็นแล้วว่าในศาลามียาอยู่ไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้ตอนที่เดินเข้ามาในศาลแล้วจะถอยออกไปกะทันหันทำไมกัน?ไร้สีไร้กลิ่น เขาสัมผัสได้นี่ก็ถือว่ายอดเยี่ยมอยู่ น่าจะเพราะเขาป่วยมานาน ติดพิษมาแล้วหลายครั้ง จนทำให้เขารู้สึกไวต่อสิ่งเหล่านี้เดิมทีฟู่จาวหนิงยังคิด ถ้าเข้ารออยู่แต่ในศาลานั่น ถึงตอนนั้นนางต้องมานั่งแก้พิษให้เขาอีกร่างกายอ่อนแออย่างเซียวหลันยวน จริงๆ คือห้ามติดพิษอะไรอีกแล้ว ทำร้ายต่อร่างกายเขาอย่างมากยังดีที่ตัวเขารู้สึกถึง แค่เข้ามาเดินวนรอบหนึ่งก็ออกไปแล้ว เขาเหมือนกับเข้ามาเพื่อยืนยันอะไรสักอย่างเขายังไปค้นหาที่ต่างๆ ในเรือนต่ออีกรอบหนึ่งจากนั้นจึงถอยออกไปฟู่จาวหนิงอดคิดขึ้นไม่ได้ เขาคงไม่ได้เข้ามาหาตัวนางหรอกกระมัง?เป็นห่วงนางขนาดนี้เลยหรือ?นางรีบออกจากห้องเภสัช รีบวิ่งออกจากเรือนนี้ พอคิดๆ ก็ยังไม่เตรียมออกไปทางประตูใหญ่ประตูใหญ่ทางนั้นจะต้องมีคนเฝ้าอยู่แน่ ในเมื่อเซียวหลันยวนยังเข้ามาเลย ตอน
เซียวหลันยวนดึงนางไว้ ใช้กำลังภายในพานางกระโจนออกจากกำแพงเรือน ออกจากหอจันทร์หยาดไป ในนี้เขารู้สึกว่ามันสกปรก ดังนั้นจึงไม่อยากจะให้นางเอาแต่อยู่ในนี้พอคนด้านนอกเห็นพวกเขาออกมา ก็ล้วนเข้ามารรับอย่างยินดีปรีดา"ท่านอ๋อง พระชายา!""พระชายาท่านกลับมาแล้วหรือ?""คุณหนู!" เสี่ยวเถาเองก็รีบโถมตัวเข้ามา แต่พอวิ่งมาถึงด้านหน้าตอนที่เห็นมือของฟู่จาวหนิงถูกอ๋องเจวี้ยนจูงไว้นางก็รีบหยุดเท้าตัวโก่ง ไม่กล้าโถมเข้าไปแล้ว"เอ่อ ข้าไม่เป็นไร"พอเห็นพวกเขาเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกเขินหน่อยๆนางยังเห็นสืออีที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วย สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กๆ "สืออี เจ้าทำอะไรน่ะ?""คุณหนู สืออีบกพร่องในหน้าที่ ทำให้ท่านตกอยู่ในอันตราย สืออีรู้ผิดแล้ว"สืออีคุกเข่าอยู่นานแล้ว ไม่กล้าขยับเขยื้อนเลย"ลุกขึ้นมา"ฟู่จาวหนิงเรียกให้เขาลุกขึ้น แต่สืออียังคงคุกเข่าอยู่"เจ้าบกพร่องในหน้าที่ตรงไหนกัน? เป็นข้าที่ให้เจ้าคุ้มกันน้องสาวข้าออกไป เจ้าก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น เจ้าทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว เจ้าบกพร่องในหน้าที่ตรงไหนกัน?"ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะลงโทษสืออีเช่นนี้ พอเห็นว่าเขายังนั่งนิ่
วันนี้วุ่นวายมาทั้งวัน พอมาถึงจวนอ๋องเจวี้ยน หงจั๋วเฝิ่นซิงทั้งสองคนก็ดีอกดีใจวุ่นวายกันขึ้นมา เตรียมน้ำให้นางอาบ เช็ดผมให้นาง จากนั้นก็เตรียมอาหารค่ำให้พวกเขารอจนฟู่จาวหนิงสวมเสื้อผ้าใหม่กินอาหารค่ำเลิศรสแล้ว ก็ถูกหงจั๋วคลุมเสื้อคลุมตัวหนึ่งลงมาให้"พระชายา อ๋องเจวี้ยนอยู่ในเรือนรอท่านอยู่""รอข้าทำไมกัน?""ไปเดินเล่นย่อยอาหารกระมัง" หงจั๋วเม้มปากยิ้มขึ้นมา "สมัยก่อนท่านอ๋องล้วนเดินอยู่คนเดียว ตอนนี้พระชายาไปเดินเป็นเพื่อนท่านอ๋องด้วยกันได้แล้ว"ไม่สิ หน้าตามีความสุขของเด็กคนนี้มันอะไรกัน?นางแม้จะรู้ว่าการเดินหลังจากกินนั้นดีมาก แต่ว่านางวันนี้เหนื่อยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นจะดูด้วยว่ารีบกลับไปบ้านตระกูลฟู่เพื่อถามเสี่ยวเถาเสียหน่อย ว่าวันนี้หลินอันห่าวกลับไปแล้วเป็นอย่างไรบ้างเซี่ยซื่อจะให้อันห่าวออกมาคนเดียวได้อย่างไรกัน?วันนี้ดูท่าเซี่ยซื่อคงตกอกตกใจมากกระมังแต่ว่านางก็ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ถูกหงจั๋วผลักออกมาจากเรือนแล้วหลังออกมาก็เห็นเซียวหลันยวนคลุมผ้าคลุมผืนหนึ่ง กำลังยืนอยู่ด้านนอก ท่าทางเหมือนกำลังรอนางอยู่จริงๆนางหันหน้ากลับมองหงจั๋วผาดหนึ่ง หงจั๋วเองก็ส่งสัญญาณม
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้
ทางที่ไปแท่นชมดาวค่อนข้างคดเคี้ยว สองข้างทางก็ปลูกต้นเหมยอยู่ไม่น้อย พอถูกแสงจันทร์ส่องกระทบ เงาทอดจากกิ่งไม้ก็นาบไปบนกำแพงขาว ราวกับเป็นภาพหมึกลายน้ำที่เย็นชาภาพหนึ่งรอบด้านนิ่งสงัดเอามากๆหากมีแค่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคนเดียว นางรู้สึกว่าตนเองคงไม่กล้าเดินถนนเส้นนี้ แม้จะไม่ได้มืดครึ้มนัก แต่มันเงียบเกินไปคืนนี้มีแสงจันทร์ยังพอไหว ถ้าหากไม่มีแสงจันทร์ ที่นี่คงจะมืดมากนางกระทั่งเคยได้ยินฮูหยินเฉิงเล่าถึงแท่นชมดาวมาแล้ว ระหว่างทางที่มาเขาโยวชิง พวกนางว่างกันมาก ฮูหยินเฉิงจึงเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับยอดเขาโยวชิงมามากมาย แล้วก็บังเอิญเสียจริง เรื่องของแท่นชมดาวเองก็เล่าให้นางฟังด้วยฮูหยินเฉิงพูดออกมาละเอียดกว่าเซียวหลันยวนเสียอีก ศิษย์คนนั้นไปแท่นชมดาวอย่างไร ทำอะไรบนนั้น แล้วพลัดตกลงไปได้อย่างไร ตกลงมาเป็นอย่างไรบ้าง เล่าออกมาอย่างละเอียดดังนั้นตอนนี้พอคิดถึงว่าต้องไปสถานที่นั้น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจึงรู้สึกหนาวสันหลังขึ้นมานางมองไปยังคู่สามีภรรยาที่เดินเคียงบ่าไหล่ตรงหน้า ฝีเท้าก็ไม่กล้าผ่อนช้าลง แต่รีบเดินตามไปแต่ว่าเซียวหลันยวนก็ไม่ให้นางตามมาใกล้นัก แต่พอนางเข้ามาใกล้หน่อย เ
กลางดึกทั้งยอดเขาโยวชิงถูกปกคลุมไปด้วยแสงจันทร์เย็นเยียบพอเดินออกมาเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นดาวถร่างเต็มฟ้า ส่องแสงระยิบระวับ ทั้งสว่างทั้งใหญ๋เพราะยอดเขาโยวชิงอยู่สูง เหมือนใกล้ชิดท้องฟ้ามากอย่างไรอย่างนั้น ดวงดาวเหล่านั้นก็ราวกับอยู่ตรงหน้า ยื่นมือไปเด็ดลงมาได้เลยแสงจันทร์สว่างไสว สายตาของพวกฟู่จาวหนิงเดิมทีก็ดีมากอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องถือตะเกียงก็มองเห็นทางได้ชัดเจนเซียวหลันยวนจูงมือฟู่จาวหนิงอารามโยวชิงเองก็เงียบมาก ในที่แบบนี้แค่แมลงร้องก็ยังได้ยินสายลมกลางคืนพัดเข้ามา ได้กลิ่นเครื่องหอมในอาราม เสียงฝีเท้าการเดินของพวกเขาดังขึ้นอย่างชัดเจนในกลางดึกนี้ฟู่จาวหนิงพอนึกถึงสิบกว่าปีก่อนเซียวหลันยวนพักอยู่ในสถานที่หนาวเย็นแบบนี้ ผ่านไปทีละวันทีละคืน ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ "แต่ก่อนตอนที่ท่านอยุ่ที่นี่ อยากจะลงเขากลับเมืองหลวงบ้างไหม?"สำหรับเด็กอายุสิบกว่าขวบคนหนึ่ง ความคึกคักทางโลกก็มีแรงดึงดูดมากอยู่กระมัง เขาเองก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นมาก่อน การออกจากในเมืองหลวงที่คึกคักมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ ความรู้สึกมันแตกต่างกันมากเกินไปแล้วยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีใครมาอยู่คุยกับเขา เ
ถึงตอนนั้นถ้ามีใครไม่เจียมตัว เขาจะลงมือเอง ไม่มีเกรงใจ"ขอแค่ศิษย์น้องหญิงออกไปตรวจได้ วัตถุดิบยาทุกอย่างบนเขาชิงถง ศิษย์น้องเลือกขุดได้ตามสะดวกทุกเวลาเลย ขอแค่ศิษย์น้องหญิงต้องการ ส่งจดหมายหาข้าได้ ข้าจะจัดการส่งคนออกไปหาไปขุดวัตถุดิบยามาให้"ถังอู๋เจวี้ยนหยิบป้ายตราชิ้นหนึ่งออกมาจากในอก ยื่นส่งมาตรงหน้าฟู่จาวหนิง"ป้ายตรานี้เจ้าเก็บเอาไว้ เห็นป้ายตรานี้ก็เหมือนเจอข้า หลังจากนี้ถ้าเจอคนเขาชิงถงข้างนอก เจ้าก็หยิบป้ายตรานี้มาสั่งพวกเขาทำงานได้เลย"ถังอู๋เจวี้ยนก็จริงใจพอเหมือนกันเขาเองก็ไม่ได้ปิดบังอะไร พูดออกมาตรงๆว่านางกับลุงของเขามีความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์กัน ดังนั้นคนตระกูลถังจึงถือว่านางเป็นพวกเดียวกัน"ถ้าไปถึงเขาชิงถง เหล่าผู้อาวุโสก็คงจะมอบของขวัญต้อนรับเจ้า ถึงตอนนั้นเจ้าเก็บไว้ก็พอแล้ว อย่างเกรงใจกับพวกเขาเด็ดขาด" ถังอู๋เจวี้ยนบอกกับฟู่จาวหนิงผู้อาวุโสพวกนั้นของเขาชิงถง ของดีดีในมือมีอยู่ไม่น้อย แต่ละคนรวยล้นฟ้ากันทั้งนั้นเขาออกมาครั้งนี้ ก็เอาคำกำชับของพวกเขามาด้วย ผู้อาวุโสเหล่านั้นให้เขาคอยสังเกตนิสัยของฟู่จาวหนิงเดิมทีถังอู๋เจวี้ยนรู้สึกว่าตนเองอาจจะไม่ชอบฟู่
ฟู่จาวหนิงนิ่งงันไปครู่หนึ่งนางพบว่า คนเหล่านี้น่าจะเกี่ยวข้องกับนางอยู่บ้างไม่มากก็น้อยน่าจะเพราะแบบนี้ นางถึงได้มาถึงที่นี่?"ขอถามหน่อยนะ น้องชายท่านตอนนี้อายุเท่าไรแล้ว?" ความสนใจของนางยังคงอยู่บนตัวคนไข้"ยี่สิบพอดี" ถังอู๋เจวี้ยนชะงักไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยต่อว่า "ส่วนข้ายี่สิบสี่""ไม่ได้ถามเจ้า" เซียวหลันยวนตอบเขามาคำถังอู๋เจวี้ยนหัวเรา แต่รอยยิ้มนี้ดูขมขื่นหน่อยๆ"ถ้าหากพวกเจ้าเห็นน้องชายข้า จะต้องมองไม่ออกแน่ เขาเด็กกว่าข้าสี่ปี แต่ภายนอกดูแล้วเหมือนโตกว่าข้าสิบปีเลย ถ้าโรคนี้ไม่ได้รับการยับยั้งบรรเทาลง เขาคงจะแก่อย่างรวดเร็วต่อไปแน่"และเท่ากับเขาเดินเข้าหาความตายไวขึ้นคำนี้เขาทนพูดออกมาไม่ได้ แต่ฟู่จาวหนิงรู้ตอนนี้นางกำลังคิด เพื่อนออนไลน์ถังอู๋เจวี้ยนในอดีตจู่ๆ ก็หายตัวไปไม่ออนไลน์ จะเป็นเพราะแก่ชราลงอย่างรวดเร็วจนถึงบั้นปลายชีวิตหรือเปล่านะ?โรคแก่ชราอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนนางก็เคยเข้าใจมาบ้าง และเคยมีการค้นคว้าไว้บ้าง แต่ถังอู๋เจวี้ยนสุดท้ายก็อยู่ไม่ถึงฟู่จาวหนิงตอนนั้นเองก็ขาดวัตถุดิบยาอยู่ไม่น้อยนางเตรียมใช้การผสานกันของจีนและตะวันตก แต่ในตัวยาของจีน มีวัต