ฟู่จาวหนิงมองหลินอันห่าวตรงหน้า รู้สึกว่าไฟโกรธในใจก็พุ่งขึ้นไปเหนือศีรษะเสียแล้วนางโกรธมากเพราะหลินอันห่าวตอนนี้ใส่ชุดกระโปรงผ้าบางทั้งตัว กระโปรงสีชมพูท้อ ด้านนอกมีผ้าขาวบางเหมือนปีกจักจั่นคลุมอยุ่ ชายกระโปรงด้านหนึ่งเปิดเป็นช่อง ผ่าขึ้นมาถึงต้นขา ด้านในมีผ้าบางอีกชั้น หัวไหล่ท่อนแขน ครึ่งหน้าอก ต้นขาล้วนมองเห็นอย่างชัดเจนนางเท้าเปลือยเปล่า บนเท้าเปล่ายังมีเชือกแดงผูกกระดิ่งเอาไว้แม้สายตากับสีหน้าของหลินอันห่าวจะไร้เดียงสา แต่ใบหน้านางกลับถูกแต่งแต้ม แล้วยังมีไฝสีแดงที่หางตานางด้วยและมีดอกโบตั๋นสีแดงสอดอยู่ที่บริเวณขมับนางด้วยดอกหนึ่ง ที่หูมีต่างหูดอกโบตั๋นแบบเดียวกันห้อยอยู่ ริมฝีปากทาจนแดงแจ๋นี่เป็นชุดของพวกนางคณิกาอย่างชัดเจน พอขับกับความไร้เดียงสาบริสุทธิ์ของนาง ก็มีความขัดแย้งที่ยากจะพรรณนาได้ออกมาฟู่จาวหนิงรู้ ว่าจะต้องมีพวกผู้ชายใจคดบางส่วน ชื่นชอบเด็กสาวเช่นนี้แน่นอนเพียงแต่ หลินอันห่าวนางเพิ่งจะอายุสิบสองสิบสามปี!อาการป่วยของนาง จิตใจของนางก็เพิ่งจะสี่ห้าขวบเท่านั้น!ไม่ว่าจะร่างกายหรือว่าจิตใจ นางยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง!คนที่พานางมาที่นี่ แต่งตัวนางจนมีสภ
ฟู่จาวหนิงพ่นคำพูดที่ไม่เกรงใจแม้แต่น้อยออกมาเฮือก!ซ่งอวิ๋นเหยาเกือบจะสำลัก สายตาของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อง มองไปทางซ่งหยวนหลินหยวนหลินบอกกับนางว่าฟู่จาวหนิงตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว นางเดิมทีคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร แต่พอฟู่จาวหนิงพูดมาเช่นนี้ก็ทำให้นางรู้สึกทันทีว่าฟู่จาวหนิงไม่เหมือนเดิมนี่มันคำหยาบที่หญิงสาวคนไหนพูดออกมากัน?นางเป็นถึงพระชายาอ๋องเจวี้ยนเลยนะ ทำไมถึงพูดคำหยาบคายเช่นนี้ออกมา?"ข้าเห็นแม่นางหลินอยู่ที่ริมบ่อน้ำแห่งหนึ่ง ตอนนั้นนางกำลังเล่นน้ำ เสื้อผ้าเองก็เปียกปอนไปหมด แล้วยังบอกไม่ถูกด้วยว่าบ้านของนางอยู่ที่ไหน ตอนนั้นข้างกายนางเองก็ไม่มีใครเลย ข้าจึงไม่มีทางเลือก ถึงต้องหานางกลับมาที่นี่"ซ่งอวิ๋นเหยาพูดออกมาอย่างอ่อนโยน"เพียงแต่เวลาแค่นี้จึงหาชุดที่เหมาะกับตัวนางไม่ได้ ดังนั้นจึงให้นางเปลี่ยนเป็นชุดนี้ คิดไม่ถึงว่าแม่นางหลินจะชอบชุดนี้มาก หลังจากใส่แล้วก็ฮัมเพลงออกมา ข้ากลัวว่านางกลัวว่าอยู่ที่นี่นางจะไม่คุ้นเคยแล้วก็หวาดกลัว ดังนั้นจึงร้องบอกนางว่าให้นางร้องเพลงให้จบท่านก็จะมารับนางไป"ซ่งอวิ๋นเหยา พูดถึงตรงนี้ก็ยังมีรอยยิ้มเชิงขอโทษ"เดิมทีข้าคิดจะนัดท่านออกมาพ
มือของซ่งหยวนหลินกำผ้าเช็ดมือจนแทบจะจิกนิ้วตนเองเจ็บอยู่แล้วนางเองก็อดทนเอาไว้อย่างเต็มที่ท่าทีที่ยกเข้ามาแต่เดิม จะมาถูกฟู่จาวหนิงทำให้โมโหจนพังไม่ได้"ฟู่จาวหนิง!"ซ่งหยวนหลินกลับร้องขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ฟู่จาวหนิงไม่สนใจนาง จากนั้นก็พูดต่อ ยกมุมปากยิ้ม "ผลลัพธ์ท่านลองเดาดูสิ? ยวนยวนของข้าบอกว่า เขาจำหน้าตาของซ่งอวิ๋นเหยาไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ เอาที่ไหนมาพูดว่าความสัมพันธ์เก่า? ที่เจอกันครั้งที่แล้ว เขายังเป็นเด็กอยู่เลย ซ่งอวิ๋นเหยาเองก็ยังเป็นแค่ถั่วงอกอยู่เลย ความสัมพันธ์เก่าหรือ?"ฟู่จาวหนิงชะงักไปครู่หนึ่ง หัวเราะขึ้นมาคำหนึ่ง "ความสัมพันธ์เก่าบ้าบ้อ""ฟู่จาวหนิง!"ซ่งหยวนหลินโมโหจนไฟสุมหัวอ๊าๆๆ น่าโมโหเหลือเกิน! ฟู่จาวหนิงทำไมพูดจาแบบนี้ นางทำไมถึงพูดจาแบบนี้!ไฟโกรธนี้ข่มไม่ลงเอาเสียเลยซ่งอวิ๋นเหยากัดเหงือกแน่น โมโหจนข้างหน้ามืดมัวไปหมดไม่ได้ นางจะต้องทนไว้แต่ว่า ถั่วงอก? ความสัมพันธ์เก่าบ้าบอ?นางเป็นถั่วงอก?นางไม่เชื่อว่าเซียวหลันยวนจะพูดเช่นนี้!ฟู่จาวหนิงเองก็ทำให้นางโมโหจนสมองขาวโพลนไปแล้ว ทำให้นางลืมไปเลยว่าจะก้าวต่อไปอย่างไร"ข้าเชื่อยวนยวนของข้านะ ถึ
หลินอันห่าวพูดซ้ำที่นางบอกมาอีกครั้งอย่างว่าง่าย"ใช่แล้ว พูดแบบนี้เลย เสี่ยวเถาเจ้ารู้จักใช่ไหม?""ใช่"ฟู่จาวหนิงยืนขึ้นมา ตะโกนเรียกไปด้านนอก"เสี่ยวเถาเข้ามา"เสี่ยวเถารีบวิ่งเข้ามา"ส่งอันห่าวไปอยู่ข้างกายน้าสะใภ้รองด้วย บอกไปว่าไม่มีอะไร ไม่ต้องให้นางกังวลมาก กลับไปแล้วข้าจะบอกนางอีกที" ฟู่จาวหนิงดึงหลินอันห่าว เอ่ยเสียงต่ำกับเสี่ยวเถาเสี่ยวเถาพอเห็นเครื่องสำอางบนหน้าหลินอันห่าวก็บื้อตึงไปแล้ว พอได้ยินคำของนางก็พยักหน้าอย่าเร่งร้อน"คุณหนู แล้วท่าน"คุณหนูอยู่ที่นี่จะมีปัญหาไหม?"ไม่เป็นไร ไปเถอะ"เสี่ยวเถาดึงหลินอันห่าวจะเดินออกไป ซ่งอวิ๋นเหยาตอนนี้จึงได้สติกลับมา "ห้ามไป!"นางเกือบจะถูกฟู่จาวหนิงลงไพ่ไม่ตรงหลักจนวุ่นวายไปหมดแล้ว ตั้งสติกลับมาไม่ทัน"เสี่ยวเถา พาอันห่าวออกไป"ฟู่จาวหนิงไม่สนใจนาง เอ่ยกับด้านนอกว่า "สืออี ปกป้องพวกนางออกไปด้วย ถ้าใครขวางก็สังหารทิ้งเสีย"ด้านนอก สืออีส่งเสียงเย็นขรึมเข้ามา"ขอรับ พระชายา"พระชายาคำเรียกนี้ ซัดลงไปบนหัวใจซ่งอวิ๋นเหยาทันที หน้าของนางขาวซีดไปนางจะต้องสัมผัสได้อย่างชัดเจนแล้วแน่ว่าตำแหน่งพระชายาอ๋องเจวี้ยนนั้นมีคน
"ข้ารู้เรื่องที่ฟู่หลินซื่อทำำกับอ๋องเจวี้ยนไว้ในอดีต ดังนั้นอ๋องเจวี้ยนตกลงแต่งงานกับเจ้า จะต้องไม่ได้อยากให้เจ้าเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนจริงๆ แน่ ข้ารู้สึกว่าเขาน่าจะมีแผนอะไรอยู่"ตอนที่ซ่งอวิ๋นเหยาพูดกับฟู่จาวหนิง ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเป็นเช่นนี้ ซ่งอวิ๋นเหยาน่าจะไม่ได้พูดโกหก และไม่ได้พูดเกินจริงด้วย นางน่าจะมีเส้นสายอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้ก็คงจะยอมช่วยตรวจสอบเรื่องอะไรบางอย่างแทนนางจริงๆนางเพิ่งกลับมาไม่กี่วัน ก็ตรวจสอบได้มากขนาดนี้ เห็นได้ว่าซ่งอวิ๋นเหยาก็ไม่ใช่คนโง่ยิ่งไปกว่านั้น นางเองก็ยังเดาถูกถึงความคดของเซียวหลันยวนด้วย"ข้าอยากจะเตือนเจ้าอย่างจริงใจคำหนึ่ง อย่าคาดหวังอะไรจากอ๋องเจวี้ยน"ซ่งอวิ๋นเหยาพูดถึงจุดนี้อารมณ์ของตนเองก็จัดระเบียบเรียบร้อย เมื่อครู่ถูกฟู่จาวหนิงทำให้โมโหจัด ตอนนี้นางสามารถทำตัวเป็นพี่สาวที่รู้ใจได้แล้ว เหมือนกับคิดแทนฟู่จาวหนิงอย่างไรอย่างนั้นสำหรับจุดนี้ ฟู่จาวหนิงเองก็ยังรู้สึกนับถืออยู่ยิ่งไปกว่านั้นซ่งอวิ๋นเหยายังไม่ยอมให้ซ่งหยวนหลินโมโหเป็นฟืนไฟอีกครั้งด้วย"พวกเราแค่วิเคราะห์ความคิดของอ๋องเจวี้ยนนิดหน่อยก็รู้แล้ว ห
หลังจากตรวจสอบถึงจุดนี้ซ่งอวิ๋นเหยาก็รู้สึกว่าไม่น่าเชื่อจริงๆนางเคยพบกับเซียวเหยียนจิ่ง และเคยพบกับหลี่จื่อเหยา เพราะว่าสองคนนี้พูดได้ว่าเข้าใจตัวฟู่จาวหนิงมากที่สุดแต่เซียวเหยียนจิ่งกับหลี่จื่อเหยาล้วนบอกว่า ฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้มองไม่ออกเลยว่าแกล้งทำตัวไม่ได้เรื่อง!ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะมองอย่างไร ฟู่จาวหนิงก็เป็นคนที่ไม่มีความรู้ไม่มีวิชา ไม่เหมือนกับเสแสร้งทำตัวด้วยดังนั้นพวกเขาหลายคนหารือกันนานก็ยังไม่ได้ข้อสรุปเซียวเหยียนจิงค่อนข้างคิดไปว่าเบื้องหลังฟู่จาวหนิงจะต้องมีใครคอยสอนนางแน่ คนระดับปรมาจารย์อะไรแบบนั้น ซ่งอวิ๋นเหยาคิดๆ แล้วนี่ก็เป็นไปได้มากถึงอย่างไรขนาดอ๋องเจวี้ยนนางก็ยังปีนขึ้นไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้ผู้อาวุโสจี้รับนางเป็นศิษย์ได้อีก ถ้าจะพบคนที่ลึกลับอยู่เบื้องหลังนางอีกก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้แต่ว่าคนผู้นี้เป็นใครกัน?ซ่งอวิ๋นเหยารู้สึกว่าอาจจะมีความเป็นไปได้หนึ่ง นั่นก็คือคุณชายฟู่กับฟู่หลินซื่อกลับมาแล้วพ่อของฟู่จาวหนิง ขนาดซ่งอวิ๋นเหยาเองก็ยังเคยได้ยินชื่อเสียงเขามา นั่นก็เป็นยอดคนคนหนึ่งจริงๆครั้งนั้นถ้าไม่ใช่ฟู่หลินซื่อเกิดเรื่อง ไม่แน่ว่าตอ
"ให้ข้าจากไปเอง?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่ดังนั้นนี่คือความคิดของซ่งอวิ๋นเหยาหรือ?"แน่นอน ข้ารู้ เจ้าเองกว่าจะได้มาเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน คิดว่าข้าจะให้เจ้าปล่อยวางไปเปล่าๆ หรือ ดังนั้น ข้าจะให้ของที่ดีกว่ากับเจ้า"ซ่งอวิ๋นเหยาหันข้างเข้าหานาง กระซิบเสียงต่ำ "ตระกูลฟู่ของเจ้าในแคว้นเจาตอนนี้เป็นแค่ตระกูลตกอับ ยิ่งไปกว่านั้นสมัยก่อนเจ้าเองก็ทำเรื่องน่าขำเรื่องโง่เง่าไปไม่น้อย ในแคว้นเจา อันที่จริงเจ้าอยู่อย่างนี้ต่อไปก็ไม่มีความหมาย ข้าสามารถให้เจ้าไปที่ต้าชื่อ แล้วให้ต้าชื่อเปลี่ยนตัวตนฐานะให้เจ้าได้เริ่มใหม่""เจ้าสามารถเป็นสตรีชั้นสูงที่รู้จักคุ้นเคยกระทั่งองค์รัชทายาท เบียดตัวเข้าวงคนชั้นสูง ใช้วิชาแพทย์ของเจ้าจุดนี้ ข้าสามารถช่วยเจ้ากลายเป็นเหมือนปลาได้น้ำในกลุ่มคุณหนูฮูหยินกระทั่งกลุ่มองค์หญิงท่านหญิงได้เลย ถึงตอนนั้นตัวตนฐานะของเจ้าจะแตกต่างจากตอนนี้แล้ว""แล้วก็ ข้ายังสามารถใช้เส้นสายทั้งหมดช่วยเจ้าตามหาพ่อแม่ ให้บ้านพวกเจ้ากลับมารวมกันอีกครั้งได้"พูดถึงคำนี้ ซ่งอวิ๋นเหยายังจ้องเขม็งที่ฟู่จาวหนิง สังเกตสีหน้าของนางดูว่าตอนที่พูดถึงพ่อแม่ของนาง ฟู่จาวหนิงจ
"วันนี้แค่เจ้าพักในหอจันทร์หยาดนี้สักคืน อ๋องเจวี้ยนจะยอมรับคำขอหย่าจากเจ้าเอง"ที่แท้นี่คือเป้าหมายหลักของนางสินะให้นางค้างคืนที่หอจันทร์หยาดนี้คืนหนึ่งหรือ?ดูแล้วถ้านางรับปากจริง วันนี้ตอนกลางคืนหอจันทร์หยาดแห่งนี้น่าจะมีเรื่องอะไรรอนางอยู่สินะ"ข้ารู้สึกว่า แผนการนี้ของเจ้าเดิมทีก็ดูดีมากอยู่" ฟุ่จาวหนิงจู่ๆ ก็ยิ้มขึ้นมา"เดิมที?""ถูกต้อง เดิมทีก็ดูดีมากอยู่ เพียงแต่ข้าคิดไม่เข้าใจ ทำไมเจ้าต้องดึงอันห่าวเข้ามา"ฟู่จาวหนิงคิดจุดนี้ไม่เข้าใจซ่งอวิ๋นเหยางงงัน"ข้ามาเจอหลินอันห่าวอย่างบังเอิญจริงๆ และช่วยเหลือนางไว้พอดี แน่นอน หลังจากพานางมาที่หอจันทร์หยาดข้าก็เพิ่งนึกออกว่าสามารถใช้นางเพื่อให้เจ้ามาตามนัดได้เร็วขึ้น ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะไม่มาก็ได้นี่?"ฟู่จาวหนิงพอได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็รู้ว่านางไม่ได้พูดความจริงจนกระทั่งนางค่อยๆ รู้สึกว่าร่างกายตนเองเริ่มร้อน ฟู่จาวหนิงถึงนึกออก ซ่งอวิ๋นเหยายังมีวิธีการมากกว่าที่นางคิดเอาไว้สายตานางกวาดไปยังเตาเหล่านั้นเมื่อครู่ตอนที่เพิ่งเข้ามานางก็ลองดมดูอย่างละเอียดแล้ว ในนี่ไม่มีกลิ่นหอมประหลาดอะไรแต่ว่าตอนนี้นางพบว่าหลังจากที่น
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้
ทางที่ไปแท่นชมดาวค่อนข้างคดเคี้ยว สองข้างทางก็ปลูกต้นเหมยอยู่ไม่น้อย พอถูกแสงจันทร์ส่องกระทบ เงาทอดจากกิ่งไม้ก็นาบไปบนกำแพงขาว ราวกับเป็นภาพหมึกลายน้ำที่เย็นชาภาพหนึ่งรอบด้านนิ่งสงัดเอามากๆหากมีแค่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคนเดียว นางรู้สึกว่าตนเองคงไม่กล้าเดินถนนเส้นนี้ แม้จะไม่ได้มืดครึ้มนัก แต่มันเงียบเกินไปคืนนี้มีแสงจันทร์ยังพอไหว ถ้าหากไม่มีแสงจันทร์ ที่นี่คงจะมืดมากนางกระทั่งเคยได้ยินฮูหยินเฉิงเล่าถึงแท่นชมดาวมาแล้ว ระหว่างทางที่มาเขาโยวชิง พวกนางว่างกันมาก ฮูหยินเฉิงจึงเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับยอดเขาโยวชิงมามากมาย แล้วก็บังเอิญเสียจริง เรื่องของแท่นชมดาวเองก็เล่าให้นางฟังด้วยฮูหยินเฉิงพูดออกมาละเอียดกว่าเซียวหลันยวนเสียอีก ศิษย์คนนั้นไปแท่นชมดาวอย่างไร ทำอะไรบนนั้น แล้วพลัดตกลงไปได้อย่างไร ตกลงมาเป็นอย่างไรบ้าง เล่าออกมาอย่างละเอียดดังนั้นตอนนี้พอคิดถึงว่าต้องไปสถานที่นั้น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจึงรู้สึกหนาวสันหลังขึ้นมานางมองไปยังคู่สามีภรรยาที่เดินเคียงบ่าไหล่ตรงหน้า ฝีเท้าก็ไม่กล้าผ่อนช้าลง แต่รีบเดินตามไปแต่ว่าเซียวหลันยวนก็ไม่ให้นางตามมาใกล้นัก แต่พอนางเข้ามาใกล้หน่อย เ
กลางดึกทั้งยอดเขาโยวชิงถูกปกคลุมไปด้วยแสงจันทร์เย็นเยียบพอเดินออกมาเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นดาวถร่างเต็มฟ้า ส่องแสงระยิบระวับ ทั้งสว่างทั้งใหญ๋เพราะยอดเขาโยวชิงอยู่สูง เหมือนใกล้ชิดท้องฟ้ามากอย่างไรอย่างนั้น ดวงดาวเหล่านั้นก็ราวกับอยู่ตรงหน้า ยื่นมือไปเด็ดลงมาได้เลยแสงจันทร์สว่างไสว สายตาของพวกฟู่จาวหนิงเดิมทีก็ดีมากอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องถือตะเกียงก็มองเห็นทางได้ชัดเจนเซียวหลันยวนจูงมือฟู่จาวหนิงอารามโยวชิงเองก็เงียบมาก ในที่แบบนี้แค่แมลงร้องก็ยังได้ยินสายลมกลางคืนพัดเข้ามา ได้กลิ่นเครื่องหอมในอาราม เสียงฝีเท้าการเดินของพวกเขาดังขึ้นอย่างชัดเจนในกลางดึกนี้ฟู่จาวหนิงพอนึกถึงสิบกว่าปีก่อนเซียวหลันยวนพักอยู่ในสถานที่หนาวเย็นแบบนี้ ผ่านไปทีละวันทีละคืน ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ "แต่ก่อนตอนที่ท่านอยุ่ที่นี่ อยากจะลงเขากลับเมืองหลวงบ้างไหม?"สำหรับเด็กอายุสิบกว่าขวบคนหนึ่ง ความคึกคักทางโลกก็มีแรงดึงดูดมากอยู่กระมัง เขาเองก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นมาก่อน การออกจากในเมืองหลวงที่คึกคักมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ ความรู้สึกมันแตกต่างกันมากเกินไปแล้วยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีใครมาอยู่คุยกับเขา เ
ถึงตอนนั้นถ้ามีใครไม่เจียมตัว เขาจะลงมือเอง ไม่มีเกรงใจ"ขอแค่ศิษย์น้องหญิงออกไปตรวจได้ วัตถุดิบยาทุกอย่างบนเขาชิงถง ศิษย์น้องเลือกขุดได้ตามสะดวกทุกเวลาเลย ขอแค่ศิษย์น้องหญิงต้องการ ส่งจดหมายหาข้าได้ ข้าจะจัดการส่งคนออกไปหาไปขุดวัตถุดิบยามาให้"ถังอู๋เจวี้ยนหยิบป้ายตราชิ้นหนึ่งออกมาจากในอก ยื่นส่งมาตรงหน้าฟู่จาวหนิง"ป้ายตรานี้เจ้าเก็บเอาไว้ เห็นป้ายตรานี้ก็เหมือนเจอข้า หลังจากนี้ถ้าเจอคนเขาชิงถงข้างนอก เจ้าก็หยิบป้ายตรานี้มาสั่งพวกเขาทำงานได้เลย"ถังอู๋เจวี้ยนก็จริงใจพอเหมือนกันเขาเองก็ไม่ได้ปิดบังอะไร พูดออกมาตรงๆว่านางกับลุงของเขามีความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์กัน ดังนั้นคนตระกูลถังจึงถือว่านางเป็นพวกเดียวกัน"ถ้าไปถึงเขาชิงถง เหล่าผู้อาวุโสก็คงจะมอบของขวัญต้อนรับเจ้า ถึงตอนนั้นเจ้าเก็บไว้ก็พอแล้ว อย่างเกรงใจกับพวกเขาเด็ดขาด" ถังอู๋เจวี้ยนบอกกับฟู่จาวหนิงผู้อาวุโสพวกนั้นของเขาชิงถง ของดีดีในมือมีอยู่ไม่น้อย แต่ละคนรวยล้นฟ้ากันทั้งนั้นเขาออกมาครั้งนี้ ก็เอาคำกำชับของพวกเขามาด้วย ผู้อาวุโสเหล่านั้นให้เขาคอยสังเกตนิสัยของฟู่จาวหนิงเดิมทีถังอู๋เจวี้ยนรู้สึกว่าตนเองอาจจะไม่ชอบฟู่
ฟู่จาวหนิงนิ่งงันไปครู่หนึ่งนางพบว่า คนเหล่านี้น่าจะเกี่ยวข้องกับนางอยู่บ้างไม่มากก็น้อยน่าจะเพราะแบบนี้ นางถึงได้มาถึงที่นี่?"ขอถามหน่อยนะ น้องชายท่านตอนนี้อายุเท่าไรแล้ว?" ความสนใจของนางยังคงอยู่บนตัวคนไข้"ยี่สิบพอดี" ถังอู๋เจวี้ยนชะงักไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยต่อว่า "ส่วนข้ายี่สิบสี่""ไม่ได้ถามเจ้า" เซียวหลันยวนตอบเขามาคำถังอู๋เจวี้ยนหัวเรา แต่รอยยิ้มนี้ดูขมขื่นหน่อยๆ"ถ้าหากพวกเจ้าเห็นน้องชายข้า จะต้องมองไม่ออกแน่ เขาเด็กกว่าข้าสี่ปี แต่ภายนอกดูแล้วเหมือนโตกว่าข้าสิบปีเลย ถ้าโรคนี้ไม่ได้รับการยับยั้งบรรเทาลง เขาคงจะแก่อย่างรวดเร็วต่อไปแน่"และเท่ากับเขาเดินเข้าหาความตายไวขึ้นคำนี้เขาทนพูดออกมาไม่ได้ แต่ฟู่จาวหนิงรู้ตอนนี้นางกำลังคิด เพื่อนออนไลน์ถังอู๋เจวี้ยนในอดีตจู่ๆ ก็หายตัวไปไม่ออนไลน์ จะเป็นเพราะแก่ชราลงอย่างรวดเร็วจนถึงบั้นปลายชีวิตหรือเปล่านะ?โรคแก่ชราอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนนางก็เคยเข้าใจมาบ้าง และเคยมีการค้นคว้าไว้บ้าง แต่ถังอู๋เจวี้ยนสุดท้ายก็อยู่ไม่ถึงฟู่จาวหนิงตอนนั้นเองก็ขาดวัตถุดิบยาอยู่ไม่น้อยนางเตรียมใช้การผสานกันของจีนและตะวันตก แต่ในตัวยาของจีน มีวัต