"วันนี้แค่เจ้าพักในหอจันทร์หยาดนี้สักคืน อ๋องเจวี้ยนจะยอมรับคำขอหย่าจากเจ้าเอง"ที่แท้นี่คือเป้าหมายหลักของนางสินะให้นางค้างคืนที่หอจันทร์หยาดนี้คืนหนึ่งหรือ?ดูแล้วถ้านางรับปากจริง วันนี้ตอนกลางคืนหอจันทร์หยาดแห่งนี้น่าจะมีเรื่องอะไรรอนางอยู่สินะ"ข้ารู้สึกว่า แผนการนี้ของเจ้าเดิมทีก็ดูดีมากอยู่" ฟุ่จาวหนิงจู่ๆ ก็ยิ้มขึ้นมา"เดิมที?""ถูกต้อง เดิมทีก็ดูดีมากอยู่ เพียงแต่ข้าคิดไม่เข้าใจ ทำไมเจ้าต้องดึงอันห่าวเข้ามา"ฟู่จาวหนิงคิดจุดนี้ไม่เข้าใจซ่งอวิ๋นเหยางงงัน"ข้ามาเจอหลินอันห่าวอย่างบังเอิญจริงๆ และช่วยเหลือนางไว้พอดี แน่นอน หลังจากพานางมาที่หอจันทร์หยาดข้าก็เพิ่งนึกออกว่าสามารถใช้นางเพื่อให้เจ้ามาตามนัดได้เร็วขึ้น ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะไม่มาก็ได้นี่?"ฟู่จาวหนิงพอได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็รู้ว่านางไม่ได้พูดความจริงจนกระทั่งนางค่อยๆ รู้สึกว่าร่างกายตนเองเริ่มร้อน ฟู่จาวหนิงถึงนึกออก ซ่งอวิ๋นเหยายังมีวิธีการมากกว่าที่นางคิดเอาไว้สายตานางกวาดไปยังเตาเหล่านั้นเมื่อครู่ตอนที่เพิ่งเข้ามานางก็ลองดมดูอย่างละเอียดแล้ว ในนี่ไม่มีกลิ่นหอมประหลาดอะไรแต่ว่าตอนนี้นางพบว่าหลังจากที่น
ซ่งอวิ๋นเหยาตรวจสอบเรื่องมาไม่น้อยเลยอย่างคนที่ตระกูลฟู่ค่อนข้างให้ความสำคัญในตอนนี้ หรือก็คือเซี่ยซือฮูหยินรองหลินกับลูกสาวของนางหลินอันห่าวนี่เรื่องมาจากก่อนหน้าพิธีเดิมพันโอสถ เซี่ยซื่อพาหลินอันห่าวไปบ้านตระกูลฟู่รอบหนึ่งและครั้งนั้นหมอเฉียนก็ยังส่งคนไปลงมือกับหลินอันห่าวอย่างไม่ยอมปล่อยวางอีกด้วย จนเรื่องราวบานปลายใหญ่โต ต่อมาตอนพิธีเดิมพันโอสถ ฟู่จาวหนิงก็จับจ้องไปยังหมอเฉียนอยู่พักหนึ่งซ่งอวิ๋นเหยาส่งคนไปตรวจสอบ และตรวจสอบเรื่องนี้มาได้ หมอเฉียนยังพูดว่าฟู่จาวหนิงเพ่งเล็งเขาโดยเฉพาะเพราะเรื่องนั้นประโยคนี้ ซ่งอวิ๋นเหยาจดจำไว้ในใจที่ทำให้ฟู่จาวหนิงเพ่งเล็งไปยังหมอเฉียนหมอหม่าได้ นี่ก็อธิบายได้ว่านางเป็นห่วงเซี่ยซื่อกับหลินอันห่าวมากผู้เฒ่าฟู่อยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหน ยิ่งไปกว่านั้นนางยังให้คนไปตรวจสอบออกี ว่าบ้านตระกูลฟู่มีกี่คนที่คอยคุ้มกัน ดังนั้นจึงไม่สามารถดึงผู้เฒ่าฟู่ออกมา ไม่อาจลงมือกับพวกเขาได้เช่นนั้นนางก็ต้องพุ่งไปที่หลินอันห่าวเท่านั้นแล้วและตามคาด ฟู่จาวหนิงพอเห็นหลินอันห่าวถูกแต่งตัวเป็นเหมือนนางคณิกา ก็โมโหจนปอดแทบฉีกต่อให้นางดูแล้วเหมือนจะควบคุมไว
สาเหตุที่ตอนนี้ยังไม่ไปแต่ยังอยู่ที่นี่ เพราะอยากจะเห็นว่าซ่งอวิ๋นเหยาถัดจากนี้เตรียมแผนอะไรไว้"หลิงเล่อ"เสียงหนึ่งดังเข้ามาแต่ไกลฟู่จาวหนิงพอได้ยินเสียงนี้ก็จำได้ทันที เสียงของเซียวเหยียนจิ่งนางเข้าใจแผนการของซ่งอวิ๋นเหยาขึ้นมาทันทีถ้าเป็นเซียวเหยียนจิ่งล่ะก็ ต่อให้ไม่สมเหตุสมผลแค่ไหน ถ้ายังมีเรื่องที่นางเอาแต่วิ่งไล่ตามเซียวเหยียนจิ่งของเมื่อก่อนอยู่ล่ะก็ เป็นใครใครก็เชื่อ!แต่คนที่เซียวเหยียนจิ่งเรียกคือใครกัน?หลิงเล่อ?เสียงฝีเท้ามาถึงนอกศาลาเรือนนี้ ประตูเรือนล้วนถูกบังไว้หมด ด้านนอกศาลามีม่านบังไว้ แล้วยังจุดเตาเติมส่วนผสมลงไป ใครเข้ามาก็คงติดกับกันทั้งนั้นซ่งอวิ๋นเหยาพวกนางก่อนหน้านี้จะต้องกิจยาแก้พิษไว้แล้วแต่เซียวเหลียนจิ่งนี่มันอย่างไรกัน?ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้?"ท่านหญิงหลิงเล่อ ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านจะนัดข้าออกมา ข้ามาแล้ว หลิงเล่อท่านมีเรื่องอะไรคุยกับข้าหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งพอเข้ามาในศาลา ฟู่จาวหนิงก็ได้กลิ่นสุราเข้มข้นลอยเข้ามาแล้วได้ยินว่าเซียวเหยียนจิ่งมาที่หอจันทร์หยาดเพราะชอบสุรา ตอนแรกสุดนางยังคิดจะหมักเหล้าไปขายด้วยซ้ำ แต่ว่าหลังจากเห็นผ
การจัดวางเช่นนี้ของซ่งอวิ๋นเหยานับว่าไม่เลวเลยฟู่จาวหนิงต่อให้รู้ว่าแผนทั้งหมดของซ่งอวิ๋นเหยาคืออะไรแล้วคนที่ที่เข้ามาเจอนางกับเซียวเหยียนจิ่งอยู่ที่นี่ และจะไม่มีทางปิดปาก แต่คงยืนหยัดที่จะโพนทะนาเรื่องนี้ออกไปล่ะก็ คนผู้นี้ก็จะต้องเป็นหลี่จื่อเหยาเพราะว่าหลี่จื่อเหยาเกลียดฟู่จาวหนิง และยังมีใจคิดจะออกเรือนกับเซียวเหยียนจิ่ง หากนางมาเห็นเซียวเหยี่ยนจิ่งอยู่ด้วยกันับฟู่จาวหนิง จะต้องถูกกระตุ้นอย่างมากแน่และด้วยสมองของหลี่จื่อเหยา เวลาเช่นนี้คงไม่สนแล้วว่าจะผิดใจกับอ๋องเจวี้ยนหรือจวนรัฐทายาทเซียวไหม คงจะโกรธจนไม่สนอะไรอีก พุ่งตัวออกไปโพนทะนาเรื่องนี้ไปทั่วเมืองแน่นอนยิ่งไปกว่านั้นเพราะหลี่จื่อเหยาเกลียดนาง เวลานั้นถ้าลือกันออกไปล่ะก็คงจะไม่น่าฟังเอามาๆ คงจะมีแต่พูดว่านางทำผิด และก็เท่าับส่งผลกระทบกับเซียวเหยียนจิ่งน้อยลงหน่อย ถึงตอนนั้นพอบรรยายออกมา คงจะกลายเป็นเซียวเหยียนจิ่งเข้าไปติดกับ และถูกบีบบังคับอย่างจำใจ แล้วเรื่องเสียๆ ความรับผิดชอบทั้งหมดก็จะสาดเข้ามาบนตัวนางถึงตอนนัั้นภาพลักษณ์ของนางคงจะไม่น่าดูอย่างที่สุดอ๋องเจวี้ยนถ้าไม่หย่ากับนางก็คงลำบากแล้วราชวงศ์ไม่มีทา
นางอยู่ในศษลาออกมาไม่ได้ และติดกับไปด้วยแล้วฟู่จาวหนิงที่อยู่ด้านนอกเพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงที่ทำให้คนหน้าแดงหูร้อนขึ้นมา ตนเองก็รู้สึกพูดไม่ออกเหมือนกันหลี่จื่อเหยาโง่หรือเปล่าเนี่ย?"พระชายาอ๋องเจวี้ยนมาที่เรือนนี้หรือ? ธูปหยกขาวที่นางจุดไว้เพิ่งจะส่งเข้ามา แต่ว่าช้าเกินไปแล้ว"ด้านนอกเรือนมีเสียงเอะอะดังลอดเข้ามาอีกตอนแรกฟู่จาวหนิงแค่ได้ยินเสียงหญิงสาวสองคน เหมือนว่าจะเป็นคนในหอจันทร์หยาด แต่ตอนนี้เหมือนจะมีคนมาอีกจากนั้นก็มีคนร้องเรียกอย่างลนลานขึ้นมา "คารวะอ๋องเจวี้ยน!"ฟู่จาวหนิงม่านตาหดลงเซียวหลันยวนทำไมมาที่นี่กัน?นางเองก็ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้หลบเข้ามาในห้องเภสัชด้วยสัญชาตญาณตอนนี้นางไม่อยากเผชิญหน้ากับเซียวหลันยวน"ในศาลานี้มันเสียงอะไรน่ะ?"พวกเขาล้วนเข้าไปในเรือน และมีคนรีบไปยังด้านนอกศาลา พอเห็นก็ร้องตกใจถอยออกไปหลายก้าว ใบหน้าแดงก่ำเซียวหลันยวนที่สวมหน้ากากเงินยืนอยู่ตรงนั้น รู้สึกว่าเลือดทั่วร่างเหมือนโดนน้ำเย็นสาดใส่คนของพวกเขาเห็นฟู่จาวหนิงเข้ามาในหอจันทร์หยาดเพียงแต่ไม่ได้ตามเข้ามาเมื่อครู่ตอนที่พวกเขามาถึงนอกประตูพวกเขาก็แอบส่งสัญญาณมือกัน บ
คนเหล่านี้พอเข้ามาก็พิสูจน์ไปแล้วว่าในนี้คือเซียวเหยีนจิ่ง และคนอื่นๆ ก็พูดกันว่าฟู่จาวหนิงอยู่ด้านในสีหน้าชิงอีขาวซีดไปแล้วเขาตอนนี้อยากจะตีท่านอ๋องให้สลบแล้วพาออกไปเสียจริงถ้าเผื่อ ถ้าเผื่อด้านในเป็นพระชายาจริงๆ เขากังวลว่าท่านอ๋องจะรับการกระตุ้นนี้ไม่ไหวจนกระอักเลือดสดออกมาแน่ๆท่านอ๋องรับการกระตุ้นเช่นนี้ไม่ไหวหรอกแต่ว่าเขาก็รู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่มือของท่านอ๋อง แล้วจะไปตีท่านอ๋องให้สลบได้อย่างไร"ไป"เซียวหลันยวนคำนี้เหมือนลอดออกมาจากไรฟัน"ท่านอ๋อง?"ชิงอีอันที่จริงก็เข้าใจความหมายของเซียวหลันยวนท่านอ๋องทำให้เขาไปหิ้วตัวคนในศาลาออกมาแต่ถ้าเผื่อด้านในเป็นพระชายาจริง แล้วเขาจะกล้าลงมือได้อย่างไร?"ข้าจะเข้าไปเอง"เซียวหลันยวนพอเห็นคนทั้งหมดแข็งทื่ออยู่กับที่ และในศาลายังคงส่งเสียงเช่นนั้นออกมา แจ่มชัดเสียขนาดนี้เขาก้าวเดินออกไปทีละก้าว ทีละก้าว ทีละก้าว เดินตรงไปยังศาลาเซียวหลันยวนรู้สึกว่าดวงตาตนเองเลือนรางขึ้นมา และไม่รู้ว่าเป็นเพราะเลือดพุ่งขึ้นด้านบนหรือไม่ ทำให้เบื้องหน้าของเขาดูเลือนๆ ขึ้นมาเล็กน้อยและตอนนี้เอง จู่ๆ เขาก็พบว่าตนเองก็มีช่วงเวลาที่อ่อนแอ
"ใครก็ได้ มาช่วยกันเร็ว!""ให้ตายเถอะ แม่นางหลี่จริงๆ"ตอนนี้คนของหอจันทร์หยาดล้วนรู้แล้วว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง น่าจะเกิดเรื่องอะไรผิดพลาดขึ้นแล้วพวกเขารีบเก็บกวาดกันมือไม้เป็นระวิง แต่ว่าคนที่ยังไม่ใส่เสื้อผ้าสองคนกลับยังล่อนจ้อนอยู่คนที่นำคนกลุ่มแรกเข้ามาเป็นหญิงสาวที่สวยงามมากคนหนึ่ง และนี่คือเจ้าของหอจันทร์หยาดนั่นเอง ฮูหยินหรงเยว่"อ๋องเจวี้ยน!"นางรีบเดินเข้ามาเบื้องหน้าเซียวหลันยวน คิดจะพูดอะไร แต่เซียวหลันยวนก็ไม่มองนางตรงๆ เลย"อ๋องเจวี้ยน ท่านเอาองครักษ์เงามังกรมาล้อมหอจันทร์หยาดของข้าอย่างไม่มีเหตุผล นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?"เมื่อครู่นี้ เพิ่งจะส่งสัญญาณออกไปครู่เดียว องครักษ์ที่เคร่งขรึมกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาปิดล้อมหอจันทร์หยาดเอาไว้แล้ว"ค้นหาให้ข้า!"เซียวหลันยวนสั่งการออกไป! องครักษ์เงามังกรเหล่านั้นก็พุ่งออกไปทันที ค้นหาในหอจันทร์หยาดขึ้นอย่างรวดเร็ว"อ๋องเจวี้ยน ข้าทางนี้ก็ต้องทำการค้า พิธีพิถันเรื่องความปลอดภัย เงียบสงบ ตอนนี้ในหอยังมีแขกคนสำคัญอีกตั้งมากมาย แล้วท่านทำเช่นนี้จะให้ข้าไปอธิบายกับเหล่าแขกลูกค้าสำคัญอย่างไรกัน?"ฮูหยินหรงเยว่ในใจก็ร้อนรนขึ
เซียวหลัยยวนเชื่อมั่นองครักษ์เงามังกร พวกเขาในเมื่อค้นหาละเอียดแล้ว เว้นเสียแต่จะมีสถานที่ลับมากๆ อยู่ตรงไหนสักที่แต่ว่าเวลาแค่นี้ ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่กินเนื้อสัตว์นี่นา จากที่เขาเข้าใจนาง นางไม่ใช่คนที่อ่อนแอ เป็นไม่ได้ที่จะถูกจับไปขังในช่วงเวลาแค่นี้ดังนั้นตอนนี้ที่หาไม่เจอก็น่าจะไม่ใช่ฮูหยินหรงเยว่เอาตัวนางไปและองครักษ์ที่เขาส่งมาเพื่อจับตาหอจันทร์หยาดตนเองก็เชื่อมั่นมากด้วย ฟู่จาวหนิงถ้าออกไปล่ะก็จะต้องมีคนพบแล้ว คงไม่ถึงกับไม่เห็นตัวแบบนี้ดังนั้น ตอนนี้ฟู่จาวหนิงไปอยู่ที่ไหนกัน?ไม่ใช่แค่เซียวหลันยวนที่รู้สึกแปลกๆ ฮูหยินหรงเยว่เองก็รู้สึกประหลาด นางเองก็ส่งคนมาดูไว้ ก่อนหน้านี้ฟู่จาวหนิงเข้ามาในเรือนนี้แล้วจริงๆตอนที่พวกของซ่งอวิ๋นเหยาออกไปยังส่งสัญญาณมือให้นางอยู่เลย ให้พวกนางเล่นตามแผนการณ์ต่อและตอนที่ซ่งอวิ๋นเหยาพวกนางออกไปก็เห็นว่าฟู่จาวหนิงติดกับแล้ว ยืนยันว่าอยู่ในศาลานี้แล้วตอนนี้คนไปไหน?"ก่อนหน้านี้ใครอยู่ที่นี่?" เซียวหลันยวนถามฮูหยินหรงเยว่ฮูหยินหรงเยว่เดิมทีคิดจะปิดบัง "ก็แขกก่อนหน้านี้น่ะสิ หลังจากแขกออกไปพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เข้ามา จากนั้นคร
นางอยากจะให้เซียวหลันยวนไม่พอใจตัวฟู่จาวหนิงเสียเหลือเกินแต่พอสิ้นเสียงนาง เซียวหลันยวนก็หันมามองนาง แม้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่เฉินเซียงจู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่านางถูกสายตาที่เย็นเยียบแหลมคนฆ่าตายไปแล้วนางใจสั่นวาบ จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจกับคำพูดเมื่อครู่ที่พูดไป แต่ก็สายไปแล้วนางได้ยินคำพูดเย็นชาของเซียวหลันยวนว่า"องค์หญิงใหญ่ถ้าหากมีเรื่องจะคุยกับข้า ก็ให้ทาสของเจ้าไปคุกเข่าอยู่ตรงนั้นก่อน"เซียวหลันยวนชี้ไปที่กลางสวนคุกเข่าที่นั่น คนป่วยทั้งหมดในห้องข้างฝั่งตะวันตกจะมองเห็นเฉินเซียงถลึงตาโตใส่อย่างไม่อยากเชื่อ"อ๋องเจวี้ยน" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึงไป "เฉินเซียงก็แค่ปกป้องข้ามากเกินไปเท่านั้น นางไม่ได้มีความคิดไม่ดี...""ให้นางคุกเข่า ข้าถึงจะฟังเจ้าพูด ถ้านางไม่ทำ ข้าก็จะไปแล้ว" เซียวหลันยวนตัดบทนางเฉินเซียงบอกว่าฟู่จาวหนิงแอบมีชู้กับอันเหนียน เขาจดจำมาโดยตลอด"อ๋องเจวี้ยน เฉินเซียงนางเองก็ป่วย ถ้าไปตากลมหนาวบนพื้น นางจะ...""เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"เซียวหลันยวนพูดจบก็หมุนตัวกลับทันทีเฉินเซียงลนลานขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยน ข้าจะไปคุกเข่าเดี๋ยวนี้! ท่านโปรดรอก่อน!""เฉินเ
สิ่งที่ทำให้ตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นขุ่นเคืองคือ ฟู่จาวหนิงคล้องแขนอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา"พวกเขาทำไมถึงคล้องแขนกันเดินแบบนั้นล่ะ?"เฉินเซียงถลึงตาโตนางไม่เคยเห็นสามีภรรยาเดินกันแบบนี้เลย ปกติแล้ว ภรรยาจะเดินอยู่ด้านหลังสามีประมาณครึ่งก้าวนี่ หรืออย่างมากก็ไหล่ชนไหล่แต่พออยู่ภายนอกก็ต้องคอยระวังเรื่องมารยาท มีใครเขามาคล้องแขนเดินกันแบบนี้บ้าง?ยิ่งไปกว่านั้นตัวฟู่จาวหนิงเองก็ยังเอนมาเบียดแขนอ๋องเจวี้ยนด้วย"นางเดินแบบนี้มันดูสง่างามตรงไหน บิดๆ เบียดๆ เงอะงะงุ่มง่ามเหมือนอะไรล่ะนั่น?" เฉินเซียงกดเสียงต่ำ พูดแบบไม่พอใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น "นี่มันดูเป็นพระชายาตรงไหนกัน?"เหมือนพวกอนุภรรยาที่เอาแต่เบียดเสียดชายหนุ่มมากกว่าพระชายาตัวจริงต้องมีท่าทีสง่างาม มีคุณธรรม บุคลิกภาพโดดเด่นสิทำตัวออดอ้อนแบบนี้ มันเหมือนกับปีศาจสาวที่อยากจะสูบพลังหยางจากชายหนุ่มจนตัวสั่นอย่างไรอย่างนั้น เหมือนพวกอนุภรรยาที่ไร้เกียรติเฉินเซียงถึงอย่างไรก็ไม่ชินตาแต่ไม่รู้เพราะอะไร องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกอิจฉาจนควบคุมไม่อยู่ชายหนุ่มที่เย็นชาขนาดนั้นแบบอ๋องเจวี้ยน ก็ยังตามใจให้ฟู่จาวหนิง แล้วยังปร
"ข้ารู้แล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะออกไป" เซียวหลันยวนพยักหน้าฟู่จิ้นเชินเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า "นางน่าจะมีเรื่องมาขอร้องท่าน แต่ว่า เรื่องที่นางจะขอร้องข้าเองก็พอจะนึกออก"เขาอยากบอกว่า เรื่องแบบนี้ ถ้าหากรับปากไป ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์สามีภรรยากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรือไม่ แต่การที่พานางเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ถือเป็นการทรยศและทำร้ายจาวหนิงแต่ก็ไม่อยากพูดออกมาตอนนี้เขาอยากจะเห็นว่าเซียวหลันยวนจะเลือกอย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเงื่อนไขที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นงัดออกมาได้คืออะไร ถ้าเผื่อมันสำคัญอย่างมากกับเซียวหลันยวนจริงๆ ล่ะ?"ท่านพ่อตาอยากพูดอะไรหรือ?" เซียวหลันยวนย้อนถามเขา"อ๋า?"ฟู่จิ้นเชินถูกคำเรียก 'ท่านพ่อตา' ที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำเอางงงันไปหมด ตั้งตัวกลับมาไม่ได้ชั่วขณะหนึ่งเซียวหลันยวนก็พูดต่อมาอีก "วางใจเถิด ข้าไม่ทำเรื่องที่ผิดกับหนิงหนิงแน่นอน"พูดจบเขาก็หมุนตัวเตรียมเข้าห้อง ""หากไม่มีเรื่องอะไร คนป่วยทางนั้นรบกวนท่านดูไว้หน่อย ให้หนิงหนิงได้กินข้าวเช้าก่อนพอเซียวหลันยวนเข้าห้องไป ประตูก็ปิดลงมา ฟู่จิ้นเชินมองไปทางชิงอีที่อยู่ข้างๆ ช้าๆชิงอีเองก็
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกคนเหล่านี้พูดจนตาแทบแดงก่ำนางไม่ยอมให้เป็นแบบนี้!นางเองก็มีเกียรตินะ นางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ เดิมทีควรจะล้ำค่าสูงส่ง สามารถเลือกราชบุตรเขยดีดีได้แต่ตอนนี้นางมีทางเลือกอะไรล่ะ?ถ้าไม่ใช่เพราะนางมีพระเชษฐาแบบนั้น นางคงไม่ต้องทำให้มาถึงจุดนี้หรอกนางแค่อยากจะช่วยตนเองเท่านั้น แล้วมันผิดตรงไหน? ถ้าหากทำได้ นางก็ไม่อยากไปทำร้ายใครทั้งนั้น นางเป็นคนที่มดแค่ตัวเดียวก็ยังทำใจเหยียบไม่ลงด้วยซ้ำ"รบกวนท่านลุงฟู่ด้วย ข้ามีเรื่องสำคัญจริงๆ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง ถอยไปที่ประตูวงกลมทางนั้นเฉินเซียงถลึงตาใส่ห้องนั้น คารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง "รบกวนท่านลุงฟู่ช่วยเหลือด้วย องค์หญิงใหญ่พวกรเาจะไปรออ๋องเจวี้ยนที่นั่น"พูดจบนางก็รีบเดินไปหาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นฟู่จิ้นเชินส่ายหัวเขาก็เหมือนรู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกอยู่ในสภาพไหน มาเจอกับฝ่าบาทต้าชื่อแบบนั้น นางเองอันที่จริงก็น่าสงสารแต่ว่า ท้ายสุดแล้วนางก็ยังไม่ฉลาดพอ เส้นทางที่เดินได้ นางกลับเดินอย่างสะเปะสะปะแต่พูดมาก็ถูก นางเติบโตมาที่สุสานจักรพรรดิ ไม่ค่อยได้พบเจอกับผู้คนสักเท่าไร และย
ก่อนหน้านี้ทรมานหมอฟู่ไว้มาก สาวใช้นั่นยังบอกว่าหมอฟู่กับนายท่านเป็นอะไรอะไรกันอีก ป้าหนิวเห็นแล้วไม่สบอารมณ์องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถูกนางเหลือบมองใส่แบบนี้จนอายไปเฉินเซียงกลับถลึงตามองแผ่นหลังป้าหนิวเจ้าคนชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ กล้ามามององค์หญิงใหญ่พวกนางแบบนี้เรอะฟู่จิ้นเชินตอนนี้จึงหมุนตัวหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่จะพบอ๋องเจวี้ยน เพราะอยากให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านไปเมืองหลวงหรือ? ถ้าหากมีเป้าหมายนี้ เช่นนั้นข้าบอกท่านไว้ได้เลย ว่าท่านยังออกจากเมืองเจ้อไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับอันเหนียนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสามฝ่ายตกลงกันแล้ว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ ใครอยากจะออกจากเมือง ต้องยื่นจดหมายออกจากเมืองมา ถ้าบนต้องมีผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใต้เท้าอันและหมอฟู่สามคนลงนาม ขาดไปสักคนก็ไม่ได้ถ้าหากไม่มีจดหมายออกจากเมืองที่มีนามทั้งสาม ใครก็ออกไปไม่ได้ทั้งนั้นแล้วอาการป่วยอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฟู่จาวหนิงไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่ไหนจะเรื่องที่นางจะตามอ๋องเจวี้ยนไปอีกฟู่จิ้นเชินตอนนี้รู้สึกว่าสมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แค่คิดก็รู้แล้ว ฟู่จาวหนิงจะยอมให้อ๋องเ
ฟู่จาวหนิงถูกจูบจนเคลิ้มหลับไปอีกรอบเซียวหลันยวนได้ยินเสียงหายใจลึกของนางแล้วก็จนใจเขาเลือดพุ่งขึ้นมาแล้ว แต่นางกลับหลับไป ดูท่าในเมืองเจ้อระยะนี้นางคงจะเหนื่อยมากจริงๆเขาเองก็ไม่ได้ทรมานนาง กอดนางแล้วหลับไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีกำลังรอว่าจะฝันอีกครั้ง ดีที่สุดคือได้ฝันเห็นลุงหวังพูดอะไรกับอ๋องเจวี้ยนว่ากล่องใบนั้นเปิดอย่างไรแต่เมื่อคืนนี้นางก็ฝันจริงๆ น่าเสียดายที่ฝันร้าย ในฝันตนเองอยู่ในตำหนักเพียงคนเดียว จะอย่างไรก็ออกไปไม่ได้ และไม่มีใครด้วย ทุกแห่งมีแต่แสงทึม ในความมือเหมือนมีเสียงอะไรที่น่ากลัว ทำให้นางรู้สึกกลัวมากหลังจากสะดุ้งตื่น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว"องค์หญิงใหญ่ ท่านฝันร้ายหรือ?" เฉินเซียงถูกนางทำสะดุ้งตื่นตาม รีบลุกขึ้นนั่งองค์หญิงใหญ่ไม่ค่อยฝันร้ายเท่าไร แต่บางครั้งก็จะฝันร้ายบ้างสักครั้ง แสดงว่าช่วงเวลานั้นจะผ่านไปได้ไม่ค่อยดีนักเฉินเซียงเครียดขึ้นมาแล้วพวกนางตอนนี้ผ่านความน่าเวทนามากมาแล้ว ไม่น่าแย่กว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงทนรับไม่ไหวแล้วนางมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตึงเครียด หวังว่านางจะปฏิเสธแต่นางก็ยังผิดหวัง องค์หญิงใ
"รุ่นหลังของตระกูลปันมีกี่คนหรือ?""รุ่นหลังของตระกูลปันก็มีอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขามีช่างที่มีฝีมือ ในตอนนั้นหลบหนีจากภัยพิบัติได้ เหลือรุ่นหลังเอาไว้ ตอนนี้คนที่มีอำนาจในตระกูลปันชื่อว่าปันมู่ พวกเขาไหว้วานขบวนพ่อค้าให้ส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าคนเองก็อยู่ระหว่างทางมาแคว้นเจาแล้ว"ปันมู่เซียวหลันยวนจำชื่อนี้ไว้"แล้วเจ้าเป็นรุ่นหลังจากตระกูลไหนกัน?""ใต้ฝ่าพระบาท ข้าคือรุ่นหลังจากตระกูลเหมิ่ง ตอนนั้นปู่ข้าได้รับมอบหมายงานกะทันหัน ทิ้งสิ่งของเพื่อส่งมอบให้กับจักรพรรดิรุ่นใหม่ องค์หญิงใหญ่จากไปแล้ว แต่ยังทิ้งลูกหลานไว้ ก็คือฝ่าพระบาทนั่นเอง ข้าระลึกเสมอว่าต้องนำสิ่งของส่งให้ถึงมือท่าน"แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือไม่ เขาได้รับสิ่งของที่จักรพรรดินีทิ้งไว้แล้วหรือยัง เขาส่งเครื่องพยากรณ์ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้"เจ้าหมายถึงเครื่องพยากรณ์หรือเปล่า?""ใต้ฝ่าพระบาทรู้จริงๆ ด้วย ใช่แล้ว ของสิ่งนี้อยู่ในมือข้ามาหลายปีแล้ว ข้าปกป้องเอาไว้ไม่ค่อยปล่อยไปไหน ตอนนี้ก็ส่งให้กับมือใต้ฝ่าพระบาทได้เสียที ในที่สุดข้าก็ได้พักผ่อนเสียที..."ลุงหวังบอกถึงตำแหน่งที่ซ่อนเครื่องพยากรณ์เซียวหลันยวนฟังเ
ฟู่จาวหนิงเก็บเครื่องพยากรณ์กลับเข้าไปในมิติ แล้วก็ถูกเซียวหลันยวนกอดเข้าไปในผ้าห่มเขาคลุมผ้าห่มนางให้ดี จูบไปที่ปากนางเบาๆ เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า "เจ้าก็นอนให้สบาย ข้าจะทำการอย่างระวัง""ได้"เซียวหลันยวนเป่าเปลวเทียน ออกประตูไปอย่างแผ่วเบา"ท่านอ๋อง?" ชิงอีออกมาจากมุมมืดรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ ที่ท่านอ๋องจะออกไปตอนดึกขนาดนี้ คืนนี้ไม่ใช่ควรอยู่กับพระชายาหรอกหรือ?"ไป" เซียวหลันยวนกลับไม่อธิบายอะไรมากตอนมาถึงทางตาเฒ่าอู๋ ในคืนเงียบสงัดเช่นนี้ กลับได้ยินเสียงไอค่อกแค่กอยู่แค่กๆๆๆมีทั้งที่ดังขึ้นครั้งสองครั้ง และมีที่ดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดมีทั้งที่ดังจนปอดแทบฉีก ทำเอาคนที่ไม่ไอฟังแล้วรู้สึกคันขึ้นมาที่คอเลย แทบจะไอตามไปด้วย"ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ป่วยหนักมาก" ชิงอีเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเขาเห็นว่าท่านอ๋องยังมาที่ตาเฒ่าอู๋ทางนี้ จึงรู้สึกกังวลขึ้นหน่อยๆ"อืม ดังนั้นหวังว่าจาวหนิงจะค้นคว้ายาที่สามารถสะกดอาการป่วยนี้ออกมาได้ ไม่ให้มันระบาดต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นก็ไม่อยากจะคิด"เซียวหลันยวนถึงแม้จะปวดในที่ฟู่จาวหนิงอยู่ที่นี่ แต่เขาก็เข้าใจดี ตอนนี้เมืองเจ้อต้องการนางจริงๆไม่ใช่แค่เมืองเ
"ท่านเองก็ลองดูสิ" นางส่งคืนกลับให้เขาเขายังไม่ทันได้ดูเลยน กลับส่งให้นางดูก่อนเสียแล้วเซียวหลันยวนรับมา หยิบไปวางไว้ตรงหน้าในใจเขาเองก็สั่นสะเทือนเช่นกันนี่มันยอดเยี่ยมมาก"เครื่องพยากรณ์นี้ ในตงฉิงถือได้ว่าเป็นสมบัติเลยกระมัง?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"อืม" เซียวหลันยวนวางเครื่องพยากรณ์ลง พยักหน้า "ราชครูจะสืบทอดต่อให้เป็นรุ่นๆ ถ้าหากบนมือไม่มีเครื่องมือพยากรณ์ ราชครูก็จะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างชอบธรรม ยิ่งไปกว่านั้น คนตงฉิงก็ยังเชื่อว่า ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ออกมาจากการคาดการณ์ของเครื่องมือพยากรณ์ ล้วนไม่แม่นยำทั้งสิ้น""นั่นเท่ากับเป็นสิ่งที่เครื่องพยากรณ์สิบห้าปีใหม่คำนวณออกมาใช่ไหม? แล้วเก่ากว่านั้นล่ะ""ที่เก่ากว่านั้นจะถูกประทับตราเป็นของไม่ใช้งานแล้ว แล้วปิดผนึกไว้ในสุสานจักรพรรดิ"หรือก็คือ ขอแค่ไม่มีชิ้นใหม่ออกมา บนโลกนี้ก็จะมีแค่เครื่องพยากรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น"แล้วลุงหวังคนนั้น คงจะไม่ใช่รุ่นหลังของราชครูตงฉิงหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นเซียวหลันยวนนิ่งงันไปพักหนึ่ง ตอบว่า "อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็คาดเดามาตลอด เจ้าอารามต่างหากที่น่าจะเป็น"ฟู่