"วันนี้แค่เจ้าพักในหอจันทร์หยาดนี้สักคืน อ๋องเจวี้ยนจะยอมรับคำขอหย่าจากเจ้าเอง"ที่แท้นี่คือเป้าหมายหลักของนางสินะให้นางค้างคืนที่หอจันทร์หยาดนี้คืนหนึ่งหรือ?ดูแล้วถ้านางรับปากจริง วันนี้ตอนกลางคืนหอจันทร์หยาดแห่งนี้น่าจะมีเรื่องอะไรรอนางอยู่สินะ"ข้ารู้สึกว่า แผนการนี้ของเจ้าเดิมทีก็ดูดีมากอยู่" ฟุ่จาวหนิงจู่ๆ ก็ยิ้มขึ้นมา"เดิมที?""ถูกต้อง เดิมทีก็ดูดีมากอยู่ เพียงแต่ข้าคิดไม่เข้าใจ ทำไมเจ้าต้องดึงอันห่าวเข้ามา"ฟู่จาวหนิงคิดจุดนี้ไม่เข้าใจซ่งอวิ๋นเหยางงงัน"ข้ามาเจอหลินอันห่าวอย่างบังเอิญจริงๆ และช่วยเหลือนางไว้พอดี แน่นอน หลังจากพานางมาที่หอจันทร์หยาดข้าก็เพิ่งนึกออกว่าสามารถใช้นางเพื่อให้เจ้ามาตามนัดได้เร็วขึ้น ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะไม่มาก็ได้นี่?"ฟู่จาวหนิงพอได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็รู้ว่านางไม่ได้พูดความจริงจนกระทั่งนางค่อยๆ รู้สึกว่าร่างกายตนเองเริ่มร้อน ฟู่จาวหนิงถึงนึกออก ซ่งอวิ๋นเหยายังมีวิธีการมากกว่าที่นางคิดเอาไว้สายตานางกวาดไปยังเตาเหล่านั้นเมื่อครู่ตอนที่เพิ่งเข้ามานางก็ลองดมดูอย่างละเอียดแล้ว ในนี่ไม่มีกลิ่นหอมประหลาดอะไรแต่ว่าตอนนี้นางพบว่าหลังจากที่น
ซ่งอวิ๋นเหยาตรวจสอบเรื่องมาไม่น้อยเลยอย่างคนที่ตระกูลฟู่ค่อนข้างให้ความสำคัญในตอนนี้ หรือก็คือเซี่ยซือฮูหยินรองหลินกับลูกสาวของนางหลินอันห่าวนี่เรื่องมาจากก่อนหน้าพิธีเดิมพันโอสถ เซี่ยซื่อพาหลินอันห่าวไปบ้านตระกูลฟู่รอบหนึ่งและครั้งนั้นหมอเฉียนก็ยังส่งคนไปลงมือกับหลินอันห่าวอย่างไม่ยอมปล่อยวางอีกด้วย จนเรื่องราวบานปลายใหญ่โต ต่อมาตอนพิธีเดิมพันโอสถ ฟู่จาวหนิงก็จับจ้องไปยังหมอเฉียนอยู่พักหนึ่งซ่งอวิ๋นเหยาส่งคนไปตรวจสอบ และตรวจสอบเรื่องนี้มาได้ หมอเฉียนยังพูดว่าฟู่จาวหนิงเพ่งเล็งเขาโดยเฉพาะเพราะเรื่องนั้นประโยคนี้ ซ่งอวิ๋นเหยาจดจำไว้ในใจที่ทำให้ฟู่จาวหนิงเพ่งเล็งไปยังหมอเฉียนหมอหม่าได้ นี่ก็อธิบายได้ว่านางเป็นห่วงเซี่ยซื่อกับหลินอันห่าวมากผู้เฒ่าฟู่อยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหน ยิ่งไปกว่านั้นนางยังให้คนไปตรวจสอบออกี ว่าบ้านตระกูลฟู่มีกี่คนที่คอยคุ้มกัน ดังนั้นจึงไม่สามารถดึงผู้เฒ่าฟู่ออกมา ไม่อาจลงมือกับพวกเขาได้เช่นนั้นนางก็ต้องพุ่งไปที่หลินอันห่าวเท่านั้นแล้วและตามคาด ฟู่จาวหนิงพอเห็นหลินอันห่าวถูกแต่งตัวเป็นเหมือนนางคณิกา ก็โมโหจนปอดแทบฉีกต่อให้นางดูแล้วเหมือนจะควบคุมไว
สาเหตุที่ตอนนี้ยังไม่ไปแต่ยังอยู่ที่นี่ เพราะอยากจะเห็นว่าซ่งอวิ๋นเหยาถัดจากนี้เตรียมแผนอะไรไว้"หลิงเล่อ"เสียงหนึ่งดังเข้ามาแต่ไกลฟู่จาวหนิงพอได้ยินเสียงนี้ก็จำได้ทันที เสียงของเซียวเหยียนจิ่งนางเข้าใจแผนการของซ่งอวิ๋นเหยาขึ้นมาทันทีถ้าเป็นเซียวเหยียนจิ่งล่ะก็ ต่อให้ไม่สมเหตุสมผลแค่ไหน ถ้ายังมีเรื่องที่นางเอาแต่วิ่งไล่ตามเซียวเหยียนจิ่งของเมื่อก่อนอยู่ล่ะก็ เป็นใครใครก็เชื่อ!แต่คนที่เซียวเหยียนจิ่งเรียกคือใครกัน?หลิงเล่อ?เสียงฝีเท้ามาถึงนอกศาลาเรือนนี้ ประตูเรือนล้วนถูกบังไว้หมด ด้านนอกศาลามีม่านบังไว้ แล้วยังจุดเตาเติมส่วนผสมลงไป ใครเข้ามาก็คงติดกับกันทั้งนั้นซ่งอวิ๋นเหยาพวกนางก่อนหน้านี้จะต้องกิจยาแก้พิษไว้แล้วแต่เซียวเหลียนจิ่งนี่มันอย่างไรกัน?ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้?"ท่านหญิงหลิงเล่อ ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านจะนัดข้าออกมา ข้ามาแล้ว หลิงเล่อท่านมีเรื่องอะไรคุยกับข้าหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งพอเข้ามาในศาลา ฟู่จาวหนิงก็ได้กลิ่นสุราเข้มข้นลอยเข้ามาแล้วได้ยินว่าเซียวเหยียนจิ่งมาที่หอจันทร์หยาดเพราะชอบสุรา ตอนแรกสุดนางยังคิดจะหมักเหล้าไปขายด้วยซ้ำ แต่ว่าหลังจากเห็นผ
การจัดวางเช่นนี้ของซ่งอวิ๋นเหยานับว่าไม่เลวเลยฟู่จาวหนิงต่อให้รู้ว่าแผนทั้งหมดของซ่งอวิ๋นเหยาคืออะไรแล้วคนที่ที่เข้ามาเจอนางกับเซียวเหยียนจิ่งอยู่ที่นี่ และจะไม่มีทางปิดปาก แต่คงยืนหยัดที่จะโพนทะนาเรื่องนี้ออกไปล่ะก็ คนผู้นี้ก็จะต้องเป็นหลี่จื่อเหยาเพราะว่าหลี่จื่อเหยาเกลียดฟู่จาวหนิง และยังมีใจคิดจะออกเรือนกับเซียวเหยียนจิ่ง หากนางมาเห็นเซียวเหยี่ยนจิ่งอยู่ด้วยกันับฟู่จาวหนิง จะต้องถูกกระตุ้นอย่างมากแน่และด้วยสมองของหลี่จื่อเหยา เวลาเช่นนี้คงไม่สนแล้วว่าจะผิดใจกับอ๋องเจวี้ยนหรือจวนรัฐทายาทเซียวไหม คงจะโกรธจนไม่สนอะไรอีก พุ่งตัวออกไปโพนทะนาเรื่องนี้ไปทั่วเมืองแน่นอนยิ่งไปกว่านั้นเพราะหลี่จื่อเหยาเกลียดนาง เวลานั้นถ้าลือกันออกไปล่ะก็คงจะไม่น่าฟังเอามาๆ คงจะมีแต่พูดว่านางทำผิด และก็เท่าับส่งผลกระทบกับเซียวเหยียนจิ่งน้อยลงหน่อย ถึงตอนนั้นพอบรรยายออกมา คงจะกลายเป็นเซียวเหยียนจิ่งเข้าไปติดกับ และถูกบีบบังคับอย่างจำใจ แล้วเรื่องเสียๆ ความรับผิดชอบทั้งหมดก็จะสาดเข้ามาบนตัวนางถึงตอนนัั้นภาพลักษณ์ของนางคงจะไม่น่าดูอย่างที่สุดอ๋องเจวี้ยนถ้าไม่หย่ากับนางก็คงลำบากแล้วราชวงศ์ไม่มีทา
นางอยู่ในศษลาออกมาไม่ได้ และติดกับไปด้วยแล้วฟู่จาวหนิงที่อยู่ด้านนอกเพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงที่ทำให้คนหน้าแดงหูร้อนขึ้นมา ตนเองก็รู้สึกพูดไม่ออกเหมือนกันหลี่จื่อเหยาโง่หรือเปล่าเนี่ย?"พระชายาอ๋องเจวี้ยนมาที่เรือนนี้หรือ? ธูปหยกขาวที่นางจุดไว้เพิ่งจะส่งเข้ามา แต่ว่าช้าเกินไปแล้ว"ด้านนอกเรือนมีเสียงเอะอะดังลอดเข้ามาอีกตอนแรกฟู่จาวหนิงแค่ได้ยินเสียงหญิงสาวสองคน เหมือนว่าจะเป็นคนในหอจันทร์หยาด แต่ตอนนี้เหมือนจะมีคนมาอีกจากนั้นก็มีคนร้องเรียกอย่างลนลานขึ้นมา "คารวะอ๋องเจวี้ยน!"ฟู่จาวหนิงม่านตาหดลงเซียวหลันยวนทำไมมาที่นี่กัน?นางเองก็ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้หลบเข้ามาในห้องเภสัชด้วยสัญชาตญาณตอนนี้นางไม่อยากเผชิญหน้ากับเซียวหลันยวน"ในศาลานี้มันเสียงอะไรน่ะ?"พวกเขาล้วนเข้าไปในเรือน และมีคนรีบไปยังด้านนอกศาลา พอเห็นก็ร้องตกใจถอยออกไปหลายก้าว ใบหน้าแดงก่ำเซียวหลันยวนที่สวมหน้ากากเงินยืนอยู่ตรงนั้น รู้สึกว่าเลือดทั่วร่างเหมือนโดนน้ำเย็นสาดใส่คนของพวกเขาเห็นฟู่จาวหนิงเข้ามาในหอจันทร์หยาดเพียงแต่ไม่ได้ตามเข้ามาเมื่อครู่ตอนที่พวกเขามาถึงนอกประตูพวกเขาก็แอบส่งสัญญาณมือกัน บ
คนเหล่านี้พอเข้ามาก็พิสูจน์ไปแล้วว่าในนี้คือเซียวเหยีนจิ่ง และคนอื่นๆ ก็พูดกันว่าฟู่จาวหนิงอยู่ด้านในสีหน้าชิงอีขาวซีดไปแล้วเขาตอนนี้อยากจะตีท่านอ๋องให้สลบแล้วพาออกไปเสียจริงถ้าเผื่อ ถ้าเผื่อด้านในเป็นพระชายาจริงๆ เขากังวลว่าท่านอ๋องจะรับการกระตุ้นนี้ไม่ไหวจนกระอักเลือดสดออกมาแน่ๆท่านอ๋องรับการกระตุ้นเช่นนี้ไม่ไหวหรอกแต่ว่าเขาก็รู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่มือของท่านอ๋อง แล้วจะไปตีท่านอ๋องให้สลบได้อย่างไร"ไป"เซียวหลันยวนคำนี้เหมือนลอดออกมาจากไรฟัน"ท่านอ๋อง?"ชิงอีอันที่จริงก็เข้าใจความหมายของเซียวหลันยวนท่านอ๋องทำให้เขาไปหิ้วตัวคนในศาลาออกมาแต่ถ้าเผื่อด้านในเป็นพระชายาจริง แล้วเขาจะกล้าลงมือได้อย่างไร?"ข้าจะเข้าไปเอง"เซียวหลันยวนพอเห็นคนทั้งหมดแข็งทื่ออยู่กับที่ และในศาลายังคงส่งเสียงเช่นนั้นออกมา แจ่มชัดเสียขนาดนี้เขาก้าวเดินออกไปทีละก้าว ทีละก้าว ทีละก้าว เดินตรงไปยังศาลาเซียวหลันยวนรู้สึกว่าดวงตาตนเองเลือนรางขึ้นมา และไม่รู้ว่าเป็นเพราะเลือดพุ่งขึ้นด้านบนหรือไม่ ทำให้เบื้องหน้าของเขาดูเลือนๆ ขึ้นมาเล็กน้อยและตอนนี้เอง จู่ๆ เขาก็พบว่าตนเองก็มีช่วงเวลาที่อ่อนแอ
"ใครก็ได้ มาช่วยกันเร็ว!""ให้ตายเถอะ แม่นางหลี่จริงๆ"ตอนนี้คนของหอจันทร์หยาดล้วนรู้แล้วว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง น่าจะเกิดเรื่องอะไรผิดพลาดขึ้นแล้วพวกเขารีบเก็บกวาดกันมือไม้เป็นระวิง แต่ว่าคนที่ยังไม่ใส่เสื้อผ้าสองคนกลับยังล่อนจ้อนอยู่คนที่นำคนกลุ่มแรกเข้ามาเป็นหญิงสาวที่สวยงามมากคนหนึ่ง และนี่คือเจ้าของหอจันทร์หยาดนั่นเอง ฮูหยินหรงเยว่"อ๋องเจวี้ยน!"นางรีบเดินเข้ามาเบื้องหน้าเซียวหลันยวน คิดจะพูดอะไร แต่เซียวหลันยวนก็ไม่มองนางตรงๆ เลย"อ๋องเจวี้ยน ท่านเอาองครักษ์เงามังกรมาล้อมหอจันทร์หยาดของข้าอย่างไม่มีเหตุผล นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?"เมื่อครู่นี้ เพิ่งจะส่งสัญญาณออกไปครู่เดียว องครักษ์ที่เคร่งขรึมกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาปิดล้อมหอจันทร์หยาดเอาไว้แล้ว"ค้นหาให้ข้า!"เซียวหลันยวนสั่งการออกไป! องครักษ์เงามังกรเหล่านั้นก็พุ่งออกไปทันที ค้นหาในหอจันทร์หยาดขึ้นอย่างรวดเร็ว"อ๋องเจวี้ยน ข้าทางนี้ก็ต้องทำการค้า พิธีพิถันเรื่องความปลอดภัย เงียบสงบ ตอนนี้ในหอยังมีแขกคนสำคัญอีกตั้งมากมาย แล้วท่านทำเช่นนี้จะให้ข้าไปอธิบายกับเหล่าแขกลูกค้าสำคัญอย่างไรกัน?"ฮูหยินหรงเยว่ในใจก็ร้อนรนขึ
เซียวหลัยยวนเชื่อมั่นองครักษ์เงามังกร พวกเขาในเมื่อค้นหาละเอียดแล้ว เว้นเสียแต่จะมีสถานที่ลับมากๆ อยู่ตรงไหนสักที่แต่ว่าเวลาแค่นี้ ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่กินเนื้อสัตว์นี่นา จากที่เขาเข้าใจนาง นางไม่ใช่คนที่อ่อนแอ เป็นไม่ได้ที่จะถูกจับไปขังในช่วงเวลาแค่นี้ดังนั้นตอนนี้ที่หาไม่เจอก็น่าจะไม่ใช่ฮูหยินหรงเยว่เอาตัวนางไปและองครักษ์ที่เขาส่งมาเพื่อจับตาหอจันทร์หยาดตนเองก็เชื่อมั่นมากด้วย ฟู่จาวหนิงถ้าออกไปล่ะก็จะต้องมีคนพบแล้ว คงไม่ถึงกับไม่เห็นตัวแบบนี้ดังนั้น ตอนนี้ฟู่จาวหนิงไปอยู่ที่ไหนกัน?ไม่ใช่แค่เซียวหลันยวนที่รู้สึกแปลกๆ ฮูหยินหรงเยว่เองก็รู้สึกประหลาด นางเองก็ส่งคนมาดูไว้ ก่อนหน้านี้ฟู่จาวหนิงเข้ามาในเรือนนี้แล้วจริงๆตอนที่พวกของซ่งอวิ๋นเหยาออกไปยังส่งสัญญาณมือให้นางอยู่เลย ให้พวกนางเล่นตามแผนการณ์ต่อและตอนที่ซ่งอวิ๋นเหยาพวกนางออกไปก็เห็นว่าฟู่จาวหนิงติดกับแล้ว ยืนยันว่าอยู่ในศาลานี้แล้วตอนนี้คนไปไหน?"ก่อนหน้านี้ใครอยู่ที่นี่?" เซียวหลันยวนถามฮูหยินหรงเยว่ฮูหยินหรงเยว่เดิมทีคิดจะปิดบัง "ก็แขกก่อนหน้านี้น่ะสิ หลังจากแขกออกไปพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เข้ามา จากนั้นคร
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั
ฟู่จาวหนิงพยักหน้า เดินเข้าไปด้านใน ตอนที่ผ่านตัวพวกนาง น้ำเสียงก็ขรึมลง เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาว่า "ดังนั้น ข้ากับพวกเจ้าตอนนี้จึงเป็นคู่แค้นกันแล้ว"พูดจบ นางก็เดินผ่านตัวพวกนางไปชิวอวิ๋นกับซือหรูสบตากันเอง เป็นสีหน้าที่ทั้งสับสนและตกตะลึง"องค์จักรพรรดิ พระชายาอ๋องเจวี้ยนขอเข้าพบ!""ฟู่จาวหนิง? นางมาทำอะไรกัน? ไม่ใช่ว่าไปทรมานตัวอยู่ในคุกใหญ่หรือ?"องค์จักรพรรดิเกือบจะกระโจนตัวขึ้นมาวันนี้ตอนประชุมเช้าเหล่าขุนนางยื่นหนังสือฏีกามาไม่น้อย มีหลายจุดเกิดภัยธรรมชาติ กระทรวงการคลังเริ่มร้องเรียนเรื่องความยากจนอีกครั้ง ที่ชายแดนก็บอกว่ามีพวกชนเผ่าป่าเถื่อนบางกลุ่มเริ่มแสดงท่าทีไม่สงบแล้วยังมีฐานที่มั่นทหารในสถานที่ต่างๆ ก็เริ่มร้องขอเงินเดือนและเสบียงไม่ใช่ข่าวดีอะไรเลย ถึงอย่างไรพอฟังข้อความเหล่านั้น หัวของเขาก็แทบจะระเบิดแล้วหลังจากเสร็จการประชุมเขาก็ไปงีบมาพักหนึ่ง แต่ก็ยังฝันร้ายขึ้นมาอีก ในฝันมีมังกรสีม่วงทองตัวหนึ่งไล่กัดเขา ไล่จนกวานจักรพรรดิของเขาร่วงลงมา หลังจากเข้าสะดุ้งตื่นใจก็เต้นตุบๆ อย่างบ้าคลั่งฝันนี้ไม่ใช่ฝันดีอะไรอย่างแน่นอนตอนไปถึงห้องหนังสือหลวงเตรียมอนุมั
นั่นสิ ฟู่จาวหนิงทำไมจึงไม่กลัวเลย?อ๋องฉยงคิดถึงจุดนี้"ในเมื่อนางไม่กลัว ก็อธิบายได้ในคุกนั้นไม่มีอะไรน่ากลัวสิ เจ้าวางใจเถอะ พ่อจะไปคุยกับหัวหน้าคุก ให้เขาคอยดูแลเจ้าด้านในนั้น""ท่านด่อ ท่านยังจะบีบให้ข้าเข้าไปที่คุกหรือ?" อวิ๋นจูมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ"ในเมื่อราชโองการสั่งลงมาแล้ว นี่ก็ถือเป็นโอกาสหนึ่งนะ เจ้ารับราชโองการแล้ว แล้วยังได้ติดตามอ๋องเจวี้ยนอย่างใกล้ชิดอีก ทำให้อ๋องเจวี้ยนเห็นความเด็ดเดี่ยวของเจ้าได้พอดี เขาจะซาบซึ้ง รอให้ผ่านช่วงนีน้ไปก่อน ไม่แน่อ๋องเจวี้ยนอาจจะชอบเจ้าขึ้นมา ถึงตอนนั้นข้าก็ลงแรงอีกหน่อย ก็จะช่วงชิงให้เจ้าได้เป็นพระชายารองของอ๋องเจวี้ยน"ลูกสาวของเขาทั้งคน จะให้ไปเป็นอนุภรรยาได้อย่างไรกันเดิมทีเขาก็มีความคิดนี้ ให้นางเข้าไปจวนอ๋องเจวี้ยนก่อน พอลงเท้าได้มั่นคง จากนั้นค่อยหาโอกาสให้นางได้ขึ้นเป็นพระชายารองด้วยหน้าตาของอวิ๋นจู เขาไม่เชื่อว่าอ๋องเจวี้ยนจะไม่หวั่นไหวต่อให้มีแค่ความสงสารสักนิดก็พอแล้ว"ไม่ใช่ไม่กี่วัน อ๋องเจวี้ยนต้องอยู่ในคุกสองเดือน สองเดือนเลยนะ!" อวิ๋นจูร้องไห้ขึ้นมา "วันเดียวข้าก็จะป่วยแล้ว สองเดือนข้าจะไม่ตายเอาเลยหรือ?""
ฟู่จาวหนิงกอดเซียวหลันยวน ตบหลังเขาเพื่อปลอบโยน"คิดไม่ถึงว่าพวกนางจะไม่สนใจพระราชโองการขององค์จักรพรรดิ เพราะรังเกียจท่านขนาดนี้ ข้าเองก็สงสารท่านนะ ถ้าท่านเสียใจเพราะเรื่องนี้จะทำอย่างไร? ถ้าหลังจากนี้โดนงูกัดแล้วกลัวเชือกไปสิบปี ไม่กล้ารับสาวงามเข้ามาอีกจะทำอย่างไรกัน?"ผู้คุมได้ยินนางถามซ้ำๆ ว่า"ทำอย่างไรๆ" หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาคำพูดนี้ทำไมฟังแล้วแปลกๆ กัน?แต่สามงามสามคนนั้นก็เกินไปหน่อยไหม? พระชายาอ๋องเจวี้ยนอยู่ที่นี่มาวันหนึ่งไม่เห็นจะพูดอะไรเลย นางเองก็ยังดูดีอยู่ ปฏิกิริยาของพวกนางต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ?ผู้คุมที่พูดเรื่องโรคเพศสัมพันธ์เหลือบมองอ๋องเจวี้ยนผาดหนึ่งอ๋องเจวี้ยนเองก็พยักหน้าขึ้นมาอย่างไม่ให้ใครจับได้ เขาจึงถอยออกไปอวิ๋นจูกลับไปที่วังราชนิเวศน์ อ๋องฉยงพอรู้ข่าว ก็พาหมอเข้ามาดูนางทันที และถูกตุ่มแดงเหล่านั้นบนหน้านางทำเอาตกใจสะดุ้งโหยง"จูเอ๋อร์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?"อ๋องฉยงแม้จะอายุวัยกลางคนแล้ว แต่กรรมพันธุ์ทางราชวงศ์เองก็ถือว่าไม่เลวนัก อย่างน้อเขาก็ยังเป็นชายกลางคนที่ดูดีมีเสน่ห์อยู่พอควรสามารถให้กำเนิดลูกสาวอย่างอวิ๋นจูออกมาได้ หน้าตาของเขาเอง
อวิ๋นจูรู้สึกแย่มาก ออกแรงเการ่างกายของตนเองบนตัวนางคันจนไม่ไหวแล้วแต่ต่อนห้าคนมากขนาดนี้ โดยเฉพาะยังมีผู้คุมอีก นางที่เป็นหญิงสาวสูงศักดิ์มายืนเกาแบบนี้ มันดูเสียท่าทีไม่สุภาพเอาเสียเลยนางอยากจะทนไว้ แต่ว่า! มันทนไม่ไหวจริงๆ!คันมากเลย นางอยากจะแก้ผ้าตัวเองแล้วก็เกาๆ มันทั้งตัวให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!แค่ถูๆ ใบหน้า ตอนนี้จุดแดงบนหน้านางก็ยิ่งลามเป็นตุ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว"คุณหนู หน้าของท่าน..." สาวใช้นางเหลือบมองผาดหนึ่ง สายตาก็สะพรึงขึ้นมาอวิ๋นจูพอเห็นสายตาของนาง ก็รีบกุมหน้าไว้ "หน้าของข้ามันทำไม? เป็นอะไรไป?""ในห้องขังนี้มันจะสะอาดแค่ไหนกัน โอ้ ข้านึกออกแล้ว ก่อนหน้าห้องขังพวกนั้นเหมือนจะขังนักโทษที่เคยเป็นโรคติดต่อเพศสัมพันธ์อยู่คนสองคน แต่ลืมไปแล้วว่าห้องไหน" ผู้คุมคนหนึ่งเหลือบมองนางผาดหนึ่ง จากนั้นจึงถอยห่างออกมาหลายก้าวทำเหมือนนางเป็นสิ่งสกปรกอย่างไรอย่างนั้น"อะไรนะ?!"ไม่ใช่แค่อวิ๋นจู กระทั่งชิวอวิ๋นกับซือหรูพวกนางก็ยังกระโดดเหยงขึ้นมาทันทีพอเห็นสภาพนี้ของอวิ๋นจู พวกนางก็ไม่กล้าเข้าใกล้แล้วอวิ๋นจูพังทลายไปแล้วนางร้องไห้ขึ้นมา "ข้าจะออกไป ข้าไม่อยากอยู่ท