"ขอรับ!"เจียงอวี้เคยได้ยินเรื่องวัยเด็กของอ๋องเจวี้ยนมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้สึกชื่นชมศรัทธาตัวเขามาตลอด แต่อ๋องเจวี้ยนอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงไม่กลับเมืองหลวงมาหลายปี เขาจึงไม่เคยพบหน้าเลยคนหลายคนที่อยู่ด้วยกันกับเจียงอวี้ก็น่าจะมีความสัมพันธ์กันดีมาก"อ๋องเจวี้ยน ท่านมาที่เขาเมฆอรุณครั้งนี้ เพื่อเข้าร่วมการแข่งล่าสัตว์หรือ?" เจียงอวี้ติดตามอยู่ข้างๆ อ๋องเจวี้ยน เชิญเขาไปพักยังเรือนรับรองตะวันออกอย่างอบอุ่น พวกเขาเองก็พักอยู่ที่เรือนรับรองตะวันออก"แข่งล่าสัตว์ สนุกหรือ?"อ๋องเจวี้ยนค่อยๆ เดินไปเบื้องหน้าพลางถามไปด้วยเจียงอวี้ใบหน้าแดงเล็กน้อย พูดออกมาอย่างกระดากอายเล็กๆ"อันที่จริงแข่งล่าสัตว์ก็สนุกอยู่ แต่ว่า จุดที่น่าสนใจที่สุดของการเข้าร่วมแข่งล่าสัตว์ก็คือผู้ที่ชนะจะสามารถไปเที่ยวเล่นกับแม่นางคนใดก็ได้หนึ่งวันในเขาเมฆอรุณแห่งนี้"หืม?อ๋องเจวี้ยนหยุดยืน"แม่นางคนใดก็ได้?""ถูกต้อง หญิงสาวที่เข้าพักในเขาเมฆอรุณทั้งหมดล้วนถูกบันทึกไว้แล้ว พอถึงเวลาถ้าถูกผู้ชนะเลือก หญิงสาวคนนั้นก็ไม่สามารถปฏิเสธได้"เจียงอวี้พูดถึงจุดนี้ก็ยิ้มๆ "แต่ว่า ไม่มีแม่นางคนใดปฏิเสธหรอก เพราะการที่
"เมื่อครู่อ๋องเจวี้ยนผลักเจ้าออกชัดๆ เขาไม่ได้สนใจตัวเจ้าแน่ๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังมองออกว่าเจ้าจงใจอีกด้วย"หญิงสาวชุดเขียวข้างๆ ร้องเชอะขึ้นมา"เจ้าก็แค่ริษยา" หลินหว่านซินกลับมั่นอกมั่นใจ"ใครริษยาเจ้ากัน? อ๋องเจวี้ยนตัวตนฐานะสูงส่งกว่าเหล่าพระโอรสองค์หญิงเสียอีก แล้วองค์หญิงในวังตั้งหลายคนก็เป็นเพื่อนสนิทเจ้า อ๋องเจวี้ยนถ้ารู้ก็คงมองเจ้าเป็นแค่ผู้น้อย แต่ข้านั้นต่างกับเจ้า ข้ามีตัวตนสูงกว่า พี่สาวข้าเป็นสนม และนับศักดิ์เป็นอาสะใภ้อ๋องเจวี้ยนได้เลย ข้ากับอ๋องเจวี้ยนจึงอยู่ระดับเดียวกัน""หูจู เจ้าไม่ใช่ว่าชอบรัฐทายาทเจียงหรอกหรือ? เมื่อครู่รัฐทายาทเจียงก็อยู่ด้วยนี่ นี่เจ้าจิตใจไม่มั่นคงต่อหน้าเขาเลยหรือ?"หลินหว่านซินหัวเราะเย้ยหยันหูจูหญิงสาวชุดเขียวหูจูหน้าเปลี่ยนสี"ใครบอกเจ้าว่าข้าชอบรัฐทายาทเซียว? ข้าไม่ได้ชอบใครทั้งนั้น!"นางเพิ่งจะสิบห้า ถ้าบอกว่ามาเที่ยวที่เขาเมฆอรุณ หากลือกันออกไปว่านางชอบใครเข้า ถึงตอนนั้นพ่อนางคงตีขานางหักแน่แม้พวกนางอันที่จริงส่วนใหญ่จะมาที่นี่ด้วยเป้าหมายนี้ แต่ใครก็คงไม่พูดออกมาอย่างโจ่งแจ้งหรอกหลินหว่านซีหน้าไม่อายเสียจริงขอแค่บิดานางเผยคว
"ไม่ได้ ท่านอ๋องพวกข้าไม่ไปแน่"ก่อนหน้านี้โรคก็กำเริบมาแล้ว นี่ยังนั่งรถม้าเร่งเดินทางมาเขาเมฆอรุณอีกตั้งวันหนึ่ง ท่านอ๋องจะต้องเหนื่อยมากแน่ๆ แล้วจะออกไปล่าสัตว์ได้อย่างไร?"ไม่ได้จริงหรือ?" เจียงอวี้ผิดหวัง "แต่ว่าพวกเราสองวันนี้ได้ยินว่าในป่ามีเสียงร้องประหลาด ทุกคนล้วนเดากันว่าน่าจะเป็นสัตว์ป่าอะไรตัวหนึ่ง ถ้าล่าได้สัตว์พิเศษมา ยังสามารถส่งไปที่วังมอบให้องค์จักรพรรดิได้ด้วย"พวกเขาเตรียมจะใช้สิ่งนี้มาแข่งขันแล้ว ไม่แข่งแล้วว่าใครล่าได้มากกว่า แต่จะดูว่าใครที่ล่าสัตว์ป่าเสียงประหลาดนั่นไดถือว่าชนะไปแทน"เสียงร้องประหลาด?"อ๋องเจวี้ยนเปิดประตูเดินออกมา"ใช่แล้ว อ๋องเจวี้ยน มีคนพูดว่าอาจจะเป็นราชันกวางที่ร้อยปีจะพบเห็นสักครั้งหนึ่ง ได้ถ้ารับราชันกวางมา เลือดกวางเองก็เป็นสมบัติล้ำค่าแล้ว"เจียงอวี้อันที่จริงก็อยากจะเห็นวิชายิงธนูของอ๋องเจวี้ยนเหมือนกัน"เลือดราชันกวางหรือ?"สีหน้าของชิงอีเปลี่ยนไปเล็กน้อยเลือดราชันกวาง ท่านอ๋องพวกเขาต้องการมันมาก!เพราะว่าเลือดราชันกวางเป็นยาบำรุงชั้นยอด แล้วยังทำให้อบอุ่นได้ด้วย เหมาะกับท่านอ๋องของพวกเขามากที่สุดแล้ว!ตอนนั้นพวกเขาไปยังพ
"ข้ารู้จักบิดาของท่าน"ผู้เฒ่าซุนบอกคำตอบที่ทำให้ฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาดมากออกมาพอเห็นว่าฟู่จาวหนิงได้ยินคำนี้ก็พิจารณาตัวเขาผาดหนึ่ง ผู้เฒ่าซุนเองก็รู้สึกเชิงขอโทษขึ้นมาเล็กน้อย "พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านอย่าเห็นว่าข้าดูเป็นคนซื่อๆ นะ อันที่จริงปีนี้ข้าเพิ่งจะสี่สิบเท่านั้น ในอดีตข้ารู้จักบิดาของท่านจริงๆ""คุณชายฟู่เป็นผู้มีบุคลิกดีมาก ช่วยเหลือผู้คนอยู่เนืองนิจ ยิ่งไปกว่านั้นผู้เฒ่าฟู่เองก็เป็นคนเมตตาเปี่ยมคุณธรรม ดังนั้นข้าจึงเชื่อมั่นว่าคนจากตระกูลฟู่คือคนที่มีคุณธรรม"ฟู่จาวหนิงอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้"คนจากตระกูลฟู่? ผู้เฒ่าซุนหลังจากนี้จะใช้ความประทับใจนี้มาตัดสินไม่ได้แล้วนะ คนจากตระกูลฟู่มีพวกละโมบหน้าไม่อายอยู่เยอะเลย"นี่ด่าตนเองไปด้วยเลยหรือ?"เช่นนั้นพระชายาอ๋องเจวี้ยนจะช่วยข้าดูสมุนไพรชนิดนี้ให้ได้หรือไม่?""ข้าขอดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงดูสมุนไพรนี้อย่างละเอียดหญ้าสมุนไพรหลายกอนี้น่าจะถูกดูแลไว้อย่างดี อาจจะเพราะเดิมทีมันเติบโตขึ้นในภูเขา ยิ่งไปกว่านั้นผู้เฒ่าซุนเองก็ยังใช้ดินจากสถานที่เดียวกันด้วย ที่นั่นมีตะไคร่เขียวอยู่ เขากระทั่งขุดเอาตะไคร่เขียวกลับมาด้วยกันเลย
คลังวัตถุดิบยาแบ่งออกเป็นหลายคลังใหญ่ ในนี้มีพืชวัตถุดิบยาประเภทหนึ่งที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ยาชนิดที่ว่าก็อยู่ในกลุ่มใหญ่นี้!ในยุคสมัยของนางไม่มีพืชสมุนไพรนี้แล้ว"เยื่อคลุมคะนิ้ง?""เยื่อคลุมคะนิ้ง กลางคืนและช่วงเช้าตรูสามารถกระจายกลิ่นหอมสดชื่น กลิ่นหอมนี้มีส่วนช่วยให้หลับสบาย ในใบมีส่วนประกอบที่สามารถฟื้นฟูกล้ามเนื้อและหลอดเลือดที่ตายไปแล้วได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังรักษาภาวะสมองตายและลิ่มเลือดอุดตันได้ด้วย"ฟู่จาวหนิงหลังจากอ่านสรรพคุณจบ ก็สูดปากยาชนิดนี้ถ้าเพิ่มเข้าไปในตำรับยาโบราณที่นางเข้าใจ สรรพคุณจะน่าตกตะลึงมากเลยทีเดียว สามารถดึงผู้ป่วยที่ตายลงฉับพลันกลับมาจากเงื้อมมือมัจจุราชได้ นี่มันยาศักดิ์สิทธิ์ช่วยชีวิตอย่างแท้จริงเลย!ถ้ายายาลูกกลอนคุ้มครองหัวใจก่อนหน้านี้ของนางเพิ่มสิ่งนี้เข้าไป ตอนนี้เอาไปขายหลักหมื่นก็คงจะถูกกว้านซื้อหมดแน่ยังไม่พูดเรื่องอื่น นางสกัดออกมาก่อน แล้วให้ท่านปู่กินไปเม็ดหนึ่ง กำลังวังชาของท่านปู่ก็ยังดีขึ้นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นสมองที่มึนงงมาตลอดก็ยังตื่นขึ้นได้ฟู่จาวหนิงพอเห็นยาก็ลิงโลด ร้อนรนจนอดไม่อยู่ นางจึงแช่ตัวอยู่แต่ในห้องเภสัชไม่ยอมออกมาแล้ว
เสี่ยวเถาหลังจากฟังคำพูดพวกเขาก็ตึงเครียดจนไม่ไหวแล้ว"ท่านอ๋องทำไมจึงทำเช่นนี้?"นางกังวลมาก ท่านอ๋องถ้าไปอยู่กับคุณหนูคนอื่น แล้วคุณหนูของบ้านนางจะทำอย่างไรกัน?พวกเขาเพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่นานเองแม้ว่าท่านผู้เฒ่าจะอยากให้พวกเขาหย่ากัน แต่นางรู้สึกว่าอ๋องเจวี้ยนกับคุณหนูก็ดูเหมาะสมกันดี หลังจากนี้บางทีพวกเขาอาจจะพบว่าเรื่องในอดีตเป็นเรื่องเข้าใจผิด จากนั้นทั้งสองคนก็ไม่ใช่ว่าอยู่ด้วยกันอย่างสงบได้แล้วหรือ?จะว่าไป อ๋องเจวี้ยนก็น่าจะไม่เห็นด้วยกับการหย่าอีก ด้วยตัวตนฐานะของเขา ถ้าคุณหนูกับเขาไปกันไม่ได้จริงๆ จะต้องถูกอ๋องเจวี้ยนไล่ออกไปแน่นอน!หญิงสาวที่ถูกสามีไล่ออกมา หลังจากนี้จะน่าเวทนามาก คุณหนูจะอยู่ต่อไปอย่างไรกันล่ะ!เสี่ยวเถาแทบจะร้องไห้ออกมาแล้วประตูมีเสียงเอี๊ยดเปิดขึ้น ฟู่จาวหนิงเดินออกมา มองที่นาง และมองที่ซุนกุ้ยซุนกุ้ยรีบเข้ามาขอโทษขอโพย"พระชายาอ๋องเจวี้ยนโปรดระงับความโกรธด้วย ข้าน้อยพลั้งปากไปแล้ว!"เขาทำไมถึงได้หน้ามึนมาพูดเรื่องอ๋องเจวี้ยนกับคุณหนูที่นี่กันนะ จะต้องเป็นเพราะพระชายาดูแล้วแสนดีเกินไปแน่นๆ ทำให้เขารู้สึกว่าสามารถพูดเรื่อยเปื่อยได้"คุณหนู
ฟู่จาวหนิงกลับไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อยว่าเซียวหลันยวนมาหานาง ด้วยความสามารถของเขา การจะหาว่านางพักอยู่ที่ไหนมันง่ายเหมือนปอกกล้วยเลยไม่ใช่หรือไรกัน?ยิ่งไปกว่าเขาไม่ควรรู้ว่านางมาแล้ว ด้วยนิสัยของจงเจี้ยน เรื่องที่นางไม่อนุญาต เขาก็จะไม่เปิดเผยกับจวนอ๋อง"เช่นนั้นพวกเราตอนนี้ไป ท่านอ๋องก็รู้แล้วนี่"ฟู่จาวหนิงมองเสี่ยวเถายิ้มๆ "บางทีเขาอาจจะมาที่นี่เพื่อหาแม่นางที่ชอบกระมัง? เช่นนั้นข้าไปจะไม่เป็นการรบกวนเขาหรือ?""ท่านเป็นพระชายาของเขานะ!"เสี่ยวเถาร้องเสียงเล็ก ร้อนรนขึ้นมาแล้ว"ถึงจะเป็นพระชายาของเขาแต่ก็ไปวุ่นกับหัวใจที่อยากจะมีภรรยาหลายคนของชายหนุ่มไม่ได้หรอกนะ"ฟู่จาวหนิงพูดออกมา และรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้น่าสนใจเอาเสียเลยตอนนั้นที่นางเข้าไปขวางรถม้าถามเซียวหลันยวนว่ามีภรรยาหรือยังมีหญิงในดวงใจหรือจะแต่งงานหรือยัง ก็เพราะจะหาผู้ชายที่ไม่มีความรู้สึกใดๆ เลยสักคนเท่านั้นแต่ว่าตอนนี้นางคิดแล้วกลับรู้สึกว่า ตนเองมองข้ามเรื่องหลังจากแต่งงานไปตอนนี้ถ้าเซียวหลันยวนคิดจะรับพระชายารอง คิดจะรับภรรยาเพิ่ม นางก็คงจะไปยุ่งไม่ได้เพียงแต่ว่า ถ้าหากข้างกายเขามีหญิงสาวคนอื่นขึ้นมา น
"คุณหนู นั่นแม่นางฟางนี่!"เสี่ยวเถาเห็นหญิงสาวที่รีบวิ่งเข้ามาคนนั้น ก็ร้องบอกฟู่จาวหนิงอย่างตกใจแม่นางฟาง?ฟู่จาวหนิงตอนแรกยังมึนๆ อยู่ พอเห็นหญิงสาวคนนั้นจึงมีความทรงจำคืบคลานออกมานี่ไม่ใช่คนที่นางยืมตัวตนฐานะปลอมขึ้นมาเป็นที่รองเป้าให้กับจงเจี้ยนหรอกหรือ?ฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้มีเพื่อนแค่คนเดียว ลูกสาวของเศรษฐีใหญ่เจ้าของที่ดินนอกเมือง ฟางซือฉิงนางตอนนั้นพูดโกหกกับผู้เฒ่าฟู่ไป ว่าจงเจี้ยนเป็นคนใช้ของฟางซือฉิงที่ยืมนางมา คือฟางซือฉิงคนนี้นั่นเองฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าจะมาเจอนางที่นี่ฟางซือฉิงหน้าตาค่อนไประดับบน ถือว่าเป็นหญิงงามเลยทีเดียว ตระกูลฟางมีเงิน ดังนั้นเสื้อผ้าของนางจึงดูตระการตา ทั่วทั้งหัวเต็มไปด้วยเครื่องประดับ ดูแล้วสูงส่งเหลือเกินอันที่จริงความตระการตาเช่นนี้กับความงามของนางแต่เดิมไม่ค่อยจะเข้ากันนัก ดังนั้น เพื่อนเหล่านั้นของฟางซือชิงจึงรังเกียจรสนิยมของนางในจุดนี้ บางครั้งก็เย็นชาประชดประชันใส่นางครั้งนั้นมีแค่ฟู่จาวหนิงที่มีเข้ามาคุยกับนางด้วยสีหน้าอิจฉาจริงๆ มีเงินแล้วเป็นเรื่องแย่ตรงไหน? ถ้าตระกูลฟู่มีเงิน ข้าเองก็จะสวมทองสวมเงินด้วยเหมือนกัน ถึงอย
ฟู่จาวหนิงไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาทำอะไรเหมือนกับสืออี นางเองก็อยากรู้มากว่าฝ่าบาทต้าชื่อยอมปล่อยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกมาได้อย่างไรแต่ว่าตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองข้ามปัญหาชื่อเรียกของนางไปแล้ว แต่เอ่ยกับนางอย่างอบอุ่นว่า "เชิญหมอเทวดาฟู่ถามอาการเถิด รบกวนท่านรักษาข้าด้วย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ไม่ใช่คนโง่ ดูจากชุดแต่งกายประหลาดของฟู่จาวหนิง และการที่ฟู่จาวหนิงไม่ให้นางถอดสิ่งที่เรียกว่าหน้ากากปิดปากออก นางก็เดาได้ทันที ว่าโรคของตนเองน่าจะไม่ใช่โรคธรรมดาแต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ไม่ลนลานเลยแม้แต่น้อยถึงแม้โชคดีของนางหลายครั้งจะเป็นสิ่งที่คนทำขึ้น แต่เรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของตัวนางเอง อันที่จริงก็ถือว่ามีโชคดีอยู่มากอย่างเช่นตั้งแต่เด็กนางไม่ค่อยป่วย ต่อให้จะป่วยก็เป็นปัญหาเล็กๆ กระทั่งบางครั้ง การป่วยของนางยังช่วยให้นางเลี่ยงเรื่องแย่ๆ อีกด้วยเหมือนก่อนหน้านี้ที่นี่ไม่รู้ว่าทำไมจึงเวียนหัวจนเป็ฯลม ดังนั้นจึงกลับเมืองหลวงช้าไปสองวัน ผลคือในสองวันนั้น ระหว่างทางมีคนถูกโจรปล้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางป่วยจนต้องเลื่อนเวลา เช่นนั้นนางอาจจะไปเจอกับโ
สิ่งนี้ทำให้เฉินเซียงรู้สึกไม่พอใจแล้ว ทำไมถึงให้องครักษ์มาอยู่ด้วยกันกับพวกนาง?ห้องส้วมล่ะ? หรือว่าพวกนางต้องใช้ร่วมกับองครักษ์สามคนนี้ด้วย?อย่างนี้ได้ที่ไหน!สืออีหลังจากกำชับเสร็จก็ออกไปเตรียมของสิ่งของที่เหลืออยู่ของพวกเขาตอนนี้ไม่พอแล้วจริงๆ ดังนั้นจึงต้องแบ่งผ้าหุ่มของพวกเขาออกไปสามผืน แล้วนำออกไปของกิน ตอนนี้ก็เป็นแค่หมั่นโถวกับข้าวต้ม บวกกับกับข้าวอีกนิดหน่อย กับข้าวเองก็เหลือไม่มากแล้วหมั่นโถวของพวกเขาตอนนี้ก็ผสมแป้งอื่นเข้าไปด้วยแล้ว ไม่ได้อ่อนนุ่มหอมหวานเหมืนอตอนที่เพิ่งมาแล้ว ถึงอย่างไรกินให้ท้องอิ่มได้ก็ดีมากแล้วอันเหนียนกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวออกหาการบริจาคช่วยเหลือ หวังว่าสองสามวันนี้จะได้ผลลัพธ์อะไรบ้าง ไม่เช่นนั้นคงต้องเอาหมั่นโถวมานึ่งให้เล็กลงหน่อย ไม่แน่อาจจะต้องแบ่งของคนคนหนึ่งเป็นสองส่วนด้วยฟู่จาวหนิงพอดูเรื่องการฉีดยาให้ป้าหนิวเสร็จ ก็ดึงเข็มออก เก็บขวดเปล่ากับตะขอเกี่ยวเล็กกลับไป หลังจากออกประตูมาก็เปลี่ยนชุดป้องกันกับผ้าปิดปากและถุงมือใหม่ จากนั้นจึงไปยังฝั่งตรงข้ามเฉินเซียงพอเห็นนางเข้ามา ก็จำนางได้จากดวงตาของนางเพราะฟู่จาวหนิงห่อตัวมิดชิดย
ฟู่จาวหนิงเองก็คิดไม่ถึงว่าคนที่มาเมืองเจ้อจะเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพวกเขาก่อนหน้านี้คาดการณืไว้ ว่าฝ่าบาทของต้าชื่อไม่มีทางปล่อยให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกมาแน่ที่บอกว่าจะเลือกราชบุตรเขยให้นางแต่เดิม ก็เป็นแค่คำหลอกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทั้งเพองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนั้นไปที่เมืองจี้ ฝ่าบาทต้าชื่อยังส่งคนไปรับนางกลับวังหลวง ฝ่าบาทต้าชื่อรู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเป็นดาวนำโชคของเขามาตลอด โชคบนตัวนางล้วนจะเอามาไว้บนตัวเขาทั้งหมด ดังนั้นจึงมัดนางไว้ข้างกายแต่ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่เพียงแค่ออกมาจากวังหลวง แต่ยังเดินทางมาไกลถึงแคว้นเจา?!นี่มันไม่น่าเชื่อจริงๆไม่น่าเชื่อจนฟู่จิ้นเชินกับต่งฮ่วนจือก็กำลังคาดเดาเจตนาการมาขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่ว่า ตอนนี้พวกเขาไม่มีโอกาสได้ถาม เพราะฟู่จาวหนิงมีคำสั่ง ไม่ให้ใครก็ตามสัมผัสกับกลุ่มขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพวกขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกจัดไปยังห้องข้างฝั่งตะวันตก อยู่ตรงข้ามกับห้องผู้ป่วยของป้าคนนั้น คั่นไว้ด้วยสวนเล็กๆ ผืนหนึ่งสืออีให้พวกเขาสวมหน้ากากอนามัยทั้งหมดตอนแรกพวกเขาก้ไม่ค่อยยินดีนัก แต่ตอนนี้คนมาถึงแคว้นเจาแล้ว นี่เป็นถิ
สืออีขับรถม้าของตนเองออกไปรับคนแล้วเรื่องนี้เดิมทีก็แปลกอยู่หน่อยๆ ตอนนี้คนส่วนใหญ่ล้วนรู้ว่าเมืองเจ้อมีสถานการณ์เป็นอย่างไร ปกติจะไม่เข้ามากัน ต่อให้จะมาเยี่ยมญาติก็ตาม ไม่มีทางเลือกมาในเวลานี้หรือว่าคนที่มาจากต้าชื่อจะไม่เข้าใจสถานการณ์ของที่นี่?แต่ถ้าไม่ใช่ผู้ประสบภัย ถ้าหากในเมืองมีญาติอยู่ล่ะก็ บางทีอาจจะมีเงินอยู่ พอมาถึงจึงไม่ไปยังศูนย์สังเกตการณ์ น่าจะกลับไปที่บ้านญาติเลย หรืออาจจะไปพักโรงเตี๊ยมดังนั้น คนที่มาเป็นใครกันแน่?สืออีคาดเดาไปตลอดทาง แต่ตอนที่เห็นคนที่มา เขาก็ตกตะลึงไปแล้วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น!ไม่ว่าสืออีจะคิดอย่างไร ก็คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่มาจะเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาได้อย่างไรกัน?ชั่วขณะหนึ่ง ในสมองสืออีกคิดไปมากมาย จะมากน้อยก็มีทฤษฏีสมคบคิดอยู่บ้างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกว่าจะสงบลงมาได้ หยุดไปแล้ว พอเห็นสืออี นางก็งงงันไปนิดหน่อย ยังจำเขาไม่ได้เพราะสืออีตอนนี้สวมชุดประหลาดแล้วยังสวมหน้ากากอนามัยด้วยแต่เพราะสายตาที่สืออีมองนาง ทำให้นางเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าจะต้องรู้จักนางแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่ตกตะลึงแบบนี้นางยังสวมผ้าคลุมอยู่ ถ้าม
"พระชายา เอาข้าวเช้ากับน้ำร้อนมาให้แล้วขอรับ"เสียงของสืออีดังลอดเข้าาฟู่จาวหนิงเดินออกไป "วางไว้ตรงนั้นเลย เจ้าอย่าเข้ามานะ"พอเหลือบมองไป นางยังเห็นฟู่จิ้นเชินด้วย พวกเขาคนหนึ่งหิ้วน้ำร้อน คนหนึ่งถืออาหารเช้า"จาวหนิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?" ฟู่จิ้นเชินยืนนิ่ง ถึงแม้อยากจะเดินเข้ามา แต่ก็รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะไม่ให้เขาเข้าไป"ข้าไม่เป็นไร คนป่วยข้างนอกพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?"ฟู่จาวหนิงถามถึงสองพี่น้องเสี่ยวเฟิงเสี่ยวยา พอรู้ว่าพวกเขาไม่เป็นไร นางจึงวางใจลงได้ถือว่าโชคดีจริงๆ ที่หญิงสาวคนนี้มาถึงหลังจากที่พวกเขาทำงานไปแล้วหลายวัน ตอนนี้คนอื่นๆ ปรับตัวได้แล้ว ทำงานกันได้สมเหตุสมผลหมดแล้ว รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรถ้าเป็นเมื่อสามวันก่อน พอนางออกห่าง คนป่ววยพวกนั้นก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไร คงจะวุ่นวายกันไปหมดแน่"ผู้ช่วยหมอสามคนที่ใต้เท้าอันหามาก็เพิ่งมาถึง ข้าให้เสี่ยวเยว่นำพวกเขาไปแล้ว ข้าเห็นว่าพวกเขาเองก็มือไม้คล่องแคล่วทำงานได้ดีอยู่ เจ้าไม่ต้องกังวล""ได้ สืออี ไปดูทหารขุนพลบัญชาการกับผู้ประสบภัยคนอื่นที่สัมผัสกับป้าคนนี้หน่อย ระวังด้วยนะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง"่ขอรับ"สืออี
อย่างในเวลานี้ คนเราจะลนลานหวาดกลัวกัน ถึงอย่างไรครอบครัวหญิงสาวคนนั้นก็ป่วยตายกันไปห้าคนแล้วนะ โอกาสตายสูงขนาดนี้ ใครจะไม่กล้วบ้าง?ถ้าเผื่อติดโรคแล้วต้องตายล่ะ..."เช่นนั้นศิษย์น้องหญิงรักษาโรคนี้ได้จริงไหม?" ต่งฮ่วนจือก็ตึงเครียดขึ้นมาแล้ว"เรื่องนี้นางยังไม่ได้บอก เพราะไม่ให้ใครเข้าไปเลย พวกเราตอนี้ก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร นางแค่บอกว่าไม่ต้องกังวล"แล้วจะไม่กังวลกันได้อย่างไร?ถึงแม้ฟู่จาวหนิงท้ายสุดจะรักษาโรคนี้ได้ แต่หลังจากระบาดไปจะต้องเป็นช่วงเวลาที่ลำบากมากช่วงหนึ่งแน่"เมืองเจ้อที่นี่เดิมทีก็น่าจะมีหมออยู่ไหม? พวกเขาไม่เข้ามาช่วยเลยหรือ?" ต่งฮ่วนจือถามรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงแค่คนเดียวมันเหนื่อยเกินไปอันเหนียนเล่าสถานการณ์ของหมอที่นี่กับเขาอันที่จริงสองวันนี้เขาก็หาตัวลูกศิษย์ที่อยู่ในโรงหมอแต่เดิมมาได้สามคนแล้ว ให้พวกเขาเก็บข้าวของแล้วมาช่วยกันที่นี่มีฟู่จาวหนิงคอยนำพวกเขา สำหรับพวกเขาถือเป็นโอกาสในการเรียนที่สุดยอดมาก"พรุ่งนี้เช้าจะมีผู้ช่วยหมอสามคนเข้ามา พวกเขาจะมากน้อยก็มีพื้นฐานอยู่บ้าง ถึงตอนนั้นยังสามารถช่วยเหลือได้""เป็นแค่ผู้ช่วยหมอ ศิษย์น้องหญิงค
"พระชายา" สืออีกังวลมาก มองฟู่จาวหนิงที่นั่งอยู่บนเตียงหลัวฮั่นข้างหน้าต่าง "ท่านจะทำอย่างไร?"หรือว่านางจะอยู่เฝ้าที่นี่ตลอดกัน?ในเมื่อโรคนี้อันตรายขนาดนี้ พระชายาต่างหากถึงจำเป็นต้องมีการคุ้มครองมากที่สุด"อีกเดี๋ยวข้าจะไปห้องข้างๆ ไม่ได้อยู่ที่นี่เฝ้าทั้งคืนหรอก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "ไม่ต้องกังวล"ตอนกลางคืนที่นางอยู่คนเดียวก็เข้าไปในห้องเภสัช หลายวันช่วงนี้นางล้วนนอนอยู่ในห้องเภสัช ถึงอย่างไรก็เป็นสถานที่ของตนเอง ต้องดีกว่าห้องรับแขกที่จัดขึ้นชั่วคราวมากอยู่แล้วตอนนี้มีโรคที่ระบาดได้ นางมานอนอยู่ในมิติของตนเองประสิทธิภาพในการกักกันก็ยิ่งดีกว่า"แล้วพระชายากินข้าวหรือยัง?" สืออีถาม"อีกเดี๋ยวจะกิน""ข้าจะไปนำอาหารมาให้ จะเอามาเยอะหน่อย พระชายาจะได้กินให้มากอีกนิด""ดีเลย"สืออีออกไปแล้ว พอเห็นสือซานที่อยู่ข้างๆ ประตูวงกลม "ให้คนมาเปลี่ยนกับเจ้าคืนนี้""ไม่ ข้าเฝ้าเองยังวางใจกว่า" สือซานกลับไม่ยอมฟู่จาวหนิงให้เขาเฝ้าที่นี่ไม่ปล่อยให้ใครเข้าไป ใจเขาก็ไม่ค่อยสงบแล้ว ว่ามีโรคร้ายอะไรที่ทำให้พระชายาต้องระมัดระวังขนาดนี้?นางไม่ให้คนอื่นเข้าใกล้ แล้วตัวนางเองล่ะ?สืออีเองก
ไข้หวัดปกติก็สามารถระบาดได้ แต่นางไม่ได้ให้คนทำการกักกันดังนั้นตอนนี้พอได้ยินว่าไปที่ห้องผู้ป่วยนั้น อันเหนียนก็เข้าใจความหมายขึ้นมาทันที"นางอยู่ที่นั่นคนดียวหรือ? น้ำเสียงเขาเครียดขึ้นมา"และการเปลี่ยนท่าทีเช่นนี้ของอันเหนียน ต่งฮ่วนจือก็สัมผัสได้แล้วอย่างชัดเจนเขามองอันเหนียน จากนั้นก็มองฟู่จิ้นเชิน "เกิดอะไรขึ้นหรือ? ห้องผู้ป่วยนั่นมีอะไรผิดปกติไหม?""ก่อนหน้านี้มีไป๋หู่กับเสี่ยวเยว่ส่งคนไปที่นั่น ตอนนี้มีฟู่จาวหนิงอยู่คนเดียว" ฟู่จิ้นเชินไม่ได้ตอบคำถามต่งฮ่วนจือแต่ต่งฮ่วนจือก็มองออก ว่าในสายตาเขามีความกังวลขึ้นมาเต็มที่เพียงแต่ชายหนุ่มสองคนนี้ล้วนเป็นพวกไม่ค่อยเผยอารมณ์ออกมาเท่าไรนัก เป็นคนที่หนักแน่นใจเย็นมาก ดังนั้นเขาเองก็พิจารณาถึงความหนักหนาได้ลำบากอันเหนียนยกเท้าไปทางนั้นทันที"ใต้เท้าอัน"ฟู่จิ้นเชินจับแขนเขาไว้ สายตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย น้ำเสียงเองก็กดลงมาอันเหนียนได้สติกลับมาในพริบตา ยืนนิ่งไปแล้ว"นางกำชับอะไรไว้ไหม? ทำตามที่นางว่าเลย" เสียงอันเหนียนเรียบสงบแต่ว่า ฟู่จิ้นเชินมองเขาลึกๆรู้อยู่แท้ๆ ว่าห้องผู้ป่วยนั้นเป็นตัวแทนของอะไร ขนาดตัวเขาฟู่จาวหนิง
อันเหนียนวันนี้พอวุ่นเสร็จ ก็พาคนหนึ่งมาที่โรงหมอฟู่จิ้นเชินเห็นคนที่เข้ามาก็รู้สึกเกินคาด"ผู้จัดการใหญ่ต่ง?"ต่งฮ่วนจือมาแล้ว"คุณชายฟู่"หลังจากต่งฮ่วนจือเข้ามา ด้านหลังก็ยังมีคนอีกหลายคน แบกวัตถุดิบยาเข้ามาหลายหามใหญ่ย่ิงไปกว่านั้นหลังจากพวกเขาวางลง ก็ออกไปแบกรอบที่สอง"นี่คือ?"อันเหนียนเอ่ยต่อให้ "ผู้จัดการใหญ่ต่งขนวัตถุดิบยาเข้ามาให้โดยเฉพาะ พระชายาสองวันก่อนไม่ใช่ว่าเข้าไปหาผู้ดูแลทางนี้มาหรอกหรือ? บอกวัตถุดิบยาที่ขาดกับผู้ดูแลพันธมิตรโอสถไป บอกว่าจะควักเงินจ่ายเอง ให้เขาคิดหาวิธีหน่อย""ไวขนาดนี้ ผู้จัดการใหญ่ต่งก็ได้รับข่าวแล้วหรือ?"เพิ่งจะสองวันเอง เป็นไปได้อย่างไรกัน?จากเมืองหลวงมานี่ยังต้องใข้ตั้งหลายวันพอคำนวณเวลา ต่งฮ่วนจือพอพวกเขาออกเดินทางได้สองวันก็คงจัดการแล้ว"อันที่จริงผู้ดูแลทางนี้ก็เขียนจดหมายถึงข้านานแล้ว บอกสถานการณ์ของทางนี้ ดังนั้นพวกเราจึงจัดการโยกวัตถุดิบยาจากที่อื่นเข้ามาก่อน แค่ยังไม่รู้ว่าต้องส่งไปที่ไหน แค่เตรียมการไว้ก่อน"ต่งฮ่วนจือก็เร่งเดินทางมาหลายวัน สีหน้าอ่อนล้า แต่ก็ยังอธิบายออกมา"ข้าเคยบอกกับศิษย์น้องหญิงแล้ว วัตถุดิบยาสำห