ฟู่จาวหนิงสงสัย ซือถูไป๋เดิมทีก็อยู่ระหว่างทางมาเมืองหลวงอยู่แล้ว"พูดถึงเรื่องนี้ ข้าเองก็ได้ยินมาแล้ว ยินดีด้วยคุณชายซือถู" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นไม่ว่าหยวนอี้มีเหตุผลอะไรถึงส่งสิ่งนี้ให้ซือถูไป๋ ที่คนนอกมองเห็นคือการตบฉาดเข้าที่หน้าของพันธมิตรโอสถใต้หล้า ถือว่าโรงยาทงฝูชนะไปก้าวหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ยังทำให้ซือถูไป๋ได้รับการให้ความสำคัญจากผู้นำตระกูลด้วยสำหรับซือถูไป๋ก็ถือเป็นเรื่องดีจริงๆ ดังนั้นที่ฟู่จาวหนิงยินดีกับเขาก็เป็นเรื่องปกติแต่พอได้ยินฟู่จาวหนิงยินดีกับซือถูไป๋ เซียวหลันยวนกลับรู้สึกหึงหวงหน่อยๆซือถูไป๋ปีที่แล้วยังคิดไม่ซื่อกับฟู่จาวหนิงอยู่เลย เขามักรู้สึกว่าถ้าแค่ตนเองเผลอนิดเดียว ซือถูไป๋ก็จะฉวยโอกาสทันทีทำให้ฟู่จาวหนิงยินดีกับซือถูไป๋ได้ นี่มันก็อธิบายว่าซือถูไปจะมากน้อยก็ถือว่ามีความได้เปรียบ หรือมีเรื่องน่ายินดี ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ก็ดึงดูดความสนใจของฟู่จาวหนิงมาได้เหมือนกันความสนใจจุดนี้ ทำให้ในใจเซียวหลันยวนขุ่นเคืองขึ้นมา"ขอบคุณพระชายา"ซือถูไป๋เหลือบมองอ๋องเจวี้ยนผาดหนึ่ง เป็นชายหนุ่มเหมือนกัน แม้จะมองไม่เห็นสีหน้าของอ๋องเจวี้ยน แต่เขาจะไม่
ยังมีท่าทางสง่างามของอ๋องเจวี้ยนอยู่เสียที่ไหนกัน?"ศัตรูหัวใจ?"เซียวหลันยวนครุ่นคิดถึงคำนี้ จากนั้นก็หัวเราะเฮอะขึ้นมา ไม่ชอบใจเอามากๆ"เขาเป็นไม่ไหวหรอก"ถ้ามาคิดอย่างละเอียด ต่อให้ไม่มีเขา ฟู่จาวหนิงก็อาจจะไม่เลือกซือถูไป๋ก็ได้เพราะอะไรกัน?แน่นอนว่าเพราะซือถูไป๋ไม่ได้เด็ดขาดเหมือนเขา กับองค์จักรพรรดิเอง เขาก็ยังกำเริบเสิบสานได้ขนาดนี้ แต่ซือถูไป๋ล่ะ? ขนาดผู้นำตระกูลซือถูเองก็ยังมาคอยกำหนดเรื่องสำคัญในชีวิตของเขาได้"หนิงหนิง ข้าจะบอกเจ้าให้ คนอย่างซือถูไป๋ที่อายุยี่สิบกว่าแต่ก็ยังเป็นนายตัวเองไม่ได้ ไม่มีอนาคตหรอก"เขาบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างตั้งใจ"เชอะ ท่านเองก็พอได้แล้ว เรื่องแค่นี้ก็ตัดสินอนาคตคนอื่นไปเสียแล้ว"อะไรคือไม่มีอนาคตกัน?อายุยี่สิบกว่า ยังหนุ่มอยู่มาก อนาคตยังอีกกว้างไกลไร้ขีดจำกัดเถอะฟู่จาวหนิงไม่ใช่คนที่ตัดสินคนง่ายๆแต่เหมือนอ๋องเจวี้ยนจะไม่ได้ใจกว้างแบบนั้น"ท่านอ๋อง พระชายา มากินข้าวกลางวันกันไหม?" ก็ได้ยินเสียงชิงอีตะโกนเข้ามาตามลม"กินสิ หิวแล้ว ไปกินข้าวกัน" ฟู่จาวหนิงพูดแล้วก็เดนินำกลับไปก่อน"ไปเดี๋ยวนี้"เซียวหลันยวนยังไม่ขยับฟู่จาวหนิง
"แล้วมันไม่ควรหรือ?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทำท่าทางเหมือนสับสนมากมองออกว่านางรู้สึกจริงๆ ว่าต้องรอเซียวหลันยวนกลับมากินด้วยกันจึงจะถูก"ความเร็วในการกินข้าวของพวกท่าน ไม่เหมือนกับเขา ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังอยู่กลางป่ากลางเขาด้วย อยู่ระหว่างเดินทาง ของที่ต้มเสร็จแล้วก็ต้องรีบกิน ไม่มีความจำเป็นต้องมารอให้ครบคน ใครก็ไม่รุ้ทั้งนั้นว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดอะไรขึ้น" ฟู่จาวหนิงอธิบายออกมาอย่างอดทนถึงอย่างไรก็ตัดสินใจเดินทางมาด้วยกันแล้ว ยังต้องเดินทางด้วยกันอีกระยะหนึ่ง พูดให้ชัดเจนไว้ก่อนดีกว่า จะได้ไม่ต้องมานั่งพูดทุกวันหลังจากนี้"แต่ว่า...""ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น กินไปเถอะ" ฟู่จาวหนิงตัดบทองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอธิบายรอบเดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าต้องมาอธิบายตลอด นางเองก็ทำไม่ได้หรอกถึงอย่างไรนางก็ยกชามขึ้นกินอย่างเอร็ดอร่อยแล้ว"ท่านน้าเฉิง..."องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นฟู่จาวหนิงกินอย่างไม่ทุกข์ร้อน ก็อดมองไปทางฮูหยินเฉิงไม่ได้"พวกเรารอก่อน" ฮูหยินเฉิงเอ่ยขึ้นในฐานะที่นางเป็นผู้อาวุโส เรื่องจะกินก่อนที่เซียวหลันยวนจะกลับมานางยิ่งทำไม่ได้เลยถ้าเผื่ออีกเดี๋ยวเซียวหลันยวนไม่พอกิน นางก็ย
ฮูหยินเฉิงไม่ค่อยเข้าใจพฤติกรรมนี้นักโดยเฉพาะที่ฟู่จาวหนิงเมื่อครู่ยังพูดว่า คนยังอยู่ระหว่างเดินทาง อยู่กลางทาง ไม่แน่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึน กินข้าวได้ก็รีบๆ กินไปก่อนเสียผลลัพธ์คือตอนที่นางพูดให้รีบกินข้าว เซียวหลันยวนที่เป็นถึงท่านอ๋องกลับไปเด็ดดอกไม้มาให้นางอยู่ช่อดอกไม้ป่านั่น วางไว้บนรถม้าจะได้สักกี่วัน? จะว่าไป ข้างทางก็ยังมีดอกไม้ป่าอีกตั้งมากมายนี่? แค่มองก็พอแล้ว ต้องเด็ดมาแบบนี้ด้วยว่างกันเสียจริง"ไม่เป็นไร ข้ายังไม่ค่อยหิวมาก"ชิงอีตักน้ำมาให้เขาล้างมือ จากนั้นก็ไปตักข้าวต้มให้เขาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเห็นเสี่ยวเยว่เอาดอกไม้ช่อนั้นไปที่รถม้า ไม่นานนักก็หยิบแจกันใบหนึ่งออกมาใส่น้ำ ความอิจฉาในดวงตาแทบจะทะลักออกมาแล้วนางอิจฉามากจริงๆ!ฮูหยินเฉิงอาจจะไม่มีอารมณ์ชวนฝันแบบนี้ แต่นางมีนี่นาก่อนหน้านี้เรื่องราวมากมายที่ได้ยินหรือเห็นมา ก็รู้ว่าอ๋องเจวี้ยนดีกับฟู่จาวหนิงแค่ไหน แม้ว่านางจะอิจฉา แต่ก็ไม่ได้ถึงกับสะเทือนใจขนาดนั้นแต่เมื่อครู่ที่เห็นอ๋องเจวี้ยนส่งดอกไม้ช่อนี้ให้ฟู่จาวหนิงกับมือ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกสะเทือนใจขึ้นมาอย่างสิ้นเชิงชายหนุ่มสูงส่งเย็
หลายหมื่นตำลึงก่อนหน้านี้ที่จ่ายแทนฮูหยินเฉิง ฟู่จาวหนิงก็กลัวว่าเขาจะไม่มีเงินแล้วแต่เขาก็ไม่ได้จนขนาดนั้น"ไม่ว่าอย่างไร ต่อให้หนิงหนิงไม่เป็นหมอ แค่จะดูแลเรื่องเสื้อผ้าอาหารการกินนั้นไม่มีปัญหาอยู่""เช่นนั้นก็ดี ของพวกนี้ข้าก็ส่งให้พ่อข้าแล้วกันนะ แต่ว่า ข้าเองก็หาเงินได้นะ หากท่านต้องการเงินจริงๆ ข้าก็หาให้ได้" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"ข้ากล้าดูถูกหมอเทวดาเสียที่ไหน? เจ้ารู้ไหมว่ายาลูกกลอนคุ้มครองหัวใจของเจ้า เม็ดนึงมันขายได้ตั้งเท่าไร?"เซียวหลันยวนเองก็ไม่เคยรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงขัดสนด้วยวิชาแพทย์ของนาง ทั้งชาตินี้นางไม่มีวันขัดสนแน่นอนดังนั้น สามีภรรยาทั้งสองอย่างพวกเขาก็เป็นเศรษฐีต่อไปเถอะฮูหยินเฉิงกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนั่งอยู่ข้างๆ ส่งสายตาเข้ามาเป็นระยะพอเห็นว่าเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงตอนที่กินยังตัวชิดติดกันขนาดนั้น เอาแต่กระซิบกระซาบกันไม่หยุด ทั้งสองคนรู้สึกขัดหูขัดตามาก"อายวน ลมแรงขึ้นมาแล้ว รีบกินเถอะ กินเสร็จจะได้รีบเดินทาง" ฮูหยินเฉิงเอ่ยขึ้นอย่างทนไม่ไหว"ท่านน้าเฉิงกินเสร็จแล้วหรือ?" เซียวหลันยวนเห็นว่านางวางชามลงแล้วลวี่กั่วที่อยู่ข้างๆ ยังกินอยู่เลย
แต่ไม่ว่าฮูหยินเฉิงจะมีความเห็นแค่ไหน เส้นทางถัดจากนี้ โอกาสที่พวกนางจะได้คุยกับเซียวหลันยวนก็มีน้อยถึงน้อยมากบางครั้งขบวนเพิ่งสั่งพัก ตอนที่พวกนางลงจากรถม้า ก็รู้ว่าเซียวหลันยวนพาฟู่จาวหนิงไปหาน้ำใกล้ๆ แล้วบอกว่าหาน้ำ อันที่จริงคือสองสามีภรรยาแค่เลี่ยงคนมากๆ หนีออกไปเที่ยวเล่นต่างหากบางครั้งพวกเขาจะเอาผลไม้ป่ากลับมาหลายพวง บางครั้งก็หอบดอกไม้ป่ากลับมาช่อหนึ่ง บางครั้งยังหิ้วปลากลับมาอีกหลายตัวถึงอย่างไรคนอื่นอาจไม่รู้ แต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองออกว่าฟู่จาวหนิงดีอกดีใจมาก เพราะทุกครั้งที่กลับมานางก็จะยิ้มละไม ดวงตาเป็นประกายนั่นคือหญิงสาวที่ถูกรักคนหนึ่งแล้วมีอยู่สองครั้ง ที่นางกระทั่งถูกเซียวหลันยวนแบกกลับมาบอกว่าไปนั่งตกแดดอยู่บนหินใหญ่ก้อนหนึ่งแล้วง่วงจนหลับไป เซียวหลันยวนไม่อยากปลุกนาง ดังนั้นจึงแบกนางกลับมาพอเข้าเมือง ตอนเข้าพักในโรงเตี๊ยม ห้องของสองสามีภรรยาก็อยู่ห่างจากพวกเขาไปไกลลิบ พอเข้าห้องก็ไม่ออกมาอีกเลยแต่ว่า มีอสองครั้งที่พวกเขาออกไปเดินเที่ยวบนถนนยามค่ำคืน ตอนที่กลับมาก็หอบของกินเล่นกลับมาหลายห่อองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะอย่างไรก็กินไม่ค่อยลง แต่พวกเสี่ยวเ
เมืองเล็กที่ชื่อจื่อซวีแห่งนี้มีลักษณะกระจายตัวเป็นอักษร 品ด้านหน้าส่วนใหญ่เป็นร้านค้าและตลาด และยังมีคนที่คอยดูแลรถม้าให้อาหารม้าโดยเฉพาะอีกด้วย พื้นที่ก็ไม่เล็กเลย ค่อนข้างคึกคักทีเดียว พอเห็นรถม้าหลากหลายรูปแบบและผู้คนที่เดินไปเดินมา องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็รู้สึกว่าแปลกใหม่ดี"ท่านน้าเฉิง ระหว่างทางท่านบอกอยู่ตลอดว่าเป็นเมืองเล็กๆ ข้าก็คิดว่าจะเล็กมากๆ คิดไม่ถึงว่าจะคึกคักขนาดนี้"โดยเฉพาะฮูหยินเฉิงยังบอกนางอีกว่า ตลาดนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเมืองเล็กนี้ ส่วนที่พักของคนยังอยู่ด้านหลัง"สถานที่นี้เดิมทีก็ไม่ได้คึกคักขนาดนี้ หลายสิบปีมานี้ ยอดเขาโยวชิงค่อยๆ มีชื่อเสียงขึ้น คนก็แวะมามากขึ้น นอกจากนี้ ถนนที่ลอดใต้ยอดเขาโยวชิงเองก็ถูกขยายออกมาแล้ว คนที่สัญจรไปมาก็มากขึ้น พอมาถึงจื่อซวีก็เป็นจุดพักที่เหมาะเหม็งพอดี""ลอดยอดเขาโยวชิงออกไปที่ใดหรือ?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถามฮูหยินเฉิงยิ้มๆ ตอบว่า "ไปถึงสถานที่หนึ่งที่ชื่อว่าโป๋ไห่ โป๋ไห่ทางนั้นหลายปีนี้ก็คึกคักขึ้นมาเช่นกัน มีการซื้อขายของทะเลบางอย่างที่นั่น ดังนั้นพวกนักชิมบางคนจึงไปที่เมืองโป๋ไห่ ที่นั่นสามารถได้กินอาหารทะเลที่สถานที่อื่
"แม่นาง เจ้าอยากจะซื้ออาหารทำเลหรือ? เจ้าพวกนี้ไม่เหมือนกับปลาในแม่น้ำที่พวกเรากินกันปกตินะ เจ้าอาจจะปรุงมันไม่เป็นด้วยซ้ำ" มีคนพิจารณาฟู่จาวหนิงกับเสี่ยวเยว่"เมื่อครู่เหมือนจะเห็นว่าฮูหยินเฉิงกลับมาแล้ว?" มีคนกลับสังเกตเห็นถึงจุดนี้"ฮูหยินเฉิงกลับมาแล้วหรือ? ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็นัดเหล่าว่านได้แล้วใช่ไหม? งั้นก็ซื้อไว้หน่อย ให้เหล่าว่านช่วยเราจัดการปลาปูให้หน่อย!"คนที่ร้องขึ้นมาอย่างลิงโลดนี้ เห็นได้ชัดว่าอยากกินมาตลอด"คุณหนู ท่านคงไม่ได้คิดจะซื้อพวกนี้หรอกกระมัง?" เสี่ยวเยว่เห็นฟู่จาวหนิงมองปูในตะกร้าไม้ไผ่ นางเหมือนรู้ว่านี่คือปู แต่ไม่เหมือนกับปูแม่น้ำที่เคยเห็นมา ก้ามใหญ่กว่ากันมาก ยิ่งไปกว่านั้นบนตัวยังเป็นสีฟ้าอีกเปลือกของเจ้านี่ดูเหมือนจะแข็งเอามากๆ นางเองก็จัดการไม่เป็น ถึงอย่างไรก็ไม่เคยเห็นมาก่อน"สิ่งนี้ อร่อยมากเลยนะ" ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ิคดว่าจะมาเห็นปูทะเลที่นี่ ข้างๆ ยังมีกุ้งมังกรตัวใหญ่อีกด้วยเจ้าพวกนี้ไปเอามาจากไหนกันเนี่ย?ในทะเลแคว้นเจามีเจ้าพวกนี้ด้วยหรือ?แต่หลังจากได้เห็นนางก็น้ำลายสอเสียแล้วแล้วยังมีหอยทะเลอีกด้วย เอามาทำพริกเกลือนี่อร่อยจัดๆ เลย
ถัดจากนี้สำหรับพวกหลานหรงก็ถือเป็นการท้าทายที่มากกว่าแล้วจากที่ท่านอ๋องคาดการณื ตงฉิงจะต้องมีกลไกลและการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติแน่นอน น่าจะมีวิะีการที่ทำให้ตงฉิงได้กลับมาเห็นตะวันได้อีกครั้ง ที่ไม่ใช่การขุดทีละนิดๆ ของกำลังคนพวกของหลานหรงต้องหาวิะีให้พบ บางทีอาจจะเป็นกลไก?"ที่นี่ในเมื่อเป็นเมืองเก่าที่ตระกูลของราชครูตงฉิงอยู่ ก็น่าจะมีโอกาส นายท่านเคยพูดไว้ ตระกูลของราชครูตงฉิงมีพลังกำลังทรัพย์ที่ไม่อาจประเมินได้อยู่ เมืองชิงเย่เป็นรากฐานของพวกเขา ไม่มีทางปล่อยให้เมืองนี้ต้องล่มสลายไปแบบนี้แน่"หลานหรงหยิบจดหมายที่เซียวหลันยวนเขียนไว้ออกมา ด้านบนยังวาดรูปของเครื่องพยากรณ์ไว้ บางทีคงต้องหาจุดที่สามารถใช้เครื่องพยากรณ์นี้จดหมาย เพียงไม่นานก็ถูกส่งไปหาเซียวหลันยวนอย่างรวดเร็วฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนกำลังสาละวนอยู่ในภูเขาช่วงเช้า และได้รับอะไรมาไม่น้อยนางเจอโสมม่วงร้อยปีต้นหนึ่ง!เดิมทีสิ่งนี้ก็ถือเป็นของที่สุดยอดมากแล้ว ผลลัพธ์คือยังพบวัตถุดิบยาที่ผู้อาวุโสจี้เคยบอกกับนางแต่พันธมิตรโอสถไม่เคยพบมาก่อนอีกหลายชนิดด้วยวัตถุดิบยาพวกนั้น ว่ากันว่าในพันธมิตรโอสถมีแขกลึกลับ
นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน หลังจากหาหยกดาราพบให้รีบส่งออกไปก่อน"ขอรับ"หลานหรงลองสังเกตุทะเลสาบนี้อีกหน่อย วักน้ำขึ้นมาชิม น้ำสะอาดหวาดชื่น น้ำดีที่หาได้ยาก!ที่นี่จะใช่ตำแหน่งที่เมืองหลวงตงฉิงอยู่จริงไหม?"พักกันดีแล้วใช่ไหม? เข้ามาตักน้ำ"หลานหรงเรียกคนเข้ามาทันทีทุกคนเห็นต้นกำเนิดน้ำแบบนี้ก็ดีอกดีใจ เมื่อวานตอนค่ำน้ำถูกดื่มไปจนหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขากระหายกันจะแย่"ก่อไฟต้มน้ำ"เดิมทีตามความเคยชินก่อนหน้านี้ของพวกเขา จะไปที่ไหนก็ล้วนกินน้ำดิบไปตรงๆ แบบนี้สะดวกดี ไม่ได้พิถีพิถันมาก แต่ฟู่จาวหนิงบอกพวกเขาไว้ น้ำจะอย่างไรก็ต้องต้มก่อนถึงจะดี ด้านในอาจจะมีไข่แมลงหรือเชื้อโรคอะไรอยู่ดังนั้นพวกเขาตอนนี้จึงเชื่อฟัง ถ้ามีเวลาและเงื่อนไขเพียงพอ พวกเขาก็จะต้มน้ำให้เดือดก่อนดื่มครั้งนี้พอเห็นน้ำสกปรกขยะแขยงมามากมาย พวกเขาจึงทำตามกฏนี้อย่างเคร่งครัดตอนที่พวกเขาต้มน้ำ หลานหรงเดินไปบนทางเดินเล็กๆ ในทะเลสาบเส้นนั้น ตรงไปทางดงดอกไม้ผืนนั้นเดินอยู่กลางทะเลสาบ สองด้านล้วนเป็นน้ำใสสะอาด สะท้อนภาพฟ้าเมฆคราม ทิวทัศน์งดงามดูกว้างใหญ่ถ้าตงฉิงในอดีตยังดีอยู่ ไม่รู้ว่าจะงดงามขนา
หลานหรงพากลุ่มค้นหามานานมากแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาเจอเมืองเล็กเมืองหนึ่งถูกดินปกคลุมไป ถนนหนทางบ้านเรือนล้วนถูกกลบฝังไปแล้ว แต่ฝนตกมาห่าใหญ่ หลังจากดินภูเขาถูกชะล้างไป ก็มีหลังคาเรือนเล็กๆ บางส่วนโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาดังนั้นหลานหรงจึงยืนยันว่าตงฉิงตอนนั้นถูกกลับฝังไปแล้วจริงๆพวกเขาเจอกับทางเดินเส้นหนึ่ง หลังจากเข้ามาก็พบว่ายิ่งเดินก็ยิ่งยาว และไม่รู้ว่าตรงไปที่ไหนด้วยแต่สองด้านของทางเดินก็ปรากฏศาลาหรือบ้านเป็นระยะๆ อธิบายได้ว่าแต่ก่อนนี่เป็นถนนที่อยู่บนพื้นดิน ส่วนถนนของเมืองเล็กจะตรงไปที่ไหน นอจากเมืองใหญ๋แล้วก็อาจจะเป็นวังหลวงดังนั้นตอนนั้นหลานหรงจึงออกคำสั่งให้เดินตรงไป จนหาทางออกพบคิดไม่ถึงว่าเดินมาสิบกว่าวัน ยังดีที่ด้านในยังมีบ่อน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ยังขุดน้ำขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นคงอันตรายไปแล้วแน่นอน พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลยหลังจากผ่านไปสิบวันในที่สุดพวกเขาก็ออกมาแล้ว แล้วจึงเห็นสถานที่นี้เข้า"พี่ใหญ่ ที่นั่นคงไม่ได้ฝังเมืองไว้อีกแห่งหรอกกระมัง?" ลูกน้องเดินเข้ามา ยื่นถุงใส่น้ำให้เขา ด้านในเหลือแค่อึกเดียวแล้ว ก่อนหน้านี้หลานหรงไม่ได้ดื่มเลย ให้พวกเขาไปจนหมด ตอนนี้
เขากุมมือนางแน่น เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ซษงจื่อหยิบตำราเก่าม้วนหนึ่งเข้ามา ด้านบนเขียนเรื่องตระกูลถังเขาชิงถงไว้""แล้วยังไงหรือ?"นี่มันเกี่ยวอะไรกับนางล่ะ?"หนิงหนิงรู้ไหมว่าเขาชิงถงมีชื่อเสียงในการผลิตอะไร?""อะไรหรือ?""วัตถุดิบยาน่ะ" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงแผ่วเบาฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วไม่ใช่สิ แม้ว่านางจะเป็นหมอ แม้ว่าจะขาดแคลนวัตถุดิบยามาก แม้จะคิดหาวัตถุดิบยาล้ำค่าอยู่ตลอด แต่ก็ไม่จำเป็นขนาดต้องยอมนับญาติเพื่อวัตถุดิบยานี่?"เซียวหลันยวนท่านรู้ไหมว่าอะไรคือความมั่งคั่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตใจ?" นางใช้ศอกกระทุ้งเขาไปทีนึงถังอู๋เจวี้ยนฟังพวกเขาแอบกระซิบกระซาบกัน ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจนใจ"ข้าว่านะ พวกท่านต้องมากระซิบกระซาบต่อหน้าข้าแบบนี้ด้วยรึ? มีอะไรบอกมาตรงๆ ก็พอแล้ว แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้ปู่ข้าเพิ่งจะพบว่า สมัยหนุ่มๆ เขาเคยท่องยุทธภพไปกับผู้อาวุดสจี้กับผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ดังนั้นจึงนับว่าเป็นคนครอบครัวเดียวกัน""อ๋า?"จุดนี้ฟู่จาวหนิงกลับไม่รู้เรื่องเลย!"ผู้อาวุโสจี้ตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์ของท่านหรือ?" ถังอู๋เจวี้ยนหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ยื่นส่งไปตรงหน้าฟู่จาวหนิง "น
ไปแท่นชมดาวช่วงจื่อ(23.00-01.00น.)หรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน "แท่นชมดาวเป็นสถานที่แบบไหน?""แท่นชมดาวต้องเดินขึ้นไปจากตำหนักถวายเครื่องหอม อีกด้านหนึ่ง ที่นั่นมีศาลาอยู่ ด้านนอกศาลามีลานอยู่แห่งหนึ่ง เวลาที่อากาศดีจะมองเห็นดาวระยิบระยับ เหมือนยื่นมือไปเด็ดมาได้เลย"เซียวหลันยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย "แต่ว่าแท่นชมดาวเคยมีศิษย์คนหนึ่งตกลงไป หลังจากนั้นจึงปิดตายไว้ ไม่มีคนเข้าไปนานแล้ว"สถานที่อันตรายหรือ? ทำไมถึงมีคนตกลงไปได้?"แล้วเจ้าอารามให้พวกเราไปที่นั่นทำไมกัน?"เซียวหลันยวนมองซางจื่อซางจื่อส่ายหัว "เจ้าอารามไม่ได้บอกอะไร แต่ว่า เหมือนน่าจะไปชมดาวกระมัง"แท่นชมดาวถ้าไม่ไปชมดาวแล้วจะไปทำอะไรได้?แต่พวกเขาดูชวนฝันขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วยังนัดไปดูดาวช่วงจื่ออีกฟู่จาวหนิงถามซางจื่อ "นอกจากเราสองคน ยังเรียกใครไปอีกไหม?""เจ้าอารามให้องค์หญิงใหญ่ไปด้วย"โอ๋? ฟู่จาวหนิงอดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ "แยกกันไม่ได้เลยว่างั้น?"สวรรค์ให้อภัยนางด้วย เดิมทีนางไม่ใช่คนใจแคบช่างสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้ ใครให้เจ้าอารามสร้างภวังค์เฮงซวยให้นาง แล้วไปสร้างภวังค์ที่เซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่เป็นสา
"เรียนพระชายา ชามนี้เป็นของท่านอ๋อง พ่อครัวทำอาหารให้ท่านอ๋องจนชินแล้ว ทำตามรสชาติที่ท่านอ๋องชอบ"คนที่เข้ามายกชามหมี่น้ำใสไปไว้ตรงหน้าเซียวหลันยวน ส่วนอีกชามวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"ชามนี้คุณชายถังเป็นคนทำ คุณชายถังบอกว่านี่เป็นหมี่ที่คนเขาชิงถงชื่นชอบ ลุงของเขาก็ชอบมาก ดังนั้นจึงลงมือทำชามนี้ให้พระชายาเป็นพิเศษ เชิญพระชายาชิม""ถังอู๋เจวี้ยนเป็นคนทำหรือ?"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นเขาหน้าขรึมลงจริงๆ"กลัวว่าเขาจะวางยาพิษไหม?" ฟู่จาวหนิงพูดติดตลก"พระชายาวางใจ คุณชายถังตอนที่ปรุงในห้องครัวพวกเราคอยดูอยู่ตลอด ใช้แต่วัตถุดิบในห้องครัวเท่านั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน" คนที่นำเข้ามาเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนแม้จะรู้สึกจี๊ดในใจที่ถังอู๋เจวี้ยนประจบนางขนาดนี้ แต่จุดนี้ก็ยังต้องยอมรับ: "ถ้าเขากล้ามาวางยาพิษเจ้าที่นี่จริงก็แสดงว่าไม่กลัวตาย"เขากวาดล้างเขาชิงถงทิ้งทั้งหมดได้ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็หยิบตะเกียบขึ้น "สู้ท่านลองชิมไหม? แล้วชามนั้นท่านให้ข้ากิน"นางรู้ว่าถ้าตนเองก
ฟู่จาวหนิงเห็นปฏิกิริยาของเซียวหลันยวน รู้สึกไม่เข้าใจอยู่หน่อยๆ"ทำไมหรือ? เจ้าอารามฝึกบำเพ็ญ แต่งงานไม่ได้หรือ?"ก่อนหน้านี้นางเหมือนได้ยินว่าอารามนี้ของเจ้าอาราม ไม่ใช่อารามเต๋าที่ไว้สำหรับฝึกบำเพ็ญเต๋า แล้วก็ไม่เคยได้ยินด้วยว่าจะแต่งงานไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาของเจ้าอารามยังน่าหลงใหลขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีหญิงสาวมาชอบแต่จากคำพูดของเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ บนยอดเขาโยวชิงนี้ไม่มีนายหญิงอยู่จริงๆ ไม่มีผู้อาวุโสหญิงที่ติดตามเจ้าอารามแล้วเลี้ยงดูเขามาจนโต"ได้ยินว่า ตอนเจ้าอารามยังหนุ่มมีคู่หมั้นอยู่" เซียวหลันยวนนึกๆ จำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ "แต่ต่อมาไม่รู้ทำไมจึงไม่ได้แต่งงาน เรื่องนี้ข้าได้ยินมาโดยบังเอิญสมัยยังเด็กน่ะ""แล้วคู่หมั้นของเขาล่ะ?""ไม่รู้สิ ต่อมาข้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย และยิ่งไม่เคยถามด้วย"เซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่ใช่พวกชอบแส่เรื่องชาวบ้าน นิสัยเองก็ค่อนข้างเย็นชา เขารู้สึกว่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองก็จะไม่ถามไม่ไถ่ให้มันมากความ"ก่อนหน้านี้ข้ากับเจ้าอารามไม่ค่อยคุยเร่องส่วนตัวกันนัก เคารพเขา แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันมาก แขาแค่เอ็นดูข้า ไม่ได้สนิท
นิ้วของเจ้าอารามเคาะเบาๆ บนโต๊ะ มืออีกข้างก็ลูบเบาๆ วาดผ่านบนเตาถ่านข้างๆ พริบตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไม่เห็น ก็มีผงฝุ่นลอดจากระหว่างนิ้วของเขาปลิวเข้าไปในไฟของเตา แล้วเผาไหม้เป็นกลิ่นหอมจางๆ ออกมาอย่างรวดเร็วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ทันได้รู้สึกเลยนางกำลังมองเจ้าอารามอย่างตกตะลึง"เจ้าอารามกำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม? ข้าจำได้ชัดเจนแท้ๆ แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"ชายคนนั้นที่นางกอด ความรู้สึกที่ริมฝีปากชุ่มชื้นอ่อนนุ่มตอนที่จูบ ใจที่เต้นระรัว มันแจ่มชัดอย่างมาก แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"องค์หญิงใหญ่ เจ้ามองข้านะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองดวงตาเขาข้างหูยังได้ยินจังหวะเคาะโต๊ะเบาๆ ของเขามองดวงตาที่ดูเหมือนมีความเมตตาต่อสรรพชีวิตของเจ้าอาราม นางก็ตะลึงงันไป"ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น เป็นแค่ภวังค์ อีกไม่นานเจ้าก็จะลืมเรื่องทั้งหมด ถ้ามีคนพูดเรื่องนี้อีก เจ้าก็แค่บอกว่าตนเองพูดเล่นไปก็พอ ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น"เสียงของเจ้าอารามค่อยๆ ไหลเข้ามาในหู แฝงไว้ด้วยการปลอบโยนที่แข็งแกร่งสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเริ่มเลือนรางไปบ้าง"เป็นแค่ภวังค์หรือ?""ใช่แล้ว""ไม่เกิดอะไรขึ้น
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆเจ้าอารามกำลังล้างถ้วยชา ไม่มองนาง"ใช่แล้ว""ตอนองค์หญิงใหญ่ยังเล็ก ข้าเคยทำนายว่าเจ้าจะมีเคราะห์ภัย ขอแค่ผ่านเคราะห์ภัยนั้นได้ แล้วมาอยู่ด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยน ชะตาของเจ้าก็จะดีขึ้น โชคดีตลอดไปสงบสุขจนแก่เฒ่า"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินคำพูดเขาในที่สุดก็ได้สติกลับมา"เคราะห์อะไรหรือ?""ตอนนี้ดูแล้ว เคราะห์นั้นน่าจะอยู่บนตัวฝ่าบาทต้าชื่อ และองค์หญิงใหญ่ก็เป็นแม่นางที่ฉลาด ตัดสินใจเด็ดขาด หนีออกมาจากวังหลวงต้าชื่อ วังจักรพรรดิต้าชื่อกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเข้าประตูวังไปก็เหมือนจมลงสู่ก้นทะเล คำนี้นำมาพูดกับองค์หญิงใหญ่แล้ว ถือว่าถูกต้องอย่างมาก"เจ้าอารามล้างชาไปรอบหนึ่ง ชงชามาสองถ้วย ยกขึ้นมาให้นาง "ดื่มชาเถอะ ชาของอายวน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเมื่อครู่ร้องไห้ไปยกใหญ่ ตอนนี้คอเองก็แหบพร่าไปหมดแล้ว กระหายมากด้วย พอสูดๆ จมูก นางจึงยกถ้วยช้านั่นขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น"ดื่มทีละนิด ระวังลวกปาก" เจ้าอารามเตือนนางทันที"โอ้"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ต่อหน้าเขาก็ดูว่าง่ายขึ้นมาก ถอนหายใจแล้วหันมาจิบเบาๆในที่สุดก็ได้ดื่มชานี้แล้ว ทำไมนางถึงไม่ดีใ