ฮูหยินเฉิงหน้าเปลี่ยนสีแม่สามีของนาง นั่นคือพระสนมที่ไท่ซ่างหวงรักที่สุดนะ มาถามแบบนี้มันหมิ่นเหม่ไปแล้ว นางกล้ามาเป็นตำแหน่งนั้นที่ไหน!"พระชายาระวังคำพูดด้วย""หนิงหนิง..." เซียวหลันยวนเองก็ไม่คิดว่าฟู่จาวหนิงจะพูดไม่เกรงใจออกมาทันทีแบบนี้พอประโยคนี้ออกมา ฮูหยินเฉิงอับอายถึงที่สุดเดิมทีเขาคิดจะบอกฟู่จาวหนิงว่า ให้เขาตักเตือนฮูหยินเฉิงเอง ให้ฟู่จาวหนิงไม่ต้องโมโหแต่ตอนที่เสียงของเขากับประโยคที่ว่า 'พระชายาระวังคำพูดด้วย' ของฮูหยินเฉิงออกมาพร้อมกัน ทำหใ้คนรู้สึกว่าเขากับฮูหยินเฉิงยืนอยู่ฝั่งเดียวกัน ตอนนี้เหมืนอกำลังตำหนิฟู่จาวหนิงอยู่อย่างไรอย่างนั้นถึงอย่างไรฟู่จาวหนิงตอนนี้ก็มีความรู้สึกนี้จริงๆนางรู้สึกรำคาญ ลุกขึ้นยืน"ได้ พวกท่านกินไปแล้วกัน"พูดจบนางก็หมุนตัวเดินออกไป"หนิงหนิง เจ้ารอก่อน"เซียวหลันยวนคิดจะตามออกไป ฮูหยินเฉิงยื่นมือมาดึงชายเสื้อเขาไว้นางหน้าขาวซีด โงนเงนเหมือนจะล้ม"อายวน นาง นางหมายความว่ายังไง? นางรุนแรงแบบนี้มาตลอดหรือ? ข้า..."พูดจบเบื้องหน้านางก็มืดดับไป"ท่านน้าเฉิง!"เซียวหลันยวนแยกออกระหว่างแกล้งเป็นลมกับเป็นลมจริงฮูหยินเฉิงเป็น
อาหารเย็นบ้านตระกูลฟู่กินกันมาถึงช่วงท้ายแล้วฟู่จาวหนิงเข้ามาตอนนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกเกินคาดมาก"เสี่ยวเถา ขอชามตะเกียบข้าชุดนึง"หลังจากฟู่จาวหนิงเข้ามาก็ไม่เกรงใจ เบียดตัวมานั่งข้างฟู่จาวเฟยผู้เฒ่าฟู่เห็นสภาพนี้ของนาง ก็รีบเรียกป้าจง "ไปผัดกับข้าวมาให้จาวหนิงอีกสองจาน เร็วๆ หน่อย""โอ้ จะไปเดี๋ยวนี้" ป้าจงรีบวิ่งไปที่ครัวเสิ่นเชี่ยวกังวลหน่อยๆ "ทำไมกระฟัดกระเฟียดแบบนี้? ทะเลาะกับท่านอ๋องมาหรือ?"นางไม่เคยมีประสบการณ์ที่ลูกสาวทะเลาะกับลูกเขยแล้ววิ่งกลับบ้านแบบนี้ จึงปรับตัวไม่ได้ขึ้นมาหน่อยๆฟู่จิ้นเชินกลับคีบลูกชิ้นให้กับนางก่อน"กินคำนึงก่อน นี่ยังกินไม่เสร็จก็รีบหนีกลับมาหรือ?"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกประหลาดใจ "พวกท่านทำไมดูออกว่าข้าโมโห?"นางรู้สึกว่าตนเองก็ไม่ได้โมโหขนาดนั้นนะ แม้จะวิ่งออกมาแบบหงุดหงิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้กระฟัดกระเฟียดอะไรแบบนั้น ทำไมพวกเขามองออกเหมือนไม่ได้นัดกันแบบนี้?"เจ้าสภาพนี้บอกไม่โมโหใครจะเชื่อกัน? จะว่าไปตอนนี้มันก็เวลากินข้าวพอดี จวนอ๋องก็มีแค่เจ้ากับท่านอ๋องกินข้าวด้วยกัน เจ้าวิ่งออกมาตอนนี้ เขากินข้าวที่บ้านคนเดียวหรือ?" เสิ่นเชี่ยวถาม"เข
ยิ่งไปกว่านั้นขนาดอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็ยังพูดออกมาได้ฟู่จิ้นเชินพยักหน้า "ตอนนั้นข้าเคยคิด ว่าจะพาแม่ของเจ้าไปที่ยอดเขาโยวชิง ไปหาอ๋องเจวี้ยนเพื่ออธิบายต่อหน้าให้ชัดเจน""พวกท่านไปยอดเขาโยวชิงมาหรือ?"เสิ่นเชี่ยวส่ายหัว "ไม่มีโอกาสขึ้นยอดเขาโยวชิง แต่พวกเราเองก็ฝ่าฟันอุปสรรคหลายครั้ง กว่าจะไปถึงเมืองเล็กๆ ที่ไม่ห่างจากยอดเขาโยวชิง"ที่แท้พวกเขาก็เคยคิดจะเดินเส้นทางนั้น"ที่เมืองเล็กนั่น พวกเราถูกมือสังหารสองกลุ่มจับตาอยู่ ดังนั้นจึงต้องซ่อนตัวในเมืองเล็กชั่วคราว พักอยู่ที่นั่นหลายวัน"ฟู่จิ้นเชินย้อนคิดไปถึงช่วงเวลานั้น "ตอนนั้นน่าจะตอนที่อ๋องเจวี้ยนอายุสิบเอ็ดสิบสอง""พวกเขาได้ยินเรื่องอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นที่เมืองเล็กนั่น ยอดเขาโยวชิงในพื้นที่นั้นก็ค่อนข้างมีชื่อเสียง คนในเมืองกับชาวบ้านในหมู่บ้านเล็กๆ ใกล้ๆ พอถึงช่วงเทศการก็อยากจะขึ้นเขาไปจุดธูป ดีที่สุดคือได้พบกับเจ้าอาราม ได้ดื่มชากับเขาสักถ้วย ฟังเขาไขข้อสงสัยให้"ฟู่จาวหนิงฟังไปด้วยกินไปด้วยคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงจะมีชื่อเสียงบารมีขนาดนี้แต่ว่ามันก็จริง พอลือไปถึงเมืองหลวงก็มีคนมากมายชื่นชมศรัทธา ไม่ต้องพูด
ฟู่จาวหนิงกินจนพุงป่องฟู่จาวเฟยวิ่งมาข้างๆ นางด้วยท่าทีขี้เล่น "มา ท่านพี่ เดี๋ยวน้องชายประคองเอง"เขายื่นมือออกมา ฟู่จาวหนิงเหลือบมองเขา ทาบไว้บนหลังมือเขา "ไปเถอะ ไปดื่มชาที่โถงหน้า""ได้เลย"พี่น้องสองคนวางท่าเดินออกจากห้องอาหารผู้เฒ่าฟู่หัวเราะก่นด่า "ทำท่าทำทางอะไรนั่น? เจ้าเสี่ยวเฟยนี่ก็หัวเราะไม่หยุดเลย"แม้จะดูก่นด่า แต่พอเห็นฉากนี้ เขารู้สึกว่าหัวใจเอ่อล้น มีความสุขจนไม่รู้จะบรรยายออกมาอย่างไรเทียบกับก่อนหน้านี้ ความกลมเกลียวในบ้าน ความคึกคักในบ้านตอนนี้ ดีงามจนเหมือนไม่ใช่ความจริงฟู่จิ้นเชินเองก็มาประคองเขา"ไม่ต้องให้เจ้ามาประคองหรอก ตอนนี้ข้าเดินเหินคล่องแล้ว เจ้าไปคุยกับจาวหนิงเถอะ เล่าเรื่องฮูหยินอะไรนั่นซะ"ผู้เฒ่าฟู่โบกปัดมือเขาออกตอนนี้กินข้าวเสร็จแล้ว ก็ได้เวลามาคุยเรื่องฮูหยินเฉิงอะไรนั่นเสียทีผู้เฒ่าฟู่ไม่ค่อยสบายใจนัก ถือดียังไงถึงไม่ชอบจาวหนิงของพวกเขา?แล้วก็ เซียวหลันยวนนี่ยังไงกัน? ทำเอาจาวหนิงต้องหนีกลับมาบ้านฝ่ายหญิงแบบนี้ หรือเขาไม่ได้รั้งเอาไว้ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวเดิมทีคิดจะไปถามให้ชัดเจนเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นจากที่พวกเขาสังเกต
ฟู่จิ้นเชินเหลือบมองเขา "เสี่ยวเฟย พี่เขยเขาก็ดีกับเจ้านะ ถ้าเขาเคารพฮูหยินเฉิงจริง เจ้าในฐานะเป็นเด็กเล็กสุด ต่อให้คิดจะยืนอยู่ฝั่งพี่สาว ก็ไปตำหนิผู้อาวุโสของพี่เขยเจ้าตรงๆ ไม่ได้"แบบนี้ถ้าเซียวหลันยวนได้ยินเข้า จะกลายเป็นว่าพวกเขาสั่งสอนไม่ดีไปพวกเขาพูดกันได้ แต่ฟู่จาวเฟยที่ก่อนหน้าได้รับการคุ้มครองจากเซียวหลันยวนมาตลอด ไม่มีสิทธิ์จะไปด่าทอ"ท่านพ่อ ข้ารู้แล้ว" ฟู่จาวเฟยเม้มปากสนิทเรื่องที่ราชาเฮ่อเหลียนกบฏ ถ้าไม่ใช่อ๋องเจวี้ยนหันมาปกป้องเขา เขาคงจะถูกองค์จักรพรรดิโยนออกไปแล้วดังนั้น พี่เขยก็ปกป้องเขามาจริงๆ เขาเองก็ซาบซึ้งไม่น้อยต่อตัวพี่เขยข้อดีของฟู่จาวเฟยก็คือรับฟังเหตุผลได้"อันที่จริงเซียวหลันยวนเองก็ไม่ใช่ว่าไม่ยืนอยู่ฝั่งข้าหรอก สุดท้ายเขาก็ไม่ให้ฮูหยินเฉิงขุดหญ้าเฝิ่นซิงนั่น ให้นางย้ายไปเรือนรับแขกเลย แล้วตอนค่ำก็ยังลงโทษสาวใช้ข้างกายฮูหยินเฉิงให้คุกเข่าด้วย"ฟู่จาวหนิงถอนใจเบาๆ รู้สึกสับสนหน่อยๆอันที่จริงนางก็ไม่มีประสบการณ์ที่เกี่ยวกับด้านนี้เท่าไรนัก"แล้วเจ้าคิดอย่างไรล่ะ?" ฟู่จิ้นเชินถาม "ทะเลาะแล้วงอนกับอ๋องเจวี้ยนหรือ?""ก็ไม่ได้คิดอะไร ข้ารู้สึกว่า
ครอบครัวตระกูลฟู่อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่เพิ่งออกจากวังจักรพรรดิก็ถอนใจโล่งออกมายาวๆได้รับการช่วยเหลือจากหยวนอี้ นางจึงได้เข้าวังพบกับจักรพรรดิยิ่งไปกว่นั้นองค์จักรพรรดิไม่รู้ว่านางมาจากเมืองเจ้อด้วย ยังคิดว่านางหนีจากต้าชื่อมาแคว้นเจาโชคของนางกลับมาอีกแล้ว พอพบกับจักรพรรดิ ก็มีคนเข้ามารายงานข่าว บอกว่าพบเสบียงประเภทหนึ่ง กินแล้วอิ่มท้อง มีผลผลิตเยอะมาก สามารให้ผู้ประสบภัยไปลองปลูกได้ นับว่าช่วยให้ผู้ประสบภัยมีอะไรทำบ้าง และยังมีความหวังเรื่องเติมปากท้องด้วยได้ยินว่าข่าวดีนี้เป็นผู้บริหารท้องถิ่นโหยวจากเมืองเจ้อที่นำมาตอนนั้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรออยู่ที่ตำหนักข้าง พอได้ยินเสียงประกาศว่าฝ่าบาทให้นางเข้าไป ตอนที่นางกำลังจะก้าวขาออกไปก็เห็นผู้บริหารท้องถิ่นโหยววิ่งไปห้องหนังสือหลวงอย่างกระตือรือร้น นางจึงหดตัวกลับไปผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรายงานข่าวดีนี้ องค์จักรพรรดิก็ค่อนข้างดีใจมากแต่เขาก็ยังไม่ให้ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเข้าไป ให้เขาตะโกนพูดอยู่ที่ประตูห้องหนังสือหลวง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึงได้ยินเข้าองค์จักรพรรดิพอดีอกดีใจ ก็ได้ยินผู้บริหารท้องถิ่นโ
"แล้วจากนี้ องค์หญิงใหญ่คิดจะทำอย่างไร?" หยวนอี้ถามมาอีก"คุณชายหยวนคงจะศึกษาแคว้นเจามาแล้วกระมัง?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นย้อนถามเขา"ท่านคิดจะถามอะไร?""ก่อนหน้านี้ข้าเคยถามคำถามนี้แล้ว อยากให้คุณชายหยวนช่วยข้าวิเคราะห์ดู ในแคว้นเจา ข้าจะหาใครที่พึ่งพิงได้บ้าง เอาที่มั่นคงหน่อย?"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่มีคนที่หารือด้วยได้เลย มีแค่หยวนอี้เท่านั้นหลายวันนี้ที่อยู่ด้วยกันกับหยวนอี้ นางก็สังเกตได้ว่าหยวนอี้เข้าใจแคว้นเจาอยู่ไม่น้อย บางทีถามคำถามนี้กับเขาน่าจะเหมาะที่สุด"ไปหาใครน่ะหรือ? ตอนนี้แน่นอนว่าต้องเป็นองค์รัชทายาทสิ" หยวนอี้มองนางยิ้มๆ อย่างมีนัยยะแฝง "องค์หญิงใหญ่ที่คิดอยู่สองวันนี้ไม่ใช่องค์รัชทายาทหรอกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นยังให้หญิงรับใช้ในวังราชนิเวศส่งปิ่นทองไปอีก แล้วยังให้นางสืบด้วยว่าองค์รัชทายาทจะกลับจากวัดคุ้มครองแคว้นเมื่อไร"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหน้าแดงก่ำนางไม่คิดว่าเรื่องที่ตนเองแอบทำ จะถูกหยวนอี้รู้จนหมดหยวนอี้เป็นแค่ทูตที่มาพักในวังราชนิเวศน์เท่านั้นนี่นา?ทำไมถึงจับตาดูไปทั่วเลยล่ะ?"องค์รัชทายาทแคว้นเจา หลายปีก่อนยังพอดูมีตัวตนอยู่บ้าง ช่วงหลายปีนี้ไ
"แบบนี้แล้วกัน แคว้นหมิ่นของเรา สนับสนุนองค์รัชทายาท ยิ่งไปกว่นั้น ครั้งนี้ถ้าหากทั้งสองแคว้นร่วมมือกันสำเร็จ หลังจากนี้แคว้นหมิ่นของเราจะสนับสนุนองค์รัชทายาทอย่างเต็มกำลัง" หยวนอี้บอกกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตรงไปตรงมา"ทำไมท่านจึงบอกเรื่องนี้กับข้า?"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีท่าทีระแวดระวังขึ้นมาอย่างหาได้ยากเฉินเซียงตายไปแล้ว องครักษ์คนสนิทที่คุ้มครองนางหนีออกมาจากต้าชื่อก็ตายไปแล้วเช่นกัน ยังมีสาวใช้วังอิ๋นสั่วอีกคนที่ยังอยู่ในต้าชื่อคอยทำงานแทนนาง แต่ในเมื่อฝ่าบาทรู้ร่องรอยของนางแล้ว เช่นนั้นอิ๋นสั่วก็น่าจะเคราะห์ร้ายไปแล้วแน่นอนดังนั้นข้างกายนางตอนนี้จึงไม่มีใครเลยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็รู้ว่าตนเองต้องเติบโต จะใสซื่อไร้เดียงสาเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว ที่คิดแต่ว่าโชคของตนเองยังดีอยู่มาก พระเจ้าเองก็คงจะคุ้มครองนางให้ทุกอย่างราบรื่นตอนนี้นางเอาแต่คิดแบบนั้นไม่ได้อีกแล้วหยวนอี้ตอนนี้เอาความลับเหล่านี้มาบอกนาง เพราะคิดอยากได้อะไรจากตัวนางกัน?"องค์หญิงใหญ่เองก็อย่าดูแคลนตนเองนักเลย บนตัวท่านอันที่จริงมีโชคที่สูงกว่าคนทั่วไปมาก จุดนี้ กระทั่งเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก็ยืนยันแล้
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้