อ๋องเจวี้ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปทางซือถูไป๋สายตาของซือถูไป๋ตกอยู่บนใบหน้าฟู่จาวหนิงตลอดเขามองเช่นนี้ สายตาของพวกเขาทั้งสองมองไกลๆ เหมือนปะทะกันกลางอากาศแล้ว ซ้ำยังเกาะอยู่ด้วยกันเสียด้วยในใจอ๋องเจวี้ยนไม่รู้ทำไมถึงไม่สบายใจเอาเสียเลยซือถูไป๋แค่เหลือบมองก็เห็นฟู่จาวหนิงอยู่ในกลุ่มคนแล้ว แม้ว่านางจะสวมใส่ชุดที่ไม่สะดุดตา และไม่ใส่เครื่องประดับใด แต่ยืนอยู่นี่นั้นก็ยังคงจับเอาสายตาเขาไปอยู่ดีเขายิ้มออกมา รีบก้าวเข้ามาทางนี้แต่ไม่ต้องรอให้เขาพูดกับฟู่จาวหนิง รองเถ้าแก่หูก็มองเห็นเขาแล้ว เขาถลึงตาโต ไม่อยากจะเชื่อ "คุณชาย?"ตระกูลซือถูคือเจ้านายของเขา โรงยาทงฝูก็ล้วนเป็นของตระกูลซือถูรองเถ้าแก่หูตอนนี้รู้สึกว่าที่พึ่งของตนเองมาถึงแล้ว เขายกมือขึ้นพุ่งไปเบื้องหน้าไป๋ซือถู ร้องห่มร้องไห้เรียกขึ้นมา "ข้าน้อยคารวะคุณชาย คุณชายท่านมาตั้งแต่เมื่อไรกัน?"ซือถูไป๋เดิมทีจะเดินไปทางฟู่จาวหนิง จู่ๆ ก็ถูกคนขวางเอาไว้ เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา"เจ้าคือ?""คุณชายไป๋ ข้าน้อยคือรองเถ้าแก่หูร้านสาขาโรงยาทงฝูในเมืองหลวงแคว้นเจาขอรับ จ้าย้อนสกุลหู""โอ้" ซือถูไป๋พยักหน้า "ร้านสาขาทางนี้ก็ลำบ
อ๋องเจวี้ยนมองดูคู่ที่ยืนอยู่ตรงข้าม ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกขัดตา พอมองๆ ฟู่จาวหนิ่งยังยิ้่มให้ซือถูไป๋อีกด้วยยิ้มเสียเจิดจ้าเชียว?อ๋องเจวี้ยนยื่นมือกดบนต้นไม้ข้างๆ ใช้กำลังภายในออกมาอย่างไม่ทันระวัง ใบไม้ถูกสะเทือนจนทยอยร่วงลงมาแล้วชิงอีถลึงตาโต ลมฤดูใบไม้ร่วงแรงไปหรือ? ไม่นี่ ทำไมจู่ๆ ใบไม้จึงร่วงลงมากัน?"ข้ายอมให้นางเข้ามาดูอาการข้า"ตอนนี้เองฮูหยินที่อ่อนแอคนนั้นก็ส่งเสียงขึ้นฟู่จาวหนิงหมุนตัวเดินไปที่นาง"ท่านป้า ข้าจะดูอาการให้ท่านเอง ท่านผ่อนคลายไม่ต้องกังวล" ฟู่จาวหนิงดค้งตัวลงดูใบหน้านาง ยื่นมือไปกดเบาๆ บนใบหน้านาง"เจ็บไหม? มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง?""ไม่เจ็บไม่คันเลย เหมือนแต่ก่อน" ท่านป้ามองฟู่จาวหนิงใกล้เช่นนี้ ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา พระชายาอ๋องเจวี้ยนคนนี้หน้าตาดีเหลือเกิน"ตอนที่นอนหลับท่านชอบตะแคงนอนทางนี้ใช่ไหม? แล้วตอนที่ตื่นขึ้นมาตอนเช้า หน้าด้านนี้ก้ไม่มีอะไรผิดปกติใช่ไหม อย่างอาการชาอะไรพวกนี้"ฟู่จาวหนิงถามไปด้วยจับชีพจรไปด้วยฮูหยินรู้สึกว่านางอ่อนโยนมาก พูดจาเองก็แผ่วเบาละเมียดละไม อย่างกับคนละคนกับตอนที่ตบฉาดสองทีที่หน้าของรัฐทายาทเซียวเลยฟู่จาวห
"หมอเทวดาหลี่เองก็ไม่อดทนเอาเสียเลย สู้ไปหาสถานที่ฟังเพลงดื่มชาเสียดีกว่า อย่ามารออยู่ที่นี่เลย"ฟู่จาวหนิงเหล่มองหมอเทวดาหลี่ผาดหนึ่ง ประชดประชันกลับไป "เมื่อครู่ตัวเองก็พูดไร้สาระไปครึ่งค่อนวัน ตอนนี้ข้าจะใช้ชามเล็กมาพิสูจน์การพิจารณาของตนเอง หมอเทวดาหลี่ก็รอไม่ไหวเสียแล้วหรือ?"ใบหน้าหมอเทวดาหลี่ร้อนวูบวาบ แต่หลักๆ คือโทสะเขาโกรธฟู่จาวหนิงขึ้นแล้วจริงๆก็แค่หญิงสาวที่อายุน้อยกว่าเขาไม่ใช่แค่สองรอบคนหนึ่ง แต่พูดจาไม่เคารพเขาเลย!"ได้ เจ้าทำต่อไปสิ"เขาเองก็จะดูเสียหน่อยว่าจะดิ้นรนเอาผลลัพธ์อะไรออกมากันคนรอบๆ เองก็ดูอยากรู้อยากเห็นมาก ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงเอาชามเล็กออกมาเทน้ำลงไปครึ่งหนึ่งทำไม"นี่เป็นน้ำสะอาดใช่ไหม?" ฮูหยินเองก็ถามขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็น"ไม่ใช่ นี่เป็นยาน้ำน่ะ" ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกอดทนต่อคนป่วยอยู่ "สิ่งนี้สามารถละลายวัตถุได้ ด้านในมีสีอะไรอยู่ก็จะปรากฎออกมา""เส้นผมจะมีสีอะไรได้อีกล่ะ? ไม่ใช่ว่าสีดำหรอกหรือ?" คนรอบๆ พูดออกมาคำหนึ่งส่วนซือถูไป๋กลับครุ่นคิด "เมื่อครู่ท่านป้าคนนี้บอกว่านางย้อมผมมา ที่ออกมาก็น่าจะเป็นสีของน้ำยาย้อมผมกระมัง?"ฟู่จาวหนิงส่
หมอเทวดาหลี่รู้สึกโกรธขึ้นบ้างแล้วถ้าเป็นเช่นนีค้จริง เช่นนั้นตรวจไข้เมื่อครู่นี้ของเขาก็กลายเป็นเรื่องตลกไปแล้วสิ?!"ข้าบอกแล้ว ข้าก็แค่พิสูจน์การพิจารณาของตนเอง ตอนนี้สีก็สอดคล้องกัน ข้าจะตรวจสอบอีกครั้ง" ฟู่จาวหนิงล้วงเข็มอีกหลายเล่มออกมา"ท่านอาจารย์ ต้องการไฟเทียนกับผ้าทำแผล" นางพูดกับผู้อาวุโสอีกครั้งผู้อาวุโสจี้ถีบคนข้างๆ อีกครั้ง "เร็ว ไปหยิบไฟเทียนกับผ้าทำแผลมาเร็ว""ศิษย์เอ๋ย เจ้าทำแบบนี้ไม่ได้นะ เจ้าเองก็เป้นหมอคนหนึ่ง ไม่มีกล่องยาได้อย่างไร? เดี๋ยวอาจารย์จะมอบให้เจ้าใบหนึ่งเอง" ผู้อาวุโสจี้พูดกับฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงคิดถึงกล่องยาน้อยใหญ่ในห้องเภสัชของตนเองขึ้นมานางไม่ใช่ว่าไม่มี กล่องยาของนางระดับสูงอยู่นะ หยิบออกมาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่ว่าตอนนี้ดูท่านางต้องเตรียมกล่องยาสำหรับทางนี้แล้วสักใบจริงๆ"ขอบคุณท่านอาจารย์"ซูถูไปตาเปล่งประกายกล่องยาหรือ? เขาเหมือนรู้แล้วว่าตนเองต้องมอบอะไรให้นางไฟเทียนจุดเสร็จแล้ว ฟู่จาวหนิงนำมาใช้เผาเข็มเงิน อันที่จริงเข็มเงินของนางเองก็ฆ่าเชื้อในห้องเภสัชมาแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังเคยชินที่จะทำอีกครั้ง อย่างน้อยก็ทำให้หมอคนอื่นหลังจากที่
ผู้อาวุโสจี้ตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว ผลักคนรอบข้างออกแล้วเบียดตัวเข้ามา เข้าไปมองใบหน้าของฮูหยิน"ท่านอาจารย์ อย่าใจร้อน"ฟู่จาวหนิงหยิบผ้าทำแผลเดินออกมาอย่างใจเย็น เช็ดหยดเลือดเหล่านั้นบนผ้าทำแผล สีม่วงสีเลือดพอย้อมปนกัน ก็มองเห็นชัดเจนเป็นพิเศษในขอบเขตเข็มหกเล่มที่แทงลงไป มีตำแหน่งเล็บนิ้วหนึ่ง สีม่วงแต่เดิมจางลงไปมาก เทียบกับข้างๆ แล้วจางลงไปหลายระดับอยู่"เป็นน้ำยาย้อมผมซึมเข้าไปจริงๆ ด้วย" ฟู่จาวหนิงหยิบผ้าทำแผลส่งให้ฮูหยินคนนั้นดู จากนั้นก็หันหน้าไปมองผู้อาวุโสจี้ "ท่านอาจารย์"ผู้อาวุโสจี้เอ่ยขึ้นทันที "จะเอากระจกทองแดงใช่ไหม? มีมีมี" เขาเตะไปที่คนข้างกายอีกทีกระจกทองแดงจึงถูกส่งออกมาทันที ฮูหยินรับไป และก็เห็นว่าส่วนหนึ่งบนใบหน้าสีจางลงไปมากแล้วจริงๆฟู่จาวหนิงเอ่ยต่อ "นี่เป็นเพราะน้ำยาย้อมผมซึมเข้าไปบนหน้าท่าน แต่ว่าเพราะอะไรจึงซึมไปแค่ครึ่งหน้า ก็ยังต้องตรวจอย่างละเอียดอีกที เอาไว้ท่านนำยาเหล่านั้นมาให้ข้าดูหน่อย หมอเองก็ต้องตรวจด้วย รวมถึงผมที่ย้อมไป ต้องบอกกับข้าอย่างละเอียด จึงจะสามารถรักษาให้หายดีได้"ฮูหยินร้องไห้โฮออกมา"ข้าไม่ได้ป่วย ข้าไม่ได้โชคร้าย ไม่ได้ไปแปดเป
หมอเทวดาหลี่กระแทกไหล่ สะบัดมือของเขาออก"ผู้อาวุโสจี้ หางของเจ้าชี้ขึ้นไปบนฟ้าแล้วหรือไร? เป็นคนก็อย่าได้หยิ่งทะนงนัก ศิษย์ของเจ้าอายุเท่าไรกันเชียว? จะเติบโตต่อไปได้หรือไม่ก็ยังไม่แน่หรอก!""หมอเทวดาหลี่คำพูดนี้เหมือนคุกคามกันนะ" ซือถูไป๋ที่อยู่ข้างๆ เอ่ยประโยคที่ดูไม่ค่อยจะอบอุ่นขึ้นอย่างอบอุ่น "ข้ารู้สึกว่าคุณหนูฟู่ฉลาดเฉลียวเช่นนี้ เส้นทางหลังจากนี้ยังยาวไกลเสียเหลือเกิน""คุณชาย ท่านปกป้องนางทำไมกัน" อาเพียนเอ่ยค้านขึ้นเสียงแผ่วฟู่จาวหนิงเมื่อครู่ไม่เห็นโรงหมอทงฝูในสายตา แม้เขาจะไม่ชอบรองเถ้าแก่หู แต่ว่ารองเถ้าแก่หูก็ถือเป็นคนของตนเอง เขาถูกคนของฟู่จาวหนิงหักนิ้ว เขาแน่นอนว่าต้องไม่ชอบฟู่จาวหนิงหมอเทวดาหลี่ฟังความหมายของซือถูไป๋ออกและชิงอีเองก็ฟังออกแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมองท่านอ๋องบนต้นไม้ เอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านอ๋อง ซือถูไป๋แสดงออกว่าปกป้องพระชายาแล้วใช่ไหม?"ใช่ไหม?นี่เป็นการแสดงออกต่อหน้าหมอเทวดาหลี่เลย ว่าหลังจากนี้เขาจะยืนอยู่ฝั่งฟู่จาวหนิง หมอเทวดาหลี่ถ้าจะคุกคามก็ต้องคิดหนักหน่อยท่านอ๋องหลบมองอยู่ห่างๆ มาตลอด และไม่ยอมออกไปช่วยพระชายาด้วย ทั้งที่เป็นที่พึ่งข
ฟู่จาวหนิงยังคิดอยู่ ว่าวันนี้ไห่ฉางจวิ้นทำไมถึงไม่โผล่มาเสียทีครั้งที่แล้วก่อนที่นางจะออกไปทิ้งคำพูดไว้ แล้วก็ไม่โผล่ออกมาเลย ฟู่จาวหนิงก็นึกอยู่ว่าเรื่องอะไรที่ยังทำไม่เสร็จตอนนี้พอเห็นไห่ฉางจวิ้นมาแล้ว ฟู่จาวหนิงก็วางใจขึ้นมาไห่ฉางจวิ้นพอมาถึง ซือถูไป๋ก็ขยับตัวเข้ามาขวางสายตาที่นางจ้องเขม็งฟู่จาวหนิงไว้ด้วยสัญชาตญาณ"คุณชายซือถู?"ฟู่จาวหนิงมองเขา ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา แต่พอเห็นว่าเขาคิดจะมาปกป้องฟู่จาวหนิง ไฟโกรธของนางก็ปะทุขึ้นมาแล้ว"ฟู่จาวหนิง ถ้าเจ้ามีความสามารถก็ยืนขึ้นมา หลบอยู่ด้านหลังคุณชายซือถูทำไมกัน?" ไห่ฉางจวิ้นเอ่ยขึ้นเย็นชาฟู่จาวหนิงเก็บของเสร็จเรียบร้อย เดินออกมาจากศาลาฮูหยินคนนั้นเองก็กำลังขอบคุณนางจากนั้นก็รีบกลับบ้านไป นางจะรีบไปบอกข่าวดีกับคนที่บ้านส่วนคนอื่นก็ล้วนพาคนไข้เข้ามา แล้วยังมีคนนำวัตถุดิบยาที่อยู่ในกล่อง วิธีเดิมพันต่างๆ ก็เริ่มขึ้นมา หมอคนอื่นเองก็กำลังวุ่นวายขึ้นพวกเขาอยากจะจับตาดูฟู่จาวหนิงต่อ แต่อะไรก็ไม่ได้สำคัญกว่าการเดิมพันหมอการรู้จักยาของพวกเขารอบๆ มีเสียงจอแจขึ้นมา ฟู่จาวหนิงเก็บของเดินออกมาอีกด้านหนึ่ง ห่างออกจากกลุ่มคนหน่
นางมองไปทางซือถูไป๋อาเพียนก็โมโหขึ้นทันที มายืนอยู่ข้างหน้าซือถูไป๋ "เจ้าเป็นบ้าหรือไรกัน? คุณชายของข้าเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า? แล้วเจ้าจะมาเดิมพันถึงตัวคุณชายข้าได้อย่างไร?"เขาหันหน้าไปเอ่ยกับซือถูไป๋ "คุณชาย พวกเราไปเถอะ อย่าไปสนใจพวกนางเลย!"น่าขันเสียจริง!"แม่นางไห่คิดจะเดิมพันอย่างไร?" ซือถูไป๋กลับยืนนิ่งไม่ขยับ เอ่ยถามไห่ฉางจวิ้นขึ้นมาอย่างอ่อนโยน"คุณชาย?" อาเพียนถลึงตาโตมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ หรือว่าคุณชายจะรับปากเดิมพันจริงๆ?"ข้ากับนางมาแข่งความรู้เรื่องยาสมุนไพร วันนี้เดิมทีก็มีการแข่งรู้จักสมุนไพรนี่ พวกเขาล้วนนำเอาวัตถุดิบยาล้ำค่าของตนเองออกมา ข้าจะแข่งกับนางว่าใครรู้จักมากกว่ากัน!"ไห่ฉางจวิ้นี้ไปที่ลานแห่งหนึ่งที่ไม่ห่างออกไปนัก ที่นั่นคนมีคนมากมายนำเอาวัตถุดิบยาออกมาจริงๆ และมีคนกำลังพิจารณาอยู่ที่นั่นด้วยฟู่จาวหนิงมองไปทางผู้อาวุโสจี้ ผู้อาวุโสจี้พยักหน้าสิ่งที่พันธมิตรโอสถใต้หล้ากับโรงหมอเมตตาจะแข่งขันกันก็คือสิ่งนี้!ในเมื่อผู้อาวุโสจี้เองก็จะเข้าร่วมสิ่งนี้ เช่นนั้นจะตอบรับไห่ฉางจวิ้นไปก็ได้ แต่การเอาซือถูไป๋มาเดิมพันเป็นหลัก นางเองก็ไม่ได้บ้าระดับนั้น
ยาครั้งนี้ มีประสิทธิภาพมากจริงๆพอถึงตอนฟ้าสาง มีคนป่วยหนักแต่เดิมหลายคน มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเดิมทีที่ป่วยจนไม่รู้สึกตัวแล้ว วันนี้ตอนเช้าก็สามารถประคองตัวลุกขึ้นนั่งมากินข้าวต้มได้นี่ทำให้คนทั้งหมดดีใจกันมากมีผลลัพธ์เช่นนี้ ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรู้สึกว่าตนเองวันนี้เดินเชิดหน้ายืดหลังตรงได้เสียทีนี่อธิบายได้ว่ามีความหวังแล้วจริงๆ! ไม่สิ พูดว่าเป็นความหวังไม่ได้แล้ว มันมีผลลัพธ์ที่ดีแล้วต่างหากตอนที่ฟู่จาวหนิงวุ่นอยู่ทั้งคืน เซียวหลันยวนเองก็ออกไปทั้งคืนไม่ได้กลับมาตอนที่ฟู่จาวหนิงได้พัก ได้กินข้าวเช้า จึงเพิ่งนึกได้ว่าเซียวหลันยวนไม่รู้หายไปไหนนางถามสืออี สืออีก็ดูจะตื่นเต้นขึ้นมารางๆ"ท่านอ๋องออกเมืองไปแล้วขอรับ"ออกเมือง?เซียวหลันยวนออกจากเมือง แล้วทำไมสืออีถึงดูตื่นเต้น?"หรือจะออกไปหาโจวติ้งเจิน?" ฟู่จาวหนิงตกตะลึงถึงแม้ทหารส่วนใหญ่จะโดนพิษที่ทำให้เสียกำลังในการต่อสู้ไป แต่ก็มีส่วนน้อยที่ไม่ได้โดนพิษ หรืออาจจะมีคนที่โดนพิษไปน้อยมาก นั่นก็ยังสู้ได้อยู่นะองครักษ์ของเซียวหลันยวนส่วนใหญ่ยังอยู่ที่นี่ เพราะเมื่อคืนตอนที่นางวิ่งไปดูแลคนป่วยตรงนั้นตรงนี้ ย
แต่ว่านางเองก็เห็นว่าฝนเองก็ตกอย่างที่ฟู่จิ้นเชินคำนวณไว้จริงๆตอนนี้พอเห็นสีหน้าของฟู่จิ้นเชินกับอันเหนียน ก็รู้ว่าน่าจะเรียบร้อยดี"ให้ใต้เท้าอันเล่าเถอะ เขาเล่านิทานเก่งกว่าข้า" เซียวหลันยวนไม่ค่อยชินที่ต้องพูดอะไรยาวๆ สถานการณ์แบบนี้ให้อันเหนียนพูดดีที่สุดอันเหนียนเองก็ดูจนใจ นี่มองเขาเป็นพวกนักเล่านิทานหรือไรกัน?ปกติเขากับพูดกับพระชายามากหน่อย อ๋องเจวี้ยนก็จะหึงหวงขึ้นมา แล้วมาใช้เขาแบบนี้ ไม่หึงแล้วเรอะ?ถึงแม้จะไม่ค่อยพอใจ แต่ตอนที่สายตาคาดหวังของฟู่จาวหนิงหันมา อันเหนียนก็เล่าฉากเมื่อครู่ออกมาอย่างมีชีวิตชีวาฟู่จาวหนิงหลังจากฟังก็อดขำขึ้นมาไม่ได้"ดูท่าขุนพลโจวคืนนี้คงจะน่าเวทนาเอาเรื่อง ฤทธิ์ของผงยานั่น ก็ทำให้พวกเขากระทั่งแรงจะตั้งค่ายก็ยังไม่มีจริงๆ นั่นล่ะ"ยิ่งไปกว่นั้นพวกเขายังไม่มีแรงจะเดินไปไหนไกลได้ด้วยถ้าหากฝนตกทั้งคืน เช่นนั้นพวกเขาก็อาจจะต้องตากฝนกันทั้งคืนและคืนนี้ โจวติ้งเจินก็ซมซานจนต้องด่าพ่อล่อแม่ออกมาเลยทีเดียวแต่ว่าคนมากมายแค่แรงจะด่าก็ยังไม่มียังดีที่ฝนห่านี้ไม่ได้มีฟ้าผ่า พวกเขาถอยลงไปตีนเขากันอย่างยากลำบาก ที่นั่นมีต้นกล้วยอยู่ผืนใหญ่ แล
เหล่าทหารถ้าให้บอกว่าตัวเองไม่สบายตรงไหน แล้วยังไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน หรือปวดท้องปวดบิดปวดหัวหรืออยากถ่ายอะไรทำนองนั้นเลยพวกเขาแค่รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงอย่างเดียวเท่านั้น!"แม่งเอ๊ยจู่ๆ ก็มาอ่อนแรงเป็นผู้หญิงได้ยังไงกัน!" มีคนอดก่นด่าตัวเองขึ้นมาไม่ได้ คิดจะยกมือขึ้นทุบตัวเองก็ยังไม่มีแรงเลยตอนนี้จู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่าอะไรคืออ่อนแอดั่งหลิวต้องลม ปวกเปียกจนดูแลตัวเองไม่ได้มีคนลงไปนอนบนพื้นขนาดแค่จะปีนขึ้นมาก็ยังไม่มีแรง"ลุกขึ้นมา!""บอกให้พวกเจ้าลุกขึ้นมา ไม่ได้ยินรึ? อย่าบีบให้ข้าต้องซัดพวกเจ้านะ!"โจวติ้งเจินโมโหจนมึนงง ตะโกนขึ้นดังลั่น กระโจนลงมาจากม้า สาวเท้าเดินเข้าไปข้างตัวทหารที่อยู่ใกล้เขาที่สุด ยกเท้าขึ้นเตะคนที่นอนอยู่บนพื้น"ลุกขึ้นมาได้ยินไหม? พวกเจ้าดูซิพวกเหมือนตัวอะไรกันไปแล้ว?"มาตีเมืองกันแท้ๆ แต่ตอนนี้ดันมานอนบนพื้น! มานอนกันจนทำให้คนบนหอเมืองหัวเราะเยาะ! ดูแล้วยังเป็นเขาด้วยที่กลายเป็นเรื่องตลก!"พวกเจ้าสภาพแบบนี้ ขุนพลอย่างข้าก็เหมือนเข้ามาเป็นตัวตลกให้เขาดูแล้ว!"เข้ามาเป็นตัวตลกให้เซียวหลันยวน!และตอนนี้ บนหอเมืองก็มีเสียงของเซียวหลันยวนลอดเข้ามา"ข
มีคนตกใจมีคนร้องโหยหวนมีคนมีคนที่กระโดดโลดเต้นและมีคนที่จะกระโดดก็ยังกระโดดไม่ขึ้น หลังจากล้มลงบนพื้นก็ถูกคนข้างๆ ล้มทับกันเข้ามาอีกชั่วขณะหนึ่ง ท่วงท่าที่องอาจน่าเกรงขามแต่เดิมของทหาร ก็ดูสับสนโกลาหลเหมือนสุนัขเหมือนไก่ขึ้นมาแม้เอาทหารมากมายไปเทียบกับสุนัขกับไก่จะไม่ค่อยเหมาะสม แต่สภาพเช่นนี้ก็ค่อนข้างใกล้เคียงกัน เพราะเดิมทีเหล่าทหารก็เตรียมพร้อมจะโจมตี จัดกระบวนกันเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ ก็หมดเรี่ยวแรงกัน จึงควบคุมไว้ไม่อยู่โจวติ้งเจินพอเห็นสถานการณ์ก็ยิ่งโกรธยิ่งร้อนรนชั่วขณะหนึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ยิ่งไปกว่านั้นฤทธิ์ยาของคนเหล่านี้ก็ไม่เหมือนกันด้วย มีพวกที่อยู่ใกล้หน่อยสูดกันเข้าไปก่อน มีบางส่วนสูดเข้าไปช้าหน่อย บางคนก็สูดเข้าไปมาก บางคนก็สูดเข้าไปน้อยแล้วยังต้องดูกำลังภายในคุณสมบัติร่างกายของแต่ละคนด้วยอย่างโจวติ้งเจิน วรยุทธ์ของเขาแข็งแกร่งที่สุด กำลังภายในลึกล้ำ ดังนั้นเขาตอนนี้ยังไม่รู้สึกไม่สบายเท่าไรนักและเพราะเขาที่อยู่ตรงนี้ ตัวเขาไม่สังเกตเห็นความผิดปกติในร่างกาย จึงยิ่งไม่เข้าใจว่าเหล่าทหารเกิดอะไรกันขึ้น"วันนี้กินอะไรกันเข้าไป? โดนพิษอะไรเข้าหร
ฟู่จาวหนิงมั่นใจอย่างมากต่อยาที่ตนเองสกัดขอแค่องครักษ์เหล่านั้นสามารถสาดยาออกไปตามทิศทางลมได้ อย่างน้อยก็ต้องทำลายพลังต่อสู้ของทหารได้ครึ่งหนึ่งยิ่งไปกว่านั้นประสิทธิภาพของยานี้ก็อยู่ได้ถึงเกือบหนึ่งวันเต็มจึงจะอ่อนกำลัง เวลาหนึ่งวัน เพียงพอจะให้โจวติ้งเจินลนลานจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ทหารจำนวนมากขนาดนี้ล้อมเมืองอยู่ อยู่ดีดีก็ไม่มีเรี่ยวแรง แค่ไปหาสาเหตุก็แทบแย่แล้วโจวติ้งเจินตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เขาเห็นว่าหนึ่งชั่วยามที่กำหนดให้กับโหยวจางเหวิน อีกฝ่ายกลับไม่ยอมเปิดประตูเมืองส่งคนป่วยออกมา ก็รู้ว่าโหยวจางเหวินต้องคิดจะปกป้องคนป่วยเหล่านั้นแน่นอน"โง่เขลาเสียจริง โหยวจางเหวินคิดว่าตัวเองเป็ฯคนใจบุญมากนักหรือไรกัน? เขาคิดว่าตัวเองจะปกป้องคนมากขนาดนี้ในเมืองเจ้อได้เรอะ? ยังคิดว่าอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนจะมาคอยหนุนเขาได้หรือไรกัน?"โจวติ้งเจินกัดฟัน เรียกรองขุนพลออกมา "เตรียมโจมตีด้วยไฟ แล้วก็เตรียมบุกประตูเมือง"พวกเขาเดิมทียังมีแผนสำรองแบบนี้ไว้ด้วยต่อให้ไม่คิดจะโจมตีเข้าเมืองจริงๆ แต่ก็ยังจะทำท่าทีแบบนั้น ใช้ไม้ซุงทลายประตูโจมตีเข้ามาที่ประตูเมือง ทำให้เกิ
ฟู่จาวหนิงพอได้ข่าว ก็เตรียมยาเสร็จแล้วผงยามีทั้งหมดสิบห้าห่อ พอพวกเขาคำนวณทิศทางลมดีแล้ว ก็ให้อาศัยต้นไม้สูงใหญ่ จากนั้นก็ใช้ปีกสายลมกับวิชาตัวเบา ก็สามารถโปรยผงยาออกไปในบริเวณกว้างได้"ผงยาเหล่านี้มียาแก้อยู่ พวกเจ้าต้องกินยาแก้ไว้ก่อน ถึงตอนนั้นถ้าเผื่อสูดเข้าไปจะได้ไม่เกิดเรื่อง"ฟู่จาวหนิงส่งยาแก้ให้กับพวกเขาฟู่จิ้นเชินดูทิศทางลมไว้แล้ว คนหาตำแหน่งเหมาะๆ ที่จะลงมือจนตอนที่พวกเขาเตรียมการเสร็จ ก็ถึงเวลาหนึ่งชั่วยามที่โจวติ้งเจินให้ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวพอดีโจวติ้งเจินส่งคนมาตะโกนที่ใต้หอเมือง"ใต้เท้าโหยว! หนึ่งชั่วยามแล้ว รีบเปิดประตูเมืองส่งคนป่วยออกมา ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ!"ทางนั้น ภายใต้การชี้แนะของฟู่จิ้นเชิน เหล่าองครักษ์ที่สวมปีกสายลมก็แฝงตัวออกไปอย่างไร้ซุ่มเสียงเซียวหลันยวนยืนอยู่บนหอเมืองเขาปรากฏตัวตรงนั้น ก็ดึงดูดความสนใจของพวกโจวติ้งเจินได้พอดี ให้พวกเขามองข้ามสิ่งอื่น เพื่อให้เหล่าองครักษ์ปีกสายลมทำงานได้"ใต้หอเมืองเจ้อนี้ล้วนเป็นอิฐดำ โจวติ้งเจิน เจ้าคิดจะใช้ไฟโจมตี หัวสมองถูกไม้กระดานหนีบไว้หรืออย่างไร?" เซียวหลันยวนส่งเสียงลอดออกไปไกล
อ๋องเจวี้ยนจงใจดูถูกเขาหมิ่นเขาเพิกเฉยเขา จงใจแน่ๆ กลัวเขาเสียที่ไหนกัน?อ๋องเจวี้ยนยังจงใจแสดงวิชาตัวเบาที่แข็งแกร่งขนาดนั้นออกมาต่อหน้าเขาอีก นี่มันตบฉาดหน้าเขาชัดๆระหว่างทางที่มาโจวติ้งเจินคิดแผนการเอาไว้ดิบดี แต่ปฏิกิริยาของอ๋องเจวี้ยนกลับทำแผนของเขาวุ่นวายไปหมดใครจะรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนมีนิสัยแบบนี้?ทำเอาคนทั้งชิงชังทั้งจนใจเลยจริงๆ"อ๋องเจวี้ยน โจวติ้งเจินเอาแต่เรียกพระชายาให้ออกไป จะต้องคิดใช้พระชายา ล่อท่านออกไปแน่" อันเหนียนบอกกับเซียวหลันยวน "แต่พระชายาถ้ายังไม่ออกไปอีก ถึงตอนนั้นโจวติ้งเจินอาจจะผลักภาระทั้งหมดมาบนตัวพระชายาได้นะ องค์จักรพรรดิคงถือโอกาสนี้จัดการพระชาแน่"ถึงตอนนั้น โจวติ้งเจินแค่บอกกับองค์จักรพรรดิว่า พระชายาไม่ยอมออกมาพบหน้าเพื่ออธิบายอาการป่วยของเมืองเจ้อ ทำให้เขาไม่แน่ใจในสถานการณ์ การรักษาคนป่วยเหล่านั้นผิดพลาด ความรับผิดชอบนั้นทั้งหมดจะไปอยู่บนตัวพระชายาอันเหนียนถึงอย่างไรก็เป็นแค่ขุนนาง เขาไม่อาจต่อต้านจักรพรรดิได้ ดังนั้นตอนนี้จึงกังวลว่าจักรพรรดิจะคาดโทษฟู่จาวหนิงฟู่จิ้นเชินมองเซียวหลันยวน"จาวหนิงไม่ออกไป องค์จักรพรรดิก็คาดโทษนางไม่ได้" เซี
และถ้าสู้ชนะ...เอ่อ ต่อให้รองขุนพลของโจวติ้งเจินจะไม่ค่อยมั่นใจ ว่าท่านขุนพลจะสู้ชนะอ๋องเจวี้ยนได้ไหม?พวกเขาไม่เคยสู้กัน แต่ก็ลือกันว่าวรยุทธ์ของอ๋องเจวี้ยนแข็งแกร่งมาก...แค่ที่อ๋องเจวี้ยนลงมือเมื่อครู่ พวกเขาก็เห็นกับตากันแล้วกระโจนลงมาจากหอเมืองยังไม่เท่าไร แต่หลังจากร่อนลงมาแล้วก็ยังสามารถยืนอยู่บนหลังม้าได้ ทำให้ม้าตัวนั้นไม่กล้าจะขยับ พวกเขาเองทำไม่ได้แน่นอนยิ่งไปกว่านั้น เขาอยู่กลางอากาศก็ยังเตะขุนพลน้อยคนนั้นปลิวมาไกลขนาดนี้ กำลังภายในลึกล้ำแค่ไหนกัน?"ข้าต้องกลัวเขาด้วยเรอะ?"โจวติ้งเจินถูกยั่วยุง่ายมาก เขาอยากจะประลองกับเซียวหลันยวนมาตลอด แต่ก็ไม่เคยมีโอกาส"ท่านขุนพลไม่ต้องกลัวเขาอยู่แล้วขอรับ แต่ว่าเขาเป็นถึงอ๋องเจวี้ยน ท่านขุนพลไม่มีเหตุผลต้องไปลงมือกับเขานี่ขอรับ"รองขุนพลขวางโจวติ้งเจินเอาไว้ถ้าตอนนี้เขาออกไปสู้กับอ๋องเจวี้ยนขึ้นมา เดี๋ยวจะอธิบายลำบากเปล่าๆองค์จักรพรรดิเกรงว่าก็อยากจะจัดการอ๋องเจวี้ยนอยู่ แต่ยังไม่กล้าทำอย่างโจ่งแจ้งนักถ้าหากลงมือกับอ๋องเจวี้ยนไปแบบนี้ ถึงตอนนั้นถ้าองค์จักรพรรดิต้องหาคำอธิบายกับเหล่าพระญาติและอ๋องเจวี้ยน คงได้หันมาลงโท
"หมอฟู่ออกมาก่อน ขุนพลโจวของพวกเรามีคำถาม! ทำให้การรักษาผู้ป่วยล่าช้า หมอฟู่แบกรับความรับผิดชอบนี้ไม่ไหวหรอกนะ!"ขุนพลน้อยคนนั้นยังคงตะโกนปาวๆ อยู่ใต้หอเมืองสีหน้าเซียวหลันยวนถมึงทึงไปแล้ว ถ้าไม่ใช่มีหน้ากากบังอยู่ หน้าของเขาตอนนี้คงจะดำยิ่งกว่าท้องฟ้าราตรีเสียอีกฟู่จิ้นเชินเองก็โกรธเหมือนกันเขายืนอยู่ข้างๆ เซียวหลันยวน คิดจะเตือนเขาว่าอย่าออกไปรับมือกับดจวติ้งเจินด้วยตนเอง แต่คิดไม่ถึงเลย ว่าโจวติ้งเจินจะมีความคิดไปอยู่บนตัวจาวหนิง!ตอนนี้ฟู่จาวหนิงถ้าออกไป โจวติ้งเจินจะปล่อยนางกลับมาได้อย่างไร?พวกเขาคิดแผนของโจวติ้งเจินออกแทบจะทันที"เขาคิดจะควบคุมฟู่จาวหนิงไว้ แล้วเอาจาวหนิงมาคุกคามเจ้า" ฟู่จิ้นเชินทั้งเคืองทั้งโกรธ"ฝันไปเถอะ"เซียวหลันยวนกระโจนลงมาจากหอเมืองราวกับเหยี่ยวโฉบขุนพลน้อยคนนั้นรู้สึกเหมือนมีพลังวูบหนึ่ง เงยหน้าขึ้นอย่างหวาดผวา ยังไม่ทันได้เห็นชัดว่าเป็นใคร ก็ได้ยินเสียงดังพลั่ก ส่วนตนเองถูกเตะลอยออกไปแล้วการลอยนี้ ปลิวไปไกลมาก เหมือนกับลอยตามลม หล่นกระแทกพื้นห่างไปลิบๆจุดที่ตกอยู่ใกล้กับโจวติ้งเจินและเซียวหลันยวนหลังจากถีบคนออกไปแล้ว ก็ร่อนลงมาบนหลั