"ถูกต้อง ทำไมหรือ?"ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะโผล่ออกมาอีก"เจ้าไปเอาเงินมมาจากไหนตั้งสองพันตำลึง?" เถ้าแก่รองหูขมวดคิ้ว"นี่ก็น่าตลกเกินไปแล้ว เงินข้ามาจากไหนก็ต้องบอกท่านด้วยหรือ? ท่านจะสนใจมากเกินไปไหม?"ฟู่จาวหนิงถูกเขาแหย่จนสนุกเสียแล้ว"เมื่อครู่เจ้าเดิมพันกระถางดอกไม้นั่งเจี่ยหยวนไว่มาได้!""ดังนั้น?""ไปกับทางทางนั้นหน่อย พวกเราหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่า ข้ากับเจ้ามาเจรจาซื้อขายกัน ของเหล่านี้เจ้านำไปก็ไม่มีประโยชน์ ขายดอกไม้กับวัตถุดิบยาเหล่านี้ขายให้ข้าเถอะ"เถ้าแก่รองหูพูดแล้วยื่นมือส่งสัญญาณให้นางเดินตามไปจงเจี้ยนขวางไว้ด้านหน้าฟู่จาวหนิง มองเขาด้วยสายตาเย็นชา "อยากตายหรือไรกัน?""รู้ไหมว่าข้าเป็นใคร? ข้าคือเถ้าแก่รองจากร้านสาขาโรงยาทงฝูในเมืองหลวงนะ""ไสหัวไป" ฟู่จาวหนิงร้อยขึ้นเสียงเย็นชา "ใครจะขายของให้ท่านกัน?""เจ้ากล้าผิดใจกับข้าหรือ?""เจ้าเป็นเถ้าแก่รองจากร้านสาขาโรงยาทงฝูในเมืองหลวงสินะ ข้ารู้จักแล้ว ถ้ายังไม่หนีไปอีก ข้าจะเล่นงานเจ้าจนแม่เจ้าจำไม่ได้เลย" ฟู่จาวหนิงหมดความอดทนกับคนนี้แล้วนางหมุนตัวเดินออกมาเถ้าแก่รองหูมองจงเจี้ยน ไม่กล้าเข้ามา
ดูท่าหลี่จื่อเหยาจะถูกคุ้มตัวไว้ได้ไม่นานเท่าไร หมอเทวดาหลี่ก็ดึงนางออกมาเสียแล้วหลี่จื่อเหยาทางนี้ ยังมีเซียวเหยียนจิ่งอีกด้วยคนคุ้นเคยมารวมตัวกันหมดเลยแฮะทางนี้มีศาลาอยู่แห่งหนึ่ง ในศาลามีแคร่กับเก้าอี้วางอยู่ รอบด้ามีคนมุงอยู่ไม่น้อยตอนนี้ในศาลามีหญิงสาวที่ใบหน้าครึ่งหนึ่งกลายเป็นสีม่วงไปแล้ว หมอเทวดาหลี่กับหมออีกหลายคนกำลังล้อมดูอยู่ข้างๆผู้อาวุโสจี้บอกว่า "เห็นท่าทางภาคภูมิใจของเจ้าสกุลหลี่นั่นไหม? เขาเพิ่งจะรักษาคนป่วยโรคประหลาดไปได้สองคน! กินชื่อกินเสียงไปจนเขาแทบจะกระดกหางขึ้นมาแล้ว! แต่ข้าก็ยังสงสัย ว่าคนป่วยสองคนนั้นคือคนที่ตัวเขาหามาเอง"เรื่องเช่นนี้หมอเทวดาหลี่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยทำมีคนป่วยบางส่วน เดิมทีเขารักษาได้นานแล้ว แต่ไม่ยอมรักษามาโดยตลอด คิดจะดึงพวกเขามาจนถึงตอนนี้ แล้วพามารักษาที่นี่ต่อหน้าธารกำนัล ถึงจะทำให้คนได้เห็นความเก่งกาจด้านวิชาแพทย์ของเขามีคนป่วยที่ดึงไว้ดึงไว้ ดึงจนอาการหนักกว่าเดิม"แล้วนั่นคือผู้ป่วยคนที่สามหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้น"ใช่ หญิงสาวคนนี้นางมาเอง นางบอกว่าครึ่งปีก่อนบนหน้าก็ม่วงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจ คิดว่า
ฟู่จาวหนิงแค่กวาดตามองพวกเขา มุมปากยกขึ้น ไม่สนใจหมอเทวดาหลี่ตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานเขารู้สึกว่าคนทั้งหมดนี้ล้วนรักษาหญิงสาวคนนี้ไม่ได้แต่ว่าตัวเขาเองก็ยังไม่มั่นใจ ถึงอย่างไรโรคประหลาดบนใบหน้าหญิงสาวคนนี้เขาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน"เป็นปานตำหนิตั้งแต่เกิดหรือเปล่า?" มีคนถามขึ้นหมอเทวดาหลี่จุ๊ปาก "คำพูดแบบนี้เจ้าก็ยังพูดออกมาได้หรือ? ปานตำหนิอะไรกัน? มันต้องออกมาพร้อมกับในครรภ์สิถึงจะเป็นปานตำหนิ ฮูหยินคนนี้ใบหน้าเพิ่งจะมีสีม่วงโผล่ขึ้นมาเมื่อสองปีก่อนเอง ปานตำหนิอะไรถึงจะปรากฎออกมาหลังจากผ่านไปตั้งหลายปี?"นี่มันพูดจาเหลวไหลชัดๆหมอหม่าลูบคาง ทำหน้าลึกซึ้ง "ข้ารู้สึกว่านี่น่าจะเป็นพิษ"ฟู่จาวหนิงไม่รู้เพราะอะไรจู่ๆ จึงหันมองไป ใต้ร่มเงาไม้มองเห็นเซียวหลันยวน เขายืนอยู่ที่เงามืด ข้างๆ มีกำแพงดอกไม้อยู่ผืนหนึ่ง มองไปแล้วก็แทบไม่เห็นเลยว่าตรงนั้นมีคนยืนอยู่คนหนึ่งอ๋องเจวี้ยนกำลังทำตัวลึกลับหรือไรกัน?ฟู่จาวหนิงมองไปทางหญิงสาวคนนี้อีก นางจู่ๆ ก็รู้สึกว่า เซียวหลันยวนเป็นไปได้มากว่าเข้ามาดูหญิงสาวคนนี้ถึงอย่างไรหน้าของเขาก็มีรอยพิษขึ้นมารอยหนึ่งด้วยล่ะนะ และหญิงสาวค
"เช่นนั้นหมอเทวดาหลี่รู้ว่านี่เกิดอะไรขึ้นหรือ?"คนในนี้ก็ไม่สนใจหมอหม่าหมอเฉียนแล้ว ความสนใจทั้งหมดตกไปอยู่บนตัวหมอเทวดาหลี่"ข้ารู้สึกว่า นี่เป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับการนอนของฮูหยิน" หมอเทวดาหลี่ถามหญิงสาว "ท่าชอบนอนตะแคงข้างไปทางหน้าซีกนี้ใช่ไหม?"หญิงสาวตกตะลึง ย้อนคิดอย่างละเอียด "ก็จริง""หมอที่พวกเจ้าใช้ เป็นของที่เย็บเองแล้วใส่พวกกากยาหรือใบชาอะไรลงไปใช่ไหม" หมอเทวดาหลี่ถามมอีก"ใช่ๆๆ ก่อนหน้านี้นอนไม่ค่อยหลับ ได้ยินคนบอกว่าพวกกากยาที่ทำให้ใจสงบถ้าตากแห้งแล้วไว้ในหมอน ทุกคืนถ้านอนกับวัตถุดิบยาเหล่านี้ก็จะทำให้หลับได้ดีขึ้น" หญิงสาวพยักหน้าหมอเทวดาหลี่พูดตรงประเด็นเแล้ว ระดับความเชื่อมั่นต่อหมอเทวดาหลี่ของนางพุ่งขึ้นมาเลยทีเดียว"แล้วนอนหลับได้ดีขึ้นไหม?" หมอเทวดาหลี่ถาม"ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้จริงๆ""แต่ว่าข้าตอนนี้ยังสงสัย ว่าใบหน้านี้ของเจ้าน่าจะเป็นวัตถุดิบยาสร้างขึ้นมา ดังนั้นยังต้องมาดูที่หมอนของเจ้าด้วย"หมอเทวดาหลี่ยืดเอว รู้สึกว่าการพิจารณาของตนเองไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย"หมอน ข้าจะให้เพื่อนบ้านข้าไปนำมา นางมาด้วยกันกับข้า"หญิงสาวพูดกับผู้หญิงข้างๆ ไม่กี่คำ
หมอเทวดาหลี่ถูกนางคว้า คนก็ร้อนขึ้นมาเลย อยากจะสะบัดเจ้าคนสารเลวนี้ทิ้งไปเสียเหลือเกิน"ข้ายังจะรักษาเจ้า แค่ต้องการเวลาหน่อยเท่านั้น ที่นี่ไม่มีใครที่มีวิธีรักษาหน้าเจ้าแล้ว!"หมอเทวดาหลี่ร้องขึ้นมาประโยคนี้เป็นการผิดใจกับหมอคนอื่นในที่นี้อย่างมาก แต่ว่าหมอเทวดาหลี่ก็ไม่สนใจเรื่องเหล่านี้เลย ถึงอย่างไรวิชาแพทย์ของพวกเขาก็สู้เขาไม่ได้จริงๆ แล้วจะมาทำอะไรเขาได้ผู้อาวุโสจี้ที่แย้งกับเขามาตลอดมองเขาแล้วอดร้องเชอะขึ้นมาเสียงหนึ่งไม่ได้"ในนี้จะไม่มีหมอคนไหนที่มีความเห็นไม่ตรงกับเจ้าเลยหรือไรกัน? เจ้าก็แค่หลีกทาง แล้วให้คนอื่นเข้าไปลองหน่อย"หมอเทวดาหลี่มองมาตามเสียง เห็นผู้อาวุโสจี้ ก็หัวเราะเย็นชาขึ้นทันที "ผู้อาวุโสจี้เอ๋ย ท่านไม่ไปเดิมพันวัตถุดิบยาข้างหน้าเล่า วางตัวอวดอ้างว่ารู้จักหญ้าสมุนไพรเหล่านั้น แล้ววิ่งมาดูมหรสพทำไมถึงที่นี่กัน?"เขาเองก็มองเห็นฟู่จาวหนิงข้างกายผู้อาวุโสจี้ด้วย"คิดไม่ถึงเลยว่าตาเฒ่าจี้ยังอยู่ด้วยกันกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนที่ช่วงนี้ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งเมืองหลวงด้วย พวกเจ้าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์อะไรกัน?""พระชายาอ๋องเจวี้ยน?""อะไรนะ แม่นางคนนั้นคื
"ผู้อาวุโสจี้ มีควงามสามารถก็ให้ศิษย์รับใหม่ของท่านมาดูฮูหยินคนนี้เสียสิ"นางคิดจะกระตุ้นฟู่จาวหนิง และจะตบฉาดเข้าไปที่หน้าผู้อาวุโสจี้"เจ้าที่เป็นเด็กสาว ตอนผู้ใหญ่เขาคุยกันแล้วสอดปากสอดคำเข้ามาได้ด้วยหรือ? พ่อของเจ้าไม่สั่งสอนมารยาทมาเลยหรือไร?" ผู้อาวุโสจี้ตำหนิใส่หลี่จื่อเหยาอย่างโกรธขึ้งสอดปากก็สอดปากสิ เด็กสาวคนหนึ่งยังมาพูดบีบคั้นผู้อาวุโสคนหนึ่งปาวๆ แบบนี้ ตระกูลหลี่สั่งสอนมาได้ดีจริงๆ!"ท่านไม่ใช่ผู้อาวุโสตระกูลข้าเสียหน่อย พูดแล้วก็ตลกเสียจริง ไม่มีความสามารถก็คือไม่มีความสามารถ จะมาโกรธทำไมกัน?" หลี่จื่อเหยากลอกตาขาวใส่ฟู่จาวหนิง เบียดเขาหาตัวเซียวเหยียนจิ่ง"พี่เซียว ท่านถอยออกไปหน่อย อย่าให้คนบางส่วนมาเกาะแกะท่าน!"หลี่จื่อเหยาตอนที่พูดก็เข้ามาขวางหน้าเซียวเหยียนจิ่งด้วยสัญชาตญาณ"ท่านบอกว่าใครมาเกาะแกะเขา?" เสี่ยวเถาเองก็โมโหขึ้นแล้วเดิมทีก่อนหน้านี้นางก็รู้สึกว่ารัททายาทเซียวไม่ได้อะไรเท่าไร ไม่ได้ดีกับคุณหนูเลยสักนิดเดียว คอยเตือนคุณหนูอยู่ตลอดว่าอย่าเอาแต่ไล่ตามรัฐทายาทเซียวเลย แต่คุณหนูสมัยก่อนก็ไม่ฟังเลยสักนิดคุณหนูบอกว่ากรแต่งงานเข้าจวนชินอ๋องเซียวถือเป
พรวด!คำว่าอาสะใภ้อ๋องเจวี้ยนนี่ ทำเอาเซียวเหยียนจิ่งสำลักจนไอเลยเขาไม่เคยคิดทางด้านนี้มาก่อนเพราะเขาไม่เคยคิดจะมองฟู่จาวหนิงเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนจริงๆ เลย เข้าไปขวางรถม้าแล้วก็แต่งงานด้วย จะอยู่ได้นานสักแค่ไหนกัน?"ข้าไม่มีความคิดจะให้เซียวเหยียนจิ่งมาเรียกข้าว่าเสด็จอาเสียหน่อย" ใต้เงาไม้ทางนั้น อ๋องเจวี้ยนสีหน้ารังเกียจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกชื่นชมกับความหน้าหนาของฟู่จาวหนิงด้วยนี่ถึงกับจะให้คู่หมั้นคนที่แล้วเรียกนางว่าอาสะใภ้เลยหรือ?ชิงอีมุมปากกระตุก อยากจะยิ้มแต่ก็ไม่กล้าพระชายายอดจริงๆ แต่งกับรัฐทายาทเซียวไม่ได้ แต่มาเป้นอาสะใภ้เขาแทน? นี่มันความสัมพันธ์ตะลึงฟ้าดินอะไรกันเนี่ย แต่ทำไมเขาถึงอยากจะหัวเราะนักนะ?ทางนั้น เซียวเหยียนจิ่งถูกฟู่จาวหนิงประโยคนี้เล่นงานจนว้าวุ่นไปหมด"ฟู่จาวหนิง เจ้า เจ้านี่มันไร้ยางอายเสียจริง""จงเจี้ยน ถ้าข้าทำให้ไปตบปากรัฐทายาทเซียว เจ้าจะกล้าไหม?" ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็หันหน้ามองจงเจี้ยนจงเจี้ยนสีหน้าตั้งใจ วิเคราะห์อย่างจริงจัง "พระชายา ถ้าหากพึ่งบารมีของท่านอ๋อง ข้าน้อยก็กล้าทำ ถึงอย่างไรต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็ยังมีท่านอ๋องแบกรับไว้ได้"ชิง
หลี่จื่อเหยาถ้าตอนนี้พุ่งเข้าไป ถึงตอนนั้นไฟโกรธของอ๋องเจวี้ยนจะสาดมาที่นางด้วยแน่นอน"เจ้ากล้านัก"เซียวเหยียนจิ่งไม่ไหวแล้ว เขาคิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้ที่เขาเตรียมตัวเรียบร้อย แต่ฟู่จาวหนิงก็ยังตบเขาได้อีกครั้ง!เขาคิดจะเรียกชื่อฟู่จาวหนิงออกมาอีกครั้งด้วยสัญชาตญาณ แต่พอเจอกับสายตาฟู่จาวหนิงก็กลืนมันกลับลงไปถ้าเขาตะโกนเรียกขึ้นอีกครั้ง ฟู่จาวหนิงคงได้ตบเขาอีกฉาดแน่!ให้ตายเถอะ เขารู้สึกได้เลยว่านางจะตบเขาอีกครั้ง!ก่อนหน้านี้เขาทำไมจึงไม่รู้เลยว่าฟู่จาวหนิงมีความสามารถเช่นนี้? ก่อนหน้านี้นางดูโง่โง่ บื้อบื้อจะตาย ทำอะไรก็ไม่เป็น ดูท่าทางเป็นคนโง่เขลาอยู่คนที่อยู่ที่นี่แต่ละคนล้วนนิ่งอึ้งเป็นไก่ไม้สลักฟู่จาวหนิงเป็นถึงพระชายาอ๋องเจวี้ยนไปแล้ว คนที่เปลี่ยนคนแต่งงานกลางถนนที่พวกเขาซุบซิบนินมาแล้วตั้งหลายวันคนนั้น!ยิ่งไปกว่านั้น อ๋องเจวี้ยนไม่ใช่พระโอรส แต่เป็นเสด็จอา!เดิมทีฟู่จาวหนิงที่เกือบจะแต่งงานกับรัฐทายาทเซียวไปแล้ว เพียงพริบตาก็เปลี่ยนมาเป็นอาสะใภ้ของเขา!ฟู่จาวหนิงก็ยังกล้าหาญชาญชัย ตบฉาดใส่รัฐทายาทเซียวไปถึงสองครั้งแบบนี้!ให้ตายเถอะ คนที่ล้อมดูรู้สึกว่าหูตาของต
ถัดจากนี้สำหรับพวกหลานหรงก็ถือเป็นการท้าทายที่มากกว่าแล้วจากที่ท่านอ๋องคาดการณื ตงฉิงจะต้องมีกลไกลและการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติแน่นอน น่าจะมีวิะีการที่ทำให้ตงฉิงได้กลับมาเห็นตะวันได้อีกครั้ง ที่ไม่ใช่การขุดทีละนิดๆ ของกำลังคนพวกของหลานหรงต้องหาวิะีให้พบ บางทีอาจจะเป็นกลไก?"ที่นี่ในเมื่อเป็นเมืองเก่าที่ตระกูลของราชครูตงฉิงอยู่ ก็น่าจะมีโอกาส นายท่านเคยพูดไว้ ตระกูลของราชครูตงฉิงมีพลังกำลังทรัพย์ที่ไม่อาจประเมินได้อยู่ เมืองชิงเย่เป็นรากฐานของพวกเขา ไม่มีทางปล่อยให้เมืองนี้ต้องล่มสลายไปแบบนี้แน่"หลานหรงหยิบจดหมายที่เซียวหลันยวนเขียนไว้ออกมา ด้านบนยังวาดรูปของเครื่องพยากรณ์ไว้ บางทีคงต้องหาจุดที่สามารถใช้เครื่องพยากรณ์นี้จดหมาย เพียงไม่นานก็ถูกส่งไปหาเซียวหลันยวนอย่างรวดเร็วฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนกำลังสาละวนอยู่ในภูเขาช่วงเช้า และได้รับอะไรมาไม่น้อยนางเจอโสมม่วงร้อยปีต้นหนึ่ง!เดิมทีสิ่งนี้ก็ถือเป็นของที่สุดยอดมากแล้ว ผลลัพธ์คือยังพบวัตถุดิบยาที่ผู้อาวุโสจี้เคยบอกกับนางแต่พันธมิตรโอสถไม่เคยพบมาก่อนอีกหลายชนิดด้วยวัตถุดิบยาพวกนั้น ว่ากันว่าในพันธมิตรโอสถมีแขกลึกลับ
นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน หลังจากหาหยกดาราพบให้รีบส่งออกไปก่อน"ขอรับ"หลานหรงลองสังเกตุทะเลสาบนี้อีกหน่อย วักน้ำขึ้นมาชิม น้ำสะอาดหวาดชื่น น้ำดีที่หาได้ยาก!ที่นี่จะใช่ตำแหน่งที่เมืองหลวงตงฉิงอยู่จริงไหม?"พักกันดีแล้วใช่ไหม? เข้ามาตักน้ำ"หลานหรงเรียกคนเข้ามาทันทีทุกคนเห็นต้นกำเนิดน้ำแบบนี้ก็ดีอกดีใจ เมื่อวานตอนค่ำน้ำถูกดื่มไปจนหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขากระหายกันจะแย่"ก่อไฟต้มน้ำ"เดิมทีตามความเคยชินก่อนหน้านี้ของพวกเขา จะไปที่ไหนก็ล้วนกินน้ำดิบไปตรงๆ แบบนี้สะดวกดี ไม่ได้พิถีพิถันมาก แต่ฟู่จาวหนิงบอกพวกเขาไว้ น้ำจะอย่างไรก็ต้องต้มก่อนถึงจะดี ด้านในอาจจะมีไข่แมลงหรือเชื้อโรคอะไรอยู่ดังนั้นพวกเขาตอนนี้จึงเชื่อฟัง ถ้ามีเวลาและเงื่อนไขเพียงพอ พวกเขาก็จะต้มน้ำให้เดือดก่อนดื่มครั้งนี้พอเห็นน้ำสกปรกขยะแขยงมามากมาย พวกเขาจึงทำตามกฏนี้อย่างเคร่งครัดตอนที่พวกเขาต้มน้ำ หลานหรงเดินไปบนทางเดินเล็กๆ ในทะเลสาบเส้นนั้น ตรงไปทางดงดอกไม้ผืนนั้นเดินอยู่กลางทะเลสาบ สองด้านล้วนเป็นน้ำใสสะอาด สะท้อนภาพฟ้าเมฆคราม ทิวทัศน์งดงามดูกว้างใหญ่ถ้าตงฉิงในอดีตยังดีอยู่ ไม่รู้ว่าจะงดงามขนา
หลานหรงพากลุ่มค้นหามานานมากแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาเจอเมืองเล็กเมืองหนึ่งถูกดินปกคลุมไป ถนนหนทางบ้านเรือนล้วนถูกกลบฝังไปแล้ว แต่ฝนตกมาห่าใหญ่ หลังจากดินภูเขาถูกชะล้างไป ก็มีหลังคาเรือนเล็กๆ บางส่วนโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาดังนั้นหลานหรงจึงยืนยันว่าตงฉิงตอนนั้นถูกกลับฝังไปแล้วจริงๆพวกเขาเจอกับทางเดินเส้นหนึ่ง หลังจากเข้ามาก็พบว่ายิ่งเดินก็ยิ่งยาว และไม่รู้ว่าตรงไปที่ไหนด้วยแต่สองด้านของทางเดินก็ปรากฏศาลาหรือบ้านเป็นระยะๆ อธิบายได้ว่าแต่ก่อนนี่เป็นถนนที่อยู่บนพื้นดิน ส่วนถนนของเมืองเล็กจะตรงไปที่ไหน นอจากเมืองใหญ๋แล้วก็อาจจะเป็นวังหลวงดังนั้นตอนนั้นหลานหรงจึงออกคำสั่งให้เดินตรงไป จนหาทางออกพบคิดไม่ถึงว่าเดินมาสิบกว่าวัน ยังดีที่ด้านในยังมีบ่อน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ยังขุดน้ำขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นคงอันตรายไปแล้วแน่นอน พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลยหลังจากผ่านไปสิบวันในที่สุดพวกเขาก็ออกมาแล้ว แล้วจึงเห็นสถานที่นี้เข้า"พี่ใหญ่ ที่นั่นคงไม่ได้ฝังเมืองไว้อีกแห่งหรอกกระมัง?" ลูกน้องเดินเข้ามา ยื่นถุงใส่น้ำให้เขา ด้านในเหลือแค่อึกเดียวแล้ว ก่อนหน้านี้หลานหรงไม่ได้ดื่มเลย ให้พวกเขาไปจนหมด ตอนนี้
เขากุมมือนางแน่น เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ซษงจื่อหยิบตำราเก่าม้วนหนึ่งเข้ามา ด้านบนเขียนเรื่องตระกูลถังเขาชิงถงไว้""แล้วยังไงหรือ?"นี่มันเกี่ยวอะไรกับนางล่ะ?"หนิงหนิงรู้ไหมว่าเขาชิงถงมีชื่อเสียงในการผลิตอะไร?""อะไรหรือ?""วัตถุดิบยาน่ะ" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงแผ่วเบาฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วไม่ใช่สิ แม้ว่านางจะเป็นหมอ แม้ว่าจะขาดแคลนวัตถุดิบยามาก แม้จะคิดหาวัตถุดิบยาล้ำค่าอยู่ตลอด แต่ก็ไม่จำเป็นขนาดต้องยอมนับญาติเพื่อวัตถุดิบยานี่?"เซียวหลันยวนท่านรู้ไหมว่าอะไรคือความมั่งคั่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตใจ?" นางใช้ศอกกระทุ้งเขาไปทีนึงถังอู๋เจวี้ยนฟังพวกเขาแอบกระซิบกระซาบกัน ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจนใจ"ข้าว่านะ พวกท่านต้องมากระซิบกระซาบต่อหน้าข้าแบบนี้ด้วยรึ? มีอะไรบอกมาตรงๆ ก็พอแล้ว แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้ปู่ข้าเพิ่งจะพบว่า สมัยหนุ่มๆ เขาเคยท่องยุทธภพไปกับผู้อาวุดสจี้กับผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ดังนั้นจึงนับว่าเป็นคนครอบครัวเดียวกัน""อ๋า?"จุดนี้ฟู่จาวหนิงกลับไม่รู้เรื่องเลย!"ผู้อาวุโสจี้ตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์ของท่านหรือ?" ถังอู๋เจวี้ยนหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ยื่นส่งไปตรงหน้าฟู่จาวหนิง "น
ไปแท่นชมดาวช่วงจื่อ(23.00-01.00น.)หรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน "แท่นชมดาวเป็นสถานที่แบบไหน?""แท่นชมดาวต้องเดินขึ้นไปจากตำหนักถวายเครื่องหอม อีกด้านหนึ่ง ที่นั่นมีศาลาอยู่ ด้านนอกศาลามีลานอยู่แห่งหนึ่ง เวลาที่อากาศดีจะมองเห็นดาวระยิบระยับ เหมือนยื่นมือไปเด็ดมาได้เลย"เซียวหลันยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย "แต่ว่าแท่นชมดาวเคยมีศิษย์คนหนึ่งตกลงไป หลังจากนั้นจึงปิดตายไว้ ไม่มีคนเข้าไปนานแล้ว"สถานที่อันตรายหรือ? ทำไมถึงมีคนตกลงไปได้?"แล้วเจ้าอารามให้พวกเราไปที่นั่นทำไมกัน?"เซียวหลันยวนมองซางจื่อซางจื่อส่ายหัว "เจ้าอารามไม่ได้บอกอะไร แต่ว่า เหมือนน่าจะไปชมดาวกระมัง"แท่นชมดาวถ้าไม่ไปชมดาวแล้วจะไปทำอะไรได้?แต่พวกเขาดูชวนฝันขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วยังนัดไปดูดาวช่วงจื่ออีกฟู่จาวหนิงถามซางจื่อ "นอกจากเราสองคน ยังเรียกใครไปอีกไหม?""เจ้าอารามให้องค์หญิงใหญ่ไปด้วย"โอ๋? ฟู่จาวหนิงอดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ "แยกกันไม่ได้เลยว่างั้น?"สวรรค์ให้อภัยนางด้วย เดิมทีนางไม่ใช่คนใจแคบช่างสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้ ใครให้เจ้าอารามสร้างภวังค์เฮงซวยให้นาง แล้วไปสร้างภวังค์ที่เซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่เป็นสา
"เรียนพระชายา ชามนี้เป็นของท่านอ๋อง พ่อครัวทำอาหารให้ท่านอ๋องจนชินแล้ว ทำตามรสชาติที่ท่านอ๋องชอบ"คนที่เข้ามายกชามหมี่น้ำใสไปไว้ตรงหน้าเซียวหลันยวน ส่วนอีกชามวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"ชามนี้คุณชายถังเป็นคนทำ คุณชายถังบอกว่านี่เป็นหมี่ที่คนเขาชิงถงชื่นชอบ ลุงของเขาก็ชอบมาก ดังนั้นจึงลงมือทำชามนี้ให้พระชายาเป็นพิเศษ เชิญพระชายาชิม""ถังอู๋เจวี้ยนเป็นคนทำหรือ?"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นเขาหน้าขรึมลงจริงๆ"กลัวว่าเขาจะวางยาพิษไหม?" ฟู่จาวหนิงพูดติดตลก"พระชายาวางใจ คุณชายถังตอนที่ปรุงในห้องครัวพวกเราคอยดูอยู่ตลอด ใช้แต่วัตถุดิบในห้องครัวเท่านั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน" คนที่นำเข้ามาเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนแม้จะรู้สึกจี๊ดในใจที่ถังอู๋เจวี้ยนประจบนางขนาดนี้ แต่จุดนี้ก็ยังต้องยอมรับ: "ถ้าเขากล้ามาวางยาพิษเจ้าที่นี่จริงก็แสดงว่าไม่กลัวตาย"เขากวาดล้างเขาชิงถงทิ้งทั้งหมดได้ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็หยิบตะเกียบขึ้น "สู้ท่านลองชิมไหม? แล้วชามนั้นท่านให้ข้ากิน"นางรู้ว่าถ้าตนเองก
ฟู่จาวหนิงเห็นปฏิกิริยาของเซียวหลันยวน รู้สึกไม่เข้าใจอยู่หน่อยๆ"ทำไมหรือ? เจ้าอารามฝึกบำเพ็ญ แต่งงานไม่ได้หรือ?"ก่อนหน้านี้นางเหมือนได้ยินว่าอารามนี้ของเจ้าอาราม ไม่ใช่อารามเต๋าที่ไว้สำหรับฝึกบำเพ็ญเต๋า แล้วก็ไม่เคยได้ยินด้วยว่าจะแต่งงานไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาของเจ้าอารามยังน่าหลงใหลขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีหญิงสาวมาชอบแต่จากคำพูดของเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ บนยอดเขาโยวชิงนี้ไม่มีนายหญิงอยู่จริงๆ ไม่มีผู้อาวุโสหญิงที่ติดตามเจ้าอารามแล้วเลี้ยงดูเขามาจนโต"ได้ยินว่า ตอนเจ้าอารามยังหนุ่มมีคู่หมั้นอยู่" เซียวหลันยวนนึกๆ จำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ "แต่ต่อมาไม่รู้ทำไมจึงไม่ได้แต่งงาน เรื่องนี้ข้าได้ยินมาโดยบังเอิญสมัยยังเด็กน่ะ""แล้วคู่หมั้นของเขาล่ะ?""ไม่รู้สิ ต่อมาข้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย และยิ่งไม่เคยถามด้วย"เซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่ใช่พวกชอบแส่เรื่องชาวบ้าน นิสัยเองก็ค่อนข้างเย็นชา เขารู้สึกว่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองก็จะไม่ถามไม่ไถ่ให้มันมากความ"ก่อนหน้านี้ข้ากับเจ้าอารามไม่ค่อยคุยเร่องส่วนตัวกันนัก เคารพเขา แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันมาก แขาแค่เอ็นดูข้า ไม่ได้สนิท
นิ้วของเจ้าอารามเคาะเบาๆ บนโต๊ะ มืออีกข้างก็ลูบเบาๆ วาดผ่านบนเตาถ่านข้างๆ พริบตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไม่เห็น ก็มีผงฝุ่นลอดจากระหว่างนิ้วของเขาปลิวเข้าไปในไฟของเตา แล้วเผาไหม้เป็นกลิ่นหอมจางๆ ออกมาอย่างรวดเร็วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ทันได้รู้สึกเลยนางกำลังมองเจ้าอารามอย่างตกตะลึง"เจ้าอารามกำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม? ข้าจำได้ชัดเจนแท้ๆ แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"ชายคนนั้นที่นางกอด ความรู้สึกที่ริมฝีปากชุ่มชื้นอ่อนนุ่มตอนที่จูบ ใจที่เต้นระรัว มันแจ่มชัดอย่างมาก แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"องค์หญิงใหญ่ เจ้ามองข้านะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองดวงตาเขาข้างหูยังได้ยินจังหวะเคาะโต๊ะเบาๆ ของเขามองดวงตาที่ดูเหมือนมีความเมตตาต่อสรรพชีวิตของเจ้าอาราม นางก็ตะลึงงันไป"ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น เป็นแค่ภวังค์ อีกไม่นานเจ้าก็จะลืมเรื่องทั้งหมด ถ้ามีคนพูดเรื่องนี้อีก เจ้าก็แค่บอกว่าตนเองพูดเล่นไปก็พอ ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น"เสียงของเจ้าอารามค่อยๆ ไหลเข้ามาในหู แฝงไว้ด้วยการปลอบโยนที่แข็งแกร่งสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเริ่มเลือนรางไปบ้าง"เป็นแค่ภวังค์หรือ?""ใช่แล้ว""ไม่เกิดอะไรขึ้น
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆเจ้าอารามกำลังล้างถ้วยชา ไม่มองนาง"ใช่แล้ว""ตอนองค์หญิงใหญ่ยังเล็ก ข้าเคยทำนายว่าเจ้าจะมีเคราะห์ภัย ขอแค่ผ่านเคราะห์ภัยนั้นได้ แล้วมาอยู่ด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยน ชะตาของเจ้าก็จะดีขึ้น โชคดีตลอดไปสงบสุขจนแก่เฒ่า"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินคำพูดเขาในที่สุดก็ได้สติกลับมา"เคราะห์อะไรหรือ?""ตอนนี้ดูแล้ว เคราะห์นั้นน่าจะอยู่บนตัวฝ่าบาทต้าชื่อ และองค์หญิงใหญ่ก็เป็นแม่นางที่ฉลาด ตัดสินใจเด็ดขาด หนีออกมาจากวังหลวงต้าชื่อ วังจักรพรรดิต้าชื่อกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเข้าประตูวังไปก็เหมือนจมลงสู่ก้นทะเล คำนี้นำมาพูดกับองค์หญิงใหญ่แล้ว ถือว่าถูกต้องอย่างมาก"เจ้าอารามล้างชาไปรอบหนึ่ง ชงชามาสองถ้วย ยกขึ้นมาให้นาง "ดื่มชาเถอะ ชาของอายวน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเมื่อครู่ร้องไห้ไปยกใหญ่ ตอนนี้คอเองก็แหบพร่าไปหมดแล้ว กระหายมากด้วย พอสูดๆ จมูก นางจึงยกถ้วยช้านั่นขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น"ดื่มทีละนิด ระวังลวกปาก" เจ้าอารามเตือนนางทันที"โอ้"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ต่อหน้าเขาก็ดูว่าง่ายขึ้นมาก ถอนหายใจแล้วหันมาจิบเบาๆในที่สุดก็ได้ดื่มชานี้แล้ว ทำไมนางถึงไม่ดีใ