เสิ่นเสวียนมองของที่ฟู่จาวหนิงส่งเข้ามา อดกุมหน้าผากไม่ได้"เตรียมไว้เยอะขนาดนี้เชียว?"สิ่งที่ฟู่จาวหนิงส่งเข้ามาเป็นห่อขนาดใหญ่ ด้านในใส่ยาเอาไว้เต็มพิกัด"ข้าเองก็ไม่รู้ว่าท่านลุงคนโตทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง แต่เตรียมตัวไว้ก็ไม่เสียหลาย ในเมื่อตอนนี้มีโอกาสส่งของไปได้ แน่นนอนว่าต้องนำไปมากหน่อย"ฟู่จาวหนิงกระทั่งรู้สึกยังน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่ช่วงนี้นางยุ่งมาก คงจะสกัดยาได้มากกว่านี้เพื่อส่งไปแล้วแต่ว่าก่อนหน้านี้ไม่แน่ใจว่าผิงเหอกงจะยอมช่วยไหม"ลุงคนโตของเจ้าถ้าได้ของแล้วกลัวว่าจะมึนไปหมดนี่สิ""วัตถุดิบยาในนี้ข้าเขียนชื่อกับวิธีใช้พร้อมปริมาณไว้แล้ว ลุงคนโตพอเห็นก็น่าจะรู้ว่าใช้อย่างไร และยังมียาคุ้มครองหัวใจกับลูกกลอนล้างปอดด้วย สองอย่างนี้ไม่ว่าจะมีเรื่องหรือไม่มีเรื่องก็สามารถให้ท่านลุงคนโตกินก่อนได้เลย"แค่ยาคุ้มครองหัวใจ ถ้าออกมาจากมือของฟู่จาวหนิง ก็ถือว่ามูลค่าไม่ธรรมดาแล้วแล้วห่อยาใหญ่ขนาดนี้ อัดแน่นแบบนี้ ราคาแพงมหาศาลเลยทีเดียวเสิ่นเสวียนให้คนรับ "รอท่านลุงคนโตของเจ้ากลับมาก่อน จะต้องให้เขามาขอบคุณเจ้าดีดี"เรื่องอื่นไม่จำเป็นต้องพูดเยอะแล้วเสิ่นเสวียนให้ค
ฟู่จาวหนิงตามออกไปทันที นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อหนังสือของบ้านตระกูลเสิ่นมากเสิ่นเสวียนพานาเดินทะลุส่วนออกมา จนถึงเบื้องหน้าภูเขาจำลองลูกหนึ่ง ยื่นไปตบๆ เขาจำลองนั้นสองสามี จากนั้นก็ลงไปในบางจุดฟู่จาวหนิงเบิกตาโพลง หนังสือคงไม่ได้อยู่ในคลังใต้ดินหรอกใช่ไหม?ภูเขาจำลองเปิดออกไปซ้ายขวา เผยให้เห็นประตูลับบานหนึ่งบนประตูมีกลอนลงไว้ เสิ่นเสวียนหยิบตราหยกชิ้นหนึ่งออกมาใส่ลงไปประตูลับเปิดออก เสิ่นเสวียนก้มหน้าดินลงไปก่อนลึกลับขนาดนี้เชียวหรือ?ฟู่จาวหนิงตามเข้าไป ประตูกับภูเขาจำลองก็ปิดลงมาอีกครั้ง ด้านนอกมองไม่เห็นเลยว่าภูเขาจำลองนี้จะสามารถแยกออกซ้ายขวาได้เช่นนี้จางเดิมทีคิดว่าประตูลับจะตรงไปยังคลังลับใต้ดิน หนังสือคงอยู่ในคลังลับนั้น คิดไม่ถึงว่าพอเข้ามาจะเป็นอุโมงค์ยาว บนพื้นยังปูด้วยรางไม้ บนรางไม้มีรถไม้มีที่นั่งซ้ายขวาที่ทำขึ้นเป็นพิเศษอยู่คันหนึ่งแค่รถไม้นี้ก็ทำให้ฟู่จาวหนิงรู้สึกตกตะลึงได้แล้ว"ขึ้นมาสิ"เสิ่นเสวียนนั่งลงที่ด้านหนึ่ง ยื่นมือดึงฟู่จาวหนิงไปนั่งอีกด้านหนึ่ง"ท่านลุง สิ่งนี้เคลื่อนไหวได้ด้วยอะไรน่ะ?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกประหลาดใจ และแปลกใหม่มากนี่มัน
เสิ่นเสวียนมองนางยิ้มๆ"วันก่อนตอนที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอวยพร บนถนนหลวงมีนกนับร้อยบินผ่าน และยังมีดนตรีสวรรค์ดังแว่ว เรื่องนี้เจ้าเชื่อไหม?"ตอนนั้นฟู่จาวหนิงไม่มีเวลาออกไปดูเลยถ้าจะต้องแย่งไปอยู่แถวหน้าก็สิ้นเปลืองพลังงานไปหน่อย นางขี้เกียจจะไปแย่งและต่อมาก็เห็นแต่คนมากมายดำทมึนไปหมด นางก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าดูแล้ว ใครจะไปคิดว่าจะมีนกนับร้อยบินผ่านกับเสียงดนตรีสวรรค์ดังแว่วแบบนี้ล่ะฟังแล้วรู้สึกไม่น่าเชื่อเลย"เป็นเรื่องจริงหรือ?"เสิ่นเสวียนพยักหน้า "นกนับร้อยบินผ่านเป็นเรื่องจริง แต่ว่า คำว่านกนับร้อยก็ดูจะเป็นคำพูดที่เกินจริงไปหน่อย ตอนนั้นประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ดูอย่างละเอียด อันที่จริงก็เป็นแค่นกฝูงหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่เป็นนกยูงพญาหงส์อะไรแบบนั้น ก็เป็นแค่นกธรรมดาที่เห็นได้ทั่วไป"ฟู่จาวหนิงเงียบลงมา"แต่จำนวนก็เยอะอยู่ไหม?"ก็น่าจะหลายสิบตัวอยู่กระมัง ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น ถ้ามีนกขนาดฝูงนี้บินผ่าน ก็ถือว่าดึงดูดสายตาผู้คนอยู่ พอบวกกับการจงใจแต่งแต้ม มันก็เลยดูเกินจริงขึ้นมา"เรื่องนี้ ใช้วิธีการอะไรเสียหน่อยก็ไม่ใช่จะทำไม่ได้"ฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินเกี
ฟู่จาวหนิงฟังคำพูดเขา พอคิดดูมันก็ใช่"ไม่พูดถึงหลันยวน เอาแค่เจ้าก็พอ ซือถูไป๋เหมือนจะหลงเจ้าน่าดูเลยนี่" เสิ่นเสวียนรู้สึกขำขันพอได้ยินชื่อซือถูไป๋ ฟู่จาวหนิงก็เงียบไปทันทีคำพูดแบบนี้ความไม่สบอารมณ์สองส่วนในใจนางนั่นก็สลายหายไปแล้วซือถูไป๋ไม่ว่าจะมีใจให้นางแค่ไหน ถึงอย่างไรใจนางก็ไม่โลเลไปมา เช่นนั้นเซียวหลันยวนเองก็เช่นกัน ไม่ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะชอบเขาแค่ไหน นางเองก็ควรจะเชื่อมั่นเซียวหลันยวนและควรจะเชื่อมั่นว่าเซียวหลันยวนจะจัดการได้"ท่านลุงพูดถูกต้อง ข้าไม่กังวลเรื่องนี้แล้ว""ส่วนเจ้าอารามโยวชิง เจ้าสนใจไว้หน่อยก็เรื่องปกติ รู้เขารู้เราน่ะนะ"ดังนั้นพวกเขายังต้องดูว่าเจ้าอารามโยวชิงเป็นคนอย่างไรระหว่างที่คุยกัน รถไม้ก็มาถึงปลายทาง จอดลงมาแล้วฟู่จาวหนิงเหลือบมองไปด้านหลัง รู้สึกว่าทางค่อนข้างไกลเลยทีเดียว รถม้านี้แล่นระยะทางยาวพอควร"ท่านลุง นี่ยังเป็นอาณาเขตของสวนคะนึงอยู่ไหม?"ระยะห่างขนาดนี้ น่าจะออกจากสวนคะนึงแล้วอืม ที่นี่ถึงจะเป็นหอเก็บหนังสือ"เสิ่นเสวียนหลังลงจากรถไม้ก็ยื่นมือไปกดบนกำแพงข้างๆ มีเสียงแกร๊กเบาๆ กำแพงก็สว่างขึ้นมา ส่องให้เห็นประตูเหล
แคว้นตงฉิงมีแร่หินเรืองรอง แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ร่ำรวยได้แล้วแต่ว่า จนถึงปัจจุบัน ฟู่จาวหนิงก็เพิ่งจะเคยเห็นหินเรืองรองในหอเก็บหนังสือของตระกูลเสิ่นนี่เอง สิ่งนี้อธิบายอะไรได้?หินเรืองรองไม่ได้มีชื่อเสียงขึ้นมานั่นเอง"จากบันทึก เดิมทีควรจะเป็นเช่นนี้ แต่ตงฉิงจนถึงวันที่ล่มสลายวันนั้น ก็ญังไม่ได้ส่งหินเรืองรองออกมาจำนวนมาก จึงมีเพียงคนบางส่วนที่รู้ หรือบางทีอาจจะมีหินเรืองรองอยู่ปริมาณน้อย"เสิ่นเสวียนไปหยิบตะเกียงน้ำมัน เดินอยู่ระหว่างชั้นหนังสือที่สูงลิบทีละแถวๆ ฟู่จาวหนิงเดินตามเขาอยู่ข้างๆสายตาเหลือบไปยังหนังสือบนชั้นที่สูงลิบเหล่านี้สิ่งที่นางมองเห็น คือความเห็นแปลกใหม่ที่น่าสนใจของแคว้นต่างๆ อักษรบนหนังสือก็มีความแตกต่างกัน น่าจะเป็นอักษรของแต่ละแคว้นฟู่จาวหนิงยังเห็นอักษรของหนานฉือด้วย มีอยู่หลายเล่มเลยดูแล้วหอเก็บหนังสือนี้ยังมีคนคอยจัดระเบียบอยู่"ดังนั้นข้าจึงคาดเดาว่า ตงฉิงในอดีตคงไม่ได้คิดจะเปิดเผยเรื่องหินเรืองรอง ตงฉิงเป็นแคว้นเล็กๆ ประชากรไม่มากนัก และไม่ได้สนใจเรื่องการทหาร ถ้าให้คนอื่นมารู้เรื่องหินเรืองรองเข้า เกรงว่าคงจะกลายเป็นดึงเอาภัยสงครามเข้ามา
ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หนังสือแพทย์มีน้อยจนน่าสงสารเลยทีเดียวสาวตาฟู่จาวหนิงตกไปอยู่บนชั้นหนังสือด้านหลังเขาหนังสือเหล่านั้นดูน่าสนใจขึ้นมา จักรวาลอันยิ่งใหญ่ โลกที่ว่างเปล่า นางเคยอ่านหนังสือทำนองนี้มาแล้วหลายเล่มเสิ่นเสวียนเห็นนางดูหนังสือเหล่านี้ เอ่ยขึ้นว่า "หนังสือพวกนี้ไม่รู้ว่ามาจากไหน ข้าเองก็ไม่แน่ใจ ตระกูลเสิ่นมีอยู่มาโดยตลอด บอกว่าความใหญ่โตของใต้หล้านี้ ไม่มีใครที่ไปถึงชายขอบ ไกลออกไปลึกออกไป จนอาจจะมีอีกโลกหนึ่งอยู่ด้วยก็เป็นได้"ฟู่จาวหนิงตะลึงงันนี่พูดถึงอวกาศหรือจักรวาลคู่ขนานเนี่ยนางเดิมทีก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นอยู่ แต่เสิ่นเสวียนดูแล้วเหมือนไม่อยากให้นางอ่านหนังสือพวกนี้ นางเองก็รู้สึกว่าตนเองไม่ควรจะไปสืบคนค้นมันพกเขาออกจากหอเก็บหนังสือ นั่งรถม้ากลับมาพูดถึงทางเซียวหลันยวนบ้างหลังจากถูกบริการนำทางมายังห้องหรูหราเรือนด้านหลัง เซียวหลันยวนก็มองเห็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่นั่งอยุ่ตรงข้ามท่านหูเขาชะงักไปท่านหูมองเข้ามาเชิงขอโทษหน่อยๆ"องค์หญิงใหญ่หาข้าเจอ เดาออกถึงตัวตนฐานะของท่านแล้ว บอกว่ามีเรื่องต้องหารือต่อหน้ากับท่าน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลุกขึ้นยืน
อ๋องเจวี้ยนพักผ่อนที่ยอดเขาโยวชิงมาโดยตลอดว่ากันว่า นอกจากสาวใช้สองคนที่ติดตามมาตั้งแต่เด็ก ก็ไม่มีหญิงสาวคนใดอีกยิ่งไปกว่านั้นสาวใช้สองคนนี้ก็แค่คอยดูแลเรื่องยกชาพับผ้าอะไรแบบนี้เท่านั้น ไม่ได้รวมถึงเรื่องการปรนนิบัติอย่างใกล้ชิดตอนกลางคืนอ๋องเจวี้ยนพูดคุยกับพวกนางน้อยมาก พูดน้อยมาโดยตลอดเรื่องเหล่านี้ ท่านหูก่อนหน้านี้เคยพูดกับนางไว้แล้วหลังจากได้ยิน องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็รู้สึกว่าใจต้นเองเต้นแรงขึ้น"ประสบการณ์ของอ๋องเจวี้ยนกับข้าคล้ายกันเลย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเสียงอ่อนหวาน มือเรียวขาวของนางยกกาน้ำชาขึ้น เทให้กับเซียวหลันยวน ยกมาไว้ตรงหน้าเขาการเคลื่อนไหวง่ายๆ เช่นนี้พอนางมาทำ กลับสวยงามราวกับเป็นภาพวาดที่เคลื่อนไหว"ข้าเองก็พักผ่อนอยู่แต่ในสุสานจักรพรรดิตั้งแต่เล็ก ข้างกายมีแค่หมัวมัวไม่กี่คนกับสาวใช้วังอีกสองคนเท่านั้น นอกจากพวกองครักษ์ที่เฝ้าเวรยามซึ่งอยู่ห่างไปหน่อยแล้ว ปกติก็แทบจะไม่ได้เจอผู้ชายเลย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองๆ เซียวหลันยวน เม้มริมฝีปาก"ดังั้นอันที่จริงข้าเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดคุยกับผู้ชายอย่างไรดี ถ้าหากมีอะไรที่ไม่เหมาะสม อ๋องเจวี้ยนโปรดให้อภัยด้
ชิงอีถอนใจโล่งออกมาท่านอ๋อง ควรจะเป็นเช่นนี้ อดทนไว้ จะมาถูกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทำลายการป้องกันลงไม่ได้นะ"อ๋องเจวี้ยน ท่านลองดูก่อนว่าคืออะไร"ท่านหูขมวดคิ้ว ท่าทีเช่นนี้ของอ๋องเจวี้ยนดูเกินไปหน่อยไหม?"ไม่จำเป็น""อ๋องเจวี้ยน!"ท่านหูกัดฟัน "ท่านได้ยินเรื่องปาฎิหาริย์ตอนที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอวยพรเมื่อวันก่อนหรือไม่?""ปาฎิหารย์?""นกนับร้อยบินผ่าน ดนตรีสวรรค์ดังแว่ว" ท่านหูตอนนั้นเองก็อยู่ด้วย ดังนั้นตอนที่พูดถึงเรื่องนี้จึงตื่นเต้นขึ้นมา "องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเป็นหญิงสาวที่สวรรค์ปกป้องโดยแท้จริง สูงส่งจนเกินกว่าจะเอ่ยถึง โชครุนแรงอย่างมิอาจต้านทาน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินเขาชมตนเองเช่นนี้ ก็รู้สึกอายขึ้นมาจนต้องก้มหน้า "ท่านหูกล่าวเกินไปแล้ว""ข้าพูดเรื่องจริงทั้งนั้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลุกขึ้นยืน "ข้าไปดูพวกของเฉินเซียงหน่อยว่าเลือกอาหารแล้วหรือยัง"พูดจบนางก็รีบเดินออกไปท่านหูพอเห็นนางออกไป ก็รู้ว่านางให้จังหวะกับเขาในการคุยกับอ๋องเจวี้ยน จึงรีบบอกอ๋องเจวี้ยนว่า "อ๋องเจวี้ยน ท่านทำไมจึงเย็นชากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเช่นนี้?"เซียวหลันยวนลดสายตาลงท่านหูเอ่ยต่ออย่าง