เหอเซี่ยนอันรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมา"นางเป็นคนที่องค์จักรพรรดิทั้งรักทั้งปกป้อง คงไม่เคยถูกใครตบตีมาก่อนเป็นแน่! ที่นางจะรับไม่ได้มันก็เรื่องปกติไหม?"คุณหนูรองเหอใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่หน้าผากเขา "ยังดีที่นางมีจิตใจเมตตาอ่อนโยน ไม่มีทางคิดเล็กคิดน้อยกับเจ้าแน่ ไม่เช่นนั้นถ้าองค์จักรพรรดิรู้เข้า เจ้าก็ต้องรับกรรมเองแล้วนะ""นางยอดเยี่ยมที่สุดว่าอย่างนั้นเถอะ?" เหอเซี่ยนอันตะคอกอย่างโกรธเคืองขึ้นมาคำหนึ่ง "ข้าแค่ตบมือนาง แล้วต้องให้นางมาตัดมือข้าเลยไหม?""พูดอะไรไร้สาระ นางจิตใจดีเสียขนาดนั้นไม่มีทางทำหรอก! แต่ว่า นางเป็นคนมีโชคที่เทพเจ้าคุ้มครองเลยนะ ทำไมเจ้าไม่ให้นางลูบขาเจ้าเสียหน่อยกัน?""เมื่อครู่สายตาตอนที่นางยื่นมือเข้ามามันประหลาดน่ะสิ!" เหอเซี่ยนอันร้องขึ้นมาอย่างเคืองๆ "อย่างกับมองข้าเป็นคนขาเป๋พิกลพิการ! นางกำลังหัวเราะเยาะข้าเวทนาข้าอยู่!""เหอเซี่ยนอัน! ถ้าเจ้ายังพูดเรื่อยเปื่อยอีก ข้าจะไม่สนใจเจ้าแล้วนะ! คำพูดนี้ถ้าท่านพ่อท่านแม่ได้ยิน พวกเขาได้ด่าเจ้าเปิงแน่!"คุณหนูรองเหอทำท่าไม่อยากเชื่อเหอเซี่ยนอันสายตาเป็นอะไรไป? องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะใช้สายตาแบบนั้นมองเขาได้อย
เหอเซี่ยนอันร้องไห้ขึ้นมา"เจ้าร้องไห้ทำไมกัน?""แม่นางฟู่ หมอเทวดาฟู่ ท่านพูดจริงใช่ไหม? ท่านทำไม ท่านทำไมจึงไม่พูดเหมือนหมอคนอื่น ที่พูดออกมาอย่างยากเย็นว่าหาสาเหตุอะไรไม่พบ?"คุณหนูรองเหอก็ตกตะลึงขึ้นมาแล้ว"หมอคนอื่นพูดกันแบบนี้หรือ?""ใช่สิ มีหลายคนบอกว่ามีลมเย็นเข้าสู่ร่างกาย ต้องลองดูว่าจะไล่ลมออกไปได้ไหม แต่พวกนั้นก็ล้วนเป็นวิธีการขับลมหนาวออกจากร่างกาย ข้าฟังแล้วมันพึ่งพาไม่ได้ ตอนนี้เสี่ยวอันไม่ได้เป็นไข้หนาวสั่นเสียหน่อย ป่วยมาตั้งปีครึ่งแล้ว มาใช้แต่วิธีไล่ลมหนาวมันจะได้เรื่องได้อย่างไร?""อันที่จริงมันไม่ใช่อาการหนาวสั่น" ฟู่จาวหนิงบอก"ฮือๆๆ โฮ!" เหอเซี่ยนอันร้องไห้ขึ้นมาอีก ร้องจนน่าเวทนา"บอกกับเจ้าแล้วว่ามันรักษาได้ แล้วเจ้าจะร้องทำไมกันเนี่ย?" ฟู่จาวหนิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก"มีแต่ท่านที่บอกว่าไม่ใช่ไข้หนาวสั่น!" เหอเซี่ยนอันร้องจนน้ำมูกไหลย้อย "ข้าเองก็รู้ว่าพวกเขาทำไมถึงบอกว่ามีลมเย็นเข้าสู่ร่างกาย เพราะตอนแรกสุดข้าก็โดนไข้หนาวสั่นเข้าจริงๆ แล้วยังหนักหนาเอาการด้วย ป่วยไปกว่าครึ่งเดือน ต่อมาพวกเขาตรวจไม่พบว่าขาของข้าเป็นอะไร จึงผลักภาระไปทางไข้หนาวสั่นในครั้
"วันนี้ข้าถูกพวกเจ้าพาตัวมากะทันหันนะ"ฟู่จาวหนิงหน้าเย็นชาลง"จวนผิงเหอกงของพวกเจ้าทำการกำเริบเสิบสานจนเคยตัว พาคนมาแบบนี้ แล้วยังจะรั้งให้คนอยู่ด้วยอีก ถ้าหากรักษาไม่หายก็ยังสังหารทิ้งอีกด้วย""พวกเราคิดจะสังหารท่านเสียที่ไหน?"คุณหนูรองเหอกับเหอเซี่ยนอันร้องขึ้นมาพร้อมกัน"ตอนนี้ยังไม่สังหารข้า ก่อนหน้านี้ก็สังหารหมอไปตั้งหลายคนนี่? ทุกคนต่อให้จะเป็นหมอเถื่อน รักษาขาของเจ้าไม่ได้ก็ไม่ได้ผิดถึงกับต้องตาย ดังนั้น ข้าตอนนี้แม้จะรักษาขาของเจ้าได้ แต่เรือนผิงเหอกงของพวกเจ้า ข้าก็ไม่อยากจะอยู่พักหรอก""พวกเราไม่ได้จะสังหารท่านเสียหน่อย แล้วยังจะให้ท่านได้อยู่ดีกินดีด้วย ท่านอยากได้อะไร เสื้อผ้าเครื่องประดับ? ข้าให้ท่านแม่มอบให้ท่านก็ได้"ฟู่จาวหนิงมองเหอเซี่ยนอันที่ร้องลั่นออกมา แล้วก็อดขำขึ้นมาไม่ได้"เจ้าคิดว่าข้าขาดแคลนของเหล่านี้หรือ? ข้าแค่ไม่อยากจะพักอยู่ในจวนผิงเหอกงนี้เท่านั้น ข้าอยากกลับไป แล้วพรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่ พูดคำไหนคำนั้น แต่ถ้าพวกเจ้ายังคิดจะบีบบังคับข้า เช่นนั้นข้าก็จะไม่รักษาให้เจ้าแล้ว"คุณหนูรองเหอกับเหอเซี่ยนอันถลึงตาโตอ้าปากค้างมองนางทำไมนางถึงได้แกร่งเสีย
องครักษ์สามคนนี้พอเห็นว่ากำลังภายในลึกล้ำสูงส่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังกล้าจะลงมือกับพวกเขาจริงๆ แตกต่างกับคนอื่นๆ ที่รู้ว่าที่นี่คือจวนผิงเหอกงจะไม่กล้าลงมือพวกเขาล้วนถอยออกไปก้าวหนึ่งผิงเหอกงสังเหตเห็นรายละเอียดเหล่าคนคุ้มครองเรือนของตนเอง ใจก็เต้นขึ้นมา ดึงตัวภรรยาไว้"เอาล่ะเอาล่ะ นางไม่ใช่บอกแล้วหรือว่าพรุ่งนี้จะมาใหม่? ไม่ต้องขวางแล้ว""ท่านเห็นว่าอีกฝ่ายเขาหน้าตาดีเหมือนนังปีศาจจนถูกลวงวิญญาณไปแล้วหรือ?" องค์หญิงใหญ่สะบัดตัวคุณหนูรองออก ถลึงตาโตใส่ผิงเหอกงผิงเหอกงสีหน้าถมึงทึงขึ้นมา"เจ้ากำลังพูดอะไร!""พูดอะไรในใจท่านรู้ดีอยู่แล้ว ขาของอันเอ๋อร์ท่านไม่สนใจแล้วหรือ? บ้านของพวกเราคิดจะให้ใครเข้ามาก็มาใครจะไปก็ไปได้อย่างนั้นหรือ? วิชาแพทย์ของนางลือกันว่ายอดเยี่ยมเสียขนาดนั้น ตอนนี้ยังไม่รีบรักษาให้อันเอ๋อร์ แล้วนางจะไปไหนกัน?"คุณหนูรองเหอรู้สึกว่าแม่ของตนเองเป็นเช่นนี้ทำให้คนรับไม่ไหวจริงๆ"ท่านแม่ เสี่ยวอันเป็นคนบอกว่าห้ามรั้งนางไว้เอง พวกท่านรีบไปดูเสี่ยวอันเถอะ"ให้น้องชายบอกกับพวกเขาก็แล้วกัน ถึงอย่างไรน้องชายก็เป็นแก้วตาดวงใจพวกเขาอยู่แล้ว ต้องให้เขาพูดแม่ถึงจะฟัง"อ
เสิ่นเสวียนกับผู้อาวุโสจี้สบตากัน หัวเราะขึ้นมาชิ่งอวิ๋นเซียวก็อยู่พวกเขาล้วนกำลังมองเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงที่จูงมือเบียดไหล่กันเดินเข้ามา"ดูท่า อ๋องเจวี้ยนจะพูดถูกเสียแล้ว จาวหนิงกลับมาจริงๆ ด้วย" ผู้อาวุโสจี้เอ่ยขึ้น"ท่านเสิ่น ผู้อาวุโสจี้ พวกเท่านรู้สึกไหมว่าระหว่างอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาเหมือนมีอะไรเพิ่มเข้ามา?" ชิ่งอวิ๋นเซียวถาม"มันคืออะไร?""ก็ของที่ทำให้คนเข็ดฟันน่ะสิ" ชิ่งอวิ๋นเซียวเอาลิ้นดุนแก้ม ถอนหายใจออกมา "ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนดูเป็นมิตรกว่าก่อนหน้าขึ้นเยอะแล้ว วันนี้ยังยอมให้ข้ามากินข้าวด้วยกันอีก ถ้าเป็นก่อนหน้านี้นะ เขาคงจะพูดประมาณว่าเจ้ากลับไปเถอะ ข้าไม่เหลือข้าวไว้ให้ ขับไล่ไสส่งข้า"เสิ่นเสวียนยิ้มๆผู้อาวุโสจี้เอ่ยขึ้นบ้าง "นี่ก็ต้องยกยอดคุณความดีให้ศิษย์รักข้า เป็นเพราะจาวหนิงนั้นแสนดี จนทำให้อ๋องเจวี้ยนเปลี่ยนไปน่ะสิ"ฟู่จาวหนิงเดินเข้ามา พอเห็นอาหารเต็มโต๊ะ ก็ทิ้งเซียวหลันยวนทันที ร้องขึ้นมาว่า "หอมจังเลย กับข้าวเยอะขนาดนี้! ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว รีบกินกันเถอะ"เสิ่นเสวียนเรียกให้สาวใช้ยกน้ำอุ่มกับผ้าแห้งมา "ล้างมือก่อน""ล้างแน่นอน"ฟู่จาวหนิงไม่ลืม
ฟู่จาวหนิงแค่ถือโอกาสพูดขึ้นมาเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะจับรายละเอียดนี้ได้เสิ่นเสวียนพอได้ยินเขาถามออกมา ก็เหมือนจับอะไรได้บางอย่าง"อายวน เจ้ากำลังสงสัยหรือ?""ฟังจากที่หนิงหนิงพูดมา เหอเซี่ยนอันอายุแม้จะยังน้อย แต่อันที่จริงความคิดเฉียบคมมาก ลางสังหรณ์ก็แม่นยำ น่าจะเพราะตัวเขาเองไม่ได้สนใจจุดนี้ของตนเอง แต่ก็ยังแสดงออกมา อย่างเช่นที่ตอนแรกเขารู้สึกว่าหนิงหนิงพิเศษ"ยิ่งไปกว่านั้น เพียงครู่เดียวก็ถูกฟู่จาวหนิงกล่อมไปเรียบร้อยหรือก็คือ ฟู่จาวหนิงจับทางนิสัยเด็กคนนี้ได้ แต่ถ้าหากเขาไม่มีข้อดีอยู่บ้าง ตอนที่ฟู่จาวหนิงพูดถึงเขาเมื่อครู่คงไม่ใช้น้ำเสียงทั้งโมโหทั้งขำแบบนั้นแล้วนางยังรู้สึกว่าเหอเซี่ยนอันยังพอไหวอยู่"อืม เป็นเช่นนั้นเลย""ดังนั้น เขาทำไมจึงพูดกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแบบนั้น?"บอกว่าตอนที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยื่นมามาหาเขาทำสายตาผิดปกติพอเซียวหลันยวนพูดเช่นนี้ คนอื่นเองก็งงงันไปเช่นกัน ทยอยกันขบคิดขึ้นมา"เหอเซี่ยนอันไม่ชอบองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างได้ชัด กระทั่งไม่ยอมให้นางแตะตัวด้วยซ้ำ เขาน่าจะเคยได้ยินเรื่องโชคที่มหัศจรรย์ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้ว ทำไ
"อืม เรื่องนี้อันที่จริงเป็นแผนการณ์ก่อนที่ข้าจเได้รักษาอาการป่วยน่ะ" เสิ่นเสวียนยิ้มขืน แต่เพียงไม่นานรอยยิ้มขืนก็กลายเป็นรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย "ตอนนั้นรู้สึกว่าตนเองไม่มีเวลากับกำลังวังชาเพียงพอ จึงคิดจะหยิบยืมพลัง แต่ตอนนี้ความคิดเปลี่ยนไปแล้ว""เจ้าอารามเคยพูดไว้ ข้ากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีดวงชะตาพึ่งพากัน"เซียวหลันยวนไม่อยากปิดบังเสิ่นเสวียน จึงบอกกับเขาออกมาตามตรงเสิ่นเสวียนขมวดคิ้วเขายังไม่ทันพูด เซียวหลันยวนก็เสริมมาอีกคำ"ก่อนหน้านี้ข้าเองก็มีเป้าหมาย คือมีชีวิตต่อให้ยืนยาวอีกหน่อย ยืนบนตำแหน่งให้แคว้นเจาให้มั่นคง ดังนั้นตอนที่เจ้าอารามบอกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสามารช่วยทำให้ดวงชะตาของข้ามั่นคงได้ เข้าเองก็เคยคิด ว่าเพื่อจะให้ชีวิตยืนยาวอีกหน่อย การอยู่กับใครสักคนทำไมจะทำไม่ได้?"ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่ชื่อเสียงดีงามขนาดนั้นด้วย"ตอนนั้น ข้ายังไม่ได้ชอบจาวหนิง แผนการต่างๆ มากมายสมัยก่อนที่เจอกับนาง หลังจากพบนางแล้วทั้งหมดก็พังลงและเปลี่ยนแปลงไป"เสิ่นเสวียนมองเขาตอนที่พูดว่าแผนการทั้งหมดของตนเองพังลงและเปลี่ยนแปลงไป สายตาของเซียวหลันยวนกระทั่งดูอบ
"ท่านลุง ก่อนหน้านี้ที่ข้าคิดถึงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่ก็ไม่เคยเจอกับนางเลย แค่เอามาเป็นเงื่อนไขพิจารณาเท่านั้น ถ้าหากไม่มีจาวหนิง บางทีต่อให้แต่งงานเพื่อผลประโยชน์กันจริงๆ อย่างมากสุดก็แค่เคารพกันและกันเหมือนแขก คล้ายกับคำที่ประชาชนพูดกันประโยคนั้น อยู่กันแบบไม่มีความรัก""เจ้าเคยคิดเรื่องจะอยู่ด้วยกันแบบไม่มีความรักกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นด้วยหรือ?"เสิ่นเสวียนฟังประโยคนี้แล้วเสียดหูหน่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา สายตาที่เขามองเซียวหลันยวนเริ่มไม่สบอารมณ์แล้วเซียวหลันยวนชะงักไป"นี่ก็แค่สมมติ เป็นความคิดที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ก่อนที่จะได้มาเจอจาวหนิงเท่านั้น""หลังจากนี้แค่ความคิดก็ไม่ควรมี ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือไม่เป็นผู้ใหญ่ก็ตาม""ขอรับ แน่นอนว่าจะไม่มี"เซียวหลันยวนยังคิดว่าเสิ่นเสวียนจะพูดคุยเป็นกันเองระหว่างลูกผู้ชายกับเขา แต่ผลคือตอนนี้ เขายังยืนอยู่ในตำแหน่งลุงของจาวหนิงแล้วหันมาคุยกับเขาโชคดีที่ไม่มีความคิดอื่นใด"ไม่ปิดบังท่านลุง สำหรับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก่อนนห้านี้ ต่อให้นางจะมีเงื่อนไขที่ดีขนาดนั้น ข้าก็ไม่มีความคิดที่คิดจะแต่งงานกับนางจริงๆ เพียงแต่ตอนที่คิดว่าตนเองต้องมีช