"นี่ก็...""ฝูอวิ้น เขาเป็นหลานชายของเจ้านะ เจ้าก็สงสารเขาหน่อยเถอะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพยักหน้าอย่างจำใจ "อันนี้จริงข้าก็เป็นแค่คนธรรมดานะ แต่ถ้าทำให้อารมณ์ของอันเอ๋อร์สงบลงได้ ข้าที่เป็นน้าของเขาก็จะไม่บ่ายเบี่ยง"นางเดินตรงไปข้างเตียงฟู่จาวหนิงตอนนี้เก็บเข็มมาหมดแล้ว อิ๋นสั่วกับเฉินเซียงก็ตามองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเข้ามา ทั้งสองคนสบตากัน และชนตัวฟุ่จาวหนิงเบียดนางออกไป"คุณชายน้อย องค์หญิงใหญ่จะดูขาให้กับท่าน"ฟู่จาวหนิงถอยออกมาสองสามก้าว ยืนนิ่งขึ้นมานางเหลือบมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเหมือนจะไม่เห็นพฤติกรรมสาวใช้วังของนางเมื่อครู่ กำลังก้มตัวเข้าใกล้เหอเซี่ยนอันด้วยความอ่อนโยน น้ำเสียงนุ่มราวปุยฝ้ายดังลอดออกมา"อันเอ๋อร์ ไม่ต้องกลัวนะ มันจะดีขึ้น"นางยืนมือไปสัมผัสเบาๆ ที่ขาของเหอเซี่ยนอันเหอเซี่ยนอันเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ปัดมือของนางออกไป "อย่ามาจับข้า!"เขาร้องขึ้นมาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอุทานขึ้นมาเสียงหนึ่ง ร่างกายล้มเบี่ยงออกไปข้างๆ"องค์หญิงใหญ่!"สาวใช้ทั้งสองคนรีบเข้าไปประคองนาง"เหอเซี่ยนอัน" คุณหนูรองเหอตวาดขึ้นมาคำหนึ่ง นี่กล้าตีองค์หญิงใหญ่ฝูอว
เหอเซี่ยนอันรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมา"นางเป็นคนที่องค์จักรพรรดิทั้งรักทั้งปกป้อง คงไม่เคยถูกใครตบตีมาก่อนเป็นแน่! ที่นางจะรับไม่ได้มันก็เรื่องปกติไหม?"คุณหนูรองเหอใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่หน้าผากเขา "ยังดีที่นางมีจิตใจเมตตาอ่อนโยน ไม่มีทางคิดเล็กคิดน้อยกับเจ้าแน่ ไม่เช่นนั้นถ้าองค์จักรพรรดิรู้เข้า เจ้าก็ต้องรับกรรมเองแล้วนะ""นางยอดเยี่ยมที่สุดว่าอย่างนั้นเถอะ?" เหอเซี่ยนอันตะคอกอย่างโกรธเคืองขึ้นมาคำหนึ่ง "ข้าแค่ตบมือนาง แล้วต้องให้นางมาตัดมือข้าเลยไหม?""พูดอะไรไร้สาระ นางจิตใจดีเสียขนาดนั้นไม่มีทางทำหรอก! แต่ว่า นางเป็นคนมีโชคที่เทพเจ้าคุ้มครองเลยนะ ทำไมเจ้าไม่ให้นางลูบขาเจ้าเสียหน่อยกัน?""เมื่อครู่สายตาตอนที่นางยื่นมือเข้ามามันประหลาดน่ะสิ!" เหอเซี่ยนอันร้องขึ้นมาอย่างเคืองๆ "อย่างกับมองข้าเป็นคนขาเป๋พิกลพิการ! นางกำลังหัวเราะเยาะข้าเวทนาข้าอยู่!""เหอเซี่ยนอัน! ถ้าเจ้ายังพูดเรื่อยเปื่อยอีก ข้าจะไม่สนใจเจ้าแล้วนะ! คำพูดนี้ถ้าท่านพ่อท่านแม่ได้ยิน พวกเขาได้ด่าเจ้าเปิงแน่!"คุณหนูรองเหอทำท่าไม่อยากเชื่อเหอเซี่ยนอันสายตาเป็นอะไรไป? องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะใช้สายตาแบบนั้นมองเขาได้อย
เหอเซี่ยนอันร้องไห้ขึ้นมา"เจ้าร้องไห้ทำไมกัน?""แม่นางฟู่ หมอเทวดาฟู่ ท่านพูดจริงใช่ไหม? ท่านทำไม ท่านทำไมจึงไม่พูดเหมือนหมอคนอื่น ที่พูดออกมาอย่างยากเย็นว่าหาสาเหตุอะไรไม่พบ?"คุณหนูรองเหอก็ตกตะลึงขึ้นมาแล้ว"หมอคนอื่นพูดกันแบบนี้หรือ?""ใช่สิ มีหลายคนบอกว่ามีลมเย็นเข้าสู่ร่างกาย ต้องลองดูว่าจะไล่ลมออกไปได้ไหม แต่พวกนั้นก็ล้วนเป็นวิธีการขับลมหนาวออกจากร่างกาย ข้าฟังแล้วมันพึ่งพาไม่ได้ ตอนนี้เสี่ยวอันไม่ได้เป็นไข้หนาวสั่นเสียหน่อย ป่วยมาตั้งปีครึ่งแล้ว มาใช้แต่วิธีไล่ลมหนาวมันจะได้เรื่องได้อย่างไร?""อันที่จริงมันไม่ใช่อาการหนาวสั่น" ฟู่จาวหนิงบอก"ฮือๆๆ โฮ!" เหอเซี่ยนอันร้องไห้ขึ้นมาอีก ร้องจนน่าเวทนา"บอกกับเจ้าแล้วว่ามันรักษาได้ แล้วเจ้าจะร้องทำไมกันเนี่ย?" ฟู่จาวหนิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก"มีแต่ท่านที่บอกว่าไม่ใช่ไข้หนาวสั่น!" เหอเซี่ยนอันร้องจนน้ำมูกไหลย้อย "ข้าเองก็รู้ว่าพวกเขาทำไมถึงบอกว่ามีลมเย็นเข้าสู่ร่างกาย เพราะตอนแรกสุดข้าก็โดนไข้หนาวสั่นเข้าจริงๆ แล้วยังหนักหนาเอาการด้วย ป่วยไปกว่าครึ่งเดือน ต่อมาพวกเขาตรวจไม่พบว่าขาของข้าเป็นอะไร จึงผลักภาระไปทางไข้หนาวสั่นในครั้
"วันนี้ข้าถูกพวกเจ้าพาตัวมากะทันหันนะ"ฟู่จาวหนิงหน้าเย็นชาลง"จวนผิงเหอกงของพวกเจ้าทำการกำเริบเสิบสานจนเคยตัว พาคนมาแบบนี้ แล้วยังจะรั้งให้คนอยู่ด้วยอีก ถ้าหากรักษาไม่หายก็ยังสังหารทิ้งอีกด้วย""พวกเราคิดจะสังหารท่านเสียที่ไหน?"คุณหนูรองเหอกับเหอเซี่ยนอันร้องขึ้นมาพร้อมกัน"ตอนนี้ยังไม่สังหารข้า ก่อนหน้านี้ก็สังหารหมอไปตั้งหลายคนนี่? ทุกคนต่อให้จะเป็นหมอเถื่อน รักษาขาของเจ้าไม่ได้ก็ไม่ได้ผิดถึงกับต้องตาย ดังนั้น ข้าตอนนี้แม้จะรักษาขาของเจ้าได้ แต่เรือนผิงเหอกงของพวกเจ้า ข้าก็ไม่อยากจะอยู่พักหรอก""พวกเราไม่ได้จะสังหารท่านเสียหน่อย แล้วยังจะให้ท่านได้อยู่ดีกินดีด้วย ท่านอยากได้อะไร เสื้อผ้าเครื่องประดับ? ข้าให้ท่านแม่มอบให้ท่านก็ได้"ฟู่จาวหนิงมองเหอเซี่ยนอันที่ร้องลั่นออกมา แล้วก็อดขำขึ้นมาไม่ได้"เจ้าคิดว่าข้าขาดแคลนของเหล่านี้หรือ? ข้าแค่ไม่อยากจะพักอยู่ในจวนผิงเหอกงนี้เท่านั้น ข้าอยากกลับไป แล้วพรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่ พูดคำไหนคำนั้น แต่ถ้าพวกเจ้ายังคิดจะบีบบังคับข้า เช่นนั้นข้าก็จะไม่รักษาให้เจ้าแล้ว"คุณหนูรองเหอกับเหอเซี่ยนอันถลึงตาโตอ้าปากค้างมองนางทำไมนางถึงได้แกร่งเสีย
องครักษ์สามคนนี้พอเห็นว่ากำลังภายในลึกล้ำสูงส่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังกล้าจะลงมือกับพวกเขาจริงๆ แตกต่างกับคนอื่นๆ ที่รู้ว่าที่นี่คือจวนผิงเหอกงจะไม่กล้าลงมือพวกเขาล้วนถอยออกไปก้าวหนึ่งผิงเหอกงสังเหตเห็นรายละเอียดเหล่าคนคุ้มครองเรือนของตนเอง ใจก็เต้นขึ้นมา ดึงตัวภรรยาไว้"เอาล่ะเอาล่ะ นางไม่ใช่บอกแล้วหรือว่าพรุ่งนี้จะมาใหม่? ไม่ต้องขวางแล้ว""ท่านเห็นว่าอีกฝ่ายเขาหน้าตาดีเหมือนนังปีศาจจนถูกลวงวิญญาณไปแล้วหรือ?" องค์หญิงใหญ่สะบัดตัวคุณหนูรองออก ถลึงตาโตใส่ผิงเหอกงผิงเหอกงสีหน้าถมึงทึงขึ้นมา"เจ้ากำลังพูดอะไร!""พูดอะไรในใจท่านรู้ดีอยู่แล้ว ขาของอันเอ๋อร์ท่านไม่สนใจแล้วหรือ? บ้านของพวกเราคิดจะให้ใครเข้ามาก็มาใครจะไปก็ไปได้อย่างนั้นหรือ? วิชาแพทย์ของนางลือกันว่ายอดเยี่ยมเสียขนาดนั้น ตอนนี้ยังไม่รีบรักษาให้อันเอ๋อร์ แล้วนางจะไปไหนกัน?"คุณหนูรองเหอรู้สึกว่าแม่ของตนเองเป็นเช่นนี้ทำให้คนรับไม่ไหวจริงๆ"ท่านแม่ เสี่ยวอันเป็นคนบอกว่าห้ามรั้งนางไว้เอง พวกท่านรีบไปดูเสี่ยวอันเถอะ"ให้น้องชายบอกกับพวกเขาก็แล้วกัน ถึงอย่างไรน้องชายก็เป็นแก้วตาดวงใจพวกเขาอยู่แล้ว ต้องให้เขาพูดแม่ถึงจะฟัง"อ
เสิ่นเสวียนกับผู้อาวุโสจี้สบตากัน หัวเราะขึ้นมาชิ่งอวิ๋นเซียวก็อยู่พวกเขาล้วนกำลังมองเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงที่จูงมือเบียดไหล่กันเดินเข้ามา"ดูท่า อ๋องเจวี้ยนจะพูดถูกเสียแล้ว จาวหนิงกลับมาจริงๆ ด้วย" ผู้อาวุโสจี้เอ่ยขึ้น"ท่านเสิ่น ผู้อาวุโสจี้ พวกเท่านรู้สึกไหมว่าระหว่างอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาเหมือนมีอะไรเพิ่มเข้ามา?" ชิ่งอวิ๋นเซียวถาม"มันคืออะไร?""ก็ของที่ทำให้คนเข็ดฟันน่ะสิ" ชิ่งอวิ๋นเซียวเอาลิ้นดุนแก้ม ถอนหายใจออกมา "ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนดูเป็นมิตรกว่าก่อนหน้าขึ้นเยอะแล้ว วันนี้ยังยอมให้ข้ามากินข้าวด้วยกันอีก ถ้าเป็นก่อนหน้านี้นะ เขาคงจะพูดประมาณว่าเจ้ากลับไปเถอะ ข้าไม่เหลือข้าวไว้ให้ ขับไล่ไสส่งข้า"เสิ่นเสวียนยิ้มๆผู้อาวุโสจี้เอ่ยขึ้นบ้าง "นี่ก็ต้องยกยอดคุณความดีให้ศิษย์รักข้า เป็นเพราะจาวหนิงนั้นแสนดี จนทำให้อ๋องเจวี้ยนเปลี่ยนไปน่ะสิ"ฟู่จาวหนิงเดินเข้ามา พอเห็นอาหารเต็มโต๊ะ ก็ทิ้งเซียวหลันยวนทันที ร้องขึ้นมาว่า "หอมจังเลย กับข้าวเยอะขนาดนี้! ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว รีบกินกันเถอะ"เสิ่นเสวียนเรียกให้สาวใช้ยกน้ำอุ่มกับผ้าแห้งมา "ล้างมือก่อน""ล้างแน่นอน"ฟู่จาวหนิงไม่ลืม
ฟู่จาวหนิงแค่ถือโอกาสพูดขึ้นมาเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะจับรายละเอียดนี้ได้เสิ่นเสวียนพอได้ยินเขาถามออกมา ก็เหมือนจับอะไรได้บางอย่าง"อายวน เจ้ากำลังสงสัยหรือ?""ฟังจากที่หนิงหนิงพูดมา เหอเซี่ยนอันอายุแม้จะยังน้อย แต่อันที่จริงความคิดเฉียบคมมาก ลางสังหรณ์ก็แม่นยำ น่าจะเพราะตัวเขาเองไม่ได้สนใจจุดนี้ของตนเอง แต่ก็ยังแสดงออกมา อย่างเช่นที่ตอนแรกเขารู้สึกว่าหนิงหนิงพิเศษ"ยิ่งไปกว่านั้น เพียงครู่เดียวก็ถูกฟู่จาวหนิงกล่อมไปเรียบร้อยหรือก็คือ ฟู่จาวหนิงจับทางนิสัยเด็กคนนี้ได้ แต่ถ้าหากเขาไม่มีข้อดีอยู่บ้าง ตอนที่ฟู่จาวหนิงพูดถึงเขาเมื่อครู่คงไม่ใช้น้ำเสียงทั้งโมโหทั้งขำแบบนั้นแล้วนางยังรู้สึกว่าเหอเซี่ยนอันยังพอไหวอยู่"อืม เป็นเช่นนั้นเลย""ดังนั้น เขาทำไมจึงพูดกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแบบนั้น?"บอกว่าตอนที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยื่นมามาหาเขาทำสายตาผิดปกติพอเซียวหลันยวนพูดเช่นนี้ คนอื่นเองก็งงงันไปเช่นกัน ทยอยกันขบคิดขึ้นมา"เหอเซี่ยนอันไม่ชอบองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างได้ชัด กระทั่งไม่ยอมให้นางแตะตัวด้วยซ้ำ เขาน่าจะเคยได้ยินเรื่องโชคที่มหัศจรรย์ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้ว ทำไ
"อืม เรื่องนี้อันที่จริงเป็นแผนการณ์ก่อนที่ข้าจเได้รักษาอาการป่วยน่ะ" เสิ่นเสวียนยิ้มขืน แต่เพียงไม่นานรอยยิ้มขืนก็กลายเป็นรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย "ตอนนั้นรู้สึกว่าตนเองไม่มีเวลากับกำลังวังชาเพียงพอ จึงคิดจะหยิบยืมพลัง แต่ตอนนี้ความคิดเปลี่ยนไปแล้ว""เจ้าอารามเคยพูดไว้ ข้ากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีดวงชะตาพึ่งพากัน"เซียวหลันยวนไม่อยากปิดบังเสิ่นเสวียน จึงบอกกับเขาออกมาตามตรงเสิ่นเสวียนขมวดคิ้วเขายังไม่ทันพูด เซียวหลันยวนก็เสริมมาอีกคำ"ก่อนหน้านี้ข้าเองก็มีเป้าหมาย คือมีชีวิตต่อให้ยืนยาวอีกหน่อย ยืนบนตำแหน่งให้แคว้นเจาให้มั่นคง ดังนั้นตอนที่เจ้าอารามบอกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสามารช่วยทำให้ดวงชะตาของข้ามั่นคงได้ เข้าเองก็เคยคิด ว่าเพื่อจะให้ชีวิตยืนยาวอีกหน่อย การอยู่กับใครสักคนทำไมจะทำไม่ได้?"ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่ชื่อเสียงดีงามขนาดนั้นด้วย"ตอนนั้น ข้ายังไม่ได้ชอบจาวหนิง แผนการต่างๆ มากมายสมัยก่อนที่เจอกับนาง หลังจากพบนางแล้วทั้งหมดก็พังลงและเปลี่ยนแปลงไป"เสิ่นเสวียนมองเขาตอนที่พูดว่าแผนการทั้งหมดของตนเองพังลงและเปลี่ยนแปลงไป สายตาของเซียวหลันยวนกระทั่งดูอบ
เขาอยากไปด้วยกันกับลูกสาว เช่นนี้จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน และยังได้มองอยู่ข้างๆ ถึงสภาพการทำงานของนางด้วย อยู่กับคนเป็นอย่างไร จะได้เข้าใจนางมากขึ้น รู้จักนางมากขึ้นเขาพลาดที่จะมองดูลูกสาวเติบโตไปหลายปี ตอนนี้อยากจะคว้าโอกาสนี้ไว้บางที ความสัมพันธ์หลังจากนี้อาจจะดีขึ้นมาอีกก็ได้นิสัยของฟู่จิ้นเชินคือมุ่งมั่นไปที่เป้าหมาย ไม่รีบไม่ร้อน แต่จะไม่ยอมแพ้ และจะคอยคว้าโอกาสทั้งหมดไว้ ก้าวไปยังจุดหมายทีละก้าวๆเหมือนกับตอนที่เขาพาภรรยา รู้ว่าห้ามตายเด็ดขาด จะถูกจับกลับไปไม่ได้ บนพื้นฐษนนี้ ใช้เวลาไปหลายปี แต่เขาก็ไม่ได้ล้มเลิกการตามหาความจริงเรื่องการวางยาในอดีตถ้าหากไม่ใช่มาเจอกับฟู่จาวหนิง อันที่จริงเขาก็ยังทนต่อไปได้ บางทีอาจจะถึงวันที่เขาพบกับความจริงวันนั้นฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนสำหรับตอนนี้ที่นางหันมามองตนเอง ต้องการความเห็นจากเขา ในใจเซียวหลันยวนจึงพอใจมากขึ้นมาเขากุมมือนางไว้ บอกกับนางว่า "ให้เขาไปด้วยก็ดี"เขามองออกแล้ว ฟู่จิ้นเชินนี้ไม่ธรรมดาเลย ฉลาดและตื่นตัว ใจเย็นเฉียบแหลมมีฟู่จิ้นเชินตามไปด้วย ในใจเซียวหลันยวนก็ค่อนข้างจะวางใจถ้าหากไม่ใช่ว่าตัวตนฐานะเขาไปไหนมา
"สถานที่อย่างเมืองเจ้อค่อนข้างจะพิเศษ พื้นที่ใหญ่โต ประชาชนน้อย และการเดินทางก็สะดวกสบาย" ฟู่จิ้นเชินตอบ "ถ้าหากจะยัดผู้ประสบภัยเข้าไป อันที่จริงก็สามารถทำได้อยู่ ข้าเคยไปเมืองเจ้อในเมืองมีพื้นที่ว่างค่อนข้างกว้างขวางอยู่หลายแห่ง บางครั้งยังมีพวกพ่อค้าพเนจรจากที่ต่างๆ ไปทำตลาดนัดกันที่นั่นด้วย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนมองเขาอย่างเกินคาด"เมืองเจ้อท่านก็เคยไปมาหรือ?"ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวสบตากัน สองสามีภรรยายิ้มอย่างจำใจ"ถ้าจะให้พูด พวกเราไปมาหลายสถานที่เลย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนเองก็เข้าใจขึ้นมา สิบกว่าปีนี้พวกเขาล้วนต้องคอยหลบการไล่ล่าสังหารอยู่ภายนอก แล้วยังมีการไล่จับของจวนทางการอีก แต่ละสถานที่จึงไม่สามารถอยู่ได้นานนัก ดังนั้นพวกเขาจึงหนีไปแทบจะทุกที่"แต่ว่าทางนั้นนาจะขาดแคลนเรื่องวัตถุ ถึงอย่างไรต่อให้มีที่ว่างที่จะจัดวางผู้ประสบภัยเข้าไป นั่นก็ต้องสร้างกระโจมจัดแจงที่พัก ไม่เช่นนั้นวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ ก็ไม่สามารถปล่อยให้ผู้ประสบภัยต้องนอนด้านนอกทนหนาวทนหิวได้"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงว่า "พรุ่งนี้ข้าจะไปกับเจ้าด้วย"นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเอ่ยถึงม
ดังนั้น จาวหนิงจะต้องไม่ยอมถูกชายหนุ่มคนอื่นดึงดูดแน่ เพราะไม่มีใครเทียบกับเขาได้แล้วระหว่างทาง อ๋องเจวี้ยนอารมณ์ดีมาก กระทั่งยังสามารถคุยกับฟู่จิ้นเชินเรื่องโป๋จีอย่างทัดเทียมกันด้วยรอจนมาถึงจวนอ๋อง พวกเขาก็หารือตัดสินใจออกมาได้แล้ว พรุ่งนี้จะส่งโป๋จียัดเข้าไปในขบวนของอันเหนียน พาเขาออกจากเมืองก่อน หลอกเขา ให้เขาคิดว่ารับปากว่าจะช่วยเขาออกไป รอให้ได้จดหมาย คนของเซียวหลันยวนก็จะคุมตัวเขากลับเมืองหลวง"พรุ่งนี้ข้าจะไปค้นตัวเขาเอง" เซียวหลันยวนบอกกับฟู่จาวหนิงคนอื่นล้วนค้นไม่เจอ เขาไม่เชื่อว่าตนเองจะหาไม่พบ"แล้วนายพันเก๋อล่ะ?""ให้เขาเข้าวังไม่ได้พบกับจักรพรรดิไม่ได้ชั่วคราวก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมีแผนการ"ท่านคิดจะทำอะไรหรือ?" ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว เก๋อมู่กวงมีวรยุทธ์ ฟู่จิ้นเชินยังขังเขาไว้ในวังได้หรือ?"ข้ารู้ว่ามีคนหนึ่งที่พัวพันกับเก๋อมู่กวงอยู่ อ๋องเจวี้ยนส่งคนนั้นไปที่ห้องของเก๋อมู่กวงก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมองไปทางเซียวหลันยวน"เส้นสายของท่านนี่ทั้งเยอะทั้งซับซ้อนจริงๆ""ถึงอย่างไรข้าก็เป็นแค่ประชาชนธรรมดา มีเส้นสายแค่นี้ไม่คู่ควรให้เอ่ยถึงหรอก""ประชาชนธรรมดาไม่มีทางพาคน
ฟู่จิ้นเชินเองก็นับถือเซียวหลันยวน"คิดไม่ถึงเลยว่าอ๋องเจวี้ยนจะรู้มากขนาดนี้"ฟู่จาวหนิงก็ตกใจ "ท่านพูดภาษาเฮ่อเหลียนได้หรือ?"สำหรับความนับถือของฟู่จิ้นเชิน เซียวหลันยวนไม่สนใจ แต่น้ำเสียงตกใจของฟู่จาวหนิง ทำให้เขารู้สึกภูมิใจขึ้นมาหน่อยๆนางนั่งตัวตรงขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ ใช้น้ำเสียงที่ราบเรียบพูดว่า "อืม ก็ไม่ได้ยากอะไรนี่"พรวดฟู่จาวเฟยอยากจะขำขึ้นมาทำไมคำพูดพี่เขยถึงดูแปลกๆ?ตอนอยู่ว่างๆ ในบ้านกับท่านปู่กับน้าเซี่ยอันห่าวพกวเขาก็เคยพูดภาษาเฮ่อเหลียนออกมา เพราะพวกเขาอยากรู้อยากเห็นหน่อยๆแต่หลังจากที่ได้ยินเขาพูดไปไม่กี่คำก็ยังบอกว่าเรียนยาก สักคำเดียวก็เรียนกันออกมาไม่ได้ความสามารถการเรียนรู้ของพ่อเขาดีมาก แต่ก็ยอมรับว่านี่เรียนยากจริงๆพี่เขยกลับบอกว่าไม่ยาก แต่ว่า ที่โป๋จีพูดรวดเดียวอย่างรวดเร็วขนาดนั้น แล้วพี่เขยยังฟังออกได้ ก็อธิบายได้ว่าเขาเป็นมันทุกอย่างจริงๆ"เรียนมาตอนอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงหรือ?" ฟู่จาวหนิงใช้สายตานับถือมองเขา กระพริบตาปริบๆอ๋องเจวี้ยนพอใจขึ้นมาทันที แล้วยังรู้สึกจิตใจหวานชื่นด้วย"ใช่แล้ว""เจ้าอารามสอนมาหรือ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ "หรือว่าเ
"เช่นนั้นก็ใสหัวไป"เซียวหลันยวนพาคนออกจากคุกใหญ่เหล่าผู้คอมมองพวกเขา "หัวหน้า ตอนนี้ทำอย่างไรดี? นายพันเก๋อบอกไว้แล้ว ถ้าเฮ่อเหลียนเฟยมีความน่าสงสัยที่จะเป็นศัตรู ต้องคุมตัวเขาไว้ก่อนนี่นา"ก่อนหน้านี้ใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าก็ดึงคนไว้แล้ว ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนพาเขาเดินวนในคุกไปรอบหนึ่ง จากนั้นกลับเดินกลับไปอย่างองอาจเสียอย่างนั้นพรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อถามขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?เรื่องนี้ จะต้องนำไปให้ฝ่าบาททรงทราบแน่ องค์จักรพรรดิถ้าหากถามหาความรับผิดชอบขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?แต่หัวหน้าคุกก็ไม่กล้าทำอะไรนี่นา"ช่างมัน ผลักไปบนหัวอ๋องเจวี้ยนให้หมดแล้วกัน พรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อซักไซ้ขึ้นมา พวกเราก็บอกไปว่าพวกเราขวางอ๋องเจวี้ยนไม่อยู่"นี่โทษพวกเขาได้ที่ไหน?ฟู่จาวหนิงพอเห็นพวกเขาออกมาแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ"เสี่ยวเฟยไม่ต้องอยู่หรือ?" นางถามเซียวหลันยวน"ไม่ต้องให้อยู่แล้ว ให้พวกเขาไปที่จวนอ๋องเองแล้วกัน" เซียวหลันยวนตอบฟู่จิ้นเชินมองเขา "ขอบคุณมาก"นี่คือความหมายที่จะปกป้องพวกเขาแล้วถ้าหากพวกเขาไม่อยู่ในจวนอ๋อง พรุ่งนี้นายพันเก๋อพาคนไปที่บ้านตระกูลฟู่ พวกเขาคงไม่มีทางต่
โป๋จีเอาเรื่องที่เผ่าเฮ่อเหลียนยึดครองเมืองพูดจนกลายเป็นตัวเลือกที่จำใจของพวกเขาเสียอย่างนั้นฟู่จาวเฟยถามยังถามสถานการณ์ในเมืองตอนนี้อีกหน่อย แล้วยังถามเขาว่าทำไมถึงถูกเก๋อมู่กวงจัง รอจนเขา...ตอบมาทีละข้อ ถามขึ้นมาทันที "แล้วจดหมายที่นำมาให้ข้าล่ะ? ข้าอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ส่งจดหมายให้กับข้าหรือ?"โป๋จีมองไปทางเซียวหลันยวน"นี่คืออ๋องเจวี้ยนสินะ? พวกข้าได้ยินว่า อ๋องเจวี้ยนตอนนี้เป็นพี่เขยของเจ้า""ใช่แล้ว แต่เขากับองค์จักรพรรดิมีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดี"สายตาโป๋จีหม่นลงเล็กน้อย พวกเขารู้เรื่องนี้"แล้วพ่อแท้ๆ ของเจ้าล่ะ?""เขาฟังพี่สาวข้า""หมอเทวดาฟู่ใช่ไหม?""ใช่ ชื่อเสียงของพี่สาวข้ามากขนาดนี้เลยหรือ? ลือกันไปถึงทางเผ่าแล้วหรือ?" ฟู่จาวเฟยถาม"แน่นอน นางเป็นถึงหมอที่อายุน้อยสุดในสมาคมหมอใหญ่เลยนะ" แล้วยังเป็นหมอหญิงอีก"แล้วจดหมายอยู่ที่ไหนล่ะ?""จะส่งให้เจ้าเลยก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอก แต่ว่าเจ้าต้องทำเรื่องหนึ่งก่อน จดหมายสำหรับพวกเราแล้วสำคัญมาก ไม่ใช่เรื่องที่จะทำร้ายหรอก""เขียนอะไรไว้หรือ?""เจ้าอ่านจดหมายก็จะเข้าใจเอง""ท่านจะให้ข้าช่วยทำอะไรหรือ?" ฟู่จาวเฟยเริ่มจะเกิด
ขอแค่พวกเขาสงสัยในตัวฟู่จาวเฟยก็พอแล้วหัวหน้าคุกกับมือปราบเจียงพวกเขาก็เริ่มสงสัยเช่นนี้แล้วพวกเขามองฟู่จาวเฟย และมองไปยังโป๋จี สีหน้าเองก็กังวลขึ้นมา"คุณชายฟู่ นี่มัน..." มือปราบเจียงเข้าประชิดฟู่จิ้นเชิน กดเสียงต่ำคิดจะเตือนเขาคุณชายฟู่จะฟังไม่ออกได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าอยู่ต่อหน้านายพันเก๋อ แล้วเห็นว่าโป๋จีกับคุณชายน้อยฟู่มีความสัมพันธ์อันดีกันล่ะก็ คุณชายน้อยฟู่ก็จะยิ่งน่าสงสัยมากขึ้นไปอีกนายพันเก๋อคงไม่มีทางเชื่อคุณชายน้อยฟู่แน่นอนแล้วถ้าคุณชายน้อยฟู่ถูกกำหนดให้เป็นพวกของราชาเฮ่อเหลียน เช่นนั้นก็ถือว่ามีโทษกบฏ อาจจะลากตระกูลฟู่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยได้กระทั่งว่า อ๋องเจวี้ยนเองก็จะโดนหางเลขไปด้วยแต่ว่า องค์จักรพรรดิก็คิดจะรับมืออ๋องเจวี้ยนชัดเจนขนาดนี้ เช่นนั้นถ้ามีโอกาสจับกุมขึ้นมาจะปล่อยไปได้อย่างไรกัน?มือปราบเจียงรู้ว่าลูกสาวตนเองชอบพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาก ดังนั้นเขาจึงกังวลแทนพระชายาอ๋องเจวี้ยนขึ้นมา"่ท่านลุงโป๋จี ท่านกำลังพูดอะไรน่ะ? ท่านพ่อกับท่านแม่ข้าตอนนั้นไม่ได้จงใจทิ้งข้า แล้วก็..."ฟู่จาวเฟยชะงักไป เปลี่ยนคำใหม่ "ราชาเฮ่อเหลียนยังสังหารแม่เลี้ยงข
"ท่านลุงโป๋จี ได้ยินว่าท่านมาส่งจดหมายให้ข้าหรือ?"ฟู่จาวเฟยถามออกมาทันทีโป๋จีก่อนหน้านี้ก็ดีกับเขาพอควร แต่ตอนนี้พอมาคิด ก็น่าจะแค่คิดว่าเขาเป็นลูกชายของราชาเฮ่อเหลียน เมื่อครู่ตอนที่เขาเห็นสายตาของตนเอง ก็แตกต่างกับแต่ก่อนไปแล้วฟู่จาวเฟยตอนนี้ยังพิจารณาออกได้ว่า เมื่อครู่ตอนที่โป๋จีมองเห็นสายตาของเขา นั่นเป็นความตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นเป้าหมายยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ที่เขาถามออกมาโป๋จีก็ยังพิจารณามองเขาอยู่"ใช่แล้ว องค์ชาย" โป๋จีใช้ภาษาเมืองหลวงที่ฟังแล้วแปลกๆ เรียกเขาว่าองค์ชาย จากนั้นก็มองไปทางอ๋องเจวี้ยนด้วยสัญชาตญาณ เปลี่ยนเป็นภาษาเฮ่อเหลียนว่า "ราชาได้รับจดหมายของเจ้า บอกว่าเจ้าหาพ่อแม่ที่แท้จริงพบแล้ว มีตัวตนฐานะใหม่ ดูพึงพอใจมาก"โป๋จีไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนฟังภาษาเฮ่อเหลียนออกฟู่จิ้นเชินอันที่จริงก็ไม่รู้พอเขาฟังประโยคนี้ออกจึงมองไปทางเซียวหลันยวน ตอนนี้จะแปลให้เขาคงไม่สะดวกนัก ถ้าเขาพูดออกมาตอนนี้ เกรงว่าโป๋จีคงไม่พูดความจริงแล้วรอให้เขาพูดสิ่งที่ควรพูดให้จบก่อนแล้วกันคำนี้ของโป๋จี น่าจะพูดให้เขาฟังความหมายของคำพูดนี้ แสดงออกว่าราชาเฮ่อเหลียนรู้แล้วว่าฟู่จาวเฟยเ
ถ้าประตูวังปิดแล้ว คืนนี้น่าจะยังไม่ได้พบองค์จักรพรรดิเช่นนั้นพรุ่งนี้ช่วงประชุมเช้าก็น่าจะได้พบ ห่างจากตอนนี้ไม่ถึงสามชั่วยามเซียวหลันยวนไม่พูดอะไรอีกหลังจากเขาได้ข่าวไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องส่งคนไปคุ้มครองนอกวังแน่ เก๋อมู่กวงคืนนี้เข้าวังไม่ได้ ไม่ได้พบองค์จักรพรรดิ ดังนั้นจะต้องรอจนถึงประชุมเช้าแน่นอนช่วงหลายชั่วยามนี้เพียงพอแล้วพวกเขาได้ยินเสียงของฟู่จิ้นเชินแล้วฟู่จิ้นเชินกำลังพูดภาษาเฮ่อเหลียนอยู่"พี่เขย ท่านพ่อกำลังพูดว่า..." ฟู่จาวเฟยคิดจะแปลให้เซียวหลันยวนก่อนอย่างฉลาดเฉลียวรู้ความ แต่คิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะโบกไม้โบกมือ"ข้าฟังออกน่ะ""อ๋า?"ฟู่จาวเฟยตกตะลึง"ลืมบอกไป ว่าข้าเป็นภาษาเฮ่อเหลียน" เซียวหลันยวนน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับกำลังพูดเรื่องเล็กจ้อยที่ธรรมดามากๆ เรื่องหนึ่งหัวหน้าคุกเองก็เหลือบมองเขาอย่างตกตะลึง"ถ้าข้าน้อยจำไม่ผิดล่ะก็ ท่านอ๋องยังพูดภาษาหนานฉือได้ด้วย?""ใช่"หัวหน้าคุกกับฟู่จาวเฟยสบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนล้วนเห็นความตกตลึงในดวงตาของอีกฝ่ายอ๋องเจวี้ยนทำไมถึงพูดได้หลายภาษานัก?เขาไม่ใช่ว่าพักฟื้นอยู่ในยอดเขาโยวชิงตลอดหรือไรกัน? คนทั้ง