"ดังนั้น โชคของท่านจึงไม่เลวเลย เพราะแย่งมาได้ก่อนก้าวหนึ่ง ได้รับเอ็นมังกรหยกมาก่อน"เสิ่นเสวียนรู้สึกว่าเรื่องนี้ดูลึกลับหน่อยๆฟู่จาวหนิงถ้าช้าไปก้าวหนึ่ง ถ้าซือถูไป๋ได้เอ็นมังกรหยกไป ถึงตอนนั้นถ้าหากซือถูไป๋เสนอเงื่อนไขอะไรที่เกี่ยวกับตัวนางมา นางจะตอบรับก็ไม่ได้ จะไม่ตอบรับก็ไม่ได้อีก"ก็ไม่ถูกนัก น่าจะเพราะจาวหนิงดวงดี นางมีโชคมาตลอดแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว"เรื่องราวมักจะไม่ค่อยพัฒนาไปทิศทางที่นางต้องลำบาก"ท่านลุงพูดถูกต้อง หนิงหนิงเป็นคนที่มีโชคคนหนึ่งจริงๆ"จุดนี้ เซียวหลันยวนเองก็ยังยอมรับฟู่จาวหนิงที่มีโชคกำลังตรวจฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวอย่างละเอียด เหนื่อยจนแทบรากเลือดผลลัพธ์ที่ออกมาตอนท้าย นางดูอยู่นาน ค้นคว้าอยู่นานเสิ่นเชี่ยวตื่นไวกว่าฟู่จิ้นเชินเล็กน้อยหลังจากตื่นมานางก็เห็นฟู่จาวหนิงนั่งอยู่ข้างๆ พลิกกระดาษที่ดูประหลาดหน่อยๆ เหมือนกำลังอ่านอะไรด้านนอกแสงตะวันส่องลอดเข้ามา ส่วนหนึ่งกระทบลงบนหน้านางพอดี เปล่งประกายสีส้มออกมาชั้นหนึ่ง ทำให้ใบหน้าด้านข้างของนางดูเหมือนเคลือบทองไว้ งดงามอย่างมากเสิ่นเชี่ยวมองไปมองมา รู้สึกว่าตนเองเคลิ้มไปหน่อยๆ ไม่ส่งเสียงอะ
ต้องให้พวกเขามาฟังเสิ่นเชี่ยวพูดด้วยเซียวหลันยวนกับเสิ่นเสวียนรีบขเ้ามา แต่กลัวว่าหลังจากเห็นพวกเขาเสิ่นเชี่ยวจะไม่พูดต่อ พวกเขาจึงยืนฟังอยู่ด้านนอกหน้าต่าง"วิธีอะไรหรือ?""หมอคนนั้นบอกว่า ขอแค่ให้สามีลืมเรื่องในอดีตไป เขาก็จะไม่เจ็บปวดแล้ว ไม่เช่นนั้น ทุกครั้งที่สามีต้องมาปวดหัวแทบแตก เขาจะยืนหยัดไม่ไหวอีกต่อไป""แล้วใช้วิธีไหน จึงสามารถทำให้เขาลืมเรื่องเก่าไปหรือ?""นั่นเป็นหมอผีคนหนึ่ง" เสิ่นเชี่ยวบอก "วิธีของเขา คือให้สามีกินยาลงไป แล้วยังฝังเข็มให้เขา แต่เข็มของเขากับเข็มของท่านไม่เหมือนกัน ข้าเองก็บอกไม่ถูก ถึงอย่างไรตอนนั้นก็รักษาไปเดือนเต็มๆ หลังจากสามีออกมาก็ลืมไปแล้วจริงๆ แต่คำว่าสกุลฟู่นี่ก็ราวกับเป็นสายฟ้าฟาด ถ้าเอ่ยขึ้นมากับเขาก็จะระเบิดขึ้นทันที จนทำให้เขาอาการกำเริบ"ฟู่จาวหนิงฟังถึงจุดนี้แล้วก็รู้สึกดูน่าขันหน่อยๆ"แล้วเขาลืมไปเช่นนี้ ไม่คิดถึงที่บ้านบ้างหรือว่ายังมีญาติหรือไม่ อย่างเช่นพ่อของเขาหรือลูกสาวที่ยังเล็กแบบนี้? ลืมพวกเขาไปจนหมด คิดคิดจะทอดทิ้งพวกเขาหรือ?""ไม่ใช่!"เสิ่นเชี่ยวรีบอธิบาย "ไม่ใช่เช่นนั้น เพราะมีคนบอกว่า พวกเราถ้ายังกล้ากลับไปที่บ้าน
ฟู่จาวหนิงไฟโกรธลุกขึ้นมาบนหัวแล้ว คุมไม่อยู่ขึ้นมาหน่อยๆเสียงของนางสูงขึ้น"ท่านรู้อยู่แล้วว่าอ๋องเจวี้ยนยังเป็นเด็กทารกที่เล็กมาก ท่านไม่อยากจะสังหารเขา แล้วทำไมพอคนอื่นบอกว่าอ๋องเจวี้ยนห้ามมีชีวิตอยู่ ท่านจึงยังไปวางยาพิษอีก?"เสิ่นเชี่ยวดวงตาแดงรื้น"ข้าไม่ได้ไปวางยาพิษ ข้าปฏิเสธนางแล้ว แต่นางก็หมุนตัวเดินไปทันที นางบอกว่า ถ้าข้าไม่ทำเรื่องนี้ นางจะให้สามีเป็นคนทำ แล้วยังบอกอีกว่าพิษเตรียมไว้เรียบร้อย พร้อมชี้ไปยังห้องที่อ๋องเจวี้ยนอยู่ให้ข้ารู้ แล้วนางก็เดินออกไป""แล้วท่านล่ะ?"ฟู่จาวหนิงใจแขวนขึ้นมาแล้วนางสัมผัสได้ ตอนนี้สมองเสิ่นเชี่ยวแม้จะยังสับสน แต่ถ้ารีบถามต่อ นางจะจดจำบางอย่างขึ้นมาได้ครั้งคราว บางทีภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่นางพูดอาจจะเป็นเรื่องจริงไปหลายส่วน"ข้าหรือ? ข้าตอนนั้นคิดแต่ว่าจะให้สามีไปฟังนางไม่ได้ แต่ไม่รู้ทำไม ข้าก็ตรงไปยังห้องที่นางชี้ เข้าไปในตำหนัก เข้าไปยังห้องนั้น ต่อมาข้าก็จำอะไรไม่ได้แล้ว สมองข้าขาวโพลนไปหมด แล้วยังมึนหัวอีกด้วย จนตอนที่ข้าตื่นมา ก็มีคนมากมายกำลังล้อมข้าอยู่ ในมือข้ามีชามอยู่ใบหนึ่ง..."เสิ่นเชี่ยวปิดหน้าร้องไห้ขึ้นมา
"แล้วพวกท่านทำไมถึงต้องออกจากเมืองหลวงล่ะ?" ในห้อง ฟู่จาวหนิงยังถามต่อ"ในวังมีคนจะสังหารพวกเรา พวกเราถ้าไม่หนี คืนนั้นคงตายอยู่ในคุกไปแล้ว สามีบอกว่าพวกเราถ้าต้องตายไปแบบนี้ แล้วไม่มีวันไหนที่ได้สืบค้นจนเจอความจริง คนที่บ้านก็จะต้องมารับภาระการตราหน้านี้ไปตลอด""พวกท่านไม่ใช่ว่าจำคนในครอบครัวไม่ได้แล้วหรือ?""สามีข้าที่จำไม่ได้ ส่วนข้า ข้ายังจำได้ ข้าจำได้ ในบ้านมีคนอยู่มากมาย ท่านพ่อตาเองก็เป็นคนดีมาก แล้วก็ แล้วก็..."ฟู่จาวหนิงกำลังกลั้นหายใจรอคำพูดต่อไปของนาง ถ้าพูดต่อไปจะนึกออกไหมว่ายังมีลูกสาวอยู่คนหนึ่ง?ผลคือนางเห็นเสิ่นเชี่ยวบอกว่าแล้วก็อยู่นานสองนาน แต่ก็งงงันไม่พูดต่อ กลับก้มหน้าลงต่ำเสียด้วยซ้ำไป"ไม่ใช่สิ ข้าต้องลืมอะไรไปแน่ๆ สำคัญมากๆ ด้วย ทำไมข้าจึงคิดไม่ออกกัน!"นางเกือบจะพังทลายอยู่แล้วฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตัวเองก็ใกล้พังทลายเหมือนกัน สามีภรรยาคู่นี้เป็นอะไรไป! ความทรงจำในสมองถึงได้เหมือนถูกแทงจนกลวงเป็นตะกร้า!"พวกเขาจำจาวหนิงไม่ได้" เสิ่นเสวียนถอนหายใจขึ้นมาอีก"ที่ควรจำดันไม่จำ" เซียวหลันยวนเองก็กัดฟันโชคดีที่จาวหนิงมีใจแข็งแกร่ง ไม่ใช่เด็กที่อ่อนแอขนาดน
ฟู่จาวหนิงถามเสิ่นเชี่ยวเสร็จ รู้สึกแค่ว่าอารมณ์ยังหนักอึ้งอยู่หน่อยๆและไม่รู้ว่าฟู่จิ้นเชินได้ยินไปมากน้อยแค่ไหน เขาตื่นขึ้นมาระหว่างนั้นรอจนฟู่จาวหนิงไม่ถามอะไรต่อ เขาจึงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง มองมาทางฟู่จาวหนิง"พวกท่านพาสามีภรรยาอย่างพวกเรามาที่นี่ เป็นเพราะอะไรกันแน่?""ท่านไม่ใช่ว่าพบกับเซียวหลันยวนแล้วหรือ?""ดังนั้น เพราะเขาคิดจะจับพวกเราอย่างนั้นหรือ? คิดจะล้างหนี้แค้นสมัยยังเด็กใช่ไหม" ฟู่จิ้นเชินคาดเดาไว้บ้างแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งจะยืนยันฟู่จาวหนิงไม่ได้ตอบฟู่จิ้นเชินยื่นมือมากุมมือภรรยา ปลอบประโลมนางที่อารมณ์ลนลานขึ้นอย่างชัดเจน"ดูท่าจะไม่ใช่แค่เพื่อล้างแค้น ไม่ใช่นั้นไม่จำเป็นต้องเสียเวลามารักษาพวกเรา แล้วยังถามเรื่องในอดีตมากมายถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเขาต้องการเอ็นมังกรหยกแค่แย่งไปก็จบเรื่องแล้ว แต่นี่ยังคิดจะมาแลกเปลี่ยนกับพวกเราด้วยหรือ?"ฟู่จาวหนิงมองเขาอย่างประหลาดใจดูท่า ฟู่จิ้นเชินต่อให้ความทรงจำจะยังสับสน บางครั้งยังถูกกระตุ้นจนเกิดอาการวิงเวียน แต่สติสัมปชัญญะของเขาก็ยังใช้การได้อยู่"อ๋องเจวี้ยนยังรู้สึกสงสัยกับเรื่องในอดีตอยู่ใช่ไหม? เขาอยากจะรู้
คำพูดของฟู่จิ้นเชินยังไม่ทันพูดจบ เซียวหลันยวนก็ตัดบทเขา"ข้ายังไม่ตาย แต่การที่ไม่ตายมันหมายถึงว่าหลายปีนี้ข้าไม่ทุกข์ทรมานหรือไรกัน? ข้าทรมานในแบบที่พวกเจ้าจินตนาการไม่ออกด้วยซ้ำ มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลบหายไปได้"อย่าคิดว่าเขาไม่ตาย แล้วเรื่องที่วางยาพิษจะจบไปนะ"พวกเราไม่ได้หมายความเช่นนั้น"ฟู่จิ้นเชินกัดฟัน อธิบายมาคำหนึ่ง "ความหมายของข้าคือ อ๋องเจวี้ยนไม่ตาย เช่นนั้นถ้าพวกเรามีความผิดจริง จะลงโทษมาที่ข้าคนเดียวได้ไหม?""ท่นคิดจะปกป้องนางหรือ?""คุณ ต่อให้เรื่องวางยาพิษเป็นเรื่องจริง นั่นมันก็เป็นข้าที่ทำ ไม่เกี่ยวอะไรกับท่านเลย" เสิ่นเชี่ยวหันกลับมาจับมือฟู่จิ้นเชิน เอ่ยขึ้นอย่างร้อนรนว่า "ดังนั้นถ้าจะเอาผิดจริงๆ ก็ต้องมาลงที่ตัวข้าสิ"ฟู่จาวหนิงนิ่งงันไม่พูดอะไรดูท่าความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาของพวกเขาจะดีมากๆ มาโดยตลอด?"เรื่องเลห่านี้รอตรวจสอบความจริงแล้วค่อยว่ากันเถอะ" เสิ่นเสวียนมองเซียวหลันยวน "ได้ไหม?"เซียวหลันยวนหรุบตาต่ำเขาจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?พอได้ยินพวกเขาพูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเรื่องในตอนนั้นมันแปลกประหลาด ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ในการพรรณนาของเสิ่นเ
"ฮูหยินขอให้นางช่วยพาเฟยเอ๋อร์ไป ครึ่งวัน แค่ครึ่งวันเท่านั้น พอพวกเราสลัดพวกมือสังหารหลุดก็จะมารับตัวเฟยเอ๋อร์กลับไป"ฟู่จิ้นเชินยิ้มขืนขึ้นมา ปิดหน้าผากก้มหน้า พยายามสะกดความเสียใจของตนเองพอพูดถึงเฟยเอ๋อร์ สำหรับเขาแล้วถือเป็นเรื่องที่ทรมานที่สุด"ข้าตอนนั้นก็ค้านไปแล้ว เพราะหญิงสาวคนนั้นอายุยังน้อยแล้วยังตั้งครรภ์อีก พวกเราฝากเด็กไว้กับนางไม่ได้ ถ้านางไปเจอกับเรื่องฆ่าฟันเข้าล่ะ?"เดิมทีก็ไม่ควรเห็นด้วยอยู่แล้วฟู่จาวหนิงนิ่งงันฟังเขาพูดต่อ"แต่ว่า ที่ทำให้ข้ารู้สึกเกินคาดก็คือ หญิงสาวอายุน้อยคนนั้นกลับใช้วาทศิลป์กล่อมจนข้ารับปาก บอกว่านางกล่อมเด็กเป็น เด็กอยู่ข้างกายนางจะเชื่อฟังเอามากๆ รับประกันได้ว่าไม่มีทางร้องไห้ ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ได้ยินเรื่องที่พวกเราถูกล่าสังหารอยู่ นางยังบอกว่าบ้านของตนเองก็ถือว่ามีหน้ามีตาอยู่ไม่กลัวอันตรายใด และจะไม่มีใครไปหาที่บ้านนางแน่"ฟู่จิ้นเชินรู้สึกเสียใจมาก เสียใจที่ตอนนั้นถูกกล่อมจนเชื่อ"นางยังทิ้งที่อยู่ให้ข้าด้วย พูดอย่างละเอียดว่าตนเองอยู่ที่ไหน บ้านสามีชื่อว่าอะไร ให้พวกข้าไปหาเด็กตอนไหนก็ได้ นางบอกว่าในท้องนางก็ตั้งครรภ์อยู่คนหนึ่
เซียวหลันยวนมองนาง และรู้สึกมหัศจรรย์มากเช่นกันเขาไม่สนใจว่าฟู่จิ้นเชินฟังออกหรือไม่ เอ่ยกับจาวหนิงขึ้นว่า "หนิงหนิง ข้ารู้สึกมาตลอด ว่าโชคของเจ้านี่มันสุดยอดจริงๆ เป็นไปได้ว่านี่นี่เป็นเพราะโชคของเจ้า คนถึงได้มาเจอกันแบบนี้""นี่มันเกี่ยวกับโชคตรงไหนกัน""เกี่ยวแน่นอน"นางมีญาติขึ้นมาหลายๆ คน แน่นอนว่าต้องดีวก่ามีญาติอย่างท่านผู้เฒ่าฟู่เพียงคนเดียวอยู่แล้วตอนที่เซียวหลันยวนสนใจความคิดนี้ ไม่ได้สังเกตถึงความคิดของตนเองเลย ว่าเขาไม่ได้มีความคิดที่จะให้เสิ่นเชี่ยวมาชดใช้ชีวิตแล้ว ยอมรับเป็นนัยๆ ว่าพวกเขาคือญาติของฟู่จาวหนิงญาติพออยู่ด้วยกัน รู้จักกันจึงจะเรียกว่าญาติ"อ๋องเจวี้ยนพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกัน? ถึงได้มาเจอกันแบบนี้ หมายถึงใครหรือ?"เซียวหลันยวนตอนนี้จึงมองไปทางฟู่จิ้นเชิน พ่อตาของเขาคนนี้ฉลาดจริงๆ และยังเฉียบคมมาก แค่ประโยคนี้ของเขาก็สามารถจับประเด็นได้แล้ว"ข้าทำไมต้องตอบเจ้าด้วย?" เซียวหลันยวนเชิดคางอย่างหยิ่งทะนงแม้อีกฝ่ายจะเป็นพ่อตาเขา แต่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้จักกันเสียหน่อยเช่นนั้นเขาก็ยังทำตัวเป็นท่านอ๋องต่อหน้าฟู่จิ้นเชินได้อยู่ ถึงอย่างไรความแค้นของเขา
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้