เสียงร้องไห้ของเสิ่นเชี่ยว ดังลอดออกมาเข้าหูชายหนุ่มเหล่านั้นที่ศาลาด้านนอกเสิ่นเสวียนขมวดคิ้ว ลุกขึ้นเดินตรงมาพอเขาลุกขึ้น คนอื่นเองก็ลุกตาม"ข้าไปดูหน่อย"เสิ่นเสวียนเพิ่งยกเท้า เซียวหลันยวนเองก็ตามขึ้นมาชิ่งอวิ๋นเซียวพอเตรียมจะขับ ผู้อาวุโสจี้ก็ดึงเขาไว้ "ไอ๊หยาเสี่ยวชิ่ง เด็กอย่างเจ้าช้าก่อน มีเรื่องอะไรให้พวกเขาไปแก้ไขกันก่อนเถอะ"ยังไม่รู้ว่าเป็นใครหรือเรื่องอะไร พวกเขาอย่าเพิ่งไปยุ่งดีกว่าชิ่งอวิ๋นเซียวทำได้แค่นั่งลงใหม่พร้อมกับเขา"ผู้อาวุโสจี้ ข้างเป็นห่วงอ๋องเจวี้ยนกับพระชายา พวกเขาจะหย่ากันไม่ได้นะ""เจ้าเอาแต่คิดว่าพวกเขานะหย่ากันทำไม?" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว "แม้ว่าครั้งนี้ข้าจะรู้สึกว่าเรื่องที่อ๋องเจวี้ยนทำไม่ค่อยถูก แต่ในใจศิษย์ข้าก็มีน้ำหนักของตัวเองอยู่ นางเองก็ไม่ใช่พวกที่ง้อง่ายด้วย ดังนั้น ถ้านางบอกว่าให้อภัยแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีเรื่องใหญ่แล้วล่ะ"สามีภรรยาทะเลาะกันมันก็เรื่องปกติ จะมาพูดหย่าร้างกันง่ายๆ ได้อย่างไร ไม่มีหรอก"มันก็จริง" ชิ่งอวิ๋นเซียวพยักหน้าทางนั้น ฟู่จาวหนิงมองเสิ่นเชี่ยวที่ร้องไห้เป็นวักเวร ก็ไม่รู้ว่าจะปลอบอย่างไรดี นางเองก็ปลอบคนไ
หรือก็คือ คนที่พบพวกเขาครั้งแรกคือเซียวหลันยวนหรือ? นี่มันวาสนาอะไรกัน!"ตอนนั้นสภาพของพวกเขายังไม่ใช่เช่นนี้" สายตาเซียวหลันยวนยังอยู่บนใบหน้าเสิ่นเชี่ยว แทบจะพอนึกก็เข้าใจขึ้นมา "พวกเขาแปลงโฉมหรือ?""ใช่"เซียวหลันยวนเดินขึ้นหน้าด้วยสัญชาตญาณฟู่จิ้นเชินสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเขา ความรู้สึกระแวดระวังก็พุ่งขึ้นมาทันที ดึงภรรยาถอยออกไปสองก้าวเขามองเซียวหลันยวน"เฮอะ"เซียวหลันยวนหัวเราะเย็นชาขึ้นมา"ดูท่าจะจำข้าได้แล้วกระมัง?"เขาไม่พูดอะไร ก็ระวังตัวเขาเสียขนาดนี้? แล้วยังถอยหลังด้วยสัญชาตญาณอีก นี่กำลังบอกว่าพวกเขากำลังประหม่าอยู่ใช่ไหม?เสิ่นเชี่ยวซุกหน้าเข้าไปในอ้อมกอดสามี ตัวสั่นระริกฟู่จิ้นเชินมองนาง เอ่ยกับเซียวหลันยวนว่า "ไม่รู้จัก ท่านคือใครกัน?""ไม่รู้จัก?" เซียวหลันยวนรู้สึกขัน "จะไม่ได้แล้วพวกเจ้าจะขลาดเขลาทำไมกัน? ฟู่..."เขายังไม่ทันพูดจบ ฟู่จาวหนิงก็พุ่งเข้ามาอุดปากเขาไว้ถ้าเผื่อบอกชื่อฟู่จิ้นเชินไปแล้วเขาสลบลงไปอีกล่ะ นั่นจะยิ่งลำบากนะ"ท่านลุง ท่านลองสอบถามไปก่อน ข้าจะพาเขาออกไปคุยหน่อย!"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าต้องบอกกับเซียวหลันยวนให้เข้าใจก่อน เดิ
ฟู่จาวหนิงเล่าเรื่องที่นางพบว่าอักษรของฟู่จิ้นเชินดูคุ้นตา จากนั้นจึงไปหาเขา อยากจะรู้ว่าวัตถุดิบยาของเขาคืออะไรออกมาแล้วยังเล่าเรื่องที่พอนางบอกว่าตนเองนั้นสกุลฟู่ ฟู่จิ้นเชินก็เป็นลมล้มไปทันที ตอนตื่นขึ้นมาก็ลืมรายละเอียดส่วนนี้ไปจากการบรรยายของนาง เซียวหลันยวนก็ใจสงบลงมาได้บ้างแล้วเขาตอนนี้โชคดีมากที่เมื่อคืนคืนดีกับฟู่จาวหนิงแล้ว ไม่เช่นนั้นทั้งสองคนถ้ายังโกรธกันอยู่ วันนี้คงคุมตัวเองไม่ได้ในสถานการณ์นี้แน่ๆและนางคงจะไม่ดึงเขาออกมาทันทีแบบนี้ นางอาจจะไม่ใจเย็นแล้วเล่ากับเขาให้จบก่อน"ดังนั้น เขาตอนนี้แค่ได้ยินคำว่าสกุลฟู่ก็ยังไม่ได้หรือ?"เซียวหลันยวนหลังจากฟังก็รู้สึกแปลกประหลาด เพราะอะไรกัน?เขาเองก็นามสกุลฟู่อยู่ชัดๆ ทำไม กระทั่งนามสกุลของตัวเองก็ยังเอ่ยขึ้นมาไม่ได้?"ใช่ เมื่อครู่มองจากสถานการณ์คือเช่นนั้น ข้าตรวจสอบพวกเขาแล้ว พวกเขาทั้งสองคนร่างกายไม่ค่อยปกติ แต่ว่า ข้ายังสงสัยว่าจิตวิญญาณหรือจิตใจพวกเขาถูกปรับ หรือกระทั่งอาจถูกสะกดจิตควบคุมอยู่ ทำใไ้พวกเขารู้สึกกีดกันอย่างรุนแรงต่อตัวตนฐานะสกุลฟู่"ฟู่จาวหนิงยังไม่ทันได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วนางแค่เห็นผลลัพธ์ก
"อืม ท่านคิดแบบนี้ข้าดีใจมาก" ฟู่จาวหนิงผ่อนใจโล่งเล็กน้อย"ดังนั้น เจ้ารับปากข้าได้ไหม" เซียวหลันยวนหมุนตัวนางกลับมา มองนางอย่างตั้งใจ "ถ้าหาก ข้าพูดว่าถ้าหากนะ ตอนที่ความคิดของพวกเขาการกระทำของพวกเขา ขัดแย้งกับข้าอย่างจัง เจ้าจะเลือกข้าได้ไหม?"ฟู่จาวหนิงงงงันเซียวหลันยวนยื่นมือมาลูบผมที่ใบหูนาง บอกว่า "ตอนนี้ความจริงยังไม่ชัดเจน พวกเราจึงสมมติไว้ก่อน ถ้าเผื่อพวกเขาเป็นคนของลัทธิเทพทำลายล้าง ถ้าเผื่อเส้นทางที่พวกเขาจะเดินแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับข้า พวกเขาจะพาเจ้าไป เอาตัวตนความเป็นพ่อแม่มาบีบข้า เจ้าจะสามารถผลักไสพวกเขามายืนอยู่ฝั่งข้าได้ไหม?"ถ้าเผื่อ ฟู่หลินซื่อเป็นคนของลัทธิเทพทำลายล้างจริง เรื่องวางพิษครั้งนั้นเป็นสิ่งที่นางทำจริง ต่อให้เขาจะเห็นแก่หน้าฟู่จาวหนิงไม่สังหารอีกฝ่ายทิ้ง แต่คงจะยอมรับนางเป็นญาติด้วยไม่ได้ปล่อยให้นางจากไป ไม่ให้มาปรากฏในสายตาเขาอีกก็ถือว่ายอดมากแล้วตอนนั้นถ้าหากฟู่หลินซื่อจะให้ฟู่จาวหนิงไปกับพวกเขาล่ะ?ฟู่จาวหนิงยังไม่ตอบ เซียวหลันยวนก็เอ่ยขึ้นอีก "ปู่ของเจ้าอยากให้ลูกชายกลับบ้านมากๆ เจ้าเองก็รู้ เสี่ยวเฟยก็ค้นหาพ่อกับแม่มาตลอด ถึงตอนนั้นถ้าพว
"ฟู่จิ้นเชินมีเอ็นมังกรหยก!"ฟู่จาวหนิงตอนที่บอกเรื่องนี่ก็ตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไร ไม่ว่าฟู่จิ้นเชินจะแลกเอ็นมังกรหยกกับอะไร นางจะต้องนำมาให้ได้ จัดการขจัดพิษที่เหลือให้กับเซียวหลันยวนเซียวหลันยวนมองนางเขม็ง"เจ้าจะนำมันมาเพื่อข้าหรือ?""แน่นอนสิ!" ฟู่จาวหนิงตอบอย่างไม่ต้องคิดนี่ยังต้องพูดอีกหรือ?มีอะไรสำคัญยิ่งกว่าการขจัดพิษให้เขาอีก?เซียวหลันยวนกอดนางอีกครั้งเพียงพอแล้ว เขารู้สึกว่าเพียงพอแล้ว ไม่ว่าอย่างไร ระหว่างพ่อแม่กับตัวเขา ฟู่จาวหนิงเลือกตัวเขาเขาที่อยู่ในใจนาง สำคัญยิ่งกว่าพ่อกับแม่ของนาง!พอเข้าใจเช่นนี้ ทำให้เซียวหลันยวนรู้สึกว่าใจของตนเองอุ่นวาบขึ้นมา กระทั่งว่า เขารู้สึกว่าความแค้นอะไรก็ไม่สำคัญอีกแล้วต่อให้พิษในครั้งนั้นจะทำให้เขาลำบากมามากหลายต่อหลายปี เจอกับความทุกข์ตรมมาหลายปี กระทั่งตอนนี้โฉมหน้าก็ยังย่อยยับ แต่แล้วจะทำไมกัน?เขาได้นางมาแล้วฟู่จาวหนิงคือสมบัติล้ำค่าของเขา สำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด"เช่นนั้นก็ต้องพึ่งเจ้าแล้ว" เสียงของเขามีความสะอื้นไห้เดิมทีคิว่าฟู่จาวหนิงจะฟังไม่รู้ แต่นางได้ยินแล้ว ฟู่จาวหนิงตกตะลึงเล็กน้อย คิไม่ถึงว่าเข
"พงกเขาอาจจะลืมลืมเรื่องในอดีตไปแล้ว น่าจะป่วย ตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนค่อยว่ากัน" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"ข้ายังไม่ออกคำสั่ง พวกเจ้าใครก็ห้ามลงมือทั้งนั้น" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นชิงอีมองๆ ฟู่จาวหนิง ขานรับกลับมา"ขอรับ"ตอนนี้ซับซ้อนขึ้นมาแล้ว!สถานการณ์ที่ไม่เคยคิดไว้มาตลอดก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็เกิดขึ้นแล้ว!หาตัวคู่แค้นเจอ แต่ท่านอ๋องดันตกหลุมรักลูกของคู่แค้น! แล้วนี่จะทำอย่างไรกัน?ในใจชิงอีครุ่นคิดอย่างว้าวุ่น หรือว่าสุดท้ายท่านอ๋องทำได้แค่ปล่อยวางความแค้นลง? แต่พระชายาก็ไม่รู้นี่นา ว่าท่านอ๋องตอนนั้นน่าเวทนาแค่ไหน ยังเป็นทารกอยู่เลย แล้วยังตอนที่เป็นเด็ก ช่วงคืนวันเหล่านั้น ท่านอ๋องทุกข์ทรมานมากแค่ไหนเขาผ่านคืนวันที่ทุกข์ทรมานมามากตั้งเท่าไร ถึงสามารถมีชีวิตต่อได้ ถึงสามารถเติบโตขึ้นมาได้ทั้งหมดเป็นเพราะการวางยาในวังครั้งนั้นความทุกข์เหล่านั้น อย่าว่าแต่ตัวท่านอ๋องเองเลย กระทั่งพวกเขาก็ยังไม่อาจลืมได้ชิงอีก้มหน้าตามอยู่ด้านหลังพวกเขา ตามพวกเขากลับมายังเรือนหน้าผู้อาวุโสจี้กับชิ่งอวิ๋นเซียวไม่อยู่ในศาลาแล้วเสี่ยวชิ่นเข้ามารับ "ผู้อาวุโสจี้กับผู้นำน้อยตระกูลชิ่งบอกว่า พวก
"อายวน ใจเย็นๆ ก่อน"ฟู่จาวหนิงล้วนรู้สึกว่าอารมณ์โกรธของเซียวหลันยวนจะระเบิดออกมาแล้ว จึงเขย่ามือของเขาไว้เซียวหลันยวนผ่อนลมหายใจ"เอ็นมังกรหยกนั่นต้องนะมาให้ได้" เขาเอ่ยกับฟู่จาวหนิงอย่างน้อยเนื้อต่ำใจถ้ามีเอ็นมังกรหยกนั่น เขาก็จะขจัดพิษได้จนหมด ซึ่งจะมีบทบาทระดับหนึ่งกับแผนเป็นพิษบนใบหน้านี้ บางทีโฉมหน้าของเขาอาจจะฟื้นกลับมาได้"แน่นอน"ฟู่จาวหนิงพยักหน้า นางจะต้องนำมาให้ได้"พวกท่านต้องการวัตถุดิบยาของข้าหรือ?" ฟู่จิ้นเชินสีหน้าสงสัย "เช่นนั้นข้าจะไม่ให้พวกท่าหรอก ข้ารับปากคนอื่นไว้แล้ว ว่าจะนำวัตถุดิบยานี้ให้เขา"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "ซือถูไป๋หรือ?""ท่านรู้ได้อย่างไร?""เขาไม่ใช่ว่ามาเจรจาแลกเปลี่ยนกับท่านหรอกหรือ?""ซือถูไป๋ เป็นคุณชายน้อยจากโรงยาทงฝู เขาน่าจะมีเส้นสายในสมาคมหมอใหญ่ ข้าเชื่อว่าถ้าให้เวลาเขาหน่อย เขาจะสามารถสำเร็จเงื่อนไขของข้าได้" ฟู่จิ้นเชินมองนาง เอ่ยต่อว่า "ซือถูไป๋เองก็ดูเป็นคนไม่เลวนัก ข้าจึงฟังคำพูดเขา""ดังนั้น ความหมายของท่านคือ?" เซียวหลันยวนสายตาขรึมลงมานี่คือคิดจะบอกให้จาวหนิงแต่งงานใหม่หรือ?นี่กล้าพูดชมซือถูไป๋ต่อหน้าเขาเลยหรือ?"ไม่
เสิ่นเสวียนตอนนี้ก็พูดขึ้นแล้ว"เอ็นมังกรหยกให้จาวหนิงได้ วิชาแพทย์ของนางนำหน้าหมอใหญ่ทั้งหมดในปัจจุบันนี้ไปแล้ว"พอเห็นฟู่จิ้นเชินจะพูดอะไรอีก เสิ่นเสวียนก็พูดต่อว่า "ยังห่างจากงานประชุมหมอใหญ่อีกตั้งหลายวัน ช่วงนี้ก็ให้จาวหนิงลองรักษาพวกท่านดูก่อนสิ แล้วข้าจะช่วยคิดหาวิธีให้หมอมีชื่ของสมาคมหมอใหญ๋ในตอนนั้นมารักษาพวกท่านให้อีกที ถ้าหากตอนนั้นท่านยังต้องการล่ะก็นะ""่จริงหรือ?""เมื่อครู่ท่านไม่ได้บอกหรอกหรือ ว่าท่านมาต้าชื่อ หนึ่งในเป้าหมายก็คือจะมาเจรจาแลกเปลี่ยนกับข้า?" เสิ่นเสวียนถามขึ้นอย่างสงบ "ในเมื่อข้าเป็นเป้าหมายการแลกเปลี่ยนที่ท่านเลือก เช่นนั้นท่านก็คงจะหาข่าวเรื่องข้ามาแต่เนิ่นๆ แล้ว"ดังนั้นเมื่อครู่ฟู่จิ้นเชินจึงถามว่าเขาคือเสิ่นเสวียนใช่ไหม"ข้าก็หาข่าวเรื่องท่านมาแล้วจริงๆ"แต่ว่า หลังจากมาถึงเมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อ เขาก็ได้ยินสถานการณ์ของตระกูลเสิ่นและเสิ่นเสวียน เหมือนจะไม่ค่อยสู้ดีนักเดิมทีเขาก็จะเปลี่ยนใจ ซือถูไป๋อาจจะเหมาะในการแลกเปลี่ยนมากกว่าเสิ่นเสวียนทว่าเขาตอนนี้ถูกพวกเขาพามาที่นี่แล้ว"แต่พวกท่านตอนนี้คิดจะบังคับเพื่อแลกเปลี่ยนหรือ?"เสิ่นเสวี
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้