ถ้าหากเขาคิดจะคบกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น เช่นนั้นนางจะให้พวกเขาได้สมหวังประโยคนี้พอดังขึ้นข้างหูเซียวหลันยวน ก็ทำให้ใจของเขาบีบขึ้นมาทันที หายใจติดขัด"เจ้าอยากจะละทิ้งตำแหน่งพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ?" เขาเอ่ยขึ้นเสียงแหบพร่าหน่อยๆเดิมทีก็ไม่รู้ว่าพูดประโยคนี้แล้วจะทำให้เขารู้สึกลำบากขนาดนี้"ใช่"ฟู่จาวหนิงหลังจากพูดออกมาก็รู้สึกว่าผ่อนคลายขึ้นมาก"พอซือถูไป๋ทางนั้นปฏิเสธองค์หญิงใหญ่ เจ้าก็เลยจะมาพูดเรื่องหย่ากับข้าใช่ไหม? พวกเจ้าหารือกันไว้แล้วใช่ไหม?"น้ำเสียงเซียวหลันยวนเย็นลงมาเขารู้สึกว่าพิษเก่าในร่างกายยังไม่ทันหายเขาก็ป่วยอะไรขึ้นมาอีกแล้ว ไม่เช่นนั้นจะรู้สึกแย่ขนาดนี้ได้อย่างไร?ฟู่จาวหนิงถลึงตาโต"ท่านออกไปเลย"นางชี้ไปที่ประตู สูดหายใจลึกถ้าเขาไม่ออกไป นางคงได้ด่ากราดออกไปอย่างทนไม่ไหวแน่ๆ!เซียวหลันยวนเจ้าผู้ชายต่ำช้า นี่คิดจะพูดอะไรกันแน่?!เซียวหลันยวนมองนางลึกๆ ผาดหนึ่ง หมุนตัวเดินออกไปด้านนอก ชิงอีกับสืออีก็ร้อนรนมองเข้ามา ชิงอีแม้จะเข้ามาคุยคุ้มกัน แต่สืออีเมื่อครู่ก็ออกไปอย่างไม่วางใจ จึงรอที่นี่ต่อแล้วก็ตามคาด ทะเลาะกันขึ้นมาแล้วจริงๆไม่ ไม่ถือว่า
สืออีพูดจบก็ปิดประตูให้เดิมทีเขาควรจะคอยเฝ้ายามช่วงกลางคืน แต่สถานการณ์ตอนนี้ ยิ่งเอาตัวเองไปหลับไม่ได้เด็ดขาด จะอย่างไรก็ต้องคอยเฝ้ายามพระชายาที่นี่ฟู่จาวหนิงรู้ว่าจะพูดอีกเขาก็คงไม่ไป จึงทำได้แค่ปล่อยเขานางเดิมทีคิดจะนอนต่อ แต่หลังจากนอนแล้วสมองมันตื่นไปหมด นอนไม่หลับ"เซียวหลันยวนเจ้าผู้ชายสารเลว!"ฟู่จาวหนิงด่าออกมาคำหนึ่งอย่างทนไม่ไหว แล้วยังลุกขึ้นมา เข้าไปในห้องเภสัชนานแล้วที่นางไม่ได้เข้ามาเปิดตู้ขนมขบเคี้ยวของตนเองในนี้ ตอนนี้ทนไม่ไหว หยิบข้าวเกรียบกุ้งถุงใหญ่ออกมา แล้วก็หยิบโคล่ามาอีกขวด นั่งลงบนโซฟาคนขี้เกียจ เปิดหน้าจอโปรเจคเตอร์ จากนั้นก็เปิดบทเรียนวิชาแพทย์ กินดื่มไปด้วยข้าวเกรียบกุ้งกรอบกร้วมๆ ความซาบซ่านของน้ำอัดลมไหลระเบิดที่คอหอย แต่บนหน้าจอกลับฉายแผลเป็นที่น่ากลัวของเคสคนป่วยรายหนึ่งศาสตราจารย์กำลังอธิบายว่าแผลเป็นอย่างนี้ควรจัดการเช่นไร เสียงดังฟังชัด แต่สมองฟู่จาวหนิงก็อดลอยภาพเซียวหลันยวนขึ้นมาไม่ได้เลยแผลเป็นพิษของเขามันเลวร้ายไปถึงระดับไหนแล้วนะ?นางยัดข้าวเกรียบกุ้งเข้าไปในปากอีก เคี้ยวกร้วมๆ อย่างแรง ถือเสียว่าเป็นเซียวหลันยวนพอเสียงดังกร๊อบ
"มาได้จังหวะพอดี มาดูนี่สิ"เสิ่นเสวียนหยิบกระดาษแผ่นหนึ่ง เป่าๆ แล้วยื่นไปทางเซียวหลันยวนเซียวหลันยวนรับมา ก้มตาลงมอง อักษรสามตัวก็เสียดแดงมาที่ดวงตาเขาทันทีหนังสือหย่าร้างเขามองไปทางเสิ่นเสวียน"ทำไมล่ะ อ๋องเจวี้ยนคงไม่ใช่ไม่รู้หนังสือหรอกนะ?"เสิ่นเสวียนยิ้มๆ นั่งลงมา มองเขา"ท่านลุงหมายความว่าอย่างไร?" เซียวหลันยวนรู้สึกว่ากระดาษในมือหนักอึ้งเหลือเกิน แล้วยังเสียดแทงมืออีกด้วยมือเขาสั่นระริกไปหมดแล้ว"ท่านตอนนี้ยังจะเรียกข้าว่าท่านลุงอีกหรือ เช่นนั้นข้าก็จะพูดกับท่านหลายคำหน่อย นั่งสิ"เซียวหลันยวนนั่งลงตรงข้ามเขาเสิ่นเสวียนมองเขา เอ่ยขึ้นว่า "จาวหนิงเป็นหลานสาวข้า ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตท่านแม่กับข้าไว้ด้วย โยนสองเรื่องนี้ทิ้งไปก่อน ข้าเองก็ชื่นชมในนิสัยและความสามารถของนางด้วย พูดแบบนี้ดีกว่า ในใจข้าตอนนี้ นางคือคนที่ข้ารักและหวงแหนที่สุดในบ้านตระกูลเสิ่นนี้ บนโลกใบนี้"คำพูดนี้มันช่าง...ถ้าหากไม่ใช่ว่ารู้จักตัวตนฐานะเขา ครึ่งหลังของคำพูดนี้ เซียวหลันยวนพอได้ยินใจก็บีบหดลงมาแล้ว"่นางตอนที่แต่งงานข้าไม่อยู่ด้วย งานมงคลของนางนี้มันดูฉุกละหุก
ซู๊ดสีหน้าเซียวหลันยวนเปลี่ยนไปอีกครั้งเรื่องนี้เขาเองก็ยังไม่รู้!แต่ที่เสิ่นเสวียนสามารถพูดออกมาได้ ก็พิสูจน์ได้ว่าระดับความน่าเชื่อถือนั้นสูงอยู่เสิ่นเสวียนมองออกจากปฏิกิริยาของเขา ว่าเรื่องนี้เซียวหลันยวนก็ไม่รู้เหมือนกัน"ท่านไม่รู้หรือ? ราชครูตงฉิง ข้าเองก็ไม่รู้ว่าท่านเข้าใจหรือเปล่า จากที่ข้ารู้มา ความสามารถในการคาดคะเนของพวกเขาแข็งแกร่งมาก ส่วนจุดนี้ที่ข้ารู้มาได้อย่างไร ข้าก็บอกท่านได้อยู่ สมบัติล้ำค่าที่สุดของตระกูลเสิ้นพวกเราคือหนังสือ หนังสือเหล่านี้เนื้อหาก็มากมี กระทั่งมีชีวประวัติที่แท้จริงบางส่วนอีกด้วย"ในตอนนี้ เซียวหลันยวนก็เข้าใจถึงความล้ำค่าของหนังสือที่สะสมไว้เหล่านั้นเป็นครั้งแรกมิน่าถึงได้มีคนมากมายจ้องหนังสือสะสมพวกนั้นตาเป็นมัน"เจ้ายอดเขาโยวชิงคนนั้นน่าจะพูดอะไรกับเจ้าไว้ น่าจะเกี่ยวกับพวกวิถีโชคชะตากระมัง? แล้วยังพูดถึงเรื่องขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นด้วยใช่ไหม? เพราะข้าตรวจสอบเจอการปฏิสัมพันธ์กันครั้งหนึ่งของพวกท่านด้วย ปีที่ท่านเพิ่งไปที่ยอดเขาโยวจิง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ออกจากเมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อ ตรงไปที่สุสานจักรพรรดิ""ตอนนั้นที่พวกท่า
"หนังสือหย่าร้างเขียนให้ท่านไว้แล้ว ท่านลองดู ถ้าหากไม่คัดค้านอะไรก็ทำตามนี้เลย""ท่านลุง ข้าไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเลย" เซียวหลันยวนบีบหนังสือหย่าในมือแน่น ใจเองก็กระตุกเจ็บขึ้นมา"ข้าเชื่อ แต่สำหรับผู้ชายส่วนใหญ่ ผู้หญิงจะไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะเวลาที่เอามาเปรียบเทียบกับอำนาจความมั่งคั่งตัวตนฐานะ"น้ำเสียงเสิ่นเสวียนฟังไม่ออกถึงความโกรธเคือง ดูสงบมากแสงเทียนบนโต๊ะกำลังสั่นไหว ทั้งที่เส้นแสงดูอบอุ่น แต่บรรยากาศที่พันล้อมระหว่างพวกเขากลับเย็นเยียบ"ตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ในแคว้นเจาท่านลำบากมาก องค์จักรพรรดิแคว้นเจามองท่านเป็นเสี้ยนหนามอยู่ตลอด ก่อนหน้านี้สุขภาพของท่านก็ย่ำแย่ แล้วยังติดพิษอีก ถูกตัดสินว่าจะอยู่ได้ไม่ถึงสามสิบ องค์จักรพรรดิแคว้นเจาจึงยังยอมทนไว้ ตอนนี้จาวหนิงรักษาท่านจนดีขึ้น แล้วยังเห็นสุขภาพของท่านดีวันดีคืน จะช้าเร็วก็ต้องลงมือรับมือกับท่านอยู่ดี"เสิ่นเสวียนเองก็คิดอย่างชัดเจนจุดนี้เขาเข้าใจเซียวหลันยวนได้ถึงอย่างไรเซียวหลันยวนก็ไม่ง่ายเลยจริงๆ ถ้าหากเขารู้สึกว่าการเลือกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะช่วยเหลือเขาได้มากกว่า ก็สามารถเข้าใ
ฟ้าสางแล้วฟู่จาวหนิงในที่สุดก็ดูเคสผู้ป่วยทั้งหมดจนจบ และดูเคสเสริมที่เกี่ยวข้องจนหมดแล้วด้วย ตบโต๊ะลุกขึ้นยืนผู้ป่วยเคสนี้เหมาะสมกับสถานการณ์ของเซียวหลันยวนจริงๆ!แล้วนางก็ได้วัตถุดิบยาเหล่านั้นมาแล้วด้วย สามารถทดลองรักษาได้แล้ว!นางออกจากห้องเภสัชทันที รีบเดินไปที่ประตูแล้วผลักออกไป"สืออี รีบไปจับเจ้าบ้าเซียวหลันยวนนั่น...." กลับมา!ฟู่จาวหนิงยังไม่ทันพูดจบ สีหน้าก็เปลี่ยนไป เพราะนางไม่รู้เลยว่าที่ประตูมีคนนั่งอยู่คนหนึ่งและเพราะเคลื่อนไหวพรวดพราดเกินไป นางจึงหยุดเท้าไม่อยู่ กระแทกไปบนแผ่นหลังของคนคนนั้นเซียวหลันยวนตอนที่ได้ยินการเคลื่อนไหวของนางก็เตรียมจะหันหน้ากลับ แต่นางก็กระแทกเข้ามาแล้ว เขาเองก็รีบคว้าแขนของนางไว้ ดึงนางมากอดไว้ด้านหน้าฟู่จาวหนิงจึงนั่งอยู่บนตักเขา แล้วรู้สึกว่าเขาเย็นเยียบไปทั้งตัว เย็นจนนางสะดุ้งโหยงพอเงยหน้ามามองหน้ากากของเขา นางก็โมโหขึ้นมา ยื่นมือเลิกหน้ากากนั่นของเขาออก"เจ้าหน้ากากนี่ท่านจะสวมไปถึงเมื่อไรกัน?!"นางทนมาพอแล้ว!นางเดิมทีเป็นหมอใหญ่ของเขา ก่อนหน้านี้ก็เห็นหน้าของเขามาแล้ว ตอนนี้เขาเอาแต่หลบหน้านางเพื่ออะไรกัน!"จาวหนิง!"
"ถ้าใบหน้าของข้าไม่ดีขึ้นมา รักษาโฉมกลับมาไม่ได้ เจ้าจะรังเกียจและหวาดกลัวไหม?"เซียวหลันยวนจับมือของนางไว้ เงยหน้ามองนางเขาเครียดจนเกร็งไปทั้งตัว เพราะตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เขาไม่หลบไม่เลี่ยงเช่นนี้ นำใบหน้าทั้งหมดเปิดเผยออกมาต่อหน้าของนางให้นางได้เห็นใบหน้าของเขาชัดๆระยะห่างที่ใกล้ขนาดนี้ฟู่จาวหนิงมองหน้าของเขานิ่ง"เซียวหลันยวน ท่านกัววลว่าข้าจะรังเกียจและหวาดกลัวใบหน้านี้ของท่าน ก็เลยอยากจะหย่าร้างหรือ?""ไม่ใช่เพราะท่านมีตัวเลือกที่ดีกว่า รู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะให้ความช่วยเหลือที่มากกว่ากับท่านได้ แล้วยังมีโชคที่สามารถคอยคุ้มครองท่านได้ ดังนั้นเลยอยากให้ข้าถอยจากตำแหน่งพระชายาอ๋องเจวี้ยน?"เซียวหลันยวนยื่นมือไปที่เอวนาง ประคองเอวนางไว้ จ้องมองนาง ดวงตาแดงรื้นขึ้นมาอันที่จริง ยังต้องการคำตอบของนางอีกที่ไหน?เขาไม่เห็นสายตารังเกียจหรือหวาดกลัวของนางเลยแม้แต่น้อยนางไม่กลัวสภาพเหมือนผีของเขาและไม่รังเกียจสภาพเหมือนผีแบบเขา"ข้ากลัวมาตลอดว่าจะส่งผลกระทบกับเจ้า จะทำให้เจ้ารังเกียจและหวาดกลัว ข้าไม่กล้าปลดหน้ากากนี้ต่อหน้าเจ้า กระทั่งไม่กล้าจะทดลอง เพราะถ้าหากเจ
เซียวหลันยวนดึงนางมาในอ้อมกอดเขาเดิมทีนั่งอยู่บนแคร่นิ่ม พอนางถูกดึงมาเช่นนี้ จึงทับลงไปบนหน้าอกเขาสองมือนางดันหน้าอกเขาไว้ ถลึงตามองเขา"จะหย่าอยู่แล้วแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือหรือ?""ไม่หย่าหรอก"เซียวหลัยยวนตอนนี้ก็กลัวจริงๆ แล้ว เมื่อคืนนี้ฟู่จาวหนิงไล่เขาออกจากห้องเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้นางไม่เคยทำเลยเสิ่นเสวียนเองก็ตรวจสอบความลับเขาจนหมดแล้ว ถึงกับลงมือเขียนหนังสือหย่าร้างด้วยตนเองเขากลัวว่าเสิ่นเสวียนจะดึงฟู่จาวหนิงเข้าไปพูดคุยอย่างมีเหตุผลเหมือนกัน ด้วยความเคารพต่อตัวท่านลุงของฟู่จาวหนิง แล้วด้วยนิสัยที่มีเหตุผลและใจเย็นมากกว่าหญิงสาวทั่วไปแต่เดิมของนาง ก็อาจจะถูกเสิ่นเสวียนกล่อมเอาได้เรื่องหย่าร้างสำหรับนางแล้ว แทบจะไม่มีผลเสียอะไรเลย เป็นผลดีเสียด้วยซ้ำด้วยความสามารถของนาง นางจะปีนไปยังคนมีอำนาจอื่นๆ ไม่ได้เลยหรือ? ถ้านางคิดจะหาผู้ชายที่รักมั่นต่อนางจะหาไม่ได้เลยหรือ?ไม่ใช่ว่ามีซือถูไป๋อยู่คนหนึ่งหรือไร?ไหนจะยังองค์ชายสองแห่งต้าชื่อ ที่แทบจะเข้ามาร่วมศึกชิงนางอยู่แล้วอีกคนพูดได้ว่า ถ้าแค่เขาปล่อยมือไป ฟู่จาวหนิงคงบินหนีไปไกลอย่างแน่นอน เป็นสิ่งที่เขาไม่มีทางไ