ถ้าหากเขาคิดจะคบกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น เช่นนั้นนางจะให้พวกเขาได้สมหวังประโยคนี้พอดังขึ้นข้างหูเซียวหลันยวน ก็ทำให้ใจของเขาบีบขึ้นมาทันที หายใจติดขัด"เจ้าอยากจะละทิ้งตำแหน่งพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ?" เขาเอ่ยขึ้นเสียงแหบพร่าหน่อยๆเดิมทีก็ไม่รู้ว่าพูดประโยคนี้แล้วจะทำให้เขารู้สึกลำบากขนาดนี้"ใช่"ฟู่จาวหนิงหลังจากพูดออกมาก็รู้สึกว่าผ่อนคลายขึ้นมาก"พอซือถูไป๋ทางนั้นปฏิเสธองค์หญิงใหญ่ เจ้าก็เลยจะมาพูดเรื่องหย่ากับข้าใช่ไหม? พวกเจ้าหารือกันไว้แล้วใช่ไหม?"น้ำเสียงเซียวหลันยวนเย็นลงมาเขารู้สึกว่าพิษเก่าในร่างกายยังไม่ทันหายเขาก็ป่วยอะไรขึ้นมาอีกแล้ว ไม่เช่นนั้นจะรู้สึกแย่ขนาดนี้ได้อย่างไร?ฟู่จาวหนิงถลึงตาโต"ท่านออกไปเลย"นางชี้ไปที่ประตู สูดหายใจลึกถ้าเขาไม่ออกไป นางคงได้ด่ากราดออกไปอย่างทนไม่ไหวแน่ๆ!เซียวหลันยวนเจ้าผู้ชายต่ำช้า นี่คิดจะพูดอะไรกันแน่?!เซียวหลันยวนมองนางลึกๆ ผาดหนึ่ง หมุนตัวเดินออกไปด้านนอก ชิงอีกับสืออีก็ร้อนรนมองเข้ามา ชิงอีแม้จะเข้ามาคุยคุ้มกัน แต่สืออีเมื่อครู่ก็ออกไปอย่างไม่วางใจ จึงรอที่นี่ต่อแล้วก็ตามคาด ทะเลาะกันขึ้นมาแล้วจริงๆไม่ ไม่ถือว่า
สืออีพูดจบก็ปิดประตูให้เดิมทีเขาควรจะคอยเฝ้ายามช่วงกลางคืน แต่สถานการณ์ตอนนี้ ยิ่งเอาตัวเองไปหลับไม่ได้เด็ดขาด จะอย่างไรก็ต้องคอยเฝ้ายามพระชายาที่นี่ฟู่จาวหนิงรู้ว่าจะพูดอีกเขาก็คงไม่ไป จึงทำได้แค่ปล่อยเขานางเดิมทีคิดจะนอนต่อ แต่หลังจากนอนแล้วสมองมันตื่นไปหมด นอนไม่หลับ"เซียวหลันยวนเจ้าผู้ชายสารเลว!"ฟู่จาวหนิงด่าออกมาคำหนึ่งอย่างทนไม่ไหว แล้วยังลุกขึ้นมา เข้าไปในห้องเภสัชนานแล้วที่นางไม่ได้เข้ามาเปิดตู้ขนมขบเคี้ยวของตนเองในนี้ ตอนนี้ทนไม่ไหว หยิบข้าวเกรียบกุ้งถุงใหญ่ออกมา แล้วก็หยิบโคล่ามาอีกขวด นั่งลงบนโซฟาคนขี้เกียจ เปิดหน้าจอโปรเจคเตอร์ จากนั้นก็เปิดบทเรียนวิชาแพทย์ กินดื่มไปด้วยข้าวเกรียบกุ้งกรอบกร้วมๆ ความซาบซ่านของน้ำอัดลมไหลระเบิดที่คอหอย แต่บนหน้าจอกลับฉายแผลเป็นที่น่ากลัวของเคสคนป่วยรายหนึ่งศาสตราจารย์กำลังอธิบายว่าแผลเป็นอย่างนี้ควรจัดการเช่นไร เสียงดังฟังชัด แต่สมองฟู่จาวหนิงก็อดลอยภาพเซียวหลันยวนขึ้นมาไม่ได้เลยแผลเป็นพิษของเขามันเลวร้ายไปถึงระดับไหนแล้วนะ?นางยัดข้าวเกรียบกุ้งเข้าไปในปากอีก เคี้ยวกร้วมๆ อย่างแรง ถือเสียว่าเป็นเซียวหลันยวนพอเสียงดังกร๊อบ
"มาได้จังหวะพอดี มาดูนี่สิ"เสิ่นเสวียนหยิบกระดาษแผ่นหนึ่ง เป่าๆ แล้วยื่นไปทางเซียวหลันยวนเซียวหลันยวนรับมา ก้มตาลงมอง อักษรสามตัวก็เสียดแดงมาที่ดวงตาเขาทันทีหนังสือหย่าร้างเขามองไปทางเสิ่นเสวียน"ทำไมล่ะ อ๋องเจวี้ยนคงไม่ใช่ไม่รู้หนังสือหรอกนะ?"เสิ่นเสวียนยิ้มๆ นั่งลงมา มองเขา"ท่านลุงหมายความว่าอย่างไร?" เซียวหลันยวนรู้สึกว่ากระดาษในมือหนักอึ้งเหลือเกิน แล้วยังเสียดแทงมืออีกด้วยมือเขาสั่นระริกไปหมดแล้ว"ท่านตอนนี้ยังจะเรียกข้าว่าท่านลุงอีกหรือ เช่นนั้นข้าก็จะพูดกับท่านหลายคำหน่อย นั่งสิ"เซียวหลันยวนนั่งลงตรงข้ามเขาเสิ่นเสวียนมองเขา เอ่ยขึ้นว่า "จาวหนิงเป็นหลานสาวข้า ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตท่านแม่กับข้าไว้ด้วย โยนสองเรื่องนี้ทิ้งไปก่อน ข้าเองก็ชื่นชมในนิสัยและความสามารถของนางด้วย พูดแบบนี้ดีกว่า ในใจข้าตอนนี้ นางคือคนที่ข้ารักและหวงแหนที่สุดในบ้านตระกูลเสิ่นนี้ บนโลกใบนี้"คำพูดนี้มันช่าง...ถ้าหากไม่ใช่ว่ารู้จักตัวตนฐานะเขา ครึ่งหลังของคำพูดนี้ เซียวหลันยวนพอได้ยินใจก็บีบหดลงมาแล้ว"่นางตอนที่แต่งงานข้าไม่อยู่ด้วย งานมงคลของนางนี้มันดูฉุกละหุก
ซู๊ดสีหน้าเซียวหลันยวนเปลี่ยนไปอีกครั้งเรื่องนี้เขาเองก็ยังไม่รู้!แต่ที่เสิ่นเสวียนสามารถพูดออกมาได้ ก็พิสูจน์ได้ว่าระดับความน่าเชื่อถือนั้นสูงอยู่เสิ่นเสวียนมองออกจากปฏิกิริยาของเขา ว่าเรื่องนี้เซียวหลันยวนก็ไม่รู้เหมือนกัน"ท่านไม่รู้หรือ? ราชครูตงฉิง ข้าเองก็ไม่รู้ว่าท่านเข้าใจหรือเปล่า จากที่ข้ารู้มา ความสามารถในการคาดคะเนของพวกเขาแข็งแกร่งมาก ส่วนจุดนี้ที่ข้ารู้มาได้อย่างไร ข้าก็บอกท่านได้อยู่ สมบัติล้ำค่าที่สุดของตระกูลเสิ้นพวกเราคือหนังสือ หนังสือเหล่านี้เนื้อหาก็มากมี กระทั่งมีชีวประวัติที่แท้จริงบางส่วนอีกด้วย"ในตอนนี้ เซียวหลันยวนก็เข้าใจถึงความล้ำค่าของหนังสือที่สะสมไว้เหล่านั้นเป็นครั้งแรกมิน่าถึงได้มีคนมากมายจ้องหนังสือสะสมพวกนั้นตาเป็นมัน"เจ้ายอดเขาโยวชิงคนนั้นน่าจะพูดอะไรกับเจ้าไว้ น่าจะเกี่ยวกับพวกวิถีโชคชะตากระมัง? แล้วยังพูดถึงเรื่องขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นด้วยใช่ไหม? เพราะข้าตรวจสอบเจอการปฏิสัมพันธ์กันครั้งหนึ่งของพวกท่านด้วย ปีที่ท่านเพิ่งไปที่ยอดเขาโยวจิง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ออกจากเมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อ ตรงไปที่สุสานจักรพรรดิ""ตอนนั้นที่พวกท่า
"หนังสือหย่าร้างเขียนให้ท่านไว้แล้ว ท่านลองดู ถ้าหากไม่คัดค้านอะไรก็ทำตามนี้เลย""ท่านลุง ข้าไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเลย" เซียวหลันยวนบีบหนังสือหย่าในมือแน่น ใจเองก็กระตุกเจ็บขึ้นมา"ข้าเชื่อ แต่สำหรับผู้ชายส่วนใหญ่ ผู้หญิงจะไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะเวลาที่เอามาเปรียบเทียบกับอำนาจความมั่งคั่งตัวตนฐานะ"น้ำเสียงเสิ่นเสวียนฟังไม่ออกถึงความโกรธเคือง ดูสงบมากแสงเทียนบนโต๊ะกำลังสั่นไหว ทั้งที่เส้นแสงดูอบอุ่น แต่บรรยากาศที่พันล้อมระหว่างพวกเขากลับเย็นเยียบ"ตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ในแคว้นเจาท่านลำบากมาก องค์จักรพรรดิแคว้นเจามองท่านเป็นเสี้ยนหนามอยู่ตลอด ก่อนหน้านี้สุขภาพของท่านก็ย่ำแย่ แล้วยังติดพิษอีก ถูกตัดสินว่าจะอยู่ได้ไม่ถึงสามสิบ องค์จักรพรรดิแคว้นเจาจึงยังยอมทนไว้ ตอนนี้จาวหนิงรักษาท่านจนดีขึ้น แล้วยังเห็นสุขภาพของท่านดีวันดีคืน จะช้าเร็วก็ต้องลงมือรับมือกับท่านอยู่ดี"เสิ่นเสวียนเองก็คิดอย่างชัดเจนจุดนี้เขาเข้าใจเซียวหลันยวนได้ถึงอย่างไรเซียวหลันยวนก็ไม่ง่ายเลยจริงๆ ถ้าหากเขารู้สึกว่าการเลือกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะช่วยเหลือเขาได้มากกว่า ก็สามารถเข้าใ
ฟ้าสางแล้วฟู่จาวหนิงในที่สุดก็ดูเคสผู้ป่วยทั้งหมดจนจบ และดูเคสเสริมที่เกี่ยวข้องจนหมดแล้วด้วย ตบโต๊ะลุกขึ้นยืนผู้ป่วยเคสนี้เหมาะสมกับสถานการณ์ของเซียวหลันยวนจริงๆ!แล้วนางก็ได้วัตถุดิบยาเหล่านั้นมาแล้วด้วย สามารถทดลองรักษาได้แล้ว!นางออกจากห้องเภสัชทันที รีบเดินไปที่ประตูแล้วผลักออกไป"สืออี รีบไปจับเจ้าบ้าเซียวหลันยวนนั่น...." กลับมา!ฟู่จาวหนิงยังไม่ทันพูดจบ สีหน้าก็เปลี่ยนไป เพราะนางไม่รู้เลยว่าที่ประตูมีคนนั่งอยู่คนหนึ่งและเพราะเคลื่อนไหวพรวดพราดเกินไป นางจึงหยุดเท้าไม่อยู่ กระแทกไปบนแผ่นหลังของคนคนนั้นเซียวหลันยวนตอนที่ได้ยินการเคลื่อนไหวของนางก็เตรียมจะหันหน้ากลับ แต่นางก็กระแทกเข้ามาแล้ว เขาเองก็รีบคว้าแขนของนางไว้ ดึงนางมากอดไว้ด้านหน้าฟู่จาวหนิงจึงนั่งอยู่บนตักเขา แล้วรู้สึกว่าเขาเย็นเยียบไปทั้งตัว เย็นจนนางสะดุ้งโหยงพอเงยหน้ามามองหน้ากากของเขา นางก็โมโหขึ้นมา ยื่นมือเลิกหน้ากากนั่นของเขาออก"เจ้าหน้ากากนี่ท่านจะสวมไปถึงเมื่อไรกัน?!"นางทนมาพอแล้ว!นางเดิมทีเป็นหมอใหญ่ของเขา ก่อนหน้านี้ก็เห็นหน้าของเขามาแล้ว ตอนนี้เขาเอาแต่หลบหน้านางเพื่ออะไรกัน!"จาวหนิง!"
"ถ้าใบหน้าของข้าไม่ดีขึ้นมา รักษาโฉมกลับมาไม่ได้ เจ้าจะรังเกียจและหวาดกลัวไหม?"เซียวหลันยวนจับมือของนางไว้ เงยหน้ามองนางเขาเครียดจนเกร็งไปทั้งตัว เพราะตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เขาไม่หลบไม่เลี่ยงเช่นนี้ นำใบหน้าทั้งหมดเปิดเผยออกมาต่อหน้าของนางให้นางได้เห็นใบหน้าของเขาชัดๆระยะห่างที่ใกล้ขนาดนี้ฟู่จาวหนิงมองหน้าของเขานิ่ง"เซียวหลันยวน ท่านกัววลว่าข้าจะรังเกียจและหวาดกลัวใบหน้านี้ของท่าน ก็เลยอยากจะหย่าร้างหรือ?""ไม่ใช่เพราะท่านมีตัวเลือกที่ดีกว่า รู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะให้ความช่วยเหลือที่มากกว่ากับท่านได้ แล้วยังมีโชคที่สามารถคอยคุ้มครองท่านได้ ดังนั้นเลยอยากให้ข้าถอยจากตำแหน่งพระชายาอ๋องเจวี้ยน?"เซียวหลันยวนยื่นมือไปที่เอวนาง ประคองเอวนางไว้ จ้องมองนาง ดวงตาแดงรื้นขึ้นมาอันที่จริง ยังต้องการคำตอบของนางอีกที่ไหน?เขาไม่เห็นสายตารังเกียจหรือหวาดกลัวของนางเลยแม้แต่น้อยนางไม่กลัวสภาพเหมือนผีของเขาและไม่รังเกียจสภาพเหมือนผีแบบเขา"ข้ากลัวมาตลอดว่าจะส่งผลกระทบกับเจ้า จะทำให้เจ้ารังเกียจและหวาดกลัว ข้าไม่กล้าปลดหน้ากากนี้ต่อหน้าเจ้า กระทั่งไม่กล้าจะทดลอง เพราะถ้าหากเจ
เซียวหลันยวนดึงนางมาในอ้อมกอดเขาเดิมทีนั่งอยู่บนแคร่นิ่ม พอนางถูกดึงมาเช่นนี้ จึงทับลงไปบนหน้าอกเขาสองมือนางดันหน้าอกเขาไว้ ถลึงตามองเขา"จะหย่าอยู่แล้วแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือหรือ?""ไม่หย่าหรอก"เซียวหลัยยวนตอนนี้ก็กลัวจริงๆ แล้ว เมื่อคืนนี้ฟู่จาวหนิงไล่เขาออกจากห้องเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้นางไม่เคยทำเลยเสิ่นเสวียนเองก็ตรวจสอบความลับเขาจนหมดแล้ว ถึงกับลงมือเขียนหนังสือหย่าร้างด้วยตนเองเขากลัวว่าเสิ่นเสวียนจะดึงฟู่จาวหนิงเข้าไปพูดคุยอย่างมีเหตุผลเหมือนกัน ด้วยความเคารพต่อตัวท่านลุงของฟู่จาวหนิง แล้วด้วยนิสัยที่มีเหตุผลและใจเย็นมากกว่าหญิงสาวทั่วไปแต่เดิมของนาง ก็อาจจะถูกเสิ่นเสวียนกล่อมเอาได้เรื่องหย่าร้างสำหรับนางแล้ว แทบจะไม่มีผลเสียอะไรเลย เป็นผลดีเสียด้วยซ้ำด้วยความสามารถของนาง นางจะปีนไปยังคนมีอำนาจอื่นๆ ไม่ได้เลยหรือ? ถ้านางคิดจะหาผู้ชายที่รักมั่นต่อนางจะหาไม่ได้เลยหรือ?ไม่ใช่ว่ามีซือถูไป๋อยู่คนหนึ่งหรือไร?ไหนจะยังองค์ชายสองแห่งต้าชื่อ ที่แทบจะเข้ามาร่วมศึกชิงนางอยู่แล้วอีกคนพูดได้ว่า ถ้าแค่เขาปล่อยมือไป ฟู่จาวหนิงคงบินหนีไปไกลอย่างแน่นอน เป็นสิ่งที่เขาไม่มีทางไ
ฟู่จิ้นเชินอันที่จริงก็เตรียมใจไว้แล้วตอนนั้นพวกเขาออกจากเมืองไปแบบนั้น หลายๆ เรื่องยังคงอยู่ ทั้งที่เกี่ยวกับราชวงศ์ท่านอ๋อง ทั้งที่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิ และไม่มีทางที่จะลืมเลือนจากเวลาที่ไหลผ่านไปกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ไม่แน่ว่าจะลืมพวกเขาถ้าหากไม่ใช่เพราะลูสาวของพวกเขาจับพลัดจับผลู พบบุพเพมหัศจรรย์จนไปแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้พวกเขายังไม่ทันเข้าเมืองหลวงก็คงถูกคนของอ๋องเจวี้ยนจับไปแล้วสิ่งที่รอพวกเขาก็คือการจำคุกและการไต่สวนหรือบางที คนที่รู้เรื่องเบื้องหลังในตอนนั้น หรือคนที่สงสัยว่าพวกเขาไปรู้ความลับอะไรเข้า ตอนนี้อาจจะเปิดเผยตัวกันออกมาถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางเป็นแบบตอนนี้ ที่ยังเข้าเมืองมาได้อย่างปลอดภัย กลับมาที่บ้านกระทั่งว่า บ้านตระกูลฟู่เองก็อาจจะไม่อยู่แล้วด้วย บ้านหลังนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะยังอยู่ที่นี่เพื่อรอพวกเขากลับบ้านกลับบ้าน ใช่แล้ว พวกเขาในที่สุดก็กลับมาบ้านแล้วและทั้งหมดนี้ เป็นเพราะจาวหนิงเป็นจาวหนิงที่ให้พวกเขากลับมาบ้านได้ฟู่จิ้นเชินเข้าใจจุดนี้ได้ดียิ่งกว่าใครรอจนอารมณ์ของทุกคนนิ่งลงมาแล้ว เขาจึงถามถึงผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวหนิ
ฟู่จาวหนิง! พระชายาอ๋องเจวี้ยน! พวกเขาล้วนได้ยินเรื่องของนางมาไม่น้อย นั่นไม่ใช่คนที่ไปยั่วยุได้เลยนะ นางกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ยังกล้าไปต่อปากต่อคำด้วย พวกเขาในสายตาฟู่จาวหนิงไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น!ถ้าถูกจับจ้องไว้ล่ะก็ พวกเขาหลังจากนี้ได้เดือดร้อนแน่!คนเหล่านี้ล้วนขวัญเสียกันหมดแล้วคนที่ให้พวกเขาเข้ามาเอะอะบอกไว้ว่า ถ้าเอาคนมาเยอะๆ แล้วบวกกับเรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเข้าไป ฟู่จิ้นเชินจะต้องนึกพวกเจ้าไม่ออก จำพวกเจ้าไม่ได้แน่ขอแค่เอาคนมามากพอ สถานการณ์วุ่นวายพอ แค่พวกเขาสร้างความวุ่นวายแล้วหนีไป ตระกูลฟู่ก็จับมือใครดมไม่ได้หรอกแต่ใครจะคิดว่าฟู่จิ้นเชินจะมาไม้นี้?"ฟู่ สหายฟู่ ไม่ต้องจดหรอก พวกเราก็แค่เจอพวกเจ้าบนถนนเท่านั้น...""ใช่ๆๆ ไม่มีใครมาแจ้งพวกเรา""พวกเรามีที่มาแหล่งข่าวเสียที่ไหน เข้าใจผิดแล้ว..."พวกเขาคิดจะถอย ถ้าหากไปถึงฟู่จาวหนิงคงวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นแน่"ในเมื่อมากันแล้ว เช่นนั้นก็มาคุยเรื่องเก่ากันก่อนเถิด อย่าเพิ่งรีบไปกัน" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้นอย่างสงบ "พวกเจ้าไม่ใช่มาหาสหายเก่าอย่างข้าหรอกหรือ?""เจ้ากับฮูหยินเพิ่งกลับมา น่าจะเหนื่อยกันแล้ว พวกเราเอาไว้ค่อ
พวกของเซี่ยซื่อยังไม่ทันได้พูดเรื่องอ๋องเจวี้ยน ด้านนอกก็มีคนออกแรงตบประตูบ้านตระกูลฟู่ขึ้นเสียงดังเฉินซานออกไปเปิดประตู คนกลุ่มหนึ่งก็ทะลักเข้ามาคนเหล่านี้ เฉินซานคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังเป็นนักเลงหัวไม้อยู่ในเมืองหลวง จริงๆ ก็ให้ความสนใจกับพวกพ่อค้าขุนนางระดับล่างเหล่านี้อยู่คนเหล่านี้ล้วนอายุราวสามสี่สิบปี อายุประมาณฟู่จิ้นเชิน"คุณชายใหญ่ฟู่!""เร็ว ได้ยินว่าอัจฉริยะใหญ่ฟู่กลับมาแล้วหรือ?""คุณชายฟู่กลับมาแล้วจริงหรือ?"คนกลุ่มหนึ่งทะลักเข้ามา ล้วนมองอย่างตื่นเต้นมาที่ฟู่จิ้นเชินขณะที่ยังตกใจกับความหล่อเหลาราววัยหนุ่มของฟู่จิ้นเชิน กับความสวยสะพรั่งของเสิ่นเชี่ยว พวกเขาลืมเป้าหมายที่มายังบ้านตระกูลฟู่นี้แล้วพวกเขาแย่งกันพูดขึ้นมา"สหายฟู่ ให้ตายเถอะ เจ้ายังไม่ตายจริงๆ!""คุณชายฟุ่ ยังจำข้าได้ไหม? ข้าต่งฮั่น ตอนนั้นที่เคยสนุกด้วยกันกับเจ้าที่โรงน้ำชา!""จิ้นเชิน ข้าเหอจาวหลิน พวกเราตอนนั้นเกือบจะได้เป็นศิษย์ของอาจารย์คนเดียวกันแล้ว!""อัจฉริยะใหญ่ฟู่ ตอนนั้นพวกเราเดิมพันงานเขียนกันหลายครั้ง พอเจ้าหายตัวไปสิบแปดปีข้าก็คิดถึงเจ้าตลอดเลย เจ้ากลับมาได
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายยังดูยังสับสนอยู่ ยังไม่มีใจจะไปคิดเล็กคิดน้อยนัก"นี่คือลูกสาวของข้าอันห่าว นางตอนนี้ใช้สกุลเซี่ยเหมือนข้า" เซี่ยซื่อปาดน้ำตาเอ่ยขึ้นเสิ่นเชี่ยวประคองเซี่ยอันห่าวลุกขึ้นดูแล้วเซี่ยซื่อน่าจะมีเรื่องบางอย่างกับตระกูลหลิน ยิ่งไปกว่านั้นในนี้จะต้องเป็นฝีมือของจาวหนิงแน่"ต้องขอบคุณจาวหนิง นางเก็บแม่ลูกอย่างพวกเรามา ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่รอดกันแล้ว" เซี่ยซื่อเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา ได้สติขึ้นอีกครั้ง "รีบเข้าห้องเร็ว หิมะตกแล้ว ด้านนอกหนาวมาก"คนที่เหมือนแมลงกาฝากในตระกูลฟู่พวกนั้นก็ถูกฟู่จาวหนิงกวาดออกไปแล้ว เรื่องนี้สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินรู้แล้วพวกเขาเข้ามาในโถงใหญ่ ลุงจงป้าจงกับหู่จือล้วนได้ยินการเคลื่อนไหว ทั้งหมดจึงวิ่งเข้ามา"คุณชาย คุณชายใหญ่กับฮูหยินน้อยกลับมาแล้วหรือ?""คุณชาย!"ป้าจงกับลุงจงวิ่งเข้ามาก่อน พอเห็นฟู่จิ้นเชินชัดๆ พวกเขาก็น้ำตาไหลอาบทันที ทิ้งตัวลงคุกเข่า"คุณชาย ฮูหยินน้อย พวกท่านกลับมาได้เสียที พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ ข้าน้อยรู้อยู่แล้ว ว่าพวกท่านจะต้องมีโชคที่ดีแน่นอน..."พวกเขาล้วนร้องไห้กันออกมาตอนนั้นที่พวกเขาออกไป หู่จือยังเป็นเด็กน้อยอย
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม