เถ้าแก่ใหญ่ยิ้มขืน"ขอรับ เช่นนั้นก็เชิญแม่นางฟู่ ท่านเสิ่นกับผู้อาวุโสตู้กินข้าวกันก่อน ข้าจะไปบ้านตระกูลฮั่วสักรอบหนึ่ง""ข้าไม่กดดันท่าน" ฟู่จาวหนิงตอบ "ดังนรั้นท่านแค่ส่งสารต่อให้ดีก็พอ บอกนายท่านฮั่วด้วย ถ้าหากไม่ให้เงินก้อนนี้ ถึงเวลาข้าจะไปหาด้วยตนเอง ข้าเป็นคนไม่ชอบถูกใครเบี้ยวหนี้เสียด้วย""ขอรัรบ แม่นางฟู่โปรดรอก่อน"เถ้าแก่ใหญ่รีบพุ่งออกไป ผลคือพอไปถึงบันไดก็ถูกนายท่านฮั่วลากเข้าไปอีกห้องหนึ่ง"นายท่าน ท่านมาแล้วหรือ?""มาได้พักหนึ่งแล้ว รู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วด้วย"นายท่านฮั่วตอนนี้สีหน้าดูตึงเครียดมาก ไม่สงบใจอย่างเห็นได้ชัด"ข้ากำลังจะไปหาท่าน...""ท่านเสิ่นพูดอะไรบ้าง?"เถ้าแก่ใหญ่รีบส่งต่อคำพูดของเสิ่นเสวียนกับฟู่จาวหนิงนายท่านฮั่วพอได้ยินก็ยิ้มขืนขึ้นมา"หนึ่งหมื่นห้าพันตำลึงนี้ ข้ากล้าไม่ให้ได้หรือ? ข้าจะไปเบิกตั๋วเงินมาส่งให้เดี๋ยวนี้"เขาถึงแม้จะมีแรงกดดัน และอยากจะขีดเส้นคั่นกับบ้านตระกูลเสิ่น แต่ก็ไม่กล้าฉีกหน้าเสิ่นเสวียนมากเกินไปไม่ใช่นั้นถ้าสถานการณ์ลือกันออกไป จะต้องมีคนไม่น้อยที่พูดว่าเขาเป็นพวกลืมบุญคุณคนไร้ซึ่งคุณธรรมแน่ ชื่อเสียงของเขาคงมอ
ครอบครัวของพ่อครัวซุนจริงใจกว่านายท่านฮั่วมากเลยพอหยิบมาก็เอามาให้ถึงหกพันตำลึงนี่อาจจะเป็นเงินสะสมทั้งหมดของพวกเขาเลยกระมัง?"ไม่ต้องมากขนาดนั้น ข้าเก็บแค่หนึ่งพันตำลึงก็พอ เดี๋ยวพอถึงเวลาก็ยังต้องใช้ยาอีก ตอนนั้นพวกท่านค่อยนำมาจ่ายก็ได้"ฟู่จาวหนิงดึงใบหนึ่งพันตำลึงออกมาใบหนึ่ง ให้เสี่ยวชิ่นคืนตั๋วเงินที่เหลือกลับไปรอจนพวกเขาจากไป สะใภ้ซุนก็ถอนหายใจ น้ำตาร่วงลงมาอีก บอกกับลูกๆ ว่า "คิดไม่ถึงว่าหมอเทวพดาฟู่ช่วยชีวิตจะเก็บเงินแค่หนึ่งพันตำลึง! ข้าได้ยินว่าสถานการณ์พ่อของพวกเจ้าน่าตกใจมาก พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่าปู่ของพวกเจ้าตอนนั้นก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน""ท่านแม่ ท่านเคยพูดมาแล้ว ว่าท่านปู่กับพ่อเป็นแบบเดียวกัน จู่ๆ ก็ล้มลงไป ก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรผิดปกติทั้งนั้น กินได้ดื่มได้นอนหลับได้ กำลังวังชาก็มากมี แต่หลังจากที่ล้มลงไปครั้งนั้นก็ลุกขึ้นมาไม่ได้อีกเลย แล้วก็ตาเบี้ยวปากเบี้ยวอีก มือเองก็หงิกงอ ยืดไม่ตรง พูดก็พูดไม่ได้ ไม่กี่วันก็ไม่รอดแล้ว""ใช่ๆๆ ดังนั้นตอนที่ข้าได้ยินข้าวก็วิญญาณแทบหลุด นี่ไม่ใช่ว่าเป็นบุญคุณช่วยชีวิตหรอกหรือ? จริงๆ จะมอบสมบัติทั้งบ้านพวกเราออกไปก็ไม่เกินเลยเล
"พูดได้ถูกต้อง อันที่จริงถ้าไม่ไหว ข้าจะช่วยท่านล้างแค้นเอง คิดหาวิธีเอาคืนองค์จักรพรรดิเสียหน่อย!"คำพูดนี้ของฟู่จาวหนิงไม่ใช่การคุยโม้ถ้าคิดจะเพิ่มความวุ่นวายให้องค์จักรพรรดิ นางเองก็มีวิธีอยู่ เพียงแต่ว่า มันจะเอะอะมะเทิ่งเกินไป ทั้งพิษทั้งแพทย์เยี่ยมยอดทั้งคู่ แล้วยังมีอุปกรณ์เครื่องมีแล้วก็ของในคลังอีกมากในห้องเภสัช นางทำของยอดเยี่ยมออกมาได้อีกตั้งมากมาย"เสิ่นเสวียนอดหัวเราะร่าขึ้นมาไม่ได้"เขาเชื่อจริงๆ ว่านางพูดได้ทำได้!"เมื่อครู่เจ้าก็ปกป้องลุงไว้รอบนึงแล้ว ลุงเองก็จะให้เจ้าปกป้องตลอดไม่ได้หรอก วางใจได้ ข้ามีแผนอยู่"เรื่องพวกนี้องค์จักรพรรดิพอทำไปมากๆ ก็บีบความรู้สึกด้านลบของเขาขึ้นมาจริงๆก่อนหน้านี้ตระกูลเสิ่นไม่เคยเกิดใจต่อต้านขึ้นมาเลย ทว่าตอนนี้พอมาถึงตัวเขา ในกระดูกก็มีความคิดใหม่ขึ้นมาแล้ว"เช่นนั้นก็ดี""ท่านปู่อาของเจ้าจะกลับบ้านแล้วนะ แล้วเจ้าล่ะ? จะไปกับท่านลุงหรือ?"พอได้ยินเสิ่นเสวียนถามเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็นิ่งไปครู่หนึ่งไปกับเสิ่นเสวียนดีไหม?ไม่กลับไปหาเซียวหลันยวนทางนั้นแล้วหรือ?ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้นี่นะ?"ได้เลย"เสิ่นเสวียนมองนาง ไม่พูดอะไร
เซียวหลันยวนรู้สึกว่า ไม่ว่าฟู่จาวหนิงจะไปที่ไหน หลานหรงต้องส่งคนติดตามไปแน่ ดังนั้นเขาจึงรู้ได้ตลอดถึงจุดหมายของฟู่จาวหนิงแต่ว่าเขาคิดไม่ถึง ว่าพอถูกเขาถามเช่นนี้ หลานหรงกลับไม่กล้าสบตาเขาพอเห็นการแสดงออกนี้ของหลานหรง เซียวหลันยวนก็ลุกขึ้นพรวดพราด หัวใจเต้นแรง ถามขึ้นเสียงหลง "เกิดเรื่องขึ้นหรือ?""ไม่ใช่ขอรับ ไม่มี"หลานหรงรีบตอบ "ท่านอ๋อง พวกเราคลาดกับพระชายาไปเสียแล้ว"เขาเอาคำพูดของผู้ใต้บังคับบัญชาถ่ายทอดออกมารอบหนึ่งเซียวหลันยวนฟังถึงที่ถูกฟู่จาวหนิงสลัดหลุด ก็ค่อยๆ นั่งลงมา เขาก็อยากจะหัวเราะอย่างขมขื่นขึ้นเสียแล้ว รู้สึกหมดคำจะพูดกับระดับความเฉียบคมของฟู่จาวหนิงจริงๆ"ท่านอ๋องโปรดลงโทษด้วย""พรุ่งนี้ก็อดสักสองมื้อแล้วกัน" เซียวหลันยวนพูดโทษเบาที่สุดออกมา"ขอบคุณท่านอ๋อง" หลานหรงในใจผ่อนโล่งขึ้นมาเล็กน้อย"นางเหมือนจะมีความคิดไม่อยากกลับมาอยู่ ดังนั้นตอนแรกจึงสลัดพวกเจ้าทิ้งไป"จุดนี้เซียวหลันยวนเข้าใจฟู่จาวหนิงผิดไปจริงๆ นางตอนแรกไม่ได้คิดเช่นนี้ แต่ว่าไม่อยากให้เซียวหลันยวนส่งคนมาตามนาง เพื่อไม่ให้ว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรจะมีคนกลับไปรายงานเขาทันที"ท่านอ๋อง ข้างกาย
เซียวหลันยวนสายตามองออกไป รู้สึกแค่ว่า นี่มันโชคร้ายอะไรกันเนี่ย?คนที่นั่งอยู่โต๊ะนี้ ก็คือซือถูไป๋นั่นเองซือถูไป๋ลากหน้างามๆ ไร้ตำหนิมานั่งอยู่ที่นี่ บนโต๊ะตรงหน้ามีหมี่อยู่ชามหนึ่งส่วนเขาสวมหน้ากากอยู่ซือถูไป๋เดิมทีไม่กล้ายืนยันว่าเป็นเขา แต่สายตาของเซียวหลันยวนมีความบีบคั้นกดดันมากเกินไป ไม่มีทางเป็นคนธรรมดาแน่นอนดังนั้นต่อให้ไม่เห็นหน้าเขา ซือถูไป๋ก็ยังมองออก"อ๋อง...เจวี้ยน?"ซือถูไป๋กดเสียงลงต่ำเซียวหลันยวนไม่สนใจเขา แต่เอียงตามองไปยังแขกที่กำลังพูดถึงหมอเทวดาคนงามนั่น"หมอเทวดาคนงามนั่นเป็นหลานสาวของผู้อาวุโสตู้ด้วย ยอดเยี่ยมจริงๆ"ผู้อาวุโสตู้?เซียวหลันยวนได้ยินชื่อผู้อาวุโสตู้ ก็รู้สึกงงงันไปก็ไม่แปลก ฟู่จาวหนิงไม่ได้บอกเรื่องผู้อาวุโสตู้กับเขา พอเพิ่งจะเจอหน้ากันทั้งสองก็ทะเลาะกันบ้านแตก วันต่อมาตื่นขึ้นก็ยังทะเลาะต่ออีกรอบ มีเวลามาคุยกันเสียที่ไหนซือถูไป๋ไม่เห็นสีหน้าเขา และไม่รู้ว่ามองออกถึงความงงงันของเขาได้อย่างไร จึงเอ่ยขึ้นเสียงเบากับเขาว่า "ผู้อาวุโสตู้คือพ่อครัวชื่อดังของต้าชื่อ ฝีมือการครัวเทียบได้พอพอกับหมอหลวงในวัง เสิ่นเสวียนเคยเชิญผู้อาวุโสต
โต๊ะพังดังโครม บะหมี่น้ำบนโต๊ะก็คำมำลงมา น้ำแกงสาดไปบนตัวซือถูไป๋เขารีบลุกเลี่ยงออกมา แต่เสื้อผ้าก็ยังเปียกไปดวงใหญ่การเคลื่อนไหวทางนี้ทำให้คนทั้งหมดมองเข้ามาภายใต้สายตาตกตะลึงของสามีภรรยาแผงบะหมี่ ซือถูไป๋ก็ยิ้มจำใจ หยิบเงินออกมาส่วนหนึ่ง"ข้าชดใช้ให้ ขอโทษด้วย"หลังจากชดใช้เงินออกไป ซือถูไป๋ก็มองแผ่นหลังเซียวหลันยวนแล้วส่ายหัวอ๋องเจวี้ยน บางครั้งก็ดูไร้เดียงสาเสียเหลือเกินแต่ว่า ฟู่จาวหนิงตอนนี้ไม่ได้กลับไป อ๋องเจวี้ยนมาปรากฎตัวที่นี่ตามลำพัง นี่อธิบายได้ว่าพวกเขาทั้งสองคนความสัมพันธ์ห่างเหินจากการที่แยกกันหลายเดือนแล้วหรือเปล่า?ถ้าหากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ นี่มันไม่ใช่โอกาสหรือ?นี่สินะความจริงใจคือพลังอันยิ่งใหญ่ สั่นคลอนได้ทุกสรรพสิ่งวันนี้หลังจากได้ยินเรื่องหออันดับหนึ่ง ซือถูไป๋ก็ยิ่งปล่อยวางฟู่จาวหนิงไม่ลงถ้าหากการแสดงออกถึงความใกล้ชิดกับความเข้าอกเข้าใจตัวฟู่จาวหนิงเมื่อครู่ ทำให้อ๋องเจวี้ยนกับฟู่จาวหนิงแตกแยกกันได้ นั่นก็ถือว่าดีมากๆอ๋องเจวี้ยนกับฟู่จาวหนิงถ้าทะเลาะกันขึ้นมาได้ ทะเลาะกันไปหลายๆ ครั้ง ความสัมพันธ์ก็จะเกิดรอยร้าวแน่ขอแค่มีรอยร้าย ก็คือมีโอกาส
"ไม่รู้ว่าคุณชายบาดเจ็บตรงไหนบ้างไหม" ชายหนุ่มถาม"ไม่เป็นไร" เซียวหลันยวนตอบมาสองคำชายหนุ่มพอได้ยินคำพูดเขา ก็เกิดประกายในดวงตาขึ้นมาเขาพยักหน้า ประคองภรรยาหมุนตัวเดินออกไปเซียวหลันยวนมองแผ่นหลังพวกเขาหายไปในกลุ่มคน ขมวดคิ้ว และไม่คิดจะเดินเล่นต่อแล้ว หมุนตัวเตรียมจะกลับส่วนสามีภรรยานั้นพอเดินผ่านกลุ่มคน เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เข้าไปในตรอกเล็กๆ ตรอกหนึ่ง เข้าไปยังบ้านเล็กอีกหลัง ปิดประตูลงกลอนเสร็จ ชายหนุ่มจึงถอนหายใจโล่งออกมาเขาประคองภรรยาเข้าไปนั่งในห้อง หยิบขนมปิ่งในมือชิ้นนั้น เอามาดมที่จมูกเป็นไปตามคาด เหม็นไปแล้วแต่เขาก็ไม่ได้เอาขนมปิ่งโยนทิ้งไป แต่หยิบมาใส่ไว้ในชาม"ฮูหยิน ข้าเอาขนมปิ่งใส่ไว้แล้ว อยู่ที่นี่""ให้เฟยเอ๋อร์ ให้เฟยเอ๋อร์กิน"หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างสับสน ยื่นมือเลิกผมที่สยายรุงรังของตนเอง ถามเขาว่า "นายท่าน ผมของข้ารกรุงรังหรือ?""ข้าจะหวีให้เจ้าเดี๋ยวนี้"เพียงไม่นาน ชายหนุ่มก็หวีผมให้นางจนเรียบร้อย ผูกด้วยผ้าไหมสีฟ้าทะเลสาบ จากนั้นก็ใช้ผ้าเปียกเช็ดหน้ากับมือของนางจนสะอาดใบหน้าสวยอ่อนโยนของหญิงสาวก็ปรากฏออกมาใบหน้าเช่นนี้ ต่อให้ไม่ได้อายุน้อย แต่
เสี่ยวชิ่นเองก็เห็นแล้วนางเอ่ยกับฟู่จาวหนิงอย่างตกตะลึง "คุณชายซือถู?"ที่นี่ห่างจากสถานที่ของซือถูไป๋ค่อนข้างไกล คนละฝั่งฟากกันเลย แล้วตอนนี้ก็ยังเช้าขนาดนี้ ทำไมจึงมาเจอซือถูไป๋ที่นี่กัน?แต่ถ้าจะบอกว่าจงใจ ซือถูไป๋ที่เดินช้าๆ อยู่ด้านหน้า ก็ไม่เห็นพวกนางเลย"คิดไม่ถึงว่าเมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อจะเล็กขนาดนี้""คุณหนู จะเดินกลับ หรือเปลี่ยนเส้นทางไหม?" เสี่ยวชิ่นถามขึ้นอย่างกังวลคุณชายซือถูดูแล้วก็ดีอยู่หรอก แต่คุณหนูของนางตอนนี้ยังเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนอยู่ ไม่มีทางก่อเรื่องให้เกิดความน่าอับอายหรอก"ไม่ต้องหรอก ข้าจะเดินทางนี้ ยืดอกกันไปเลย ทำไมจะต้องไปหลบเลี่ยงเขาด้วย?"ตอนพูดคำนี้ฟู่จาวหนิงก็คิดถึงเซียวหลันยวนเซียวหลันยวนถือดีอะไรมาถึงมาสงสัยว่านางกับซือถูไปมีลับลมคมในอะไรกัน แล้วนางต้องมาหลบเลี่ยงซือถูไป๋อย่างนั้นหรือ?ถนนตั้งกว้างขนาดนี้ ใครเดินไม่ได้กันบ้างแต่ว่า นางก็ไมได้เดินเร็วนัก ถึงอย่างไรด้านหน้าก็มีทางเลี้ยวอยู่ รอให้ซือถูไป๋เลี้ยวไปก็ไม่พบตัวนางแล้วซือถูไป๋เลี้ยวไปที่มุมถนนจริงๆฟู่จาวหนิงก็ไม่สนใจเขาอีก เดินทอดน่องไปเรื่อย เมื่อคืนตอนที่เข้ามา นางจำไ
ฟู่จิ้นเชินอันที่จริงก็เตรียมใจไว้แล้วตอนนั้นพวกเขาออกจากเมืองไปแบบนั้น หลายๆ เรื่องยังคงอยู่ ทั้งที่เกี่ยวกับราชวงศ์ท่านอ๋อง ทั้งที่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิ และไม่มีทางที่จะลืมเลือนจากเวลาที่ไหลผ่านไปกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ไม่แน่ว่าจะลืมพวกเขาถ้าหากไม่ใช่เพราะลูสาวของพวกเขาจับพลัดจับผลู พบบุพเพมหัศจรรย์จนไปแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้พวกเขายังไม่ทันเข้าเมืองหลวงก็คงถูกคนของอ๋องเจวี้ยนจับไปแล้วสิ่งที่รอพวกเขาก็คือการจำคุกและการไต่สวนหรือบางที คนที่รู้เรื่องเบื้องหลังในตอนนั้น หรือคนที่สงสัยว่าพวกเขาไปรู้ความลับอะไรเข้า ตอนนี้อาจจะเปิดเผยตัวกันออกมาถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางเป็นแบบตอนนี้ ที่ยังเข้าเมืองมาได้อย่างปลอดภัย กลับมาที่บ้านกระทั่งว่า บ้านตระกูลฟู่เองก็อาจจะไม่อยู่แล้วด้วย บ้านหลังนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะยังอยู่ที่นี่เพื่อรอพวกเขากลับบ้านกลับบ้าน ใช่แล้ว พวกเขาในที่สุดก็กลับมาบ้านแล้วและทั้งหมดนี้ เป็นเพราะจาวหนิงเป็นจาวหนิงที่ให้พวกเขากลับมาบ้านได้ฟู่จิ้นเชินเข้าใจจุดนี้ได้ดียิ่งกว่าใครรอจนอารมณ์ของทุกคนนิ่งลงมาแล้ว เขาจึงถามถึงผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวหนิ
ฟู่จาวหนิง! พระชายาอ๋องเจวี้ยน! พวกเขาล้วนได้ยินเรื่องของนางมาไม่น้อย นั่นไม่ใช่คนที่ไปยั่วยุได้เลยนะ นางกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ยังกล้าไปต่อปากต่อคำด้วย พวกเขาในสายตาฟู่จาวหนิงไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น!ถ้าถูกจับจ้องไว้ล่ะก็ พวกเขาหลังจากนี้ได้เดือดร้อนแน่!คนเหล่านี้ล้วนขวัญเสียกันหมดแล้วคนที่ให้พวกเขาเข้ามาเอะอะบอกไว้ว่า ถ้าเอาคนมาเยอะๆ แล้วบวกกับเรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเข้าไป ฟู่จิ้นเชินจะต้องนึกพวกเจ้าไม่ออก จำพวกเจ้าไม่ได้แน่ขอแค่เอาคนมามากพอ สถานการณ์วุ่นวายพอ แค่พวกเขาสร้างความวุ่นวายแล้วหนีไป ตระกูลฟู่ก็จับมือใครดมไม่ได้หรอกแต่ใครจะคิดว่าฟู่จิ้นเชินจะมาไม้นี้?"ฟู่ สหายฟู่ ไม่ต้องจดหรอก พวกเราก็แค่เจอพวกเจ้าบนถนนเท่านั้น...""ใช่ๆๆ ไม่มีใครมาแจ้งพวกเรา""พวกเรามีที่มาแหล่งข่าวเสียที่ไหน เข้าใจผิดแล้ว..."พวกเขาคิดจะถอย ถ้าหากไปถึงฟู่จาวหนิงคงวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นแน่"ในเมื่อมากันแล้ว เช่นนั้นก็มาคุยเรื่องเก่ากันก่อนเถิด อย่าเพิ่งรีบไปกัน" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้นอย่างสงบ "พวกเจ้าไม่ใช่มาหาสหายเก่าอย่างข้าหรอกหรือ?""เจ้ากับฮูหยินเพิ่งกลับมา น่าจะเหนื่อยกันแล้ว พวกเราเอาไว้ค่อ
พวกของเซี่ยซื่อยังไม่ทันได้พูดเรื่องอ๋องเจวี้ยน ด้านนอกก็มีคนออกแรงตบประตูบ้านตระกูลฟู่ขึ้นเสียงดังเฉินซานออกไปเปิดประตู คนกลุ่มหนึ่งก็ทะลักเข้ามาคนเหล่านี้ เฉินซานคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังเป็นนักเลงหัวไม้อยู่ในเมืองหลวง จริงๆ ก็ให้ความสนใจกับพวกพ่อค้าขุนนางระดับล่างเหล่านี้อยู่คนเหล่านี้ล้วนอายุราวสามสี่สิบปี อายุประมาณฟู่จิ้นเชิน"คุณชายใหญ่ฟู่!""เร็ว ได้ยินว่าอัจฉริยะใหญ่ฟู่กลับมาแล้วหรือ?""คุณชายฟู่กลับมาแล้วจริงหรือ?"คนกลุ่มหนึ่งทะลักเข้ามา ล้วนมองอย่างตื่นเต้นมาที่ฟู่จิ้นเชินขณะที่ยังตกใจกับความหล่อเหลาราววัยหนุ่มของฟู่จิ้นเชิน กับความสวยสะพรั่งของเสิ่นเชี่ยว พวกเขาลืมเป้าหมายที่มายังบ้านตระกูลฟู่นี้แล้วพวกเขาแย่งกันพูดขึ้นมา"สหายฟู่ ให้ตายเถอะ เจ้ายังไม่ตายจริงๆ!""คุณชายฟุ่ ยังจำข้าได้ไหม? ข้าต่งฮั่น ตอนนั้นที่เคยสนุกด้วยกันกับเจ้าที่โรงน้ำชา!""จิ้นเชิน ข้าเหอจาวหลิน พวกเราตอนนั้นเกือบจะได้เป็นศิษย์ของอาจารย์คนเดียวกันแล้ว!""อัจฉริยะใหญ่ฟู่ ตอนนั้นพวกเราเดิมพันงานเขียนกันหลายครั้ง พอเจ้าหายตัวไปสิบแปดปีข้าก็คิดถึงเจ้าตลอดเลย เจ้ากลับมาได
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายยังดูยังสับสนอยู่ ยังไม่มีใจจะไปคิดเล็กคิดน้อยนัก"นี่คือลูกสาวของข้าอันห่าว นางตอนนี้ใช้สกุลเซี่ยเหมือนข้า" เซี่ยซื่อปาดน้ำตาเอ่ยขึ้นเสิ่นเชี่ยวประคองเซี่ยอันห่าวลุกขึ้นดูแล้วเซี่ยซื่อน่าจะมีเรื่องบางอย่างกับตระกูลหลิน ยิ่งไปกว่านั้นในนี้จะต้องเป็นฝีมือของจาวหนิงแน่"ต้องขอบคุณจาวหนิง นางเก็บแม่ลูกอย่างพวกเรามา ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่รอดกันแล้ว" เซี่ยซื่อเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา ได้สติขึ้นอีกครั้ง "รีบเข้าห้องเร็ว หิมะตกแล้ว ด้านนอกหนาวมาก"คนที่เหมือนแมลงกาฝากในตระกูลฟู่พวกนั้นก็ถูกฟู่จาวหนิงกวาดออกไปแล้ว เรื่องนี้สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินรู้แล้วพวกเขาเข้ามาในโถงใหญ่ ลุงจงป้าจงกับหู่จือล้วนได้ยินการเคลื่อนไหว ทั้งหมดจึงวิ่งเข้ามา"คุณชาย คุณชายใหญ่กับฮูหยินน้อยกลับมาแล้วหรือ?""คุณชาย!"ป้าจงกับลุงจงวิ่งเข้ามาก่อน พอเห็นฟู่จิ้นเชินชัดๆ พวกเขาก็น้ำตาไหลอาบทันที ทิ้งตัวลงคุกเข่า"คุณชาย ฮูหยินน้อย พวกท่านกลับมาได้เสียที พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ ข้าน้อยรู้อยู่แล้ว ว่าพวกท่านจะต้องมีโชคที่ดีแน่นอน..."พวกเขาล้วนร้องไห้กันออกมาตอนนั้นที่พวกเขาออกไป หู่จือยังเป็นเด็กน้อยอย
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม