เถ้าแก่ใหญ่ยิ้มขืน"ขอรับ เช่นนั้นก็เชิญแม่นางฟู่ ท่านเสิ่นกับผู้อาวุโสตู้กินข้าวกันก่อน ข้าจะไปบ้านตระกูลฮั่วสักรอบหนึ่ง""ข้าไม่กดดันท่าน" ฟู่จาวหนิงตอบ "ดังนรั้นท่านแค่ส่งสารต่อให้ดีก็พอ บอกนายท่านฮั่วด้วย ถ้าหากไม่ให้เงินก้อนนี้ ถึงเวลาข้าจะไปหาด้วยตนเอง ข้าเป็นคนไม่ชอบถูกใครเบี้ยวหนี้เสียด้วย""ขอรัรบ แม่นางฟู่โปรดรอก่อน"เถ้าแก่ใหญ่รีบพุ่งออกไป ผลคือพอไปถึงบันไดก็ถูกนายท่านฮั่วลากเข้าไปอีกห้องหนึ่ง"นายท่าน ท่านมาแล้วหรือ?""มาได้พักหนึ่งแล้ว รู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วด้วย"นายท่านฮั่วตอนนี้สีหน้าดูตึงเครียดมาก ไม่สงบใจอย่างเห็นได้ชัด"ข้ากำลังจะไปหาท่าน...""ท่านเสิ่นพูดอะไรบ้าง?"เถ้าแก่ใหญ่รีบส่งต่อคำพูดของเสิ่นเสวียนกับฟู่จาวหนิงนายท่านฮั่วพอได้ยินก็ยิ้มขืนขึ้นมา"หนึ่งหมื่นห้าพันตำลึงนี้ ข้ากล้าไม่ให้ได้หรือ? ข้าจะไปเบิกตั๋วเงินมาส่งให้เดี๋ยวนี้"เขาถึงแม้จะมีแรงกดดัน และอยากจะขีดเส้นคั่นกับบ้านตระกูลเสิ่น แต่ก็ไม่กล้าฉีกหน้าเสิ่นเสวียนมากเกินไปไม่ใช่นั้นถ้าสถานการณ์ลือกันออกไป จะต้องมีคนไม่น้อยที่พูดว่าเขาเป็นพวกลืมบุญคุณคนไร้ซึ่งคุณธรรมแน่ ชื่อเสียงของเขาคงมอ
ครอบครัวของพ่อครัวซุนจริงใจกว่านายท่านฮั่วมากเลยพอหยิบมาก็เอามาให้ถึงหกพันตำลึงนี่อาจจะเป็นเงินสะสมทั้งหมดของพวกเขาเลยกระมัง?"ไม่ต้องมากขนาดนั้น ข้าเก็บแค่หนึ่งพันตำลึงก็พอ เดี๋ยวพอถึงเวลาก็ยังต้องใช้ยาอีก ตอนนั้นพวกท่านค่อยนำมาจ่ายก็ได้"ฟู่จาวหนิงดึงใบหนึ่งพันตำลึงออกมาใบหนึ่ง ให้เสี่ยวชิ่นคืนตั๋วเงินที่เหลือกลับไปรอจนพวกเขาจากไป สะใภ้ซุนก็ถอนหายใจ น้ำตาร่วงลงมาอีก บอกกับลูกๆ ว่า "คิดไม่ถึงว่าหมอเทวพดาฟู่ช่วยชีวิตจะเก็บเงินแค่หนึ่งพันตำลึง! ข้าได้ยินว่าสถานการณ์พ่อของพวกเจ้าน่าตกใจมาก พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่าปู่ของพวกเจ้าตอนนั้นก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน""ท่านแม่ ท่านเคยพูดมาแล้ว ว่าท่านปู่กับพ่อเป็นแบบเดียวกัน จู่ๆ ก็ล้มลงไป ก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรผิดปกติทั้งนั้น กินได้ดื่มได้นอนหลับได้ กำลังวังชาก็มากมี แต่หลังจากที่ล้มลงไปครั้งนั้นก็ลุกขึ้นมาไม่ได้อีกเลย แล้วก็ตาเบี้ยวปากเบี้ยวอีก มือเองก็หงิกงอ ยืดไม่ตรง พูดก็พูดไม่ได้ ไม่กี่วันก็ไม่รอดแล้ว""ใช่ๆๆ ดังนั้นตอนที่ข้าได้ยินข้าวก็วิญญาณแทบหลุด นี่ไม่ใช่ว่าเป็นบุญคุณช่วยชีวิตหรอกหรือ? จริงๆ จะมอบสมบัติทั้งบ้านพวกเราออกไปก็ไม่เกินเลยเล
"พูดได้ถูกต้อง อันที่จริงถ้าไม่ไหว ข้าจะช่วยท่านล้างแค้นเอง คิดหาวิธีเอาคืนองค์จักรพรรดิเสียหน่อย!"คำพูดนี้ของฟู่จาวหนิงไม่ใช่การคุยโม้ถ้าคิดจะเพิ่มความวุ่นวายให้องค์จักรพรรดิ นางเองก็มีวิธีอยู่ เพียงแต่ว่า มันจะเอะอะมะเทิ่งเกินไป ทั้งพิษทั้งแพทย์เยี่ยมยอดทั้งคู่ แล้วยังมีอุปกรณ์เครื่องมีแล้วก็ของในคลังอีกมากในห้องเภสัช นางทำของยอดเยี่ยมออกมาได้อีกตั้งมากมาย"เสิ่นเสวียนอดหัวเราะร่าขึ้นมาไม่ได้"เขาเชื่อจริงๆ ว่านางพูดได้ทำได้!"เมื่อครู่เจ้าก็ปกป้องลุงไว้รอบนึงแล้ว ลุงเองก็จะให้เจ้าปกป้องตลอดไม่ได้หรอก วางใจได้ ข้ามีแผนอยู่"เรื่องพวกนี้องค์จักรพรรดิพอทำไปมากๆ ก็บีบความรู้สึกด้านลบของเขาขึ้นมาจริงๆก่อนหน้านี้ตระกูลเสิ่นไม่เคยเกิดใจต่อต้านขึ้นมาเลย ทว่าตอนนี้พอมาถึงตัวเขา ในกระดูกก็มีความคิดใหม่ขึ้นมาแล้ว"เช่นนั้นก็ดี""ท่านปู่อาของเจ้าจะกลับบ้านแล้วนะ แล้วเจ้าล่ะ? จะไปกับท่านลุงหรือ?"พอได้ยินเสิ่นเสวียนถามเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็นิ่งไปครู่หนึ่งไปกับเสิ่นเสวียนดีไหม?ไม่กลับไปหาเซียวหลันยวนทางนั้นแล้วหรือ?ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้นี่นะ?"ได้เลย"เสิ่นเสวียนมองนาง ไม่พูดอะไร
เซียวหลันยวนรู้สึกว่า ไม่ว่าฟู่จาวหนิงจะไปที่ไหน หลานหรงต้องส่งคนติดตามไปแน่ ดังนั้นเขาจึงรู้ได้ตลอดถึงจุดหมายของฟู่จาวหนิงแต่ว่าเขาคิดไม่ถึง ว่าพอถูกเขาถามเช่นนี้ หลานหรงกลับไม่กล้าสบตาเขาพอเห็นการแสดงออกนี้ของหลานหรง เซียวหลันยวนก็ลุกขึ้นพรวดพราด หัวใจเต้นแรง ถามขึ้นเสียงหลง "เกิดเรื่องขึ้นหรือ?""ไม่ใช่ขอรับ ไม่มี"หลานหรงรีบตอบ "ท่านอ๋อง พวกเราคลาดกับพระชายาไปเสียแล้ว"เขาเอาคำพูดของผู้ใต้บังคับบัญชาถ่ายทอดออกมารอบหนึ่งเซียวหลันยวนฟังถึงที่ถูกฟู่จาวหนิงสลัดหลุด ก็ค่อยๆ นั่งลงมา เขาก็อยากจะหัวเราะอย่างขมขื่นขึ้นเสียแล้ว รู้สึกหมดคำจะพูดกับระดับความเฉียบคมของฟู่จาวหนิงจริงๆ"ท่านอ๋องโปรดลงโทษด้วย""พรุ่งนี้ก็อดสักสองมื้อแล้วกัน" เซียวหลันยวนพูดโทษเบาที่สุดออกมา"ขอบคุณท่านอ๋อง" หลานหรงในใจผ่อนโล่งขึ้นมาเล็กน้อย"นางเหมือนจะมีความคิดไม่อยากกลับมาอยู่ ดังนั้นตอนแรกจึงสลัดพวกเจ้าทิ้งไป"จุดนี้เซียวหลันยวนเข้าใจฟู่จาวหนิงผิดไปจริงๆ นางตอนแรกไม่ได้คิดเช่นนี้ แต่ว่าไม่อยากให้เซียวหลันยวนส่งคนมาตามนาง เพื่อไม่ให้ว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรจะมีคนกลับไปรายงานเขาทันที"ท่านอ๋อง ข้างกาย
เซียวหลันยวนสายตามองออกไป รู้สึกแค่ว่า นี่มันโชคร้ายอะไรกันเนี่ย?คนที่นั่งอยู่โต๊ะนี้ ก็คือซือถูไป๋นั่นเองซือถูไป๋ลากหน้างามๆ ไร้ตำหนิมานั่งอยู่ที่นี่ บนโต๊ะตรงหน้ามีหมี่อยู่ชามหนึ่งส่วนเขาสวมหน้ากากอยู่ซือถูไป๋เดิมทีไม่กล้ายืนยันว่าเป็นเขา แต่สายตาของเซียวหลันยวนมีความบีบคั้นกดดันมากเกินไป ไม่มีทางเป็นคนธรรมดาแน่นอนดังนั้นต่อให้ไม่เห็นหน้าเขา ซือถูไป๋ก็ยังมองออก"อ๋อง...เจวี้ยน?"ซือถูไป๋กดเสียงลงต่ำเซียวหลันยวนไม่สนใจเขา แต่เอียงตามองไปยังแขกที่กำลังพูดถึงหมอเทวดาคนงามนั่น"หมอเทวดาคนงามนั่นเป็นหลานสาวของผู้อาวุโสตู้ด้วย ยอดเยี่ยมจริงๆ"ผู้อาวุโสตู้?เซียวหลันยวนได้ยินชื่อผู้อาวุโสตู้ ก็รู้สึกงงงันไปก็ไม่แปลก ฟู่จาวหนิงไม่ได้บอกเรื่องผู้อาวุโสตู้กับเขา พอเพิ่งจะเจอหน้ากันทั้งสองก็ทะเลาะกันบ้านแตก วันต่อมาตื่นขึ้นก็ยังทะเลาะต่ออีกรอบ มีเวลามาคุยกันเสียที่ไหนซือถูไป๋ไม่เห็นสีหน้าเขา และไม่รู้ว่ามองออกถึงความงงงันของเขาได้อย่างไร จึงเอ่ยขึ้นเสียงเบากับเขาว่า "ผู้อาวุโสตู้คือพ่อครัวชื่อดังของต้าชื่อ ฝีมือการครัวเทียบได้พอพอกับหมอหลวงในวัง เสิ่นเสวียนเคยเชิญผู้อาวุโสต
โต๊ะพังดังโครม บะหมี่น้ำบนโต๊ะก็คำมำลงมา น้ำแกงสาดไปบนตัวซือถูไป๋เขารีบลุกเลี่ยงออกมา แต่เสื้อผ้าก็ยังเปียกไปดวงใหญ่การเคลื่อนไหวทางนี้ทำให้คนทั้งหมดมองเข้ามาภายใต้สายตาตกตะลึงของสามีภรรยาแผงบะหมี่ ซือถูไป๋ก็ยิ้มจำใจ หยิบเงินออกมาส่วนหนึ่ง"ข้าชดใช้ให้ ขอโทษด้วย"หลังจากชดใช้เงินออกไป ซือถูไป๋ก็มองแผ่นหลังเซียวหลันยวนแล้วส่ายหัวอ๋องเจวี้ยน บางครั้งก็ดูไร้เดียงสาเสียเหลือเกินแต่ว่า ฟู่จาวหนิงตอนนี้ไม่ได้กลับไป อ๋องเจวี้ยนมาปรากฎตัวที่นี่ตามลำพัง นี่อธิบายได้ว่าพวกเขาทั้งสองคนความสัมพันธ์ห่างเหินจากการที่แยกกันหลายเดือนแล้วหรือเปล่า?ถ้าหากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ นี่มันไม่ใช่โอกาสหรือ?นี่สินะความจริงใจคือพลังอันยิ่งใหญ่ สั่นคลอนได้ทุกสรรพสิ่งวันนี้หลังจากได้ยินเรื่องหออันดับหนึ่ง ซือถูไป๋ก็ยิ่งปล่อยวางฟู่จาวหนิงไม่ลงถ้าหากการแสดงออกถึงความใกล้ชิดกับความเข้าอกเข้าใจตัวฟู่จาวหนิงเมื่อครู่ ทำให้อ๋องเจวี้ยนกับฟู่จาวหนิงแตกแยกกันได้ นั่นก็ถือว่าดีมากๆอ๋องเจวี้ยนกับฟู่จาวหนิงถ้าทะเลาะกันขึ้นมาได้ ทะเลาะกันไปหลายๆ ครั้ง ความสัมพันธ์ก็จะเกิดรอยร้าวแน่ขอแค่มีรอยร้าย ก็คือมีโอกาส
"ไม่รู้ว่าคุณชายบาดเจ็บตรงไหนบ้างไหม" ชายหนุ่มถาม"ไม่เป็นไร" เซียวหลันยวนตอบมาสองคำชายหนุ่มพอได้ยินคำพูดเขา ก็เกิดประกายในดวงตาขึ้นมาเขาพยักหน้า ประคองภรรยาหมุนตัวเดินออกไปเซียวหลันยวนมองแผ่นหลังพวกเขาหายไปในกลุ่มคน ขมวดคิ้ว และไม่คิดจะเดินเล่นต่อแล้ว หมุนตัวเตรียมจะกลับส่วนสามีภรรยานั้นพอเดินผ่านกลุ่มคน เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เข้าไปในตรอกเล็กๆ ตรอกหนึ่ง เข้าไปยังบ้านเล็กอีกหลัง ปิดประตูลงกลอนเสร็จ ชายหนุ่มจึงถอนหายใจโล่งออกมาเขาประคองภรรยาเข้าไปนั่งในห้อง หยิบขนมปิ่งในมือชิ้นนั้น เอามาดมที่จมูกเป็นไปตามคาด เหม็นไปแล้วแต่เขาก็ไม่ได้เอาขนมปิ่งโยนทิ้งไป แต่หยิบมาใส่ไว้ในชาม"ฮูหยิน ข้าเอาขนมปิ่งใส่ไว้แล้ว อยู่ที่นี่""ให้เฟยเอ๋อร์ ให้เฟยเอ๋อร์กิน"หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างสับสน ยื่นมือเลิกผมที่สยายรุงรังของตนเอง ถามเขาว่า "นายท่าน ผมของข้ารกรุงรังหรือ?""ข้าจะหวีให้เจ้าเดี๋ยวนี้"เพียงไม่นาน ชายหนุ่มก็หวีผมให้นางจนเรียบร้อย ผูกด้วยผ้าไหมสีฟ้าทะเลสาบ จากนั้นก็ใช้ผ้าเปียกเช็ดหน้ากับมือของนางจนสะอาดใบหน้าสวยอ่อนโยนของหญิงสาวก็ปรากฏออกมาใบหน้าเช่นนี้ ต่อให้ไม่ได้อายุน้อย แต่
เสี่ยวชิ่นเองก็เห็นแล้วนางเอ่ยกับฟู่จาวหนิงอย่างตกตะลึง "คุณชายซือถู?"ที่นี่ห่างจากสถานที่ของซือถูไป๋ค่อนข้างไกล คนละฝั่งฟากกันเลย แล้วตอนนี้ก็ยังเช้าขนาดนี้ ทำไมจึงมาเจอซือถูไป๋ที่นี่กัน?แต่ถ้าจะบอกว่าจงใจ ซือถูไป๋ที่เดินช้าๆ อยู่ด้านหน้า ก็ไม่เห็นพวกนางเลย"คิดไม่ถึงว่าเมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อจะเล็กขนาดนี้""คุณหนู จะเดินกลับ หรือเปลี่ยนเส้นทางไหม?" เสี่ยวชิ่นถามขึ้นอย่างกังวลคุณชายซือถูดูแล้วก็ดีอยู่หรอก แต่คุณหนูของนางตอนนี้ยังเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนอยู่ ไม่มีทางก่อเรื่องให้เกิดความน่าอับอายหรอก"ไม่ต้องหรอก ข้าจะเดินทางนี้ ยืดอกกันไปเลย ทำไมจะต้องไปหลบเลี่ยงเขาด้วย?"ตอนพูดคำนี้ฟู่จาวหนิงก็คิดถึงเซียวหลันยวนเซียวหลันยวนถือดีอะไรมาถึงมาสงสัยว่านางกับซือถูไปมีลับลมคมในอะไรกัน แล้วนางต้องมาหลบเลี่ยงซือถูไป๋อย่างนั้นหรือ?ถนนตั้งกว้างขนาดนี้ ใครเดินไม่ได้กันบ้างแต่ว่า นางก็ไมได้เดินเร็วนัก ถึงอย่างไรด้านหน้าก็มีทางเลี้ยวอยู่ รอให้ซือถูไป๋เลี้ยวไปก็ไม่พบตัวนางแล้วซือถูไป๋เลี้ยวไปที่มุมถนนจริงๆฟู่จาวหนิงก็ไม่สนใจเขาอีก เดินทอดน่องไปเรื่อย เมื่อคืนตอนที่เข้ามา นางจำไ