เถ้าแก่ใหญ่ยิ้มขืน"ขอรับ เช่นนั้นก็เชิญแม่นางฟู่ ท่านเสิ่นกับผู้อาวุโสตู้กินข้าวกันก่อน ข้าจะไปบ้านตระกูลฮั่วสักรอบหนึ่ง""ข้าไม่กดดันท่าน" ฟู่จาวหนิงตอบ "ดังนรั้นท่านแค่ส่งสารต่อให้ดีก็พอ บอกนายท่านฮั่วด้วย ถ้าหากไม่ให้เงินก้อนนี้ ถึงเวลาข้าจะไปหาด้วยตนเอง ข้าเป็นคนไม่ชอบถูกใครเบี้ยวหนี้เสียด้วย""ขอรัรบ แม่นางฟู่โปรดรอก่อน"เถ้าแก่ใหญ่รีบพุ่งออกไป ผลคือพอไปถึงบันไดก็ถูกนายท่านฮั่วลากเข้าไปอีกห้องหนึ่ง"นายท่าน ท่านมาแล้วหรือ?""มาได้พักหนึ่งแล้ว รู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วด้วย"นายท่านฮั่วตอนนี้สีหน้าดูตึงเครียดมาก ไม่สงบใจอย่างเห็นได้ชัด"ข้ากำลังจะไปหาท่าน...""ท่านเสิ่นพูดอะไรบ้าง?"เถ้าแก่ใหญ่รีบส่งต่อคำพูดของเสิ่นเสวียนกับฟู่จาวหนิงนายท่านฮั่วพอได้ยินก็ยิ้มขืนขึ้นมา"หนึ่งหมื่นห้าพันตำลึงนี้ ข้ากล้าไม่ให้ได้หรือ? ข้าจะไปเบิกตั๋วเงินมาส่งให้เดี๋ยวนี้"เขาถึงแม้จะมีแรงกดดัน และอยากจะขีดเส้นคั่นกับบ้านตระกูลเสิ่น แต่ก็ไม่กล้าฉีกหน้าเสิ่นเสวียนมากเกินไปไม่ใช่นั้นถ้าสถานการณ์ลือกันออกไป จะต้องมีคนไม่น้อยที่พูดว่าเขาเป็นพวกลืมบุญคุณคนไร้ซึ่งคุณธรรมแน่ ชื่อเสียงของเขาคงมอ
ครอบครัวของพ่อครัวซุนจริงใจกว่านายท่านฮั่วมากเลยพอหยิบมาก็เอามาให้ถึงหกพันตำลึงนี่อาจจะเป็นเงินสะสมทั้งหมดของพวกเขาเลยกระมัง?"ไม่ต้องมากขนาดนั้น ข้าเก็บแค่หนึ่งพันตำลึงก็พอ เดี๋ยวพอถึงเวลาก็ยังต้องใช้ยาอีก ตอนนั้นพวกท่านค่อยนำมาจ่ายก็ได้"ฟู่จาวหนิงดึงใบหนึ่งพันตำลึงออกมาใบหนึ่ง ให้เสี่ยวชิ่นคืนตั๋วเงินที่เหลือกลับไปรอจนพวกเขาจากไป สะใภ้ซุนก็ถอนหายใจ น้ำตาร่วงลงมาอีก บอกกับลูกๆ ว่า "คิดไม่ถึงว่าหมอเทวพดาฟู่ช่วยชีวิตจะเก็บเงินแค่หนึ่งพันตำลึง! ข้าได้ยินว่าสถานการณ์พ่อของพวกเจ้าน่าตกใจมาก พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่าปู่ของพวกเจ้าตอนนั้นก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน""ท่านแม่ ท่านเคยพูดมาแล้ว ว่าท่านปู่กับพ่อเป็นแบบเดียวกัน จู่ๆ ก็ล้มลงไป ก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรผิดปกติทั้งนั้น กินได้ดื่มได้นอนหลับได้ กำลังวังชาก็มากมี แต่หลังจากที่ล้มลงไปครั้งนั้นก็ลุกขึ้นมาไม่ได้อีกเลย แล้วก็ตาเบี้ยวปากเบี้ยวอีก มือเองก็หงิกงอ ยืดไม่ตรง พูดก็พูดไม่ได้ ไม่กี่วันก็ไม่รอดแล้ว""ใช่ๆๆ ดังนั้นตอนที่ข้าได้ยินข้าวก็วิญญาณแทบหลุด นี่ไม่ใช่ว่าเป็นบุญคุณช่วยชีวิตหรอกหรือ? จริงๆ จะมอบสมบัติทั้งบ้านพวกเราออกไปก็ไม่เกินเลยเล
"พูดได้ถูกต้อง อันที่จริงถ้าไม่ไหว ข้าจะช่วยท่านล้างแค้นเอง คิดหาวิธีเอาคืนองค์จักรพรรดิเสียหน่อย!"คำพูดนี้ของฟู่จาวหนิงไม่ใช่การคุยโม้ถ้าคิดจะเพิ่มความวุ่นวายให้องค์จักรพรรดิ นางเองก็มีวิธีอยู่ เพียงแต่ว่า มันจะเอะอะมะเทิ่งเกินไป ทั้งพิษทั้งแพทย์เยี่ยมยอดทั้งคู่ แล้วยังมีอุปกรณ์เครื่องมีแล้วก็ของในคลังอีกมากในห้องเภสัช นางทำของยอดเยี่ยมออกมาได้อีกตั้งมากมาย"เสิ่นเสวียนอดหัวเราะร่าขึ้นมาไม่ได้"เขาเชื่อจริงๆ ว่านางพูดได้ทำได้!"เมื่อครู่เจ้าก็ปกป้องลุงไว้รอบนึงแล้ว ลุงเองก็จะให้เจ้าปกป้องตลอดไม่ได้หรอก วางใจได้ ข้ามีแผนอยู่"เรื่องพวกนี้องค์จักรพรรดิพอทำไปมากๆ ก็บีบความรู้สึกด้านลบของเขาขึ้นมาจริงๆก่อนหน้านี้ตระกูลเสิ่นไม่เคยเกิดใจต่อต้านขึ้นมาเลย ทว่าตอนนี้พอมาถึงตัวเขา ในกระดูกก็มีความคิดใหม่ขึ้นมาแล้ว"เช่นนั้นก็ดี""ท่านปู่อาของเจ้าจะกลับบ้านแล้วนะ แล้วเจ้าล่ะ? จะไปกับท่านลุงหรือ?"พอได้ยินเสิ่นเสวียนถามเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็นิ่งไปครู่หนึ่งไปกับเสิ่นเสวียนดีไหม?ไม่กลับไปหาเซียวหลันยวนทางนั้นแล้วหรือ?ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้นี่นะ?"ได้เลย"เสิ่นเสวียนมองนาง ไม่พูดอะไร
เซียวหลันยวนรู้สึกว่า ไม่ว่าฟู่จาวหนิงจะไปที่ไหน หลานหรงต้องส่งคนติดตามไปแน่ ดังนั้นเขาจึงรู้ได้ตลอดถึงจุดหมายของฟู่จาวหนิงแต่ว่าเขาคิดไม่ถึง ว่าพอถูกเขาถามเช่นนี้ หลานหรงกลับไม่กล้าสบตาเขาพอเห็นการแสดงออกนี้ของหลานหรง เซียวหลันยวนก็ลุกขึ้นพรวดพราด หัวใจเต้นแรง ถามขึ้นเสียงหลง "เกิดเรื่องขึ้นหรือ?""ไม่ใช่ขอรับ ไม่มี"หลานหรงรีบตอบ "ท่านอ๋อง พวกเราคลาดกับพระชายาไปเสียแล้ว"เขาเอาคำพูดของผู้ใต้บังคับบัญชาถ่ายทอดออกมารอบหนึ่งเซียวหลันยวนฟังถึงที่ถูกฟู่จาวหนิงสลัดหลุด ก็ค่อยๆ นั่งลงมา เขาก็อยากจะหัวเราะอย่างขมขื่นขึ้นเสียแล้ว รู้สึกหมดคำจะพูดกับระดับความเฉียบคมของฟู่จาวหนิงจริงๆ"ท่านอ๋องโปรดลงโทษด้วย""พรุ่งนี้ก็อดสักสองมื้อแล้วกัน" เซียวหลันยวนพูดโทษเบาที่สุดออกมา"ขอบคุณท่านอ๋อง" หลานหรงในใจผ่อนโล่งขึ้นมาเล็กน้อย"นางเหมือนจะมีความคิดไม่อยากกลับมาอยู่ ดังนั้นตอนแรกจึงสลัดพวกเจ้าทิ้งไป"จุดนี้เซียวหลันยวนเข้าใจฟู่จาวหนิงผิดไปจริงๆ นางตอนแรกไม่ได้คิดเช่นนี้ แต่ว่าไม่อยากให้เซียวหลันยวนส่งคนมาตามนาง เพื่อไม่ให้ว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรจะมีคนกลับไปรายงานเขาทันที"ท่านอ๋อง ข้างกาย
เซียวหลันยวนสายตามองออกไป รู้สึกแค่ว่า นี่มันโชคร้ายอะไรกันเนี่ย?คนที่นั่งอยู่โต๊ะนี้ ก็คือซือถูไป๋นั่นเองซือถูไป๋ลากหน้างามๆ ไร้ตำหนิมานั่งอยู่ที่นี่ บนโต๊ะตรงหน้ามีหมี่อยู่ชามหนึ่งส่วนเขาสวมหน้ากากอยู่ซือถูไป๋เดิมทีไม่กล้ายืนยันว่าเป็นเขา แต่สายตาของเซียวหลันยวนมีความบีบคั้นกดดันมากเกินไป ไม่มีทางเป็นคนธรรมดาแน่นอนดังนั้นต่อให้ไม่เห็นหน้าเขา ซือถูไป๋ก็ยังมองออก"อ๋อง...เจวี้ยน?"ซือถูไป๋กดเสียงลงต่ำเซียวหลันยวนไม่สนใจเขา แต่เอียงตามองไปยังแขกที่กำลังพูดถึงหมอเทวดาคนงามนั่น"หมอเทวดาคนงามนั่นเป็นหลานสาวของผู้อาวุโสตู้ด้วย ยอดเยี่ยมจริงๆ"ผู้อาวุโสตู้?เซียวหลันยวนได้ยินชื่อผู้อาวุโสตู้ ก็รู้สึกงงงันไปก็ไม่แปลก ฟู่จาวหนิงไม่ได้บอกเรื่องผู้อาวุโสตู้กับเขา พอเพิ่งจะเจอหน้ากันทั้งสองก็ทะเลาะกันบ้านแตก วันต่อมาตื่นขึ้นก็ยังทะเลาะต่ออีกรอบ มีเวลามาคุยกันเสียที่ไหนซือถูไป๋ไม่เห็นสีหน้าเขา และไม่รู้ว่ามองออกถึงความงงงันของเขาได้อย่างไร จึงเอ่ยขึ้นเสียงเบากับเขาว่า "ผู้อาวุโสตู้คือพ่อครัวชื่อดังของต้าชื่อ ฝีมือการครัวเทียบได้พอพอกับหมอหลวงในวัง เสิ่นเสวียนเคยเชิญผู้อาวุโสต
โต๊ะพังดังโครม บะหมี่น้ำบนโต๊ะก็คำมำลงมา น้ำแกงสาดไปบนตัวซือถูไป๋เขารีบลุกเลี่ยงออกมา แต่เสื้อผ้าก็ยังเปียกไปดวงใหญ่การเคลื่อนไหวทางนี้ทำให้คนทั้งหมดมองเข้ามาภายใต้สายตาตกตะลึงของสามีภรรยาแผงบะหมี่ ซือถูไป๋ก็ยิ้มจำใจ หยิบเงินออกมาส่วนหนึ่ง"ข้าชดใช้ให้ ขอโทษด้วย"หลังจากชดใช้เงินออกไป ซือถูไป๋ก็มองแผ่นหลังเซียวหลันยวนแล้วส่ายหัวอ๋องเจวี้ยน บางครั้งก็ดูไร้เดียงสาเสียเหลือเกินแต่ว่า ฟู่จาวหนิงตอนนี้ไม่ได้กลับไป อ๋องเจวี้ยนมาปรากฎตัวที่นี่ตามลำพัง นี่อธิบายได้ว่าพวกเขาทั้งสองคนความสัมพันธ์ห่างเหินจากการที่แยกกันหลายเดือนแล้วหรือเปล่า?ถ้าหากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ นี่มันไม่ใช่โอกาสหรือ?นี่สินะความจริงใจคือพลังอันยิ่งใหญ่ สั่นคลอนได้ทุกสรรพสิ่งวันนี้หลังจากได้ยินเรื่องหออันดับหนึ่ง ซือถูไป๋ก็ยิ่งปล่อยวางฟู่จาวหนิงไม่ลงถ้าหากการแสดงออกถึงความใกล้ชิดกับความเข้าอกเข้าใจตัวฟู่จาวหนิงเมื่อครู่ ทำให้อ๋องเจวี้ยนกับฟู่จาวหนิงแตกแยกกันได้ นั่นก็ถือว่าดีมากๆอ๋องเจวี้ยนกับฟู่จาวหนิงถ้าทะเลาะกันขึ้นมาได้ ทะเลาะกันไปหลายๆ ครั้ง ความสัมพันธ์ก็จะเกิดรอยร้าวแน่ขอแค่มีรอยร้าย ก็คือมีโอกาส
"ไม่รู้ว่าคุณชายบาดเจ็บตรงไหนบ้างไหม" ชายหนุ่มถาม"ไม่เป็นไร" เซียวหลันยวนตอบมาสองคำชายหนุ่มพอได้ยินคำพูดเขา ก็เกิดประกายในดวงตาขึ้นมาเขาพยักหน้า ประคองภรรยาหมุนตัวเดินออกไปเซียวหลันยวนมองแผ่นหลังพวกเขาหายไปในกลุ่มคน ขมวดคิ้ว และไม่คิดจะเดินเล่นต่อแล้ว หมุนตัวเตรียมจะกลับส่วนสามีภรรยานั้นพอเดินผ่านกลุ่มคน เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เข้าไปในตรอกเล็กๆ ตรอกหนึ่ง เข้าไปยังบ้านเล็กอีกหลัง ปิดประตูลงกลอนเสร็จ ชายหนุ่มจึงถอนหายใจโล่งออกมาเขาประคองภรรยาเข้าไปนั่งในห้อง หยิบขนมปิ่งในมือชิ้นนั้น เอามาดมที่จมูกเป็นไปตามคาด เหม็นไปแล้วแต่เขาก็ไม่ได้เอาขนมปิ่งโยนทิ้งไป แต่หยิบมาใส่ไว้ในชาม"ฮูหยิน ข้าเอาขนมปิ่งใส่ไว้แล้ว อยู่ที่นี่""ให้เฟยเอ๋อร์ ให้เฟยเอ๋อร์กิน"หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างสับสน ยื่นมือเลิกผมที่สยายรุงรังของตนเอง ถามเขาว่า "นายท่าน ผมของข้ารกรุงรังหรือ?""ข้าจะหวีให้เจ้าเดี๋ยวนี้"เพียงไม่นาน ชายหนุ่มก็หวีผมให้นางจนเรียบร้อย ผูกด้วยผ้าไหมสีฟ้าทะเลสาบ จากนั้นก็ใช้ผ้าเปียกเช็ดหน้ากับมือของนางจนสะอาดใบหน้าสวยอ่อนโยนของหญิงสาวก็ปรากฏออกมาใบหน้าเช่นนี้ ต่อให้ไม่ได้อายุน้อย แต่
เสี่ยวชิ่นเองก็เห็นแล้วนางเอ่ยกับฟู่จาวหนิงอย่างตกตะลึง "คุณชายซือถู?"ที่นี่ห่างจากสถานที่ของซือถูไป๋ค่อนข้างไกล คนละฝั่งฟากกันเลย แล้วตอนนี้ก็ยังเช้าขนาดนี้ ทำไมจึงมาเจอซือถูไป๋ที่นี่กัน?แต่ถ้าจะบอกว่าจงใจ ซือถูไป๋ที่เดินช้าๆ อยู่ด้านหน้า ก็ไม่เห็นพวกนางเลย"คิดไม่ถึงว่าเมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อจะเล็กขนาดนี้""คุณหนู จะเดินกลับ หรือเปลี่ยนเส้นทางไหม?" เสี่ยวชิ่นถามขึ้นอย่างกังวลคุณชายซือถูดูแล้วก็ดีอยู่หรอก แต่คุณหนูของนางตอนนี้ยังเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนอยู่ ไม่มีทางก่อเรื่องให้เกิดความน่าอับอายหรอก"ไม่ต้องหรอก ข้าจะเดินทางนี้ ยืดอกกันไปเลย ทำไมจะต้องไปหลบเลี่ยงเขาด้วย?"ตอนพูดคำนี้ฟู่จาวหนิงก็คิดถึงเซียวหลันยวนเซียวหลันยวนถือดีอะไรมาถึงมาสงสัยว่านางกับซือถูไปมีลับลมคมในอะไรกัน แล้วนางต้องมาหลบเลี่ยงซือถูไป๋อย่างนั้นหรือ?ถนนตั้งกว้างขนาดนี้ ใครเดินไม่ได้กันบ้างแต่ว่า นางก็ไมได้เดินเร็วนัก ถึงอย่างไรด้านหน้าก็มีทางเลี้ยวอยู่ รอให้ซือถูไป๋เลี้ยวไปก็ไม่พบตัวนางแล้วซือถูไป๋เลี้ยวไปที่มุมถนนจริงๆฟู่จาวหนิงก็ไม่สนใจเขาอีก เดินทอดน่องไปเรื่อย เมื่อคืนตอนที่เข้ามา นางจำไ
นางอยากจะให้เซียวหลันยวนไม่พอใจตัวฟู่จาวหนิงเสียเหลือเกินแต่พอสิ้นเสียงนาง เซียวหลันยวนก็หันมามองนาง แม้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่เฉินเซียงจู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่านางถูกสายตาที่เย็นเยียบแหลมคนฆ่าตายไปแล้วนางใจสั่นวาบ จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจกับคำพูดเมื่อครู่ที่พูดไป แต่ก็สายไปแล้วนางได้ยินคำพูดเย็นชาของเซียวหลันยวนว่า"องค์หญิงใหญ่ถ้าหากมีเรื่องจะคุยกับข้า ก็ให้ทาสของเจ้าไปคุกเข่าอยู่ตรงนั้นก่อน"เซียวหลันยวนชี้ไปที่กลางสวนคุกเข่าที่นั่น คนป่วยทั้งหมดในห้องข้างฝั่งตะวันตกจะมองเห็นเฉินเซียงถลึงตาโตใส่อย่างไม่อยากเชื่อ"อ๋องเจวี้ยน" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึงไป "เฉินเซียงก็แค่ปกป้องข้ามากเกินไปเท่านั้น นางไม่ได้มีความคิดไม่ดี...""ให้นางคุกเข่า ข้าถึงจะฟังเจ้าพูด ถ้านางไม่ทำ ข้าก็จะไปแล้ว" เซียวหลันยวนตัดบทนางเฉินเซียงบอกว่าฟู่จาวหนิงแอบมีชู้กับอันเหนียน เขาจดจำมาโดยตลอด"อ๋องเจวี้ยน เฉินเซียงนางเองก็ป่วย ถ้าไปตากลมหนาวบนพื้น นางจะ...""เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"เซียวหลันยวนพูดจบก็หมุนตัวกลับทันทีเฉินเซียงลนลานขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยน ข้าจะไปคุกเข่าเดี๋ยวนี้! ท่านโปรดรอก่อน!""เฉินเ
สิ่งที่ทำให้ตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นขุ่นเคืองคือ ฟู่จาวหนิงคล้องแขนอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา"พวกเขาทำไมถึงคล้องแขนกันเดินแบบนั้นล่ะ?"เฉินเซียงถลึงตาโตนางไม่เคยเห็นสามีภรรยาเดินกันแบบนี้เลย ปกติแล้ว ภรรยาจะเดินอยู่ด้านหลังสามีประมาณครึ่งก้าวนี่ หรืออย่างมากก็ไหล่ชนไหล่แต่พออยู่ภายนอกก็ต้องคอยระวังเรื่องมารยาท มีใครเขามาคล้องแขนเดินกันแบบนี้บ้าง?ยิ่งไปกว่านั้นตัวฟู่จาวหนิงเองก็ยังเอนมาเบียดแขนอ๋องเจวี้ยนด้วย"นางเดินแบบนี้มันดูสง่างามตรงไหน บิดๆ เบียดๆ เงอะงะงุ่มง่ามเหมือนอะไรล่ะนั่น?" เฉินเซียงกดเสียงต่ำ พูดแบบไม่พอใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น "นี่มันดูเป็นพระชายาตรงไหนกัน?"เหมือนพวกอนุภรรยาที่เอาแต่เบียดเสียดชายหนุ่มมากกว่าพระชายาตัวจริงต้องมีท่าทีสง่างาม มีคุณธรรม บุคลิกภาพโดดเด่นสิทำตัวออดอ้อนแบบนี้ มันเหมือนกับปีศาจสาวที่อยากจะสูบพลังหยางจากชายหนุ่มจนตัวสั่นอย่างไรอย่างนั้น เหมือนพวกอนุภรรยาที่ไร้เกียรติเฉินเซียงถึงอย่างไรก็ไม่ชินตาแต่ไม่รู้เพราะอะไร องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกอิจฉาจนควบคุมไม่อยู่ชายหนุ่มที่เย็นชาขนาดนั้นแบบอ๋องเจวี้ยน ก็ยังตามใจให้ฟู่จาวหนิง แล้วยังปร
"ข้ารู้แล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะออกไป" เซียวหลันยวนพยักหน้าฟู่จิ้นเชินเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า "นางน่าจะมีเรื่องมาขอร้องท่าน แต่ว่า เรื่องที่นางจะขอร้องข้าเองก็พอจะนึกออก"เขาอยากบอกว่า เรื่องแบบนี้ ถ้าหากรับปากไป ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์สามีภรรยากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรือไม่ แต่การที่พานางเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ถือเป็นการทรยศและทำร้ายจาวหนิงแต่ก็ไม่อยากพูดออกมาตอนนี้เขาอยากจะเห็นว่าเซียวหลันยวนจะเลือกอย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเงื่อนไขที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นงัดออกมาได้คืออะไร ถ้าเผื่อมันสำคัญอย่างมากกับเซียวหลันยวนจริงๆ ล่ะ?"ท่านพ่อตาอยากพูดอะไรหรือ?" เซียวหลันยวนย้อนถามเขา"อ๋า?"ฟู่จิ้นเชินถูกคำเรียก 'ท่านพ่อตา' ที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำเอางงงันไปหมด ตั้งตัวกลับมาไม่ได้ชั่วขณะหนึ่งเซียวหลันยวนก็พูดต่อมาอีก "วางใจเถิด ข้าไม่ทำเรื่องที่ผิดกับหนิงหนิงแน่นอน"พูดจบเขาก็หมุนตัวเตรียมเข้าห้อง ""หากไม่มีเรื่องอะไร คนป่วยทางนั้นรบกวนท่านดูไว้หน่อย ให้หนิงหนิงได้กินข้าวเช้าก่อนพอเซียวหลันยวนเข้าห้องไป ประตูก็ปิดลงมา ฟู่จิ้นเชินมองไปทางชิงอีที่อยู่ข้างๆ ช้าๆชิงอีเองก็
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกคนเหล่านี้พูดจนตาแทบแดงก่ำนางไม่ยอมให้เป็นแบบนี้!นางเองก็มีเกียรตินะ นางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ เดิมทีควรจะล้ำค่าสูงส่ง สามารถเลือกราชบุตรเขยดีดีได้แต่ตอนนี้นางมีทางเลือกอะไรล่ะ?ถ้าไม่ใช่เพราะนางมีพระเชษฐาแบบนั้น นางคงไม่ต้องทำให้มาถึงจุดนี้หรอกนางแค่อยากจะช่วยตนเองเท่านั้น แล้วมันผิดตรงไหน? ถ้าหากทำได้ นางก็ไม่อยากไปทำร้ายใครทั้งนั้น นางเป็นคนที่มดแค่ตัวเดียวก็ยังทำใจเหยียบไม่ลงด้วยซ้ำ"รบกวนท่านลุงฟู่ด้วย ข้ามีเรื่องสำคัญจริงๆ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง ถอยไปที่ประตูวงกลมทางนั้นเฉินเซียงถลึงตาใส่ห้องนั้น คารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง "รบกวนท่านลุงฟู่ช่วยเหลือด้วย องค์หญิงใหญ่พวกรเาจะไปรออ๋องเจวี้ยนที่นั่น"พูดจบนางก็รีบเดินไปหาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นฟู่จิ้นเชินส่ายหัวเขาก็เหมือนรู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกอยู่ในสภาพไหน มาเจอกับฝ่าบาทต้าชื่อแบบนั้น นางเองอันที่จริงก็น่าสงสารแต่ว่า ท้ายสุดแล้วนางก็ยังไม่ฉลาดพอ เส้นทางที่เดินได้ นางกลับเดินอย่างสะเปะสะปะแต่พูดมาก็ถูก นางเติบโตมาที่สุสานจักรพรรดิ ไม่ค่อยได้พบเจอกับผู้คนสักเท่าไร และย
ก่อนหน้านี้ทรมานหมอฟู่ไว้มาก สาวใช้นั่นยังบอกว่าหมอฟู่กับนายท่านเป็นอะไรอะไรกันอีก ป้าหนิวเห็นแล้วไม่สบอารมณ์องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถูกนางเหลือบมองใส่แบบนี้จนอายไปเฉินเซียงกลับถลึงตามองแผ่นหลังป้าหนิวเจ้าคนชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ กล้ามามององค์หญิงใหญ่พวกนางแบบนี้เรอะฟู่จิ้นเชินตอนนี้จึงหมุนตัวหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่จะพบอ๋องเจวี้ยน เพราะอยากให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านไปเมืองหลวงหรือ? ถ้าหากมีเป้าหมายนี้ เช่นนั้นข้าบอกท่านไว้ได้เลย ว่าท่านยังออกจากเมืองเจ้อไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับอันเหนียนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสามฝ่ายตกลงกันแล้ว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ ใครอยากจะออกจากเมือง ต้องยื่นจดหมายออกจากเมืองมา ถ้าบนต้องมีผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใต้เท้าอันและหมอฟู่สามคนลงนาม ขาดไปสักคนก็ไม่ได้ถ้าหากไม่มีจดหมายออกจากเมืองที่มีนามทั้งสาม ใครก็ออกไปไม่ได้ทั้งนั้นแล้วอาการป่วยอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฟู่จาวหนิงไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่ไหนจะเรื่องที่นางจะตามอ๋องเจวี้ยนไปอีกฟู่จิ้นเชินตอนนี้รู้สึกว่าสมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แค่คิดก็รู้แล้ว ฟู่จาวหนิงจะยอมให้อ๋องเ
ฟู่จาวหนิงถูกจูบจนเคลิ้มหลับไปอีกรอบเซียวหลันยวนได้ยินเสียงหายใจลึกของนางแล้วก็จนใจเขาเลือดพุ่งขึ้นมาแล้ว แต่นางกลับหลับไป ดูท่าในเมืองเจ้อระยะนี้นางคงจะเหนื่อยมากจริงๆเขาเองก็ไม่ได้ทรมานนาง กอดนางแล้วหลับไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีกำลังรอว่าจะฝันอีกครั้ง ดีที่สุดคือได้ฝันเห็นลุงหวังพูดอะไรกับอ๋องเจวี้ยนว่ากล่องใบนั้นเปิดอย่างไรแต่เมื่อคืนนี้นางก็ฝันจริงๆ น่าเสียดายที่ฝันร้าย ในฝันตนเองอยู่ในตำหนักเพียงคนเดียว จะอย่างไรก็ออกไปไม่ได้ และไม่มีใครด้วย ทุกแห่งมีแต่แสงทึม ในความมือเหมือนมีเสียงอะไรที่น่ากลัว ทำให้นางรู้สึกกลัวมากหลังจากสะดุ้งตื่น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว"องค์หญิงใหญ่ ท่านฝันร้ายหรือ?" เฉินเซียงถูกนางทำสะดุ้งตื่นตาม รีบลุกขึ้นนั่งองค์หญิงใหญ่ไม่ค่อยฝันร้ายเท่าไร แต่บางครั้งก็จะฝันร้ายบ้างสักครั้ง แสดงว่าช่วงเวลานั้นจะผ่านไปได้ไม่ค่อยดีนักเฉินเซียงเครียดขึ้นมาแล้วพวกนางตอนนี้ผ่านความน่าเวทนามากมาแล้ว ไม่น่าแย่กว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงทนรับไม่ไหวแล้วนางมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตึงเครียด หวังว่านางจะปฏิเสธแต่นางก็ยังผิดหวัง องค์หญิงใ
"รุ่นหลังของตระกูลปันมีกี่คนหรือ?""รุ่นหลังของตระกูลปันก็มีอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขามีช่างที่มีฝีมือ ในตอนนั้นหลบหนีจากภัยพิบัติได้ เหลือรุ่นหลังเอาไว้ ตอนนี้คนที่มีอำนาจในตระกูลปันชื่อว่าปันมู่ พวกเขาไหว้วานขบวนพ่อค้าให้ส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าคนเองก็อยู่ระหว่างทางมาแคว้นเจาแล้ว"ปันมู่เซียวหลันยวนจำชื่อนี้ไว้"แล้วเจ้าเป็นรุ่นหลังจากตระกูลไหนกัน?""ใต้ฝ่าพระบาท ข้าคือรุ่นหลังจากตระกูลเหมิ่ง ตอนนั้นปู่ข้าได้รับมอบหมายงานกะทันหัน ทิ้งสิ่งของเพื่อส่งมอบให้กับจักรพรรดิรุ่นใหม่ องค์หญิงใหญ่จากไปแล้ว แต่ยังทิ้งลูกหลานไว้ ก็คือฝ่าพระบาทนั่นเอง ข้าระลึกเสมอว่าต้องนำสิ่งของส่งให้ถึงมือท่าน"แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือไม่ เขาได้รับสิ่งของที่จักรพรรดินีทิ้งไว้แล้วหรือยัง เขาส่งเครื่องพยากรณ์ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้"เจ้าหมายถึงเครื่องพยากรณ์หรือเปล่า?""ใต้ฝ่าพระบาทรู้จริงๆ ด้วย ใช่แล้ว ของสิ่งนี้อยู่ในมือข้ามาหลายปีแล้ว ข้าปกป้องเอาไว้ไม่ค่อยปล่อยไปไหน ตอนนี้ก็ส่งให้กับมือใต้ฝ่าพระบาทได้เสียที ในที่สุดข้าก็ได้พักผ่อนเสียที..."ลุงหวังบอกถึงตำแหน่งที่ซ่อนเครื่องพยากรณ์เซียวหลันยวนฟังเ
ฟู่จาวหนิงเก็บเครื่องพยากรณ์กลับเข้าไปในมิติ แล้วก็ถูกเซียวหลันยวนกอดเข้าไปในผ้าห่มเขาคลุมผ้าห่มนางให้ดี จูบไปที่ปากนางเบาๆ เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า "เจ้าก็นอนให้สบาย ข้าจะทำการอย่างระวัง""ได้"เซียวหลันยวนเป่าเปลวเทียน ออกประตูไปอย่างแผ่วเบา"ท่านอ๋อง?" ชิงอีออกมาจากมุมมืดรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ ที่ท่านอ๋องจะออกไปตอนดึกขนาดนี้ คืนนี้ไม่ใช่ควรอยู่กับพระชายาหรอกหรือ?"ไป" เซียวหลันยวนกลับไม่อธิบายอะไรมากตอนมาถึงทางตาเฒ่าอู๋ ในคืนเงียบสงัดเช่นนี้ กลับได้ยินเสียงไอค่อกแค่กอยู่แค่กๆๆๆมีทั้งที่ดังขึ้นครั้งสองครั้ง และมีที่ดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดมีทั้งที่ดังจนปอดแทบฉีก ทำเอาคนที่ไม่ไอฟังแล้วรู้สึกคันขึ้นมาที่คอเลย แทบจะไอตามไปด้วย"ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ป่วยหนักมาก" ชิงอีเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเขาเห็นว่าท่านอ๋องยังมาที่ตาเฒ่าอู๋ทางนี้ จึงรู้สึกกังวลขึ้นหน่อยๆ"อืม ดังนั้นหวังว่าจาวหนิงจะค้นคว้ายาที่สามารถสะกดอาการป่วยนี้ออกมาได้ ไม่ให้มันระบาดต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นก็ไม่อยากจะคิด"เซียวหลันยวนถึงแม้จะปวดในที่ฟู่จาวหนิงอยู่ที่นี่ แต่เขาก็เข้าใจดี ตอนนี้เมืองเจ้อต้องการนางจริงๆไม่ใช่แค่เมืองเ
"ท่านเองก็ลองดูสิ" นางส่งคืนกลับให้เขาเขายังไม่ทันได้ดูเลยน กลับส่งให้นางดูก่อนเสียแล้วเซียวหลันยวนรับมา หยิบไปวางไว้ตรงหน้าในใจเขาเองก็สั่นสะเทือนเช่นกันนี่มันยอดเยี่ยมมาก"เครื่องพยากรณ์นี้ ในตงฉิงถือได้ว่าเป็นสมบัติเลยกระมัง?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"อืม" เซียวหลันยวนวางเครื่องพยากรณ์ลง พยักหน้า "ราชครูจะสืบทอดต่อให้เป็นรุ่นๆ ถ้าหากบนมือไม่มีเครื่องมือพยากรณ์ ราชครูก็จะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างชอบธรรม ยิ่งไปกว่านั้น คนตงฉิงก็ยังเชื่อว่า ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ออกมาจากการคาดการณ์ของเครื่องมือพยากรณ์ ล้วนไม่แม่นยำทั้งสิ้น""นั่นเท่ากับเป็นสิ่งที่เครื่องพยากรณ์สิบห้าปีใหม่คำนวณออกมาใช่ไหม? แล้วเก่ากว่านั้นล่ะ""ที่เก่ากว่านั้นจะถูกประทับตราเป็นของไม่ใช้งานแล้ว แล้วปิดผนึกไว้ในสุสานจักรพรรดิ"หรือก็คือ ขอแค่ไม่มีชิ้นใหม่ออกมา บนโลกนี้ก็จะมีแค่เครื่องพยากรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น"แล้วลุงหวังคนนั้น คงจะไม่ใช่รุ่นหลังของราชครูตงฉิงหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นเซียวหลันยวนนิ่งงันไปพักหนึ่ง ตอบว่า "อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็คาดเดามาตลอด เจ้าอารามต่างหากที่น่าจะเป็น"ฟู่