ทำไมต้องพูดให้สมจริงจขนาดนั้น?"จริงนะ ข้าลงมีดบนตัวคนได้ดียิ่งกว่าเสียอีก" ฟู่จาวหนิงมองเขาอย่างจริงจัง "เฉือนหนังก็ได้ หรือจะแยกเสื้อเลือดชีพจรออกจากเนื้อหนังก้ได้เหมือนกัน""โอ๊ก..."โหวผิงเอินถึงกับสำรอกแห้งๆ ออกมาพลังจินตนาการของเขาดีเกินไปแล้ว ถึงกับถูกไม่กี่คำง่ายๆ ของนางวาดภาพขึ้นโครงพวกนั้นออกมาได้พอคิดถึงภาพพวกนั้น ท้องไส้เขาก็ปั่นป่วนไปหมด"เจ้าเป็นผู้หญิงจริงไหมนั่น?" เขาถอยออกไปอีกก้าว"อืม ข้าเป็นแน่นอนสิ ดังนั้นวิชามีดของข้าถึงได้อ่อนโยน ท่านโหว ลองดูไหม?" บนหน้าฟู่จาวหนิงยังมีรอยยิ้มอีกด้วยท่าทีนางเช่นนี้ทำเอาโหวผิงเอินมองแล้วรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างผิดปกติตอนนี้ยังสนอีกที่ไหนว่านางสวยหรือไม่สวย "สาวงามอสรพิษ เจ้ามันสาวงามอสรพิษ! โหวอย่างข้าไม่รู้จักหญิงสาวชั่วร้ายอย่างเจ้า!"โหวผิงเอินหมุนตัวจะหนีหลังจากขึ้นหอเจ้าพวกเพื่อนหมาๆ ของเขาก็อดถามขึ้นไม่ได้ "ท่านโหว พวกเราปล่อยไปแบบนี้หรือ?""ไม่เช่นนั้นจะทำอย่างไร?" โหวผิงเอินสีหน้าขรึม "ที่สำคัญสุดก็คือ พวกเจ้าไม่เห็นหรือ องค์ชายสองต้องตานางไปแล้ว พวกเราจะไปแย่งคนจากองค์ชายสองก็ไม่ได้"คนอื่นพอได้ยินถึงองค์ชา
พวกของฟู่จาวหนิงเองก็อยู่ในห้องชั้นสูงห้องหนึ่งเสิ่นเสวียนพอปรากฏตัว เถ้าแก่ใหญ่ก็จัดเตรียมให้พวกเขาเถ้าแก่ใหญ่ยังยกเห็ดเชียนเสวี่ยสองจานเข้ามาให้ด้วยตนเอง เอ่ยขอบคุณและขอโทษกับฟู่จาวหนิงขึ้นมาพร้อมกัน"แม่นางฟู่ วันนี้ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ตอนแรกพอเห็นพวกท่านกับโหวผิงเอินปะทะกัน พวกเราก็ไม่ได้เข้าปกป้อง ต้องขอโทษท่านด้วยจริงๆ""เถ้าแก่ใหญ่น่าจะปกป้องไม่ไหวน่ะ เรื่องนี้ไม่โทษท่านหรอก""ไม่ๆๆ เดิมทีควรจะเข้าขวางโหวผิงเอินเอาไว้อย่างสุดกำลัง ทำให้แม่นางฟู่ต้องไม่ได้รับความเป็นธรรมไปจริงๆ"เถ้าแก่ใหญ่พูดพลางแอบมองไปทางเสิ่นเสวียน จากนั้นก็มองไปทางผู้อาวุโสตู้ ลูบเหงื่อที่หน้าผากด้วยสัญชาตญาณเสิ่นเสวียนเลิกหนังตา"เถ้าแก่ใหญ่น่าจะยังมีเรื่องอะไรพูดอีกกระมัง?""ท่านเสิ่น เรื่อง เรื่องนี้เดิมทีไม่ควรเผยออกมาจากข้า ท่านรู้ว่านายท่านฮั่วเป็นเจ้านายของข้า แต่ตอนนี้พอเห็นท่าน ถ้าไม่พูดขึ้นมาข้าก็รู้สึกไม่ได้จริงๆ"เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก้มหน้าไม่กล้ามองเสิ่นเสวียน "นายท่านก่อนหน้านี้แอบกำชับกับพวกข้าไว้ ห้องชั้นสูงนี้ปกติจะเก็บไว้เพื่อตระกูลเสิ่น แต่ แต่ถ้าหากเจอกับคนหรือว่าเรื่องอะไร จะ
แต่นายท่านฮั่วไม่ได้ทำเช่นนี้เสิ่นเสวียนเดิมทีก็เป็นคนฉลาดอยู่แล้ว ไม่รู้เสียที่ไหนว่านายท่านฮั่วความคิดเปลี่ยนไปแล้ว?เกรงว่าหลังจากนี้ตระกูลฮั่วคงจะถูกเสิ่นเสวียนขีดเส้นคั่นไปแล้ว"ท่านเสิ่น เรื่องนี้ เรื่องนี้..." เถ้าแก่ใหญ่เองก็ฟังออกถึงความเด็ดขาดจากคำพูดของเสิ่นเสวียน รู้สึกถึงความไม่สู้ดี"เรื่องในวันนี้..."เสิ่นเสวียนยังพูดไม่ทันจบ ฟู่จาวหนิงก็ต่อมาว่า"เรื่องในวันนี้ก็ถือว่าเป็นค่าตอบแทนฝีมือของข้าก็แล้วใช่ไหม? คงไม่ได้มาคิดเงินกับพวกเราหรอกนะ?""เช่นนั้นได้อย่างไรกัน? จะมาคิดเงินกับพวกท่านได้อย่างไร? ไม่มีไม่มี"คำพูดของฟู่จาวหนิงกลับยังพูดไม่จบ "ข้าแค่สงสัย เถ้าแก่ใหญ่ เรื่องนี้ท่านน่าจะไม่ใช่คนตัดสิน แต่ว่าข้าก็อยากจะพูดให้มันชัดเจนหน่อย""แม่นางฟู่ ท่านพูดได้เลย"เถ้าแก่ใหญ่รู้สึกไม่ค่อยสู้ดีขึ้นอีกครั้ง"วันนี้เป็นเพราะข้ากับท่านปู่อาใช่ไหม ที่ทำให้เห็ดเชียนเสวี่ยของพวกท่านไม่เสียเปล่า? ยิ่งไปกว่านั้นแขกพวกนั้นเองก็ไม่ได้ทำให้แขกพวกนั้นต้องมาผิดใจด้วยถูกไหม? ก่อนหน้านี้ข้าเห็นพวกเขาขุ่นเคืองกันเสียขนาดนั้น""ใช่ๆๆ""พูดได้ว่า พวกเราไม่ใช่แค่มาช่วยเหลือ แต่
เถ้าแก่ใหญ่ยิ้มขืน"ขอรับ เช่นนั้นก็เชิญแม่นางฟู่ ท่านเสิ่นกับผู้อาวุโสตู้กินข้าวกันก่อน ข้าจะไปบ้านตระกูลฮั่วสักรอบหนึ่ง""ข้าไม่กดดันท่าน" ฟู่จาวหนิงตอบ "ดังนรั้นท่านแค่ส่งสารต่อให้ดีก็พอ บอกนายท่านฮั่วด้วย ถ้าหากไม่ให้เงินก้อนนี้ ถึงเวลาข้าจะไปหาด้วยตนเอง ข้าเป็นคนไม่ชอบถูกใครเบี้ยวหนี้เสียด้วย""ขอรัรบ แม่นางฟู่โปรดรอก่อน"เถ้าแก่ใหญ่รีบพุ่งออกไป ผลคือพอไปถึงบันไดก็ถูกนายท่านฮั่วลากเข้าไปอีกห้องหนึ่ง"นายท่าน ท่านมาแล้วหรือ?""มาได้พักหนึ่งแล้ว รู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วด้วย"นายท่านฮั่วตอนนี้สีหน้าดูตึงเครียดมาก ไม่สงบใจอย่างเห็นได้ชัด"ข้ากำลังจะไปหาท่าน...""ท่านเสิ่นพูดอะไรบ้าง?"เถ้าแก่ใหญ่รีบส่งต่อคำพูดของเสิ่นเสวียนกับฟู่จาวหนิงนายท่านฮั่วพอได้ยินก็ยิ้มขืนขึ้นมา"หนึ่งหมื่นห้าพันตำลึงนี้ ข้ากล้าไม่ให้ได้หรือ? ข้าจะไปเบิกตั๋วเงินมาส่งให้เดี๋ยวนี้"เขาถึงแม้จะมีแรงกดดัน และอยากจะขีดเส้นคั่นกับบ้านตระกูลเสิ่น แต่ก็ไม่กล้าฉีกหน้าเสิ่นเสวียนมากเกินไปไม่ใช่นั้นถ้าสถานการณ์ลือกันออกไป จะต้องมีคนไม่น้อยที่พูดว่าเขาเป็นพวกลืมบุญคุณคนไร้ซึ่งคุณธรรมแน่ ชื่อเสียงของเขาคงมอ
ครอบครัวของพ่อครัวซุนจริงใจกว่านายท่านฮั่วมากเลยพอหยิบมาก็เอามาให้ถึงหกพันตำลึงนี่อาจจะเป็นเงินสะสมทั้งหมดของพวกเขาเลยกระมัง?"ไม่ต้องมากขนาดนั้น ข้าเก็บแค่หนึ่งพันตำลึงก็พอ เดี๋ยวพอถึงเวลาก็ยังต้องใช้ยาอีก ตอนนั้นพวกท่านค่อยนำมาจ่ายก็ได้"ฟู่จาวหนิงดึงใบหนึ่งพันตำลึงออกมาใบหนึ่ง ให้เสี่ยวชิ่นคืนตั๋วเงินที่เหลือกลับไปรอจนพวกเขาจากไป สะใภ้ซุนก็ถอนหายใจ น้ำตาร่วงลงมาอีก บอกกับลูกๆ ว่า "คิดไม่ถึงว่าหมอเทวพดาฟู่ช่วยชีวิตจะเก็บเงินแค่หนึ่งพันตำลึง! ข้าได้ยินว่าสถานการณ์พ่อของพวกเจ้าน่าตกใจมาก พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่าปู่ของพวกเจ้าตอนนั้นก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน""ท่านแม่ ท่านเคยพูดมาแล้ว ว่าท่านปู่กับพ่อเป็นแบบเดียวกัน จู่ๆ ก็ล้มลงไป ก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรผิดปกติทั้งนั้น กินได้ดื่มได้นอนหลับได้ กำลังวังชาก็มากมี แต่หลังจากที่ล้มลงไปครั้งนั้นก็ลุกขึ้นมาไม่ได้อีกเลย แล้วก็ตาเบี้ยวปากเบี้ยวอีก มือเองก็หงิกงอ ยืดไม่ตรง พูดก็พูดไม่ได้ ไม่กี่วันก็ไม่รอดแล้ว""ใช่ๆๆ ดังนั้นตอนที่ข้าได้ยินข้าวก็วิญญาณแทบหลุด นี่ไม่ใช่ว่าเป็นบุญคุณช่วยชีวิตหรอกหรือ? จริงๆ จะมอบสมบัติทั้งบ้านพวกเราออกไปก็ไม่เกินเลยเล
"พูดได้ถูกต้อง อันที่จริงถ้าไม่ไหว ข้าจะช่วยท่านล้างแค้นเอง คิดหาวิธีเอาคืนองค์จักรพรรดิเสียหน่อย!"คำพูดนี้ของฟู่จาวหนิงไม่ใช่การคุยโม้ถ้าคิดจะเพิ่มความวุ่นวายให้องค์จักรพรรดิ นางเองก็มีวิธีอยู่ เพียงแต่ว่า มันจะเอะอะมะเทิ่งเกินไป ทั้งพิษทั้งแพทย์เยี่ยมยอดทั้งคู่ แล้วยังมีอุปกรณ์เครื่องมีแล้วก็ของในคลังอีกมากในห้องเภสัช นางทำของยอดเยี่ยมออกมาได้อีกตั้งมากมาย"เสิ่นเสวียนอดหัวเราะร่าขึ้นมาไม่ได้"เขาเชื่อจริงๆ ว่านางพูดได้ทำได้!"เมื่อครู่เจ้าก็ปกป้องลุงไว้รอบนึงแล้ว ลุงเองก็จะให้เจ้าปกป้องตลอดไม่ได้หรอก วางใจได้ ข้ามีแผนอยู่"เรื่องพวกนี้องค์จักรพรรดิพอทำไปมากๆ ก็บีบความรู้สึกด้านลบของเขาขึ้นมาจริงๆก่อนหน้านี้ตระกูลเสิ่นไม่เคยเกิดใจต่อต้านขึ้นมาเลย ทว่าตอนนี้พอมาถึงตัวเขา ในกระดูกก็มีความคิดใหม่ขึ้นมาแล้ว"เช่นนั้นก็ดี""ท่านปู่อาของเจ้าจะกลับบ้านแล้วนะ แล้วเจ้าล่ะ? จะไปกับท่านลุงหรือ?"พอได้ยินเสิ่นเสวียนถามเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็นิ่งไปครู่หนึ่งไปกับเสิ่นเสวียนดีไหม?ไม่กลับไปหาเซียวหลันยวนทางนั้นแล้วหรือ?ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้นี่นะ?"ได้เลย"เสิ่นเสวียนมองนาง ไม่พูดอะไร
เซียวหลันยวนรู้สึกว่า ไม่ว่าฟู่จาวหนิงจะไปที่ไหน หลานหรงต้องส่งคนติดตามไปแน่ ดังนั้นเขาจึงรู้ได้ตลอดถึงจุดหมายของฟู่จาวหนิงแต่ว่าเขาคิดไม่ถึง ว่าพอถูกเขาถามเช่นนี้ หลานหรงกลับไม่กล้าสบตาเขาพอเห็นการแสดงออกนี้ของหลานหรง เซียวหลันยวนก็ลุกขึ้นพรวดพราด หัวใจเต้นแรง ถามขึ้นเสียงหลง "เกิดเรื่องขึ้นหรือ?""ไม่ใช่ขอรับ ไม่มี"หลานหรงรีบตอบ "ท่านอ๋อง พวกเราคลาดกับพระชายาไปเสียแล้ว"เขาเอาคำพูดของผู้ใต้บังคับบัญชาถ่ายทอดออกมารอบหนึ่งเซียวหลันยวนฟังถึงที่ถูกฟู่จาวหนิงสลัดหลุด ก็ค่อยๆ นั่งลงมา เขาก็อยากจะหัวเราะอย่างขมขื่นขึ้นเสียแล้ว รู้สึกหมดคำจะพูดกับระดับความเฉียบคมของฟู่จาวหนิงจริงๆ"ท่านอ๋องโปรดลงโทษด้วย""พรุ่งนี้ก็อดสักสองมื้อแล้วกัน" เซียวหลันยวนพูดโทษเบาที่สุดออกมา"ขอบคุณท่านอ๋อง" หลานหรงในใจผ่อนโล่งขึ้นมาเล็กน้อย"นางเหมือนจะมีความคิดไม่อยากกลับมาอยู่ ดังนั้นตอนแรกจึงสลัดพวกเจ้าทิ้งไป"จุดนี้เซียวหลันยวนเข้าใจฟู่จาวหนิงผิดไปจริงๆ นางตอนแรกไม่ได้คิดเช่นนี้ แต่ว่าไม่อยากให้เซียวหลันยวนส่งคนมาตามนาง เพื่อไม่ให้ว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรจะมีคนกลับไปรายงานเขาทันที"ท่านอ๋อง ข้างกาย
เซียวหลันยวนสายตามองออกไป รู้สึกแค่ว่า นี่มันโชคร้ายอะไรกันเนี่ย?คนที่นั่งอยู่โต๊ะนี้ ก็คือซือถูไป๋นั่นเองซือถูไป๋ลากหน้างามๆ ไร้ตำหนิมานั่งอยู่ที่นี่ บนโต๊ะตรงหน้ามีหมี่อยู่ชามหนึ่งส่วนเขาสวมหน้ากากอยู่ซือถูไป๋เดิมทีไม่กล้ายืนยันว่าเป็นเขา แต่สายตาของเซียวหลันยวนมีความบีบคั้นกดดันมากเกินไป ไม่มีทางเป็นคนธรรมดาแน่นอนดังนั้นต่อให้ไม่เห็นหน้าเขา ซือถูไป๋ก็ยังมองออก"อ๋อง...เจวี้ยน?"ซือถูไป๋กดเสียงลงต่ำเซียวหลันยวนไม่สนใจเขา แต่เอียงตามองไปยังแขกที่กำลังพูดถึงหมอเทวดาคนงามนั่น"หมอเทวดาคนงามนั่นเป็นหลานสาวของผู้อาวุโสตู้ด้วย ยอดเยี่ยมจริงๆ"ผู้อาวุโสตู้?เซียวหลันยวนได้ยินชื่อผู้อาวุโสตู้ ก็รู้สึกงงงันไปก็ไม่แปลก ฟู่จาวหนิงไม่ได้บอกเรื่องผู้อาวุโสตู้กับเขา พอเพิ่งจะเจอหน้ากันทั้งสองก็ทะเลาะกันบ้านแตก วันต่อมาตื่นขึ้นก็ยังทะเลาะต่ออีกรอบ มีเวลามาคุยกันเสียที่ไหนซือถูไป๋ไม่เห็นสีหน้าเขา และไม่รู้ว่ามองออกถึงความงงงันของเขาได้อย่างไร จึงเอ่ยขึ้นเสียงเบากับเขาว่า "ผู้อาวุโสตู้คือพ่อครัวชื่อดังของต้าชื่อ ฝีมือการครัวเทียบได้พอพอกับหมอหลวงในวัง เสิ่นเสวียนเคยเชิญผู้อาวุโสต