ฟู่จาวหนิงรีบวิ่งลงไปชั้นล่างสืออีพวกเขาเองก็รีบตามไป ตอนนี้โหวผิงเอินสนแต่จะเข้าไปคุยกับองค์ชายสอง เตรียมจะไปอาละวาดกับหออันดับหนึ่ง จึงไม่ได้สนใจพวกเขาเลย"พวกเจ้าห้ามเข้าไป"ฟู่จาวหนิงตอนวิ่งมาถึงห้องครัวก็ถูกคนห้ามเอาไว้"ไป๋หู่" นางร้องขึ้นทันทีพวกของไป๋หู่เข้ามา กันผู้ช่วยพ่อครัวไว้ ให้ฟู่จาวหนิงวิ่งเข้าไปได้อย่างสะดวกด้านหลังครัวมีเรือนเล็กอยู่หลังหนึ่ง ใต้ชายคามีเก้าอี้ยาวหลายตัววางไว้ ตอนนี้มีคนนอนอยู่บนเก้าอี้ยาวหลายตัวนั้น ข้างๆ มีคนล้อมเขาอยู่ ล้วนลนลานทำอะไรกันไม่ถูกและพ่อครัวซุนที่นอนอยู่ยังมีอาการชักอยู่ฟู่จาวหนิงพอเห็น สีหน้าก็เปลี่ยนไปรีบวิ่งมาด้วยและกำชับขึ้นด้วย "กันพวกเขาออก"ตัวนางเองพุ่งตรงไปยังพ่อครัวซุน "หลีกไป อย่ามาล้อมดูเขา!""เจ้าเป็นใครน่ะ? เจ้าเข้ามาที่นี่ทำอะไร?"คนเหล่านั้นดูแล้วน่าจะเป็นคนที่คอยช่วยในห้องครัว ตอนนี้ล้อมกันอยู่ข้างๆ พ่อครัวซุนฟู่จาวหนิงไม่สนพวกเขา พอเดินเข้าไป ก็ยกมือหนีบเข็มออกมา แล้วแทงลงไปบนหัวของพ่อครัวซุนทันที"เจ้าทำอะไรน่ะ!"คนข้างๆ ตกตะลึง รีบจะยื่นมือเข้าไปตบนาง แต่พอจะลงมือก็ถูกพวกไป๋หู่กับสืออีแยกออกมาแล้
เถ้าแก่ใหญ่เองก็เหงื่อตกฝ่ามือ"คนอื่นห้ามแทงมั่วซั่ว แต่คุณหนูพวกเราทำได้ ไม่ใช่สิ คุณหนูของพวกเราเองก็ไม่ได้แทงมั่วซั่ว นางกำลังรักษาอาการป่วย" ไป๋หู่เอ่ยขึ้น"พ่อครัวซุนถ้าหากเกิดตายขึ้นมา นั่นจะไม่ใช่ความผิดของนางหรอกหรือ?" โหวผิงเอินหัวเราะเย็นชาขึ้นมาพูดตลกอะไร หญิงสาวที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบคนนี้น่ะหรือเป็นหมอเทวดา?สืออีตอบอย่างไม่ต้องคิด "ถ้าท่านพูดแบบนี้ หลังจากนี้ป่วยจนตายไปก็ไม่มีหมอใหญ่คนไหนกล้ามารักษาให้หรอก""เจ้าพูดว่าใครจะป่วยตาย?!"โหวผิงเอินโมโหขึ้นมา นี่ไม่ใช่กำลังแช่งเขาหรือ?ตอนที่เขากำลังจะถลกแขนเสื้อ องค์ชายสองก็กดบ่าเขาไว้ "โหวผิงเอิน ใจเย็นๆ อย่าบุ่มบ่าม"โหวผิงเอินหงุดหงิด แต่ก็ไม่กล้าคัดค้านองค์ชายสองน้องสาวเขาแม้จะเป็นพระชายาคนโปรด แต่เสด็จแม่ขององค์ชายสองเองก็เป็นพระชายาคนโปรดเช่นกัน ยิ่่งไปกว่านั้นมีความรักกับองค์จักรพรรดิมาตั้งแต่เยาว์วัยด้วยองค์จักรพรรดิโปรดปรานพระชายาหมิ่น แต่ก็ยังเคาระต่อเสด็จแม่ขององค์ชายสองอยู่พอสมควรองค์ชายสองพูดออกมาแล้ว คนทั้งหมดจึงไม่กล้าขยับ ล้วนยืนอยู่ที่นี่มองดูฟู่จาวหนิงช่วยชีวิตคน"เจ้าว่า นางถูกพวกเราจ้องมองเ
ฟู่จาวหนิงตอนค่ำยังต้องเข้ามาให้ยาน้ำกับพ่อครัวซุนอีกยิ่งไปกว่านั้นยังต้องตรวจสอบส่วนสมองของเขาให้ละเอียดอีกด้วย"ท่านตอนนี้นอนให้สบายเถอะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก"ฟู่จาวหนิงพูดพลางเดินเข้ามา มองไปทางเถ้าแก่ใหญ่เถ้าแก่ใหญ่ตอนนี้พอมองนางก็รู้สึกเหมือนกำลังมองเห็นผู้วิเศษนอกโลก อ่อไม่สิ เหมือนกับเซียนมากกว่า"มีคนที่ละเอียดรอบคอบไหนไหม ต้องมาคอยดูแลอยู่ข้างๆ เขา คอยจับตาดูสถานการณ์เขาตลอดเวลา""มีมีมี ภรรยาของพ่อครัวซุนเป็นคนละเอียดอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังเหมาะที่สุดด้วย ข้าให้คนไปตาสะใภ้ซุนเข้ามาแล้ว""ดี รอนางมาถึงแล้วบอกข้าหน่อย ข้ามีเรื่องที่ต้องระวังกำชับกับนาง""ใช่ๆๆ"เถ้าแก่ใหญ่ฟังคำนางโดยสัญชาตญาณ ในตอนนี้สิทธิ์อำนาจและแรงกล่อมที่ฟู่จาวหนิงแสดงออกมานั้นแกร่งมาก"เถ้าแก่ใหญ่ เถ้าแก่ใหญ่ แล้วเห็ดวิญญาณพวกนั้นจะทำอย่างไรดี?"มีพ่อครัวอีกคนถามขึ้นอย่างร้อนรนเห็ดวิญญาณ คือเห็ดที่มีเฉพาะในภูเขาบางลูกของต้าชื่อเท่านั้น เห็นชนิดนี้หายากมาก เติบโตก็ช้า ยิ่งไปกว่านั้นยังมีแค่ในช่วงเวลาสนี้ ผลผลิตน้อยถึงน้อยมาก หายากเอามากๆ ด้วยตอนนั้น นายท่านฮั่วของหออันดับหนึ่งใช้เห็ดชนิดนี้มาทำ
"เขาตอนนี้ต้องนอนบนเตียงเพื่อพักผ่อน ลุกขึ้นมาไม่ได้ ต่อให้ลุกมาได้ก็ยังทำงานไม่ได้""ใครให้หน้าเจ้ามากันเนี่ย? เห็นว่าตัวเองหน้าตาดูดีหน่อย เจ้าก็คิดว่าตัวเองมาขวางข้าได้แล้วหรือ? แค่แทงคนไปไม่กี่ที ก็คิดว่าตนเองเป็นหมอเทวดาแล้วหรือ?"โหวผิงเอินกำหมัดตั้งท่าจะฟาดไปทางนาง"โหวผิงเอิน!"องค์ชายสองก็ตาไวคว้าข้อมือเขาไว้พวกไป๋หู่ก็ตั้งท่าจะลงมือแล้ว"จะลงมือกับหญิงสาวคนหนึ่งได้อย่างไรกัน? จะว่าไป นางเองก็เป็นหมอใหญ่จริงๆ เจ้าไม่เห็นหรือว่าพ่อครัวซุนพูดออกมาได้แล้วเมื่อครู่?"องค์ชายสองขวางเตือนโหวผิงเอินไปด้วย มองฟู่จาวหนิงไปด้วยเขารู้สึกสนใจตัวฟู่จาวหนิงเสียแล้วทั้งๆ ที่รู้จักตัวตนฐานะของพวกเขาทางนี้ แต่ก็ยังเยือกเย็นอยู่ได้นางไม่ใช่คนต้าชื่อ แต่น่าจะไม่ใช่พวกองค์หญิงท่านหญิงอะไรด้วย เพราะตัวตนฐานะเช่นนี้ไม่น่าจะแอบหนีมาต้าชื่อเงียบๆ แล้วยังไม่เผยตัวตนฐานะของตัวเองออกมาอีกยิ่งไปกว่านั้น องค์ชายสองเองก็เชื่อมั่นว่าสายตาตนเองไม่พลาดคุณหนูราชวงศ์ บนตัวเองจะมีความหยิ่งทะนงอยู่บ้าง เป็นสิ่งที่เพาะบ่มมาตั้งแต่ยังเล็กแต่ฟู่จาวหนิงบนตัวไม่มีสิ่งเหล่านี้ แต่กลับมีความเชื่อมั่น
กระทั่งเถ้าแก่หออันดับหนึ่งก็ยังลิงโลดขึ้นมา"ผู้อาวุโสตู้ ได้โปรดช่วยด้วย..."เขายังพูดไม่จบ ผู้อาวุโสตู้ก็ยกมือขวาขึ้นทุกคนมองเห็นว่ามือขวาของเขามีสามนิ้วพันผ้าอยู่ ตกตะลึงไปทันที"ขอโทษด้วย ข้าหลายวันก่อนไม่ทันระวังทำมือโดนลวก จับมีดไม่ไหว" ผู้อาวุโสตู้บอกราวกับน้ำเย็นถังหนึ่ง ราดลงไปบนหัวเถ้าแก่ใหญ่เขาจะร้องไห้ออกมาแล้วจริงๆ"แต่ว่า ถ้าหากข้าฝานเห็ดวิญญาณให้พวกเจ้า แล้วมีประโยชน์อะไรกัน?" ผู้อาวุโสตู้กลอกตา"ไม่ใช่ว่าฝานไม่ได้หรอกหรือ?"เสิ่นเสวียนพูดต่อ "ถ้าหากฝานได้ ผู้อาวุโสตู้ยังช่วยปรุงได้ด้วย เห็ดเชียนเสวี่ยที่ทำออกมาไม่มีทางด้อยกว่าพ่อครัวซุนแน่ ถึงตอนนั้น คนที่ฝานเห็ดได้ครึ่งชั่ง ผู้อาวุโสที่ปรุงได้อีกครึ่งชั่ง อย่างนี้เป็นอย่างไร?"พวกเขาก่อนหน้านี้ไม่ได้จองเห็ดเชียนเสวี่ยไว้ แต่เสิ่นเสวียนเห็นฟู่จาวหนิงมาที่นี่ เช่นนั้นก็ต้องลองชิมเสียหน่อย โอกาสหาได้ยากมาก"ได้!"เถ้าแก่ใหญ่ตบลงโต๊ะ จากนั้นก็บอกกับคนอื่นว่า "แขกทุกท่าน ถึงตอนนั้นก็จะเหลือให้เจ้านายของพวกเราแค่ครึ่งชั่ง และเฉลี่ยให้กับทุกท่นาที่จองไว้อีกประมาณครึ่งชั่ง ปริมาณลดลงประมาณคำหนึ่ง เช่นนี้ได้ไหม?
ฟู่จาวหนิงมองเสิ่นเสวียน จากนั้นก็มองผู้อาวุโสตู้ พวกเขาล้วนพยักหน้าให้กำลังใจนาง"เช่นนั้นข้าจะลองดู""สนใจแค่นั้นพอ" ผู้อาวุโสตู้เอ่ยขึ้นคนตระกูลฮั่วยังกล้ามาหาเรื่องนางอีกที่ไหน? เขาในอดีตสามารถมอบอาหารจานนี้ให้คนตระกูลฮั่วไปเปิดหออันดับหนึ่ง จึงสามารถสนับสนุนให้อีกฝ่ายใช้คำว่าอันดับหนึ่งได้ถึงได้กำเริบเสิบสานได้ขนาดนี้ฟู่จาวหนิงพยักหน้า และไม่มีการอิดออดอีก ล้างมือหยิบมีด มือหนึ่งก็ล้วงเห็ดวิญญาณออกมาฝานทีละดอกคนข้างๆ หลายคนยังเห็นว่านางดูไม่ค่อยคุ้นมือหน่อยๆ ด้วยแต่ไม่รอให้คนอื่นต้องมาสงสัย การเคลื่อนไหวของนางก็เร็วขึ้นแล้วมีดเล็กเล่มนั้นรวดเร็วจนทำให้คนมองไม่ออกว่าฝานลงไปแล้วหรือไม่!เห็ดนี้ต้องฝานหลายต่อหลายครั้ง กระทั่งว่ามองแล้วก็เหมือนยังครบถ้วนสมบูรณ์ดี แต่พอแช่ลงไปในน้ำจะบานแผ่ออกมา ลอยเป็นกลีบใสๆ หลายกลีบ มองแล้วเหมือนดอกไม้บนหิมะดอกหนึ่ง เบาบาง ขาวสะอาด ให้ความรู้สึกอ่อนนุ่มฟู่จาวหนิงฝานไปหนึ่งดอก วางใส่ในอ่างหยกขาวอีกอ่าง เห็ดนั้นก็บานออกมาช้าๆ แผ่เป็นกลีบๆ สวยงามไร้ที่ติในของเถ้าแก่ใหญ่แทบจะกระโจนหลุดออกมา เขาเกือบจะอุทานส่งเสียง แต่ก็กลัวไปรบกวนฟู่จา
ทำไมต้องพูดให้สมจริงจขนาดนั้น?"จริงนะ ข้าลงมีดบนตัวคนได้ดียิ่งกว่าเสียอีก" ฟู่จาวหนิงมองเขาอย่างจริงจัง "เฉือนหนังก็ได้ หรือจะแยกเสื้อเลือดชีพจรออกจากเนื้อหนังก้ได้เหมือนกัน""โอ๊ก..."โหวผิงเอินถึงกับสำรอกแห้งๆ ออกมาพลังจินตนาการของเขาดีเกินไปแล้ว ถึงกับถูกไม่กี่คำง่ายๆ ของนางวาดภาพขึ้นโครงพวกนั้นออกมาได้พอคิดถึงภาพพวกนั้น ท้องไส้เขาก็ปั่นป่วนไปหมด"เจ้าเป็นผู้หญิงจริงไหมนั่น?" เขาถอยออกไปอีกก้าว"อืม ข้าเป็นแน่นอนสิ ดังนั้นวิชามีดของข้าถึงได้อ่อนโยน ท่านโหว ลองดูไหม?" บนหน้าฟู่จาวหนิงยังมีรอยยิ้มอีกด้วยท่าทีนางเช่นนี้ทำเอาโหวผิงเอินมองแล้วรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างผิดปกติตอนนี้ยังสนอีกที่ไหนว่านางสวยหรือไม่สวย "สาวงามอสรพิษ เจ้ามันสาวงามอสรพิษ! โหวอย่างข้าไม่รู้จักหญิงสาวชั่วร้ายอย่างเจ้า!"โหวผิงเอินหมุนตัวจะหนีหลังจากขึ้นหอเจ้าพวกเพื่อนหมาๆ ของเขาก็อดถามขึ้นไม่ได้ "ท่านโหว พวกเราปล่อยไปแบบนี้หรือ?""ไม่เช่นนั้นจะทำอย่างไร?" โหวผิงเอินสีหน้าขรึม "ที่สำคัญสุดก็คือ พวกเจ้าไม่เห็นหรือ องค์ชายสองต้องตานางไปแล้ว พวกเราจะไปแย่งคนจากองค์ชายสองก็ไม่ได้"คนอื่นพอได้ยินถึงองค์ชา
พวกของฟู่จาวหนิงเองก็อยู่ในห้องชั้นสูงห้องหนึ่งเสิ่นเสวียนพอปรากฏตัว เถ้าแก่ใหญ่ก็จัดเตรียมให้พวกเขาเถ้าแก่ใหญ่ยังยกเห็ดเชียนเสวี่ยสองจานเข้ามาให้ด้วยตนเอง เอ่ยขอบคุณและขอโทษกับฟู่จาวหนิงขึ้นมาพร้อมกัน"แม่นางฟู่ วันนี้ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ตอนแรกพอเห็นพวกท่านกับโหวผิงเอินปะทะกัน พวกเราก็ไม่ได้เข้าปกป้อง ต้องขอโทษท่านด้วยจริงๆ""เถ้าแก่ใหญ่น่าจะปกป้องไม่ไหวน่ะ เรื่องนี้ไม่โทษท่านหรอก""ไม่ๆๆ เดิมทีควรจะเข้าขวางโหวผิงเอินเอาไว้อย่างสุดกำลัง ทำให้แม่นางฟู่ต้องไม่ได้รับความเป็นธรรมไปจริงๆ"เถ้าแก่ใหญ่พูดพลางแอบมองไปทางเสิ่นเสวียน จากนั้นก็มองไปทางผู้อาวุโสตู้ ลูบเหงื่อที่หน้าผากด้วยสัญชาตญาณเสิ่นเสวียนเลิกหนังตา"เถ้าแก่ใหญ่น่าจะยังมีเรื่องอะไรพูดอีกกระมัง?""ท่านเสิ่น เรื่อง เรื่องนี้เดิมทีไม่ควรเผยออกมาจากข้า ท่านรู้ว่านายท่านฮั่วเป็นเจ้านายของข้า แต่ตอนนี้พอเห็นท่าน ถ้าไม่พูดขึ้นมาข้าก็รู้สึกไม่ได้จริงๆ"เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก้มหน้าไม่กล้ามองเสิ่นเสวียน "นายท่านก่อนหน้านี้แอบกำชับกับพวกข้าไว้ ห้องชั้นสูงนี้ปกติจะเก็บไว้เพื่อตระกูลเสิ่น แต่ แต่ถ้าหากเจอกับคนหรือว่าเรื่องอะไร จะ
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้