‘คบซ้อน หวังฟันสาวเก็บแต้มไปวันๆ คิดว่าคนอื่นโง่หลอกได้หลอกเอา นั่นมันเรียกสันดานชั่ว!’
รจนาด่าเรียงตัว พลางจ้องหน้าแฟนหนุ่ม ผิดหวังก็ใช่ แต่อีกใจก็ต้องนับว่าเธอคงทำบุญมาดีที่รู้เช่นเห็นชาติแฟนหนุ่ม โดยไม่พลาดท่าจนท้องป่องอีกคน แบบนั้นคงช้ำใจยิ่งกว่าเพราะสงสารลูกที่จะเกิดมามีพ่อแบบนี้
‘ต่อไปก็อย่าทำแบบนี้กับใครอีกแล้วกัน อ้อ...ในเมื่อเลิกกันแล้ว เงินที่นายยืมไปก็คืนมาด้วยแล้วกัน’
‘เงิน...เงินอะไรกันคะพี่จักร’ ใบเฟิร์นหันไปถามหน้าตื่น
‘นี่หล่อน ถ้ายังไม่รู้ ฉันจะบอกให้เอาบุญนะ ลำพังเงินเดือนอิพี่จักรของเธอน่ะ เดือนๆ หนึ่งมันยังชักหน้าไม่ถึงหลังเลย ไหนจะผ่อนรถ ไหนจะผ่อนคอนโด เอาเงินที่ไหนมาดาวน์ ลำพังกินข้าวด้วยกันมันยังเกี่ยงฉันจ่ายให้เลย บอกว่ายืมเดี๋ยวคืนอ้างเป็นแฟนกันอย่าคิดเรื่องหยุมหยิม แต่จนถึงตอนนี้มันก็ไม่คืนฉันสักบาท ตอนอยู่กับเธอถ้ามันเลี้ยงข้าวเธอนั่นถือว่าบุญหัวแล้วนะ’
ใบเฟิร์นหน้าเสีย จึงทำให้รจนารู้ว่าคำพูดเธอแทงใจดำอีกฝ่ายเข้าให้แล้ว
‘อะไรกัน กับเธอก็โดนเหรอ เฮ้อ...ไม่ไหวนะผู้ชายแบบนี้ หวังว่ามีลูกแล้วก็เปลี่ยนนิสัยหน่อยแล้วกันเนอะ ไม่ใช่เอะอะหาเรื่องเอาเปรียบแฟนแบบนี้มันไม่แมนว่ะ เรื่องค่ากินที่บอกยืมน่ะฉันไม่เอาก็ได้ถือว่าทำทานให้หมายังมากกว่านี้ แต่ค่าดาวน์รถดาวน์คอนโดที่ยืมไปฉันจะเอาคืนทุกบาททุกสตางค์พร้อมดอก’
‘โธ่...รจ เงินมากแบบนั้นพี่ไม่มีให้หรอก’
‘ไม่มี งั้นก็ขายๆ ไปซะสิทั้งรถและคอนโดแล้วก็ของฟุ่มเฟือยทั้งหลายน่ะ แล้วเอาเงินมาคืนฉันซะจะได้หมดเวรหมดกรรมกันไป สัญญากู้ยืมก็มีอยู่นี่ หรือจะให้แจ้งความ ฉันพร้อมนะ ตอนนี้ก็ได้’
จักรินเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ‘เออ! เดี๋ยวกูคืนให้ อีงกเอ๊ย!’
‘อย่ามาขึ้นกู ขึ้นอีกับฉันนะ ไอ้แมงดาเอ๊ย เกาะชายกระโปรงผู้หญิงกินไปวันๆ แล้วยังมีหน้ามาว่าผู้มีพระคุณอีก ไปลงนรกซะไป เงินน่ะรีบโอนคืนมา ฉันให้เวลาถึงพรุ่งนี้ ไม่คืนมีเรื่อง อยากลงสื่อไหนบอกได้ ฉันมีคอนเนคชั่นนักข่าวคุณภาพเพียบเลย ทุกสื่อทุกสำนักด้วยนะ อยากลงเจ้าไหนบอกได้ แต่บริษัทที่นายทำงานอยู่นี่สิอาจไม่ปลื้มนะ’
รจนายิ้มเย็น ทั้งๆ ที่หัวใจพังย่อยยับไปหมดแล้ว แค่เธอไม่ใช่คนเจ้าน้ำตาที่จะมาคร่ำครวญต่อหน้าใครก็เท่านั้น หญิงสาวจิกตามองคนทั้งสองอีกครั้งก่อนเชิดหน้าใส่
‘เดี๋ยวก่อนรจ อย่าเพิ่งไป...’ หญิงสาวถอนหายใจอย่างรำคาญ
‘เอาของเธอกลับไปด้วย’
‘ของ? ของอะไร’ จักรินไม่ตอบแต่เขาเดินเข้าไปในห้องชั่วครู่ก่อนเดินออกมาพร้อมกับของบางอย่างที่ทำให้หญิงสาวตาโต
กรงใส่หมาบีเกิ้ลถูกหิ้วมาวางตรงหน้า
‘หมาที่เธอให้ฉันเมื่อวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา เอากลับไปเลี้ยงเองเถอะ’
จะไม่เอาเพราะเกลียดเจ้าของ แต่พอมองดวงตาใสแจ๋วของเจ้าหูยาวในกรงที่ไม่มีความผิดก็อดใจอ่อนไม่ได้
แล้วกว่าจะรู้ตัวสุดท้ายทั้งคนทั้งหมาก็กลับมาพร้อมกันเสียแล้ว ทิ้งอดีตที่แสนเฮงซวยไว้เบื้องหลัง จารึกไว้ว่าภายในวันเดียวชีวิตของรจนาต้องเสียทั้งงานและความรักเพียงเพราะสันดานผู้ชายมักมากในกามไม่รู้จักพอสองคน
รจนาถอนหายใจทิ้งขว้าง หลังตกงานและอกหักเธอก็กลับมานอนมองเพดานโง่ๆ ที่อะพาร์ตเม้นต์อยู่เกือบสองสัปดาห์พร้อม ‘เจ้าเอริ’ หมาบีเกิ้ลหน้าตาซื่อบื้อที่จักรินคืนมาให้ดูต่างหน้า
ส่วนเงินที่จักรินยืมไป เธอไม่รู้ว่าเขาไปทำอิท่าไหน หรืออาจกลัวคำขู่ประจานของเธอจึงรีบหาเงินมาโอนกลับคืนให้ตามกำหนดครบทุกบาททุกสตางค์
ก็ยังดีที่อย่างน้อยเธอก็มีทุนไว้ต่อชีวิตในช่วงตกอับได้อีกหน่อย
จนกระทั่งวันที่สิบสี่ของการนอนตายประชดชีวิตบัดซบ ก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งที่ช่วยดึงสติเธอให้กลับคืนมา
จะใครอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่คนที่เปิดเพลงพระสังข์ทองปลุกเธอตอนนี้
‘นางสีดา’ ที่ไม่ใช่เมียพระราม แต่กลับมีสามีชื่อนายแผน หรือก็คือพ่อแม่บังเกิดเกล้าของเธอนี่เองที่โทรหาเธอเพราะความคิดถึงที่ลูกสาวไม่ยอมกลับไปเยี่ยมบ้านนานนับปี กับคำพูดเดียวที่ทำให้คนที่พยายามจะเข้มแข็งถึงกับพังทลายน้ำตาแตก
‘ถ้าอยู่ที่นั่นไม่ไหวก็กลับบ้านเรานะลูก พ่อกับแม่คิดถึงแกนะยัยรจ’
แล้วพอรู้ตัวอีกทีเธอก็เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า บอกเลิกเช่าอะพาร์ตเม้นต์เพราะไม่รู้จะได้กลับมาเมื่อไหร่ในเมื่อยังหางานใหม่ไม่ได้ และหิ้วกรงหมาขึ้นเครื่องบินกลับมาซบอกพ่อแม่ที่บ้านเสียแล้ว แม้จะล้มแต่ชีวิตก็ยังต้องเดินหน้าต่อ เธอตัดสินใจมาพักที่บ้านต่างจังหวัด เพื่อหาลู่ทางชีวิตใหม่
ก๊อกๆ“พี่รจ...ตื่นยัง”เสียงตะโกนหน้าห้องฉุดรจนาให้กลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง เสียงแปดหลอดของ ‘เมรี’ น้องสาวคนเดียวของเธอเคาะประตูโครมๆ จนน่ากลัวจะพังคามือ“ตื่นแล้วๆ ประตูไม่ได้ล็อก”พอขาดคำประตูก็เปิดผ่างออก คนมาใหม่คือสาวน้อยวัยใสหน้าตาหมดจดตามประสาสาวเหนือ ที่มีใบหน้าละม้ายรจนาส่วนหนึ่งแต่ผิวคล้ำกว่าพี่สาวเล็กน้อย“แม่ให้มาเรียกไปกินข้าว วันนี้มีแกงขนุน น้ำพริกอ่อง ผักลวก แล้วก็ผัดผักรวมมิตร ของโปรดพี่ทั้งนั้นเลยนะ หรือจะกินข้าวซอยน้ำเงี้ยวก็มีนะ แม่ทำไว้ให้พี่ตั้งแต่เช้ามืดแน่ะ”เมนูที่ว่ามาทำให้รจนาถึงกับน้ำลายสอ ถึงจะไปอยู่เมืองกรุงมาหลายปี แต่อาหารที่ซื้อเขากินหรือจะสู้รสมือแม่ของเธอได้“เดี๋ยวพี่ขอล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วจะรีบตามไป”“เร็วๆ ล่ะ” รจนาพยักหน้ารับ ก่อนหันไปจัดการตัวเอง สลัดความหลังมัวซัวออกจากหัวสมอง “สังข์ทองลูกแม่งามแท้พ่อคุณ...”เสียงเพลงไตเติ้ลละครจักร์ๆ วงศ์ๆ ยอดฮิตลอยลมมาทักทายรจนาพร้อมกลิ่นหอมๆ ของอาหารที่ได้นั่งล้อมวงกินกันพร้อมหน้าครอบครัว นี่คือวิถีประจำบ้านที่เธอห่างหายไปนานโข“อ้าว! เจ้ารจ มาๆ กินข้าวกันลูก” นายแผนหันไปกวักมือเรียกลูกสาวมาร่วมวง บ้
“เขาก็เม้าท์กันว่าที่พี่กลับมาอยู่บ้านเพราะท้องไม่มีพ่อน่ะสิ”“หา! ว่าไงนะ” คนโดนเม้าท์ตาโตเท่าไข่ห่าน โวยลั่น“จะบ้าเหรอ! เอาอะไรมาท้อง ผัวยังไม่มีซักคน นี่แฟนฉันก็เพิ่งเลิกกันไปก่อนกลับบ้าน...อุ๊บ!”รจนารีบปิดปากเมื่อเผลอหลุดคายความลับออกมา แต่กลับไม่รอดหูของผู้เป็นแม่และน้องสาวตัวแสบได้“ว่าไงนะ! แกเลิกกับแฟนแล้วเรอะ”อุตส่าห์เก็บงำเรื่องจักรินไว้ เพราะกลัวที่บ้านเป็นห่วง แต่ต้องมาหลุดปากเพราะความเผลอเรอ เมื่อรู้ว่าถึงปิดไปก็ไม่ได้ผลเธอเก็บความลับกับเขาได้เสียที่ไหน รจนาจึงถอนหายใจ“อืม...เลิกแล้ว ก็มันนอกใจไปทำผู้หญิงที่ทำงานท้องเลยเลิก”“ไอ้ชาติหมา!” คนที่นั่งนิ่งมานานสบถเสียงเหี้ยม“ใจเย็นพ่อ ใจเย็น หายใจเข้าลึกๆ นะ เดี๋ยวความดันขึ้น” เมรีรีบเข้าไปลูบหลังให้บิดา“ทำไมแกเพิ่งมาบอกพ่อกับแม่ล่ะยัยรจ แล้วนี่มันทำอะไรแกไปบ้าง ได้เสียกันหรือยัง”รจนาทำหน้าเมื่อย ก่อนส่ายหน้าไปมา“ยังไม่มีอะไรหรอกแม่ หนูทำตามที่แม่สอนให้รักนวลสงวนตัว แขนหนูยังไม่ให้จับเลย แต่ก็เพราะแบบนี้ไงไอ้หมอนั่นถึงหาเรื่องนอกใจหนูไปมีคนอื่น”“เฮ้อ...งั้นก็โล่งอกไปที ช่างหัวมันเถอะ ไอ้ผู้ชายเส็งเคร็งแบบนั้นดีแล้วที
สาวน้อยเข่นเขี้ยวอย่างโมโห ตั้งแต่พี่สาวหอบผ้าผ่อน พร้อมกรงหมากลับมาอยู่บ้านไม่ถึงอาทิตย์ นังเอริหมาบีเกิ้ลจอมซนก็คาบรองเท้าของคนทั้งบ้านไปแทะเรียบไม่เหลือหลอ บางทีก็คาบไปซ่อนให้ตามหาเป็นวันๆ ใช่แต่รองเท้า เสื้อผ้าที่ตากไว้ หรือข้าวของอะไรที่วางขวางหน้ามันก็คาบไปแทะเรียบ จนมาถึงคราวนี้สองพี่น้องก็เหลืออดสุดขีดเพราะเป็นรองเท้าคู่โปรดที่เหลือรอดคู่สุดท้ายแล้ว“นังหมาเวร! แอบดอดหนีออกไปซนที่ไหนอีกล่ะเนี่ย กลับมาจะตีให้ยับ หนอย กัดรองเท้าคู่โปรดฉัน ดูซิ แล้วนี่จะใส่อะไรไปล่ะ ขาดทุกคู่แล้วมั้งเนี่ย”รจนากุมขมับด้วยความโมโหจนน้ำตาแทบเล็ด“เอ๊ะ นั่นไงพี่ อิเละของพี่หรือเปล่าวิ่งแจ้นมานู่นแล้ว”เจ้าของหมาแสบรีบหันขวับ หรี่ตามองสิ่งมีชีวิตที่วิ่งปุเลงๆ สี่ขาหน้าตั้ง หมาน่ะใช่ แต่สีนี่สิ เจ้าหมาของเธอเป็นบีเกิ้ลพันธุ์แท้ หูยาวสวยมีสามสีคือส้ม ขาว และดำ หางมีแต้มดอกสีขาว แต่ไอ้เจ้าตัวที่กำลังวิ่งตรงมานั่นกลับมีสีเดียวคือสีโคลนน้ำครำดำมะเมี่ยม แถมในปากคาบอะไรบางอย่างมาด้วย“อี๋...อย่าเข้ามานะเอริ ไม่เอาไม่เล่น” รจนารีบถอยหนีเมื่อเห็นสภาพหมาตัวมอมที่วิ่งตรงเข้ามาหาเธอ ก่อนสะบัดขนพรึ่บพรั่บแบ่งปันค
“แล้วกัน เลยมอมทั้งคนทั้งหมาเลย รองเท้าก็ขาดหมดแล้ว เฮ้อ! นังหมาจอมแสบนี่” แม่ของสองสาวหันรีหันขวางหาไม้เรียว “รองเท้าที่บ้านมันก็กัดจนเกลี้ยงแทบไม่มีใส่กันแล้ว ยังจะไปขโมยรองเท้าชาวบ้านอีก นังเมรีไปเอาไม้เรียวมาที”“ไม้เรียวก็อยู่ในมือพี่รจนั่นไงแม่”“แล้วนี่จะทำยังไง พ่อสาธุเขาจะใส่อะไรล่ะนั่น”“เดี๋ยวหนูไปซื้อรองเท้าแตะที่ร้านป้าสายหยุดให้ก่อนก็ได้แม่ คุณรอที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา” ในฐานะเจ้าของหมา รจนาจะทำอะไรได้นอกจากรับผิดชอบแทน“คุณรู้ไซซ์ผมแล้วเหรอ”“หา! ไซซ์ ไซซ์อะไร” หญิงสาวงุนงง“อ้าว ก็คุณจะไปซื้อรองเท้าให้ผมน่ะ รู้ไซซ์เท้าผมแล้วหรือไง”“อ๋อ...งั้นคุณใส่ไซซ์อะไรล่ะคะ แล้วสีล่ะ เอาสีเดิมไหม” ปากพูดแต่ตามองสีรองเท้าที่เก่าคร่ำคร่าจนดูไม่ออกว่ามันเป็นสีอะไร“ว่าแต่สีเดิมของคุณนี่มันสีอะไร”เจ้าของรองเท้ากลั้นขำ เก๊กหน้าขรึมใส่แม่สาวแปลกหน้า“เดี๋ยวผมไปด้วยดีกว่า จะได้ลองใส่ด้วยว่าพอดีเท้าไหม”รจนามัวแต่มองหน้ามอมๆ ของคนพูด จึงไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าพ่อแม่และน้องสาวของเธอที่หันไปมองสบตากันอย่างแปลกใจ“โอเคค่ะ เอางั้นก็ได้ งั้นเดี๋ยวรจมานะแม่”“ใจคอจะไปกันทั้งแบบนั้นน่ะเรอะ มีหว
“โอ๊ะ! นั่นคุณจะทำอะไรน่ะ”“ก็อะไรไม่รู้มันแทงตรงท้องฉันเนี่ย เลยจะจับออก คุณก็ลุกซักทีสิ”“ก็บอกแล้วไงว่ายังลุกไม่ได้” ชายหนุ่มกัดฟันบอก“แล้วทำไมถึงลุกไม่ได้” หญิงสาวถามพลางสะดุ้งเฮือกเมื่อมือสัมผัสกับของร้อนที่แนบหน้าท้องตน “แล้วนี่มันมันอะไร คุณเอาอะไรมาแทงท้องฉันเนี่ย”“อยากรู้จริงเหรอ” รจนาชะงักกึก ก่อนมองหน้าคนพูดที่อยู่ในระยะประชิด หากแล้วโลกของเธอก็พลันหยุดหมุนไปชั่วขณะทันใดเมื่อกี้เพราะโคลนบดบังแต่ก็พอมองออกว่าโครงหน้าคงดีประมาณหนึ่ง แต่พอล้างโคลนออกไปถึงได้รู้ว่าทำไมพ่อหนุ่มเจ้าของไร่แห้วผู้นี้จึงเป็นขวัญใจสาวๆ ทั้งหมู่บ้าน คิ้ว ตา จมูก ปาก ได้รูปไปหมดราวกับผ่านมือช่างปั้นแม่เจ้าโว้ย! นี่มันเงาะป่าถอดรูปชัดๆ หล่อละมุนอะไรเบอร์นั้นล่ะพ่อคุ๊ณ นี่มันใช่คนเดียวกับมนุษย์โคลนเมื่อกี้เรอะ!“จ้องพอหรือยัง”“ยัง...เอ๊ย! ไหนใครจ้อง ฉันเปล่านะ...” พอถูกจับได้ก็รีบหันไปมองทางอื่น แต่ทว่าเห็นอะไรในมือตัวเองแวบๆ จึงยกขึ้นดูผ้าอะไรวะเปียกๆ นี่มันผ้าขาวม้านี่หว่า มาจากไหนล่ะถ้าไม่ใช่จากคนที่นอนใต้ร่างเธอตอนนี้ รจนาทำตาปริบๆ“นั่นคุณจะจับ...ถึงเมื่อไหร่”“จับ...จับอะไรล่ะ”“ก็มือคุณจับอะ
“เปล่า”“แล้วทำไมตัวสั่น”“ก็...ฮื้ย ช่างฉันเถอะ ยัยเมรีทำไมช้านักนะ” ฉันจะทนไม่ไหวแล้ว ขนลุกซู่ไปหมดแล้วเนี่ย หญิงสาวคิดต่อในใจ“คุณนี่ตลกดีนะ” คร้านจะต่อปากต่อคำ อีกฝ่ายก็ยังกวนไม่เลิก“ผมยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไร เมื่อกี้เห็นเมรีเรียกพี่รจๆ รจอะไรเหรอ”“รจนา” ตอบส่งๆ ไป“อ๋อ...รจนาที่เป็นเมียเจ้าเงาะน่ะเหรอ” ไหนใครว่าเขาจีบยาก พูดเป็นต่อยหอยแบบนี้มิน่าสาวถึงหลงคารมยังไม่ทันได้ต่อปาก สาวน้อยเมรีก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมผ้าขนหนูผืนใหม่ แต่ปัญหาคือจะนุ่งยังไงนี่สิ“เดี๋ยวผมจะคลุมตัวเราสองคนไว้ก่อน แล้วค่อยส่งสัญญาณให้คุณค่อยๆ ลุกไปนะ” ชายหนุ่มกระซิบบอกข้างหู ส่วนเธอก็ต้องหันไปสั่งให้น้องสาวออกไปก่อนสาธุคุณจัดการคลุมตัวเขาและเธอไว้ ก่อนกระซิบสั่งให้อีกฝ่ายค่อยๆ ลุกจากตัวเขา แล้วรีบพันผ้าเช็ดตัวอย่างรวดเร็ว“เอาล่ะเสร็จแล้ว” นั่นแหละรจนาจึงยอมระบายลมหายใจที่กลั้นไว้ออกมา ใจแอบหวิวเมื่อความอุ่นที่มือเคยสัมผัสหายไปเดี๋ยวนะไอ้รจ นั่นมันความรู้สึกอะไรของแกวะ เสียดายที่ไม่ได้จับงั้นเหรอ...ไอ้บ้า ไอ้หื่น พอเลยเลิกคิดหญิงสาวหลับตาปี๋รีบสะบัดหัวไปมาไล่ความคิดอกุศล“หัวคุณเป็นอะไรน่ะ”“เปล่าๆ งั
รจนาชักรู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจผิดก็อีตอนต้องนั่งคร่อมซ้อนท้ายเขานี่เอง หญิงสาวพยายามเว้นระยะห่าง แต่มือไม้เก้กังไม่รู้จะไปจับที่ไหน“กอดเอวผมไว้ก็ได้นะ ผมอาบน้ำแล้ว คุณนั่งซะห่างแบบนั้นเดี๋ยวก็หงายหลังตกรถหรอก”“ขับๆ ไปเถอะ คุณอย่าบ่นมาก” สาธุคุณส่ายหน้า แต่ดวงตาทอประกายเจ้าเล่ห์“ว้าย!” คนซ้อนแหกปากลั่น เมื่อจู่ๆ รถกระตุกจนเธอเกือบหงายเงิบ ต้องรีบสวมกอดเอวคนขับไว้กันตก หูแว่วได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากเจ้าของเอวสอบที่เธอกอดไว้ ก็นึกรู้ว่าจงใจ“นี่คุณแกล้งฉันเหรอ”“แกล้งที่ไหน ถนนมันขรุขระ อย่ามาโทษผมน่า”หญิงสาวขบเขี้ยวก่อนจิกหมับเข้าที่หน้าท้องที่อุดมด้วยมัดกล้าม จนเขาครางอู้อี้แต่แทนที่จะปัดออก เขากลับตะปบมือเธอไว้ไม่ให้ประทุษร้ายได้“ไงพ่อสาธุ พาสาวที่ไหนซ้อนท้ายมาล่ะวันนี้ แฟนเหรอ”“ครับแม่อุ้ย ลูกน้าสีดาน่ะครับ” แทนที่จะปฏิเสธว่าไม่ใช่แฟน เขากลับตอบรับหน้าตาเฉย รจนานึกเสียดายที่ไม่เห็นหน้าคนตอบ แต่หน้าเธอนี่สิร้อนผ่าวๆ ชัดเจนทีเดียว“นี่คุณ ทำไมไม่ปฏิเสธไปล่ะว่าเราไม่ได้เป็นแฟนกัน”“ขี้เกียจ” กวนโอ๊ยไปอีกนะพ่อ“เดี๋ยวเขาก็เอาไปลือกันผิดๆ ฉันเสียหายขายไม่ออกจะทำไง”“เอาน่า ถ้
รจนาเผลอรับนัดอย่างลืมตัวโดยไม่ทันสังเกตสายตาของคนรอบข้างที่มองมาที่เธอและเขาก่อนหันไปซุบซิบกันเองคิกคัก“คนอย่างนายสาธุพูดคำไหนคำนั้น ว่าแต่คุณเอาคู่ไหน”“ขอบสีฟ้าแล้วกัน”“งั้นเอาสีฟ้าสองคู่ครับป้า”“เดี๋ยวๆ ทำไมคุณต้องมาเลือกสีเหมือนฉันล่ะ คู่เก่าคุณนั่นสีน้ำตาลไม่ใช่เหรอ”“แหม ผมก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างอะไรบ้าง รองเท้าแตะขอบฟ้าแบบนี้ก็เท่ดีนะ ความหมายก็ดี เราจะพากันไปแตะขอบฟ้าไง”“อี๋...เสี่ยวมาก” รจนาหมดคำจะพูด ครั้นจะเปลี่ยนสีอื่น ก็ไม่มีไซซ์ที่เธอใส่ได้อีก“ซื้อเผื่อยัยเมรีอีกคู่แล้วกัน เอาสีฟ้ามีไหม”“หมดแล้ว มีแต่สีเขียวกับสีส้ม” รจนานิ่งคิดก่อนตัดสินใจเลือกสีส้มให้น้องสาวและรับรองเท้าแตะสีฟ้าที่เธอเลือกมาสวม“แหม เลือกรองเท้าสีเดียวกันเลยนะพ่อสาธุ” เจ้าของร้านอดแซวไม่ได้ แม้จะอดกลัวสกิลปากของลูกค้าสาวอยู่หน่อยๆ“งั้นป้าคิดตังค์ด้วยจ้ะ สามคู่เท่าไหร่จ๊ะ”“ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมจ่ายเอง”“ก็บอกแล้วไงว่าฉันจะรับผิดชอบเอง ฉันทำคุณเดือดร้อนก็ต้องรับผิดชอบสิ อยู่เฉยๆ ไปรอหน้าร้านเลยไป”“ครับ...” ชายหนุ่มแกล้งลากเสียงยียวน ก่อนจะยอมถอยออกไปรอตามคำสั่ง ท่ามกลางสายตากังขาหลายคู่“ก็ไหนว่า
“แหย่แบบนี้เดี๋ยวก็มีเฮหรอก” พูดจบก็เลยโดนสำเร็จโทษแบบคอมโบเซต รจนาประคองใบหน้าหล่อเหลาก่อนจูบที่หน้าผากเขา ไล่มาที่ดวงตาคมพราว ปลายจมูกโด่ง และแก้มทั้งสอง แต่พอถึงริมฝีปากเธอก็หยุดไว้แค่นั้น และกอดคอเขาไว้ พลางกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู“อยากกินมะม่วงน้ำปลาหวานจัง” ไม่กระซิบเปล่าแม่สาวจอมซนแอบงับที่ติ่งหูขาวๆ ของเขาจนอีกฝ่ายเผลอหลุดครางออกมา ก่อนที่จะดึงคนเกเรมานั่งลงบนตักและกอดไว้“พี่ไม่ใช่มะม่วง รจแทะเอาๆ แบบนี้รู้บ้างไหมว่ามันทรมานนะ”“ไหนจ๊ะ ทรมานตรงไหนกัน มาให้รจดูหน่อยซิ” มือซุกซนลูบไปตามแนวกระดูกไหปลาร้าเซ็กซี่เลยไปที่ลาดไหล่กว้างผึ่งผาย แม้จะสวมเสื้อยืดสีขาวแต่ก็เนื้อบางระบายอากาศ ทำให้เธอลวนลามเขาได้อย่างสะดวกโยธิน“ตรงนี้เหรอ...” มือนุ่มๆ ลากลงไปที่แผงอกล่ำเพราะทำงานใช้แรงหนักทุกวันจนเกิดกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ก่อนวนปลายนิ้วเรียวรอบๆ จุดปลายยอดอกที่ถูกมีผ้าบางๆ ขวางกั้น แต่กระนั้นก็ไม่ต่างจากการสัมผัสเนื้อแท้เลยแม้แต่น้อย“รจ...” สาธุคุณกัดฟันเรียก เมื่อถูกความรู้สึกบางอย่างโจมตีจนลมหายใจสะดุด หัวใจกระตุกตามแรงมือเธอเป็นระยะๆ“จ๋า...” เสียงหวานกระซิบ พลางย้ายมือไปคลึงปลายยอดอกอีกข
“อารมณ์ปลื้มแฟน ใครจะโชคดีเท่ารจนาคนนี้อีก มีแฟนเนื้อหอมระดับประเทศแถมรูปหล่อเสียด้วย”สาธุคุณยิ้มขำ พอสนิทเข้าหน่อยก็เผยความรั่วออกมารัวๆ แต่ก็ทำให้เขาเพลินดีไปอีกแบบ“อะไร พี่เนี่ยนะเนื้อหอม รจแอบมาดมตอนไหน” พอท้ามา เธอก็จัดการดมเนื้อแก้มเขาให้อีกสองฟอด“ดมตอนนี้ไง หอมจริงด้วย” สาธุคุณดึงคนปากดีเข้ามาขังไว้ในวงแขน“มาอ้อนแบบนี้ คิดจะป่วนพี่หรือไง” หญิงสาวหัวเราะคิก ก่อนควักมือถือออกมาแล้วยื่นให้เขาดู“ใครกันแน่ที่โดนป่วน ดูสิ ทั้งเฟซ ติ๊กต๊อก ไอจี ทวิตเตอร์ ยูทูปเขากำลังคลั่งรักพ่อสังข์ทองแฟนของรจนากันแค่ไหน นี่รายการโหนกระแสเขาโทรมาชวนพี่ไปสัมภาษณ์กับพี่หนุ่มกรรชัยหรือยัง ถ้าพี่จะไปอย่าลืมพารจไปด้วยนะ รจเป็นแฟนคลับพี่เขา จะไปเซลฟี่ด้วย”สาธุคุณดึงปลายจมูกคนช่างเจรจาอย่างมันเขี้ยว พลางหันไปมองคลิปของตน ก่อนที่จะสะดุดตาเมื่อเห็นแคปชั่นใต้ภาพ“พี่เคยเป็นพระเอกละครทำไมไม่เห็นเล่าให้รจฟังบ้างล่ะ”“ก็แค่เคยเป็น เรื่องในอดีตผ่านมาตั้งหลายปีแล้วน่ะ นี่พี่ก็เกือบลืมแล้วด้วยซ้ำ รจแคร์ด้วยเหรอ หรือว่าแอนตี้”“แอนตี้ทำไม มีแฟนเป็นถึงระดับพระเอกไม่ดีตรงไหน อ้อ...ไม่สิ ไม่ดี...ไม่ดีตรงที่มีสาวๆ
“เอะอะอะไรแต่เช้าอีกล่ะยัยตัวแสบ”“มาดูๆ คลิปนี่เร็วๆ” รจนาส่ายหน้าแต่ก็ยอมเบนเท้าไปหาคนเรียก“คลิปอะไรอีกล่ะ”“นี่ไง พี่สาธุดังใหญ่แล้วเนี่ย” ชื่อนั้นทำให้หญิงสาวหูผึ่ง รีบจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ของน้องสาวทันทีเป็นคลิปตอนที่สาธุคุณขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีตลาดถนนคนเดินกับเธอวันนั้นนั่นเอง“อดีตพระเอกหนุ่มชื่อดังสาธุคุณ โชษฐ์วรการ หวนคืนเวที อีกครั้งหลังหายหน้าไปกว่าห้าปี ความหล่อละมุนกับเสียงหวานๆ ของหนุ่มคนนี้ทำให้สาวๆ ถึงกับใจละลาย อยากได้คนสึ่งตึงรูปหล่อเป็นแฟนทั้งประเทศ!”“อดีตพระเอกหนุ่มชื่อดังเหรอ” ทั้งสี่เงยหน้าขึ้นมองสบตากัน เมรีนักสืบโซเชียลตัวแม่รีบพิมพ์เสิร์จชื่อเขาในกูเกิ้ลก่อนเอะอะ“ใช่จริงด้วยนี่ไงๆ พี่สาธุเคยเป็นพระเอกละครจักรๆ วงศ์ๆ เรื่องสังข์ทองเมื่อห้าปีก่อนจริงๆ ด้วย”ก็รู้ว่าเจ้าของไร่หนุ่มนั้นรูปหล่อ แต่ใครจะคิดว่าเขาจะหล่อถึงขั้นได้รับบทพระเอก ถึงจะเป็นพระเอกละครพื้นบ้านก็เถอะ แหม เข้าใจเลือกบทนะ พระสังข์งั้นเหรอ เข้าคู่กับนางรจนาอย่างเธอไปอีก“ถึงว่าสิ แม่ก็คิดๆ อยู่ว่าหน้าคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน ที่แท้ก็เป็นพระสังข์ในทีวีคนนั้นนี่เอง แต่ตอนนั้นพ่อสาธุเขา
สาธุคุณหัวเราะออกมาอย่างสุดกลั้น พลางยื่นมือมายีจมูกคนช่างพูดอย่างเอ็นดู คนงานที่กำลังเก็บผักเงยหน้ามองเจ้านายหนุ่มอย่างแปลกใจ ก็ร้อยวันพันปีเห็นแต่หน้าขรึมๆ เอาจริงเอาจัง ผิดกับวันนี้ขยันยิ้มขยันพูดขยันอ้อนสาว หากแฟนคลับทั้งหมู่บ้านรู้เข้ามีหวังชักกระแด๋วๆ ด้วยความอิจฉาตายกว่าที่ทัวร์ชมไร่แบบวีไอพีจะเสร็จก็คล้อยบ่าย ตะกร้าหน้ารถจักรยานก็มีพืชผักผลไม้สดๆ เก็บจากต้นที่ผ่านทางไหนก็รับส่วยเขามาจนเต็มพื้นที่ตะกร้า คนปั่นจักรยานก็ไม่มีทีท่าจะบ่นสักคำว่าเหนื่อย แอบเห็นหยาดเหงื่อที่เกาะบนใบหน้าหล่อคมคายนั่น รจนาจึงอดไม่ได้“พี่จะพักหน่อยไหม ปั่นจักรยานพารจเที่ยวทั้งวันแบบนี้ไม่เหนื่อยเหรอ”สาธุคุณก้มมองคนพูดด้วยรอยยิ้ม “เหนื่อยสิ คนนะไม่ใช่เครื่องจักร แต่พี่อยากให้รจเห็นสิ่งที่พี่ทำ วันนี้ที่เห็นน่ะยังไม่ถึงครึ่งของไร่เลยนะ นี่ยังเหลือไร่แห้ว ไร่สับปะรด ไร่ระกำ ลิ้นจี่ แล้วก็สวนดอกไม้อีกตั้งเยอะ แล้วรจล่ะเหนื่อยหรือยัง”“เหนื่อยสิถามได้ เขินจนเหนื่อยจะตายแล้วเนี่ย พี่เล่นแนะนำรจกับคนทั้งไร่ จนรจเขินวางหน้าไม่ถูกแล้วเนี่ย”“งั้นก็จงเหนื่อยต่อไป เพราะพี่ชอบเห็นรจเขิน เขินทีแก้มแดงทีน่ารักจะตา
“รจส่งรูปให้พี่แล้วนะ” เอ่ยโดยไม่ยอมสบตาเขา ก่อนฉุกใจคิดได้ “เอ๊ะ! เมื่อกี้พี่หลอกให้รจแอดไลน์พี่นี่นา คนเจ้าเล่ห์!”สาธุคุณหัวเราะลั่นเมื่อถูกจับได้ “ไม่ดีเหรอ เรามีไลน์กันไว้ คิดถึงกันก็จะได้ส่งไลน์หาไง นั่นเบอร์โทรส่วนตัวพี่ มีอะไรรจโทรหาได้ตลอดนะ”อืม...เย็นไว้ไอ้รจ แค่แอดไลน์เท่านั้น เขายังไม่ได้ขอแกเป็นเมียโว้ย จะเขินอะไรเบอร์นี้เนี่ย กำลังนับหนึ่งถึงสิบในใจ หางตาก็ดันเหลือบไปเห็นชื่อที่เขาพิมพ์หน้าจอมือถือเสียก่อน‘ว่าที่เมีย’ตายๆ ตายทั้งๆ ที่หายใจนี่แหละ อะไรจะน่ารักขนาดนี้วะเนี่ย ไม่ไหวจะเขินแล้วนะแม้จะต้องทนต่อความเขินไปตลอดทาง แต่การทัวร์บ้านไร่กับหนุ่มเจ้าของไร่แห้วก็ทำให้รจนาเพลิดเพลินจนลืมเบื่อ จากตอนแรกที่เธอคิดว่าเขาอาจจะทำไร่เหมือนๆ คนทั่วไป หรือไม่ก็แค่ทำไร่เล่นๆ โก้ๆ เท่านั้น เลยเปลี่ยนความคิดใหม่แต่พอได้ยินสิ่งที่เขาอธิบายให้ฟัง หรือสิ่งที่เขาทดลองผิดลองถูกมากับมือจนได้เทคนิคใหม่ๆ ก็ทำให้เธอเชื่อว่าอีกฝ่ายรู้จริง และรู้ลึก จากที่ชื่นชม จึงกลายเป็นชักจะเลื่อมใสศรัทธา และนับถือในความทรหดอดทนของผู้ชายตรงหน้า ที่ใช้หนึ่งสมองสองมือพลิกฟื้นจากที่นาเป็นไร่สวนผสมที่สวยง
“มานี่สิ เดี๋ยวพี่พับแขนเสื้อให้ หลวมไปหน่อยก็ดีกว่าตากแดดตัวดำเป็นถ่านนะ” รจนาเอียงคอมองผิวขาวของเขา ชาวไร่อะไรวะ ทำไมผิวไม่เห็นคล้ำดำด่างเลย“นี่พี่ใช้ครีมกันแดดยี่ห้ออะไรน่ะ ทำงานไร่แต่ทำไมยังขาวได้ขนาดนี้”สาธุคุณเงยหน้ามองคนถามอย่างนึกขำ“เปล่าหรอก พี่ก็ไม่ได้ทาครีมอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็มีใช้ครีมธรรมดาๆ ที่มีขายทั่วๆ ไปเท่านั้น” รจนาได้แต่มองเขาพูดจนเพลิน เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคนดูแลตัวเองก็นึกชื่นชม ใบหน้าหล่อเหลาวันนี้เหมือนเพิ่งโกนหนวดมาจึงดูเกลี้ยงเกลาสะอาดน่ามอง ยิ่งทำให้หัวใจสาวโสดชักเกเร“เสร็จแล้ว อ๊ะ!”สาธุคุณถึงกับชะงักเมื่อจู่ๆ หญิงสาวตรงหน้าก็เขย่งปลายเท้าขึ้นจูบที่ปลายคางของเขาเบาๆ โดยไม่ทันให้ตั้งตัว“ขอบคุณนะจ๊ะพี่สาจ๋า” รจนายิ้มหวานใส่ดวงตาคมๆ วาวๆ ที่มองมา “ทำไมล่ะ นึกว่าพี่ชอบให้รจลวนลามซะอีก นี่รจไม่ได้ขัดคำสอนแม่สักนิดนะ เป็นผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัวอย่าให้ผู้ชายเขาถึงตัวหรือลวนลามเอาง่ายๆ ก็นี่ไงพี่ไม่ได้ลวนลามรจ แต่รจต่างหากจะลวนลามพี่เอง ฉะนั้นรจไม่ผิด”สาธุคุณฟังคำพูดเกเรแต่น่ารักของอีกฝ่ายแล้วหลุดขำอีกรอบ ตั้งแต่เกิดมาก็มีครั้งนี้แหละที่เขาถูกผู้หญิงลวนลามแล้วมีห
“พี่ว่าจะไปดูโรงเรือนปลูกผักสลัดเสียหน่อยเห็นลุงบุญบอกว่ากำลังงาม อีกไม่นานคงเก็บขายได้ รจอยากไปดูด้วยกันไหมล่ะ” เจ้าของไร่ชวน“หืม...รจไปได้เหรอ จะไปเกะกะพี่ทำงานหรือเปล่า”“ทำไมจะไม่ได้ รจเป็นแฟนพี่ ทำไมจะไปดูผลงานแฟนตัวเองไม่ได้ล่ะ แล้วถ้าเราได้แต่งงานกันรจก็คือเมียเจ้าของไร่ เรียนรู้งานไว้บ้างแต่เนิ่นๆ สักหน่อยก็ดี ต่อไปจะได้คอยเป็นหูเป็นตาแทนพี่ได้”“โอย...หวานได้อีกแฟนฉัน” รจนาบ่นอุบอิบเขินๆ ก่อนเสตักผัดผักเข้าปากแก้เกี้ยวพลางรู้สึกว่ารสชาติผัดผักวันนี้ชักจะหวานเกินเบอร์ หัวใจเจ้ากรรมเต้นแรงไม่หยุด ก่อนที่จะนึกขึ้นได้เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่เขาสวม“จริงสิ! งั้นเดี๋ยวรจไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อนแล้วกัน ขืนไปชุดนี้ ขากลับแม่จะตกใจคิดว่านั่นลูกหรือถ่าน”สาธุคุณหลุดขำพรืด “ไม่ต้องหรอก ถ้ารจไม่รังเกียจจะใส่เสื้อคลุมกับหมวกของพี่ไปก่อนก็ได้”“เอางั้นก็ได้จ้ะ” หญิงสาวไม่ใช่คนเรื่องมากจึงตอบรับไป ทั้งๆ ที่ปกติรจนาจะค่อนข้างถือสาไม่ชอบยืมเสื้อผ้าใครใส่ถ้าไม่จำเป็นก็เหอะ“งั้นรจรอพี่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวพี่เก็บจานกับปิ่นโตไปล้างเสร็จแล้วจะไปหยิบมาให้”“อุ๊ย! เดี๋ยวรจล้างให้เองพี่ เดี๋ยวแม่รู้จ
“พอๆ เด็กบ้านี่! พูดจาน่าเกลียด ใครมาได้ยินเข้าจะหาว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน แล้วนี่เมื่อไหร่จะเสด็จยะ เดี๋ยวกับข้าวพี่เขาก็เย็นหมด ไม่อร่อยหรอก”“ไปแล้วจ้า ไหนล่ะจ๊ะปิ่นโตของพ่อลูกเขยคนโปรด”นางสีดาส่งปิ่นโตให้ พลางค้อนลูกสาวควับๆ ตามองตามหลังลูกสาวคนโต ลึกๆ นางก็แอบคิดหากรจนาได้ลูกเขยดีๆ แบบสาธุคุณมาเป็นคู่ชีวิต คนเป็นพ่อแม่คงสบายใจนอนตายตาหลับหายห่วงสักที“โฮ่งๆ!” ทันทีที่รถจักรยานของรจนาเลี้ยวเข้าสู่หน้ากระท่อมกลางไร่ลำไย ก็มีเสียงเห่าต้อนรับ หญิงสาวหันไปมองเจ้าหมาที่เธอตามหาซึ่งนอนหมอบข้างๆ เจ้าหมาพันธ์ทางสีดำเมี่ยมอย่างคาดโทษ“หนอย...ติดผู้ชายบ้านช่องไม่ยอมกลับเลยนะแก เจ้าเอริ”“โฮ่ง!”“พูดยังจะมาเถียงอีก ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว ถ้าเกิดท้องขึ้นมาจะทำยังไง...”“ก็เลี้ยงสิ ไม่เห็นยาก” คราวนี้ไม่ใช่หมา แต่เป็นเสียงคนที่กำลังยืนมองลงมาจากระเบียงบ้านด้วยสีหน้ายิ้มๆ“เกิดมีสักสิบตัวล่ะ พี่จะเลี้ยงไหวเหรอ”“ไม่ไหวรจก็ช่วยเลี้ยงสิ ซ้อมมือไว้ก่อนจะเป็นไรไป อีกหน่อยพอเรามีเองบ้างจะได้ช่วยกันเลี้ยงคล่องๆ ไง”หญิงสาวตวัดค้อนใส่คนหน้ามึนเบาๆ ก่อนที่จะจอดรถจักรยาน และหันไปหยิบปิ่นโตออกมา“แหม จะข้า
“สนสิ แต่ถ้ารจทำพี่หมดตัวอย่ามาบ่นแล้วกัน”“หมดก็หาใหม่”“ที่พูดน่ะหมายถึงเงินหรือคนช่วยใช้เงิน”“ความสุขต่างหาก เงินหมดจะหาเมื่อไหร่ก็ได้ถ้ามีหนึ่งสมองกับสองมือซะอย่าง พี่ไม่เคยกลัวความลำบาก”ทำไมหล่อจังวะ หล่อทั้งหน้าหล่อทั้งความคิด “แล้วรจล่ะ มีแฟนเป็นชาวไร่ชาวสวนแบบพี่ กลัวไหม”“กลัวสิ! แต่กลัวพวกสาวๆ คนอื่นมารุมจีบแฟนรจต่างหาก ตั้งแต่มานี่เจอกี่รายแล้วล่ะ ทั้งลูกสาวเจ้าของร้านชำ ทั้งลูกสาวกำนัน ไหนจะคุณครูมัธยมคนสวย เฮ้อ...ไม่ไหวจะเคลียร์ นี่ยังมีใครอีกไหม บอกมาให้หมดทีเดียว รจจะได้เตรียมใจ”สาธุคุณยิ้มขำคนช่างแขวะ หากอีกใจรู้สึกดีที่ได้ยินเธอเรียกเขาว่าแฟนเต็มปาก“ไม่รู้สิไม่ได้สนใจใคร ตอนนี้พี่สนใจแต่แฟนพี่คนเดียว”บึ้ม! ตายสงบศพหาไม่เจอเลยทีนี้...“หูย...ปากหวาน”“อยากชิมอีกเมื่อไหร่ก็บอกได้ โปรที่ให้ไปก็มีแล้วนี่ จะใช้วันนี้เลยไหม บอกแล้วว่าพี่จะไม่ขัดขืน ยอมตามใจรจทุกอย่าง” ไม่พูดเปล่าดวงตาคนพูดยังทอประกายระยิบระยับเสียด้วยไม่ไหวๆ ยิ่งพูดก็ยิ่งเข้าตัวไปเรื่อยๆ หยอดเป็นขนมครกแบบนี้เธอจะรับมือยังไงไหว“เอ๊ะ! ทางนั้นมีร้านรองเท้าด้วย เราไปดูกันไหม จะได้ซื้อคู่ใหม่แทนคู่ที่เจ้