“ขออีกชิ้นสิ อร่อยดี” คร้านจะต่อปาก หญิงสาวเลยยัดขนมทั้งถุงใส่มือเขาไปจบๆ
“อันนี้เขาเรียกขนมอะไรเหรอ” ถามพลางมือก็จกขนมในถุงกระดาษใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ โดยไม่เห็นประกายตาของหญิงสาวข้างกายที่วาววับอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนตอบ
“ขี้หมา!”
“พรวด! ถุ๊ย! แค่กๆ ขนมอะไรนะ” รจนามองใบหน้าเหวอๆ ของเขาแล้วหัวเราะออกมาอย่างสุดกลั้น จนอีกฝ่ายหมั่นไส้เลยยัดขนมในมือใส่ปากเธอเสียเลย
“อะ ทีนี้เราก็กินขี้หมาทั้งคู่” สาธุคุณหัวเราะกลับ โดยไม่รู้ว่ารอยยิ้มที่มีลักยิ้มข้างแก้มของเขาทำให้สาวๆ ในร้านถึงกับกุมอก ตาปรอย พร้อมกับนึกสงสัยว่าหญิงสาวที่อยู่ข้างกายเขาเป็นใคร
“คนบ้า ยัดมาได้ ดีนะฉันไม่ติดคอตาย แค่กๆ”
“ก็ใครละเริ่มก่อน เอาขี้หมามาให้ผมกินเนี่ย”
“ใช่ขี้หมาที่ไหน ขนมนั่นน่ะ ชื่อขนมขี้หมาต่างหาก!” รจนาค้อนตากลับ ก่อนจะยอมเฉลย “มันไม่ได้ทำจากขี้หมาจริงๆ แต่ทำจากงาม่อนกวนกับน้ำตาลอ้อยเหนียวๆ มาปั้นเป็นก้อนหน้าตามันคล้ายขี้หมา เขาก็เลยเรียกขนมขี้หมา”
สาธุคุณมองริมฝีปากของเธอเพลิน ก่อนเอื้อมมือไปใกล้จนเจ้าตัวชะงัก
“อะไร จะตบปากฉันหรือไง”
“ใช่ที่ไหนล่ะ เศษขนมมันเลอะปากคุณ ผมจะเช็ดออกให้ต่างหาก” รจนาตัวแข็งทื่อเมื่อริมฝีปากถูกมืออุ่นๆ สัมผัสลูบไล้ หัวใจเจ้ากรรมเต้นโครมคราม
“คุณนี่กินเหมือนเด็กจริงๆ ดูสิเลอะหมด” มือก็เช็ดปากก็บ่นด้วยเสียงนุ่มๆ น่าฟังไปพลาง
“อร้าย...อ้ายสาธุน่าฮักขนาด แม่หญิงคนนั้นไผ สูฮู้จักก่อ แฟนเปิ้นกา เป็นดีขอยเปิ้นเนอะ” **
(**พี่สาธุน่ารักจัง ผู้หญิงคนนั้นใครกัน เธอรู้จักไหม แฟนเขาเหรอ น่าอิจฉาเขาจัง)
คำนินทาในระยะเผาขนนั่นทำเอารจนาแอบเขินจนทำหน้าไม่ถูก
“พอแล้วคุณ รีบกลับกันดีกว่า กลับช้าเดี๋ยวแม่ด่า” สาธุคุณมองใบหน้าสวยใสที่แต้มสีชมพูระเรื่อก็นึกรู้ เขาจึงรับขนมจากมือเธอไปแขวนที่แฮนด์หน้ารถ
“ฉันถือเองก็ได้ของนิดเดียวเอง”
“แขวนหน้ารถนี่แหละ ไม่งั้นคุณจะกอดเอวผมยังไง”
คราวนี้รจนาถึงขั้นได้กลิ่นไหม้โชยมา อะไรน่ะเหรอ ก็หน้าเธอนี่ไงที่ร้อนจนแทบลุกไหม้แล้ว
อีตาบ้านี่คิดจะมาโปรยเสน่ห์กันหรือไงนะ แล้วไอ้หัวใจบ้านี่จะเต้นแรงทำไมเนี่ย!
รจนานั่งไถหน้าจอโทรศัพท์มือถือดูนั่นดูนี่เรื่อยเปื่อย เธอเพิ่งติดตั้งสัญญาณไวไฟอินเตอร์เนตแบบจ่ายรายเดือนในบ้าน เพื่อจะได้ใช้หางานและหาอะไรทำแก้เบื่อไปวันๆ งานที่ยื่นใบสมัครออนไลน์ไปก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีบริษัทไหนเรียกตัวสักที
ครั้นจะหางานแถวบ้านทำ ก็ไม่ง่ายอีก แม้จะมีเงินเดือนกับวุฒิและประสบการณ์ทำงานโชกโชน แถมแต่ละที่ก็ให้เงินเดือนน้อยต่างจากที่เธอเคยได้จนน่าใจหาย ไม่ใช่ว่าจะดูถูกเงินหรอกนะ แต่มันก็อดไม่ได้เมื่อคิดว่ามันช่างไม่คุ้มกับความสามารถที่เธอมีเอาเสียเลย
จากคนบ้างานที่ต้องทำงานพบปะผู้คนและสื่อต่างๆ แทบทุกวัน เลยกลายมาเป็นคนว่างงาน วันๆ อยู่แต่บ้านเพราะไม่รู้จะไปไหน ในขณะที่คนอื่นๆ เขามีสิ่งที่ต้องทำ หรือออกจากบ้านไปเรียนไปทำงานทุกวัน
แรกๆ มันก็ชอบอยู่หรอกที่ไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นเช้าไปแย่งรถไฟฟ้าหรือรถเมล์ไปทำงานตั้งแต่ไก่โห่ เห่อนู่นนี่สารพัดตามประสาคนที่ไม่ได้กลับมาอยู่บ้านเกิดนานๆ
แต่สังคมในต่างจังหวัดมันก็ไม่ได้กว้างเหมือนกรุงเทพที่มีที่ให้ไปมากมาย เบื่อๆ ก็เดินห้างช็อปปิ้งดูหนัง แต่ที่นี่ดันไม่มีห้างหรือโรงหนัง ถ้าอยากดูก็ต้องนั่งรถเข้าไปในตัวเมืองนู่น อย่าพูดถึงแหล่งอบายจำพวกเธค ผับ บาร์ หรือว่าร้านอาหาร ร้านเหล้าเก๋ๆ ที่ให้ไปนั่งชิลล์ๆ ฟังเพลงเพลินๆ อย่างที่เธอมักถูกเพื่อนชวนไปแฮงค์เอาท์สุดสัปดาห์ บ้านเธอนี่พอสองทุ่มก็เงียบฉี่เหมือนเมืองร้าง ต่างคนต่างอยู่บ้านใครบ้านมันแล้ว
เอาเป็นว่านอกจากร้านของชำ ตลาดประจำหมู่บ้านที่มีอยู่ถึงสามแห่ง อ้อ! มีร้านสะดวกซื้อแบบมินิมาร์ทที่เพิ่งมาเปิดใหม่ใกล้ตลาดได้ไม่นานอีกแห่ง เท่านี้ก็พอจะทำให้ชีวิตอดีตพีอาร์สาวชาวกรุงเหี่ยวเฉาเหงาหงอย
แต่ในขณะที่เธอยังไม่ชินกับความเหงาที่ว่า กลับมีเพื่อนร่วมชะตาที่ปรับตัวได้เก่งกว่าชนิดที่เธอเทียบไม่ติด นั่นก็คือ ‘เจ้าเอริ’ หมาบีเกิ้ลตัวป่วน ที่มาไม่ทันไรก็ปรับตัวจากหมาหูยาวสายพันธุ์นอก แปลงร่างกลายมาเป็นหมาบ้านนอกได้อย่างเต็มภาคภูมินอกจากจะหาเรื่องทำลายข้าวของให้แม่ด่ารายวัน แถมบางวันที่ลืมปิดประตูรั้วมันก็ชอบแอบหนีเที่ยวกับแก๊งส์เพื่อนตูบแถวบ้าน ไปนอนแช่โคลนคลุกฝุ่นมอมแมมกลับมาให้เธอปวดหัวตอนนี้แม่ของเธอบอกว่ามันเริ่มไม่แลอาหารเม็ดยี่ห้อดังที่รจนาซื้อมาตุนไว้ให้เสียแล้ว แต่กลับนั่งจ้องแคบหมู ไส้อั่วที่แม่ชอบหิ้วกลับมาจากตลาด แค่ได้กลิ่นก็จะเข้ามาอ้อนขอกินอยู่ประจำ ไม่ให้ก็จะนั่งทำตาปริบๆ ออเซาะอยู่แบบนั้นจนแม่ใจอ่อนก็ต้องหยิบยื่นให้กินตามประสาคนรักสัตว์พอนึกถึงเจ้าตัวยุ่ง รจนาก็ชะโงกมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นว่าประตูรั้วเปิดแง้มไร้เงาเจ้าตัวแสบสี่ขา“หายไปไหนอีกแล้วล่ะ”หญิงสาวถอนหายใจ วันนี้เธออยู่บ้านคนเดียวเสียด้วย พ่อกับแม่ไปช่วยงานที่วัดเพราะอีกมะรืนจะมีงานบุญใหญ่ประจำปี ทางวัดเลยขอแรงชาวบ้านไปช่วยทำความสะอาด และจัดสถานที่ ส่วนเมรีน้องสาวเธอก็ไปโรงเรียนกว่าจะกลับก็เย็นๆ นู
หญิงสาวบ่นในใจ พลางเข็นรถจักรยานไปจอดไว้ข้างต้นลั่นทมหน้าบ้านที่กำลังออกดอกสะพรั่ง พลางนึกเหน็บเจ้าของไร่เอาเข้าไปๆ นอกจากจะปลูกแห้ว ระกำ ลำไยแล้วเขายังอุตส่าห์มีต้นลั่นทมไว้หน้าบ้านอีก ชีวิตจะชอกช้ำรันทดไปไหนล่ะพ่อบรรยากาศรอบตัวบ้านเงียบเชียบราวกับไม่มีคนอยู่ เจ้าของบ้านคงเข้าไปทำงานในไร่ล่ะสิ อย่ากระนั้นเลยรีบหาเจ้าตัวแสบแล้วรีบเผ่นกลับก่อนที่เจ้าของไร่จะมาเจอว่าเธอแอบบุกบ้านเขาดีกว่าแต่ทว่า...“นั่นใคร!” เสียงห้าวดุตะโกนออกมาจากในบ้านทำเอาผู้บุกรุกสาวสะดุ้งโหยง หันขวับไปมองทางต้นเสียงก็เห็นเป็นชายหนุ่มร่างสูงที่เดินออกมาจากในกระท่อมทรงแปลกตาแต่สวยน่าอยู่นั่น ในสภาพที่เรียกว่า...ล่อตาล่อใจสายหื่นไม่หยอก“อ้าว! คุณรจนาเมียเจ้าเงาะนั่นเอง มาหาผมถึงกระท่อมมีอะไรเหรอ หรือว่าคิดถึง...”รจนาค้อนคนปากดีจนหน้าคว่ำ โดยพยายามไม่มองแผงอกเปลือยเปล่าที่ทั้งขาว ทั้งล่ำแถมยังอุดมมัดกล้ามเซ็กซี่ที่มีหยดน้ำเกาะพราวบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวคงเพิ่งอาบน้ำมา น่าเสียดาย เอ๊ย! ต้องบอกว่ายังดีที่ด้านล่างยังมีผ้าขาวม้าพันรอบเอวหาไม่เธอคงได้เป็นตากุ้งยิงแล้วนี่ทำไมเธอต้องมาเจอเขาในสภาพนี้ตลอดเลยล่ะเนี่ย คราวก่
“หึ งั้นคุณก็รีบไปแจ้งเร็วๆ เถอะ ถ้าเขารับแจ้งก็มาบอกผมด้วยนะ ผมจะได้ไปแจ้งบ้าง ข้อหาที่หมาคุณบุกรุกเข้ามาข่มขืนหมาผมถึงในบ้าน แถมเจ้าของหมายังมาหมิ่นประมาทจะแจ้งความจับผมทั้งๆ ที่ไม่มีความผิดด้วยอีกกระทง เผื่อต้องติดคุกพร้อมกันจะได้มีเพื่อนคุยไม่เหงา”“ไม่รู้ล่ะ คุณเป็นเจ้าของหมาหื่นตัวนั้น ถ้าหมาฉันเกิดตั้งท้องขึ้นมาคุณต้องรับผิดชอบ!”สาธุคุณงุนงง ทวนคำ“รับผิดชอบ? ยังไงล่ะ หรือคุณจะให้ผมรับเป็นพ่อของลูกในท้องคุณ เอ๊ย! ลูกในท้องหมาคุณน่ะเหรอ”รจนาฟังแล้วโมโหจนควันออกหู แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองดูหมาของเธอที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับหมาพันธุ์ทางของหนุ่มเจ้าของไร่ข้างกาย มันใช่เหรอเนี่ย แล้วทำไมสาวโสดแถมซิงแบบฉันต้องมานั่งดูหมาเอากันแบบนี้ด้วยวะ แถมไม่ได้ดูคนเดียวต้องมาดูพร้อมกับหนุ่มหล่อล่ำกล้ามแน่นในชุดวาบหวิวน่าปล้ำเสียด้วย เวรของกรรม!“นี่...ใจคอคุณจะยืนดูแบบนี้ต่อไปหรือ ผมว่าคงอีกนานเลยนะนั่นกว่าเขาจะเสร็จภารกิจ ผมว่าเราไปหาอะไรทำฆ่าเวลากันก่อนดีกว่านะ”สาธุคุณเอาน้ำเย็นเข้าลูบเพราะเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเหมือนพร้อมจะกินหัวทุกคนที่ขวางหน้า“นี่คุณ...เราไป ‘เด้า’ กันก่อนดีไหม” เฮือก!!!
สุดท้ายรจนาก็มาลงเอยที่โต๊ะอาหารกับเจ้าของบ้านที่ตอนนี้แต่งตัวใหม่ด้วยเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนส์ขาสั้นสีซีดแต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาน่ามอง คนหล่อทำอะไรไม่ผิด“ไงคุณ พอกินได้ไหม มื้อนี้ผมมีแต่กับข้าวบ้านๆ”แขกไม่ได้รับเชิญยื่นหน้ามองอาหารที่วางบนขันโตกไม้สาน มีจอผักกาดใส่กระดูกหมู ไข่เจียวฟูๆ หอมๆ แล้วก็มีน้ำพริก แคปหมูกับผักสดแนมดูน่ากินกับข้าวบ้านๆ จริงๆ ด้วย แต่นาทีที่ท้องหิวจะบ้านไม่บ้านเธอก็กินได้ทั้งนั้น“สบายมาก ว่าแต่กับข้าวพวกนี้คุณทำเองเหรอ”“เปล่า ฝีมือเมียลุงบุญที่คุณเจอหน้าไร่ทำแบ่งมาให้น่ะ ฝีมือผมน่ะก็แค่เก็บผักสดในไร่มากินกับน้ำพริก แล้วก็หุงข้าวแค่นั้น”“ฉันก็ว่างั้น” รจนาพยักพเยิด “แล้วนี่ฉันมาแย่งคุณกินแบบนี้ แล้วคุณจะอิ่มเหรอ”สาธุคุณตักข้าวสวยร้อนๆ ใส่จานส่งให้คนช่างถาม“ไม่อิ่มก็เจียวไข่เพิ่ม ของหาได้ในไร่ไม่ได้เสียเงินซื้อ คุณกินให้อิ่มเถอะไม่ต้องห่วง ผู้หญิงตัวอวบๆ คนเดียวผมเลี้ยงได้น่า”ทั้งประโยคดูเหมือนจะมีคำเดียวที่ไม่เข้าหู“คุณว่าใครอวบ...”“ก็คุณไง...เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งอาละวาด ผมว่าสาวอวบๆ แต่สุขภาพดีมีเนื้อมีหนังแบบคุณน่ะสวยออกนะ ดีกว่าพวกสาวผอมๆ
“ไม่ชอบเหรอ หรือจะให้เรียกว่าที่ระ...”“หยุดค่ะ! ไม่เอา! ไม่ต้องเรียกอะไรทั้งนั้น เรียกรจเฉยๆ พอ”“งั้นรจก็เรียกพี่ว่าพี่แล้วกันจะพี่ธุ หรือพี่สาจ๋าก็ตามใจ” เป็นอันว่าเธอก็ยังไม่อาจเอาชนะคนตรงหน้าได้เหมือนเดิมสิน่าสาธุคุณตักไข่เจียวใส่จานให้หญิงสาวด้วยความรู้สึกที่แปลกไปจากเดิมปกติเขาชอบนั่งกินข้าวคนเดียวเงียบๆ แต่พอมีเธอเข้ามาชวนคุยชวนต่อปากต่อคำเป็นเพื่อน ก็ทำให้อาหารธรรมดาๆ อร่อยขึ้นมาได้น่าแปลกที่กับรจนา แม้เธอจะช่างพูดช่างคุยแต่เขากลับไม่รู้สึกเบื่อหน่าย รำคาญ หรือกดดันจนอยากจะเดินหนีเหมือนเวลาต้องคุยกับคนแปลกหน้า หรือพวกสาวๆ คนอื่นๆ ที่แวะเวียนเข้ามาหา“จริงสิ อยู่คนเดียวเงียบๆ แบบนี้ ทำไมคุณ เอ๊ย! พี่ไม่หาแฟนมาอยู่เป็นเพื่อนแก้เหงาสักคนล่ะ รจได้ยินยัยเมรีบอกว่ามีสาวๆ มาตามจีบพี่ตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ”“ก็ยังไม่เจอใครที่อยากเป็นแฟนด้วย ที่มีเข้ามาก็มีแต่น่ารำคาญ เลยอยู่คนเดียวดีกว่า”“อะไรกัน ไอ้ที่เขามาจีบๆ นี่ไม่มีเข้าตาพี่สักคนเชียวเหรอ ยัยดาวเรืองที่ร้านขายของชำนั่นไง วันนั้นเห็นส่งสายตาให้ว้านหวาน”“ไม่เอาล่ะ ไม่อยากได้ลูกสาวเจ้ากรมข่าวลือมาไว้ที่บ้าน”รจนาหัวเราะเบาๆ เมื่อน
“บอกแล้ว แต่ไม่ฟัง”“แล้วกัน” หญิงสาวหัวเราะคิกคัก ก่อนมองใบหน้าหล่อที่ยุ่งเหยิง เสียงเรียกแจ๋วๆ ยังดังต่อเนื่องจนน่ารำคาญหู นั่นคนหรือนกแก้วอะไรจะเสียงเจื้อยแจ้วได้ขนาดนั้น“งั้นให้รจช่วยไหมล่ะ”ชายหนุ่มชะงักก่อนมองสบตาสวยเฉี่ยวที่แฝงความซุกซนของหญิงสาวตรงหน้า“ช่วยยังไงล่ะ”รจนาไม่ตอบ แต่ยักคิ้วแผล็บๆ พร้อมกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์“พี่สาธุจ๋า อยู่ไหมเอ่ย...อุ๊ย!” นกแก้วปากแดงถึงกับผงะเมื่อจู่ๆ ประตูก็บ้านก็เปิดออก โดยฝีมือสาวแปลกหน้า“หล่อนเป็นใครยะ แล้วเข้าไปทำอะไรในบ้านพี่สาธุของฉัน”รจนายิ้มหวานทำหน้าใสซื่อ“แล้วทำไมฉันจะเข้าไปในบ้านพี่เขาไม่ได้ เธอล่ะเป็นใคร มาทำอะไรที่บ้านพี่สาธุของฉัน” หญิงสาวแกล้งย้อนถามเอ...จะว่าไปไดอะล็อกนี้มันก็คุ้นๆ แฮะ“ฉันมาหาพี่สาธุ เอาปิ่นโตมาให้ พี่สาธุอยู่ไหน” ยิ่งพูดก็ยิ่งห้วน แต่สายตานี่สิจิกเป็นไก่เชียวนะแม่คุณ แต่ขอโทษที่ทำอะไรคนอย่างรจนาไม่ได้“พี่สาจ๋า...ใครก็ไม่รู้มาหาจ้า ออกมาดูหน่อยสิจ๊ะ”รอเพียงไม่นานเจ้าของบ้านก็เดินออกมา รจนาจึงได้ทีเข้าไปกอดเอวสอบอย่างออเซาะ โดยไม่สนดวงตาลุกวาวๆ ของผู้หญิงอีกคน“พี่สาธุจ๊ะ นังนี่ใคร”รจนาเบ้หน้า มาจิกห
แทนที่พอเขารู้ตัวว่าผิดคิวจะรีบละริมฝีปากออกจากปลายนิ้วของเธอ แต่สาธุคุณกลับดึงมือเธอมาจูบอีกหนเสียนี่รจนาเผลอเงยหน้าสบตาคมกริบที่มองลงมาอย่างตกใจ ดีที่เธอถนัดดึงสีหน้านิ่งเก่ง ทำให้ไม่ได้เผลอหลุดจนมีพิรุธให้ใครจับได้“เอิ่ม! พี่สาจ๋า ทำอะไรเนี่ย ไม่อายชาวบ้านบ้าง รจเขินนะ”“แต่พี่ชอบให้รจเขินพี่ แก้มแดงแบบนี้น่ารักดี” ไม่พูดเปล่าใบหน้าหล่อเหลาพร้อมกับจมูกโด่งยังโน้มเข้าหาแก้มที่แดงน่ารักของเธอประกอบเสียด้วยรจนาใจหายวาบ ตัวแข็งทื่อ เมื่อถูกขโมยหอมแก้มซึ่งๆ หน้า ชักจะไม่ไหวแล้วนะ อย่าเล่นนอกบทแบบนี้สิโว้ย!“กรี๊ดดดด พี่สาธุทำไมพี่ทำแบบนี้กับผ่อง ฮือ คนใจร้าย อย่ากงอย่ากินมันเลยกับข้าวนี่ ฉันจะเอาไปเททิ้งให้หมากิน”หากพอคนพูดเหลียวซ้ายแลขวาก็หันไปเห็นหมาที่กำลังจู๋จี๋กันอย่างหวานชื่นบาดตาเข้าพอดี หญิงสาวอ้าปากหวอ ก่อนรีบสะบัดหน้าหนีพรืด กระแทกเท้าเดินกลับไปอย่างหัวเสียทันทีรอจนแขกไม่ได้รับเชิญหายลับตาไป นางเอกจำเป็นก็สั่งคัทตัวเองหันไปฟาดที่อกแกร่งดังพลั่ก“พี่มาหอมแก้มรจทำไมเนี่ย”สาธุคุณหลุดขำ “พี่หอมรจที่ไหน เมื่อกี้พี่หอมแฟนพี่ต่างหาก”“อย่ามาเล่นลิ้นนะ คนอุตส่าห์ช่วยเล่นละครไ
“พูดแล้วยังจะมายิ้มอีก เดี๋ยวปั๊ดต่อยปากแตกเสียดีไหม”คำนั้นทำให้คนฟังนึกขำ หากเป็นสาวอื่นเสียจูบแรกโดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ก็ควรเขินอาย ไม่ก็วิ่งหนี แต่แม่สาวตรงหน้ากลับจะต่อยปากเขาเสียนี่“จะต่อยก็ได้ แต่ต้องใช้ปากรจต่อยพี่นะ เพื่อความยุติธรรม กล้าไหมล่ะ”รจนาไม่ได้โง่ที่จะหลงกลเขาง่ายๆ แต่รสจูบที่ยังติดตรึงที่ริมฝีปากนั่น ถามว่ารังเกียจไหม น่าแปลกที่เธอก็บอกได้ไม่เต็มปากว่ารังเกียจเขา แค่ตกใจไม่ทันตั้งตัวเท่านั้น หากเป็นคนอื่นแม้กระทั่งจักรินแฟนเก่า หรืออดีตเจ้านายชีกอหากมาทำแบบนี้ล่ะก็ เธอคงต่อยปากจนฟันร่วงไปแล้ว แต่นี่กับคนที่เพิ่งพบกันไม่กี่ครั้ง ทำไมนะ...“คิดนานจัง”“เดี๋ยวนะ ที่พี่มาขยันอ่อยกันแบบนี้ อย่าบอกนะว่าพี่คิดจะจีบรจ” ถึงคราวชายหนุ่มเป็นฝ่ายอึ้งบ้าง“ถ้าพี่บอกว่าใช่ล่ะ รจจะยอมให้พี่จีบไหม”เอาเข้าไป! ก็ไหนแม่กับยัยเมรีว่าเขาจีบยากนักไง ไหงเป็นงี้ล่ะ“อย่ามาตลก นี่ใคร...รจนาศิษย์แม่สีดาเชียวนะแค่จูบเดียวไม่ทำให้คนอย่างไอ้รจหวั่นไหวง่ายๆ หรอก ขอบอก...อุ๊บ!”พอขาดคำ จูบที่สองก็ตามมาทดสอบขันติของคนปากเก่ง รจนาเบิกตากว้าง แต่ประสบการณ์สอนให้รู้ว่าควรป้องกันตัวเองจึงรีบเม้มป
รจนาเลยไม่ใช่แค่หนู แต่เธอเป็นโครตของโครตหนูที่ตกบ่อเพชร หลังแต่งงานหญิงสาวก็ย้ายไปอยู่ที่กระท่อมกลางไร่กับสามีสองคน ระหว่างที่รอเรือนหอที่เจ้าบ่าวทุ่มทุนสร้างให้ใหม่เสร็จ เพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ที่กำลังอยู่ในท้องแม่สาวขี้อ้อนอีกสองหน่อนี่ยังไม่นับสมาชิกลูกหมาพันธุ์บีเกิ้ลผสมพันธุ์ทางอีกโขยงที่เธอและสามียังทะเลาะกันเรื่องตั้งชื่อไม่เสร็จ และคงทะเลาะกันไปจนกระทั่งลูกแฝดในท้องของรจนาคลอดไร่ของสาธุเริ่มมีชื่อเสียงไปทั่วเพราะสองผัวเมียช่วยกัน รจนาคืออดีตพีอาร์มือโปรเก่า เธอทำงานดีเยี่ยมจนทำให้ไร่ของสามีโด่งดังไปไกล จนเพื่อนที่ทำงานเก่าพลอยอิจฉาพอพูดถึงที่ทำงานเก่า ข่าวล่าสุดที่รจนาได้รับคือ...เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องอย่างดาริกาถูกจับได้ว่าแอบกิ๊กกับอดีตเจ้านายหัวงูในที่ทำงาน เพราะเมียของอีกฝ่ายบุกมาหาพร้อมด้วยของกำนัลเป็นน้ำกรดอย่างดี แต่คนให้ดันมือไม่แม่น แทนที่จะสาดหน้าชู้รักของผัว แต่ดันสาดผิดไปโดนเป้าของผัวตัวเองแทนจนต้องตัดทิ้งทั้งพวง!ตอนเห็นข่าวแรกๆ รจนาตัดสินใจไม่ถูกเหมือนกันว่าควรสงสารหรือสมน้ำหน้าคนเจ้าชู้พรรค์นั้นดีส่วนดาต้าก็ถูกไล่ออกเพราะทำงานไม่ได้เรื่องแต่ใช้เต้าไต่เพื่อแย่
“พี่สาจ๋า...มันจะเจ็บมากไหม รจกลัว”โอ๊ย...ทำไมน่ารักแบบนี้วะเมียกู! แค่นี้ก็รักจนจะคลั่งตายแล้วมั้ยเนี่ย แบบนี้เขาจะไปไหนรอดวะ ต่อให้ไปได้ก็ไม่ไปแล้วสาธุคุณส่งยิ้มหวานปลอบขวัญสาวเวอร์จิ้น เขาพอรู้ว่าครั้งแรกนั้นยอมมีเสียเลือดเสียเนื้อกันบ้าง ชายหนุ่มกดจูบเธอที่แก้มและหน้าผากก่อนมาหยุดที่ริมฝีปากช่างเจรจา ก่อนมอบคำหวานที่มาจากหัวใจและความรู้สึกที่มอบให้เธอเพียงคนเดียวเท่านั้น“พี่รู้ว่ารจกลัว และรู้ด้วยว่านี่เป็นครั้งแรก แต่พี่จะพยายามไม่ทำให้รจเจ็บมากนักดีไหมครับ แต่ถ้ารจเจ็บหรืออยากจะหยุดก่อนก็ค่อยบอกพี่ พี่รับปากว่าจะไม่หักหาญน้ำใจรจ จะรอให้รจเป็นของพี่ด้วยความเต็มใจดีไหม”รจนาฟังแล้วน้ำตาคลอ ก่อนพยักหน้าข่มความกลัวเมื่อตัดสินใจแล้ว และอีกฝ่ายก็น่ารักกับเธอขนาดนี้เป็นไงเป็นกัน! จัดมาเลยพี่ เจ็บหน่อยแต่ฟินก็เอาวะนาทีนี้หญิงสาวกัดฟันแน่นเมื่อถูกความใหญ่โตของเขากดเข้ามาภายใน แต่ความคับแคบทำให้สาธุคุณต้องค่อยๆ ใจเย็น และปลุกเร้าอารมณ์เธอให้ผ่อนคลายไม่เกร็งเพื่อให้ความเจ็บทุเลาเบาบางและเปลี่ยนเป็นความฟินในที่สุดเสียงหวานคลอเคล้ากับเสียงพร่ากระเส่าขับขานเป็นห้วงทำนองรักที่สอดรับประสา
“ขวัญเอ๊ย ขวัญมา...”เสียงหวานกระซิบก่อนจะเงยหน้าสบตา “หายหรือยังจ๊ะ”สาธุคุณแกล้งส่ายหน้า “ยังไม่หาย”พอขาดคำหญิงสาวก็กดจูบที่ปากเขาไปอีกที คราวนี้ทำใจกล้าใช้ปลายลิ้นละเลงและแกล้งดูดดึงกลีบปากล่างของเขาเล่นเบาๆ อีกที“แล้วแบบนี้ล่ะ หายไหม”สาธุคุณใจเต้นแรง ลมหายใจสะดุดเบาๆ ก่อนส่ายหน้า“ไม่หาย”“ทำไมขวัญอ่อนจังล่ะสาจ๋า...” หญิงสาวยิ้มพลางยื่นริมฝีปากไปจูบอีกครา คราวนี้เขารีบเผยอปากรอรับ และเมื่อเธอทำใจกล้าสอดลิ้นเข้าไปในปากเขา ชายหนุ่มก็ครางเบาๆ อย่างชอบใจในความน่ารักของแฟนสาว ก่อนที่จะโต้ตอบกลับมาให้เธอหลงเขาหัวปักหัวปำบ้างรจนาถูกรสจูบหวานครอบงำจนใจกระเจิง ยามที่เขาพรมปลายลิ้นเข้าหาและจุมพิตเธอแบบสูบวิญญาณทั้งเป็นนั่น หญิงสาวก็เริ่มจะหายใจไม่ทันทำให้ต้องวิงวอนเขาทางสายตาสาธุคุณจึงยอมผ่อนแรงจูบให้เธอได้หายใจหายคออีกครั้ง ชายหนุ่มโอบกอดเธอเข้ามาจนชิดใกล้“เราแต่งงานเสียพรุ่งนี้เลยไหม พี่ไม่อยากโสดแล้ว อยากมีรจเป็นเมีย อยากให้เมียจูบรับขวัญแบบนี้ทุกวันทุกคืนเลย”จะน่ารักไปไหนวะแฟนฉัน หลงจนหัวจะทิ่มแล้วเนี่ย“ดีเหมือนกัน พี่รีบไปขอรจกับพ่อแม่สิ หอบสินสอดไปเยอะๆ ล่ะจะได้ตบปากพวกชอบนินทา
“รจจะทิ้งพี่ได้ลงคอจริงเหรอ” ชายหนุ่มถามเสียงเว้าวอน“ใครทิ้งใครกันแน่ โอ๊ย! ช่างเถอะ เอาเป็นว่าต่างคนต่างอยู่แล้วกัน เรายังเป็นเพื่อนบ้านกันได้”“แต่พี่ไม่อยากเป็นเพื่อนบ้านกับรจแล้วนี่”รจนาถอนหายใจพรืด อะไรวะ ขนาดสถานะเพื่อนบ้านเขาก็ไม่อยากให้ งกอะไรขนาดนั้น“งั้นเป็นศัตรูเลยดีไหม จะได้จบๆ ไม่ต้องเห็นหน้า ตายไปไม่ต้องเผาผี จะเอาแบบนี้ก็ได้นะ” บอกว่าจะพูดจาดีๆ แต่ไหงอินเนอร์มาเต็มอีกแล้วนี่“รจพูดจบหรือยัง”“อืม...จบแล้ว งั้นก็แยกย้ายเนอะ” หญิงสาวเอ่ยพลางจะตรงไปอุ้มหมากลับบ้าน แต่ยังไม่ทันเดินไปไหน ก็ถูกอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้นเสียก่อน“นี่! จะทำอะไร”“ทำน้ำปลาหวานให้เมียกินไง”“ไปทำให้ยัยนางเอกปากแดงนั่นกินสิไป เขาอาจจะชอบ ปล่อยฉันลงนะ”“พี่ไม่ได้กลับไปคบกับลูกเกด!”“ก็เรื่องของคุณสิ มาบอกฉันทำไม...เอ๊ะ! เมื่อกี้คุณว่าไงนะ” หญิงสาวชะงักกึก หน้าตาเหรอหราอย่างน่าเอ็นดูในสายตาชายหนุ่ม“พี่บอกว่าพี่ไม่ได้กลับไปคบกับลูกเกด ไม่มีทางกลับไปคบเขาด้วย เลิกแล้วเลิกเลยลาขาด” รจนาขมวดคิ้วแน่น“แล้วรูปที่คุณไปกอดแฟนเก่านั่นล่ะคืออะไร”“เขาขอให้พี่ช่วยเรื่องงานในวงการ พี่ก็ช่วยไปตามประสาคนเคยรู้จั
รจนาฟังแล้วอยากจะกรี๊ด เธอหรืออุตส่าห์ไม่ไปที่นั่น แล้วนี่อะไรกัน เจ้าเอริบ้านี่ ดันมาทำเสียเรื่อง แล้วทีนี้จะยังไง ถ้าไปที่นั่นก็ต้องเจอเขา หรืออาจเจอแฟนเก่าที่กลายเป็นแฟนใหม่เขาอีกครั้งล่ะสิเอาไงดีวะเนี่ย ตัดหางปล่อยวัดเสียดีไหม ไอ้หมาไม่รักดีนี่“เมรีว่างไหม พี่วานไปดูเจ้าเอริที่ท้ายซอยหน่อยสิ”“เมรีก็อยากไปให้นะพี่รจ แต่ต้องทำงานที่อาจารย์สั่งน่ะสิ เยอะเสียด้วย ทำทั้งคืนจะเสร็จไหมไม่รู้ ทำไมพี่ไม่ลองโทรถามเจ้าของไร่ทางนั้นเขาดูล่ะว่าเห็นหมาเราไหม”โทรไปให้เขาได้ใจน่ะสิ เรื่องอะไรเธอจะทำให้โง่“เออๆ พี่ไปเองก็ได้ คอยดูนะ ถ้าเจอจะตีให้ ไม่ได้สิมันท้องอยู่ตีไม่ได้ งั้นให้อดขนมสามวันละกัน” หญิงสาวบ่นอุบ ก่อนคว้าจักรยานปั่นออกไป พอคล้อยหลังพี่สาว คนที่บอกต้องทำงานส่งอาจารย์ก็เงยหน้าตาวาว หันไปคว้าโทรศัพท์มากดส่งไลน์รัวๆ“ขอโทษนะพี่รจ น้องทำเพื่อพี่ อโหสิให้กันเถอะนะ” ไร่ของเขาก็ยังคงเป็นเหมือนครั้งสุดท้ายตอนวันที่เธอจากมา รจนามองบ้านของเจ้าของไร่ที่วันนี้ปิดเงียบเชียบราวกับไม่มีคนอยู่ เจ้าของไร่คงไปทำงานในไร่ หรือไม่แน่ว่าอาจจะกำลังพาแฟนไปเปิดตัวให้คนงานรู้จักในฐานะว่าที่นายหญิงคนใหม
พอไปถึงหน้าบ้านสาวที่คิดถึง ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม บ้านปิดเงียบเชียบราวกับไม่มีคนอยู่ ชายหนุ่มชะเง้อคอยาวมองเข้าไปในบ้านหวังจะเห็นใครออกมาเปิดประตูให้“มีใครอยู่ไหมครับ”“โฮ่ง!” ชายหนุ่มหันขวับไปทางเสียงทักทายจากใต้แคร่ไม้ไผ่ก็เห็นเจ้าหมาบีเกิ้ลของเธอนอนพังพาบอยู่ ดูเหมือนมันจะอ้วนขึ้นกว่าตอนที่เห็นครั้งสุดท้ายจนแปลกตาสาธุคุณขมวดคิ้วคำนวนเวลาในใจ หรือว่า...หมาของเธอจะท้องลูกเจ้าวายของเขาเสียแล้ว“เอริ...มานี่มา”เพราะความคุ้นเคยที่มุดรั้วเข้าบ้านเขาอยู่เป็นเดือนๆ ทำให้เจ้าหมาน้อยยอมเดินมาหาชายหนุ่มอย่างดีใจ หากพูดได้มันคงถามหาแฟนหนุ่มที่นอนเหงาซึมกระทืออยู่ที่บ้านเขาเป็นกระบุงไปแล้ว“คิดถึงเจ้าวายล่ะสิ ไม่ได้เจอกันกี่วันแล้วเนี่ย”“โฮ่งๆ!” ชายหนุ่มเผลอยิ้ม ก่อนที่ทำหน้าเซ็ง“ฉันก็คิดถึงเจ้านายแกเหมือนกัน แกรู้ไหมว่าเขาหายไปไหน”“รู้สิ!”คราวนี้ไม่ใช่เสียงหมา แต่เป็นเสียงของ...“น้องเมรี...”คนถูกเรียกยืนหน้าบึ้งไม่ยิ้มแย้มให้เขาเหมือนเคยเอาล่ะสิ ไม่ใช่แค่แฟน กระทั่งน้องสาวแฟน หรือพ่อแม่ของเธอก็คงจะโกรธเขาเหมือนกัน งานเข้าแล้วไอ้สาธุ!“พี่สาธุมาทำอะไรที่นี่เหรอ มาหาใคร” เมรีถามเสียง
“แม่จ๋าพ่อจ๋าพี่รจอยู่ไหน”เสียงเอะอะดังมาก่อนตัวทำให้คนเป็นแม่ถึงกับส่ายหน้า“กลับมาถึงก็โวยวายเชียวนะยัยเมรี มีอะไรๆ เบาหน่อย พี่รจเขาไม่สบายนอนพักอยู่ แกเล่นตะโกนปาวๆ เดี๋ยวเขาก็ตื่น อ้าว! นั่นไงตื่นจนได้” นางสีดาค้อนลูกสาวตัวแสบ“มีอะไรกันเหรอแม่ ยัยเมรีเอะอะอะไร”“ก็เมื่อกี้หนูลงรถที่หน้าปากซอยว่าจะไปซื้อของที่ร้านป้าสายหยุด เลยไปได้ยินข่าวมา” คนพูดมีทีท่าอึกอัก “พี่ดาวเรืองเขาบอกว่าพี่รจถูกผู้ชายทิ้งเพราะกลับไปคบแฟนเก่า”รจนาตัวชาด้วยความตกตะลึง“ปากคนก็พูดไป คราวก่อนก็บอกพี่แกท้อง คราวนี้ก็โดนผู้ชายทิ้งคราวหน้าอะไรอีกล่ะ” นางสีดาบ่น“แม่อย่าเพิ่งขัดสิหนูยังเล่าไม่จบ ผู้ชายที่ว่าน่ะ เขาบอกว่าเป็นพี่สาธุนะ!”“หา! ว่าไงนะ” ทุกคนอุทานแทบพร้อมกัน พลางหันไปมองหน้ารจนาเป็นตาเดียว“จริงแม่ เขาเห็นกับตาว่าพี่สาธุกอดผู้หญิงคนนั้นแน่นเลย เขายังเอารูปในโทรศัพท์ให้ฉันดูด้วย เห็นหน้าพี่สาธุชัดเลย”คนเป็นข่าวถึงกับหน้าถอดสี หัวใจปลิวหล่นไปที่ตาตุ่ม พยายามข่มความอ่อนแอที่กำลังมารออยู่ที่ดวงตาไว้ไม่ยอมให้มันไหลออกมาพอนางสีดาหันมาเห็นสีหน้าลูกสาวก็นึกรู้ว่าข่าวคงมีมูล“ยัยเมรีเรื่องนี้แกไม่ต้อง
ฝ่ายรจนาเมื่อกลับถึงบ้านเธอก็เข้าห้องปิดประตูเงียบ รวมถึงปิดโทรศัพท์แล้วโยนมันลงในตะกร้าผ้าเตรียมซัก เผื่อว่าใครโทรมาก็คุยกับตะกร้าผ้านั่นไปแล้วกัน เชอะหญิงสาวนอนตาลอยมองเพดาน พลางคิดถึงเหตุการณ์วาบหวามระหว่างเขาและเธอก่อนหน้า ไออุ่นของเขา สัมผัสของเขา รสจูบของเขา ไหนจะคำหวานที่กระซิบข้างหูนั่นอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดไม่น่าเลย เธอไม่น่ายอมให้เขาใกล้ชิดลึกซึ้งขนาดนั้น ถึงจะยังไม่ทันได้มีอะไรกันจนสุดทางก็เถอะ ทำไมนะ ยัยปากแดงนั่นถึงไม่ยอมมาให้ไวกว่านี้ เธอจะได้ไม่ต้องมานั่งเป็นทุกข์คิดมากแบบนี้เฮ้อ...ป่านนี่สองคนนั่นกำลังทำอะไรกันอยู่นะ ไม่แน่ว่า ยัยนางเอกนั่นอาจจะกำลังออดอ้อนออเซาะขอคืนดีกับสาธุคุณสำเร็จแล้วก็เป็นได้คืนดีกันแล้วไง เลิกๆ เลิกคิดถึงเขาให้ปวดใจซักทีไอ้รจ ใช่ว่าไม่เคยอกหักสักหน่อย ไม่กี่เดือนก่อนตอนเลิกกับจักริน เธอก็ยังไม่ตายนี่นา มันก็แค่ต้องทำใจให้ได้ ลุกให้ไวเท่านั้น ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ถลำตัวมากไปกว่านี้นอนไปก็คิดฟุ้งซ่าน อย่ากระนั้นเลยลองเปิดคอมดูดีกว่า ไวเท่าความคิด หญิงสาวรีบคว้าโน้ตบุ๊กมาเปิดดูอีเมล์ และดูตามเว็ปที่เธอฝากใบสมัครไว้ ตั้งแต่ที่คบกับสาธุเธอก็เลิก
“พี่จะเอาแบบนี้จริงเหรอ” ถามย้ำอีกทีเผื่อเปลี่ยนใจ แต่อีกฝ่ายกลับพยักหน้ายืนยัน ทำให้แฟนเก่าแอบยิ้มร่าสมใจ“งั้นก็ตามใจแล้วกัน”สาธุคุณชะงักกึก เมื่อเห็นสายตาขุ่นเย็นชาที่แฟนสาวส่งกลับมาให้ ก่อนเดินผละไปทางที่หมาของเธอนั่งหมอบอยู่กับแฟนพันธุ์ทางสุดที่รัก“ไป! เอริ! กลับบ้าน!”พอเห็นเจ้าหมาไม่รักดียังคงนิ่งจึงหมั่นไส้เลยเข้าไปอุ้มมันเดินกลับบ้าน ทิ้งจักรยานไว้ โดยไม่ยอมเหลียวหลังไปมองเจ้าของบ้านอีก จึงไม่เห็นสายตาห่วงใยที่ส่งมาให้สาธุคุณรู้ว่าอีกฝ่ายไม่พอใจ เขากำลังจะตามไป แต่กลับโดนกรรณิกาดึงมือไว้“สาธุคะ”ชายหนุ่มชักไม่สบอารมณ์ เขาหันกลับไปมองหน้าแฟนเก่า และดึงมือออกอย่างไม่ไยดี“รีบๆ พูดธุระของคุณมาเสียทีจะได้จบๆ ผมจะได้ไปจัดการธุระของผมบ้าง” คำนั้นทำเอาคนฟังสะอึก จากตอนแรกที่คิดดีใจว่าสาธุคุณยังมีเยื่อใยหลงเหลืออยู่บ้าง เลยไล่ยัยเด็กกะโปโลนั่นกลับไป แต่พอเห็นสายตาเย็นชาปนรำคาญก็นึกรู้ว่าตัวเองสำคัญตัวผิดอย่างแรง“ลูกเกดอยากขอโทษคุณที่ทำให้คุณเสียใจวันนั้น ลูกเกดรู้แล้วว่าตัวเองโง่เองที่เลือกคนผิด”“เข้าเรื่องเถอะ บอกมาเรื่องคอขาดบาดตายที่ว่าคืออะไร”กรรณิกาแอบกลืนน้ำลาย ไม่คิดว่า