“คือ...เฮ้อ!” เฉิงกุ้ยเฟยวางท่าแบบไม่ได้รับความเป็นธรรมมาก เดินมานั่งลงด้านข้าง กอดอกกล่าวแบบไม่พอใจ“เมื่อไหร่ท่านจะจัดการฮ่องเต้กับฮองเฮาเสีย โดยเฉพาะอู๋เสี่ยวหวาชาวซีเป๋ยนั่น ให้มันเป็นแพะรับบาปเสียที ข้าชักจะอดใจรอแผนการของท่านกับใต้เท้าจงไม่ได้แล้วนะ! จะให้ข้าอดทนรอไปถึงไหน!”ใต้เท้าเฉิงทำเสียงเยาะในลำคอหนึ่งคํา แล้วผ่อนลมหายใจ ทัดผมให้นาง “เอาน่าลี่เฉี่ยว เจ้าอดใจรออีกนิด อีกไม่นาน แผนของเราใกล้สำเร็จแล้ว"“จริงหรือไม่”เฉิงกุ้ยเฟยถามย้ำ ใต้เท้าเฉิงพยักหน้าส่งยิ้มให้ นางก็พลันหน้าแดงก่ำไปทั้งหน้าเผยยิ้มแห้ง ข่าวสารทางทหารรัฐเหยาชุนแต่ละอย่างล้วนส่งต่อผ่านมือเฉิงกุ้ยเฟย ดังนั้นจึงไม่อาจใช้ไม้แข็งกำราบรวบรัดนางได้โดยตรง“ข้ากล่าวจริงแล้ว ตำแหน่งที่เจ้าหวังนั้นจะเป็นจริงลี่เฉี่ยว” ใต้เท้าเฉิงกล่าวจบก็มองสำรวจเฉิงกุ้ยเฟยที่ยังคงงามสะพรั่งไม่มีเปลี่ยน เขายกมือขึ้นถอดเสื้อผ้าของตนเอง เฉิงลี่เฉี่ยวเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย เหตุใดใต้เท้าเฉิงจึงถอดเสื้อ นางหันไปมองหรงเค่อซิวที่นอนเปลือยกายอยู่ก็ไม่ได้มีสีหน้าตกใจ เหมือนนางนั้นคุ้นชินเสียจะมากกว่า“งั้นคืนนี้ข้าขอตัวก่อน” เฉิงกุ้ยเฟยพูดแบบรู
เรื่องเมื่อคืนชินอ๋องจูยืนยันได้แล้วว่าผู้คิดทรยศมีใครบ้าง แต่เขาจะใส่ร้ายคนแบบไม่มีหลักฐานไม่ได้ หากกล่าวหาเลื่อนลอยฮ่องเต้ต้องไม่ทรงเชื่อเป็นแน่ วันนี้เขาจะหวนกลับไปหาแม่นางฟางเย่เซียนอีก แต่พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่เขาหลั่งในตัวนาง ก็หน้าแดงขึ้น มองเงาตนเองที่สะท้อนในอ่างล้างหน้าก็รีบวิดน้ำทิ้ง“นี่เจ้าเป็นอะไรไปเผยจู ตกหลุมรักนางคณิกาผู้นั้นงั้นรึ? เหลวไหลสิ้นดี!”“นางมิได้มีเกียรติมากพอจะเป็นชายาเอกได้ คงเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น”หวังเผยจูพึมพำกับตนเอง พลางสลัดไล่ความคิดฟุ้งซ่านแล้วรีบจัดการกิจวัตรประจำวัน เขาต้องรีบไปรายงานนี้ให้ไท่ซ่างหวง(อดีตฮ่องเต้ที่ยังมีชีวิต)พระบิดาและฮ่องเต้หวังซีเอ่อได้รับรู้ไว้คร่าว ๆ แต่เรื่องของกุ้ยเฟยนั้นจะต้องรอหาหลักฐานให้แน่ใจเสียก่อนตัดมาที่ฟางเย่เซียน จดหมายฉบับนี้ดูมีความสำคัญมาก เพราะเมื่อคืนนางก็ได้ยินตามที่หวังเผยจูแอบฟังทุกถ้อยคำ นางค่อย ๆ ย่องมายังหน้าโต๊ะหนังสือ คลี่กระดาษเซวียนจื่อแผ่นหนึ่งออก คัดลอกจดหมายลับฉบับนี้ลงมาทั้งหมด จากนั้นก็ม้วนกระดาษเซวียนจื่อใส่เข้าไปในกระบอกม้วนภาพแล้วปิดปลายกระบอกทั้งสองด้านอย่างดี ท้ายสุดจึงเอาจดหมายฉบับ
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนทรยศขายชาติสมคบกับศัตรูทั้งสิ้น และคนเหล่านี้เป็นเป้าหมายที่หวังซีเอ่อและหวังเผยจูกําลังตรวจสอบอยู่ เขากุมหลักฐานการกระทำความผิดที่คนพวกนั้นรับสินบน คบค้าส่วนตัวเป็นการลับ ๆ กับทูตพิเศษเฉิงเสี่ยอี้ไว้ได้เรียบร้อยแล้ว แต่ในรายชื่อนั้นที่หวังซีเอ่อไม่อยากจะเชื่อในการอ่านและวิเคราะห์คือ ‘ฮ่องเต้อู๋ซั่วกู๋’ ผู้ที่สวามิภักดิ์กลับคิดทรยศ ส่งสายลับพิเศษเข้าร่วมด้วยนั่นคือ ‘อู๋เสี่ยวหวา’ ฮองเฮาแคว้นเหยาชุน หวังซีเอ่อหน้ามืดแทบจะเป็นลม สับสนขุ่นมัวข้องใจจนหายใจไม่ออก ยิ่งคำพูดของเฉิงกุ้ยเฟยก่อนหน้านี้หลายวันก็ย้ำชัด ตอนขอเข้าพบเขาเป็นการส่วนตัวว่ามีหนอนบ่อนไส้ในแคว้นเหยาชุน หวังยึดครองอำนาจและบ่อนทำลาย นางบอกว่าเป็นคนใกล้ตัวที่ฮ่องเต้คงคาดไม่ถึง“เสด็จพี่ทรงอย่าไว้ใจฮองเฮามาก แล้วท่านจะเสียใจภายหลังได้นะเพคะ”นั่นคือคำพูดที่เฉิงลี่เฉี่ยวทิ้งไว้ให้ก่อนจากลา ทำให้เขาจิตใจว้าวุ่นไม่สงบ ไปพบหน้าอู๋เสี่ยวหวาที่สดใส กลับเป็นเขาที่มืดหม่นจนเสียบรรยากาศ“เสี่ยวหวา เป็นเจ้าที่คิดแทงข้างหลังข้าหรือ ทำไมกัน...”และที่อึ้งไปกว่านั้นคือ คนที่เสด็จพ่อเขาทรงโปรดปรานไว้วางใจ กลายเป็นเล
“หวังซีเอ่อมันติดกับแล้ว หน้าโง่ชะมัด ฮ่า ๆ”“ดี แผนการสารลับปลอมที่ข้าปลอมแปลงบิดเบือนขึ้นมาทำให้พวกมันแตกคอกันเอง ไม่ต้องเปลืองแรงข้า ถึงแม้จะเปลืองตัวข้าไปหน่อยที่เล่าเรื่องตนเองเข้าไปด้วย เอ้าดื่ม ทุกท่านดื่มให้กับความสำเร็จของเราที่ใกล้จะมาถึงนี้!”เขาผู้นี้ยกจอกสุราขึ้นสูง ให้เกียรติร่วมดื่มกับเหล่าผู้สมคบคิดที่นี่อย่างลับ ๆ มีเพียงแค่แสงเทียนที่จุดสว่างไสวอยู่ภายในเรือสำราญอิงซื่อชั้นสามห้องพิเศษ คนสมคบคิดกบฏมาอยู่รวมกันหมด ในที่นี้จะมีแต่สตรีนางหนึ่งที่สีหน้าไม่มีความสุขมีแต่อมทุกข์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ‘สนมเสียนเฟยหลิ่งเจียวหวง’ นางมีหน้าที่จับตาเฝ้าดูอู๋เสี่ยวหวาทุกย่างก้าวและคอยรายงานในกลุ่ม“ข้าขอตัวออกไปสูดอากาศหน่อยนะเจ้าคะ” หลิ่งเจียวหวงเดินออกมา วางมือบนราวกราบเรือถอนหายใจ ทัศนียภาพค่ำคืนนี้งดงามเกินบรรยาย แต่จิตใจนางนั้นไม่ได้งดงามตามเลย“นี่ข้ากำลังทำอันใดอยู่กันนะ ข้าทำถูกแล้วงั้นหรือที่ทำเช่นนี้...”นางพึมพำเสียงอ่อนดวงตาท้อเศร้าชัดเจน จงถานไถหมิงที่เห็นนางแปลกไปจากคนอื่นจึงคอยท่าให้นางออกไปก่อน จึงขอลาไปสุขาทำธุระส่วนตัว แต่นั่นคือข้ออ้าง ความจริงคือเขาย่องเบาตามสน
“ท่านแม่ทัพใหญ่จง ร้อนกําลังดีขอรับ” กงกงนายหนึ่งยกถ้วยยาต้มอุ่น ๆ เดินเข้ามา“เอาวางไว้ก่อนเถอะ” จงถานไถหมิงพูดตามองทางนอกหน้าต่างที่หิมะกําลังละลาย เสียงน้ำหยดจากใต้ชายคาฟังดูคล้ายกับฝนตก การประลองยุทธ์ปีนั้นถ้าหวังซีเอ่ออยู่ด้วย อาจไม่จําเป็นต้องมีเขาในตอนนี้ก็ได้ จงถานไถหมิงคิดในใจ นี่ก็ผ่านไปแล้วสองปี ที่ผ่านมาไท่ซ่างหวงสอนเคล็ดกระบี่ให้หวังซีเอ่อกับเขามาตลอด พยายามแทบตาย สุดท้ายเขาก็ไม่เคยจะสมหวังหรือชนะหวังซีเอ่อได้ แม้กระทั่งคนในดวงใจที่แท้จริงของหวังซีเอ่อที่ปกปิดเขามาตลอดนั้นน่าทึ่งมาก ลึกจนเกินคาดเดา ดังนั้นเมื่อหวังซีเอ่อปฏิเสธที่จะเลือกเขาเป็นผู้บัญชาการสูงสุดในศึกครั้งนี้ จึงไม่รู้สึกเหนือความคาดหมายนัก ไม่แน่ว่าหวังซีเอ่ออาจกำลังสืบความจริงของแผนการณ์นี้หรือเปล่าเลยไม่ไว้วางใจ จงถานไถหมิงวิเคราะห์ครู่หนึ่งก็กระจ่างแจ้งแก่ใจเป้าหมายของเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงหรือไขว้เขว นี่ก็เพื่ออนาคตของอู๋เสี่ยวหวา เขาต้องการอำนาจขึ้นยึดครองราชย์บัลลังก์ มีบิดาจวิ้นอ๋องเฒ่าช่วย ไม่สนว่าจะเกิดอันใดขึ้น เตรียมใจรับผลชะตากรรมมันไว้ทั้งหมดอยู่แล้วดุจขุนเขา แม้นเผชิญหน้ากับคําวิพากษ์วิจารณ์จ
วันที่ยี่สิบหกเดือนสามท้องฟ้าปลอดโปร่ง แสงอาทิตย์สาดส่องละลายหิมะยามเข้าสู่ฤดูวสันต์ หอสูงประดับกิเลนบนหลังคาอันเป็นเอกลักษณ์ของอําเภอควานเหลียง เด่นตระหง่านท่ามกลางแสงเหลืองทองแซมแดงสดสะท้อนประกายวาววับพร่างตา นกตัวน้อยน่ารักเกาะที่กิ่งไม้ ต้นหลิวใบเขียวสดดั่งหยกเนื้องามริมแม่น้ำโบกกิ่งไหว ตามสายลมใบไม้ผลิใบ ผู้คนบนถนนสัญจร ประกอบกับใกล้มีแม่น้ำไกลมีภูเขาปรากฏเป็นทัศนียภาพ ประหนึ่งภาพวาดวิจิตรศิลป์อันงดงามหนึ่งปีมีหนึ่งครั้ง ซึ่งก็คืองานเทศกาลอําเภอควานเหลียงที่จัดขึ้นเพื่อบูชาเทพฮวาเตี๋ยน นอกจากคึกคักอย่างยิ่งแล้วยังมีความเป็นมายาวนานถึงสามร้อยหกสิบปีเล่ากันว่าเทพภูเขาลงมาท่องเที่ยวยังโลกมนุษย์ ครั้นเดินทางมาถึงสถานที่อันมีภูมิลักษณ์งดงามแห่งนี้ก็พบสามีภรรยาใจดีคู่หนึ่งให้ขนมเขากิน เทพภูเขากล่าวด้วยความซาบซึ้งใจว่าพวกเจ้าจะให้กําเนิดบุตรชายบุตรสาวคู่หนึ่ง ทั้งสองอยากได้ลูกมานานมาก แต่กลับไม่ท้องสักที หลังจากเทพภูเขาจากไปก็เป็นเหมือนที่เขากล่าว ทั้งสองให้กําเนิดมังกรหงส์น่ารักสดใสหนึ่งคู่จริง ๆต่อมาทั่วแคว้นทั้งหมดผู้คนเริ่มขยับขยายย้ายออกไปสร้างแผ่นดินขึ้นมาใหม่ ส่วนแคว้นเหยายัง
ท้องฟ้ามีแสงแดดจ้าจนแสบตา แต่เพราะลานด้านหลังของหอเจิ้นเชียงสร้างกระท่อมเล็กเป็นที่พักพิงคนงานไว้ไม่น้อย และที่ว่างบนลานด้านหลังมีราวไม้ มีเสื้อผ้าเก่า ผ้าขี้ริ้ว รวมทั้งของทะเลแห้งแขวนตากอยู่เต็มไปหมด เนื่องด้วยไม่มีแดดตลอดปี กลิ่นอับคาวจึงอบอวล กลิ่นพึงประสงค์ไม่เคยจางไปจากบริเวณนั้นเลยบนพื้นแผ่นหินเป็นมันเขรอะวางกะละมังไม้ใบใหญ่ ซึ่งมีกองชามตะเกียบสกปรกกองไว้สิบกว่าคู่ ม้านั่งเตี้ยที่ไม่สามารถบอกอายุอานามได้ว่าใช้งานผ่านศึกมาเพียงใดหนึ่งตัว อีกคนต้องนั่งยองล้าง บ่อน้ำที่มีตะไคร่ และลูกยุงเจริญเติบโตหนึ่งบ่อ เหล่านี้เป็นองค์ประกอบทั้งหมดของลานหลังด้านหน้าคือภัตตาคาร มีอาหารดีรสเลิศให้ลิ้มชิมได้ไม่หมด แต่ลานด้านหลังนี้กลับมีสภาพชวนสะอิดสะเอียน น้ำเจิ่งนองเฉอะแฉะเหมือนคูน้ำเน่า หากมีลูกค้ามาเห็น ร้อยทั้งร้อยต้องอ้าปากค้างเกิดอาการไม่อยากอาหารไปเลย ไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นสถานที่เดียวกันเมื่อสองนายบ่าวมาถึงในตอนแรก น่ากลัวมากว่าจะมีหนูอยู่หรือไม่ มันสกปรกเสียจนที่ให้คนยืนยังไม่มีเลย แน่นอนว่าต้าหลิวกับอังโก้วที่คอยคุมพวกเขาเห็นจนชินกันแล้ว พูดว่า“พอดีเลย พวกคนที่ทำงานล้างชามก่อนหน้าน
เหตุวุ่นวายหนักจนดึงดูดผู้คนตามท้องถนนหลักพากันวิ่งเข้ามาดูในตรอก บางคนซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์“เกิดเรื่องอะไรน่ะ สู้กันดุเดือดขนาดนี้”“ได้ยินว่าท่านเจ้าเมืองต้องการอนุเพิ่มอีกล่ะ เจ้าสาวเป็นลูกสาวบ้านหยาง”“งั้นที่ต่อสู้อยู่นี่ใครล่ะ”“เฮ้อ บางทีคงเป็นคนในดวงใจของยัยหนูสกุลหยางกระมัง ถึงได้กล้าตายมาขวางอยู่อย่างนี้”แม่ค้าขายซาลาเปาพูดด้วยสีหน้าหดหู่“เวรกรรมเสียจริง ใครก็รู้ท่านเจ้าเมืองควานเหลียงมักมากที่สุด เมียนี่ก็แต่งสิบคนเข้าไปแล้ว คราวนี้ ใครจะหยุดเขาได้”ตึง! ตึง!ฆ้องเบิกทางเสียงดัง ตามด้วยเสียงกลองปานเขย่าฟ้าให้ร่วง พอเห็นทหารกลุ่มใหญ่กรูมา ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ก็รีบหลีกทางแบบลนลานคุกเข่าสองข้างถนน ไม่กล้าปากมากวิพากษ์วิจารณ์อีก ผู้ที่มาคือ ‘ใต้เท้าเฉินสวี่เหล่ย’ ข้าราชการใหญ่ของอำเภอควานเหลียง หรือท่านเจ้าเมืองนั่นเอง ปีนี้อายุสี่สิบสามรูปลักษณ์ภูมิฐาน รูปร่างอวบอั๋นมีพุง แต่สูงใหญ่ เขาสวมชุดเจ้าบ่าวสีแดง นั่งบนหลังม้าตัวสูงใหญ่ วางท่าองอาจห้าวหาญคล้ายไก่ตัวผู้สวมหมวกแดง ทหารที่เขานํามามีจํานวนสี่ห้าเท่าของเจ้าหน้าที่เมื่อครู่ เข้าควบคุมสถานการณ์วุ่นวายไว้ในทันที หัวหน้าเจ้า
“ท่านแม่ทัพใหญ่จง ร้อนกําลังดีขอรับ” กงกงนายหนึ่งยกถ้วยยาต้มอุ่น ๆ เดินเข้ามา“เอาวางไว้ก่อนเถอะ” จงถานไถหมิงพูดตามองทางนอกหน้าต่างที่หิมะกําลังละลาย เสียงน้ำหยดจากใต้ชายคาฟังดูคล้ายกับฝนตก การประลองยุทธ์ปีนั้นถ้าหวังซีเอ่ออยู่ด้วย อาจไม่จําเป็นต้องมีเขาในตอนนี้ก็ได้ จงถานไถหมิงคิดในใจ นี่ก็ผ่านไปแล้วสองปี ที่ผ่านมาไท่ซ่างหวงสอนเคล็ดกระบี่ให้หวังซีเอ่อกับเขามาตลอด พยายามแทบตาย สุดท้ายเขาก็ไม่เคยจะสมหวังหรือชนะหวังซีเอ่อได้ แม้กระทั่งคนในดวงใจที่แท้จริงของหวังซีเอ่อที่ปกปิดเขามาตลอดนั้นน่าทึ่งมาก ลึกจนเกินคาดเดา ดังนั้นเมื่อหวังซีเอ่อปฏิเสธที่จะเลือกเขาเป็นผู้บัญชาการสูงสุดในศึกครั้งนี้ จึงไม่รู้สึกเหนือความคาดหมายนัก ไม่แน่ว่าหวังซีเอ่ออาจกำลังสืบความจริงของแผนการณ์นี้หรือเปล่าเลยไม่ไว้วางใจ จงถานไถหมิงวิเคราะห์ครู่หนึ่งก็กระจ่างแจ้งแก่ใจเป้าหมายของเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงหรือไขว้เขว นี่ก็เพื่ออนาคตของอู๋เสี่ยวหวา เขาต้องการอำนาจขึ้นยึดครองราชย์บัลลังก์ มีบิดาจวิ้นอ๋องเฒ่าช่วย ไม่สนว่าจะเกิดอันใดขึ้น เตรียมใจรับผลชะตากรรมมันไว้ทั้งหมดอยู่แล้วดุจขุนเขา แม้นเผชิญหน้ากับคําวิพากษ์วิจารณ์จ
“หวังซีเอ่อมันติดกับแล้ว หน้าโง่ชะมัด ฮ่า ๆ”“ดี แผนการสารลับปลอมที่ข้าปลอมแปลงบิดเบือนขึ้นมาทำให้พวกมันแตกคอกันเอง ไม่ต้องเปลืองแรงข้า ถึงแม้จะเปลืองตัวข้าไปหน่อยที่เล่าเรื่องตนเองเข้าไปด้วย เอ้าดื่ม ทุกท่านดื่มให้กับความสำเร็จของเราที่ใกล้จะมาถึงนี้!”เขาผู้นี้ยกจอกสุราขึ้นสูง ให้เกียรติร่วมดื่มกับเหล่าผู้สมคบคิดที่นี่อย่างลับ ๆ มีเพียงแค่แสงเทียนที่จุดสว่างไสวอยู่ภายในเรือสำราญอิงซื่อชั้นสามห้องพิเศษ คนสมคบคิดกบฏมาอยู่รวมกันหมด ในที่นี้จะมีแต่สตรีนางหนึ่งที่สีหน้าไม่มีความสุขมีแต่อมทุกข์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ‘สนมเสียนเฟยหลิ่งเจียวหวง’ นางมีหน้าที่จับตาเฝ้าดูอู๋เสี่ยวหวาทุกย่างก้าวและคอยรายงานในกลุ่ม“ข้าขอตัวออกไปสูดอากาศหน่อยนะเจ้าคะ” หลิ่งเจียวหวงเดินออกมา วางมือบนราวกราบเรือถอนหายใจ ทัศนียภาพค่ำคืนนี้งดงามเกินบรรยาย แต่จิตใจนางนั้นไม่ได้งดงามตามเลย“นี่ข้ากำลังทำอันใดอยู่กันนะ ข้าทำถูกแล้วงั้นหรือที่ทำเช่นนี้...”นางพึมพำเสียงอ่อนดวงตาท้อเศร้าชัดเจน จงถานไถหมิงที่เห็นนางแปลกไปจากคนอื่นจึงคอยท่าให้นางออกไปก่อน จึงขอลาไปสุขาทำธุระส่วนตัว แต่นั่นคือข้ออ้าง ความจริงคือเขาย่องเบาตามสน
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนทรยศขายชาติสมคบกับศัตรูทั้งสิ้น และคนเหล่านี้เป็นเป้าหมายที่หวังซีเอ่อและหวังเผยจูกําลังตรวจสอบอยู่ เขากุมหลักฐานการกระทำความผิดที่คนพวกนั้นรับสินบน คบค้าส่วนตัวเป็นการลับ ๆ กับทูตพิเศษเฉิงเสี่ยอี้ไว้ได้เรียบร้อยแล้ว แต่ในรายชื่อนั้นที่หวังซีเอ่อไม่อยากจะเชื่อในการอ่านและวิเคราะห์คือ ‘ฮ่องเต้อู๋ซั่วกู๋’ ผู้ที่สวามิภักดิ์กลับคิดทรยศ ส่งสายลับพิเศษเข้าร่วมด้วยนั่นคือ ‘อู๋เสี่ยวหวา’ ฮองเฮาแคว้นเหยาชุน หวังซีเอ่อหน้ามืดแทบจะเป็นลม สับสนขุ่นมัวข้องใจจนหายใจไม่ออก ยิ่งคำพูดของเฉิงกุ้ยเฟยก่อนหน้านี้หลายวันก็ย้ำชัด ตอนขอเข้าพบเขาเป็นการส่วนตัวว่ามีหนอนบ่อนไส้ในแคว้นเหยาชุน หวังยึดครองอำนาจและบ่อนทำลาย นางบอกว่าเป็นคนใกล้ตัวที่ฮ่องเต้คงคาดไม่ถึง“เสด็จพี่ทรงอย่าไว้ใจฮองเฮามาก แล้วท่านจะเสียใจภายหลังได้นะเพคะ”นั่นคือคำพูดที่เฉิงลี่เฉี่ยวทิ้งไว้ให้ก่อนจากลา ทำให้เขาจิตใจว้าวุ่นไม่สงบ ไปพบหน้าอู๋เสี่ยวหวาที่สดใส กลับเป็นเขาที่มืดหม่นจนเสียบรรยากาศ“เสี่ยวหวา เป็นเจ้าที่คิดแทงข้างหลังข้าหรือ ทำไมกัน...”และที่อึ้งไปกว่านั้นคือ คนที่เสด็จพ่อเขาทรงโปรดปรานไว้วางใจ กลายเป็นเล
เรื่องเมื่อคืนชินอ๋องจูยืนยันได้แล้วว่าผู้คิดทรยศมีใครบ้าง แต่เขาจะใส่ร้ายคนแบบไม่มีหลักฐานไม่ได้ หากกล่าวหาเลื่อนลอยฮ่องเต้ต้องไม่ทรงเชื่อเป็นแน่ วันนี้เขาจะหวนกลับไปหาแม่นางฟางเย่เซียนอีก แต่พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่เขาหลั่งในตัวนาง ก็หน้าแดงขึ้น มองเงาตนเองที่สะท้อนในอ่างล้างหน้าก็รีบวิดน้ำทิ้ง“นี่เจ้าเป็นอะไรไปเผยจู ตกหลุมรักนางคณิกาผู้นั้นงั้นรึ? เหลวไหลสิ้นดี!”“นางมิได้มีเกียรติมากพอจะเป็นชายาเอกได้ คงเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น”หวังเผยจูพึมพำกับตนเอง พลางสลัดไล่ความคิดฟุ้งซ่านแล้วรีบจัดการกิจวัตรประจำวัน เขาต้องรีบไปรายงานนี้ให้ไท่ซ่างหวง(อดีตฮ่องเต้ที่ยังมีชีวิต)พระบิดาและฮ่องเต้หวังซีเอ่อได้รับรู้ไว้คร่าว ๆ แต่เรื่องของกุ้ยเฟยนั้นจะต้องรอหาหลักฐานให้แน่ใจเสียก่อนตัดมาที่ฟางเย่เซียน จดหมายฉบับนี้ดูมีความสำคัญมาก เพราะเมื่อคืนนางก็ได้ยินตามที่หวังเผยจูแอบฟังทุกถ้อยคำ นางค่อย ๆ ย่องมายังหน้าโต๊ะหนังสือ คลี่กระดาษเซวียนจื่อแผ่นหนึ่งออก คัดลอกจดหมายลับฉบับนี้ลงมาทั้งหมด จากนั้นก็ม้วนกระดาษเซวียนจื่อใส่เข้าไปในกระบอกม้วนภาพแล้วปิดปลายกระบอกทั้งสองด้านอย่างดี ท้ายสุดจึงเอาจดหมายฉบับ
“คือ...เฮ้อ!” เฉิงกุ้ยเฟยวางท่าแบบไม่ได้รับความเป็นธรรมมาก เดินมานั่งลงด้านข้าง กอดอกกล่าวแบบไม่พอใจ“เมื่อไหร่ท่านจะจัดการฮ่องเต้กับฮองเฮาเสีย โดยเฉพาะอู๋เสี่ยวหวาชาวซีเป๋ยนั่น ให้มันเป็นแพะรับบาปเสียที ข้าชักจะอดใจรอแผนการของท่านกับใต้เท้าจงไม่ได้แล้วนะ! จะให้ข้าอดทนรอไปถึงไหน!”ใต้เท้าเฉิงทำเสียงเยาะในลำคอหนึ่งคํา แล้วผ่อนลมหายใจ ทัดผมให้นาง “เอาน่าลี่เฉี่ยว เจ้าอดใจรออีกนิด อีกไม่นาน แผนของเราใกล้สำเร็จแล้ว"“จริงหรือไม่”เฉิงกุ้ยเฟยถามย้ำ ใต้เท้าเฉิงพยักหน้าส่งยิ้มให้ นางก็พลันหน้าแดงก่ำไปทั้งหน้าเผยยิ้มแห้ง ข่าวสารทางทหารรัฐเหยาชุนแต่ละอย่างล้วนส่งต่อผ่านมือเฉิงกุ้ยเฟย ดังนั้นจึงไม่อาจใช้ไม้แข็งกำราบรวบรัดนางได้โดยตรง“ข้ากล่าวจริงแล้ว ตำแหน่งที่เจ้าหวังนั้นจะเป็นจริงลี่เฉี่ยว” ใต้เท้าเฉิงกล่าวจบก็มองสำรวจเฉิงกุ้ยเฟยที่ยังคงงามสะพรั่งไม่มีเปลี่ยน เขายกมือขึ้นถอดเสื้อผ้าของตนเอง เฉิงลี่เฉี่ยวเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย เหตุใดใต้เท้าเฉิงจึงถอดเสื้อ นางหันไปมองหรงเค่อซิวที่นอนเปลือยกายอยู่ก็ไม่ได้มีสีหน้าตกใจ เหมือนนางนั้นคุ้นชินเสียจะมากกว่า“งั้นคืนนี้ข้าขอตัวก่อน” เฉิงกุ้ยเฟยพูดแบบรู
ภายในห้องบนชั้นสามของเรือสำราญอิงซื่อ ฟางเย่เซียนล้มลงเข่าขวากระแทกโดนมุมโต๊ะหินหยกปูดเป็นก้อนทันที เจ็บจนลุกไม่ขึ้น นั่งอยู่กับพื้น มือข้างหนึ่งจับหัวเข่า ครั้นหันหน้าจะเรียกเหล่าอิงซื่อ หรงเค่อซิวก็ผลักนางล้มไปกับพื้นก่อนจะกระโจนเข้าใส่ ดุจพยัคฆ์หิวโหย อีกทั้งกุมปากของนางไว้ด้วย“อย่าได้คิดเรียกผู้ใดมา ไม่มีทาง!”สองขาคร่อมเหนือเอวบางของฟางเย่เซียนอย่างหยาบคาย เปลี่ยนท่าทีต่ำต้อยคุกเข่าวิงวอนเมื่อครู่ไปแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ กล่าวยกตนข่มท่านด้วยหน้าตาหยามเหยียด“นังโสเภณี! แกไม่อยากได้เงินงั้นเรอะ ทำตัวสูงส่งนัก กล้าวางท่าต่อหน้าข้าผู้นี้!”ก่อนหน้านี้ฟางเย่เซียนไม่รับ ‘การขอโทษ’ ของเขา ทั้งยังไม่ให้มาที่นี่และไม่รับเป็นแขกด้วย เหตุนี้เองที่ยั่วโทสะเขาจนเกินทน“อึก! ปล่อยข้านะ!”เมื่อหรงเค่อซิวเริ่มลงมือลงไม้ ฟางเย่เซียนซึ่งรูปร่างบอบบาง ไม่รู้ทักษะการต่อสู้ ไม่ว่าจะขัดขืนอย่างไร โดยพื้นฐานก็ไม่ใช่คู่มือของผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว“นางสารเลวเอ๊ย! ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอกหนาเซียนเอ๋อร์”หลังจากสะบัดมือตบหน้าไปหลายฉาด หรงเค่อซิวเอามือหนึ่งกุมปากกับจมูกของฟางเย่เซียนไว้ อี
“ค่ำคืนเดียวดาย ราตรีมืดมิด หิ่งห้อยน้อยโบยบิน ความคำนึงหามากล้น ดั่งแสงเทียนส่องสว่างเพียงลำพัง เผาไหม้ตนเองจนสิ้น...”เขาท่องบทกวีที่เกี่ยวข้องกับ ‘ความงามแห่งสารทฤดู’ ไม่ออก แต่ชั่วขณะที่เกิดอารมณ์อ้างว้างซึมเศร้า กลับมีกวีโบราณจำนวนไม่น้อยที่ยกขึ้นมาเอ่ยได้ อู๋เสี่ยวหวาไม่ปฏิเสธ เป็นเพราะเขาคิดถึงหวังซีเอ่อ ตนเองจึงนอนไม่หลับ ที่สำคัญ ยิ่งนอนไม่หลับก็ยิ่งคิดถึงเขา“ซีเอ่อ...ตอนนี้ท่านอยู่ที่ไหนนะ..”ยืนที่หน้าต่างนานพอควรจึงรู้สึกถึงไอเย็น อู๋เสี่ยวหวาลูบจมูก เป็นอย่างที่คิด เขาไม่ควรเลียนแบบคนสมัยก่อน ท่องกวีแต่งกลอนหน้าดอกไม้ใต้จันทราอะไรนั่น มันไม่สามารถกลบความกลัดกลุ้มในใจได้เลย กลับเย็นจนเกินทนเสียด้วยซ้ำ อู๋เสี่ยวหวาตกลงใจละทิ้งความคิดที่จะทำตามคำแนะนำของฮองไทเฮาจางหรงผิงรูปลักษณ์สวยหรูไม่เหมาะกับเขาจริง ๆ พรุ่งนี้ถ้าฮองไทเฮาทดสอบอีก ก็แกล้งทำเป็นคิดไม่ออกแล้วกัน ใบไม้ร่วงอะไรนั่นให้มันปลิวไปตามลม ตอนนี้เขามีเรื่องอื่นที่ปวดหัวมากกว่าอู๋เสี่ยวหวาหมุนตัวก็เห็นอันเต๋อจื่อยืนหดคอกอดผ้าคลุมหนังจิ้งจ
อีกทั้งไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำกับผู้ชายมีอะไรเสียหาย นางชื่นชอบในการค้าขายเรือนร่างแลกกับเงินทอง รวมทั้งความรู้สึกที่ถูกผู้อื่นแสวงหา เชิดชูนางเหนือผู้อื่น ประคองไว้ในฝ่ามือ กระทั่งพูดบ่อย ๆ ว่าขนาดพ่อแม่ของตัวเองยังไม่ดีต่อกันขนาดนี้ แม้ ‘ดี’ เหล่านั้นล้วนมีเป้าหมายก็ตามที“หากเจ้าอยากไปจากที่นี่ ข้าไถ่ตัวเจ้าได้นะ”หวังเผยจูเคยพูดเอาไว้ แต่ฟางเย่เซียนไม่ยินยอม ทั้งยังพูดว่า “ข้าชอบทุกสิ่งของที่นี่ การใช้ร่างกายแลกเปลี่ยนทรัพย์สมบัติเงินทองก็มิได้เลวร้ายอะไร นอกเสียจากว่าท่านอยากได้ข้า ข้าจึงจะไปกับท่าน หากท่านจะไถ่ตัวข้า แล้วให้ข้าออกไปอยู่ลำพังภายนอกนั่น ข้าไม่ไปหรอกนะนายท่าน” ที่แห่งนี้นางชินชาและรู้สึกปลอดภัยมากแล้ว หวังเผยจูจึงไม่รบเร้านางอีกความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองไม่เหมือนแขกกับนางคณิกา คล้ายพี่ชายคนโตกับน้องสาวมากกว่า เพียงแต่ในใจน้องสาวผู้นี้มีความรู้สึกเคารพรักมาก มักคิดหาวิธีที่จะได้อยู่กับพี่ชายนาน ๆ เสมอ“ท่านอยู่ต่ออีกสักครู่เถิด ข้าสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องของนายท่านกับขุนนางเหล่านั้นอีก” ฟางเย
ผ่านไปครบหนึ่งสัปดาห์แล้ว เหตุการณ์เป็นจริงตามที่หวังซานเยว่ องค์ชายสามผู้นี้บอก หวังซีเอ่อจากองครัชทายาทเลื่อนขั้นขึ้นสู่บัลลังก์มังกร เป็นฮ่องเต้แคว้นเหยาองค์ที่สิบ หวังหลินอิ่นสละราชบัลลังก์เพราะต้องพักรักษาตัว พระพลานามัยไม่แข็งแรงแล้วเป็นโรคชราไปตามกาลเวลา และจางฮองเฮาเองก็ดำรงค์ตำแหน่งใหม่ เป็น ฮองไทเฮา ฮองเฮาคนต่อไปที่หวังซีเอ่อมีใจให้ทั้งดวงคือเฟิ่งอี๋อู๋เสี่ยวหวา“อู๋เฟิ่งอี๋โปรดรับราชโองการจากฮ่องเต้ อู๋เฟิ่งอี๋คุณธรรมดีมีเมตตาจิต โอบอ้อมอารี ช่วยเหลือราชวงศ์ ดูแลงานราชการได้ดีไม่บกพร่อง จึงได้เลื่อนขั้นรับตำแหน่งฮองเฮาพระมารดาของแผ่นดินองค์ต่อไป มอบของกำนัลฉลองตำแหน่ง กำไลทองคำ ปิ่นปักผมหงส์ทอง หยกแก้วเหมันต์ โปรดน้อมรับราชโองการ”หัวหน้าขันทีโจวจือหยวนกงกงประกาศเป็นทางการ และยินดีกับอู๋เสี่ยวหวาด้วยที่ได้เลื่อนขั้นจากนายสนมขั้นห้า ชั้นเอก ขึ้นเป็นฮองเฮา อู๋เสี่ยวหวาไม่คาดคิด อ้ำอึ้งทำตัวไม่ถูกเหล่าพระสนมในอดีตองค์รัชทายาทต่างก็ได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งใหม่เช่นเดียวกัน เฉิงลี่เฉี่ยว จาก เหลียงตี้ ได้เป็นกุ้ยเฟย เหลียนเสี่ยนหรู จากตำแหน่ง เ