รางวัลที่อาจารย์ประจำคณะบอกมานั้นมันเหมือนเป็นอีกช่องทางให้เป็นที่พึ่งทางใจได้ ในยามสถานการณ์ชีวิตของเธอตอนนี้ หญิงสาวที่ถูกครอบครัวกดดันจนเกิดความเครียดสะสม เพราะการที่เธอมาเรียนสายนี้ก็เป็นเพราะพ่อของเธอนั้นทำงานเกี่ยวกับสายโบราณคดีเหมือนกัน ผู้เป็นพ่อจึงคาดหวังในตัวเธอเป็นอย่างมากที่จะให้เดินตามรอยของเขา และพี่ชายของเธอนั้นก็เอาตัวรอดหนีไปเป็นทหารอากาศ และกลับบ้านแค่ปีละสองครั้งเท่านั้น เท่ากับว่าเธอต้องตกอยู่ในสภาพนี้เป็นเวลาหลายปีแล้วตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เธอต้องการที่พึ่งทางใจเพิ่มอีกทางในการมีชีวิตต่อ ถึงแม้กรีนเองจะมีเพื่อน ๆ ที่คอยให้กำลังใจเธออยู่ก็ตาม
“กรีนแกจะไปกับใคร” ทิชาถามขึ้นเมื่อรู้สึกว่าต้องแยกกันออกไปหา ถ้าไปด้วยกันโอกาสที่จะหาเจอนั้นน้อยมาก เพราะธงแดงนั้นมีเพียงผืนเดียว
“ฉันไปกับวินเทอร์ได้ไหม แกอยากไปกับฉันหรือเปล่า” กรีนหันไปถามเพื่อนหน้าหวานที่กำลังมองมาที่ตนเอง
“ไปด้วยกันก็ได้”
เมื่อตกลงกันได้แล้ว ทุกคนก็แยกกันออกไปค้นหา ทางด้านซ้ายจะเป็นไลอันนาและทิชาส่วนด้านขวานั้นคือกรีนและวินเทอร์ ระหว่างทางเดินนั้น ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ที่ดูร่มรื่นในเวลากลางวัน และถ้าดูจากแผนที่ในมือที่ได้มา หากเดินไปอีกไม่ไกลก็จะเป็นลำธาร
“วินแกจะแยกกันอีกทีไหมเหมือนข้างหน้าจะเป็นทางแยก” กรีนเอ่ยถามเมื่อใกล้ถึงทางแยกตามที่เธออ่านจากแผนที่
“แกจะเอาไง แต่มันอันตรายอยู่นะจะแยกกันเหรอ” วินถามอย่างลังเลเพราะทางข้างหน้านั้นมันก็ดูน่ากลัวถ้าแยกกันก็น่าขนลุกอยู่ไม่น้อย
ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ของกรีนก็ดังขึ้นพร้อมกับปรากฏรายชื่อที่โทรเข้ามา ทำให้กรีนถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัยปนหงุดหงิดที่ปลายสายโทรมาในเวลานี้ ทั้งที่บอกแล้วว่ามาทำกิจกรรม
“ฮัลโหล ค่ะพ่อ” กรีนรับสายก่อนที่จะขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดอีกครั้ง
“แกกลับบ้านเลยได้ไหม พ่อบอกกับอาจารย์แล้ว พ่อจะพาแกไปรู้จักกับคน ๆ หนึ่ง เขาเป็นคนที่จะพาแกไปเป็นมืออาชีพทางด้านนี้ได้เลย” คนเป็นพ่อเอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้นที่จะพาลูกสาวไปหาคนสำคัญ เพราะเขาคนนี้คือมือหนึ่งของการตรวจสอบวัตถุโบราณ และของที่มีอายุหลายร้อยปีซึ่งสามารถฝากงานให้ลูกสาวของตัวเองเข้าไปเรียนรู้วิชาได้
“พ่อหนูยังกลับไปไม่ได้หนูบอกพ่อแล้วไม่ใช่เหรอคะ ว่าครั้งนี้หนูขอออกมากับเพื่อน ๆ บ้าง” กรีนตอบกลับอย่างใจเย็นแต่ก็แอบปนเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย
“ตอนนี้ ต้องตอนนี้เท่านั้นพ่อจะให้คนไปรับแก” คนเป็นพ่อยังไม่ลดละความพยามในการให้ลูกสาวนั้นกลับบ้าน
“โอกาสหน้าถ้าเขามาเราค่อยไปเจอก็ได้นี่คะ” หญิงสาวเสนอทางให้กับพ่อที่ยังคงดั้นด้นจะให้เธอกลับไป
“อย่าดื้อได้ไหม บอกให้กลับก็กลับ !!” เสียงใหญ่ตะโกนอกมาจนสุดเสียง แต่สายก็ถูกตัดไปเสียก่อน
“หนูไม่กลับ !! พ่อไปหาเขาเองเถอะหนูไม่ไปไหนทั้งนั้น หนูจะอยู่ที่นี่ !!ถ้าพ่อยังบังคับหนูแบบนี้อีก พ่อจะไม่ได้เห็นหน้าของหนูอีกต่อไป” กรีนตะคอกคนเป็นพ่อกลับไปก่อนจะตัดสายทิ้งอย่างไม่เคยได้ทำมาก่อน
เธอนั้นเริ่มไม่อยากทำอีกต่อไปแล้ว ทุกวันนี้เธอเพียงอดทนให้ได้ผ่านไปได้แต่ละวันเพื่อจะได้หลุดพ้นและรอวันที่เธอจะได้เลือกทางของตัวเอง แต่เหมือนวันที่เธอรอกลับริบหรี่ลงเรื่อย ๆ เมื่อพ่อของเธอนั้นยังคอยควบคุมเธออย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นที่ให้เธอได้หายใจเลยสักนิดแล้วแบบนี้เธอจะทนไหวได้แค่ไหนกัน
“แกไหวไหม กลับที่พักก่อนไหมกรีน” วินเทอร์ถามเพื่อนอีกครั้งหลังจากที่ได้ยินเสียงบทสนทนาของเพื่อนและพ่อ เขารู้ดีว่าเพื่อนของตัวเองนั้นผ่านอะไรมาบ้าง ตลอดเวลาสี่ปีที่รู้จักกันมาเพื่อนแต่ละคนก็ไม่ได้มีเส้นทางที่สวยหรูอย่างที่คนอื่นคิดสักเท่าไหร่
“ไม่เป็นไร เราไปกันต่อเถอะ” กรีนบอกกับวินเทอร์ก่อนจะพากันเดินไปจนถึงทางแยก ก่อนจะตัดสินใจที่จะแยกกันที่ทางเดิน
เสียงใบไม้ที่ในคราแรกไม่ได้ไหวติงตอนนี้มันกลับเคลื่อนไหวโดยที่ไม่ได้มีลมพัดผ่าน เสียงมวลสารบางอย่างกำลังหลอมรวมตัวกันอยู่ในที่มืดมิดและหนาวเย็นและอยู่ในส่วนลึกของที่แห่งหนึ่งเหมือนกำลังรอดูดกลืนบางสิ่งให้จมหายไป
กรีนที่เดินแยกออกมาจากเพื่อนหน้าหวานเดินตรงเข้าไปในป่าอีกฝั่งแต่ทางนั้นกลับเป็นทางที่เป็นเส้นทางนอกแผนที่อย่างไม่รู้ตัวเหมือนกับมีบางอย่างดึงดูดให้กรีนนั้นเดินเข้าไป และทางด้านหน้าของเธอนั้นก็พบกับธงสีแดงที่ปักอยู่เกาะกลางน้ำ ในใจก็นึกเพียงว่า เธอชนะแล้ว แต่กลับลืมคิดไปว่าทำไมมันถึงไปอยู่ในที่ตรงนั้นได้…
เส้นทางเบื้องหน้าเป็นทางยาวและรายล้อมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ที่เริ่มหนาทึบมากขึ้น และเส้นทางที่กรีนเดินแยกออกไปนั้นตามความเข้าใจของหญิงสาวแล้ว เธอคิดว่าเส้นทางที่เธอกำลังเดินอยู่เป็นทางหลักที่ดูจากแผนที่ เธอเดินไปตามขอบทางเดินจนไปเจอทางแยก ราวกับว่าถูกมนตร์ขลังบางอย่างดึงดูดเข้าไปด้วยเหตุผลบางอย่าง หญิงสาวตัดสินใจเดินแยกไปทางขวา โดยที่กรีนนั้นไม่รู้ตัวเองเลยว่าตนนั้นกำลังเดินออกนอกเส้นทางจากทางหลักที่เดินมา เส้นทางที่ดูเรียบง่ายไม่รกจนน่ากลัวทำให้กรีนนั้นเดินตรงเข้าไปอย่างไม่ลังเล โดยไม่คิดที่จะหยิบแผนที่ออกมาดูเลย ในใจของเธอจดจ่อแค่การเดินตรงไปยังทางข้างหน้าเท่านั้นกรีนก้าวเดินอย่างมั่นใจไปตามเส้นทางที่เธอคิดว่าจะนำพาเธอให้ไปยังจุดหมายที่มีธงสีแดงอยู่ เสียงใบไม้สั่นไหวไปตามแรงลม เป็นเสียงประกอบที่น่าแปลกหูเมื่ออยู่ในป่าที่เงียบสงบเช่นนี้ แต่เมื่อเดินเข้าไปลึกขึ้นเรื่อย ๆ เสียงเหล่านั้นกลับยิ่งดูวังเวงและน่ากลัว เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างกำลังกระซิบกระซาบข้างหูมาจากเบื้องหลังความรู้สึกสงสัยเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของกรีน เธอหันซ้ายหันขวา พยายามมองหาป้ายบอกทางหรือร่องรอยใด ๆ ที่บ่งบอกว่านี่คือเส
กรีนรู้สึกเหมือนร่างกายของเธอนั้นถูกบีบอัดจากใต้ผืนน้ำ ขณะที่ร่างกายของเธอถูกดูดลงไปในน้ำวนอย่างรวดเร็ว เธอพยายามจะดิ้นรนและขัดขืน แต่แรงน้ำอันมหาศาลกลับดูดกลืนร่างกายของเธอลงไปอย่างไม่ปราณีแสงอาทิตย์ที่เคยส่องกระทบผิวน้ำค่อย ๆ เลือนลางหายไปจนหมดสิ้น ความมืดมิดตามแผ่ปกคลุมไปทั่วทุกแห่ง เหมือนราวกับว่าเธอถูกขังอยู่ในโลกที่ไม่มีแสงสว่าง มันเงียบสงบราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ อาศัยอยู่เลยแรงดันน้ำที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ปอดของเธอเริ่มจะขาดอากาศหายใจ หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก ความรู้สึกเจ็บปวดทรมานแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายภาพของครอบครัว เพื่อนฝูง ผุดขึ้นมาในความคิด เธออยากจะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้โอกาสนั้นจะเลือนลางไปทุกทีในขณะที่กำลังจะหมดสติ กรีนเห็นภาพของธงสีแดงผืนเดิมอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้มันกลับไม่ใช่สีแดงแต่เป็นสีดำมืดทั้งยังดูน่ากลัวมากกว่าเดิมเมื่อร่างของกรีนจมลงลึกขึ้นเรื่อย ๆ ความเงียบสงบภายใต้ผืนน้ำกลับดูน่ากลัว ความมืดมิดที่ปกคลุมอยู่รอบตัวกรีนนั้นดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด มันเหมือนกับหลุมดำที่พร้อมจะกลืนกินทุกสิ่งที่เข้ามาใกล้กรีนพยายาม
เสียงอาชาและเหล่าทหารเคลื่อนตัวไปยังป่าแห่งกาลเวลาทางตอนเหนือของเมืองซิลเวอร์วิลล์ เพื่อสำรวจพื้นที่ตามตารางเวลาการลาดตระเวน แสงแดดที่ไม่เคยเข้าถึงทำให้ทุกคนต่างต้องถือคบเพลิงในการเดินทาง บรรยายกาศที่หนาวเหน็บไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ เพราะภายในร่างกายของพวกเขานั้นเยือกเย็นยิ่งกว่าอากาศด้านนอกเสียอีกทหารร่างกำยำเดินเข้ามาหาผู้นำของเมือง ดวงตาสีเหลืองทองดุดัน น่ากลัว กำลังรอการรายงานผลการตรวจตราพื้นที่ด้วยท่าทีนิ่งขรึม องครักษ์ที่อยู่ขนาบข้างผู้นำเปิดทางให้กับทหารผู้นั้นพร้อมกับโค้งคำนับ ผู้เป็นนาย“รายงานท่านบาบารัส ตอนนี้ทางตอนเหนือทุกอย่างปกติไม่มีสิ่งใดบุกรุกครับท่าน”“เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี” เสียงเคร่งขรึมที่อยู่บนหลังม้าสีดำที่เด่นสง่าเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปที่ทหารใต้บังคับบัญชาของตนเอง“แน่ใจ…ครับ ข้าน้อยว่าไม่น่าพลาดอะไร” เสียงตะกุกตะกักเอ่ยขึ้นด้วยความลังเลใจในคำถามของผู้เป็นนาย“และสิ่งที่ข้าให้เจ้าไปหา เจอร่องรอยอะไรหรือไม่” เสียงดุดันเอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนจะมองจ้องคนที่ยังก้มมองพื้นโดยไม่สบตากับตน“มะ…ไม่เจอขอรับ” เสียงเข้มเริ่มสั่นกลัวเพราะผู้เป็นายเริ่มก
เสียงใบไม้ที่เสียดสีจากการเคลื่อนตัวของร่างยักษ์ ทำให้สัตว์ในบริเวณนั้นรู้ได้ทันทีว่าท่านผู้นำกำลังมาเยือน สัตว์ทั้งหลายพากันหลบอย่างรวดเร็ว ภายในความมืดกับเรือนร่างยักษ์สีดำขลับที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติทำให้ยากต่อการมองเห็น เมื่อใกล้ถึงที่หมายจึงลดความเร็วลงจนกลายเป็นเงียบสงัดเมื่อพบสิ่งที่เป็นต้นตอของเสียงที่ได้ยิน หยุดและเฝ้าดู อย่าให้ศัตรูรู้ตัว ร่างยักษ์ส่งสัญญาณภายในจิตให้กับเหล่าทหารที่อยู่บริเวณโดยรอบบ่อน้ำแห่งกาลเวลานี้เพื่อเฝ้าดูสิ่งตรงหน้าร่างของหญิงสาวที่กำลังผุดขึ้นมาจากน้ำอย่างทุลักทุเลอยู่ในสายตาของร่างยักษ์ เธอนั้นดูอ่อนแรงและไม่เหมือนกับศัตรู แต่ก็ไม่สามารถชะล่าใจไปได้เพราะศัตรูนั้นสามารถมาได้ในทุกรูปแบบ เสียงหายใจหอบของเธอดังเข้ามาในโสตประสาทของเขาอย่างชัดเจน สายตาคมยังคงจ้องมองไปที่ร่างบางอย่างไม่ละสายตาเหล่าทหารที่อยู่บริเวณโดยรอบไม่กล้าขยับไปไหน ตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้านาย และทำได้เพียงเฝ้าดูร่างของหญิงสาวที่กำลังขึ้นมาจากผืนน้ำเบื้องหน้าด้วยความยากลำบาก เสียงกิ่งไม้ขยับจากการเคลื่อนตัวของทหารนายหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากหญิงสาว ทำให้ผู้เป็นนายถึงกับส่งสายตาดุดันไปให
เสียงฮือฮาเกิดขึ้นภายในคฤหาสน์ เพราะการกระทำของผู้เป็นนายนั้นสร้างความตกใจให้กับผู้คนในที่แห่งนี้ร่างกำยำกำลังเดินขึ้นไปยังชั้นสองและพาหญิงสาวแปลกหน้าไปยังห้องรับรองตลอดทางเดินสาวใช้ก็มองด้วยความตกตะลึงบางคนก็ถึงกับเอามือทาบอก หรือบางคนก็เอามือป้องปาก“นะ…นายท่าน” สาวใช้อุทานออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบากับภาพตรงหน้าร่างกำยำมองไปที่สาวใช้ก่อนที่พวกเธอจะหลบสายตาคมดุของเขาภายในห้องรับรองมีเตียงกว้างอยู่กลางห้อง และดูมืดมิด มีเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่ส่องเข้ามาเพียงเล็กน้อยกรีนถูกร่างหนาวางลงอย่างนุ่มนวลใบหน้าของเธอยังเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบโคลนและเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตลอดการเดินทางจนถึงตอนนี้ ร่างของเธอนั้นสั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บเพราะอุณหภูมิในร่างกายของใครบางคนนั้นไม่ได้อบอุ่นแม้แต่น้อย“จัดการพานางอาบน้ำให้เรียบร้อย อีกครึ่งชั่วโมงข้าจะกลับมา” บาบารัสเดินออกจาห้องรับรองไปพร้อมกับหยิบเสื้อคลุมตัวโปรดมาสวมใส่ร่างหนาเดินออกมาจากห้องรับรองและเดินลงไปยังชั้นสอง เพื่อไปเอาของบางอย่างที่ห้องทำงานหลังจะทำงานเสร็จ ร่างหนาเปิดประตูเข้าไปหยิบดาบคู่ใจที่ติดอยู่บนกำแพงออกมาเพื่อออกไปที่ลานประล
“นายท่าน...ข้าน้อย...ทำอะไรไม่คิด...ให้อภัย…อ้ากกกกก !!!”เสียงร้องครวญครางดังลั่นท่ามกลางสายตาหลายคู่ปลายดาบแทงลงที่ขาแกร่งของผู้น้อย มันลึกลงจนทะลุเนื้อหนัง ไม่เพียงแค่นั้นมันกลับโดนแทงซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่ปราณีจนเขาสลบไปเลือดสีแดงสดสาดกระเด็นเปรอะไปตามตัวของท่านผู้นำทหารหลายนายที่อยู่ในบริเวณนั้นทำได้เพียงยืนมองและอาลัยให้กับเพื่อนทหาร“นายท่าน...เอ่อ” วิลล์ที่เห็นว่าทหารนายนั้นได้หมดสติไปแล้วแต่ตนเองก็ยังคงกลัวเมื่อไปขัดผู้เป็นนาย“เอาเสื้อมาให้ข้า” ร่างสูงรับเสื้อมาเช็ดคมดาบที่เปื้อนเลือดด้วย สีหน้าเรียบเฉยและนัยน์ตาที่กลับมาปกติดังเดิมมือหนาปาเสื้อไปที่ร่างของผู้น้อยที่นอนแน่นิ่งพร้อมกับเดินออกมาจากลานประลองบาบารัสไม่ชอบการถูกหักหลังการลอบกัดมันทำให้เขาหงุดหงิดและโมโห เขาจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เมื่อใดที่เขานั้นควบคุมตัวเองไม่ได้ ทุกอย่างภายในตัวก็ปะทุเหมือนลาวาไอร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกายบ่งบอกถึงความเดือดดาลในใจเพราะอดีตที่ปวดร้าวมันทำให้เขานั้นต้องเป็นคนที่ดุร้ายและน่ากลัว“ท่านครับ...” วิลล์เดินตามร่างสูงเข้ามาในคฤหาสน์เสื้อคลุมตัวเก่งที่ถืออยู่ในมือถูกส่งให้กับผู้เป
ดวงตาเรียวสวยสีน้ำตาลทองกระพริบถี่เพื่อปรับสายตาพร้อมกับมองไปรอบ ๆ ตัวภายในห้องที่มีเพียงแสงคล้ายแสงของจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้อง กับตะเกียงสีเหลืองนวลที่ถูกจุดทิ้งไว้เพื่อให้ความสว่างร่างบางค่อย ๆ ขยับตัวอย่างช้า ๆ เพียงปลายเท้าแต่พื้นก็สัมผัสได้ถึงความเย็นที่แผ่ซ่านไปทั่วฝ่าเท้า“ที่นี่ที่ไหนกัน…” กรีนลุกขึ้นยืนพร้อมกับอาการเซเล็กน้อยเพื่อปรับสมดุลร่างกายสายตาสอดส่องไปทั่วห้องพร้อมกับหยิบตะเกียงบนหัวเตียงเพื่อเดินสำรวจภายในห้องทุกอย่างถูกตกแต่งไปด้วยผ้ากำมะหยี่สีเขียวและดำสลับกันไม่ว่าจะเป็นมุ้งของเตียงที่เป็นผ้าแก้วสีดำประกายเมื่อสะท้อนกับแสงแสงของหิ่งห้อยที่อยู่เหนือหัวกำลังแข่งกันส่องแสงเพื่อวดความสวยงาม แต่ในใจของหยิงสาวในตอนนี้ถึงมันจะดูน่าภิรมย์แต่ก็ยังมีความกลัวเข้ามาครอบงำอยู่ดี ขาเรียวเดินไปยังกระจกบานใหญ่ปลายเตียงพบกับร่างตัวเองที่สวมใส่เสื้อผ้าแปลกไป มันในคล้ายกับชุดในหนังแถบยุโรปที่เคยดู ชุดเดรสสีขาวคล้ายชุดนอนทำให้เธอนั้นไม่ค่อยมั่นใจแต่แล้วเธอกลับได้ยินเสียงบางอย่างที่นอกประตู เธอหันไปด้วยความรวดเร็วและเดินไปเปิดประตูก็พบกับทหารร่างกำยำสองคนหันมามองเธอ และชายหนุ่มที่แ
“สอบสวนเธอ” ร่างสูงชี้ไปที่หญิงสาวก่อนจะนั่งไขว่ห้างเพื่อรอการเริ่มสอบสวนเบลอนเดอร์เดินเข้าไปที่ร่างบางก่อนจะเริ่มการสอบสวนในทันที ในเมืองของเขาถือสมุดกับปากกาขนนกเพื่อบันทึกการสอบสวน“เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร” เบลนเดอร์มองไปร่างบางด้วยสายตาราบเรียบและใช้โทนเสียงทุ้มต่ำ“….” กรีนไม่ได้ตอบอะไรออกไปก่อนจนรู้สึกถึงบางอย่างที่เข้ามากระทบที่ตัว มันคือโคลนที่ผสมน้ำคราบสีดำดูน่าขยะแขยงทำให้กรีนนั้นถึงกับตกใจ“ให้ความร่วมมือกับพวกเราก่อนที่หลังจากนี้มันจะไม่ใช่โคลน” เบลนเดอร์เอ่ยอีกครั้งด้วยแล้วมองไปที่ตาสวยของร่างบางตรงหน้า“น้ำ...มากับน้ำ” กรีนเงยหน้ามองทหารที่กำลังถามคำถามเพื่อสอบสวน เขาเหมือนคนที่ไม่ได้ดูร้ายอะไรแต่ดวงตาของเขามันกลับดูเยือกเย็น“ทำไมเจ้าถึงขึ้นมาจากน้ำ” เบลนเดอร์ค่อย ๆ ถามอย่างช้า ๆ พร้อมสังเกตดวงตาสีน้ำตาลทองเพื่อดูความผิดปกติ“ฉันจมน้ำ…ฉันกลัว” กรีนตอบด้วยเสียงแผ่วเบาและนึกถึงตอนที่ตัวเองกำลังอยู่ภายใต้น้ำวนที่มีพลังมหาศาลมันทั้งหนาวเหน็บและน่ากลัว ทั้งความมืดมิดที่ตัวเองเกลียดชังทำให้ไม่อยากนึกถึงมันอีก“ตอบให้ชัดเจนกว่านี้ !” เบลนเดอร์เดินอ้อมไปยังด้านหลังของหญิงสา
ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ ใบหญ้าเขียวขจีไหวเอนตามลมที่พัดผ่าน เสียงนกร้องเพลงอยู่ไกล ๆ และแสงแดดที่ส่องกระทบพื้นดินให้เกิดประกายอ่อน ๆ บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุขในวันหยุดที่สมบูรณ์แบบ บาบารัสและกรีนพาลูก ๆ ออกมาเที่ยวในธรรมชาติที่งดงาม และวันนี้ก็เป็นวันที่ทั้งครอบครัวได้มาพักผ่อนในทุ่งหญ้ากว้างที่มีต้นไม้ใหญ่และดอกไม้หลากสีบาบารัสยิ้มอย่างมีความสุขขณะเล่นกับลูก ๆ ของเขา ลูกสาวคนโต บริสตัน วัย 4 ขวบ กำลังวิ่งไล่จับลูกบอลที่เขากลิ้งไปมาในสนาม เธอมีท่าทางฉลาดแฉลบและคล่องแคล่ว ทำให้บาบารัสรู้สึกภูมิใจในตัวลูกสาวมาก ส่วนกราเซีย ลูกสาวแฝดของเธอที่มีอายุเท่ากันกำลังวิ่งตามพี่สาวไป และในขณะเดียวกันลูกชายคนเล็ก บรากัส ที่มีอายุแค่ 3 ขวบก็วิ่งไป ๆ มา ๆ ไม่หยุด เขามักจะล้มตัวลงไปบ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยทำให้เขาหยุดยิ้ม“เร็ว ๆ หน่อย ! บรากัส !” บาบารัสตะโกนด้วยเสียงแหบ ๆ ขณะที่เขาวิ่งตามลูกชายที่ขำ ๆ กระโดดไปชนต้นไม้ จนเสียงดัง “โครม !” บรากัสล้มลงไปกองกับพื้น“โอ๊ะ ! บรากัส !” กรีนที่นั่งอยู่ห่าง ๆ ก็รีบลุกขึ้นมามอง แต่เมื่อเห็นลูกชายหัวเราะอย่างมีความสุขและไม่เป็
ในเมือง Sunthawarm ที่เต็มไปด้วยความสวยงามและความอบอุ่น แสงแดดที่ทอแสงอ่อน ๆ ปล่อยแสงทองสว่างไสวลงมาบนพื้นดินอันเขียวขจี ใบไม้ไหวเอนในลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านมา ทุกสิ่งดูเหมือนจะเปล่งประกายขึ้นด้วยความสุขและความมหัศจรรย์ การแต่งงานระหว่างบาบารัส มีเสน่ห์และความกล้าหาญกับกรีนผู้มีความใจดีและแข็งแกร่ง ทั้งสองเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบ และวันนี้พวกเขาจะได้ประกาศความรักและผูกพันไปตลอดกาลในพิธีแต่งงานที่แสนพิเศษครั้งนี้เมือง Sunthawarm เป็นสถานที่ที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นเมืองที่มีพลังมหัศจรรย์อันล้ำค่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า แสงแดดที่สัมผัสกับท้องฟ้าจะเปล่งประกายราวกับมีการเวทมนตร์แฝงอยู่ในนั้น พิธีการทั้งหมดจัดขึ้นในลานกว้างกลางเมือง ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านสาขากว้างขวาง ดอกไม้สีทองอร่ามกระจายทั่วทุกมุม ลมอ่อน ๆ พัดผ่านลอยกลิ่นหอมจากดอกไม้หลากหลายชนิด ขนาบข้างไปกับเสียงร้องของนกที่บินอยู่เหนือท้องฟ้าและเสียงของแม่น้ำใสสะอาดที่ไหลผ่านตามธรรมชาติทุก ๆ คนที่มาร่วมงานในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้คนจากหมู่บ้านใกล้เคียง สัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในป่า แพะมังกรปีกสีน้ำเงิน หรือม
ในหลายวันถัดมา ภายในห้องนอนของบาบารัสที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบและอบอุ่น ทั้งสองคนกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งหลังจากเวลานานที่ห่างหายไป ความรู้สึกหลากหลายที่เคยปะปนกันในใจของบาบารัส ตอนนี้ได้ถูกละลายไปแล้วด้วยอ้อมกอดและสายตาของกรีนที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย ที่แม้กระทั่งบาบารัสยังไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าความอบอุ่นแบบนี้จะเข้ามาทำให้เขารู้สึกอ่อนลงจนแทบจะไม่สามารถต้านทานได้เขาค่อย ๆ ทอดตัวลงบนเตียงที่ถูกจัดวางอย่างสวยงามด้วยผ้าห่มหนานุ่ม มีแสงจันทร์ที่ทอดส่งลงมาอ่อน ๆ ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ห้องนอนดูสงบและน่าหลงใหลยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่บาบารัสหันไปมองกรีน ความรู้สึกที่ตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความรักจะกลับมาโหมกระหน่ำในหัวใจของเขา กรีนยังคงความงามที่ทำให้หัวใจของเขากระตุกทุกครั้งที่เห็น เธอมีดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนดวงดาวในยามค่ำคืน ผมยาวสีดำที่สยายไปบนหมอนกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธอปลุกความรู้สึกอบอุ่นในตัวเขาให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้งหลายครั้งที่บาบารัสนั่งอยู่ข้าง ๆ กรีน ขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสือหรือนั่งทำอะไรบางอย่าง บาบารัสมักจะมองเธอด้วยความเงียบงัน การมองเธอในทุก ๆ การเคลื่อนไหวท
บรรยากาศในห้องสมุดใหญ่ของปราสาทหลากหลายสีสันยังคงเงียบสงัดเหมือนเคย สองมือของบาบารัสจับแน่นกับตำรามหาวิทยาลัยเก่าแก่เล่มหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาไม่ยอมละสายตาจากหน้าเรียบ ๆ ของมัน แม้จะเป็นตำราที่เต็มไปด้วยตัวอักษรที่ทับซ้อนจนยากจะเข้าใจ ความมุ่งมั่นและความหลงใหลในเป้าหมายของเขายังคงท่วมท้น มันไม่ใช่แค่การค้นหาความรู้ทางเวทมนตร์ แต่เป็นการค้นหาทางสู่คนที่เขารัก และเขาคิดว่าไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เขาก็จะทำเพื่อเธอให้ได้ตั้งแต่วันนั้นที่เขาได้รู้ว่าเธอได้จากไปที่โลกมนุษย์ เขาแทบจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ เขาหมกมุ่นกับการฝึกฝนเวทมนตร์ที่เขาเชื่อว่าจะพาเขากลับไปหากรีนได้ ไม่ว่าโลกนี้จะให้ราคาต่ำกับความพยายามของเขามากแค่ไหน เขาก็จะไม่ยอมแพ้ เพราะเขาเชื่อมั่นว่ามีบางอย่างในเวทมนตร์ที่จะทำให้เขาได้กลับไปหาคนที่เขารักหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย แม้กระทั่งในยามค่ำคืนที่ปราสาทเงียบสงัด เขาก็ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ยกแก้วสุราเข้าปากเพื่อทำให้ความมึนเมาสามารถกลบเสียงในหัวที่กระซิบถึงชื่อของเธอได้บ้าง แต่ก็ทำไม่ได้ ความคิดถึงของกรีนยังคงกัดกร่อนในจิตใจของเขาอยู่เสมอ
“ก็ตามที่ข้าคุยกับเจ้าไว้ว่าเจ้าต้องกลับบ้านแบบที่ไม่ได้กลับจริง ๆ ข้าจะพาเจ้าไปอยู่ที่หนึ่งก่อน เหมือนเจ้าได้หายตัวไปจากพวกเราจริง ๆ” รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยเมื่อได้เวลาเล่นสนุกกับบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น“จะพาฉันไปไหน” กรีนมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความกลัวเพราะถึงเธอจะดูน่ารักแต่ก็เจ้าแผนการณ์ไม่ใช่น้อย“เชื่อใจข้าเถอะแค่ไปอยู่ที่นั่นเดี๋ยวเดียวก็กลับ” มิสไวท์ลุกขึ้นพร้อมกับจูงมือหญิงสาวเดินออกจากห้องหมากรุกและสั่งเหล่าทหารให้พากันเตรียมตัวออกเดินทางส่งนางเอกกลับโลกมนุษย์โดยที่ยังไม่บอกบาบารัสทุกอย่างเตรียมการณ์อย่างรวดเร็วและทุกอย่างถูกปกปิดไว้ไม่ให้ผู้ปกครองเมืองอย่างบาบารัสให้ได้รู้เพราะตอนนี้มิสไวท์ได้ให้ทหารคอยจับตาดูบาบารัสไว้ เมื่อถึงเวลาที่ได้กำหนดกันไว้ค่อยปล่อยข่าวไปถึงหูสหายของตน“เจ้าพร้อมแล้วใช่ไหม ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นรถม้าคันนั้นไปได้เลย” มิสไวท์เอ่ยพร้อมพาตัวหญิงสาวมายังรถม้าที่จะออกเดินทาง และมันไม่ได้ไปไกลจากที่นี่มากนักคิดเสียว่าให้หญิงสาวได้ออกมาพักผ่อนจิตใจ“อื้ม...ข้าฝากด้วยนะ” กรีนเดินขึ้นรถม้าที่ไม่เป็นที่สะดุดตาพร้อมเดินทางออกจากคฤหาสน์ไปทางด้านหลังโดยมีทห
กรีนตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย ร่างเปลือยเปล่าขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะสัมผัสได้ถึงแขนแกร่งที่ยังคงโอบรัดเธอไว้ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เธอไม่น่าให้มันเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ หากใจอ่อนแผนที่ได้วางไว้คงได้พังลงแน่ ๆ ความเหนียวหนึบตามตัวทำให้เธอนั้นขยับตัวได้อย่างยากลำบาก ก่อนจะคว้าผ้ามาคลุมตัวไว้เพื่อไปชำระร่างกาย เสียงน้ำที่ตกกระทบทำให้อสรพิษหนุ่มตื่นขึ้น ใบหน้าคมหันมองคนข้างกายแต่กลับไม่พบกายหนาย่างกายไปตามเสียงของน้ำด้วยสภาพเปลือยเปล่า เขามองเห็นกรีนที่กำลังอาบน้ำอยู่ หากแบบนี้อาจจะเรียกว่าถ้ำมองหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ แต่เขาไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือคนรักของเธอคงไม่เป็นอะไร“เจ้า…” บาบารัสเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล“นาย !!” กรีนร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบคว้าผ้ามาห่อตัวเอาไว้“เจ้าจะอายอะไรข้าอีก เห็นกันมานักต่อนักแล้ว” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นแขนแกร่งไปสัมผัสที่หญิงสาวเสียงของชายหนุ่มดูหยอกล้อเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าทางกลัวเขาเห็นของรัก ในเมื่อเห็นมากันทุกซอกทุกมุมแล้วจะไปกลัวอะไร แปลกคนยิ่งนัก “ออกไป...” กรีนเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบเช่นกัน พร้อมกับเห็นสีหน้าที่ทำเขานิ่งอึ้งไป“ไม่...ข้าไม่ไป” อสรพิษหนุ
ร่างกำยำกอดรัดเอวบางแนบชิดตัว สายตาดุดันที่ยากจะกักเก็บความรู้สึกเอาไว้ สิ่งที่เขาได้ยินสิ่งที่เขาได้เห็นว่าพวกบ้านั่นมันพูดถึงคนที่ตนรักว่าอย่างไร เพียงนึกถึงตอนที่อยู่ในบาร์นั่นเขาก็แบบอยากจะลุกอัดหน้าพวกนั้นให้แหลกคามือ เขามองจ้องไปยังร่างบางอยู่ภายใต้การควบคุมของตนในตอนนี้ เธอมองเขาด้วยสายตาสั่นระริก “ข้าไม่ชอบ...”เสียงหายใจหอบที่ปนไปด้วยความรู้สึกที่อัดอั้น เขาพยายามอดกลั้นอารมณ์ของตัวเองแต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้มันไม่สามารถควบคุมได้อีกแล้ว สายตาไล่มองไปตามเรือนร่างอรชร เสื้อผ้าที่สวมใส่มันดูบางเบาถึงแม้ด้านในจะเป็นผ้าหนาทึบแสงก็ตาม สันจมูกคมดอมดไปตามกรอบหน้าสวยไล่คลอเคลียคอระหงอย่างช้า ๆ จนได้ยินเสียงหัวใจของหญิงสาวที่กำลังเต้นโครมครามเหมือนกลองรัว “อ๊ะ…บาบารัสอย่านะ” กรีนร้องออกมาพร้อมกับหดคอหนีด้วยความรวดเร็ว“อย่าขัดใจข้า” บาบารัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เอาแต่ใจที่สุด…คนใจร้าย” กรีนเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจพร้อมกับดันอกแกร่งที่ยังคงอยู่เหนือร่างของเธอ“ใจร้ายเหรอ เจ้านั่นแหละที่ใจร้ายกับข้า” “ฉันเนี่ยนะ...”กรีนเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ บาบารัสยังคงไม่รู้ความผิดของตัวเอง ทั้
หญิงสาวร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเธอได้ยินเสียงใครบางคนเข้ามาในห้องของเธอ ร่างบางจึงหันกลับไปมองแต่ไม่คิดว่าคนที่เข้ามานั้นจะเป็นบาบารัสที่เข้ามาประชิดตัวเธออย่างรวดเร็วจนเธอนั้นตั้งตัวไม่ทัน จนเกือบเซล้มลงไป“ตกใจอะไรขนาดนั้น” อสรพิษหนุ่มมองเข้าไปในดวงตาจองเธอที่ดูสั่นไหวกลิ่นเครื่องหอมที่คละคลุ้งไปทั่วทั้งตัวหญิงสาว ทำให้บาบารัสถึงกับขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดอีกครั้ง แขนแกร่งคว้าตัวเธอเข้ามาแนบชิดกายหนาของตนเอง พร้อมกับสูดดมความหอมจากตัวเธอ ยิ่งดมแล้วยิ่งหงุดหงิด ริมฝีปากหนาซุกไซ้ไปตามคอระหงก่อนจะขบกัดจนเป็นรอยแดงเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงร่างเล็กที่กำลังสั่นเทาด้วยความกลัว“เจ้าเป็นอะไร” บาบารัสเอ่ยเมื่อถอนริมฝีปากของตนเองออกจากคอของเธอ“นายทำอะไร...ทำแบบนี้ทำไม” กรีนฉวยโอกาสถดตัวหนีเพื่อรักษาระยะห่างจากชายหนุ่ม“ชุดนี่มันอะไร แล้วกลิ่นเครื่องหอมนี่อีก จะออกไปไหนกัน” ชายหนุ่มถามเสียงเข้มและไม่ได้ตอบคำถามของเธอ ตอนนี้เขารู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก ไม่อยากให้เธอออกไปไหนในเวลาแบบนี้ แถมชุดที่เธอใส่นั้นมันดูเย้ายวนสายตาชายอื่นเป็นอย่างมาก หากเป็นเขาเองก็แทบไม่อยากละส
เมื่อกรีนทำตามแผนของมิสไวท์ใจของเธอก็ได้แต่ภาวนาให้เขานั้นสนใจเธอบ้าง แต่เขากลับเดินหนีออกไปโดยไม่พูดอะไร จากสีหน้าของเขาเหมือนจะโกรธและไม่พอใจเป็นอย่างมาก มือของเขาที่กำแน่นเธออยากจะเข้าไปจับมือของเขาเพื่อปลอบโยน แต่ก็ได้แต่เก็บความรู้สึกนั้นไว้ก่อน “เจ้าได้บอกกับบาบารัสไปแล้วใช่หรือไม่” มิสไวท์เดินเข้ามาถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินออกไป“ฉันบอกเขาไปแล้ว…เขาดู…” กรีนพูดด้วยเสียงแผ่วเบา“ตอนนี้เจ้าไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้วหลังจากนี้ทำตามที่ข้าบอกก็พอ” หญิงสาวมองกรีนด้วยสายตามุ่งมั่นในสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ การเดินทางกลับของกรีนจะเกิดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า และได้ถูกบอกต่อกันไปทั่วคฤหาสน์ บรรดาสาวใช้ต่างพากันเศร้าสร้อย เพราะไม่ได้อยากให้หญิงสาวนั้นกลับไป เพราะเธอทั้งใจดี และเป็นกันเองต่างจากคนที่อยู่ที่นี่ เมื่อเวลาผ่านไปอีกวัน นัยน์ตาสีสวยมองตนเองที่อยู่ในกระจก ใบหน้าที่ไม่ได้แต่งแต้มเติมสี ตอนนี้มันถูกตกแต่งอย่างสวยงามราวกับรูปวาด ริมฝีปากเรียวคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยกับสิ่งที่ตัวเองได้เห็น ฝ่ามือสวยสัมผัสไปที่ใบหน้าของตนเองอย่างช้าเพื่อชื่นชมความแปลกตาในวันนี้ “เจ้าสวยมากเลยนะกรีน ทำไม