ทิพชยาเพ่งพินิจหน้าปกนิตยสารในมือด้วยความสนใจเป็นเวลานานทีเดียว บนหน้านิตยสารไทม์ซึ่งเป็นหนังสือที่มีคนดังระดับโลกขึ้นปกนั้นคือใบหน้าคร้ามคมของบุรุษซึ่งหญิงสาวลูกครึ่งไทย ญี่ปุ่น ในวัยยี่สิบปีบริบูรณ์ บุตรสาวคนเดียวของโปรโมเตอร์มวยคนดังของอเมริกา ยาซาโน่ ไนต์ คุ้นเคยและจดจำความหล่อเหลานั้นได้ไม่เคยลืม
เจ้าของใบหน้าคมคายผู้มีผิวสีแทนกร้านแดดดูคมเข้มอย่างหนุ่มรัสเซีย เรือนผมสีน้ำตาลบรูเน็ตนั้นดูอบอุ่นทว่าดวงตาสีน้ำตาลเข้มแกมทองแดงกลับดูแข็งกร้าวไม่เกรงกลัวใคร จมูกโด่งยาวเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักหนาและรอยกดลึกข้างแก้มทั้งสองซึ่งเป็นรอยลักยิ้มที่ยังตราตรึงในความทรงจำของหญิงสาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นเสมอ
“ลูกคงยังจำเขาได้สินะ โคเลสนิก รอชนีเชนโก?”
เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ร่างบอบบางในชุดกระโปรงฉลุลูกไม้ทั้งตัวหันกลับไปยังประตูห้องทำงานซึ่งที่นั่นชายชาวญี่ปุ่นทว่ารูปร่างสูงใหญ่ยืนมองมาด้วยแววตาอันอบอุ่น
“คุณพ่อ...มานานแล้วหรือคะ?”
ทิพชยาถามก่อนวางนิตยสารเล่มนั้นลงบนโต๊ะ ยาซาโน่ในชุดลำลองดูสบาย ๆ ก้าวเข้ามาในห้องทำงานอันโอ่อ่าของเขาและหยุดลงตรงหน้าบุตรสาวคนเดียวซึ่งเขาเพิ่งเรียกตัวเธอกลับมาจากมหาวิทยาลัยเซ็นทรัล เซนต์ มาร์ติน ในลอนดอนอย่างกะทันหัน
ชายวัยห้าสิบซึ่งใบหน้าคมสันนั้นยังดูกร้าวแกร่งตามแบบฉบับของชาวอาทิตย์อุทัยที่มีเชื่อสายอเมริกันครึ่งหนึ่งไล้นิ้วไปบนเรือนผมสีวอลนัทเงางามของบุตรสาวและยิ้มจาง ๆ
“พ่อก็เพิ่งเข้ามาเมื่อครู่ พอคนขับรถรายงานว่าลูกกลับมาถึงแล้วพ่อก็รีบกลับมาจากที่ทำงานทันที”
ที่ทำงานซึ่งยาซาโน่กล่าวถึงคือบริษัทซึ่งเขากุมบังเหียนเป็นผู้อำนวยการใหญ่ในฐานะโปรโมเตอร์มวยชั้นนำของอเมริกา ไนต์ บอกซิ่ง โปรโมชั่น ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงแอตแลนตา
“แทมมี่...ลูกสบายดีมั้ย ดูผอมไปมากนะ เรียนหนักหรือ?” ยาซาโน่ถามเสียงเนิบเนือย
“แทมสบายดีค่ะพ่อ ว่าแต่คุณพ่อเถอะค่ะ ดูหน้าตาไม่ค่อยสบายเลย งานที่บริษัทยุ่งมากหรือคะ...แล้ว...คุณพ่อมีอะไรด่วนหรือเปล่าคะถึงได้เรียกตัวหนูกลับมากะทันหันแบบนี้”
จบคำถามนั้นหญิงสาวก็ได้ยินเสียงชายวัยกลางคนถอนหายใจ แม้เสียงนั้นจะเบาแต่สำหรับทิพชยามันบ่งบอกว่าบิดากำลังมีปัญหาหนักอยู่ในใจ
“ว่ากันตามจริงมันก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างด่วนมาก...สำหรับพวกเรา”
ยาซาโน่ว่าพลางหันไปยังโต๊ะทำงานของเขาและค้ำมือข้างหนึ่งไว้ขอบโต๊ะ ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปยังนิตยสารที่บุตรสาวเพิ่งวางมันลงเมื่อครู่
“บริษัทของเรากำลังประสบปัญหา ลูกอาจนึกไปไม่ถึงว่าบริษัทโปรโมเตอร์ชั้นนำของอเมริกาอย่างไนต์ บ๊อกซิ่ง โปรโมชั่นกำลังแย่เพราะตอนนี้นักมวยในสังกัดของเราพร้อมใจกันย้ายค่ายไปอยู่บริษัทอื่นกันหมด”
“ว่ายังไงนะคะคุณพ่อ?” ทิพชยาขึ้นเสียงสูง เธอขมวดคิ้วมุ่นกระทั่งยาซาโน่กล่าวต่อ
“มันอาจฟังดูเป็นเรื่องธรรมดาที่นักกีฬาไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนก็ย่อมอยากไปอยู่ในที่ที่ให้ผลตอบแทนคุ้มกว่า แต่มันก็มีเรื่องที่น่าหนักใจมากกว่าการย้ายค่ายที่เป็นเรื่องปกติธรรมดาของนักมวยในสังกัดของเรา”
ยาซาโน่หยุดไปชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจซ้ำอีก ใบหน้าของเขาบอกความเป็นกังวลจนทิพชยาก็พลอยรู้สึกอึดอัดตามไปด้วย
“พวกนักมวยดังที่เคยสังกัดบริษัทของเราย้ายไปอยู่กับอาคิลลา (Aquila) เกือบหมด”
“อาคิลลา อย่างนั้นหรือคะ?”
ความสงสัยและกระหายรู้กระจายอยู่ในดวงตาคู่งาม กระทั่งบิดาของเธอหยิบนิตยสารเล่มเดิมขึ้นมาและยื่นกลับไปให้เธอ
“เขาคืออาคิลลา หรือในแวดวงหมัดมวยรู้จักดีในชื่อ ดิ อีเกิล...โปรโมเตอร์ค่ายมวยยักษ์ใหญ่ที่กำลังผงาดขึ้นมาเป็นพญาอินทรีบดบังรัศมีของไนต์ บ็อกซิ่ง โปรโมชั่น”
ทิพชยารับหนังสือเล่มนั้นมาไว้ในมือ เธอก้มลงมองมันอีกครั้งทว่าคราวนี้เป็นการมองด้วยความรู้สึกอีกอย่างที่แปลกไปกว่าเดิม
“โคเลสนิก รอชนีเชนโก...เขาคือคีธ...ที่เคยเป็นนักมวยชื่อดังที่อยู่กับคุณพ่อนี่ไม่ใช่หรือคะ?”
ยาซาโน่พยักหน้ารับ “ใช่...แต่นั่นมันก็เป็นแค่อดีต ตอนนี้คีธ คือเจ้าของอาคิลลา โปรโมเตอร์...เขากลายเป็นดิ อีเกิล พญาอินทรีแห่งวงการหมัดมวยที่มีอิทธิพลอย่างมากบนสังเวียนนักสู้ของกีฬาประเภทนี้ คีธสามารถปั้นนักมวยในสังกัดฝีมือระดับพระกาฬอย่างจอร์จ ซีวิส เก่งกาจขนาดที่ว่าขึ้นเวทีไหนก็ได้แชมป์จากการน็อคเอ๊าท์เวทีนั้น คีธดังมากขนาดที่นิตยสารไทม์ยกย่องให้เขาเป็นโปรโมเตอร์มวยอันดับหนึ่งที่มีอิธิพลมากที่สุดของสหรัฐในตอนนี้เลยทีเดียว”
“เราควรดีใจกับความสำเร็จของเขาใช่ไหมคะพ่อ?”
ทิพชยาไม่ได้ตั้งใจทำให้บิดาหดหู่ เธอพูดทุกอย่างออกมาจากความรู้สึกที่แท้จริง แต่ดูเหมือนว่ายาซาโน่จะไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น“ทำไม...พ่อทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ”หญิงสาวเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าของบิดา ชายวัยกลางคนผละไปนั่งที่เก้าอี้นวมตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงานและกล่าวเสียงเครียด“ใช่...โคเลสนิกกำลังประสบความสำเร็จในอาชีพใหม่ของเขา...เขาเคยเป็นนักมวยที่พ่อปั้นมากับมือ แต่ตอนนี้เขาไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว แทมมี่”“มีอะไรอย่างนั้นหรือคะพ่อ หนูแค่รู้สึกว่าช่วงเวลาสองปีที่หนูไปเรียนออกแบบที่ลอนดอนมันมีอะไรเกิดขึ้นมากมายที่นี่”ดวงหน้างามของสาววัยยี่สิบปีบริบูรณ์เต็มไปด้วยความใคร่รู้ซึ่งเธอไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับธุรกิจของครอบครัวทิพชยาเคยอยู่ใกล้ชิดกับงานที่บริษัทของยาซาโน่ เธอรู้จักนักมวยทุกคนในสังกัดและ...ใช่ โดยเฉพาะโคเลสนิก หนุ่มรัสเซียตัวโตเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลบรูเน็ตและผิวสีแทนจัดบนเรือนร่างกำยำ สิ่งที่ทำให้เธอจดจำเขาได้ขึ้นใจคือลักยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้าหล่อเหลายามเขาหันมายังเธอทุกครั้งตอนนั้นเธอเป็นเด็กสาววัยสิบแปดปีที่ไม่ได้แค่วุ่นวายหรือหมกมุ่นอยู่ก
“หนูจะทำอะไรได้ล่ะคะคุณพ่อ หนูไปลอนดอนเพื่อเรียนด้านการออกแบบ ไม่ได้ร่ำเรียนทางด้านการทำธุรกิจหรือคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงหมัดมวยอย่างที่คุณพ่อทำอยู่ตอนนี้นะคะ”“ลูกช่วยพ่อได้...แทมมี่...พ่ออยากให้ลูกไปเจรจาให้คีธคืนนักมวยที่ไปอยู่ในสังกัดของเขา กลับมาอยู่กับเรา”ทิพชยาขมวดคิ้วและส่ายหน้า “เจรจาหรือคะคุณพ่อ?...แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ ในเมื่อคีธเคยโกรธคุณพ่อและที่สำคัญหนูก็ไม่เจอเขามานานเกือบสองปีแล้ว”“พ่อรู้ว่ามันอาจเป็นเรื่องยาก แต่พ่อแค่อยากให้ลูกเข้าไปขอความเห็นใจจากเขาก่อนที่ทุกอย่างในบริษัทของเราจะเหลือแค่ศูนย์ ตอนนี้เราแทบไม่มีนักมวยฝีมือดีอยู่ในสังกัด คีธดูดคนของเราไปหมด เขากำลังจะเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปเป็นของเขา”“แต่ตอนนั้นเขาเป็นคนตัดสินใจเองนะคะ เขาตัดอนาคตตัวเองซึ่งมันก็ไม่ใช่ความผิดของคุณพ่อสักนิด”“พ่อถึงอยากให้ลูกไปพบเขา” ยาซาโน่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ความตึงตึงเครียดที่ฉายอยู่บนใบหน้าซึ่งมีริ้วรอยของการผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้“ถ้าพ่อไปเองเขาคงจะไม่ยอมหนำซ้ำจะเยาะเย้ยความล่มจมของพ่อเสียเปล่า ๆ แต่ถ้าหากลูกไปเพื่อขอความเห็นใจจากเขา
เพียงไม่กี่คำที่เธอเคยพูดคุยกับเขา หากแต่หญิงสาวก็เก็บเอาภาพของนักมวยหนุ่มรูปร่างกำยำล่ำสันและใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรไว้ในความทรงจำมาตลอดระยะเวลาสองปีเธอจินตนาการไปต่าง ๆ นานาว่าโคเลสนิกจะยังจดจำเธอได้ เขาอาจโกรธเคืองยาซาโน่ แต่เขาคงไม่ได้มีนิสัยเลวร้ายถึงขนาดที่จะโกรธเคืองใครก็ตามที่อยู่แวดล้อมบิดา“สวัสดี...คุณชื่ออะไรหรือคะ?”ภาพในความทรงจำตอนที่เธออยู่ในวัยสิบแปดขณะก้าวเข้าไปในค่ายมวยของบิดาครั้งแรกและพบกับบุรุษร่างสูงใหญ่เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาล บรูเน็ตรับกับใบหน้าคร้ามเข้มคมคายผุดขึ้นในความทรงจำ“สวัสดี...ผม...เอ้อ...โคเลสนิก...เรียกผมว่าคีธก็ได้”“ฉันแทมมี่...เอ้อ...ฉันแค่อยากตามพ่อมาดูการฝึกซ้อมมวยค่ะ”“แทมมี่หรือ?...เอ้อ...ถ้าผมจะเรียกสั้น ๆ ว่าแทมได้มั้ย”แล้วภาพรอยยิ้มอันตรึงตราของบุรุษที่ไม่ค่อยเปิดปากคุยกับใครก็ผุดพรายขึ้นในมโนนึกของหญิงสาว ทิพชยาจดจำรอยกดลึกบนสองข้างแก้มของเขาได้ดี ใช่...โคเลสนิกมีลักยิ้มอันทรงเสน่ห์ซึ่งเธอไม่เคยลืมเลือน“ถึงแล้วครับ...คุณผู้หญิง”เสียงคนขับรถแท็กซี่ที่ดังขึ้นปลุกหญิงสาวร่างบอบบางขึ้นจากภวังค์ล่องลอย ทิพชยาหันไปมองนอกหน้าต่างรถซึ่งพาเธอม
ทิพชยาไม่รอช้า หญิงสาวรีบเดินตามชายร่างสูงใหญ่ไปยังลิฟท์ซึ่งพาเธอไปยังชั้นบนสุดของโรงแรม จู่ ๆ ความประหม่าก็เข้าจู่โจมความรู้สึกของหญิงสาว เธอคิดว่าเตรียมตัวมาอย่างดีแล้วแต่ความตื่นเต้นก็เกือบจะทำลายทุกอย่างเมื่อหญิงสาวก้าวตามชายผู้นั้นมาหยุดหน้าห้องพักของคนที่เธอตั้งใจมาพบ“เชิญคุณทิพชยาด้านในครับ ผมรายงานให้นายของผมทราบแล้วว่าคุณต้องการมาพบเขา”น้ำเสียงของเขาเนิบลง ชายร่างใหญ่อายุน่าจะอยู่ที่ราว ๆ สามสิบก้มศีรษะลงก่อนเปิดประตูให้ร่างบอบบางก้าวเข้าไปด้าน ทิพชยาตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้ความประหม่าจะแล่นพล่านขึ้นมาหากเธอก็ต้องควบคุมร่างกายไม่ให้สั่นหญิงสาวในชุดกระโปรงสีพาสเทลสืบเท้าในรองเท้าส้นแบนเข้าไปภายในห้องพักอันโอ่โถง การตกแต่งภายในนั้นเต็มไปด้วยงานศิลปะลานตาทั้งภาพวาดและเฟอร์นิเจอร์อันหรูหรา ทิพชยากวาดสายตาไปรอบ ๆ ก่อนที่เสียงทุ้มกังวานจะดังมาจากอีกฟากหนึ่งของห้องโถงใหญ่“สวัสดี...แทมมี่”ร่างเล็กหันไปตามเสียงนั้น ดวงตาคู่งามฉายประกายระยิบระยับเมื่อเห็นว่า ใคร ที่ยืนอยู่ที่ประตูทรงโค้ง ร่างสูงใหญ่ผึ่งผายและหล่อเหลาบาดจิตในชุดสูทสีน้ำเงิน เรือนผมสีน้ำตาลบรูเน็ตส่องปร
ทิพชยาไม่รอช้า หญิงสาวรีบเดินตามชายร่างสูงใหญ่ไปยังลิฟท์ซึ่งพาเธอไปยังชั้นบนสุดของโรงแรม จู่ ๆ ความประหม่าก็เข้าจู่โจมความรู้สึกของหญิงสาว เธอคิดว่าเตรียมตัวมาอย่างดีแล้วแต่ความตื่นเต้นก็เกือบจะทำลายทุกอย่างเมื่อหญิงสาวก้าวตามชายผู้นั้นมาหยุดหน้าห้องพักของคนที่เธอตั้งใจมาพบ“เชิญคุณทิพชยาด้านในครับ ผมรายงานให้นายของผมทราบแล้วว่าคุณต้องการมาพบเขา”น้ำเสียงของเขาเนิบลง ชายร่างใหญ่อายุน่าจะอยู่ที่ราว ๆ สามสิบก้มศีรษะลงก่อนเปิดประตูให้ร่างบอบบางก้าวเข้าไปด้าน ทิพชยาตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้ความประหม่าจะแล่นพล่านขึ้นมาหากเธอก็ต้องควบคุมร่างกายไม่ให้สั่นหญิงสาวในชุดกระโปรงสีพาสเทลสืบเท้าในรองเท้าส้นแบนเข้าไปภายในห้องพักอันโอ่โถง การตกแต่งภายในนั้นเต็มไปด้วยงานศิลปะลานตาทั้งภาพวาดและเฟอร์นิเจอร์อันหรูหรา ทิพชยากวาดสายตาไปรอบ ๆ ก่อนที่เสียงทุ้มกังวานจะดังมาจากอีกฟากหนึ่งของห้องโถงใหญ่“สวัสดี...แทมมี่”ร่างเล็กหันไปตามเสียงนั้น ดวงตาคู่งามฉายประกายระยิบระยับเมื่อเห็นว่า ใคร ที่ยืนอยู่ที่ประตูทรงโค้ง ร่างสูงใหญ่ผึ่งผายและหล่อเหลาบาดจิตในชุดสูทสีน้ำเงิน เรือนผมสีน้ำตาลบรูเน็ตส่องปร
เพียงไม่กี่คำที่เธอเคยพูดคุยกับเขา หากแต่หญิงสาวก็เก็บเอาภาพของนักมวยหนุ่มรูปร่างกำยำล่ำสันและใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรไว้ในความทรงจำมาตลอดระยะเวลาสองปีเธอจินตนาการไปต่าง ๆ นานาว่าโคเลสนิกจะยังจดจำเธอได้ เขาอาจโกรธเคืองยาซาโน่ แต่เขาคงไม่ได้มีนิสัยเลวร้ายถึงขนาดที่จะโกรธเคืองใครก็ตามที่อยู่แวดล้อมบิดา“สวัสดี...คุณชื่ออะไรหรือคะ?”ภาพในความทรงจำตอนที่เธออยู่ในวัยสิบแปดขณะก้าวเข้าไปในค่ายมวยของบิดาครั้งแรกและพบกับบุรุษร่างสูงใหญ่เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาล บรูเน็ตรับกับใบหน้าคร้ามเข้มคมคายผุดขึ้นในความทรงจำ“สวัสดี...ผม...เอ้อ...โคเลสนิก...เรียกผมว่าคีธก็ได้”“ฉันแทมมี่...เอ้อ...ฉันแค่อยากตามพ่อมาดูการฝึกซ้อมมวยค่ะ”“แทมมี่หรือ?...เอ้อ...ถ้าผมจะเรียกสั้น ๆ ว่าแทมได้มั้ย”แล้วภาพรอยยิ้มอันตรึงตราของบุรุษที่ไม่ค่อยเปิดปากคุยกับใครก็ผุดพรายขึ้นในมโนนึกของหญิงสาว ทิพชยาจดจำรอยกดลึกบนสองข้างแก้มของเขาได้ดี ใช่...โคเลสนิกมีลักยิ้มอันทรงเสน่ห์ซึ่งเธอไม่เคยลืมเลือน“ถึงแล้วครับ...คุณผู้หญิง”เสียงคนขับรถแท็กซี่ที่ดังขึ้นปลุกหญิงสาวร่างบอบบางขึ้นจากภวังค์ล่องลอย ทิพชยาหันไปมองนอกหน้าต่างรถซึ่งพาเธอม
“หนูจะทำอะไรได้ล่ะคะคุณพ่อ หนูไปลอนดอนเพื่อเรียนด้านการออกแบบ ไม่ได้ร่ำเรียนทางด้านการทำธุรกิจหรือคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงหมัดมวยอย่างที่คุณพ่อทำอยู่ตอนนี้นะคะ”“ลูกช่วยพ่อได้...แทมมี่...พ่ออยากให้ลูกไปเจรจาให้คีธคืนนักมวยที่ไปอยู่ในสังกัดของเขา กลับมาอยู่กับเรา”ทิพชยาขมวดคิ้วและส่ายหน้า “เจรจาหรือคะคุณพ่อ?...แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ ในเมื่อคีธเคยโกรธคุณพ่อและที่สำคัญหนูก็ไม่เจอเขามานานเกือบสองปีแล้ว”“พ่อรู้ว่ามันอาจเป็นเรื่องยาก แต่พ่อแค่อยากให้ลูกเข้าไปขอความเห็นใจจากเขาก่อนที่ทุกอย่างในบริษัทของเราจะเหลือแค่ศูนย์ ตอนนี้เราแทบไม่มีนักมวยฝีมือดีอยู่ในสังกัด คีธดูดคนของเราไปหมด เขากำลังจะเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปเป็นของเขา”“แต่ตอนนั้นเขาเป็นคนตัดสินใจเองนะคะ เขาตัดอนาคตตัวเองซึ่งมันก็ไม่ใช่ความผิดของคุณพ่อสักนิด”“พ่อถึงอยากให้ลูกไปพบเขา” ยาซาโน่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ความตึงตึงเครียดที่ฉายอยู่บนใบหน้าซึ่งมีริ้วรอยของการผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้“ถ้าพ่อไปเองเขาคงจะไม่ยอมหนำซ้ำจะเยาะเย้ยความล่มจมของพ่อเสียเปล่า ๆ แต่ถ้าหากลูกไปเพื่อขอความเห็นใจจากเขา
ทิพชยาไม่ได้ตั้งใจทำให้บิดาหดหู่ เธอพูดทุกอย่างออกมาจากความรู้สึกที่แท้จริง แต่ดูเหมือนว่ายาซาโน่จะไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น“ทำไม...พ่อทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ”หญิงสาวเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าของบิดา ชายวัยกลางคนผละไปนั่งที่เก้าอี้นวมตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงานและกล่าวเสียงเครียด“ใช่...โคเลสนิกกำลังประสบความสำเร็จในอาชีพใหม่ของเขา...เขาเคยเป็นนักมวยที่พ่อปั้นมากับมือ แต่ตอนนี้เขาไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว แทมมี่”“มีอะไรอย่างนั้นหรือคะพ่อ หนูแค่รู้สึกว่าช่วงเวลาสองปีที่หนูไปเรียนออกแบบที่ลอนดอนมันมีอะไรเกิดขึ้นมากมายที่นี่”ดวงหน้างามของสาววัยยี่สิบปีบริบูรณ์เต็มไปด้วยความใคร่รู้ซึ่งเธอไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับธุรกิจของครอบครัวทิพชยาเคยอยู่ใกล้ชิดกับงานที่บริษัทของยาซาโน่ เธอรู้จักนักมวยทุกคนในสังกัดและ...ใช่ โดยเฉพาะโคเลสนิก หนุ่มรัสเซียตัวโตเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลบรูเน็ตและผิวสีแทนจัดบนเรือนร่างกำยำ สิ่งที่ทำให้เธอจดจำเขาได้ขึ้นใจคือลักยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้าหล่อเหลายามเขาหันมายังเธอทุกครั้งตอนนั้นเธอเป็นเด็กสาววัยสิบแปดปีที่ไม่ได้แค่วุ่นวายหรือหมกมุ่นอยู่ก
ทิพชยาเพ่งพินิจหน้าปกนิตยสารในมือด้วยความสนใจเป็นเวลานานทีเดียว บนหน้านิตยสารไทม์ซึ่งเป็นหนังสือที่มีคนดังระดับโลกขึ้นปกนั้นคือใบหน้าคร้ามคมของบุรุษซึ่งหญิงสาวลูกครึ่งไทย ญี่ปุ่น ในวัยยี่สิบปีบริบูรณ์ บุตรสาวคนเดียวของโปรโมเตอร์มวยคนดังของอเมริกา ยาซาโน่ ไนต์ คุ้นเคยและจดจำความหล่อเหลานั้นได้ไม่เคยลืมเจ้าของใบหน้าคมคายผู้มีผิวสีแทนกร้านแดดดูคมเข้มอย่างหนุ่มรัสเซีย เรือนผมสีน้ำตาลบรูเน็ตนั้นดูอบอุ่นทว่าดวงตาสีน้ำตาลเข้มแกมทองแดงกลับดูแข็งกร้าวไม่เกรงกลัวใคร จมูกโด่งยาวเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักหนาและรอยกดลึกข้างแก้มทั้งสองซึ่งเป็นรอยลักยิ้มที่ยังตราตรึงในความทรงจำของหญิงสาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นเสมอ“ลูกคงยังจำเขาได้สินะ โคเลสนิก รอชนีเชนโก?”เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ร่างบอบบางในชุดกระโปรงฉลุลูกไม้ทั้งตัวหันกลับไปยังประตูห้องทำงานซึ่งที่นั่นชายชาวญี่ปุ่นทว่ารูปร่างสูงใหญ่ยืนมองมาด้วยแววตาอันอบอุ่น“คุณพ่อ...มานานแล้วหรือคะ?”ทิพชยาถามก่อนวางนิตยสารเล่มนั้นลงบนโต๊ะ ยาซาโน่ในชุดลำลองดูสบาย ๆ ก้าวเข้ามาในห้องทำงานอันโอ่อ่าของเขาและหยุดลงตรงหน้าบุตรสาวคนเดียวซึ่งเขาเพิ่งเรียกตัวเธอกลับมาจา