แชร์

บทที่ 3

“หนูจะทำอะไรได้ล่ะคะคุณพ่อ หนูไปลอนดอนเพื่อเรียนด้านการออกแบบ ไม่ได้ร่ำเรียนทางด้านการทำธุรกิจหรือคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงหมัดมวยอย่างที่คุณพ่อทำอยู่ตอนนี้นะคะ”

“ลูกช่วยพ่อได้...แทมมี่...พ่ออยากให้ลูกไปเจรจาให้คีธคืนนักมวยที่ไปอยู่ในสังกัดของเขา กลับมาอยู่กับเรา”

ทิพชยาขมวดคิ้วและส่ายหน้า “เจรจาหรือคะคุณพ่อ?...แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ ในเมื่อคีธเคยโกรธคุณพ่อและที่สำคัญหนูก็ไม่เจอเขามานานเกือบสองปีแล้ว”

“พ่อรู้ว่ามันอาจเป็นเรื่องยาก แต่พ่อแค่อยากให้ลูกเข้าไปขอความเห็นใจจากเขาก่อนที่ทุกอย่างในบริษัทของเราจะเหลือแค่ศูนย์ ตอนนี้เราแทบไม่มีนักมวยฝีมือดีอยู่ในสังกัด คีธดูดคนของเราไปหมด เขากำลังจะเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปเป็นของเขา”

“แต่ตอนนั้นเขาเป็นคนตัดสินใจเองนะคะ เขาตัดอนาคตตัวเองซึ่งมันก็ไม่ใช่ความผิดของคุณพ่อสักนิด”

“พ่อถึงอยากให้ลูกไปพบเขา” ยาซาโน่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ความตึงตึงเครียดที่ฉายอยู่บนใบหน้าซึ่งมีริ้วรอยของการผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“ถ้าพ่อไปเองเขาคงจะไม่ยอมหนำซ้ำจะเยาะเย้ยความล่มจมของพ่อเสียเปล่า ๆ แต่ถ้าหากลูกไปเพื่อขอความเห็นใจจากเขา บางที...คีธอาจจะรู้สึกว่าเขาไม่ควรใจร้ายกับคนที่เคยมีบุญคุณกับเขาก็เป็นได้”

ชายวัยกลางคนเม้มริมฝีปากแน่นในขณะที่หญิงสาวนั่งนิ่งไปพักใหญ่ เธออาจเคยมีโคเลสนิกอยู่ในหัวใจ ทว่านั่นมันก็นานจนผู้ชายคนนั้นอาจลืมไปแล้วก็เป็นได้ว่าเธอเคยแอบมองนักมวยฝีมืออันดับหนึ่งในสังกัดของยาซาโน่

ทิพชยารู้สึกตีบตันขึ้นมา แต่เมื่อนึกทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น คนที่เครียดมากกว่าเธอยังมีอยู่นั่นคือบิดาของเธอเอง

“พ่อจะให้หนูไปพบเขาเมื่อไหร่คะ?”

ร่องรอยแห่งความหวังผุดพรายขึ้นในดวงตาแห้งผากของชายวัยกลางคนทันทีที่บุตรสาวเอ่ยถาม รอยยิ้มจาง ๆ    ระบายอยู่บนริมฝีปากของยาซาโน่

“พรุ่งนี้...พ่อให้คนของพ่อไปตรวจสอบมาอย่างละเอียด ตอนนี้โคเลสนิกไม่ได้อยู่ในอเมริกา เขาเดินทางไปเบลเยี่ยมและอยู่ที่บรัสเซลส์เกือบสัปดาห์แล้ว”

บทที่ 2

“แค่ไปเจรจาใช่ไหมคะคุณพ่อ?” ทิพชยาถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ใช่...แค่เจรจา มันอาจทำให้ลูกรู้สึกกดดันบ้างเล็กน้อยเพราะปกติคีธเป็นคนที่ชอบเก็บตัวและมีความเป็นส่วนตัวสูงมาก คนของพ่อต้องเช็คอย่างละเอียดและใช้ความพยายามกว่าจะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนและทำอะไรในตอนนี้”

“แล้วถ้า...การเจรจาไม่สำเร็จล่ะคะ ถ้าเกิดเขาแสดงความไม่พอใจขึ้นมา หรือว่า...”

“แทมมี่” ยาซาโน่ทอดน้ำเสียงอันนุ่มนวลเพื่อปลอบประโลมบุตรสาวซึ่งอยู่ในอาการประหม่ามากกว่าปกติ

“ไม่มีอะไรที่น่ากลัว แค่ลูกพยายามโน้มน้าวใจเขาให้เห็นใจพวกเรา ให้เขาเข้าใจว่าที่ผ่านมาพ่อไม่เคยหักหลังเขา หรือหากเขาต้องการคำขอโทษพ่อก็ยินดี”

“คุณพ่อไม่ได้ผิดอะไรนะคะ” ทิพชยาแย้งขึ้นมาและราวกับตัดสินใจได้ในท้ายที่สุด “พรุ่งนี้หนูจะเดินทางไปบรัสเซลส์แต่เช้าค่ะ คุณพ่อไม่ต้องให้ใครตามไปหรอกนะคะ หนูจะช่วยคุณพ่ออย่างสุดความสามารถ เจรจาให้เขาคืนนักมวยให้เรา และทำให้เขาเข้าใจคุณพ่อให้ได้”

“แทมมี่” ยาซาโน่ครางเสียงเบาหวิว แม้ใบหน้านั้นยังแสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยล้า แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความตื้นตันที่อัดแน่น เขาได้แต่ภาวนาขอให้แผนการที่วางไว้สำเร็จ อย่างน้อยที่สุดขั้นตอนแรกก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

แม้การเดินทางจากอเมริกาไปยังกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยมต้องใช้เวลาถึง 16 ชั่วโมง ทว่าหญิงสาวลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นก็ไม่ได้แสดงความเหนื่อยล้าออกมาจากใบหน้าแสนหวานแม้ยังมีเรื่องให้ต้องครุ่นคิดตลอดระยะทางก็ตาม

ทิพชยารับปากบิดาของเธอก่อนออกจากแอตแลนตาว่าจะพยายามโน้มน้าวจิตใจโคเลสนิกที่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าพ่อบริษัทโปรโมเตอร์ยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของอเมริกา

ทั้งที่ยังไม่แน่ใจ ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าผลการพูดคุยกับคนที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานนับปีจะออกมาเป็นเช่นไรหากเธอก็ยังคงมีความหวัง โคเลสนิก รอชนีเชนโก หรือที่ทิพชยาเรียกติดปากว่า คีธ ในสายตาของบุตรสาวโปรโมเตอร์ที่เคยประสบความสำเร็จอย่างยาซาโน่เป็นนักมวยที่ชอบเก็บตัวและพูดกับเธอเพียงน้อยคำเท่านั้น

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status