เพียงไม่กี่คำที่เธอเคยพูดคุยกับเขา หากแต่หญิงสาวก็เก็บเอาภาพของนักมวยหนุ่มรูปร่างกำยำล่ำสันและใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรไว้ในความทรงจำมาตลอดระยะเวลาสองปี
เธอจินตนาการไปต่าง ๆ นานาว่าโคเลสนิกจะยังจดจำเธอได้ เขาอาจโกรธเคืองยาซาโน่ แต่เขาคงไม่ได้มีนิสัยเลวร้ายถึงขนาดที่จะโกรธเคืองใครก็ตามที่อยู่แวดล้อมบิดา
“สวัสดี...คุณชื่ออะไรหรือคะ?”
ภาพในความทรงจำตอนที่เธออยู่ในวัยสิบแปดขณะก้าวเข้าไปในค่ายมวยของบิดาครั้งแรกและพบกับบุรุษร่างสูงใหญ่เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาล บรูเน็ตรับกับใบหน้าคร้ามเข้มคมคายผุดขึ้นในความทรงจำ
“สวัสดี...ผม...เอ้อ...โคเลสนิก...เรียกผมว่าคีธก็ได้”
“ฉันแทมมี่...เอ้อ...ฉันแค่อยากตามพ่อมาดูการฝึกซ้อมมวยค่ะ”
“แทมมี่หรือ?...เอ้อ...ถ้าผมจะเรียกสั้น ๆ ว่าแทมได้มั้ย”
แล้วภาพรอยยิ้มอันตรึงตราของบุรุษที่ไม่ค่อยเปิดปากคุยกับใครก็ผุดพรายขึ้นในมโนนึกของหญิงสาว ทิพชยาจดจำรอยกดลึกบนสองข้างแก้มของเขาได้ดี ใช่...โคเลสนิกมีลักยิ้มอันทรงเสน่ห์ซึ่งเธอไม่เคยลืมเลือน
“ถึงแล้วครับ...คุณผู้หญิง”
เสียงคนขับรถแท็กซี่ที่ดังขึ้นปลุกหญิงสาวร่างบอบบางขึ้นจากภวังค์ล่องลอย ทิพชยาหันไปมองนอกหน้าต่างรถซึ่งพาเธอมาถึงบริเวณที่มีผู้คนพลุกพล่านเบื้องหน้าสถาปัตยกรรมสวยงามที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมาก่อนจะก้าวลงจากรถแท็กซี่คันนั้นพร้อมด้วยกระเป๋าสะพายซึ่งหญิงสาวพาติดตัวมาเพียงใบเดียว
ใบหน้างามภายใต้กรอบเรือผมสีดำเข้มขลับเงยขึ้นมองสถาปัตยกรรมอันงดงามในบริเวณจัตุรัสใหญ่หรือกรองปลาสซึ่งเป็นศูนย์กลางของเมืองเก่าในเขตที่เรียกว่า Lower Town ที่รายล้อมไปด้วยตึกเก่าแบบบาโร้ค
ร่างอรชรยืนอยู่ตรงนั้นเนิ่นนานท่ามกลางผู้คนมากมายที่แวะเวียนมาเยี่ยมชมส่วนที่สวยที่สุดของเมือง เธอไม่ลืมว่ามาบรัสเซลส์เพื่ออะไรแต่กำลังคิดและตัดสินใจครั้งสุดท้ายก่อนที่จะก้าวไปยังจุดหมายที่บิดาบอกไว้
คนของยาซาโน่รายงานให้เธอทราบมาก่อนหน้าว่าตอนนี้โคเลสนิกพักอยู่ในบรัสเซลส์ และสถานที่ที่เขาพักคือโรงแรม Le Renard ซึ่งเป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวอยู่ไม่ไกลจากจัตุรัสใหญ่อันเป็นที่ซึ่งเธอกำลังยืนอยู่
ทิพชยารู้สึกเหมือนลมหายใจของเธอขัดเล็กน้อย มือเรียวบางนั้นเย็นลง เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกก่อนจะบ่ายหน้าไปยังเส้นทางที่ทอดตัวไปยังโรงแรมสุดหรู ความตั้งใจมั่นที่มีมาแต่แรกดูเหมือนจะถดถอยลงกว่าครึ่งเมื่อป้าย Le Renard ขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
เธอกำลังจะได้พบเขา โคเลสนิก รอชนีเชนโก เวลาที่ผ่านไปกว่าสองปีเขาจะยังเหมือนเดิมหรือไม่ เขาจะเป็นยังไง และจะยิ้มให้เธอเหมือนอย่างที่เคยยิ้มหรือไม่ ทิพชยานึกไปตลอดทาง
“ขอโทษนะคะ...ไม่ทราบว่ามีแขกที่ชื่อ โคเลสนิก รอชนีเชนโก พักอยู่ที่นี่หรือเปล่าคะ?”
สาวลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นเอ่ยถามพนักงานที่ล็อบบี้อันโอ่อ่าทันทีที่ไปถึง ชายหนุ่มชาวยุโรปในชุดฟอร์มของโรงแรมก้มลงดูบนหน้าจอมอนิเตอร์ก่อนเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว
“ครับ คุณรอชนีเชนโกพักอยู่ที่นี่ครับ”
“ไม่ทราบว่าเขาพักอยู่ห้องไหนหรือคะ?”
“ประทานโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงชื่ออะไรครับ และมีธุระอะไรที่จะพบกับคุณรอชนีเชนโก?”
“ฉันชื่อทิพชยา ไนต์ ค่ะ...มีธุระด่วนที่จะต้องพบเขาวันนี้”
“ประทานโทษอีกครั้งนะครับ ขอบัตรประจำตัวของคุณผู้หญิงด้วยครับ”
“เอ้อ...ค่ะ” ทิพชยาพยักหน้าหากก็อดที่จะรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้ ก็แค่มาขอพบแขกที่เข้าพักในโรงแรม ถึงจะเป็นโรงแรมหรูหราก็เถอะไม่น่าจะต้องมีขั้นตอนมากมายแบบนี้ หญิงสาวเหลือบมองพนักงานโรงแรมที่ดูบัตรประจำตัวของเธออย่างละเอียดก่อนยกหูโทรศัพท์ขึ้นและพูดด้วยภาษาฝรั่งเศสซึ่งเธอเองฟังไม่ค่อยถนัดนัก สักครู่เขาจึงวางหูโทรศัพท์และคืนบัตรให้เธอ
“ขอเชิญคุณทิพชยาไปรอที่นั่งทางโน้นก่อนนะครับ สักครู่จะมีคนมาพาคุณไปพบกับคุณรอชนีเชนโกที่ห้องพัก”
หญิงสาวจำต้องทำตามพนักงานโรงแรมด้วยการไปนั่งรอที่ซึ่งมีเก้าอี้ไว้รองรับแขก อย่างไรก็ดีเธอก็เบาใจไปเปลาะหนึ่งว่าโคเลสนิกยังอยู่ที่นี่ไม่ได้ไปไหน เธอนั่งอยู่ที่นั่นนานกว่าครึ่งชั่วโมงและเกือบจะงีบหลับไปบนเก้าอี้ตัวยาวหากไม่ได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณคือมิสไนต์ ใช่ไหมครับ?”
เสียงทุ้มกังวานนั้นทำให้ร่างเล็กสะดุ้งตื่น หญิงสาวซึ่งอยู่ในชุดกระโปรงสีพาสเทลเงยหน้าขึ้นมองชายร่างใหญ่ในชุดสูทที่เข้ามาหยุดยืนอยู่ใกล้ ๆ
“ค่ะ...ใช่...ฉันคือทิพชยา ไนต์”
“ผมเอเลียส...จะพาคุณไปพบกับคุณรอชนีเชนโกครับ”
เท่านั้นเองสติของหญิงสาวก็กลับคืนมาเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ คนของโคเลสนิกมารับเธอ เขาคงเป็นบอดี้การ์ดเพราะดูจากรูปร่างกำยำสูงใหญ่และท่าทีอันสุขุมที่แสดงออก
ทิพชยาไม่รอช้า หญิงสาวรีบเดินตามชายร่างสูงใหญ่ไปยังลิฟท์ซึ่งพาเธอไปยังชั้นบนสุดของโรงแรม จู่ ๆ ความประหม่าก็เข้าจู่โจมความรู้สึกของหญิงสาว เธอคิดว่าเตรียมตัวมาอย่างดีแล้วแต่ความตื่นเต้นก็เกือบจะทำลายทุกอย่างเมื่อหญิงสาวก้าวตามชายผู้นั้นมาหยุดหน้าห้องพักของคนที่เธอตั้งใจมาพบ“เชิญคุณทิพชยาด้านในครับ ผมรายงานให้นายของผมทราบแล้วว่าคุณต้องการมาพบเขา”น้ำเสียงของเขาเนิบลง ชายร่างใหญ่อายุน่าจะอยู่ที่ราว ๆ สามสิบก้มศีรษะลงก่อนเปิดประตูให้ร่างบอบบางก้าวเข้าไปด้าน ทิพชยาตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้ความประหม่าจะแล่นพล่านขึ้นมาหากเธอก็ต้องควบคุมร่างกายไม่ให้สั่นหญิงสาวในชุดกระโปรงสีพาสเทลสืบเท้าในรองเท้าส้นแบนเข้าไปภายในห้องพักอันโอ่โถง การตกแต่งภายในนั้นเต็มไปด้วยงานศิลปะลานตาทั้งภาพวาดและเฟอร์นิเจอร์อันหรูหรา ทิพชยากวาดสายตาไปรอบ ๆ ก่อนที่เสียงทุ้มกังวานจะดังมาจากอีกฟากหนึ่งของห้องโถงใหญ่“สวัสดี...แทมมี่”ร่างเล็กหันไปตามเสียงนั้น ดวงตาคู่งามฉายประกายระยิบระยับเมื่อเห็นว่า ใคร ที่ยืนอยู่ที่ประตูทรงโค้ง ร่างสูงใหญ่ผึ่งผายและหล่อเหลาบาดจิตในชุดสูทสีน้ำเงิน เรือนผมสีน้ำตาลบรูเน็ตส่องปร
ทิพชยาเพ่งพินิจหน้าปกนิตยสารในมือด้วยความสนใจเป็นเวลานานทีเดียว บนหน้านิตยสารไทม์ซึ่งเป็นหนังสือที่มีคนดังระดับโลกขึ้นปกนั้นคือใบหน้าคร้ามคมของบุรุษซึ่งหญิงสาวลูกครึ่งไทย ญี่ปุ่น ในวัยยี่สิบปีบริบูรณ์ บุตรสาวคนเดียวของโปรโมเตอร์มวยคนดังของอเมริกา ยาซาโน่ ไนต์ คุ้นเคยและจดจำความหล่อเหลานั้นได้ไม่เคยลืมเจ้าของใบหน้าคมคายผู้มีผิวสีแทนกร้านแดดดูคมเข้มอย่างหนุ่มรัสเซีย เรือนผมสีน้ำตาลบรูเน็ตนั้นดูอบอุ่นทว่าดวงตาสีน้ำตาลเข้มแกมทองแดงกลับดูแข็งกร้าวไม่เกรงกลัวใคร จมูกโด่งยาวเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักหนาและรอยกดลึกข้างแก้มทั้งสองซึ่งเป็นรอยลักยิ้มที่ยังตราตรึงในความทรงจำของหญิงสาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นเสมอ“ลูกคงยังจำเขาได้สินะ โคเลสนิก รอชนีเชนโก?”เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ร่างบอบบางในชุดกระโปรงฉลุลูกไม้ทั้งตัวหันกลับไปยังประตูห้องทำงานซึ่งที่นั่นชายชาวญี่ปุ่นทว่ารูปร่างสูงใหญ่ยืนมองมาด้วยแววตาอันอบอุ่น“คุณพ่อ...มานานแล้วหรือคะ?”ทิพชยาถามก่อนวางนิตยสารเล่มนั้นลงบนโต๊ะ ยาซาโน่ในชุดลำลองดูสบาย ๆ ก้าวเข้ามาในห้องทำงานอันโอ่อ่าของเขาและหยุดลงตรงหน้าบุตรสาวคนเดียวซึ่งเขาเพิ่งเรียกตัวเธอกลับมาจา
ทิพชยาไม่ได้ตั้งใจทำให้บิดาหดหู่ เธอพูดทุกอย่างออกมาจากความรู้สึกที่แท้จริง แต่ดูเหมือนว่ายาซาโน่จะไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น“ทำไม...พ่อทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ”หญิงสาวเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าของบิดา ชายวัยกลางคนผละไปนั่งที่เก้าอี้นวมตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงานและกล่าวเสียงเครียด“ใช่...โคเลสนิกกำลังประสบความสำเร็จในอาชีพใหม่ของเขา...เขาเคยเป็นนักมวยที่พ่อปั้นมากับมือ แต่ตอนนี้เขาไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว แทมมี่”“มีอะไรอย่างนั้นหรือคะพ่อ หนูแค่รู้สึกว่าช่วงเวลาสองปีที่หนูไปเรียนออกแบบที่ลอนดอนมันมีอะไรเกิดขึ้นมากมายที่นี่”ดวงหน้างามของสาววัยยี่สิบปีบริบูรณ์เต็มไปด้วยความใคร่รู้ซึ่งเธอไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับธุรกิจของครอบครัวทิพชยาเคยอยู่ใกล้ชิดกับงานที่บริษัทของยาซาโน่ เธอรู้จักนักมวยทุกคนในสังกัดและ...ใช่ โดยเฉพาะโคเลสนิก หนุ่มรัสเซียตัวโตเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลบรูเน็ตและผิวสีแทนจัดบนเรือนร่างกำยำ สิ่งที่ทำให้เธอจดจำเขาได้ขึ้นใจคือลักยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้าหล่อเหลายามเขาหันมายังเธอทุกครั้งตอนนั้นเธอเป็นเด็กสาววัยสิบแปดปีที่ไม่ได้แค่วุ่นวายหรือหมกมุ่นอยู่ก
“หนูจะทำอะไรได้ล่ะคะคุณพ่อ หนูไปลอนดอนเพื่อเรียนด้านการออกแบบ ไม่ได้ร่ำเรียนทางด้านการทำธุรกิจหรือคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงหมัดมวยอย่างที่คุณพ่อทำอยู่ตอนนี้นะคะ”“ลูกช่วยพ่อได้...แทมมี่...พ่ออยากให้ลูกไปเจรจาให้คีธคืนนักมวยที่ไปอยู่ในสังกัดของเขา กลับมาอยู่กับเรา”ทิพชยาขมวดคิ้วและส่ายหน้า “เจรจาหรือคะคุณพ่อ?...แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ ในเมื่อคีธเคยโกรธคุณพ่อและที่สำคัญหนูก็ไม่เจอเขามานานเกือบสองปีแล้ว”“พ่อรู้ว่ามันอาจเป็นเรื่องยาก แต่พ่อแค่อยากให้ลูกเข้าไปขอความเห็นใจจากเขาก่อนที่ทุกอย่างในบริษัทของเราจะเหลือแค่ศูนย์ ตอนนี้เราแทบไม่มีนักมวยฝีมือดีอยู่ในสังกัด คีธดูดคนของเราไปหมด เขากำลังจะเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปเป็นของเขา”“แต่ตอนนั้นเขาเป็นคนตัดสินใจเองนะคะ เขาตัดอนาคตตัวเองซึ่งมันก็ไม่ใช่ความผิดของคุณพ่อสักนิด”“พ่อถึงอยากให้ลูกไปพบเขา” ยาซาโน่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ความตึงตึงเครียดที่ฉายอยู่บนใบหน้าซึ่งมีริ้วรอยของการผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้“ถ้าพ่อไปเองเขาคงจะไม่ยอมหนำซ้ำจะเยาะเย้ยความล่มจมของพ่อเสียเปล่า ๆ แต่ถ้าหากลูกไปเพื่อขอความเห็นใจจากเขา
ทิพชยาไม่รอช้า หญิงสาวรีบเดินตามชายร่างสูงใหญ่ไปยังลิฟท์ซึ่งพาเธอไปยังชั้นบนสุดของโรงแรม จู่ ๆ ความประหม่าก็เข้าจู่โจมความรู้สึกของหญิงสาว เธอคิดว่าเตรียมตัวมาอย่างดีแล้วแต่ความตื่นเต้นก็เกือบจะทำลายทุกอย่างเมื่อหญิงสาวก้าวตามชายผู้นั้นมาหยุดหน้าห้องพักของคนที่เธอตั้งใจมาพบ“เชิญคุณทิพชยาด้านในครับ ผมรายงานให้นายของผมทราบแล้วว่าคุณต้องการมาพบเขา”น้ำเสียงของเขาเนิบลง ชายร่างใหญ่อายุน่าจะอยู่ที่ราว ๆ สามสิบก้มศีรษะลงก่อนเปิดประตูให้ร่างบอบบางก้าวเข้าไปด้าน ทิพชยาตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้ความประหม่าจะแล่นพล่านขึ้นมาหากเธอก็ต้องควบคุมร่างกายไม่ให้สั่นหญิงสาวในชุดกระโปรงสีพาสเทลสืบเท้าในรองเท้าส้นแบนเข้าไปภายในห้องพักอันโอ่โถง การตกแต่งภายในนั้นเต็มไปด้วยงานศิลปะลานตาทั้งภาพวาดและเฟอร์นิเจอร์อันหรูหรา ทิพชยากวาดสายตาไปรอบ ๆ ก่อนที่เสียงทุ้มกังวานจะดังมาจากอีกฟากหนึ่งของห้องโถงใหญ่“สวัสดี...แทมมี่”ร่างเล็กหันไปตามเสียงนั้น ดวงตาคู่งามฉายประกายระยิบระยับเมื่อเห็นว่า ใคร ที่ยืนอยู่ที่ประตูทรงโค้ง ร่างสูงใหญ่ผึ่งผายและหล่อเหลาบาดจิตในชุดสูทสีน้ำเงิน เรือนผมสีน้ำตาลบรูเน็ตส่องปร
เพียงไม่กี่คำที่เธอเคยพูดคุยกับเขา หากแต่หญิงสาวก็เก็บเอาภาพของนักมวยหนุ่มรูปร่างกำยำล่ำสันและใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรไว้ในความทรงจำมาตลอดระยะเวลาสองปีเธอจินตนาการไปต่าง ๆ นานาว่าโคเลสนิกจะยังจดจำเธอได้ เขาอาจโกรธเคืองยาซาโน่ แต่เขาคงไม่ได้มีนิสัยเลวร้ายถึงขนาดที่จะโกรธเคืองใครก็ตามที่อยู่แวดล้อมบิดา“สวัสดี...คุณชื่ออะไรหรือคะ?”ภาพในความทรงจำตอนที่เธออยู่ในวัยสิบแปดขณะก้าวเข้าไปในค่ายมวยของบิดาครั้งแรกและพบกับบุรุษร่างสูงใหญ่เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาล บรูเน็ตรับกับใบหน้าคร้ามเข้มคมคายผุดขึ้นในความทรงจำ“สวัสดี...ผม...เอ้อ...โคเลสนิก...เรียกผมว่าคีธก็ได้”“ฉันแทมมี่...เอ้อ...ฉันแค่อยากตามพ่อมาดูการฝึกซ้อมมวยค่ะ”“แทมมี่หรือ?...เอ้อ...ถ้าผมจะเรียกสั้น ๆ ว่าแทมได้มั้ย”แล้วภาพรอยยิ้มอันตรึงตราของบุรุษที่ไม่ค่อยเปิดปากคุยกับใครก็ผุดพรายขึ้นในมโนนึกของหญิงสาว ทิพชยาจดจำรอยกดลึกบนสองข้างแก้มของเขาได้ดี ใช่...โคเลสนิกมีลักยิ้มอันทรงเสน่ห์ซึ่งเธอไม่เคยลืมเลือน“ถึงแล้วครับ...คุณผู้หญิง”เสียงคนขับรถแท็กซี่ที่ดังขึ้นปลุกหญิงสาวร่างบอบบางขึ้นจากภวังค์ล่องลอย ทิพชยาหันไปมองนอกหน้าต่างรถซึ่งพาเธอม
“หนูจะทำอะไรได้ล่ะคะคุณพ่อ หนูไปลอนดอนเพื่อเรียนด้านการออกแบบ ไม่ได้ร่ำเรียนทางด้านการทำธุรกิจหรือคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงหมัดมวยอย่างที่คุณพ่อทำอยู่ตอนนี้นะคะ”“ลูกช่วยพ่อได้...แทมมี่...พ่ออยากให้ลูกไปเจรจาให้คีธคืนนักมวยที่ไปอยู่ในสังกัดของเขา กลับมาอยู่กับเรา”ทิพชยาขมวดคิ้วและส่ายหน้า “เจรจาหรือคะคุณพ่อ?...แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ ในเมื่อคีธเคยโกรธคุณพ่อและที่สำคัญหนูก็ไม่เจอเขามานานเกือบสองปีแล้ว”“พ่อรู้ว่ามันอาจเป็นเรื่องยาก แต่พ่อแค่อยากให้ลูกเข้าไปขอความเห็นใจจากเขาก่อนที่ทุกอย่างในบริษัทของเราจะเหลือแค่ศูนย์ ตอนนี้เราแทบไม่มีนักมวยฝีมือดีอยู่ในสังกัด คีธดูดคนของเราไปหมด เขากำลังจะเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปเป็นของเขา”“แต่ตอนนั้นเขาเป็นคนตัดสินใจเองนะคะ เขาตัดอนาคตตัวเองซึ่งมันก็ไม่ใช่ความผิดของคุณพ่อสักนิด”“พ่อถึงอยากให้ลูกไปพบเขา” ยาซาโน่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ความตึงตึงเครียดที่ฉายอยู่บนใบหน้าซึ่งมีริ้วรอยของการผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้“ถ้าพ่อไปเองเขาคงจะไม่ยอมหนำซ้ำจะเยาะเย้ยความล่มจมของพ่อเสียเปล่า ๆ แต่ถ้าหากลูกไปเพื่อขอความเห็นใจจากเขา
ทิพชยาไม่ได้ตั้งใจทำให้บิดาหดหู่ เธอพูดทุกอย่างออกมาจากความรู้สึกที่แท้จริง แต่ดูเหมือนว่ายาซาโน่จะไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น“ทำไม...พ่อทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ”หญิงสาวเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าของบิดา ชายวัยกลางคนผละไปนั่งที่เก้าอี้นวมตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงานและกล่าวเสียงเครียด“ใช่...โคเลสนิกกำลังประสบความสำเร็จในอาชีพใหม่ของเขา...เขาเคยเป็นนักมวยที่พ่อปั้นมากับมือ แต่ตอนนี้เขาไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว แทมมี่”“มีอะไรอย่างนั้นหรือคะพ่อ หนูแค่รู้สึกว่าช่วงเวลาสองปีที่หนูไปเรียนออกแบบที่ลอนดอนมันมีอะไรเกิดขึ้นมากมายที่นี่”ดวงหน้างามของสาววัยยี่สิบปีบริบูรณ์เต็มไปด้วยความใคร่รู้ซึ่งเธอไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับธุรกิจของครอบครัวทิพชยาเคยอยู่ใกล้ชิดกับงานที่บริษัทของยาซาโน่ เธอรู้จักนักมวยทุกคนในสังกัดและ...ใช่ โดยเฉพาะโคเลสนิก หนุ่มรัสเซียตัวโตเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลบรูเน็ตและผิวสีแทนจัดบนเรือนร่างกำยำ สิ่งที่ทำให้เธอจดจำเขาได้ขึ้นใจคือลักยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้าหล่อเหลายามเขาหันมายังเธอทุกครั้งตอนนั้นเธอเป็นเด็กสาววัยสิบแปดปีที่ไม่ได้แค่วุ่นวายหรือหมกมุ่นอยู่ก
ทิพชยาเพ่งพินิจหน้าปกนิตยสารในมือด้วยความสนใจเป็นเวลานานทีเดียว บนหน้านิตยสารไทม์ซึ่งเป็นหนังสือที่มีคนดังระดับโลกขึ้นปกนั้นคือใบหน้าคร้ามคมของบุรุษซึ่งหญิงสาวลูกครึ่งไทย ญี่ปุ่น ในวัยยี่สิบปีบริบูรณ์ บุตรสาวคนเดียวของโปรโมเตอร์มวยคนดังของอเมริกา ยาซาโน่ ไนต์ คุ้นเคยและจดจำความหล่อเหลานั้นได้ไม่เคยลืมเจ้าของใบหน้าคมคายผู้มีผิวสีแทนกร้านแดดดูคมเข้มอย่างหนุ่มรัสเซีย เรือนผมสีน้ำตาลบรูเน็ตนั้นดูอบอุ่นทว่าดวงตาสีน้ำตาลเข้มแกมทองแดงกลับดูแข็งกร้าวไม่เกรงกลัวใคร จมูกโด่งยาวเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักหนาและรอยกดลึกข้างแก้มทั้งสองซึ่งเป็นรอยลักยิ้มที่ยังตราตรึงในความทรงจำของหญิงสาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นเสมอ“ลูกคงยังจำเขาได้สินะ โคเลสนิก รอชนีเชนโก?”เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ร่างบอบบางในชุดกระโปรงฉลุลูกไม้ทั้งตัวหันกลับไปยังประตูห้องทำงานซึ่งที่นั่นชายชาวญี่ปุ่นทว่ารูปร่างสูงใหญ่ยืนมองมาด้วยแววตาอันอบอุ่น“คุณพ่อ...มานานแล้วหรือคะ?”ทิพชยาถามก่อนวางนิตยสารเล่มนั้นลงบนโต๊ะ ยาซาโน่ในชุดลำลองดูสบาย ๆ ก้าวเข้ามาในห้องทำงานอันโอ่อ่าของเขาและหยุดลงตรงหน้าบุตรสาวคนเดียวซึ่งเขาเพิ่งเรียกตัวเธอกลับมาจา