9
เสพสุข วันถัดมา… เช้าวันนี้พิชชาไปทำงานอย่างร่าเริงและมีความสุข เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของแฟนหนุ่ม เธอจึงแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ ‘สวมเสื้อแขนยาวลายทางกับเดรสสายเดี่ยวสีขาว และรองเท้าบูทส้นสูงหุ้มข้อสีขาว ทำผมลอน มัดครึ่งหัว’ พิชชาเดินตรงไปที่โรงรถ สมพรเดินกลับมาจากตลาดพอดีเห็นเธอก็ทักทาย “คุณพิ้งค์...จะทำงานแล้วเหรอคะ แหม! วันนี้แต่งตัวซะสวยเชียว” “วันนี้เป็นวันเกิดของทิมน่ะค่ะ พิ้งค์ก็เลยกะว่าจะไปเซอร์ไพรส์เขา” “อ๋อค่ะ…งั้นป้าก็ขอให้ทำสำเร็จนะคะ” ดีไซน์เนอร์สาวยิ้มหวานให้สมพร ก่อนจะก้าวขึ้นรถและขับรถออกไปอย่างช้า ๆ … ทิวากรกำลังนั่งดูแฟ้มบัญชีของเดือนเก่า ๆ พอได้เห็นแล้ว...เขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงานอย่างแรง เขานั่งกลัดกลุ้มใจอยู่บนโต๊ะทำงาน เพราะบริษัทเฟอร์นิเจอร์ของเขากำลังขาดทุนย่อยยับ ~ก๊อก ก๊อก ก๊อก~ เสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าห้องทำงาน ทิวากรอนุญาตให้เข้ามา คนหน้าห้องก็เปิดประตูและเดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้ามกับเขา ทิวากรเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้า “แม่มาทำอะไรที่นี่” “ฉันก็จะมาถามว่าแกจัดงานไปถึงไหนแล้ว ตอนนี้เสี่ยชัชโทรมาทวงเงินแทบทุกวัน...ฉันรำคาญ” “ใจเย็น ๆ ก่อนสิครับ ผมก็พยายามอยู่...ขืนเร่งมาก ๆ ทางครอบครัวของพิ้งค์ก็จะสงสัยเอาได้ ผมไม่อยากให้พิ้งค์รู้ แม่ไปบอกไอ้เสี่ยหน้าเลือดนั่นว่าผมขอเวลาอีกแค่เดือนเดียว” “ได้...ฉันจะลองไปคุยให้” พอแม่ของทิวากรหมดธุระ เธอก็ลุกขึ้นและรีบเดินออกไป ส่วนทิวากรก็นั่งเอนตัวพิงพนักเก้าอี้นุ่ม ๆ สักพักก็หยิบโทรศัพท์มือถือที่วางบนโต๊ะทำงานมากดเบอร์ซาบีน่า “ฮัลโหลครับ” [ฮัลโหลค่ะ มีอะไรรึเปล่าค่ะ...ถึงได้โทรมา] “คุณว่างรึเปล่า...มาหาผมที่คอนโดเย็นนี้” [ได้ค่ะ...เย็นนี้เจอกันนะคะ] ทิวากรโทรนัดกับซาบีน่าเรียบร้อย แล้วกลับมาเคลียร์งานเอกสารของเขาต่อ …. พิชชากำลังเก็บของใส่กระเป๋าด้วยความเร่งรีบและจึงเดินออกไป ดีไซน์เนอร์สาวลงมาชั้นล่างตรงไปหาพวกรุ่นพี่สามคนที่กำลังยืนทำงานอยู่ “พวกพี่ค่ะ…เดี๋ยวพิ้งค์จะไปห้างและจะแวะไปหาทิมเลย ฝากปิดร้านด้วยนะคะ” “ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ...ขอให้การเซอร์ไพรส์ราบรื่นนะคะ” “ขอบคุณนะคะ” ใบเฟิร์น เอบีและมอลลี่ โบกมือบ๊ายบายให้พิชชาก่อนที่เธอจะเดินออกไปขึ้นรถยนต์คันหรูสีขาว และก็ขับออกไปอย่างช้าๆ … ตอนนี้พิชชาก็ได้มาห้างสรรพสินค้า เพื่อมาเลือกซื้อของขวัญให้กับแฟนหนุ่ม ดีไซน์เนอร์สาวเดินเข้ามาที่ร้านนาฬิกาข้อมือ ดีไซน์เนอร์สาวยืนเลือกนาฬิกาข้อมือผู้ชายอยู่นาน...จนเธอถูกใจเรือนที่มีเพชรล้อมหน้าปัดสีขาวสายโรเล็กซ์ “คุณลูกค้าสนใจเรือนไหนคะ” พนักงานสาวเอ่ยถามอย่างสุภาพ “เรือนนี้ค่ะ” เธอจิ้มนาฬิกาผ่านตู้กระจกใส แล้วเปิดกระเป๋าหยิบบัตรเครดิตส่งให้พนักงานสาวเพื่อชำระเงิน หลังจากที่ชำระเงินเสร็จแล้ว พนักงานสาวก็บรรจุสินค้าใส่ถุงกระดาษหรูและยื่นให้พิชชาเรียบร้อย จากนั้นก็เดินออกจากร้านนาฬิกาพลางเดินเล่นอีกสักหน่อย … ใบเฟิร์น เอบีและมอลลี่กำลังก้มหน้าก้มตาง่วนอยู่กับการเก็บหุ่นลองชุดที่ตั้งโชว์หน้าร้าน กรุ๊งกริ๊ง! เสียงโมบายกระดิ่งดังกระทบกัน พวกเธอทั้งสามคนจึงหันหน้าไปมองที่ประตูร้านพร้อมกัน เห็นเมธาวินหิ้วถุงกระดาษสีน้ำตาลเดินเข้ามาหาพวกเธอ ใบเฟิร์นเอ่ยทักทาย “สวัสดีค่ะ...คุณวิน” “สวัสดีครับ...ไม่ทราบคุณพิชชาอยู่ไหมครับ เผอิญผมผ่านมาแถวนี้...ก็เลยแวะซื้อขนมมาฝาก” “น้องพิ้งค์ไม่อยู่หรอกค่ะ เธอไปหาคุณทิวากรน่ะค่ะ” “อ๋อ…เหรอครับ ถ้างั้นผมฝากขนมให้คุณพิชชาด้วยนะครับ แล้วถุงนี้ก็ของพวกคุณครับ” ด้วยสีหน้าท่าทางผิดหวังของเมธาวินที่ไม่ได้เจอหน้าพิชชาแล้ว หัวใจเดิมทียังโลดแล่นกลับหนักอึ้งขึ้นมา เมื่อรู้ว่าเธอไปหาว่าที่เจ้าบ่าวอีก เมธาวินยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลสองใบที่หิ้วมาส่งให้กับใบเฟิร์นก่อนจะขอตัวลา … ทิวากรกลับมาถึงคอนโด...ก็เห็นซาบีน่ารอเขาอยู่ที่ห้อง ทิวากรจูงมือนางแบบสาวเข้ามาในห้องนอนและผลักเธอลงบนเตียง จากนั้นเขาก็ถอดสูทกับเสื้อพร้อมเดินเข้าหาเธอ นางแบบสาวกอดคอเขาไว้และค่อย ๆ นอนลงบนเตียงอย่างช้า ๆ เธอกับเขากำลังนัวเนียกันอยู่บนเตียงอย่างเร่าร้อน แล้วทั้งคู่ก็เสพสุขกันอย่างสำราญใจ ... ทิวากรลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงพร้อมเอามือมาโอบเอวซาบีน่าที่นั่งซบอกแน่น ๆ ของเขา นางแบบสาวเงยหน้าขึ้นมาจากอก แล้วทิวากรก้มลงมาจูบเน้น ๆ ที่ริมฝีปากและซุกไซ้ไล่ลงไปที่ซอกคอเธอ ~ก๊อก ก๊อก ก๊อก~ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ขัดจังหวะทิวากรกับซาบีน่าที่กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มกัน ทำให้ทิวากรเสียอารมณ์ “ใจเย็น ๆ สิคะ...สงสัยของที่สั่งจะมาแล้ว เดี๋ยวฉันออกไปรับก่อนนะคะ” นางแบบสาวจุ๊บแก้มเขา แล้วก้าวลงจากเตียงพลางหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาใส่และเดินออกไปที่ประตูห้อง เธอส่งเสียงขานรับพลางเปิดประตู “มาแล้วค่ะ” นางแบบสาวเบิกตากว้าง เมื่อคนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือพิชชา พิชชายืนอยู่หน้าห้องมองคนที่มาเปิดประตูให้กับเธอไม่ใช่ทิวากร แต่กลับเป็นผู้หญิงร่างบางเล็กและเป็นคนที่รู้จักดี “บีน่า!” ซาบีน่าเมื่อได้เห็นพิชชายืนอยู่ตรงหน้า เธอก็แสยะยิ้มและทำเป็นไม่สะทกสะท้านอะไร เธอยังยืนกอดอกพิงกรอบประตูห้องทำหน้าทำตาเย้ยหยันใส่พิชชาอีก พิชชาไล่สายตามองที่ร่างบางของนางแบบสาวที่ใส่เสื้อคลุมอาบน้ำแค่ตัวเดียวอยู่ในห้องของว่าที่สามีเธอ พิชชาเห็นอย่างนี้ก็รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงขึ้นมาจนทำกล่องนาฬิกาข้อมือที่ถือมาร่วงหล่นลงพื้น เพล้ง!! ทิวากรได้ยินเสียงของตกแตกดังมาจากหน้าห้อง เขาคิดว่ามันต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ จึงรีบลุกขึ้นหยิบกางเกงขายาวตัวบางมาใส่ แล้วเดินออกมาพร้อมตะโกนถามซาบีน่า ทิวากรเดินออกมา แล้วเห็นคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้านางแบบสาวถึงกับตกใจและเดินดิ่งเข้ามาจับมือถือแขนพิชชา “พิ้งค์! ผมผิดไปแล้ว…ผมขอโทษ” ทิวากรขอโทษขอโพยพิชชาที่ต้องมาเห็นเขาอยู่ในสภาพนี้ พิชชาสะบัดมือเขาออกไปให้พ้นตัวและตวัดมือตบหน้าเขาอย่างแรง ๆ “คุณเห็นฉันโง่มากเลยใช่ไหม คุณถึงได้มาทำอะไรลับหลังฉันอย่างนี้ คุณลืมไปแล้วเหรอ…ว่าเราสองคนกำลังจะแต่งงานกัน” ดีไซน์เนอร์สาวหันหน้าไปต่อว่าเพื่อนทรยศ นัยน์ตาใสกระจ่างจ้องมองมาอย่างเอาเรื่อง “ทำไมแกจะต้องมายุ่งกับผู้ชายของฉันด้วย” “ทำไมงั้นเหรอ!? แกยังจำได้ไหม…ที่ฉันเคยบอกกับแกว่าฉันชอบผู้ชายคนหนึ่ง” “นี่แกอย่าบอกนะ…ว่าผู้ชายคนที่แกชอบก็คือทิม” “ใช่! ฉันชอบเขา” ซาบีน่าเดินเข้ามายืนเคียงข้างทิวากร แล้วกอดแขนซบไหล่เขา “ถ้าแกชอบเขามากขนาดนั้น….ฉันยกให้แกก็ได้ เพราะฉันไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร โดยเฉพาะผู้ชาย” พิชชาถอดแหวนหมั้นที่สวมนิ้วนางข้างซ้ายออกและยื่นแหวนใส่ในมือของทิวากร น้ำตาแห่งความปวดใจไหลทะลักออกมาเหมือนทำนบแตกอย่างอดกลั้นไม่ไหว “ฉันขอถอนหมั้น แล้วต่อจากนี้...เราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก” พิชชาก้มหน้าและหันหลังเดินจากไป หลังจากนั้นทิวากรวิ่งเข้าห้องไปแต่งตัว แต่ซาบีน่าก็เดินเข้ามาขวางเขาไว้ไม่ให้ตามพิชชาไป “หลบไป! ผมจะไปหาพิ้งค์” “ถึงไปตอนนี้...พิ้งค์ก็ไม่ฟังคุณหรอกค่ะ เอาไว้ให้พิ้งค์ใจเย็นลงก่อน คุณค่อยไปคุยกับเขาก็ได้ค่ะ” ทิวากรทำสีหน้ากลุ้มใจเป็นอย่างมาก ... พิชชาเดินมาขึ้นรถของเธอและนั่งลงซุกหน้ากับพวงมาลัยรถ เธอเสียใจมาก แฟนที่คบกันมานานถึงเจ็ดปีและกำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว กลับต้องเสียคนรักให้กับเพื่อนทรยศ ดีไซน์เนอร์สาวขับรถออกไปที่ร้านเหล้าและโทรไปหาเพื่อนรักของเธอให้มาเจอกันที่นี่10 ดื่มเพื่อลืม เมธาวินนั่งอยู่ในห้องทำงานที่บ้าน และกำลังอ่านเอกสารในแฟ้มอย่างเคร่งเครียดอยู่ จนรู้สึกปวดตาเลยวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะและเอนหลังพักสายตาสักครู่หนึ่ง แล้วเมธาวินก็นึกอะไรออกจึงลืมตาขึ้นมาและนั่งตัวตรง เอื้อมมือมาเปิดลิ้นชักหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งขึ้นมาดู มันคือรูปถ่ายรวมกลุ่มตอนที่ไปค่ายอาสา เมื่อสมัยมัธยมปลาย เมธาวินนั่งมองและยิ้มให้กับรูปถ่ายใบนั้น เขาเอานิ้วมือมาลูบตรงที่มีพิชชายืนอยู่ในรูปแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน… พิชชานั่งดื่มเหล้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความชอกช้ำและความรู้สึกผิดหวังผลันโถมใส่กลางใจจนน้ำตารินไหล เพราะความเจ็บปวดในใจ ยิ่งเธอเสียใจมากเท่าไรก็ยิ่งต้องดื่มเพื่อลืมเรื่องราวในวันนี้ให้หมด มินตราเดินเข้ามาในร้านเห็นเพื่อนสาวนั่งอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์คนเดียว...ก็ปรี่เข้าไปหาอย่างเร็ว มินตราเดินมานั่งลงข้าง ๆ เพื่อนสาวเธอและหันไปมองหน้าเพื่อนสาวเห็นว่ากำลังร้องไห้อยู่ก็เอ่ยถามอย่างตกตะลึง “พิ้งค์! นี่แกเป็นอะไร” “มิน...เพื่อนรัก แกมาแล้วเหรอ” พิชชาหันหน้ามาโอบกอดเพื่อนสนิทที่เข้าใจเธอมากที่สุดและเอ่ยปากบอกมินตราด้วยน้ำเสียงสะอื้นบวกก
11 ปากคอเราะร้าย ช่วงเย็น... ดีไซน์เนอร์สาวหอบเอกสารและภาพสเก็ตแฟชั่นเดินเข้ามาในบ้าน จิ๋วเห็นก็รีบเดินออกไปช่วยเธอถือและก็เอ่ยปากบอกก่อนจะเอาเอกสารไปเก็บที่ห้องทำงาน “ป้าพรทำอาหารเย็นไว้แล้ว คุณพิ้งค์จะทานเลยมั้ยคะ” “ยังค่ะ” จิ๋วพยักหน้าและเดินหันหลังตรงไปที่ห้องทำงาน ดีไซน์เนอร์สาวเดินตามสาวใช้มายังห้องทำงาน จิ๋ววางเอกสารไว้บนโต๊ะทำงานแล้วเดินออกไป พิชชาวางกระเป๋าถือบนโต๊ะและนั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน เธอหยิบเอกสารขึ้นมาดู แต่เธอปรายตามองไปเห็นภาพสเก็ตชุดสูทที่เธอออกแบบให้กับทิวากร ดีไซน์เนอร์สาวเอื้อมมือไปหยิบกระดาษภาพสเก็ตแล้วก็จ้องมองพร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโมโหเล็กน้อย “ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้ ตลอดเจ็ดปีที่คบกันมา มันไม่มีค่าอะไรกับคุณเลยใช่ไหม” ทิวากรเป็นเพียงผู้ชายคนเดียวที่เธอรัก รักจนไม่เผื่อใจในตอนที่หัวใจของเธอเต็มไปด้วยบาดแผล เธอก็ยังลืมเขาไม่ได้ แต่อีกใจหนึ่งก็โกรธเขาที่ทำกับเธอแบบนี้ แล้วยิ่งมองที่ภาพสเก็ตแผ่นนั้นทีไร เธอก็ยิ่งรู้สึกเสียใจและโกรธ เธอจึงขยำภาพสเก็ตแผ่นนั้นปาทิ้งลงพื้นไปซะ ดีไซน์เนอร์สาวกลั้นน้ำตาแห่งความเจ็บปวดเอาไว้ไม่ไหวเลยระบายออกมา แต่แล้วมีค
12 ข่าวดี พิชชากำลังนั่งคิดแบบชุดราตรี แล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินไปเดินมาอยู่นาน จนเดินไปเห็นหุ่นลองเสื้อที่สวมชุดสูทเจ้าบ่าว พิชชาเดินมาดูใกล้ๆ เธอยกมือมาลูบเนื้อผ้าที่ปกเสื้อสูทก็คิดถึงใบหน้าของทิวากรที่เคยบอกว่ารักและเข้าใจเธอเป็นอย่างดี แต่มันเป็นแค่เรื่องโกหกทั้งนั้น เธอรู้สึกโกรธที่เขาโกหกเธอมาตลอด พิชชากำมือแน่นทุบลงที่อกหุ่นลองเสื้อสุดกำลัง...แล้วหยาดน้ำตาก็รินอาบแก้มของเธอ เอบีและมอลลี่เดินเข้ามาในห้องตัดเสื้ออย่างเงียบๆ แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นพิชชากำลังยืนร้องไห้อยู่ในห้อง หัวใจของพวกเธอเจ็บแปลบ เมื่อได้เห็นรุ่นน้องอย่างพิชชาร้องไห้สะอื้นจนหัวไหล่สั่น เอบีและมอลลี่ได้แต่ยืนมองเธอร้องไห้จนพวกเธอจะร้องตาม พิชชาเหมือนได้ยินเสียงคนซุบซิบกัน เธอจึงใช้หลังมือปาดน้ำตา แล้วหันหน้ามายิ้มให้กับเอบีและมอลลี่อย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอกลับมานั่งที่เก้าอี้ เอบีกับมอลลี่เข้ามานั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับเธอ เอบีเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “คุณน้องค่ะ...เป็นอะไรหรือเปล่า” “พิ้งค์ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” ดีไซน์เนอร์สาวตอบส่งๆ ไปเพราะไม่อยากให้พวกเธอต้องเป็นห่วง “พี่มอลลี่ค่ะ...พิ้งค์รบกวนพี่อย่างหนึ่งไ
13 สูบเลือด สูบเนื้อ ...ที่ห้องเสื้อในช่วงสาย ทุกคนกำลังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างจริงจัง ดีไซน์เนอร์สาวยืนเย็บชุดราตรีที่สวมอยู่ในหุ้นลองเสื้อ เธอหยิบกรรไกรมาตัดเส้นด้าย แล้วปักเข็มไว้ที่หมอนใบเล็ก พอตัดเส้นด้านหมดก็วางกรรไกรและเดินมาดูข้างหน้าชุดว่าเรียบร้อยดีไหม พอตรวจดูเรียบร้อย เธอก็รีบไปดูอีกชุดหนึ่งที่เอบีเย็บอยู่...ว่าไปถึงไหนแล้ว “เรียบร้อยมั้ยคะ...ไหนดูสิ” ดีไซน์เนอร์สาวมาตรวจดูใกล้ ๆ แล้วเอ่ยปากชม “เยี่ยมไปเลยค่ะพี่เอบี” “ขอบคุณค่ะ...เดี๋ยวพี่เย็บเก็บตรงข้างหลังชายกระโปรงอีกนิดเดียว...ก็เสร็จแล้วค่ะ” ยิ้มอ่อน ๆ “พี่ใบเฟิร์นค่ะ ถ้าชุดเสร็จแล้ว รบกวนโทรไปบอกลูกค้าด้วยนะคะ” “รับทราบค่ะ” ใบเฟิร์นตอบกลับและยิ้มพราย แล้วพิชชาก็เดินออกไปจากห้องตัดเย็บและขึ้นมาที่ห้องทำงานส่วนตัว เธอเปิดประตูห้องแล้วเดินตรงเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน ดีไซน์เนอร์สาวได้วาดภาพสเก็ตชุดราตรีค้างไว้ เมื่อวานนี้...ก็กะจะมาวาดต่อให้เสร็จ แล้วจะได้เริ่มวาดภาพสเก็ตชุดราตรีอีกภาพหนึ่ง มันเป็นภาพสเก็ตชุดราตรีของคุณอันดาและคุณอัยดา ... เมธาวินเดินเข้ามาในห้องบอลรูมใหญ่พร้อมกับเลขาสาว เพื่อเข้ามาตรวจงานว่
14 มือที่สาม ...เมธาวินขับรถมาจอดที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง พิชชาก้าวลงจากรถเดินเข้าไปในสวนสาธารณะอย่างคุ้นเคย เมธาวินลงมาจากรถและเดินตามพิชชาไปอย่างช้าๆ ดีไซน์เนอร์สาวเดินมานั่งที่ม้านั่ง แล้วเธอก็มองไปรอบ ๆ พลางถอนหายใจอย่างเต็มที่ เมธาวินยืนอยู่ด้านหลังของเธอและเอ่ยถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง “คุณยังไม่สบายใจอีกเหรอครับ” เมธาวินพูดจบก็เดินอ้อมจากด้านหลังมานั่งข้าง ๆ เธออย่างห่าง ๆ “อ๋อ...ฉันสบายใจขึ้นแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงและก็...ขอบคุณทุก ๆ อย่างที่คุณทำเพื่อช่วยฉัน” “เรื่องไหนเหรอครับ ถ้าเป็นเรื่องที่ผมพูดว่า...ผมกำลังจีบคุณอยู่ ขอให้คุณสบายใจได้เลยนะครับ...ผมแค่พูดเพื่อจะไล่ผู้ชายคนนั้นไปไกล ๆ คุณเท่านั้นครับ” ดีไซน์เนอร์สาวได้ยินแล้วถึงกับยิ้มไม่ออก เพราะความจริงแล้วที่เขาพูดมาทั้งหมดก็แค่จะช่วยเธอเฉย ๆ ไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลย “ดูเหมือนคุณจะคุ้นเคยกับที่นี่มากนะครับ” “ใช่ค่ะ...ฉันชอบมานั่งที่นี่ตอนที่ฉันเซ็งๆ หรือคิดงานไม่ออกค่ะ” พิชชานั่งมองดูไฟทางสวย ๆ และบรรยากาศดี ๆ จนเมธาวินก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง “คือ...ผมขอเสียมารยาทถามเรื่องผู้ชายคนนั้น...ว่าเขามาทำร้ายคุณด้วยเรื่องอ
15 ซาบซึ้งดีไซน์เนอร์สาวเดินเข้ามาในห้องทำงานและวางกระเป๋าแบรนด์เนมใบเล็กบนโต๊ะทำงาน เธอนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับหยิบภาพสเก็ตชุดราตรีมาตรวจและเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทีนี้ก็เหลือแค่ตัดเย็บเท่านั้น ห้องเสื้อชั้นหนึ่ง… หน้าร้านของห้องเสื้อมีพวกรุ่นพี่ทั้งสามกำลังทำงานอยู่ ใบเฟิร์นนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์กำลังเคลียร์บิล ส่วนอีกสองคนที่เหลือกำลังทำความสะอาดและเช็คความเรียบร้อยของหุ่นกับชุดที่จะเอาไปตั้งโชว์หน้าร้าน พอสองคนทำความสะอาดเสร็จก็เอาชุดราตรีสวมหุ่นแล้วไปตั้งโชว์ ทั้งสองคนทำเสร็จแล้วก็เดินมาหาใบเฟิร์นที่หลังเคาน์เตอร์ เลขาสาวคนเก่งเห็นสองคนเดินเข้ามาหาเธอจึงเอ่ยถาม “อ้าว! เอบี... มอลลี่... ทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเหรอ” เกย์หน้าหล่อตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยเล็กน้อย “เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะคุณพี่” พอพวกเธอทั้งสามคนกำลังคุยกัน ดีไซน์เนอร์สาวที่กำลังเดินลงมาก็ส่งเสียงทักทาย “อะแฮ่ม... แอบอู้งานกันอยู่เหรอคะ” เกย์หน้าหล่อเห็นพิชชาเดินเข้ามาประชิดตัวก็ตกใจ “พี่เปล่าอู้นะคะ พี่พึ่งจะทำงานเสร็จเมื่อกี้นี่เอง” “พิ้งค์ล้อเล่นค่ะ” เธอพูดหยอกให้มอลลี่ตกใจเล็กน้อย เกย์หน้า
16 แฟนใหม่ พิชชากับมินตรายกกล่องของขวัญและเค้กช็อกโกแลตมาถึงหน้าร้านกำลังเดินเข้ามาข้างใน เด็กเสิร์ฟชายเดินเข้ามาต้อนรับพวกเธอสองคน “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ามีโต๊ะกันหรือยังครับ” พิชชาตอบเด็กเสิร์ฟชายกลับไป “มีแล้วค่ะ โต๊ะวันเกิดที่ชื่อมอลลี่ค่ะ” “อ๋อ...งั้นเชิญทางนี้เลยครับ” พิชชาเอ่ยพูดกับเด็กเสิร์ฟชาย “น้องค่ะ...รบกวนน้อง ช่วยไปบอกให้ดีเจเปิดเพลง Happy birthday ได้มั้ยคะ” “ได้ครับ...รอสักครู่นะครับ” เด็กเสิร์ฟชายก็เดินเข้าไปหาดีเจใกล้ ๆ แล้วกระซิบข้างหู “พี่ครับ!...ลูกค้าขอให้ช่วยเปิดเพลงวันเกิดหน่อยครับ” ดีเจได้ยินก็พยักหน้าแล้วยกมือทำสัญลักษณ์โอเค เด็กเสิร์ฟชายก็เดินกลับมาหาพิชชา ทั้งสองสาวก็เปิดกล่องเค้กช็อกโกแลตที่เขียนชื่อมอลลี่กับคำอวยพรไว้ มินตราปักเทียนลงบนเค้กและจุดเทียน พอเพลงเปิดขึ้น พิชชาเดินถือเค้กตามมินตราและเด็กเสิร์ฟชายไปยังโต๊ะของมอลลี่ มอลลี่ได้ยินเสียงเพลงวันเกิดดังขึ้นก็ตื่นเต้นมาก มินตราและพิชชาถือเค้กช็อกโกแลตเดินเข้ามาเซอร์ไพรส์เกย์หน้าหล่อ มอลลี่อ่านคำอวยพรบนเค้กถึงกับน้ำตาคลอ ครู่หนึ่งเพลงก็ดับ เอบีกับใบเฟิร์นส่งเสียงบอกเธอว่าให้อธิษฐานและเป่าเทียนเ
17 เดทแรก เช้าวันต่อมา... มินตราตื่นขึ้นมาเธอรู้สึกปวดหัวมาก เพราะเมื่อคืนนี้เธอดื่มหนักจนภาพตัดไปเลย พิชชาเดินออกมาจากห้องแต่งตัว “อ้าว! มิน...ตื่นแล้วหรอ เป็นไงบ้าง” มินตรายกมือมากุมขมับ “ฉันปวดหัวมากเลย เหมือนหัวจะระเบิด” “ถ้างั้นแกก็นอนพักอีกสักหน่อยแล้วกัน” “ไม่เป็นไรฉันไหว เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อน” “ไหวแน่นะ” พิชชาสังเกตอาการของเพื่อนสาว มินตราลุกขึ้นจากเตียงพร้อมพยักหน้าตอบกลับ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ พิชชารู้ว่าเพื่อนไหวก็เลยหายห่วง มินตราอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย เธอทั้งคู่เดินออกจากห้องนอนและลงไปข้างล่างเพื่อทานข้าวเช้าแล้วไปทำงาน … พิชชาขับรถมาจอดหน้าร้านเบเกอร์รี่ของเพื่อนสาว มินตราหันหน้ามาพูดก่อนจะลงจากรถ “ขอบใจนะ...ที่มาส่งและขอบคุณที่ดูแลฉัน” “ไม่ต้องขอบคุณหรือขอบใจฉันหรอก แกเป็นเพื่อนฉัน...ฉันก็ต้องดูแลอยู่แล้ว ถ้าแกอยากจะขอบคุณ แกก็ไปขอบคุณป้าพรกับพี่จิ๋ว หรือไม่ก็คุณคิมหันต์” มินตราขมวดคิ้วมองหน้าพิชชาด้วยความประหลาดใจก่อนที่จะเอ่ยถามอย่างสงสัย “แล้วคุณคิมหันต์เกี่ยวอะไรด้วย ฉันถึงต้องไปขอบคุณเขา” “นี่แกจำอะไรไม่ได้เลยหรอ?” มินตรากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อคื
40 วันวิวาห์ ห้องนอนพิชชา… วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเดือนกว่าๆ หลังจากที่ดีไซน์เนอร์สาวออกจากโรงพยาบาลมา หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมก็ตามมาดูแลเธอถึงที่บ้านอย่างดี สม่ำเสมอทุกๆ วัน เพราะเขาไม่อยากปล่อยเธอให้คาดสายตาอีกแล้ว ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดี ทั้งทางใจและทางกาย แล้วอีกไม่นานเธอกับเขาก็จะได้เห็นหน้าพยานรักตัวน้อยๆ จากนั้นก็จะเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น จนทำให้ใครหลายๆ คนต้องอิจฉา “มอนิ่งคิสค่ะ” เมธาวินจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของเธอในอ้อมแขนของเขา “มอนิ่งค่ะ” คนที่ถูกรบกวนการนอนก็ลืมตาขึ้นมาเอ่ยปากตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแฝงรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่พิชชารู้สึกเหม็นอะไรบางอย่าง อาการคลื่นไส้เริ่มตีขึ้นมาทันที เธอจึงดันหน้าอกเมธาวินออกห่าง “…..” เมธาวินงุนงงกับท่าทางของแฟนสาว “อุ…อุ” พิชชายกมือปิดปากเอาไว้และรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปโก่งคออาเจียน “พิ้งค์! เป็นยังไงบ้างคะ” เมื่อเห็นแฟนสาวของตนอาเจียนออกมา เขาจึงรีบวิ่งตามเข้าไปลูบหลังให้เธอด้วยความเป็นห่วง “อ้วกกก” พิชชาอาเจียนออกมาจนหมด เธอรู้สึกเวียนหัวอย่างมาก “ดีขึ้นรึยังคะ” เมธาวินประคองแฟนสาวกลับออกมานั่งลงบนเตียง “งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปทำอะไรให
39 ทุ่มเททุกอย่าง ผ่านไปสี่ชั่วโมงแล้ว และในระหว่างนั้นมินตราก็ให้คนขับรถพาครอบครัวของพิชชากลับไปพักผ่อนก่อน มินตรากับพวกผู้ชายอยากจะอยู่ต่อเพื่อรอฟังผลจากปากคุณหมอ เมธาวินกระสับกระส่าย เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด สายตาจับจ้องไปที่ประตู จิตใจจดจ่ออยู่กับคนรักที่อยู่ภายในห้องผ่าตัด ตอนนี้เขากระวนกระวายใจ คิดไปต่างๆ นาๆ จนนั่งไม่ติด โดยสายตาของธีร์ก็ยืนมองเจ้านายอย่างเป็นห่วง เพราะหลายชั่วโมงแล้วที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัดโดยไม่ได้ทานอะไรเลย หลังจากที่รอมาเป็นระยะเวลานาน สักพักใหญ่หมอที่รักษาพิชชาก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด เมธาวินเงยหน้าขึ้นมาเห็นคุณหมอก็ลุกขึ้นพรวดไปหาคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของพิชชา “คุณหมอครับ...แฟนผมเป็นอย่างไรบ้างครับ” เมธาวินจับไม้จับมืออีกฝ่ายเร่งเร้าเอาคำตอบ “ตอนนี้...ปลอดภัยทั้งแม่และลูกครับ” หมอเผยยิ้มให้กับทุกคนที่ยืนฟังอยู่ “อะไรนะคะ! คือ…หมอจะบอกว่าเพื่อนของฉันกำลังมีน้องเหรอคะ” มินตราทวนถามคุณหมอด้วยความดีใจ “ใช่แล้วครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งให้คนไข้ทำงานหรือเครียดเป็นอันขาดนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...หมอขอตัวก่อนครับ” “เฮ้ย! แกจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะเ
38 มุมอ่อนแอ ชานเมือง… เมธาวินกับดิวมาถึงบ้านกลางป่าที่บลูจับตัวพิชชามาที่นี่ เมธาวินกับดิวก้าวลงจากรถ แล้วทั้งสองเดินลัดเลาะมาจากด้านหลังบ้าน ดิวชะโงกหน้าไปมองที่หน้าประตูเห็นมีคนเฝ้าอยู่คนสองคน เมธาวินหาอาวุธมาป้องกันตัว แล้วก็เจอท่อนไม้พอเหมาะมือ หยิบมาถือไว้และเดินย่องเข้าไปใกล้ๆ ชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนด้านหลังพร้อมด้วยใช้ไม้ที่ถือมาล็อกคออีกฝ่ายไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก แล้วดิวที่เดินตามหลังเมธาวินมาก็วิ่งมากระโดดต่อยชายฉกรรจ์ร่างสูงอีกคนนึงจนล้มตกบันได ดิวคว้ากุญแจบ้านที่เหน็บเอวชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนเอาไว้และรีบเปิดประตู เมธาวินออกแรงล็อกคอจนชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนหมดสติไป จากนั้นดิวกับเมธาวินเดินปรี่เข้าไปหาพิชชาที่นอนแน่นิ่งอยู่ ดิวนั่งคุกเข่าแก้เชือกที่มัดมือให้ เมธาวินเรียกเธอให้ได้สติ “พิ้งค์! พิ้งค์คะ! พี่มาช่วยแล้ว” พิชชาได้สติขึ้นมาแล้ว เธอยกมือขึ้นมาจับที่ศีรษะแต่จับไปโดนแผลที่กระแทกกับพื้น “ซี้ด! โอ๊ยยย!” แต่ทันใดนั้นชายฉกรรจ์ร่างสูงได้สติก็ขึ้นมาปลุกชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนที่สลบอยู่หน้าบ้านให้ตื่นและหยิบท่อนไม้ที่วางอยู่บนพื้นเดินเข้าไปในห้อง พอเข้ามาเห็นดิวกับเมธาวินกำลังพาพิ
37 ถูกลักพาตัว สองวันผ่านไป… มินตราหายจากอาการไม่สบายก็มาหาพิชชากะว่าจะชวนออกไปทานข้าว เพราะเวลานี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว และที่สำคัญมินตรามีเรื่องจะบอก มินตราเปิดประตูร้านเข้ามาเจอณิชากำลังยืนจัดชุดที่ราวเสื้อและณิชาหันไปเห็นเธอพอดี ณิชาจึงเดินเข้ามาทักทายมินตราอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะพี่มิน เห็นพี่พิ้งค์บอกว่าพี่มินไม่สบาย….เป็นอย่างไรบ้างคะ” “ดีขึ้นแล้วจ้ะ เอ่อ...และพิ้งค์อยู่ไหนเหรอจ๊ะ” “อยู่ในห้องตัดเสื้อค่ะ” “ขอบใจจ้ะ” มินตราเดินตรงเข้าไปในห้องตัดเสื้อแล้วเห็นพิชชา เอบีและมอลลี่กำลังง่วนอยู่กับการตัดเสื้อ มินตรายืนอยู่หน้าห้องแล้วเคาะประตูเบาๆ เป็นมารยาท ทุกคนเงยหน้ามามองที่ประตู “อ้าว! มิน…แกหายดีแล้วหรอ” “ฉันหายดีแล้ว…และนี่แกกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ” มินตราเอ่ยถามพลางเดินเข้าไปยืนข้างๆ พิชชา พิชชาก้มหน้าลงไปตัดชิ้นผ้าที่คาไว้ต่อพร้อมเอ่ยถามมินตราว่ามีธุระอะไรกับเธอ “มาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า” “ฉันจะชวนแกออกไปทานข้าวน่ะ คือ…คิมให้มาชวนแก เพราะว่าเขามีอะไรจะบอก...คุณวินก็มานะ” พิชชาตัดชิ้นผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองมินตราด้วยความสงสัยว่าที่เธอได้ยินมันจริงหรือแค่หูฝา
36 ในฐานะอะไร บ้านมินตรา… มินตรารู้สึกไม่สบายจึงโทรไปบอกพนักงานที่ร้านตั้งแต่เช้าว่าวันนี้เธอไม่เข้าร้าน แล้วตอนนี้ก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงแล้ว เธอก็เลยลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเชื่องช้า เข้ามาล้างหน้าแปรงฟันเพื่อลงไปหาอะไรกิน เพราะตอนนี้เธอหิวมาก มินตราเดินออกมาจากห้องน้ำ หยิบกางเกงขายาวหนาๆ มาสวมและคว้าเสื้อฮู้ดแขนยาวมาใส่ จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องนอนลงไปข้างล่าง เธอเดินเข้าไปในครัวและเปิดตู้เย็น แต่ภายในตู้เย็นไม่มีวัตถุดิบที่สามารถทำอาหารได้ เธอจึงเดินออกมาทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรงและล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อฮู้ดแล้วก็จะกดสั่งอาหาร กริ๊ง! เสียงเตือนกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น มินตราได้ยินถึงกับแปลกใจว่าเธอยังไม่ได้กดสั่งอาหารไปเลยแล้วเสียงใครมากดกริ่ง เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาและรวบรวมแรงที่มีลุกขึ้นเดินไปดูว่าเป็นใคร มินตราเดินมาชะเง้อคอมองนอกรั้วบ้าน เห็นคิมหันต์ยืนผลิรอยยิ้มหล่อเหลาอยู่หน้าบ้าน ในมือเขาถือถุงผ้ามาสองใบ เธอเดินไปเปิดประตูให้เขาเข้ามาและปิดประตูหน้าบ้านให้เรียบร้อย เธอกับเขาก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน “คุณคิมรู้ได้ยังไงคะ...ว่าฉันอยู่บ้
35 ขอแต่งงาน ดีเอ็นดี คลับ… ชั้นสองโซน VIP เมธาวิน คิมหันต์ ปกรณ์และชลธรนั่งดื่มกันมาสักพัก แล้วเมธาวินพูดปรึกษาเพื่อนๆ เรื่องที่เกี่ยวกับพิชชา “เพื่อนๆ...ฉันอยากแต่งงานกับพิ้งค์วะ” สีหน้าท่าทางของหนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมที่พูดนั่นมันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “เอาเลย...ฉันช่วยเต็มที่” คิมหันต์พูดพร้อมยกมือตบบ่าเพื่อสนับสนุนเมธาวิน แต่ชลธรก็พูดแทรกในเวลาแห่งความสุขของเมธาวินสักนิดนึง เพราะชลธรไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงรักผู้หญิงคนนี้ทั้งที่อยู่เป็นโสดมานาน ชลธรแนะนำผู้หญิงคนไหนให้ก็ไม่เคยสนใจ “แกเพิ่งคบกับคุณพิ้งค์ได้กี่เดือนเอง…คิดจะแต่งงานกับคุณพิ้งค์แล้วเหรอวะ” “สำหรับฉันกับพิ้งค์...เรารู้จักกันมานานมากแล้ว” คิมหันต์เอ่ยพูดเรียบๆ ผ่านรอยยิ้มละไม “แกไม่ต้องไปสนใจไอ้ธรหรอ แล้วแกคิดจะขอพิ้งค์แต่งงานเมื่อไหร่” “เร็วๆ นี้แหละ” เมธาวินออกอาการอิ่มอกอิ่มใจมีรอยยิ้มประดับเต็มใบหน้า ชลธรยกแก้วเหล้าขึ้นมาและเอ่ยพูดให้ทุกคนยกแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วฉลองให้กับเมธาวินล่วงหน้า “เอ้า! ชน!” ทุกคนสังสรรค์กันอย่างสนุก … ห้องนอนพิชชา… พิชชากำลังนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆ และใน
34 เริ่มจีบ ปัง! นางแบบสาวเดินเข้าห้องพักและปิดประตูแรงๆ เธอเดินกระทืบเท้าตรงไปที่เตียง หยิบหมอนปาลงพื้น ปัดผ้าห่มและกรีดร้องอย่างสุดเสียงด้วยความโมโห เดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องนอนอย่างใช้ความคิด ซาบีน่าถอนหายใจและเอ่ยพูดกับตัวเอง “นี่ฉันแพ้แล้วจริงๆ เหรอ?” อารมณ์ที่เหมือนเคลิ้มฝันสูญสลายไปจนสิ้น … ทุกคนกลับมาจากทะเลได้หลายวัน… ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยง คิมหันต์ชวนเมธาวินออกมาทานข้าวด้วยกัน แต่เมธาวินนั่งสังเกตหน้าของคิมหันต์มานานแล้วตั้งแต่ที่กลับมาจากทะเล หน้าตาของเพื่อนสนิทดูสดใสเหมือนคนกำลังมีความรัก เมธาวินวางช้อนส้อมลงบนจานข้าวอย่างเรียบร้อยและยกแก้วน้ำมากระดกก่อนเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “คิม! แกเป็นอะไรวะ? ฉันเห็นแกนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับโทรศัพท์…หรือว่าแกมีแฟนแล้วไม่บอกเพื่อน” คิมหันต์ได้ยินก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าข้างในเสื้อสูทและเงยหน้าขึ้นมาตอบพร้อมยิ้มน้อยๆ “ไม่มีอะไร ฉันแค่เลื่อนไปเจอคลิปตลกน่ะ” ที่จริงแล้วคิมหันต์กำลังส่งแชทคุยกับมินตรา แต่เขาเลี่ยงที่จะไม่พูดความจริงให้เมธาวินรู้ เพราะในตอนนี้เขากำลังเริ่มจีบมินตราอย่างเป็นทางการ แต่ขอไม่เปิดเผยให้ใครรู้ต้องรอให้ฝ
33 ความลับของนางแบบสาว เมื่อเมธาวินขับรถพาพิชชามาถึงจุดชมวิว เธอและเขาก้าวลงจากรถมายืนดูพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า หมู่นกนางนวลต่างก็โบยบินกลับรัง สายลมรำเพยจากทะเลที่กว้างใหญ่ พัดพาคลื่นซัดเข้าฝั่งเสียงดัง ~ซ่าส์ ซ่าส์~ พิชชาจ้องมองแสงสีส้มกับหมู่นกนางนวลที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้า เมธาวินมองด้วยสายตาชื่นชมหลงใหลในขณะที่เธอยืนรับลมทะเลเย็นๆ บริเวณหน้ารถ เขามองเธออย่างเคลิบเคลิ้ม พิชชาเหลือบไปเห็นเมธาวินกำลังจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา เธอก็เรียกเขาด้วยความสงสัย “พี่วินคะ…มีอะไรหรือเปล่า?” ฟังเสียงหวานที่เอ่ยกับเขาทีละคำทีละประโยคอย่างนุ่มนวล ทำให้เมธาวินยิ้มและตอบอย่างอารมณ์ดี “พี่แค่ดีใจ…ที่เราสองคนผ่านอุปสรรคมาได้” ดวงตาสองคู่ประสานกันหวานซึ้ง เมธาวินขยับเข้ามาชิดและโอบกอดเอวเธอจากด้านหลัง ทั้งสองคนยืนดูพระอาทิตย์ตกดินอย่างมีความสุข … มินตรายืนมองหาซาบีน่าที่ชายหาด แต่ซาบีน่าเห็นมินตรายืนอยู่เลยแกล้งเดินทะเล่อทะล่ามาชนเธออย่างแรง จนมินตราล้มลงไปกองอยู่บนทราย มินตราหันขวับไปมองคนที่ทำให้เธอล้ม “นี่แกแกล้งฉันเหรอ?” “ใช่! แล้วจะทำไม?” มินตราลุกขึ้นจากพื้นทรายแล้วยกมือปัดก้นและมื
32 ยอมแพ้ วันที่สาม... แสงแดดสาดส่องผ่านรูหน้าต่างทะลุผ้าม่านเข้ามาภายในห้องสี่เหลี่ยม ตกกระทบร่างกายเปลือยเปล่าสองร่างที่นอนกอดกันใต้ผ้าห่มผืนหนาบนเตียงขนาดใหญ่ หลังจากที่เมื่อวานนี้เมธาวินกับพิชชาได้อยู่ในห้องนอนด้วยกันสองต่อสอง จนถึงเช้าของวันนี้ เมธาวินตื่นขึ้นมาพร้อมก้มหน้ามองร่างบางอยู่ในอ้อมแขนทรงพลังของเขา เมธาวินมองใบหน้าสวยที่กำลังหลับไหลอยู่ในห้วงนิทรามันช่างน่าหลงใหล เขายกนิ้วชี้ลูบไล้บนใบหน้าของเธอ จนทำให้พิชชารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา หญิงสาวลืมตามามองเมธาวินและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวล “ตื่นนานแล้วเหรอคะ” “ได้สักพักแล้วค่ะ” ชายหนุ่มตอบคำถามพร้อมลูบไล้แก้มเนียนๆ ของเธอ “พิ้งค์ว่าเราลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วค่ะ...ป่านนี้ทุกคนรอทานข้าวกันหมดแล้ว” “แต่พี่ไม่อยากลุกออกจากเตียงเลย อยากนอนอยู่ข้างๆ พิ้งค์แบบนี้ไปเรื่อยๆ” พิชชามองเขาด้วยรอยยิ้มขัดเขิน แล้วเมธาวินจูบเบาๆ ที่หน้าผากของเธอ ก่อนจะลุกขึ้นก้าวลงจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำ … ทุกคนกำลังนั่งทานข้าวอยู่ เมธาวินนั่งจ้องมองพิชชาที่นั่งอยู่เก้าอี้ตรงข้ามกับเขา พิชชาใช้มีดทาเนยแตะเนยแล้วละเลงบนขนมปังปิ้งร้อนๆ