15 ซาบซึ้งดีไซน์เนอร์สาวเดินเข้ามาในห้องทำงานและวางกระเป๋าแบรนด์เนมใบเล็กบนโต๊ะทำงาน เธอนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับหยิบภาพสเก็ตชุดราตรีมาตรวจและเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทีนี้ก็เหลือแค่ตัดเย็บเท่านั้น ห้องเสื้อชั้นหนึ่ง… หน้าร้านของห้องเสื้อมีพวกรุ่นพี่ทั้งสามกำลังทำงานอยู่ ใบเฟิร์นนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์กำลังเคลียร์บิล ส่วนอีกสองคนที่เหลือกำลังทำความสะอาดและเช็คความเรียบร้อยของหุ่นกับชุดที่จะเอาไปตั้งโชว์หน้าร้าน พอสองคนทำความสะอาดเสร็จก็เอาชุดราตรีสวมหุ่นแล้วไปตั้งโชว์ ทั้งสองคนทำเสร็จแล้วก็เดินมาหาใบเฟิร์นที่หลังเคาน์เตอร์ เลขาสาวคนเก่งเห็นสองคนเดินเข้ามาหาเธอจึงเอ่ยถาม “อ้าว! เอบี... มอลลี่... ทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเหรอ” เกย์หน้าหล่อตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยเล็กน้อย “เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะคุณพี่” พอพวกเธอทั้งสามคนกำลังคุยกัน ดีไซน์เนอร์สาวที่กำลังเดินลงมาก็ส่งเสียงทักทาย “อะแฮ่ม... แอบอู้งานกันอยู่เหรอคะ” เกย์หน้าหล่อเห็นพิชชาเดินเข้ามาประชิดตัวก็ตกใจ “พี่เปล่าอู้นะคะ พี่พึ่งจะทำงานเสร็จเมื่อกี้นี่เอง” “พิ้งค์ล้อเล่นค่ะ” เธอพูดหยอกให้มอลลี่ตกใจเล็กน้อย เกย์หน้า
16 แฟนใหม่ พิชชากับมินตรายกกล่องของขวัญและเค้กช็อกโกแลตมาถึงหน้าร้านกำลังเดินเข้ามาข้างใน เด็กเสิร์ฟชายเดินเข้ามาต้อนรับพวกเธอสองคน “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ามีโต๊ะกันหรือยังครับ” พิชชาตอบเด็กเสิร์ฟชายกลับไป “มีแล้วค่ะ โต๊ะวันเกิดที่ชื่อมอลลี่ค่ะ” “อ๋อ...งั้นเชิญทางนี้เลยครับ” พิชชาเอ่ยพูดกับเด็กเสิร์ฟชาย “น้องค่ะ...รบกวนน้อง ช่วยไปบอกให้ดีเจเปิดเพลง Happy birthday ได้มั้ยคะ” “ได้ครับ...รอสักครู่นะครับ” เด็กเสิร์ฟชายก็เดินเข้าไปหาดีเจใกล้ ๆ แล้วกระซิบข้างหู “พี่ครับ!...ลูกค้าขอให้ช่วยเปิดเพลงวันเกิดหน่อยครับ” ดีเจได้ยินก็พยักหน้าแล้วยกมือทำสัญลักษณ์โอเค เด็กเสิร์ฟชายก็เดินกลับมาหาพิชชา ทั้งสองสาวก็เปิดกล่องเค้กช็อกโกแลตที่เขียนชื่อมอลลี่กับคำอวยพรไว้ มินตราปักเทียนลงบนเค้กและจุดเทียน พอเพลงเปิดขึ้น พิชชาเดินถือเค้กตามมินตราและเด็กเสิร์ฟชายไปยังโต๊ะของมอลลี่ มอลลี่ได้ยินเสียงเพลงวันเกิดดังขึ้นก็ตื่นเต้นมาก มินตราและพิชชาถือเค้กช็อกโกแลตเดินเข้ามาเซอร์ไพรส์เกย์หน้าหล่อ มอลลี่อ่านคำอวยพรบนเค้กถึงกับน้ำตาคลอ ครู่หนึ่งเพลงก็ดับ เอบีกับใบเฟิร์นส่งเสียงบอกเธอว่าให้อธิษฐานและเป่าเทียนเ
17 เดทแรก เช้าวันต่อมา... มินตราตื่นขึ้นมาเธอรู้สึกปวดหัวมาก เพราะเมื่อคืนนี้เธอดื่มหนักจนภาพตัดไปเลย พิชชาเดินออกมาจากห้องแต่งตัว “อ้าว! มิน...ตื่นแล้วหรอ เป็นไงบ้าง” มินตรายกมือมากุมขมับ “ฉันปวดหัวมากเลย เหมือนหัวจะระเบิด” “ถ้างั้นแกก็นอนพักอีกสักหน่อยแล้วกัน” “ไม่เป็นไรฉันไหว เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อน” “ไหวแน่นะ” พิชชาสังเกตอาการของเพื่อนสาว มินตราลุกขึ้นจากเตียงพร้อมพยักหน้าตอบกลับ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ พิชชารู้ว่าเพื่อนไหวก็เลยหายห่วง มินตราอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย เธอทั้งคู่เดินออกจากห้องนอนและลงไปข้างล่างเพื่อทานข้าวเช้าแล้วไปทำงาน … พิชชาขับรถมาจอดหน้าร้านเบเกอร์รี่ของเพื่อนสาว มินตราหันหน้ามาพูดก่อนจะลงจากรถ “ขอบใจนะ...ที่มาส่งและขอบคุณที่ดูแลฉัน” “ไม่ต้องขอบคุณหรือขอบใจฉันหรอก แกเป็นเพื่อนฉัน...ฉันก็ต้องดูแลอยู่แล้ว ถ้าแกอยากจะขอบคุณ แกก็ไปขอบคุณป้าพรกับพี่จิ๋ว หรือไม่ก็คุณคิมหันต์” มินตราขมวดคิ้วมองหน้าพิชชาด้วยความประหลาดใจก่อนที่จะเอ่ยถามอย่างสงสัย “แล้วคุณคิมหันต์เกี่ยวอะไรด้วย ฉันถึงต้องไปขอบคุณเขา” “นี่แกจำอะไรไม่ได้เลยหรอ?” มินตรากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อคื
18 ดินเนอร์ เมธาวินกำลังเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่ไปดินเนอร์กับดีไซน์เนอร์สาวสวยในเย็นพรุ่งนี้ เขาลองใส่สูทและกางเกง เดินไปส่องกระจกบานใหญ่ว่าดูดีหรือยัง เขาลองมาหลายตัวแล้วก็ยังไม่ถูกใจสักที โสภิษนภาเคาะประตูห้องนอนของเมธาวินและเปิดประตูเดินเข้ามาก็ไม่เจอหลานชายจึงเอ่ยปากเรียก “วิน!...อยู่ไหนลูก” แต่ไม่มีเสียงตอบรับ เธอจึงเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว “อ้าว! วิน...อยู่นี้นี่เอง” เธอเดินมายืนอยู่ตรงหน้าตู้เสื้อผ้าพร้อมมองหลานชายสลับกับเสื้อผ้าที่วางกองอยู่บนเคาน์เตอร์ “นี่วินรื้อเสื้อผ้าออกมาทำไมลูก?” “คือ...พรุ่งนี้ผมมีนัดครับ” เมธาวินอมยิ้มอย่างเขินอาย “ย่าเห็นว่าเวลาที่วินมีนัดเมื่อไหร่...ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องกระวนกระวายอะไรเลยนี่ หรือว่านัดในวันพรุ่งนี้จะเป็นนัดพิเศษ ใช่ไหมลูก?!” โสภิษนภาลุ้นจนหัวใจแทบจะกระเด็นออกมาอยู่ข้างนอกแล้ว “ครับ...ผมมีนัดจะไปดินเนอร์กับสาว” เขายกมือขึ้นลูบท้ายทอย คลี่ยิ้มอย่างขัดเขิน โสภิษนภาดีใจเป็นอย่างมาก เพราะในที่สุดเธอก็ได้เห็นหลานชายมีความสุขอีกครั้ง เธอเดินเข้าไปกอดเมธาวินพร้อมเอ่ยพูด “ย่าไม่เคยเห็นวินในมุมนี้เลยนะ” เธอยิ้มให้หลานชายสุดที่รัก “แล้วสาว
19 Move on หลังจากที่ทานอาหารกันหมด ทั้งสองคนก็นั่งดื่มไวน์ กินลมชมบรรยากาศยามค่ำคืน หนุ่มเจ้าของโรงแรมลุกขึ้นและเอ่ยบอกเธอก่อนจะเดินไป “เดี๋ยวพี่มานะ” “ได้ค่ะ” ดีไซน์เนอร์สาวก็ไม่ได้เอะใจอะไร ... จากนั้นเมธาวินเดินไปที่รถและกดรีโมตปลดล็อกรถ เดินไปเปิดกระโปรงท้ายรถ หยิบกล่องสีน้ำเงินคาดโบว์สีขาวไว้บนกล่อง ขนาดกล่องใบนั้นไม่ใหญ่ไม่เล็ก เมธาวินหยิบกล่องใบนั้นขึ้นมากอดแนบเอวพร้อมใช้มืออีกข้างนึงปิดกระโปรงท้าย แล้วก็กดรีโมตล็อกรถและเดินกลับเข้ามาในร้าน ในขณะเดียวกันพิชชาก็นั่งจิบไวน์ไปพลาง ๆ เธอยังไม่รู้เลยว่าในคืนนี้จะมีเรื่องอะไรที่เกิดขึ้นกับตัวเธอบ้าง เธอชายตามองไปทั่ว ๆ แล้วเห็นว่าเมธาวินเดินกลับมาพร้อมกับกล่องสี่เหลี่ยมใบกลาง ๆ สีน้ำเงินคาดโบว์ขาว เมธาวินเดินมาถึงโต๊ะก็ยื่นกล่องใบนั้นให้กับพิชชา “พี่ให้...ลองเปิดดูสิ” ดีไซน์เนอร์สาวรับกล่องที่เมธาวินยื่นให้ก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม เธอก็เอากล่องมาวางไว้บนโต๊ะแล้วเปิด พอเธอเปิดฝากล่องขึ้นพบว่าในกล่องใบนั้นมีดอกกุหลาบ “พี่วินค่ะ...ให้พิ้งค์เนื่องในโอกาสอะไร แล้วพี่ให้กุหลาบสีม่วงกับพิ้งค์ มันหมายความอะไรคะ?” เธอทำหน้าส
20 หมดอนาคต ในขณะที่พิชชากำลังนั่งตัดชุดอยู่ก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังมาจากเสื้อสูทของเธอที่แขวนไว้ เธอวางกรรไกรตัดผ้าและลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท “ฮัลโหล...ว่าไงค่ะคุณเพื่อน” มินตราได้ยินเสียงพิชชา เธอก็บ่นเป็นชุดเลย [พิ้งค์! นี่แกไม่คิดจะบอกฉันเลยหรอ แกยังเห็นฉันเป็นเพื่อนอยู่ไหม] “โอ้ย!... แกใจเย็น ๆ ก่อนนะ แกเห็นแล้วหรอ” [ไม่เห็นก็ต้องเห็นแล้วปะ คุณวิน...เขาเล่นแท็กแกมาขนาดนี้] “คือ...เรื่องมันยาวน่ะ เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟังทีหลังนะ” [ก็ได้!...แต่แกต้องเล่าให้ละเอียดเลยนะ] “โอเค...” พิชชากดวางสายและเก็บโทรศัพท์มือถือใส่ในกระเป๋ากางเกงไว้ แล้วเดินกลับมานั่งตัดชุดต่อ ใบเฟิร์นกำลังนั่งเคลียร์บิลที่ลูกค้าสั่งซื้อและสั่งจองเพื่อเอาไปให้พิชชาตรวจอีกที แล้วมอลลี่กำลังจัดชุดเดรสที่อยู่ในราวผ้าให้เรียบร้อย และในขณะนั้นก็มีลูกค้าเปิดประตูเดินเข้ามา มอลลี่ได้ยินเสียงประตูจึงเดินมาต้อนรับ แต่แล้วมอลลี่เห็นหน้าลูกค้าคนนี้ จากที่หน้าตายิ้มแย้มกลับต้องหุบยิ้ม เพราะลูกค้าที่ยืนอยู่ตรงหน้ามอลลี่ก็คือซาบีน่า ศัตรูหัวใจตัวฉะการ์ดของเจ้านายเธอนั่นเอง “คุณบีน่ามาที่นี่ทำไมค
21 หลานสะใภ้ นางแบบสาวรีบขับรถมาหาทิวากรที่คอนโด เพราะมีเรื่องสำคัญจะมาคุยกัน ~ก๊อก ก๊อก ก๊อก~ ทิวากรได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังจึงเดินไปเปิดประตูโดยเร็ว พอเปิดประตูก็เห็นนางแบบสาวยืนทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ เธอเดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามาในห้อง โยนกระเป๋าสะพายบนโซฟาและนั่งกระแทกก้นลงบนโซฟาอย่างแรง ทิวากรมายืนเอามือเท้าโซฟาอยู่ข้างๆ แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “นี่คุณ!… คุณไปโมโหใครมาถึงได้อารมณ์เสียแบบนี้” นางแบบสาวหันหลังไปมองเขาและเอ่ยถ้อยคำอย่างไม่พอใจ “ก็แฟนเก่าคุณไงคะ…ที่ทำให้ฉันอารมณ์เสีย” ทิวากรเดินเข้ามาหาเธอใกล้ๆ ที่โซฟาแล้วชี้หน้าเค้นถาม “เดี๋ยวนะ!…ที่คุณหายไปเมื่อช่วงบ่าย แล้วติดต่อคุณไม่ได้หมายความว่าคุณไปหาเรื่องพิ้งค์มาใช่ไหม” “ใช่!…” นางแบบสาวลุกขึ้นมาด้วยความโมโหที่เขาทำเหมือนยังเป็นห่วงแฟนเก่าอยู่ “ฉันไปหานังพิ้งค์มา แล้วคุณรู้ไหมว่านังพิ้งค์มันขู่ฉัน...ว่าถ้าหากขืนไปยุ่งกับมันอีก มันจะแฉเรื่องของเรา” ทิวากรได้ยินที่ซาบีน่าเล่ามาทั้งหมด เขาก็เดินเข้ามาโอบกอดและเอ่ยพูดอย่างใจเย็น “อืม…ถ้าอย่างนั้นผมว่าเราอย่ามาเจอกันสักพักดีกว่าไหม” เขาเอ่ยถามความเห็นของเธอและรอคำตอบ “ก็ไ
22 อย่าหาว่าไม่เตือน หลังจากที่เมธาวินพาพิชชากับใบเฟิร์นไปโรงพยาบาลและไปสถานีตำรวจมาทั้งวันแล้ว เมธาวินก็ไปส่งพวกเธอกลับบ้าน แล้วตัวเองก็ได้ขับรถกลับมาที่บ้านเลย พอเขาเข้ามาในบ้านก็เดินมาที่โซฟา ถกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นมาถึงข้อศอกแล้วมานั่งพิงพนักโซฟานุ่ม ๆ พอเมธาวินนั่งพักไปได้ไม่เท่าไรก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงของเขา เมธาวินล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงและดูว่าใครโทรมา พอเอาขึ้นมาดูพบว่าเป็นเบอร์แปลก ๆ ที่เมธาวินไม่คุ้นกับเบอร์นี้ เขาจึงลองกดรับ “ฮัลโหล! สวัสดีครับ…ไม่ทราบว่าใครพูดสายครับ” [ฮัลโหลค่ะ] เมธาวินกระเด้งตัวขึ้นมานั่งตรงๆ เพราะปลายเสียงที่เขาได้ยินอยู่ในตอนนี้ก็คือ “ปุยฝ้าย” [ขอบคุณนะคะ…ที่ยังจำกันได้] “คุณเอาเบอร์โทรผมมาจากไหน” เมธาวินกดอารมณ์โกรธเอาไว้และเค้นถาม [คุณอย่าเพิ่งโมโหสิคะ!…คิมเป็นคนให้เบอร์คุณกับฉันมาเอง] เมธาวินบ่นเพื่อนในใจ ‘ไอ้คิม…ไอ้เพื่อนเลว’ [อย่าไปว่าคิมเลยนะคะ…ฉันเป็นคนขอร้องเขาเอง เพราะฉันอยากจะคุยกับคุณ] น้ำเสียงอ้อนวอน “แต่ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณอีกแล้ว…เลิกมายุ่งวุ่นวายกับผมสักที เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว…
40 วันวิวาห์ ห้องนอนพิชชา… วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเดือนกว่าๆ หลังจากที่ดีไซน์เนอร์สาวออกจากโรงพยาบาลมา หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมก็ตามมาดูแลเธอถึงที่บ้านอย่างดี สม่ำเสมอทุกๆ วัน เพราะเขาไม่อยากปล่อยเธอให้คาดสายตาอีกแล้ว ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดี ทั้งทางใจและทางกาย แล้วอีกไม่นานเธอกับเขาก็จะได้เห็นหน้าพยานรักตัวน้อยๆ จากนั้นก็จะเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น จนทำให้ใครหลายๆ คนต้องอิจฉา “มอนิ่งคิสค่ะ” เมธาวินจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของเธอในอ้อมแขนของเขา “มอนิ่งค่ะ” คนที่ถูกรบกวนการนอนก็ลืมตาขึ้นมาเอ่ยปากตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแฝงรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่พิชชารู้สึกเหม็นอะไรบางอย่าง อาการคลื่นไส้เริ่มตีขึ้นมาทันที เธอจึงดันหน้าอกเมธาวินออกห่าง “…..” เมธาวินงุนงงกับท่าทางของแฟนสาว “อุ…อุ” พิชชายกมือปิดปากเอาไว้และรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปโก่งคออาเจียน “พิ้งค์! เป็นยังไงบ้างคะ” เมื่อเห็นแฟนสาวของตนอาเจียนออกมา เขาจึงรีบวิ่งตามเข้าไปลูบหลังให้เธอด้วยความเป็นห่วง “อ้วกกก” พิชชาอาเจียนออกมาจนหมด เธอรู้สึกเวียนหัวอย่างมาก “ดีขึ้นรึยังคะ” เมธาวินประคองแฟนสาวกลับออกมานั่งลงบนเตียง “งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปทำอะไรให
39 ทุ่มเททุกอย่าง ผ่านไปสี่ชั่วโมงแล้ว และในระหว่างนั้นมินตราก็ให้คนขับรถพาครอบครัวของพิชชากลับไปพักผ่อนก่อน มินตรากับพวกผู้ชายอยากจะอยู่ต่อเพื่อรอฟังผลจากปากคุณหมอ เมธาวินกระสับกระส่าย เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด สายตาจับจ้องไปที่ประตู จิตใจจดจ่ออยู่กับคนรักที่อยู่ภายในห้องผ่าตัด ตอนนี้เขากระวนกระวายใจ คิดไปต่างๆ นาๆ จนนั่งไม่ติด โดยสายตาของธีร์ก็ยืนมองเจ้านายอย่างเป็นห่วง เพราะหลายชั่วโมงแล้วที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัดโดยไม่ได้ทานอะไรเลย หลังจากที่รอมาเป็นระยะเวลานาน สักพักใหญ่หมอที่รักษาพิชชาก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด เมธาวินเงยหน้าขึ้นมาเห็นคุณหมอก็ลุกขึ้นพรวดไปหาคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของพิชชา “คุณหมอครับ...แฟนผมเป็นอย่างไรบ้างครับ” เมธาวินจับไม้จับมืออีกฝ่ายเร่งเร้าเอาคำตอบ “ตอนนี้...ปลอดภัยทั้งแม่และลูกครับ” หมอเผยยิ้มให้กับทุกคนที่ยืนฟังอยู่ “อะไรนะคะ! คือ…หมอจะบอกว่าเพื่อนของฉันกำลังมีน้องเหรอคะ” มินตราทวนถามคุณหมอด้วยความดีใจ “ใช่แล้วครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งให้คนไข้ทำงานหรือเครียดเป็นอันขาดนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...หมอขอตัวก่อนครับ” “เฮ้ย! แกจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะเ
38 มุมอ่อนแอ ชานเมือง… เมธาวินกับดิวมาถึงบ้านกลางป่าที่บลูจับตัวพิชชามาที่นี่ เมธาวินกับดิวก้าวลงจากรถ แล้วทั้งสองเดินลัดเลาะมาจากด้านหลังบ้าน ดิวชะโงกหน้าไปมองที่หน้าประตูเห็นมีคนเฝ้าอยู่คนสองคน เมธาวินหาอาวุธมาป้องกันตัว แล้วก็เจอท่อนไม้พอเหมาะมือ หยิบมาถือไว้และเดินย่องเข้าไปใกล้ๆ ชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนด้านหลังพร้อมด้วยใช้ไม้ที่ถือมาล็อกคออีกฝ่ายไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก แล้วดิวที่เดินตามหลังเมธาวินมาก็วิ่งมากระโดดต่อยชายฉกรรจ์ร่างสูงอีกคนนึงจนล้มตกบันได ดิวคว้ากุญแจบ้านที่เหน็บเอวชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนเอาไว้และรีบเปิดประตู เมธาวินออกแรงล็อกคอจนชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนหมดสติไป จากนั้นดิวกับเมธาวินเดินปรี่เข้าไปหาพิชชาที่นอนแน่นิ่งอยู่ ดิวนั่งคุกเข่าแก้เชือกที่มัดมือให้ เมธาวินเรียกเธอให้ได้สติ “พิ้งค์! พิ้งค์คะ! พี่มาช่วยแล้ว” พิชชาได้สติขึ้นมาแล้ว เธอยกมือขึ้นมาจับที่ศีรษะแต่จับไปโดนแผลที่กระแทกกับพื้น “ซี้ด! โอ๊ยยย!” แต่ทันใดนั้นชายฉกรรจ์ร่างสูงได้สติก็ขึ้นมาปลุกชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนที่สลบอยู่หน้าบ้านให้ตื่นและหยิบท่อนไม้ที่วางอยู่บนพื้นเดินเข้าไปในห้อง พอเข้ามาเห็นดิวกับเมธาวินกำลังพาพิ
37 ถูกลักพาตัว สองวันผ่านไป… มินตราหายจากอาการไม่สบายก็มาหาพิชชากะว่าจะชวนออกไปทานข้าว เพราะเวลานี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว และที่สำคัญมินตรามีเรื่องจะบอก มินตราเปิดประตูร้านเข้ามาเจอณิชากำลังยืนจัดชุดที่ราวเสื้อและณิชาหันไปเห็นเธอพอดี ณิชาจึงเดินเข้ามาทักทายมินตราอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะพี่มิน เห็นพี่พิ้งค์บอกว่าพี่มินไม่สบาย….เป็นอย่างไรบ้างคะ” “ดีขึ้นแล้วจ้ะ เอ่อ...และพิ้งค์อยู่ไหนเหรอจ๊ะ” “อยู่ในห้องตัดเสื้อค่ะ” “ขอบใจจ้ะ” มินตราเดินตรงเข้าไปในห้องตัดเสื้อแล้วเห็นพิชชา เอบีและมอลลี่กำลังง่วนอยู่กับการตัดเสื้อ มินตรายืนอยู่หน้าห้องแล้วเคาะประตูเบาๆ เป็นมารยาท ทุกคนเงยหน้ามามองที่ประตู “อ้าว! มิน…แกหายดีแล้วหรอ” “ฉันหายดีแล้ว…และนี่แกกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ” มินตราเอ่ยถามพลางเดินเข้าไปยืนข้างๆ พิชชา พิชชาก้มหน้าลงไปตัดชิ้นผ้าที่คาไว้ต่อพร้อมเอ่ยถามมินตราว่ามีธุระอะไรกับเธอ “มาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า” “ฉันจะชวนแกออกไปทานข้าวน่ะ คือ…คิมให้มาชวนแก เพราะว่าเขามีอะไรจะบอก...คุณวินก็มานะ” พิชชาตัดชิ้นผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองมินตราด้วยความสงสัยว่าที่เธอได้ยินมันจริงหรือแค่หูฝา
36 ในฐานะอะไร บ้านมินตรา… มินตรารู้สึกไม่สบายจึงโทรไปบอกพนักงานที่ร้านตั้งแต่เช้าว่าวันนี้เธอไม่เข้าร้าน แล้วตอนนี้ก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงแล้ว เธอก็เลยลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเชื่องช้า เข้ามาล้างหน้าแปรงฟันเพื่อลงไปหาอะไรกิน เพราะตอนนี้เธอหิวมาก มินตราเดินออกมาจากห้องน้ำ หยิบกางเกงขายาวหนาๆ มาสวมและคว้าเสื้อฮู้ดแขนยาวมาใส่ จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องนอนลงไปข้างล่าง เธอเดินเข้าไปในครัวและเปิดตู้เย็น แต่ภายในตู้เย็นไม่มีวัตถุดิบที่สามารถทำอาหารได้ เธอจึงเดินออกมาทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรงและล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อฮู้ดแล้วก็จะกดสั่งอาหาร กริ๊ง! เสียงเตือนกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น มินตราได้ยินถึงกับแปลกใจว่าเธอยังไม่ได้กดสั่งอาหารไปเลยแล้วเสียงใครมากดกริ่ง เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาและรวบรวมแรงที่มีลุกขึ้นเดินไปดูว่าเป็นใคร มินตราเดินมาชะเง้อคอมองนอกรั้วบ้าน เห็นคิมหันต์ยืนผลิรอยยิ้มหล่อเหลาอยู่หน้าบ้าน ในมือเขาถือถุงผ้ามาสองใบ เธอเดินไปเปิดประตูให้เขาเข้ามาและปิดประตูหน้าบ้านให้เรียบร้อย เธอกับเขาก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน “คุณคิมรู้ได้ยังไงคะ...ว่าฉันอยู่บ้
35 ขอแต่งงาน ดีเอ็นดี คลับ… ชั้นสองโซน VIP เมธาวิน คิมหันต์ ปกรณ์และชลธรนั่งดื่มกันมาสักพัก แล้วเมธาวินพูดปรึกษาเพื่อนๆ เรื่องที่เกี่ยวกับพิชชา “เพื่อนๆ...ฉันอยากแต่งงานกับพิ้งค์วะ” สีหน้าท่าทางของหนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมที่พูดนั่นมันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “เอาเลย...ฉันช่วยเต็มที่” คิมหันต์พูดพร้อมยกมือตบบ่าเพื่อสนับสนุนเมธาวิน แต่ชลธรก็พูดแทรกในเวลาแห่งความสุขของเมธาวินสักนิดนึง เพราะชลธรไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงรักผู้หญิงคนนี้ทั้งที่อยู่เป็นโสดมานาน ชลธรแนะนำผู้หญิงคนไหนให้ก็ไม่เคยสนใจ “แกเพิ่งคบกับคุณพิ้งค์ได้กี่เดือนเอง…คิดจะแต่งงานกับคุณพิ้งค์แล้วเหรอวะ” “สำหรับฉันกับพิ้งค์...เรารู้จักกันมานานมากแล้ว” คิมหันต์เอ่ยพูดเรียบๆ ผ่านรอยยิ้มละไม “แกไม่ต้องไปสนใจไอ้ธรหรอ แล้วแกคิดจะขอพิ้งค์แต่งงานเมื่อไหร่” “เร็วๆ นี้แหละ” เมธาวินออกอาการอิ่มอกอิ่มใจมีรอยยิ้มประดับเต็มใบหน้า ชลธรยกแก้วเหล้าขึ้นมาและเอ่ยพูดให้ทุกคนยกแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วฉลองให้กับเมธาวินล่วงหน้า “เอ้า! ชน!” ทุกคนสังสรรค์กันอย่างสนุก … ห้องนอนพิชชา… พิชชากำลังนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆ และใน
34 เริ่มจีบ ปัง! นางแบบสาวเดินเข้าห้องพักและปิดประตูแรงๆ เธอเดินกระทืบเท้าตรงไปที่เตียง หยิบหมอนปาลงพื้น ปัดผ้าห่มและกรีดร้องอย่างสุดเสียงด้วยความโมโห เดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องนอนอย่างใช้ความคิด ซาบีน่าถอนหายใจและเอ่ยพูดกับตัวเอง “นี่ฉันแพ้แล้วจริงๆ เหรอ?” อารมณ์ที่เหมือนเคลิ้มฝันสูญสลายไปจนสิ้น … ทุกคนกลับมาจากทะเลได้หลายวัน… ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยง คิมหันต์ชวนเมธาวินออกมาทานข้าวด้วยกัน แต่เมธาวินนั่งสังเกตหน้าของคิมหันต์มานานแล้วตั้งแต่ที่กลับมาจากทะเล หน้าตาของเพื่อนสนิทดูสดใสเหมือนคนกำลังมีความรัก เมธาวินวางช้อนส้อมลงบนจานข้าวอย่างเรียบร้อยและยกแก้วน้ำมากระดกก่อนเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “คิม! แกเป็นอะไรวะ? ฉันเห็นแกนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับโทรศัพท์…หรือว่าแกมีแฟนแล้วไม่บอกเพื่อน” คิมหันต์ได้ยินก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าข้างในเสื้อสูทและเงยหน้าขึ้นมาตอบพร้อมยิ้มน้อยๆ “ไม่มีอะไร ฉันแค่เลื่อนไปเจอคลิปตลกน่ะ” ที่จริงแล้วคิมหันต์กำลังส่งแชทคุยกับมินตรา แต่เขาเลี่ยงที่จะไม่พูดความจริงให้เมธาวินรู้ เพราะในตอนนี้เขากำลังเริ่มจีบมินตราอย่างเป็นทางการ แต่ขอไม่เปิดเผยให้ใครรู้ต้องรอให้ฝ
33 ความลับของนางแบบสาว เมื่อเมธาวินขับรถพาพิชชามาถึงจุดชมวิว เธอและเขาก้าวลงจากรถมายืนดูพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า หมู่นกนางนวลต่างก็โบยบินกลับรัง สายลมรำเพยจากทะเลที่กว้างใหญ่ พัดพาคลื่นซัดเข้าฝั่งเสียงดัง ~ซ่าส์ ซ่าส์~ พิชชาจ้องมองแสงสีส้มกับหมู่นกนางนวลที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้า เมธาวินมองด้วยสายตาชื่นชมหลงใหลในขณะที่เธอยืนรับลมทะเลเย็นๆ บริเวณหน้ารถ เขามองเธออย่างเคลิบเคลิ้ม พิชชาเหลือบไปเห็นเมธาวินกำลังจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา เธอก็เรียกเขาด้วยความสงสัย “พี่วินคะ…มีอะไรหรือเปล่า?” ฟังเสียงหวานที่เอ่ยกับเขาทีละคำทีละประโยคอย่างนุ่มนวล ทำให้เมธาวินยิ้มและตอบอย่างอารมณ์ดี “พี่แค่ดีใจ…ที่เราสองคนผ่านอุปสรรคมาได้” ดวงตาสองคู่ประสานกันหวานซึ้ง เมธาวินขยับเข้ามาชิดและโอบกอดเอวเธอจากด้านหลัง ทั้งสองคนยืนดูพระอาทิตย์ตกดินอย่างมีความสุข … มินตรายืนมองหาซาบีน่าที่ชายหาด แต่ซาบีน่าเห็นมินตรายืนอยู่เลยแกล้งเดินทะเล่อทะล่ามาชนเธออย่างแรง จนมินตราล้มลงไปกองอยู่บนทราย มินตราหันขวับไปมองคนที่ทำให้เธอล้ม “นี่แกแกล้งฉันเหรอ?” “ใช่! แล้วจะทำไม?” มินตราลุกขึ้นจากพื้นทรายแล้วยกมือปัดก้นและมื
32 ยอมแพ้ วันที่สาม... แสงแดดสาดส่องผ่านรูหน้าต่างทะลุผ้าม่านเข้ามาภายในห้องสี่เหลี่ยม ตกกระทบร่างกายเปลือยเปล่าสองร่างที่นอนกอดกันใต้ผ้าห่มผืนหนาบนเตียงขนาดใหญ่ หลังจากที่เมื่อวานนี้เมธาวินกับพิชชาได้อยู่ในห้องนอนด้วยกันสองต่อสอง จนถึงเช้าของวันนี้ เมธาวินตื่นขึ้นมาพร้อมก้มหน้ามองร่างบางอยู่ในอ้อมแขนทรงพลังของเขา เมธาวินมองใบหน้าสวยที่กำลังหลับไหลอยู่ในห้วงนิทรามันช่างน่าหลงใหล เขายกนิ้วชี้ลูบไล้บนใบหน้าของเธอ จนทำให้พิชชารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา หญิงสาวลืมตามามองเมธาวินและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวล “ตื่นนานแล้วเหรอคะ” “ได้สักพักแล้วค่ะ” ชายหนุ่มตอบคำถามพร้อมลูบไล้แก้มเนียนๆ ของเธอ “พิ้งค์ว่าเราลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วค่ะ...ป่านนี้ทุกคนรอทานข้าวกันหมดแล้ว” “แต่พี่ไม่อยากลุกออกจากเตียงเลย อยากนอนอยู่ข้างๆ พิ้งค์แบบนี้ไปเรื่อยๆ” พิชชามองเขาด้วยรอยยิ้มขัดเขิน แล้วเมธาวินจูบเบาๆ ที่หน้าผากของเธอ ก่อนจะลุกขึ้นก้าวลงจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำ … ทุกคนกำลังนั่งทานข้าวอยู่ เมธาวินนั่งจ้องมองพิชชาที่นั่งอยู่เก้าอี้ตรงข้ามกับเขา พิชชาใช้มีดทาเนยแตะเนยแล้วละเลงบนขนมปังปิ้งร้อนๆ