8
สัญญาณอันตราย …หลายวันต่อมาที่ห้องเสื้อพิชชาในเวลาแปดโมงเช้า ทุกคนก็มานั่งทำงานอยู่ในห้องตัดเสื้อ ดีไซน์เนอร์สาวนั่งเย็บผ้าอยู่ แต่สายตาเหม่อลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนถูกเข็มทิ่มนิ้วชี้ของเธอ โอ๊ย! พวกรุ่นพี่สามคนรีบเดินมาดูเธอด้วยความเป็นห่วง “ตายแล้ว! เจ็บมากไหมค่ะ” ใบเฟิร์นเอื้อมมือไปหยิบทิชชู่มาซับเลือดให้ของพิชชา “พิ้งค์ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” มอลลี่เอ่ยถามอย่างใส่ใจ “มีอะไรหรือเปล่าค่ะ พี่เห็นนั่งเหม่อลอยมาตั้งนานแล้ว” “ขอบคุณนะคะ...ที่เป็นห่วง” พิชชาคิดหนักว่า...เธอจะเล่าเรื่องนี้ให้พวกรุ่นพี่ฟังดีไหม ทว่ามันเป็นเรื่องที่คาใจเธออยู่ ถ้าไม่พูด...วันนี้เธอคงจะทำงานไม่ได้ “วันก่อน...ทิมไปรับพิ้งค์ที่บ้าน แล้วพิ้งค์เจอลิปสติกมันตกอยู่ข้างล่างเบาะนั่งค่ะ” เธอหยิบลิปสติกแท่งนั้นออกมาจากกระเป๋า เอบีหยิบลิปแท่งนั้นมาเปิดและหมุนดู “พี่เหมือนจะเคยเห็นลิปแท่งนี้จาก... อ๋อ! พี่นึกออกแล้ว ของคุณซาบีน่าที่มาหาน้องพิ้งค์คราวก่อนค่ะ” “ซาบีน่าเหรอคะ....พี่เอบีจำผิดหรือเปล่าค่ะ” “พี่จำไม่ผิดหรอกค่ะ...เธอบอกกับพี่ว่าซื้อมาจากต่างประเทศ ก่อนที่จะกลับมา เพราะที่ไทยยังไม่มียี่ห้อนี้ค่ะ” พิชชาฟังที่เอบีเล่ามาก็ยังไม่เข้าใจว่าลิปสติกของซาบีน่ามาตกอยู่บนรถแฟนเธอได้อย่างไร มอลลี่เม้มปากก่อนจะเอ่ยคำพูดอันน่าตกตะลึงออกมา “หรือว่า…คุณทิมกับคุณบีน่าจะแอบคบกันลับหลังน้องพิ้งค์ค่ะ” “นี่…แกพูดอะไรน่ะ ตบปากตามอายุของแกเดี๋ยวนี้” เอบีง้างมือขึ้นมาทำท่าจะตบ พิชชาลองคิดดูว่าคำพูดของมอลลี่และคำเตือนของมินตรา ทำให้เธอคิดไปต่าง ๆ นา ๆ จนเธอยกมือขึ้นมากุมขมับ “พี่เข้าใจนะ...ว่าน้องพิ้งค์รู้สึกกังวลใจ แต่พี่อยากให้น้องพิ้งค์ไปถามคุณทิมหรือคุณบีน่าให้รู้ก่อนว่ามันเป็นมายังไงจะดีกว่า” พิชชาหันหลังมามองใบเฟิร์น สีหน้าของเธอหม่นหมองยิ่งกว่าเก่าขณะแค่นยิ้มจนสุดกำลัง … เมธาวินกับคิมหันต์กำลังนั่งคุยกันอยู่ในห้องทำงานส่วนตัว แล้วในขณะนั้นมีคนมาเคาะประตูห้องทำงาน ~ก๊อก ก๊อก ก๊อก~ แล้วเปิดเข้ามาทันที ทั้งสองคนหันไปมองก็เห็นบอดี้การ์ดของเมธาวิน ธีร์ได้นำข้อมูลที่เมธาวินต้องการมาให้ ธีร์ยื่นเอกสารไปให้ในมือของเมธาวิน พอเขาเปิดซองกระดาษสีน้ำตาล แล้วหยิบแผ่นกระดาษที่มีข้อมูลของทิวากร หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมก้มอ่านจนละเอียดยิบจึงเงยหน้าขึ้นมาถามคิมหันต์อย่างจริงจัง “แกรู้จักคนนี้ไหม” เมธาวินส่งรูปภาพให้คิมหันต์ดู คิมหันต์รับรูปภาพใบนั้นแล้วมองดู “อ๋อ...ฉันรู้จัก เขาเป็นประธานบริษัทส่งออกเฟอร์นิเจอร์ แล้วแกจะอยากรู้ข้อมูลพวกนี้ทำไมว่ะ หรือว่าแกอยากได้เฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งโรงแรม” “ฉันเปล่า... แค่ฉันอยากจะรู้ข้อมูลของไอ้หมอนี่ว่ามันขาวสะอาดรึเปล่า เพราะฉันกลัวว่าไอ้หมอนี่...มันจะมาหลอกพิ้งค์” “เดี๋ยวนะ...แล้วพิ้งค์มาเกี่ยวอะไรด้วย” “ก็พิ้งค์กับทิวากรเป็นแฟนกัน...และอีกไม่นานก็จะแต่งงานกันแล้วด้วย” คิมหันต์ถึงกับตกตะลึงเมื่อเมธาวินบอก “แล้วยังไงวะ...พิ้งค์ก็ยังจำพวกเราไม่ได้เลย แล้วอีกอย่าง… ถ้าพวกเราขืนพูดไปก็จะหาว่าใส่ร้ายคนรักของเธอ” คิมถอนหายใจยาวและนั่งพิงพนักเก้าอี้ “ใช่...แต่ฉันเป็นห่วงพิ้งค์นี่” เมธาวินเผยสีหน้าและแววตาอย่างเป็นห่วง [ย้อนกลับไปในสมัยที่เรียนอยู่มัธยมปลาย] เมธาวินกับคิมหันต์ได้เข้าร่วมสมัครไปเป็นจิตอาสา สร้างโรงเรียนให้กับน้อง ๆ ที่บนดอย แล้วในวันถัดไปคุณครูแบ่งงานให้ทุกคนทำ ผู้ชายไปยกไม้เพื่อมาทำโครงสร้าง ส่วนผู้หญิงก็ไปทำความสะอาด ในขณะที่เมธาวินกำลังจะเดินไปยกไม้ก็เห็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักทำหนังสือที่เธอยกมาตก เมธาวินมีน้ำใจก็เข้าไปช่วยเก็บ “น้อง...เดี๋ยวพี่ช่วยเก็บนะ” “ขอบคุณค่ะ” เก็บหนังสือเกือบจะหมดแล้ว พอเด็กสาวเหลือบตาไปเห็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งก็เอื้อมมือไปหยิบ จังหวะเดียวกับที่เมธาวินก็เห็นเหมือนกันจึงเอื้อมไปหยิบ แต่เขาดันไปจับโดนมือเด็กสาวคนนั้น เธอกับเขาเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับสบสายตา เมธาวินมองใบหน้าและแววตาอันเปล่งประกายของเด็กสาว จนทำให้เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบ สุดท้ายเมธาวินก็ได้สืบชื่อของเด็กสาวคนนั้น ซึ่งเป็นรักแรกของเขา] … พิชชานั่งกลัดกลุ้มใจอยู่บนเตียง พร้อมจ้องมองลิปสติกแท่งนั้นที่อยู่ในมือของเธอ ความกลัวแทรกซึมผ่านหัวใจ จนทำให้เกิดความกังวล เธอสะบัดศีรษะแรงๆ ไล่ความคิดแปลกๆ ออกไปจากหัวและวางลิปสติกลงบนเตียง ก่อนทิ้งตัวลงแผ่กลางเตียงนุ่ม กริ๊ง! เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พิชชาลุกพรวดพราดขึ้นมานั่งและเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์มือถือ คนที่โทรมาหาเธอก็คือทิวากร เธอถอนหายใจไปเฮือกใหญ่แล้วกดรับสาย “ฮัลโหลค่ะ” [ฮัลโหลครับ...พอดีผมจะโทรมาบอกฤกษ์แต่งงานของเราน่ะ] “อ๋อ!...เหรอคะ แล้ววันไหนค่ะ” น้ำเสียงของเธอแฝงความไม่มั่นใจ [ต้นเดือนหน้าครับ] “…ค่ะ” พิชชาวางสายและโยนโทรศัพท์ลงบนเตียงเบา ๆ แล้วเธอก็นอนลงอีกครั้งพลางกลับมาคิดเรื่องลิปสติกอีก คิดไปคิดมาจนเธอเริ่มจะปวดหัว จึงลุกขึ้นไปอาบน้ำเข้านอนดีกว่า … ทิวากรนั่งลงปลายเตียงและเพิ่งคุยโทรศัพท์กับพิชชาเสร็จ ซาบีน่าก็ลุกขึ้นมาที่ปลายเตียงโอบกอดเอวเขาจากด้านหลังแล้วเกยคางไว้บนไหล่ เธอพูดลอย ๆ ขึ้นมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “บางครั้งฉันก็อิจฉาพิ้งค์น่ะค่ะ...ที่ได้แต่งงานกับผู้ชายที่รัก” “อย่าพูดอย่างนี้สิครับ…สักวันหนึ่งคุณก็จะเจอผู้ชายคนนั้นเอง” “ฉันเจอแล้ว…แต่เขาคนนั้นกำลังจะแต่งงาน” ทิวากรแกะมือเธอออกแล้วหันหน้ามามองเธอ ใช้แรงตวัดร่างเธอมานั่งลงบนตักของเขา กดจมูกลงบนผิวแก้มเนียน ๆ และเอามือลูบไล้ไปทั่วแขนของนางแบบสาว “ผมไม่คิดเลย...ว่าคุณจะชอบผมขนาดนี้” ซาบีน่ายกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดคอทิวากร แล้วเธอพูดความในใจของเธอกับเขา “ก็ฉันชอบคุณมาตั้งนานแล้ว แต่พอฉันรู้ว่าพิ้งค์ก็ชอบคุณ ฉันเลยต้องตัดใจ...เพราะไม่อยากเสียเพื่อนไป” ทิวากรทำหน้ารู้สึกผิดที่ตอนนั้นเขาน่าจะรู้ว่ามีผู้หญิงที่ชอบและรักเขามาก ทิวากรเอามือประกบใบหน้าเธอแล้วยื่นไปจูบย้ ำๆ ที่ริมฝีปากอย่างดูดดื่ม เธอและเขาก็เสพสุขด้วยกัน9 เสพสุข วันถัดมา… เช้าวันนี้พิชชาไปทำงานอย่างร่าเริงและมีความสุข เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของแฟนหนุ่ม เธอจึงแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ ‘สวมเสื้อแขนยาวลายทางกับเดรสสายเดี่ยวสีขาว และรองเท้าบูทส้นสูงหุ้มข้อสีขาว ทำผมลอน มัดครึ่งหัว’ พิชชาเดินตรงไปที่โรงรถ สมพรเดินกลับมาจากตลาดพอดีเห็นเธอก็ทักทาย “คุณพิ้งค์...จะทำงานแล้วเหรอคะ แหม! วันนี้แต่งตัวซะสวยเชียว” “วันนี้เป็นวันเกิดของทิมน่ะค่ะ พิ้งค์ก็เลยกะว่าจะไปเซอร์ไพรส์เขา” “อ๋อค่ะ…งั้นป้าก็ขอให้ทำสำเร็จนะคะ” ดีไซน์เนอร์สาวยิ้มหวานให้สมพร ก่อนจะก้าวขึ้นรถและขับรถออกไปอย่างช้า ๆ… ทิวากรกำลังนั่งดูแฟ้มบัญชีของเดือนเก่า ๆ พอได้เห็นแล้ว...เขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงานอย่างแรง เขานั่งกลัดกลุ้มใจอยู่บนโต๊ะทำงาน เพราะบริษัทเฟอร์นิเจอร์ของเขากำลังขาดทุนย่อยยับ ~ก๊อก ก๊อก ก๊อก~ เสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าห้องทำงาน ทิวากรอนุญาตให้เข้ามา คนหน้าห้องก็เปิดประตูและเดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้ามกับเขา ทิวากรเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้า “แม่มาทำอะไรที่นี่” “ฉันก็จะมาถามว่าแกจัดงานไปถึงไหนแล้ว ตอนนี้เสี่ยชัชโทรมาทวงเงินแทบ
10 ดื่มเพื่อลืม เมธาวินนั่งอยู่ในห้องทำงานที่บ้าน และกำลังอ่านเอกสารในแฟ้มอย่างเคร่งเครียดอยู่ จนรู้สึกปวดตาเลยวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะและเอนหลังพักสายตาสักครู่หนึ่ง แล้วเมธาวินก็นึกอะไรออกจึงลืมตาขึ้นมาและนั่งตัวตรง เอื้อมมือมาเปิดลิ้นชักหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งขึ้นมาดู มันคือรูปถ่ายรวมกลุ่มตอนที่ไปค่ายอาสา เมื่อสมัยมัธยมปลาย เมธาวินนั่งมองและยิ้มให้กับรูปถ่ายใบนั้น เขาเอานิ้วมือมาลูบตรงที่มีพิชชายืนอยู่ในรูปแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน… พิชชานั่งดื่มเหล้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความชอกช้ำและความรู้สึกผิดหวังผลันโถมใส่กลางใจจนน้ำตารินไหล เพราะความเจ็บปวดในใจ ยิ่งเธอเสียใจมากเท่าไรก็ยิ่งต้องดื่มเพื่อลืมเรื่องราวในวันนี้ให้หมด มินตราเดินเข้ามาในร้านเห็นเพื่อนสาวนั่งอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์คนเดียว...ก็ปรี่เข้าไปหาอย่างเร็ว มินตราเดินมานั่งลงข้าง ๆ เพื่อนสาวเธอและหันไปมองหน้าเพื่อนสาวเห็นว่ากำลังร้องไห้อยู่ก็เอ่ยถามอย่างตกตะลึง “พิ้งค์! นี่แกเป็นอะไร” “มิน...เพื่อนรัก แกมาแล้วเหรอ” พิชชาหันหน้ามาโอบกอดเพื่อนสนิทที่เข้าใจเธอมากที่สุดและเอ่ยปากบอกมินตราด้วยน้ำเสียงสะอื้นบวกก
11 ปากคอเราะร้าย ช่วงเย็น... ดีไซน์เนอร์สาวหอบเอกสารและภาพสเก็ตแฟชั่นเดินเข้ามาในบ้าน จิ๋วเห็นก็รีบเดินออกไปช่วยเธอถือและก็เอ่ยปากบอกก่อนจะเอาเอกสารไปเก็บที่ห้องทำงาน “ป้าพรทำอาหารเย็นไว้แล้ว คุณพิ้งค์จะทานเลยมั้ยคะ” “ยังค่ะ” จิ๋วพยักหน้าและเดินหันหลังตรงไปที่ห้องทำงาน ดีไซน์เนอร์สาวเดินตามสาวใช้มายังห้องทำงาน จิ๋ววางเอกสารไว้บนโต๊ะทำงานแล้วเดินออกไป พิชชาวางกระเป๋าถือบนโต๊ะและนั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน เธอหยิบเอกสารขึ้นมาดู แต่เธอปรายตามองไปเห็นภาพสเก็ตชุดสูทที่เธอออกแบบให้กับทิวากร ดีไซน์เนอร์สาวเอื้อมมือไปหยิบกระดาษภาพสเก็ตแล้วก็จ้องมองพร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโมโหเล็กน้อย “ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้ ตลอดเจ็ดปีที่คบกันมา มันไม่มีค่าอะไรกับคุณเลยใช่ไหม” ทิวากรเป็นเพียงผู้ชายคนเดียวที่เธอรัก รักจนไม่เผื่อใจในตอนที่หัวใจของเธอเต็มไปด้วยบาดแผล เธอก็ยังลืมเขาไม่ได้ แต่อีกใจหนึ่งก็โกรธเขาที่ทำกับเธอแบบนี้ แล้วยิ่งมองที่ภาพสเก็ตแผ่นนั้นทีไร เธอก็ยิ่งรู้สึกเสียใจและโกรธ เธอจึงขยำภาพสเก็ตแผ่นนั้นปาทิ้งลงพื้นไปซะ ดีไซน์เนอร์สาวกลั้นน้ำตาแห่งความเจ็บปวดเอาไว้ไม่ไหวเลยระบายออกมา แต่แล้วมีค
12 ข่าวดี พิชชากำลังนั่งคิดแบบชุดราตรี แล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินไปเดินมาอยู่นาน จนเดินไปเห็นหุ่นลองเสื้อที่สวมชุดสูทเจ้าบ่าว พิชชาเดินมาดูใกล้ๆ เธอยกมือมาลูบเนื้อผ้าที่ปกเสื้อสูทก็คิดถึงใบหน้าของทิวากรที่เคยบอกว่ารักและเข้าใจเธอเป็นอย่างดี แต่มันเป็นแค่เรื่องโกหกทั้งนั้น เธอรู้สึกโกรธที่เขาโกหกเธอมาตลอด พิชชากำมือแน่นทุบลงที่อกหุ่นลองเสื้อสุดกำลัง...แล้วหยาดน้ำตาก็รินอาบแก้มของเธอ เอบีและมอลลี่เดินเข้ามาในห้องตัดเสื้ออย่างเงียบๆ แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นพิชชากำลังยืนร้องไห้อยู่ในห้อง หัวใจของพวกเธอเจ็บแปลบ เมื่อได้เห็นรุ่นน้องอย่างพิชชาร้องไห้สะอื้นจนหัวไหล่สั่น เอบีและมอลลี่ได้แต่ยืนมองเธอร้องไห้จนพวกเธอจะร้องตาม พิชชาเหมือนได้ยินเสียงคนซุบซิบกัน เธอจึงใช้หลังมือปาดน้ำตา แล้วหันหน้ามายิ้มให้กับเอบีและมอลลี่อย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอกลับมานั่งที่เก้าอี้ เอบีกับมอลลี่เข้ามานั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับเธอ เอบีเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “คุณน้องค่ะ...เป็นอะไรหรือเปล่า” “พิ้งค์ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” ดีไซน์เนอร์สาวตอบส่งๆ ไปเพราะไม่อยากให้พวกเธอต้องเป็นห่วง “พี่มอลลี่ค่ะ...พิ้งค์รบกวนพี่อย่างหนึ่งไ
13 สูบเลือด สูบเนื้อ ...ที่ห้องเสื้อในช่วงสาย ทุกคนกำลังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างจริงจัง ดีไซน์เนอร์สาวยืนเย็บชุดราตรีที่สวมอยู่ในหุ้นลองเสื้อ เธอหยิบกรรไกรมาตัดเส้นด้าย แล้วปักเข็มไว้ที่หมอนใบเล็ก พอตัดเส้นด้านหมดก็วางกรรไกรและเดินมาดูข้างหน้าชุดว่าเรียบร้อยดีไหม พอตรวจดูเรียบร้อย เธอก็รีบไปดูอีกชุดหนึ่งที่เอบีเย็บอยู่...ว่าไปถึงไหนแล้ว “เรียบร้อยมั้ยคะ...ไหนดูสิ” ดีไซน์เนอร์สาวมาตรวจดูใกล้ ๆ แล้วเอ่ยปากชม “เยี่ยมไปเลยค่ะพี่เอบี” “ขอบคุณค่ะ...เดี๋ยวพี่เย็บเก็บตรงข้างหลังชายกระโปรงอีกนิดเดียว...ก็เสร็จแล้วค่ะ” ยิ้มอ่อน ๆ “พี่ใบเฟิร์นค่ะ ถ้าชุดเสร็จแล้ว รบกวนโทรไปบอกลูกค้าด้วยนะคะ” “รับทราบค่ะ” ใบเฟิร์นตอบกลับและยิ้มพราย แล้วพิชชาก็เดินออกไปจากห้องตัดเย็บและขึ้นมาที่ห้องทำงานส่วนตัว เธอเปิดประตูห้องแล้วเดินตรงเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน ดีไซน์เนอร์สาวได้วาดภาพสเก็ตชุดราตรีค้างไว้ เมื่อวานนี้...ก็กะจะมาวาดต่อให้เสร็จ แล้วจะได้เริ่มวาดภาพสเก็ตชุดราตรีอีกภาพหนึ่ง มันเป็นภาพสเก็ตชุดราตรีของคุณอันดาและคุณอัยดา ... เมธาวินเดินเข้ามาในห้องบอลรูมใหญ่พร้อมกับเลขาสาว เพื่อเข้ามาตรวจงานว่
14 มือที่สาม ...เมธาวินขับรถมาจอดที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง พิชชาก้าวลงจากรถเดินเข้าไปในสวนสาธารณะอย่างคุ้นเคย เมธาวินลงมาจากรถและเดินตามพิชชาไปอย่างช้าๆ ดีไซน์เนอร์สาวเดินมานั่งที่ม้านั่ง แล้วเธอก็มองไปรอบ ๆ พลางถอนหายใจอย่างเต็มที่ เมธาวินยืนอยู่ด้านหลังของเธอและเอ่ยถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง “คุณยังไม่สบายใจอีกเหรอครับ” เมธาวินพูดจบก็เดินอ้อมจากด้านหลังมานั่งข้าง ๆ เธออย่างห่าง ๆ “อ๋อ...ฉันสบายใจขึ้นแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงและก็...ขอบคุณทุก ๆ อย่างที่คุณทำเพื่อช่วยฉัน” “เรื่องไหนเหรอครับ ถ้าเป็นเรื่องที่ผมพูดว่า...ผมกำลังจีบคุณอยู่ ขอให้คุณสบายใจได้เลยนะครับ...ผมแค่พูดเพื่อจะไล่ผู้ชายคนนั้นไปไกล ๆ คุณเท่านั้นครับ” ดีไซน์เนอร์สาวได้ยินแล้วถึงกับยิ้มไม่ออก เพราะความจริงแล้วที่เขาพูดมาทั้งหมดก็แค่จะช่วยเธอเฉย ๆ ไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลย “ดูเหมือนคุณจะคุ้นเคยกับที่นี่มากนะครับ” “ใช่ค่ะ...ฉันชอบมานั่งที่นี่ตอนที่ฉันเซ็งๆ หรือคิดงานไม่ออกค่ะ” พิชชานั่งมองดูไฟทางสวย ๆ และบรรยากาศดี ๆ จนเมธาวินก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง “คือ...ผมขอเสียมารยาทถามเรื่องผู้ชายคนนั้น...ว่าเขามาทำร้ายคุณด้วยเรื่องอ
15 ซาบซึ้งดีไซน์เนอร์สาวเดินเข้ามาในห้องทำงานและวางกระเป๋าแบรนด์เนมใบเล็กบนโต๊ะทำงาน เธอนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับหยิบภาพสเก็ตชุดราตรีมาตรวจและเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทีนี้ก็เหลือแค่ตัดเย็บเท่านั้น ห้องเสื้อชั้นหนึ่ง… หน้าร้านของห้องเสื้อมีพวกรุ่นพี่ทั้งสามกำลังทำงานอยู่ ใบเฟิร์นนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์กำลังเคลียร์บิล ส่วนอีกสองคนที่เหลือกำลังทำความสะอาดและเช็คความเรียบร้อยของหุ่นกับชุดที่จะเอาไปตั้งโชว์หน้าร้าน พอสองคนทำความสะอาดเสร็จก็เอาชุดราตรีสวมหุ่นแล้วไปตั้งโชว์ ทั้งสองคนทำเสร็จแล้วก็เดินมาหาใบเฟิร์นที่หลังเคาน์เตอร์ เลขาสาวคนเก่งเห็นสองคนเดินเข้ามาหาเธอจึงเอ่ยถาม “อ้าว! เอบี... มอลลี่... ทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเหรอ” เกย์หน้าหล่อตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยเล็กน้อย “เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะคุณพี่” พอพวกเธอทั้งสามคนกำลังคุยกัน ดีไซน์เนอร์สาวที่กำลังเดินลงมาก็ส่งเสียงทักทาย “อะแฮ่ม... แอบอู้งานกันอยู่เหรอคะ” เกย์หน้าหล่อเห็นพิชชาเดินเข้ามาประชิดตัวก็ตกใจ “พี่เปล่าอู้นะคะ พี่พึ่งจะทำงานเสร็จเมื่อกี้นี่เอง” “พิ้งค์ล้อเล่นค่ะ” เธอพูดหยอกให้มอลลี่ตกใจเล็กน้อย เกย์หน้า
16 แฟนใหม่ พิชชากับมินตรายกกล่องของขวัญและเค้กช็อกโกแลตมาถึงหน้าร้านกำลังเดินเข้ามาข้างใน เด็กเสิร์ฟชายเดินเข้ามาต้อนรับพวกเธอสองคน “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ามีโต๊ะกันหรือยังครับ” พิชชาตอบเด็กเสิร์ฟชายกลับไป “มีแล้วค่ะ โต๊ะวันเกิดที่ชื่อมอลลี่ค่ะ” “อ๋อ...งั้นเชิญทางนี้เลยครับ” พิชชาเอ่ยพูดกับเด็กเสิร์ฟชาย “น้องค่ะ...รบกวนน้อง ช่วยไปบอกให้ดีเจเปิดเพลง Happy birthday ได้มั้ยคะ” “ได้ครับ...รอสักครู่นะครับ” เด็กเสิร์ฟชายก็เดินเข้าไปหาดีเจใกล้ ๆ แล้วกระซิบข้างหู “พี่ครับ!...ลูกค้าขอให้ช่วยเปิดเพลงวันเกิดหน่อยครับ” ดีเจได้ยินก็พยักหน้าแล้วยกมือทำสัญลักษณ์โอเค เด็กเสิร์ฟชายก็เดินกลับมาหาพิชชา ทั้งสองสาวก็เปิดกล่องเค้กช็อกโกแลตที่เขียนชื่อมอลลี่กับคำอวยพรไว้ มินตราปักเทียนลงบนเค้กและจุดเทียน พอเพลงเปิดขึ้น พิชชาเดินถือเค้กตามมินตราและเด็กเสิร์ฟชายไปยังโต๊ะของมอลลี่ มอลลี่ได้ยินเสียงเพลงวันเกิดดังขึ้นก็ตื่นเต้นมาก มินตราและพิชชาถือเค้กช็อกโกแลตเดินเข้ามาเซอร์ไพรส์เกย์หน้าหล่อ มอลลี่อ่านคำอวยพรบนเค้กถึงกับน้ำตาคลอ ครู่หนึ่งเพลงก็ดับ เอบีกับใบเฟิร์นส่งเสียงบอกเธอว่าให้อธิษฐานและเป่าเทียนเ
40 วันวิวาห์ ห้องนอนพิชชา… วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเดือนกว่าๆ หลังจากที่ดีไซน์เนอร์สาวออกจากโรงพยาบาลมา หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมก็ตามมาดูแลเธอถึงที่บ้านอย่างดี สม่ำเสมอทุกๆ วัน เพราะเขาไม่อยากปล่อยเธอให้คาดสายตาอีกแล้ว ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดี ทั้งทางใจและทางกาย แล้วอีกไม่นานเธอกับเขาก็จะได้เห็นหน้าพยานรักตัวน้อยๆ จากนั้นก็จะเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น จนทำให้ใครหลายๆ คนต้องอิจฉา “มอนิ่งคิสค่ะ” เมธาวินจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของเธอในอ้อมแขนของเขา “มอนิ่งค่ะ” คนที่ถูกรบกวนการนอนก็ลืมตาขึ้นมาเอ่ยปากตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแฝงรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่พิชชารู้สึกเหม็นอะไรบางอย่าง อาการคลื่นไส้เริ่มตีขึ้นมาทันที เธอจึงดันหน้าอกเมธาวินออกห่าง “…..” เมธาวินงุนงงกับท่าทางของแฟนสาว “อุ…อุ” พิชชายกมือปิดปากเอาไว้และรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปโก่งคออาเจียน “พิ้งค์! เป็นยังไงบ้างคะ” เมื่อเห็นแฟนสาวของตนอาเจียนออกมา เขาจึงรีบวิ่งตามเข้าไปลูบหลังให้เธอด้วยความเป็นห่วง “อ้วกกก” พิชชาอาเจียนออกมาจนหมด เธอรู้สึกเวียนหัวอย่างมาก “ดีขึ้นรึยังคะ” เมธาวินประคองแฟนสาวกลับออกมานั่งลงบนเตียง “งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปทำอะไรให
39 ทุ่มเททุกอย่าง ผ่านไปสี่ชั่วโมงแล้ว และในระหว่างนั้นมินตราก็ให้คนขับรถพาครอบครัวของพิชชากลับไปพักผ่อนก่อน มินตรากับพวกผู้ชายอยากจะอยู่ต่อเพื่อรอฟังผลจากปากคุณหมอ เมธาวินกระสับกระส่าย เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด สายตาจับจ้องไปที่ประตู จิตใจจดจ่ออยู่กับคนรักที่อยู่ภายในห้องผ่าตัด ตอนนี้เขากระวนกระวายใจ คิดไปต่างๆ นาๆ จนนั่งไม่ติด โดยสายตาของธีร์ก็ยืนมองเจ้านายอย่างเป็นห่วง เพราะหลายชั่วโมงแล้วที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัดโดยไม่ได้ทานอะไรเลย หลังจากที่รอมาเป็นระยะเวลานาน สักพักใหญ่หมอที่รักษาพิชชาก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด เมธาวินเงยหน้าขึ้นมาเห็นคุณหมอก็ลุกขึ้นพรวดไปหาคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของพิชชา “คุณหมอครับ...แฟนผมเป็นอย่างไรบ้างครับ” เมธาวินจับไม้จับมืออีกฝ่ายเร่งเร้าเอาคำตอบ “ตอนนี้...ปลอดภัยทั้งแม่และลูกครับ” หมอเผยยิ้มให้กับทุกคนที่ยืนฟังอยู่ “อะไรนะคะ! คือ…หมอจะบอกว่าเพื่อนของฉันกำลังมีน้องเหรอคะ” มินตราทวนถามคุณหมอด้วยความดีใจ “ใช่แล้วครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งให้คนไข้ทำงานหรือเครียดเป็นอันขาดนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...หมอขอตัวก่อนครับ” “เฮ้ย! แกจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะเ
38 มุมอ่อนแอ ชานเมือง… เมธาวินกับดิวมาถึงบ้านกลางป่าที่บลูจับตัวพิชชามาที่นี่ เมธาวินกับดิวก้าวลงจากรถ แล้วทั้งสองเดินลัดเลาะมาจากด้านหลังบ้าน ดิวชะโงกหน้าไปมองที่หน้าประตูเห็นมีคนเฝ้าอยู่คนสองคน เมธาวินหาอาวุธมาป้องกันตัว แล้วก็เจอท่อนไม้พอเหมาะมือ หยิบมาถือไว้และเดินย่องเข้าไปใกล้ๆ ชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนด้านหลังพร้อมด้วยใช้ไม้ที่ถือมาล็อกคออีกฝ่ายไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก แล้วดิวที่เดินตามหลังเมธาวินมาก็วิ่งมากระโดดต่อยชายฉกรรจ์ร่างสูงอีกคนนึงจนล้มตกบันได ดิวคว้ากุญแจบ้านที่เหน็บเอวชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนเอาไว้และรีบเปิดประตู เมธาวินออกแรงล็อกคอจนชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนหมดสติไป จากนั้นดิวกับเมธาวินเดินปรี่เข้าไปหาพิชชาที่นอนแน่นิ่งอยู่ ดิวนั่งคุกเข่าแก้เชือกที่มัดมือให้ เมธาวินเรียกเธอให้ได้สติ “พิ้งค์! พิ้งค์คะ! พี่มาช่วยแล้ว” พิชชาได้สติขึ้นมาแล้ว เธอยกมือขึ้นมาจับที่ศีรษะแต่จับไปโดนแผลที่กระแทกกับพื้น “ซี้ด! โอ๊ยยย!” แต่ทันใดนั้นชายฉกรรจ์ร่างสูงได้สติก็ขึ้นมาปลุกชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนที่สลบอยู่หน้าบ้านให้ตื่นและหยิบท่อนไม้ที่วางอยู่บนพื้นเดินเข้าไปในห้อง พอเข้ามาเห็นดิวกับเมธาวินกำลังพาพิ
37 ถูกลักพาตัว สองวันผ่านไป… มินตราหายจากอาการไม่สบายก็มาหาพิชชากะว่าจะชวนออกไปทานข้าว เพราะเวลานี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว และที่สำคัญมินตรามีเรื่องจะบอก มินตราเปิดประตูร้านเข้ามาเจอณิชากำลังยืนจัดชุดที่ราวเสื้อและณิชาหันไปเห็นเธอพอดี ณิชาจึงเดินเข้ามาทักทายมินตราอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะพี่มิน เห็นพี่พิ้งค์บอกว่าพี่มินไม่สบาย….เป็นอย่างไรบ้างคะ” “ดีขึ้นแล้วจ้ะ เอ่อ...และพิ้งค์อยู่ไหนเหรอจ๊ะ” “อยู่ในห้องตัดเสื้อค่ะ” “ขอบใจจ้ะ” มินตราเดินตรงเข้าไปในห้องตัดเสื้อแล้วเห็นพิชชา เอบีและมอลลี่กำลังง่วนอยู่กับการตัดเสื้อ มินตรายืนอยู่หน้าห้องแล้วเคาะประตูเบาๆ เป็นมารยาท ทุกคนเงยหน้ามามองที่ประตู “อ้าว! มิน…แกหายดีแล้วหรอ” “ฉันหายดีแล้ว…และนี่แกกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ” มินตราเอ่ยถามพลางเดินเข้าไปยืนข้างๆ พิชชา พิชชาก้มหน้าลงไปตัดชิ้นผ้าที่คาไว้ต่อพร้อมเอ่ยถามมินตราว่ามีธุระอะไรกับเธอ “มาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า” “ฉันจะชวนแกออกไปทานข้าวน่ะ คือ…คิมให้มาชวนแก เพราะว่าเขามีอะไรจะบอก...คุณวินก็มานะ” พิชชาตัดชิ้นผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองมินตราด้วยความสงสัยว่าที่เธอได้ยินมันจริงหรือแค่หูฝา
36 ในฐานะอะไร บ้านมินตรา… มินตรารู้สึกไม่สบายจึงโทรไปบอกพนักงานที่ร้านตั้งแต่เช้าว่าวันนี้เธอไม่เข้าร้าน แล้วตอนนี้ก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงแล้ว เธอก็เลยลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเชื่องช้า เข้ามาล้างหน้าแปรงฟันเพื่อลงไปหาอะไรกิน เพราะตอนนี้เธอหิวมาก มินตราเดินออกมาจากห้องน้ำ หยิบกางเกงขายาวหนาๆ มาสวมและคว้าเสื้อฮู้ดแขนยาวมาใส่ จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องนอนลงไปข้างล่าง เธอเดินเข้าไปในครัวและเปิดตู้เย็น แต่ภายในตู้เย็นไม่มีวัตถุดิบที่สามารถทำอาหารได้ เธอจึงเดินออกมาทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรงและล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อฮู้ดแล้วก็จะกดสั่งอาหาร กริ๊ง! เสียงเตือนกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น มินตราได้ยินถึงกับแปลกใจว่าเธอยังไม่ได้กดสั่งอาหารไปเลยแล้วเสียงใครมากดกริ่ง เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาและรวบรวมแรงที่มีลุกขึ้นเดินไปดูว่าเป็นใคร มินตราเดินมาชะเง้อคอมองนอกรั้วบ้าน เห็นคิมหันต์ยืนผลิรอยยิ้มหล่อเหลาอยู่หน้าบ้าน ในมือเขาถือถุงผ้ามาสองใบ เธอเดินไปเปิดประตูให้เขาเข้ามาและปิดประตูหน้าบ้านให้เรียบร้อย เธอกับเขาก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน “คุณคิมรู้ได้ยังไงคะ...ว่าฉันอยู่บ้
35 ขอแต่งงาน ดีเอ็นดี คลับ… ชั้นสองโซน VIP เมธาวิน คิมหันต์ ปกรณ์และชลธรนั่งดื่มกันมาสักพัก แล้วเมธาวินพูดปรึกษาเพื่อนๆ เรื่องที่เกี่ยวกับพิชชา “เพื่อนๆ...ฉันอยากแต่งงานกับพิ้งค์วะ” สีหน้าท่าทางของหนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมที่พูดนั่นมันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “เอาเลย...ฉันช่วยเต็มที่” คิมหันต์พูดพร้อมยกมือตบบ่าเพื่อสนับสนุนเมธาวิน แต่ชลธรก็พูดแทรกในเวลาแห่งความสุขของเมธาวินสักนิดนึง เพราะชลธรไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงรักผู้หญิงคนนี้ทั้งที่อยู่เป็นโสดมานาน ชลธรแนะนำผู้หญิงคนไหนให้ก็ไม่เคยสนใจ “แกเพิ่งคบกับคุณพิ้งค์ได้กี่เดือนเอง…คิดจะแต่งงานกับคุณพิ้งค์แล้วเหรอวะ” “สำหรับฉันกับพิ้งค์...เรารู้จักกันมานานมากแล้ว” คิมหันต์เอ่ยพูดเรียบๆ ผ่านรอยยิ้มละไม “แกไม่ต้องไปสนใจไอ้ธรหรอ แล้วแกคิดจะขอพิ้งค์แต่งงานเมื่อไหร่” “เร็วๆ นี้แหละ” เมธาวินออกอาการอิ่มอกอิ่มใจมีรอยยิ้มประดับเต็มใบหน้า ชลธรยกแก้วเหล้าขึ้นมาและเอ่ยพูดให้ทุกคนยกแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วฉลองให้กับเมธาวินล่วงหน้า “เอ้า! ชน!” ทุกคนสังสรรค์กันอย่างสนุก … ห้องนอนพิชชา… พิชชากำลังนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆ และใน
34 เริ่มจีบ ปัง! นางแบบสาวเดินเข้าห้องพักและปิดประตูแรงๆ เธอเดินกระทืบเท้าตรงไปที่เตียง หยิบหมอนปาลงพื้น ปัดผ้าห่มและกรีดร้องอย่างสุดเสียงด้วยความโมโห เดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องนอนอย่างใช้ความคิด ซาบีน่าถอนหายใจและเอ่ยพูดกับตัวเอง “นี่ฉันแพ้แล้วจริงๆ เหรอ?” อารมณ์ที่เหมือนเคลิ้มฝันสูญสลายไปจนสิ้น … ทุกคนกลับมาจากทะเลได้หลายวัน… ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยง คิมหันต์ชวนเมธาวินออกมาทานข้าวด้วยกัน แต่เมธาวินนั่งสังเกตหน้าของคิมหันต์มานานแล้วตั้งแต่ที่กลับมาจากทะเล หน้าตาของเพื่อนสนิทดูสดใสเหมือนคนกำลังมีความรัก เมธาวินวางช้อนส้อมลงบนจานข้าวอย่างเรียบร้อยและยกแก้วน้ำมากระดกก่อนเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “คิม! แกเป็นอะไรวะ? ฉันเห็นแกนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับโทรศัพท์…หรือว่าแกมีแฟนแล้วไม่บอกเพื่อน” คิมหันต์ได้ยินก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าข้างในเสื้อสูทและเงยหน้าขึ้นมาตอบพร้อมยิ้มน้อยๆ “ไม่มีอะไร ฉันแค่เลื่อนไปเจอคลิปตลกน่ะ” ที่จริงแล้วคิมหันต์กำลังส่งแชทคุยกับมินตรา แต่เขาเลี่ยงที่จะไม่พูดความจริงให้เมธาวินรู้ เพราะในตอนนี้เขากำลังเริ่มจีบมินตราอย่างเป็นทางการ แต่ขอไม่เปิดเผยให้ใครรู้ต้องรอให้ฝ
33 ความลับของนางแบบสาว เมื่อเมธาวินขับรถพาพิชชามาถึงจุดชมวิว เธอและเขาก้าวลงจากรถมายืนดูพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า หมู่นกนางนวลต่างก็โบยบินกลับรัง สายลมรำเพยจากทะเลที่กว้างใหญ่ พัดพาคลื่นซัดเข้าฝั่งเสียงดัง ~ซ่าส์ ซ่าส์~ พิชชาจ้องมองแสงสีส้มกับหมู่นกนางนวลที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้า เมธาวินมองด้วยสายตาชื่นชมหลงใหลในขณะที่เธอยืนรับลมทะเลเย็นๆ บริเวณหน้ารถ เขามองเธออย่างเคลิบเคลิ้ม พิชชาเหลือบไปเห็นเมธาวินกำลังจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา เธอก็เรียกเขาด้วยความสงสัย “พี่วินคะ…มีอะไรหรือเปล่า?” ฟังเสียงหวานที่เอ่ยกับเขาทีละคำทีละประโยคอย่างนุ่มนวล ทำให้เมธาวินยิ้มและตอบอย่างอารมณ์ดี “พี่แค่ดีใจ…ที่เราสองคนผ่านอุปสรรคมาได้” ดวงตาสองคู่ประสานกันหวานซึ้ง เมธาวินขยับเข้ามาชิดและโอบกอดเอวเธอจากด้านหลัง ทั้งสองคนยืนดูพระอาทิตย์ตกดินอย่างมีความสุข … มินตรายืนมองหาซาบีน่าที่ชายหาด แต่ซาบีน่าเห็นมินตรายืนอยู่เลยแกล้งเดินทะเล่อทะล่ามาชนเธออย่างแรง จนมินตราล้มลงไปกองอยู่บนทราย มินตราหันขวับไปมองคนที่ทำให้เธอล้ม “นี่แกแกล้งฉันเหรอ?” “ใช่! แล้วจะทำไม?” มินตราลุกขึ้นจากพื้นทรายแล้วยกมือปัดก้นและมื
32 ยอมแพ้ วันที่สาม... แสงแดดสาดส่องผ่านรูหน้าต่างทะลุผ้าม่านเข้ามาภายในห้องสี่เหลี่ยม ตกกระทบร่างกายเปลือยเปล่าสองร่างที่นอนกอดกันใต้ผ้าห่มผืนหนาบนเตียงขนาดใหญ่ หลังจากที่เมื่อวานนี้เมธาวินกับพิชชาได้อยู่ในห้องนอนด้วยกันสองต่อสอง จนถึงเช้าของวันนี้ เมธาวินตื่นขึ้นมาพร้อมก้มหน้ามองร่างบางอยู่ในอ้อมแขนทรงพลังของเขา เมธาวินมองใบหน้าสวยที่กำลังหลับไหลอยู่ในห้วงนิทรามันช่างน่าหลงใหล เขายกนิ้วชี้ลูบไล้บนใบหน้าของเธอ จนทำให้พิชชารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา หญิงสาวลืมตามามองเมธาวินและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวล “ตื่นนานแล้วเหรอคะ” “ได้สักพักแล้วค่ะ” ชายหนุ่มตอบคำถามพร้อมลูบไล้แก้มเนียนๆ ของเธอ “พิ้งค์ว่าเราลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วค่ะ...ป่านนี้ทุกคนรอทานข้าวกันหมดแล้ว” “แต่พี่ไม่อยากลุกออกจากเตียงเลย อยากนอนอยู่ข้างๆ พิ้งค์แบบนี้ไปเรื่อยๆ” พิชชามองเขาด้วยรอยยิ้มขัดเขิน แล้วเมธาวินจูบเบาๆ ที่หน้าผากของเธอ ก่อนจะลุกขึ้นก้าวลงจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำ … ทุกคนกำลังนั่งทานข้าวอยู่ เมธาวินนั่งจ้องมองพิชชาที่นั่งอยู่เก้าอี้ตรงข้ามกับเขา พิชชาใช้มีดทาเนยแตะเนยแล้วละเลงบนขนมปังปิ้งร้อนๆ