ประกาศเจตจำนงออกไปอย่างนั้นแล้วมิรันตีก็ต้องนั่งประคบมือตัวเองเงียบๆ คนเดียว เพราะพีรพลเดินหนีออกไปโดยไม่พูดอะไร เมื่อทำใจให้นิ่งขึ้นได้แล้วหญิงสาวก็เอาผ้าเช็ดหน้าของชายหนุ่มไปซักตากก่อนกลับไปยังด้านหน้าเคาน์เตอร์
“เป็นยังไงบ้าง”
เดือนเป็นคนมากระซิบถาม ขณะที่พีรพลชงกาแฟโดยไม่ได้ใส่ใจมอง ทำเอามิรันตีใจแป้วไม่น้อย
“ดีขึ้นแล้วล่ะ อีกวันสองวันก็น่าจะหาย”
เดือนอายุมากกว่าเธอหนึ่งปี แต่อีกฝ่ายบอกให้คุยเหมือนเป็นเพื่อนกัน
“ไว้เดี๋ยวมาลองแก้วใหม่กันนะ”
“จ้ะ”
มิรันตียิ้มรับ แอบเหลือบไปทางพีรพลอย่างกังวลเดือนก็ลูบไหล่เบาๆ พลางยิ้มบางให้กำลังใจแล้วขยับปากโดยไม่มีเสียง
‘คุณพีใจดี ไม่ดุ’
เธอได้แต่ยิ้มเจื่อน พลางคิดในใจว่าพีรพลใจดีกับทุกคนยกเว้นเธอ
ยามเย็นหลังปิดร้านเดือนเห็นว่าเธอขึ้นรถกลับกับพีรพลก็ดูงุนงง ชายหนุ่มไม่มีทีท่าใด ทว่ามิรันตีกลับหน้าร้อนขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็คิดว่าเธออยู่บ้านเดียวกับพีรพลจริง แถมยังพยายามจะจีบเขาอยู่ด้วยจะอายคนมองทำไม
แต่ถึงอย่างนั้นพีรพลก็ไม่เอ่ยอะไรกระทั่งถึงบ้าน มิรันตีพยายามกุลีกุจอช่วยชายหนุ่มทำอาหารมือเย็นทั้งที่เห็นชัดเจนว่า อีกฝ่ายแสดงสีหน้าเย็นชาตลอดเวลา
“รันช่วยหุงข้าวนะคะ”
“พี่พีจะทำอะไรบ้างคะ รันช่วยหั่นผักให้ค่ะ”
“เอ่อ อันนี้หั่นยังไงคะ พี่พีอยากได้แบบลูกเต๋าหรือเป็นท่อนประมาณนิ้วนึง”
เธอพูดอยู่คนเดียวหลายประโยค จนกระทั่งต้องหั่นแคร์รอตจึงไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายต้องการแบบไหน
“หั่นเป็นท่อน”
“ค่ะ”
มิรันตีหันไปยิ้มรับแต่คนที่กำลังหั่นหมูไม่ได้มองเธอจึงยิ้มเก้อ แล้วก็แอบมองคนที่หั่นหมูได้เร็วกว่าเธอที่หั่นผักอย่างอดใจไม่อยู่ ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็รู้สึกได้ถึงรังสีอบอุ่นที่แผ่มาจากพีรพลแม้ในเวลาเขาทำตัวเย็นชากับตน
“ระวังมือด้วย”
อยู่ๆ อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมา คนที่เผลอมองเขาเพลินถึงกับชะงักแล้วหน้าร้อนวูบเมื่อถูกจับได้ว่าแอบมองชายหนุ่ม จึงก้มหน้าหั่นผักพลางเถียงอุบอิบแต่จงใจให้พีรพลได้ยิน
“รู้แล้วค่ะ”
“อย่าให้มีดบาดจนต้องทำแผลให้ก็แล้วกัน”
เมื่อถูกค่อนแคะราวเขาคิดว่าเธอจงใจทำให้ตนเองเจ็บตัว มิรันตีจึงกดมีดลงเสียงดังพร้อมพูดด้วยความไม่พอใจ
“คิดว่ารันอยากเจ็บตัวหรือไง ใครจะบ้าทำมีดบาดตัวเอง ทำน้ำร้อนลวกตัวเอง ถ้าพี่พีไม่อยากทำแผลให้รันก็ไม่ต้องสนใจก็ได้นี่คะ รันทำเองได้”
เธอพูดอย่างนั้นอีกฝ่ายก็เงียบ บรรยากาศระหว่างสองหนุ่มสาวหลังจากนั้นก็ตกอยู่ในความอึมครึม มีเพียงเสียงทำอาหารและเสียงช้อนขณะกิน มิรันตีเก็บความขุ่นใจไว้อย่างเต็มที่กระทั่งอิ่มและอาสาล้างจานชายหนุ่มก็ไม่ขัด เมื่ออีกฝ่ายเข้าไปด้านในแล้วเธอก็บ่นอยู่คนเดียว
“ผู้ชายอะไร งอนเก่งชะมัด ตัวเองว่าเค้าก่อนแท้ๆ พอเค้าว่ากลับก็โกรธไม่พูดด้วย”
มิรันตีรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเคาะประตูแว่วๆ ขณะกำลังเป่าผมอยู่ในห้องน้ำจึงหยุดแม้จะยังไม่แห้งแล้วไปเปิดประตู ร่างสูงโปร่งกำยำตรงหน้าทำให้เธองงเล็กน้อยว่าเขามาทำไม
“ยา”
พีรพลบอกสั้นๆ พร้อมกับยื่นหลอดยาทาแผลน้ำร้อนลวกมาให้แต่มิรันตีถอยหลังไม่ยอมรับ
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่น้ำร้อนลวกนิดหน่อย ไม่ต้องรบกวนพี่พีหรอกค่ะ”
หญิงสาวหันหลังจะเดินหนี ขณะที่ชายหนุ่มก้าวตามเข้ามาในห้องอย่างลืมตัวเพราะความขุ่นเคือง เขาคว้ามือเธอพยายามจะยัดหลอดยาให้จับ
“แค่เอาไปทามันไม่ได้รบกวนอะไรนักหรอก”
“ไม่ทาค่ะ ไม่อยากให้พี่พีคิดว่าแผลนิดหน่อยรันก็สำออยเรียกร้องความสนใจ”
เธอสะบัดมือออกไม่ยอมรับแต่เขาก็กระตุกกลับทำให้ร่างอรชรเซเข้าหาอกกว้างอย่างไม่ได้ตั้งใจ หน้าอกอวบปะทะอกหนาเต็มๆ ชุดนอนบางๆ พาให้อกใจสาววูบวาบ ขณะที่ต่างฝ่ายต่างหยุดนิ่งก่อน พีรพลจะดันไหล่เธอออก
“รันไม่ได้ตั้งใจนะคะ พี่พีดึงรันเอง”
“อืม”
ชายหนุ่มยอมรับกลายๆ แล้วยัดหลอดยาใส่มือเธอก่อนจะเดินกลับไปที่ประตู แต่มิรันตีผวาไปยืนขวางหน้าเขาดันประตูปิด เพราะเห็นสีระเรื่อตรงโหนกแก้มบนใบหน้าคมคาย
โอกาสแบบนี้ไม่มีง่ายๆ อย่างน้อยก็ต้องพิสูจน์ให้รู้กันไปเลยว่าเธอตัดสินใจไม่ผิด
“พี่พีเป็นห่วงรัน?”
ร่างสูงโปร่งหยุดนิ่งห่างจากเธอไม่มาก เขากำลังจะเอ่ยบางอย่าง ทว่ามิรันตีพูดก่อน
“แล้วตอนนี้ก็เขินรัน”
คิ้วเข้มขมวดเมื่อเธอพูดอย่างนั้น มิรันตีจับสังเกตได้ว่าเขากลืนน้ำลาย หญิงสาวจึงขยับเท้าเข้าไปใกล้อีกนิดพีรพลก็ถอย
“พี่พีกลัวรันเหรอคะ”
“ทำไมต้องกลัว”
เขาถามเสียงเรียบและเธอเห็นว่าชายหนุ่มเหลือบมองประตูด้านหลังตน
“กลัวจะชอบรัน”
=====
รุกไปเลยจ้ารัน ทุกคนเชียร์อยู่ ^^
“กลัวจะชอบรัน”พรีพลชักสีหน้าทว่ามิรันตีจ้องเขาอยู่แล้วจึงขยับประชิดและก่อนที่ชายหนุ่มจะถอยเธอก็รีบเขย่งปลายเท้าขึ้นคว้าโอบลำคอหนาเอาไว้“รัน”“พี่พีจะบอกว่าไม่สนใจรันสินะคะ”“ปล่อยพี่”มิรันตีกอดคอเขาแน่นขึ้น ทำให้อีกฝ่ายหาทางผลักไม่ได้“พี่พีตัวร้อนจังค่ะ”เธอเงยหน้ากระซิบใกล้ริมฝีปากได้รูปเสียงแผ่ว“รันทำให้พี่อึดอัด ปล่อย”“อึดอัดหรือกลัวหวั่นไหว ยั้งใจตัวเองไม่อยู่กันแน่คะ”ความจริงมิรันตีก็ไม่ได้มั่นใจเท่าไรนัก แต่ไม่ลองก็ไม่รู้อย่างที่นิติพลบอก กับพีรพลแล้วมิรันตียินดีทุ่มหมดหน้าตักเพื่อให้เขาหันมาสนใจตนเอง“พี่ไม่ได้คิดอะไร ทำไมต้องหวั่นไหว”“ไม่หวั่นไหวจริงเหรอคะ”เธอจงใจขยับเข้าไปเบียดเขาอีกหน่อยทั้งตัว ขณะหัวใจเต้นระรัวขึ้นกับความใจกล้าของตัวเอง“งั้นจูบรันได้ไหมคะ”พร้อมถามก็เลื่อนริมฝีปากไปใกล้มากขึ้น แต่พีรพลเอนหนีก่อนเธอจะแตะแล้วยกมือขึ้นแกะมือเธอหลังคอเขา“พูดอะไรอย่างนี้ รันเป็นผู้หญิงนะไม่อายหรือไง ปล่อยพี่ได้แล้ว”“รันชอบพี่พีนี่นา ไม่ใช่แค่ชอบ รักต่างหาก รันตกหลุมรักพี่พีตั้งแต่ตอนที่ไปติวให้น็อต พี่พีอย่าใจร้ายกับรันเลยนะคะ เลิกทำเย็นชาใส่รันได้ไหม”มิรันตีสารภาพเ
เมื่อคืนที่ผ่านมามิรันตีร้องไห้ครู่ใหญ่กว่าจะผละห่างจาก ชายหนุ่มแล้วพึมพำบอกเขา‘ขอโทษที่ทำให้ยุ่งยากใจค่ะ’จากนั้นก็รีบปาดน้ำตาทิ้งแล้วลุกขึ้น หันหน้าหลบเลี่ยงแม้รู้สึกได้ว่าพีรพลเหมือนจะพูดบางอย่างแต่เธอไม่ต้องการฟังคำปลอบให้ยิ่งรู้สึกดีกับเขา ชายหนุ่มจึงออกไปจากห้องของเธอ ต่อจากนั้นมิรันตีก็ร้องไห้ได้อย่างเต็มที่จนกระทั่งหลับไปเช้านี้หญิงสาวไม่ได้ตื่นเร็วเช่นเมื่อวาน เธอปวดหัวและตาบวมหากก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำเพื่อไปทำงานอย่างตรงต่อเวลา กินอาหารที่ พีรพลทำเผื่อแล้วช่วยเก็บล้างอย่างเรียบร้อย“ทายาที่มือหรือยัง”เป็นประโยคแรกที่ชายหนุ่มพูดกับเธอก่อนจะออกรถ“ทาแล้วค่ะ”“ล้างจานไปแล้ว ทาใหม่ดีกว่านะ พกยามาด้วยไหม”มิรันตีไม่ได้ตอบแต่ก็หยิบหลอดยาในกระเป๋าออกมาทา ชายหนุ่มเหลือบมองเล็กน้อยแล้วออกรถราวหมดเรื่องพูดคุย ขณะที่หญิงสาวเม้มริมฝีปากยับยั้งจิตใจที่อ่อนไหวของตน ย้ำกับตัวเองว่า พีรพลไม่ได้สนใจเธอ เขาเพียงแค่ช่วยนิติพลดูแลเธอให้ดีตามที่อีกฝ่ายฝากฝังไว้“ทำไมตาบวมจัง”เดือนแอบถามเสียงเบาขณะช่วยกันทำความสะอาดร้าน ในตอนแรกที่เจอหน้าอีกฝ่ายถามเพียงว่ามือเป็นอย่างไรบ้างเพราะพีรพลอยู่ด้วย“ไหวห
“ไม่เป็นไรค่ะ”เธอบอกเสียงเบาแล้วรีบวางสาย ที่แท้พีรพลก็ไปส่งผู้หญิงคนนั้นก่อนนี่เอง คงเพราะฝนตกนั่นแหละ และหากไม่พอใจกันมีหรือจะเป็นห่วงจนต้องไปส่ง ที่เขาไม่สนใจเธอเพราะมีคนที่ถูกใจอยู่แล้ว มิรันตีพยักหน้าอย่างเข้าใจถ่องแท้พลางยิ้มอย่างเจ็บปวดในหัวใจอย่างน้อยก็ได้รู้ว่าตัวเองมองคนไม่ผิด พีรพลเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง เมื่อมีคนที่ใช่อยู่ในใจก็ไม่มองผู้หญิงคนไหนน้ำตาร้อนไหลลงอาบแก้มขณะทอดสายตามองสายฝนเม็ดหนา รอไปก็คงอีกนานเมื่อคนรักอยู่ด้วยกันย่อมไม่คิดถึงคนอื่น ความปวดร้าวในอกทำให้มิรันตีก้าวเดินออกจากหน้าร้าน ฝนเย็นจัดพร่างพรมคงพอช่วยสะกดความเสียใจของตัวเองได้‘รันต้องลืมพี่พีให้ได้แล้วจริงๆ สินะ’เจ้าของร่างอรชรเดินกลางฝนไปยังเส้นทางมุ่งสู่ด้านหน้าไร่ ไม่รู้ว่าจะเดินไปถึงเมื่อไรแต่เธอไม่อยากรอ เธออยากหันหลังให้พีรพล ไม่อยากพึ่งพาหรือยุ่งเกี่ยวกันอีกเพราะเหม่อลอยกับความปวดใจมิรันตีจึงไม่สนใจมองทางนักแล้วก็บังเอิญสะดุดล้มเข่ากระแทกได้แผล ร่างอรชรดันตนเองลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าราวไร้เรี่ยวแรง เธอไม่ได้เหนื่อยแต่ไม่มีกำลังใจมากกว่า ลุกขึ้นเดินอีกครั้งก็ก้าวเท้าช้าๆ ไปเรื่อยๆปริ้นๆแสงจาก
พีรพลขับรถกลับมายังร้านขณะฝนตกหนัก เห็นร้านปิดเงียบไม่มีคนก็แปลกใจ แม้เดือนอาจจะกลับก่อนแต่มิรันตีก็ควรยังอยู่ที่ร้าน ชายหนุ่มหยุดรถแล้วหยิบโทรศัพท์ตนที่ชาร์จอยู่มาดู เห็นว่าสายที่เพิ่งโทรเข้าก่อนหน้านี้เป็นสายของมิรันตี ซึ่งเขาฝากให้กัญญารับสายเพราะกำลังขับรถไปส่งอีกฝ่ายที่บ้านพัก มอเตอร์ไซค์ของหญิงสาวสตาร์ตไม่ค่อยติดบ่อยๆ จึงเอาไปให้ที่ร้านดู แล้วก็เห็นว่าฝนจะตกเขาจึงอาสาไปส่งเจ้าตัวตอนนั้นกัญญาบอกว่าคนโทรมาไม่ได้ฝากบอกอะไร และเขาก็ไม่ได้มองโทรศัพท์จึงไม่รู้ว่าเป็นสายของใครพีรพลกดโทรหามิรันตีแต่กลับเป็นฝากข้อความ“อะไร แบตหมดเหรอ”ชายหนุ่มบ่น แต่ถึงจะแบตหมดก็รอเขาอยู่ที่นี่ได้ ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่อยู่ จากนั้นเขาก็โทรไปถามเดือน‘เดือนออกมาก่อนเพราะกลัวว่าฝันตกแล้วจะขี่มอ’ ไซค์ลำบากน่ะค่ะ แต่ตอนออกมารันก็อยู่ที่ร้านนะคะ’ผู้ช่วยสาวบอกนั่นทำให้พีรพลยิ่งงง‘รันบอกว่ารอคนเดียวได้ เดือนก็เลยมาก่อน’เจ้าตัวย้ำมาอีกราวกับรู้สึกผิดที่เขามาแล้วไม่เจอมิรันตี“ผมเข้าใจ แต่แปลกใจที่รันไม่อยู่ที่ร้าน งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ”พีรพลบอกให้อีกฝ่ายไม่ต้องคิดมาก ส่วนเขาเองก็เริ่มกังวลใจ มิรันตีไม่รู้จักใ
‘อย่านะ’“เอามา”มิรันตีเลื่อนมือหนีไม่ให้อีกฝ่ายคว้าโทรศัพท์ได้ แล้วก็ตั้งใจทำหลุดมือหล่นลงไปด้านล่าง“รันจัง!”อีกฝ่ายคำราม เขาบีบมือบนข้างแก้มเธออย่างแรง แม้จะมีผ้าอยู่ก็ยังรู้สึกเจ็บ อาจจะเพราะถูกฟาดก่อนหน้านี้ด้วย มิรันตีสะอื้นเบาๆ พร้อมน้ำตาไหลอย่างห้ามไม่อยู่ สีหน้าคมสันดูคุกคามมากขึ้นทั้งเขายังกวาดมองเธอทั้งตัว แต่พอมองหน้าแล้วก็ทำท่าทางเสียอกเสียใจ“คนสวย ไม่ต้องกลัว ผมไม่ได้จะทำร้ายคุณเลย ผมแค่ดีใจที่เจอคุณ”น้ำเสียงกับคำพูดที่ราวใจดีของเขายิ่งทำให้เธอขวัญผวา“แล้วผมก็ไม่ชอบเลยที่คนพวกนั้นพิมพ์ข้อความแซวคุณ จีบคุณ”เสียงคมสันเริ่มเข้มขึ้น“ผมหวงรันจัง เพราะคุณเป็นของผมคนเดียว”เขาพยักหน้าและยิ้มอย่างมีความสุข มือหนาลูบแก้มที่ยังมีผ้าผูกปิดอยู่“ทันทีที่เห็นคุณที่คาเฟ่ ผมก็รู้ว่ามันคือพรหมลิขิต คุณกับผมเกิดมาเพื่อกันและกัน”เธอส่ายหน้าไปมาพลางเอียงหนีมือเขา แต่อีกฝ่ายก็บีบล็อกหน้าเธออีกครั้ง มิรันตียกมือผลักร่างหนาอย่างแรง ทำให้เขาผงะห่างเพียงเล็กน้อย คมสันจับมือเธอยกขึ้นฉับพลันจนต้องหลุดร้องเพราะความเจ็บอยู่ในลำคอ“ดูสิ ข้อมือเล็กเรียวของรันจังมีรอยขูดจนช้ำเหมือนที่ผมจินตนากา
ร่างอรชรสั่นเล็กน้อยเพราะความหนาว เสื้อเชิ้ตตัวนอกที่ พีรพลมีติดอยู่ในรถและเขาเอามาคลุมให้ก็ไม่ค่อยช่วยนักในเมื่อเธอเปียกโชกทั้งตัว กุญแจมือถูกปลดออกไปแล้ว เธอได้ทั้งกระเป๋าและโทรศัพท์มือถือคืนแล้ว ส่วนนายของไร่ก็แยกไปบอกว่าจะตามไปจัดการเรื่องของคมสันเพราะตอนนี้ฝนยังตก ออกจากไร่และลงเขายาก คงต้องรอฝนหยุดจึงจะพาตัวคนร้ายไปส่งสถานีตำรวจได้‘รันขอไม่ไปได้ไหมคะ’มิรันตีไม่อยากไปสถานีตำรวจ เธอทั้งกลัวและอาย เกรงกลัวว่าจะต้องเผชิญหน้ากับคมสันอีก‘เราทำยังไงได้บ้างครับนาย ถ้ารันไม่ไปแจ้งความด้วยตัวเอง’พีรพลราวเข้าใจเธอ เขาถามกับนายของไร่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด‘ฉันจัดการเอง’ธีรดนย์บอกก่อนจะถ่ายรูปมื้อกับข้างแก้มเธอไปเป็นหลักฐานจากนั้นก็แยกไป“หนาวมากใช่ไหม”“รันไม่เป็นไรค่ะ”เธอตอบเสียงเบาหวิวและอีกฝ่ายคงรู้ว่าร่างกายของเธอแทบไม่ไหวแล้ว“ฝนตกเลยขับได้ช้าหน่อย แต่อีกไม่ไกลแล้วล่ะ”แล้วไม่นานนักก็มาถึงบ้าน พีรพลช่วยถือกระเป๋าให้ ขณะที่ร่างอรชรค่อยๆ เดินอย่างอ่อนแรงจนเซ ชายหนุ่มจึงช่วยพยุงทั้งยังบอกเสียงทุ้ม“พี่อุ้มนะ”“เอ่อ...”มิรันตีไม่ทันแย้งอีกฝ่ายก็อุ้มเธอแล้ว หญิงสาวหน้าร้อนและตัวแข็งกว่
“น็อตฟังมามากแล้วค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องเดิมๆ เป็นความกลัว ความหวาดระแวงแบบเดิมๆ ที่เจอเมื่อไรรันก็อยากหนีไปให้ไกล แต่ดูเหมือนจะหนีไม่พ้น”เธอบอกเสียงเบา“ทั้งที่กรุงเทพฯ ทั้งที่นี่ รันเองก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปที่ไหนแล้วเหมือนกัน”เธอเริ่มตัวสั่นเพราะร้องไห้หนักขึ้น“รันกลัว กลัวผู้ชายทุกคน ฮือ...”เธอค่อยๆ ทรุดลงแต่ร่างสูงโปร่งของพีรพลหันกลับมาโอบประคองให้เธอซบอกเขา“คนพวกนั้นคุกคาม น่ากลัว น่าขยะแขยง...”เธอหยุดพูดแล้วกอดชายหนุ่มไว้แน่น รับรู้ได้ว่าเขาโอบกอดลูบหลังลูบผมให้เธอ มิรันตีอุ่นซ่านไปทั้งตัวและหัวใจ ความหนาวเหน็บที่เกาะกินร่างกายกับจิตใจราวมลายหายไปเพราะไออุ่นจากเจ้าของร่างสูงกำยำ“รันไม่กลัวพี่พี”นี่คือสิ่งที่เธออยากพูด ชายหนุ่มชะงักมือที่ลูบผมเธอปลอบโยนแล้วยืนนิ่งชั่วอึดใจก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ“กินข้าวเถอะ เดี๋ยวข้าวต้มจะเย็นเสียก่อน”ชายหนุ่มจับไหล่ดันเบาๆ แล้วโอบแขนประคองให้เดินไปห้องครัว ให้เธอนั่งที่เก้าอี้ก่อนเขาจะตักข้าวต้มมาวางตรงหน้า มิรันตีมองท่าทางที่ราวกลับมาเย็นชาของชายหนุ่มแล้วก็เม้มริมฝีปาก พอเธอขยับเข้าใกล้พีรพลก็พร้อมเผ่นหนีเขารังเกียจเธอมากใช่ไหม?‘ครั้งแรกรัน
“ไม่เคยรังเกียจ”พูดจบริมฝีปากได้รูปก็เคลื่อนมาประทับเหนือหน้าผาก มิรันตียืนตัวแข็งกับสัมผัสอุ่นที่ได้รับอย่างไม่คาดคิด นานครู่หนึ่งชายหนุ่มจึงผละออกแล้วถามซ้ำ“พี่ขอเข้าไปได้ไหม”ใบหน้าเรียวสวยพยักรับอย่างเบลอๆ พลางถอยเลี่ยงให้ร่างสูงโปร่งก้าวเข้ามา อีกฝ่ายมาหยุดยืนตรงหน้าเธอแล้วเกลี่ยไล้หลังปลายนิ้วสองข้างแก้มเช็ดน้ำตาให้“พี่คุยกับน็อตแล้ว เขาอยากให้รันอยู่ที่นี่ พี่จะดูแลรันเอง”บอกแล้วชายหนุ่มก็จับมือเธอให้ไปนั่งลงบนเตียง เขาวางถาดเล็กใกล้ๆ แล้วย่อลงนั่งด้านหน้า จับมือสองข้างของเธอรวบเข้าด้วยกัน“พี่จะไม่ปล่อยมือรัน ไม่ปล่อยให้รันต้องโดดเดี่ยว หรือต้องหวาดกลัวอีก พี่สัญญา”“พี่พี”เธอแปลกใจที่ชายหนุ่มเปลี่ยนทีท่า หากหัวใจก็อุ่นวาบ“กินยาเถอะ รันตัวรุมๆ แล้ว”สุดท้ายมิรันตีก็ยอมหยิบยามากินแล้วดื่มน้ำตาม พีรพลหยิบหลอดยามาทาแก้ฟกช้ำแล้วจับมือเธอไปทารอยช้ำตรงส่วนที่ถูกกุญแจมือบาด นิ้วแกร่งไล้เบาอ่อนโยนทะนุถนอมจนเธออดน้ำตาซึมไม่ได้“เจ็บมากหรือเปล่า ไม่รู้มันไปเอากุญแจมือมาจากไหน”พีรพลเหมือนจะบ่นมากกว่าถามเธอ“เขาเหมือนตั้งใจซื้อมาตั้งแต่เจอรัน”มิรันตีเอ่ยเสียงเครือ แล้วชายหนุ่มก็เงย
“ต่อจากเมื่อวานกันนะครับ”เอ่ยจบชายหนุ่มก็จูบซับกลีบปากอิ่ม เม้มแรงทั้งบนล่าง ปลายลิ้นอุ่นซอกแซกไล้ไปมาจนสามารถเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเธออย่างเร่าร้อนมือหนาบีบเคล้นทรวงอวบที่ยังมีผ้าลูกไม้เกาะครึ่งเต้าทรวงก่อนปลายนิ้วแกร่งจะไล้ผ่านเนินขาวขึ้นไปเกี่ยวสายเส้นเล็กลงจากไหล่บางปล่อยสองทรวงอวบใหญ่ให้เผยต่อตา ใบหน้าคมคายซุกไซ้สูดกลิ่นกายสาวปะปนสบู่เหลวหอมสดชื่น เม้มผิวอ่อนบางตรงซอกคอแล้วไซ้ลงมาหายอดอกสีหวาน เบียดแก้มสากเสียดสีกระตุ้นเร้ากายสาว และเขาก็อยากสัมผัสอกอวบคู่งามที่สุดสำหรับตนให้เนิ่นนานปากอุ่นจัดขยับเม้มยอดทรวงราวหยอกเย้าจนชูช่อโดดเด่นทั้งสองข้าง ก่อนรวบก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นเข้าอุ้งปากตน ดูดดื่มเบาแล้วเพิ่มแรงขึ้นจนหญิงสาวครวญคราง มือบางขยุ้มผมเขาหากพีรพลไม่ได้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใดชายหนุ่มไม่ได้ปลุกเร้าเพียงอกสาว เขาส่งมืออีกข้างสอดผ่านกางเกงขายาวเนื้อหนาของมิรันตีเข้าไปลูบโลมความสาวบอบบาง แล้วยังเคลื่อนเข้าไปแตะต้องจนถึงเนื้อใน ปลายนิ้วลากไล้ก่อนจะรุกรานอย่างย่ามใจเพราะขาเรียวสองข้างขยับกว้างเปิดทางอย่างไม่ต้องบังคับหรือบอกกล่าวมิรันตีครางเสียงเครือรับการปรนเปรอจากนิ้วแกร่ง แล
ประตูห้องเปิดผลัวะออกอย่างแรงพร้อมกับหมอนกระแทกเข้าใส่หน้าเขาเต็มๆ ทำเอานิติพลหน้าหงาย แต่ก็รับหมอนไว้ได้ก่อนหล่นลงพื้นพร้อมกับมองหน้าพี่ชายด้วยความงุนงง ทว่าพอเหลือบไปด้านหลังแล้วเห็นเจ้าของร่างอรชรรีบเดินตามมาใกล้พี่ชายที่ตีหน้ายักษ์ใส่เขาอยู่ก็เข้าใจได้ทันที“เอ่อ ผมไปนอนโซฟาข้างนอกก็ได้”เขาบอกพร้อมสีหน้ารู้สึกผิดมิรันตีรีบแทรกมายืนด้านหน้าพีรพลพลางยิ้มเจื่อนส่งสายตาขอโทษเพื่อนแล้วบอกสิ่งที่ตนตั้งใจในตอนแรก“ฉันแค่มาเช็กว่าพี่พียังมีไข้หรือเปล่าน่ะ แล้วก็จะกลับแล้ว”“เหรอ เช็กจนผมยุ่งไปหมดเลยเนอะ โอ๊ะ...”ร่างโปร่งของนิติพลผงะเซไปด้านหลังก้าวหนึ่งเพราะพี่ชายแอบยกเท้ามายันขา แล้วก็เป็นจังหวะให้มิรันตีรีบแทรกออกไปเมื่อมีพื้นที่ หญิงสาวก้มหน้างุดไม่มองใครอีก คนเป็นเพื่อนมองตามแล้วก็ถอนหายใจหันกลับมาก็เจอเข้ากับสายตาดุเข้มของพี่ชาย“นอนข้างนอกไปเลย”“โธ่พี่ ล้อเล่นนิดเดียว ไม่คิดว่ารันจะอายขนาดนี้”“น้องเวร เป็นเพื่อนยังไงวะ”“ขอโทษครับพี่”“ไปขอโทษรันโน่น”นิติพลหน้าซีด พลางส่ายหน้า“ตอนนี้รันงอนอยู่ เอาไว้พรุ่งนี้ใจเย็นก่อนดีกว่า”เขารู้ว่าควรง้อเจ้าตัวและเอาอกเอาใจเมื่อไร มิรันตีไ
เพราะเจ็บไม่น้อยวัชพลจึงให้พีรพลไปหาหมอที่อนามัยใกล้ๆ และกลับบ้าน แล้วให้กัญญาเฝ้าร้านกับเดือน เนื่องจากรู้ว่ามิรันตีก็ต้องตามไปดูแลเขากลับมาถึงบ้านหลังจากทำแผลที่สถานีอนามัยมิรันตีก็ประคองชายหนุ่มมานั่งที่โซฟาแล้วไปเอาน้ำมาให้เขา เธอพยายามเก็บอาการน้ำตาซึมกับสีหน้าที่เหมือนจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลาของตัวเองเอาไว้อย่างที่สุด แต่เมื่อชายหนุ่มดื่มน้ำแทบไม่ได้ แม้แต่จับแก้วยังลำบากเธอก็น้ำตาไหลจนได้“โธ่ พี่พี”ปลายนิ้วเรียวแตะโหนกแก้มช้ำกับมุมปากที่แตกของชายหนุ่มแล้วเลื่อนมือลงมาจับมือหนาที่แตกทั้งสองข้างขึ้นดู“เจ็บมากสินะคะ”พีรพลหัวเราะในลำคอเบาๆ พลางยิ้มอ่อนเธอจึงหน้างอ“ยังจะหัวเราะอีก รันตกใจแค่ไหนรู้ไหมคะ ที่เห็นคุณแก้มพยุงพี่พีเข้ามาร้านในสภาพนั้น”หญิงสาวเสียงเครือแล้วก้มหน้าร้องไห้ น้ำตาหยดลงบนมือหนาถูกแผลทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งเบาๆ เพราะแสบแต่ก็ทนได้ ทว่าเขาไม่อยากให้เธอร้องไห้ พีรพลจึงเป็นฝ่ายเปลี่ยนมาประคองใบหน้าเรียวสวยเงยขึ้นเกลี่ยนิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้“ทำเพื่อรัน เจ็บตัวนิดๆ หน่อยๆ พี่ทนได้”“นิดหน่อยที่ไหนกันคะ”“เอาน่า อย่างน้อยพวกนั้นก็จะไม่มาเหยียบที่ไร่ดิฐวัฒน์อีก”มิรันตีม
“มึงคิดว่ามึงแน่เหรอ ฮะ!”หนึ่งในนั้นตะโกนขึ้น“มึงกล้ามีเรื่องกับลูกค้าอย่างพวกกูเหรอ”อีกคนพูดเสียงดังตรงจุดนี้เป็นส่วนที่คนเข้ามาถึงน้อยเพราะจัดเอาไว้อย่างเฉพาะ ซึ่งไม่ไกลจากที่จอดรถของพีรพลนัก และเวลานี้ก็ไม่มีคนอื่นมาสูบบุหรี่“เออ กูจะเอาให้พวกมึงไม่กล้าเห่าหอนถึงผู้หญิงเสียๆ หายๆ ได้อีก”พีรพลสวนกลับอย่างไม่กลัว“มึงมาเสือกอะไรวะ หรือว่า...”คนพูดกระตุกยิ้มมุมปาก“นั่นเมียมึง”ไม่ต้องอธิบายก็รู้ว่าอีกฝ่ายพูดถึงใคร พีรพลกระโดดยกขาเข้าไปหาในทันใดและมันก็กระโดดหลบ ขณะที่เพื่อนทั้งสองคนที่เหลือรีบเข้ามารุมจับเขา ชายหนุ่มสลัดออกก่อนหันไปต่อยอีกคน แต่ก็ถูกถีบสีข้างจนเกือบล้ม แล้วก็มีคนตามมากระชากไหล่ไปต่อยการเตะต่อยสามรุมหนึ่งเป็นไปอย่างชุลมุน พีรพลโดนทั้งถีบทั้งต่อยไปหลายครั้ง หากเขาก็เหวี่ยงหมัดเอาคืนทั้งสามไปอย่างไม่หยุดหย่อนราวเรี่ยวแรงไม่หดหาย ครู่หนึ่งจึงมีคนเข้ามาห้ามซึ่งเป็นวัชพลกับคนงานในไร่อีกสองคน“หยุดได้แล้ว”วัชพลเสียงเข้ม เข้าไปกระชากหนึ่งในลูกค้าล็อกแขนไว้ คนงานอีกสองคนก็จับสองคนที่เหลือ“ปล่อยสิวะ”แม้จะไม่มีใครยอมแต่เพราะทั้งเจ็บตัวทั้งอ่อนล้าทำให้สลัดวัชพลกับคน
‘แกคิดว่าแม่เห็นแกเป็นเครื่องผลิตเงินหรือไง’เมื่อไปรับมารดาที่บ้าน มิรันตีก็ขอโทษและท่านก็เอ่ยมาราวประชด แต่ก็ไม่ได้มีทีท่าโกรธเคืองเธอ ทั้งยังพูดกับพีรพลด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้น ไม่ได้ซักหรือถามไถ่เรื่องงานอีก ทว่าหลังจากมาติกาออกจากโรงพยาบาลในวันถัดมา ก่อนจะลากลับมารดากลับพูดในสิ่งที่ทำให้เธอถึงกับน้ำตาซึม‘ฝากรันด้วยนะคะ เด็กคนนี้ชอบทำเป็นเก่ง แต่ยังไงก็ต้องมีคนดูแล’หลายเดือนผ่านไป มิรันตีได้ฝึกชงกาแฟกับชาและเครื่องดื่มอื่นๆ เพิ่มอีกหลายเมนูจนคล่องแคล่ว แต่บาริสต้าหลักยังเป็นพีรพลและเดือนเป็นผู้ช่วย ส่วนเธอนั้นทำเมนูที่ไม่ยุ่งยากหลายขั้นตอน อีกอย่างที่นี่ก็มีเค้กที่ทำเองด้วย ซึ่งอุปกรณ์ครบพร้อมอยู่ด้านใน ส่วนนี้เดือนจะเป็นผู้ทำโดยมีเธอช่วย และเดือนก็รู้ถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพีรพลดี‘ก็พอจะมองออกน่ะนะ’อีกฝ่ายยักไหล่พร้อมบอกอย่างไม่แปลกใจเมื่อเธอสารภาพกับเจ้าตัวหลังกลับจากกรุงเทพฯ ในเมื่อที่บ้านเธอเกิดเรื่องแต่ชายหนุ่มกลับตามไปด้วยอย่างไรก็ดูน่าแปลกวันนี้เป็นวันหยุดยาวนักขัตฤกษ์ในไร่จึงมีนักท่องเที่ยวค่อนข้างคึกคัก และนิติพลก็บอกว่าจะมาเยี่ยม แต่เขาจะมาวันพรุ่งนี้เพราะใช้เวลากับคน
ร่างอรชรถูกปล่อยลงใกล้เตียงนอนและชายหนุ่มก็กอดจูบลูบไล้เรือนกายนุ่มละมุน พร้อมปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอไปด้วย มิรันตีเองก็ดึงชายเสื้อชายหนุ่มจากเอวกางเกง ร่างสูงโปร่งถอยห่างเล็กน้อยจัดการกับชุดของเธอจนเหลือเพียงซับในสองชิ้นเขาก็ถอดเสื้อตนออกอย่างรวดเร็ว แล้วโอบพาเธอลงไปนอนบนเตียงมือหนาลูบแก้ม ไล้ปลายนิ้วโป้งบนกลีบปากอิ่ม ก่อนจะลากมือระเรื่อยผ่านลำคอบางมาถึงเนินอวบขาว ปัดป่ายเย้ายวนใจพร้อมริมฝีปากได้รูปประกบกับกลีบปากอิ่มที่เห่อแดงด้วยฤทธิ์จูบก่อนหน้านี้มิรันตีเปิดรับเมื่ออีกฝ่ายส่งลิ้นเข้ามาเกี่ยวรัดพัวพัน รับรู้ได้ถึงมือหนาเกาะกุมอกอวบเคล้นคลึง ขณะเดียวกันต้นขาแกร่งก็แทรกกลางร่างเสียดสีเร้าอารมณ์อย่างเร้าใจทำเอาเธอเกร็งไปทั้งตัวดื่มด่ำกับจูบหวานลึกซึ้งแล้วปากอุ่นก็ค่อยเคลื่อนแตะแผ่วพรมทั่วลำคอขาว ซุกซบดอมดม เม้มผิวอ่อนจนแดงเรื่อแล้วจึงไต่ลงต่ำจูบซับเนินอกสองข้าง และเริ่มปลดตะขอเปิดปลือยเต้าทรวง ความกลมกลึงอวบใหญ่กับยอดอกสีหวานชวนลิ้มลองปรากฏต่อหน้า ใบหน้าคมคายก็ถูไถจนได้ยินเสียงหวานครางผะแผ่ว“รันสวยที่สุด”ชายหนุ่มพึมพำแล้วไล้ลิ้นระรัวเหนือยอดอกสีหวานที่ชูชันตื่นตัวเต็มที่และย้ายไ
“ทำไมจะพูดไม่ได้ ฉันเป็นแม่แก คนเป็นแม่ก็ต้องช่วยลูกดูสิว่าผู้ชายจะเลี้ยงดูเราได้ไหม พาเราอยู่ด้วยกันได้ไปตลอดชีวิตไหม”“พอเถอะแม่”เธอพยายามตัดบทเมื่อเห็นว่ามารดายังพูดถึงพีรพลในแง่ไม่ดี แต่ท่านกลับหันไปบอกกับเขา“บอกตามตรงนะคะคุณ ฉันไม่คิดว่างานของคุณจะไปรอด ลองไปสอบข้าราชการดูไหมคะ อายุอาจจะเยอะไปหน่อย แต่ใต้โต๊ะก็น่าจะพอไหวนะคุณ ซื้อความมั่นคงให้ตัวเองกับครอบครัว น้าเองอยากให้รันมันทำจะแย่ แต่มันก็ไม่ทำ มัวถ่ายอะไรไร้สาระก็ไม่รู้”มิรันตีเผยอปากค้างที่มารดาตนล้ำเส้น เธอจับมือพีรพลทันทีด้วยห่วงความรู้สึกของเขา“แล้วนี่ยังพากันไปทำร้านกาแฟอีก โถ...จะเอาอะไรกินกันคะ”“งานราชการที่แม่อยากให้ทำนักหนาน่ะ เงินเดือนเท่าไรคะ”มารดาของเธออึกอักเล็กน้อยและเหมือนจะพูดบางอย่าง“ถึงจะมั่นคง แต่ก็ต้องเกษียณอยู่ดี แล้วจะทำอะไรหลังจากนั้นล่ะคะ คิดใหม่เริ่มใหม่ตอนอายุเยอะแล้วไม่ใช่ง่ายๆ นะคะ”“ยังไงก็มั่นคง มีสวัสดิการเยอะแยะ มีเงินหลังเกษียณ”“ก็ใช่ค่ะ รันยอมรับว่ามั่นคง ไม่ต้องกังวลตอนอายุมาก แต่รันขอร้อง อย่าดูถูกงานที่พี่พีทำ งานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และคุณค่าก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของตัวเรา ไม่ใ
‘เร็วๆ นะลูก แม่ทำอะไรไม่ถูกเลย น้องบอกว่าปวดท้องมาก แต่หมอกับพยาบาลบอกให้รอผลตรวจกับรอดูอาการ’มิรันตีบอกกับพีรพลว่าขอกลับกรุงเทพฯ หลังจากเปิดร้านได้ไม่ถึงชั่วโมงเพราะมารดาโทรมาบอกว่ามาติกาน้องสาวของเธอปวดท้องมากจนต้องไปโรงพยาบาล และท่านได้รู้จากเพื่อนร่วมงานจึงรีบตามไป แต่ก็ไม่รู้อะไรมากเธอไม่ได้บอกมารดาเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ท่านจึงไม่รู้ว่าเธอมาอยู่ที่อื่นแล้ว“พี่ไปด้วย”ชายหนุ่มถอดผ้ากันเปื้อนหลังหยุดคิดเพียงเล็กน้อย“แล้วร้านล่ะคะ”“พี่จะขอคุณวัช ฝากให้บัญชีของไร่มาดูแลแทนวันสองวัน”“จะดีเหรอคะ”“แต่ละเดือนจะมีวันหยุดที่พี่กับเดือนสลับกัน แล้วผู้จัดการไร่ก็จะให้คุณรินคนดูแลบัญชีกับคุณแก้มมาดูแทนอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นใครสะดวก แต่เพราะแบบนี้พี่ถึงปรึกษานายว่ารับคนมาช่วยเพิ่มดีกว่า หยุดคนนึงก็ยังมีอีกสองคนคอยรับลูกค้า”“ถ้างั้น รันมาอยู่ก็เหมือนไม่ได้ลดภาระน่ะสิคะ”มิรันตีรู้สึกว่าตัวเองหาเรื่องวุ่นวายมาให้พีรพล เพราะหากเขากับเธอไปไหนมาไหนด้วยกัน ก็ไม่ต่างจากเดิมเลย ทว่าชายหนุ่มก็เพียงยักไหล่“เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยว่ากัน ตอนนี้มีเรื่องฉุกเฉิน พี่ไม่อยากให้รันไปคนเดียว”พี
มิรันรันตีหอบแรง รู้สึกเหมือนไฟสุมทั่วกาย เหงื่อท่วมตัว แต่ยิ่งพีรพลขยำหน้าอกด้วยมืออุ่นกระด้าง อีกข้างยังเคล้นสะโพก และดื่มกินยอดทรวงข้างที่เหลือเต็มปากเต็มคำเธอยิ่งอารมณ์กระเจิง แม้จะรู้สึกเหนื่อยหากกลับโหมสะโพกห่มลงหากายแกร่งถี่รัวมากขึ้น แล้วก็เป็นตนเองที่สะดุ้งเฮือกทั้งตัว พิษรักแล่นปราดทะยานสูงในกายทำเอาเป็นฝ่ายถึงฝั่งฝันก่อนชายหนุ่มมือบางวางเกาะเกี่ยวบ่าหนาขณะร่างอรชรทรุดฮวบ ใบหน้าเรียวสวยซุกลงซอกคอหนาและได้ยินเสียงหัวเราะเข้มต่ำในลำคอ อีกฝ่าย“ปล้ำพี่ แต่หมดแรงก่อนซะงั้น”พีรพลเย้าคนที่ตัวอ่อนราวไร้กระดูก ต้องซุกซบเขาเป็นที่พึ่ง“หลอกให้อยากแล้วจากไปเหรอ หืม?”“เปล่าค่ะ”มิรันตีที่ยังอยู่ในภวังค์ซาบซ่านทั้งกายใจรีบบอก เธออยากทำให้พีรพลมีความสุขด้วยแต่ยังอ่อนแรงขยับตัวแทบไม่ไหว หญิงสาวพยายามจะโยกไหวร่างกายต่อ ทว่ากลับถูกชายหนุ่มยกตัวขึ้น“อุ๊ย”เขาจับเธอให้นั่งหันหลังซ้อนตัก ทำเอามิรันตีเลิ่กลั่กกระทั่งสองกายหลอมรวมอีกครั้งเพราะชายหนุ่มจัดการเธอจึงเอนกายพิงอกหนาเพราะเนื้อตัวอ่อนระทวย พร้อมกับที่ชายหนุ่มกระทั้นเบียดชิดมาหา และอาการหวามลึกกลับมาพร่าผลาญเธออีกครั้งชายหนุ่มฝังริมฝ