ประกาศเจตจำนงออกไปอย่างนั้นแล้วมิรันตีก็ต้องนั่งประคบมือตัวเองเงียบๆ คนเดียว เพราะพีรพลเดินหนีออกไปโดยไม่พูดอะไร เมื่อทำใจให้นิ่งขึ้นได้แล้วหญิงสาวก็เอาผ้าเช็ดหน้าของชายหนุ่มไปซักตากก่อนกลับไปยังด้านหน้าเคาน์เตอร์
“เป็นยังไงบ้าง”
เดือนเป็นคนมากระซิบถาม ขณะที่พีรพลชงกาแฟโดยไม่ได้ใส่ใจมอง ทำเอามิรันตีใจแป้วไม่น้อย
“ดีขึ้นแล้วล่ะ อีกวันสองวันก็น่าจะหาย”
เดือนอายุมากกว่าเธอหนึ่งปี แต่อีกฝ่ายบอกให้คุยเหมือนเป็นเพื่อนกัน
“ไว้เดี๋ยวมาลองแก้วใหม่กันนะ”
“จ้ะ”
มิรันตียิ้มรับ แอบเหลือบไปทางพีรพลอย่างกังวลเดือนก็ลูบไหล่เบาๆ พลางยิ้มบางให้กำลังใจแล้วขยับปากโดยไม่มีเสียง
‘คุณพีใจดี ไม่ดุ’
เธอได้แต่ยิ้มเจื่อน พลางคิดในใจว่าพีรพลใจดีกับทุกคนยกเว้นเธอ
ยามเย็นหลังปิดร้านเดือนเห็นว่าเธอขึ้นรถกลับกับพีรพลก็ดูงุนงง ชายหนุ่มไม่มีทีท่าใด ทว่ามิรันตีกลับหน้าร้อนขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็คิดว่าเธออยู่บ้านเดียวกับพีรพลจริง แถมยังพยายามจะจีบเขาอยู่ด้วยจะอายคนมองทำไม
แต่ถึงอย่างนั้นพีรพลก็ไม่เอ่ยอะไรกระทั่งถึงบ้าน มิรันตีพยายามกุลีกุจอช่วยชายหนุ่มทำอาหารมือเย็นทั้งที่เห็นชัดเจนว่า อีกฝ่ายแสดงสีหน้าเย็นชาตลอดเวลา
“รันช่วยหุงข้าวนะคะ”
“พี่พีจะทำอะไรบ้างคะ รันช่วยหั่นผักให้ค่ะ”
“เอ่อ อันนี้หั่นยังไงคะ พี่พีอยากได้แบบลูกเต๋าหรือเป็นท่อนประมาณนิ้วนึง”
เธอพูดอยู่คนเดียวหลายประโยค จนกระทั่งต้องหั่นแคร์รอตจึงไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายต้องการแบบไหน
“หั่นเป็นท่อน”
“ค่ะ”
มิรันตีหันไปยิ้มรับแต่คนที่กำลังหั่นหมูไม่ได้มองเธอจึงยิ้มเก้อ แล้วก็แอบมองคนที่หั่นหมูได้เร็วกว่าเธอที่หั่นผักอย่างอดใจไม่อยู่ ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็รู้สึกได้ถึงรังสีอบอุ่นที่แผ่มาจากพีรพลแม้ในเวลาเขาทำตัวเย็นชากับตน
“ระวังมือด้วย”
อยู่ๆ อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมา คนที่เผลอมองเขาเพลินถึงกับชะงักแล้วหน้าร้อนวูบเมื่อถูกจับได้ว่าแอบมองชายหนุ่ม จึงก้มหน้าหั่นผักพลางเถียงอุบอิบแต่จงใจให้พีรพลได้ยิน
“รู้แล้วค่ะ”
“อย่าให้มีดบาดจนต้องทำแผลให้ก็แล้วกัน”
เมื่อถูกค่อนแคะราวเขาคิดว่าเธอจงใจทำให้ตนเองเจ็บตัว มิรันตีจึงกดมีดลงเสียงดังพร้อมพูดด้วยความไม่พอใจ
“คิดว่ารันอยากเจ็บตัวหรือไง ใครจะบ้าทำมีดบาดตัวเอง ทำน้ำร้อนลวกตัวเอง ถ้าพี่พีไม่อยากทำแผลให้รันก็ไม่ต้องสนใจก็ได้นี่คะ รันทำเองได้”
เธอพูดอย่างนั้นอีกฝ่ายก็เงียบ บรรยากาศระหว่างสองหนุ่มสาวหลังจากนั้นก็ตกอยู่ในความอึมครึม มีเพียงเสียงทำอาหารและเสียงช้อนขณะกิน มิรันตีเก็บความขุ่นใจไว้อย่างเต็มที่กระทั่งอิ่มและอาสาล้างจานชายหนุ่มก็ไม่ขัด เมื่ออีกฝ่ายเข้าไปด้านในแล้วเธอก็บ่นอยู่คนเดียว
“ผู้ชายอะไร งอนเก่งชะมัด ตัวเองว่าเค้าก่อนแท้ๆ พอเค้าว่ากลับก็โกรธไม่พูดด้วย”
มิรันตีรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเคาะประตูแว่วๆ ขณะกำลังเป่าผมอยู่ในห้องน้ำจึงหยุดแม้จะยังไม่แห้งแล้วไปเปิดประตู ร่างสูงโปร่งกำยำตรงหน้าทำให้เธองงเล็กน้อยว่าเขามาทำไม
“ยา”
พีรพลบอกสั้นๆ พร้อมกับยื่นหลอดยาทาแผลน้ำร้อนลวกมาให้แต่มิรันตีถอยหลังไม่ยอมรับ
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่น้ำร้อนลวกนิดหน่อย ไม่ต้องรบกวนพี่พีหรอกค่ะ”
หญิงสาวหันหลังจะเดินหนี ขณะที่ชายหนุ่มก้าวตามเข้ามาในห้องอย่างลืมตัวเพราะความขุ่นเคือง เขาคว้ามือเธอพยายามจะยัดหลอดยาให้จับ
“แค่เอาไปทามันไม่ได้รบกวนอะไรนักหรอก”
“ไม่ทาค่ะ ไม่อยากให้พี่พีคิดว่าแผลนิดหน่อยรันก็สำออยเรียกร้องความสนใจ”
เธอสะบัดมือออกไม่ยอมรับแต่เขาก็กระตุกกลับทำให้ร่างอรชรเซเข้าหาอกกว้างอย่างไม่ได้ตั้งใจ หน้าอกอวบปะทะอกหนาเต็มๆ ชุดนอนบางๆ พาให้อกใจสาววูบวาบ ขณะที่ต่างฝ่ายต่างหยุดนิ่งก่อน พีรพลจะดันไหล่เธอออก
“รันไม่ได้ตั้งใจนะคะ พี่พีดึงรันเอง”
“อืม”
ชายหนุ่มยอมรับกลายๆ แล้วยัดหลอดยาใส่มือเธอก่อนจะเดินกลับไปที่ประตู แต่มิรันตีผวาไปยืนขวางหน้าเขาดันประตูปิด เพราะเห็นสีระเรื่อตรงโหนกแก้มบนใบหน้าคมคาย
โอกาสแบบนี้ไม่มีง่ายๆ อย่างน้อยก็ต้องพิสูจน์ให้รู้กันไปเลยว่าเธอตัดสินใจไม่ผิด
“พี่พีเป็นห่วงรัน?”
ร่างสูงโปร่งหยุดนิ่งห่างจากเธอไม่มาก เขากำลังจะเอ่ยบางอย่าง ทว่ามิรันตีพูดก่อน
“แล้วตอนนี้ก็เขินรัน”
คิ้วเข้มขมวดเมื่อเธอพูดอย่างนั้น มิรันตีจับสังเกตได้ว่าเขากลืนน้ำลาย หญิงสาวจึงขยับเท้าเข้าไปใกล้อีกนิดพีรพลก็ถอย
“พี่พีกลัวรันเหรอคะ”
“ทำไมต้องกลัว”
เขาถามเสียงเรียบและเธอเห็นว่าชายหนุ่มเหลือบมองประตูด้านหลังตน
“กลัวจะชอบรัน”
=====
รุกไปเลยจ้ารัน ทุกคนเชียร์อยู่ ^^
“กลัวจะชอบรัน”พรีพลชักสีหน้าทว่ามิรันตีจ้องเขาอยู่แล้วจึงขยับประชิดและก่อนที่ชายหนุ่มจะถอยเธอก็รีบเขย่งปลายเท้าขึ้นคว้าโอบลำคอหนาเอาไว้“รัน”“พี่พีจะบอกว่าไม่สนใจรันสินะคะ”“ปล่อยพี่”มิรันตีกอดคอเขาแน่นขึ้น ทำให้อีกฝ่ายหาทางผลักไม่ได้“พี่พีตัวร้อนจังค่ะ”เธอเงยหน้ากระซิบใกล้ริมฝีปากได้รูปเสียงแผ่ว“รันทำให้พี่อึดอัด ปล่อย”“อึดอัดหรือกลัวหวั่นไหว ยั้งใจตัวเองไม่อยู่กันแน่คะ”ความจริงมิรันตีก็ไม่ได้มั่นใจเท่าไรนัก แต่ไม่ลองก็ไม่รู้อย่างที่นิติพลบอก กับพีรพลแล้วมิรันตียินดีทุ่มหมดหน้าตักเพื่อให้เขาหันมาสนใจตนเอง“พี่ไม่ได้คิดอะไร ทำไมต้องหวั่นไหว”“ไม่หวั่นไหวจริงเหรอคะ”เธอจงใจขยับเข้าไปเบียดเขาอีกหน่อยทั้งตัว ขณะหัวใจเต้นระรัวขึ้นกับความใจกล้าของตัวเอง“งั้นจูบรันได้ไหมคะ”พร้อมถามก็เลื่อนริมฝีปากไปใกล้มากขึ้น แต่พีรพลเอนหนีก่อนเธอจะแตะแล้วยกมือขึ้นแกะมือเธอหลังคอเขา“พูดอะไรอย่างนี้ รันเป็นผู้หญิงนะไม่อายหรือไง ปล่อยพี่ได้แล้ว”“รันชอบพี่พีนี่นา ไม่ใช่แค่ชอบ รักต่างหาก รันตกหลุมรักพี่พีตั้งแต่ตอนที่ไปติวให้น็อต พี่พีอย่าใจร้ายกับรันเลยนะคะ เลิกทำเย็นชาใส่รันได้ไหม”มิรันตีสารภาพเ
เมื่อคืนที่ผ่านมามิรันตีร้องไห้ครู่ใหญ่กว่าจะผละห่างจาก ชายหนุ่มแล้วพึมพำบอกเขา‘ขอโทษที่ทำให้ยุ่งยากใจค่ะ’จากนั้นก็รีบปาดน้ำตาทิ้งแล้วลุกขึ้น หันหน้าหลบเลี่ยงแม้รู้สึกได้ว่าพีรพลเหมือนจะพูดบางอย่างแต่เธอไม่ต้องการฟังคำปลอบให้ยิ่งรู้สึกดีกับเขา ชายหนุ่มจึงออกไปจากห้องของเธอ ต่อจากนั้นมิรันตีก็ร้องไห้ได้อย่างเต็มที่จนกระทั่งหลับไปเช้านี้หญิงสาวไม่ได้ตื่นเร็วเช่นเมื่อวาน เธอปวดหัวและตาบวมหากก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำเพื่อไปทำงานอย่างตรงต่อเวลา กินอาหารที่ พีรพลทำเผื่อแล้วช่วยเก็บล้างอย่างเรียบร้อย“ทายาที่มือหรือยัง”เป็นประโยคแรกที่ชายหนุ่มพูดกับเธอก่อนจะออกรถ“ทาแล้วค่ะ”“ล้างจานไปแล้ว ทาใหม่ดีกว่านะ พกยามาด้วยไหม”มิรันตีไม่ได้ตอบแต่ก็หยิบหลอดยาในกระเป๋าออกมาทา ชายหนุ่มเหลือบมองเล็กน้อยแล้วออกรถราวหมดเรื่องพูดคุย ขณะที่หญิงสาวเม้มริมฝีปากยับยั้งจิตใจที่อ่อนไหวของตน ย้ำกับตัวเองว่า พีรพลไม่ได้สนใจเธอ เขาเพียงแค่ช่วยนิติพลดูแลเธอให้ดีตามที่อีกฝ่ายฝากฝังไว้“ทำไมตาบวมจัง”เดือนแอบถามเสียงเบาขณะช่วยกันทำความสะอาดร้าน ในตอนแรกที่เจอหน้าอีกฝ่ายถามเพียงว่ามือเป็นอย่างไรบ้างเพราะพีรพลอยู่ด้วย“ไหวห
“ไม่เป็นไรค่ะ”เธอบอกเสียงเบาแล้วรีบวางสาย ที่แท้พีรพลก็ไปส่งผู้หญิงคนนั้นก่อนนี่เอง คงเพราะฝนตกนั่นแหละ และหากไม่พอใจกันมีหรือจะเป็นห่วงจนต้องไปส่ง ที่เขาไม่สนใจเธอเพราะมีคนที่ถูกใจอยู่แล้ว มิรันตีพยักหน้าอย่างเข้าใจถ่องแท้พลางยิ้มอย่างเจ็บปวดในหัวใจอย่างน้อยก็ได้รู้ว่าตัวเองมองคนไม่ผิด พีรพลเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง เมื่อมีคนที่ใช่อยู่ในใจก็ไม่มองผู้หญิงคนไหนน้ำตาร้อนไหลลงอาบแก้มขณะทอดสายตามองสายฝนเม็ดหนา รอไปก็คงอีกนานเมื่อคนรักอยู่ด้วยกันย่อมไม่คิดถึงคนอื่น ความปวดร้าวในอกทำให้มิรันตีก้าวเดินออกจากหน้าร้าน ฝนเย็นจัดพร่างพรมคงพอช่วยสะกดความเสียใจของตัวเองได้‘รันต้องลืมพี่พีให้ได้แล้วจริงๆ สินะ’เจ้าของร่างอรชรเดินกลางฝนไปยังเส้นทางมุ่งสู่ด้านหน้าไร่ ไม่รู้ว่าจะเดินไปถึงเมื่อไรแต่เธอไม่อยากรอ เธออยากหันหลังให้พีรพล ไม่อยากพึ่งพาหรือยุ่งเกี่ยวกันอีกเพราะเหม่อลอยกับความปวดใจมิรันตีจึงไม่สนใจมองทางนักแล้วก็บังเอิญสะดุดล้มเข่ากระแทกได้แผล ร่างอรชรดันตนเองลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าราวไร้เรี่ยวแรง เธอไม่ได้เหนื่อยแต่ไม่มีกำลังใจมากกว่า ลุกขึ้นเดินอีกครั้งก็ก้าวเท้าช้าๆ ไปเรื่อยๆปริ้นๆแสงจาก
พีรพลขับรถกลับมายังร้านขณะฝนตกหนัก เห็นร้านปิดเงียบไม่มีคนก็แปลกใจ แม้เดือนอาจจะกลับก่อนแต่มิรันตีก็ควรยังอยู่ที่ร้าน ชายหนุ่มหยุดรถแล้วหยิบโทรศัพท์ตนที่ชาร์จอยู่มาดู เห็นว่าสายที่เพิ่งโทรเข้าก่อนหน้านี้เป็นสายของมิรันตี ซึ่งเขาฝากให้กัญญารับสายเพราะกำลังขับรถไปส่งอีกฝ่ายที่บ้านพัก มอเตอร์ไซค์ของหญิงสาวสตาร์ตไม่ค่อยติดบ่อยๆ จึงเอาไปให้ที่ร้านดู แล้วก็เห็นว่าฝนจะตกเขาจึงอาสาไปส่งเจ้าตัวตอนนั้นกัญญาบอกว่าคนโทรมาไม่ได้ฝากบอกอะไร และเขาก็ไม่ได้มองโทรศัพท์จึงไม่รู้ว่าเป็นสายของใครพีรพลกดโทรหามิรันตีแต่กลับเป็นฝากข้อความ“อะไร แบตหมดเหรอ”ชายหนุ่มบ่น แต่ถึงจะแบตหมดก็รอเขาอยู่ที่นี่ได้ ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่อยู่ จากนั้นเขาก็โทรไปถามเดือน‘เดือนออกมาก่อนเพราะกลัวว่าฝันตกแล้วจะขี่มอ’ ไซค์ลำบากน่ะค่ะ แต่ตอนออกมารันก็อยู่ที่ร้านนะคะ’ผู้ช่วยสาวบอกนั่นทำให้พีรพลยิ่งงง‘รันบอกว่ารอคนเดียวได้ เดือนก็เลยมาก่อน’เจ้าตัวย้ำมาอีกราวกับรู้สึกผิดที่เขามาแล้วไม่เจอมิรันตี“ผมเข้าใจ แต่แปลกใจที่รันไม่อยู่ที่ร้าน งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ”พีรพลบอกให้อีกฝ่ายไม่ต้องคิดมาก ส่วนเขาเองก็เริ่มกังวลใจ มิรันตีไม่รู้จัก
‘อย่านะ’“เอามา”มิรันตีเลื่อนมือหนีไม่ให้อีกฝ่ายคว้าโทรศัพท์ได้ แล้วก็ตั้งใจทำหลุดมือหล่นลงไปด้านล่าง“รันจัง!”อีกฝ่ายคำราม เขาบีบมือบนข้างแก้มเธออย่างแรง แม้จะมีผ้าอยู่ก็ยังรู้สึกเจ็บ อาจจะเพราะถูกฟาดก่อนหน้านี้ด้วย มิรันตีสะอื้นเบาๆ พร้อมน้ำตาไหลอย่างห้ามไม่อยู่ สีหน้าคมสันดูคุกคามมากขึ้นทั้งเขายังกวาดมองเธอทั้งตัว แต่พอมองหน้าแล้วก็ทำท่าทางเสียอกเสียใจ“คนสวย ไม่ต้องกลัว ผมไม่ได้จะทำร้ายคุณเลย ผมแค่ดีใจที่เจอคุณ”น้ำเสียงกับคำพูดที่ราวใจดีของเขายิ่งทำให้เธอขวัญผวา“แล้วผมก็ไม่ชอบเลยที่คนพวกนั้นพิมพ์ข้อความแซวคุณ จีบคุณ”เสียงคมสันเริ่มเข้มขึ้น“ผมหวงรันจัง เพราะคุณเป็นของผมคนเดียว”เขาพยักหน้าและยิ้มอย่างมีความสุข มือหนาลูบแก้มที่ยังมีผ้าผูกปิดอยู่“ทันทีที่เห็นคุณที่คาเฟ่ ผมก็รู้ว่ามันคือพรหมลิขิต คุณกับผมเกิดมาเพื่อกันและกัน”เธอส่ายหน้าไปมาพลางเอียงหนีมือเขา แต่อีกฝ่ายก็บีบล็อกหน้าเธออีกครั้ง มิรันตียกมือผลักร่างหนาอย่างแรง ทำให้เขาผงะห่างเพียงเล็กน้อย คมสันจับมือเธอยกขึ้นฉับพลันจนต้องหลุดร้องเพราะความเจ็บอยู่ในลำคอ“ดูสิ ข้อมือเล็กเรียวของรันจังมีรอยขูดจนช้ำเหมือนที่ผมจินตนาก
ร่างอรชรสั่นเล็กน้อยเพราะความหนาว เสื้อเชิ้ตตัวนอกที่ พีรพลมีติดอยู่ในรถและเขาเอามาคลุมให้ก็ไม่ค่อยช่วยนักในเมื่อเธอเปียกโชกทั้งตัว กุญแจมือถูกปลดออกไปแล้ว เธอได้ทั้งกระเป๋าและโทรศัพท์มือถือคืนแล้ว ส่วนนายของไร่ก็แยกไปบอกว่าจะตามไปจัดการเรื่องของคมสันเพราะตอนนี้ฝนยังตก ออกจากไร่และลงเขายาก คงต้องรอฝนหยุดจึงจะพาตัวคนร้ายไปส่งสถานีตำรวจได้‘รันขอไม่ไปได้ไหมคะ’มิรันตีไม่อยากไปสถานีตำรวจ เธอทั้งกลัวและอาย เกรงกลัวว่าจะต้องเผชิญหน้ากับคมสันอีก‘เราทำยังไงได้บ้างครับนาย ถ้ารันไม่ไปแจ้งความด้วยตัวเอง’พีรพลราวเข้าใจเธอ เขาถามกับนายของไร่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด‘ฉันจัดการเอง’ธีรดนย์บอกก่อนจะถ่ายรูปมื้อกับข้างแก้มเธอไปเป็นหลักฐานจากนั้นก็แยกไป“หนาวมากใช่ไหม”“รันไม่เป็นไรค่ะ”เธอตอบเสียงเบาหวิวและอีกฝ่ายคงรู้ว่าร่างกายของเธอแทบไม่ไหวแล้ว“ฝนตกเลยขับได้ช้าหน่อย แต่อีกไม่ไกลแล้วล่ะ”แล้วไม่นานนักก็มาถึงบ้าน พีรพลช่วยถือกระเป๋าให้ ขณะที่ร่างอรชรค่อยๆ เดินอย่างอ่อนแรงจนเซ ชายหนุ่มจึงช่วยพยุงทั้งยังบอกเสียงทุ้ม“พี่อุ้มนะ”“เอ่อ...”มิรันตีไม่ทันแย้งอีกฝ่ายก็อุ้มเธอแล้ว หญิงสาวหน้าร้อนและตัวแข็งกว
“น็อตฟังมามากแล้วค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องเดิมๆ เป็นความกลัว ความหวาดระแวงแบบเดิมๆ ที่เจอเมื่อไรรันก็อยากหนีไปให้ไกล แต่ดูเหมือนจะหนีไม่พ้น”เธอบอกเสียงเบา“ทั้งที่กรุงเทพฯ ทั้งที่นี่ รันเองก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปที่ไหนแล้วเหมือนกัน”เธอเริ่มตัวสั่นเพราะร้องไห้หนักขึ้น“รันกลัว กลัวผู้ชายทุกคน ฮือ...”เธอค่อยๆ ทรุดลงแต่ร่างสูงโปร่งของพีรพลหันกลับมาโอบประคองให้เธอซบอกเขา“คนพวกนั้นคุกคาม น่ากลัว น่าขยะแขยง...”เธอหยุดพูดแล้วกอดชายหนุ่มไว้แน่น รับรู้ได้ว่าเขาโอบกอดลูบหลังลูบผมให้เธอ มิรันตีอุ่นซ่านไปทั้งตัวและหัวใจ ความหนาวเหน็บที่เกาะกินร่างกายกับจิตใจราวมลายหายไปเพราะไออุ่นจากเจ้าของร่างสูงกำยำ“รันไม่กลัวพี่พี”นี่คือสิ่งที่เธออยากพูด ชายหนุ่มชะงักมือที่ลูบผมเธอปลอบโยนแล้วยืนนิ่งชั่วอึดใจก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ“กินข้าวเถอะ เดี๋ยวข้าวต้มจะเย็นเสียก่อน”ชายหนุ่มจับไหล่ดันเบาๆ แล้วโอบแขนประคองให้เดินไปห้องครัว ให้เธอนั่งที่เก้าอี้ก่อนเขาจะตักข้าวต้มมาวางตรงหน้า มิรันตีมองท่าทางที่ราวกลับมาเย็นชาของชายหนุ่มแล้วก็เม้มริมฝีปาก พอเธอขยับเข้าใกล้พีรพลก็พร้อมเผ่นหนีเขารังเกียจเธอมากใช่ไหม?‘ครั้งแรกรั
“น็อต นั่นพี่ชายนายนี่”“งั้นสิ”คนใส่แว่นกันแดดยืนล้วงกระเป๋าพยักหน้าทื่อๆ แล้วรีบหันไปยกกระเป๋าสองใบใหญ่ไปหาผู้ชายร่างสูงโปร่งทว่าดูกำยำที่ลงจากรถแล้วก้าวตรงมาหาพวกเธอหญิงสาวที่กำลังอึ้งกลืนน้ำลาย รู้สึกเหงื่อซึมและก้าวขาไม่ออกขึ้นมา เธอคว้าแขนเพื่อนมาถามต่อไม่ได้ ไม่อยากทำตัวให้ดูผิดปกติ จำต้องเดินตามอีกฝ่ายไปยกมือไหว้พี่ชายของเขา หลังจากสองหนุ่มกอดทักทายตามประสาพี่น้องแล้ว“สวัสดีค่ะพี่พี”“ครับ สวัสดีครับรัน”ในแวบแรกที่สบตามิรันตีก็ใจเต้นรัวก่อนจะหลบสายตาคู่คมเข้ม ยังจดจำได้ถึงดวงตาแข็งกร้าวกับน้ำเสียงเข้มที่ดุกว่านี้ และก็ทำให้เธออายอย่างที่สุดในชีวิตสามปีที่แล้วงานเลี้ยงวันเกิดเล็กๆ ของนิติพลที่ปิดร้านอาหารแห่งหนึ่งเลี้ยง มิรันตีเมามาก เธอไม่ได้ตั้งใจดื่มแต่เพื่อนของชายหนุ่มที่สนใจเธอต่างก็เข้ามาชวนดื่ม เพราะไม่อยากให้งานกร่อยและนิติพลอาจผิดใจกับเพื่อนบางคนที่คิดว่าเธอหยิ่ง หญิงสาวจึงไม่ปฏิเสธ ที่สำคัญเจ้าของวันเกิดก็แทบเดินไม่เป็นเช่นกัน พีรพลพี่ชายของเขาจึงเป็นคนพาชายหนุ่มกับเธอไปส่งที่คอนโดของนิติพลและมิรันตีก็ทำในสิ่งที่เวลาปกติตนคงไม่กล้าทำ นั่นก็คือกอดคอดึงพีรพลซึ่งอุ
“น็อตฟังมามากแล้วค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องเดิมๆ เป็นความกลัว ความหวาดระแวงแบบเดิมๆ ที่เจอเมื่อไรรันก็อยากหนีไปให้ไกล แต่ดูเหมือนจะหนีไม่พ้น”เธอบอกเสียงเบา“ทั้งที่กรุงเทพฯ ทั้งที่นี่ รันเองก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปที่ไหนแล้วเหมือนกัน”เธอเริ่มตัวสั่นเพราะร้องไห้หนักขึ้น“รันกลัว กลัวผู้ชายทุกคน ฮือ...”เธอค่อยๆ ทรุดลงแต่ร่างสูงโปร่งของพีรพลหันกลับมาโอบประคองให้เธอซบอกเขา“คนพวกนั้นคุกคาม น่ากลัว น่าขยะแขยง...”เธอหยุดพูดแล้วกอดชายหนุ่มไว้แน่น รับรู้ได้ว่าเขาโอบกอดลูบหลังลูบผมให้เธอ มิรันตีอุ่นซ่านไปทั้งตัวและหัวใจ ความหนาวเหน็บที่เกาะกินร่างกายกับจิตใจราวมลายหายไปเพราะไออุ่นจากเจ้าของร่างสูงกำยำ“รันไม่กลัวพี่พี”นี่คือสิ่งที่เธออยากพูด ชายหนุ่มชะงักมือที่ลูบผมเธอปลอบโยนแล้วยืนนิ่งชั่วอึดใจก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ“กินข้าวเถอะ เดี๋ยวข้าวต้มจะเย็นเสียก่อน”ชายหนุ่มจับไหล่ดันเบาๆ แล้วโอบแขนประคองให้เดินไปห้องครัว ให้เธอนั่งที่เก้าอี้ก่อนเขาจะตักข้าวต้มมาวางตรงหน้า มิรันตีมองท่าทางที่ราวกลับมาเย็นชาของชายหนุ่มแล้วก็เม้มริมฝีปาก พอเธอขยับเข้าใกล้พีรพลก็พร้อมเผ่นหนีเขารังเกียจเธอมากใช่ไหม?‘ครั้งแรกรั
ร่างอรชรสั่นเล็กน้อยเพราะความหนาว เสื้อเชิ้ตตัวนอกที่ พีรพลมีติดอยู่ในรถและเขาเอามาคลุมให้ก็ไม่ค่อยช่วยนักในเมื่อเธอเปียกโชกทั้งตัว กุญแจมือถูกปลดออกไปแล้ว เธอได้ทั้งกระเป๋าและโทรศัพท์มือถือคืนแล้ว ส่วนนายของไร่ก็แยกไปบอกว่าจะตามไปจัดการเรื่องของคมสันเพราะตอนนี้ฝนยังตก ออกจากไร่และลงเขายาก คงต้องรอฝนหยุดจึงจะพาตัวคนร้ายไปส่งสถานีตำรวจได้‘รันขอไม่ไปได้ไหมคะ’มิรันตีไม่อยากไปสถานีตำรวจ เธอทั้งกลัวและอาย เกรงกลัวว่าจะต้องเผชิญหน้ากับคมสันอีก‘เราทำยังไงได้บ้างครับนาย ถ้ารันไม่ไปแจ้งความด้วยตัวเอง’พีรพลราวเข้าใจเธอ เขาถามกับนายของไร่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด‘ฉันจัดการเอง’ธีรดนย์บอกก่อนจะถ่ายรูปมื้อกับข้างแก้มเธอไปเป็นหลักฐานจากนั้นก็แยกไป“หนาวมากใช่ไหม”“รันไม่เป็นไรค่ะ”เธอตอบเสียงเบาหวิวและอีกฝ่ายคงรู้ว่าร่างกายของเธอแทบไม่ไหวแล้ว“ฝนตกเลยขับได้ช้าหน่อย แต่อีกไม่ไกลแล้วล่ะ”แล้วไม่นานนักก็มาถึงบ้าน พีรพลช่วยถือกระเป๋าให้ ขณะที่ร่างอรชรค่อยๆ เดินอย่างอ่อนแรงจนเซ ชายหนุ่มจึงช่วยพยุงทั้งยังบอกเสียงทุ้ม“พี่อุ้มนะ”“เอ่อ...”มิรันตีไม่ทันแย้งอีกฝ่ายก็อุ้มเธอแล้ว หญิงสาวหน้าร้อนและตัวแข็งกว
‘อย่านะ’“เอามา”มิรันตีเลื่อนมือหนีไม่ให้อีกฝ่ายคว้าโทรศัพท์ได้ แล้วก็ตั้งใจทำหลุดมือหล่นลงไปด้านล่าง“รันจัง!”อีกฝ่ายคำราม เขาบีบมือบนข้างแก้มเธออย่างแรง แม้จะมีผ้าอยู่ก็ยังรู้สึกเจ็บ อาจจะเพราะถูกฟาดก่อนหน้านี้ด้วย มิรันตีสะอื้นเบาๆ พร้อมน้ำตาไหลอย่างห้ามไม่อยู่ สีหน้าคมสันดูคุกคามมากขึ้นทั้งเขายังกวาดมองเธอทั้งตัว แต่พอมองหน้าแล้วก็ทำท่าทางเสียอกเสียใจ“คนสวย ไม่ต้องกลัว ผมไม่ได้จะทำร้ายคุณเลย ผมแค่ดีใจที่เจอคุณ”น้ำเสียงกับคำพูดที่ราวใจดีของเขายิ่งทำให้เธอขวัญผวา“แล้วผมก็ไม่ชอบเลยที่คนพวกนั้นพิมพ์ข้อความแซวคุณ จีบคุณ”เสียงคมสันเริ่มเข้มขึ้น“ผมหวงรันจัง เพราะคุณเป็นของผมคนเดียว”เขาพยักหน้าและยิ้มอย่างมีความสุข มือหนาลูบแก้มที่ยังมีผ้าผูกปิดอยู่“ทันทีที่เห็นคุณที่คาเฟ่ ผมก็รู้ว่ามันคือพรหมลิขิต คุณกับผมเกิดมาเพื่อกันและกัน”เธอส่ายหน้าไปมาพลางเอียงหนีมือเขา แต่อีกฝ่ายก็บีบล็อกหน้าเธออีกครั้ง มิรันตียกมือผลักร่างหนาอย่างแรง ทำให้เขาผงะห่างเพียงเล็กน้อย คมสันจับมือเธอยกขึ้นฉับพลันจนต้องหลุดร้องเพราะความเจ็บอยู่ในลำคอ“ดูสิ ข้อมือเล็กเรียวของรันจังมีรอยขูดจนช้ำเหมือนที่ผมจินตนาก
พีรพลขับรถกลับมายังร้านขณะฝนตกหนัก เห็นร้านปิดเงียบไม่มีคนก็แปลกใจ แม้เดือนอาจจะกลับก่อนแต่มิรันตีก็ควรยังอยู่ที่ร้าน ชายหนุ่มหยุดรถแล้วหยิบโทรศัพท์ตนที่ชาร์จอยู่มาดู เห็นว่าสายที่เพิ่งโทรเข้าก่อนหน้านี้เป็นสายของมิรันตี ซึ่งเขาฝากให้กัญญารับสายเพราะกำลังขับรถไปส่งอีกฝ่ายที่บ้านพัก มอเตอร์ไซค์ของหญิงสาวสตาร์ตไม่ค่อยติดบ่อยๆ จึงเอาไปให้ที่ร้านดู แล้วก็เห็นว่าฝนจะตกเขาจึงอาสาไปส่งเจ้าตัวตอนนั้นกัญญาบอกว่าคนโทรมาไม่ได้ฝากบอกอะไร และเขาก็ไม่ได้มองโทรศัพท์จึงไม่รู้ว่าเป็นสายของใครพีรพลกดโทรหามิรันตีแต่กลับเป็นฝากข้อความ“อะไร แบตหมดเหรอ”ชายหนุ่มบ่น แต่ถึงจะแบตหมดก็รอเขาอยู่ที่นี่ได้ ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่อยู่ จากนั้นเขาก็โทรไปถามเดือน‘เดือนออกมาก่อนเพราะกลัวว่าฝันตกแล้วจะขี่มอ’ ไซค์ลำบากน่ะค่ะ แต่ตอนออกมารันก็อยู่ที่ร้านนะคะ’ผู้ช่วยสาวบอกนั่นทำให้พีรพลยิ่งงง‘รันบอกว่ารอคนเดียวได้ เดือนก็เลยมาก่อน’เจ้าตัวย้ำมาอีกราวกับรู้สึกผิดที่เขามาแล้วไม่เจอมิรันตี“ผมเข้าใจ แต่แปลกใจที่รันไม่อยู่ที่ร้าน งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ”พีรพลบอกให้อีกฝ่ายไม่ต้องคิดมาก ส่วนเขาเองก็เริ่มกังวลใจ มิรันตีไม่รู้จัก
“ไม่เป็นไรค่ะ”เธอบอกเสียงเบาแล้วรีบวางสาย ที่แท้พีรพลก็ไปส่งผู้หญิงคนนั้นก่อนนี่เอง คงเพราะฝนตกนั่นแหละ และหากไม่พอใจกันมีหรือจะเป็นห่วงจนต้องไปส่ง ที่เขาไม่สนใจเธอเพราะมีคนที่ถูกใจอยู่แล้ว มิรันตีพยักหน้าอย่างเข้าใจถ่องแท้พลางยิ้มอย่างเจ็บปวดในหัวใจอย่างน้อยก็ได้รู้ว่าตัวเองมองคนไม่ผิด พีรพลเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง เมื่อมีคนที่ใช่อยู่ในใจก็ไม่มองผู้หญิงคนไหนน้ำตาร้อนไหลลงอาบแก้มขณะทอดสายตามองสายฝนเม็ดหนา รอไปก็คงอีกนานเมื่อคนรักอยู่ด้วยกันย่อมไม่คิดถึงคนอื่น ความปวดร้าวในอกทำให้มิรันตีก้าวเดินออกจากหน้าร้าน ฝนเย็นจัดพร่างพรมคงพอช่วยสะกดความเสียใจของตัวเองได้‘รันต้องลืมพี่พีให้ได้แล้วจริงๆ สินะ’เจ้าของร่างอรชรเดินกลางฝนไปยังเส้นทางมุ่งสู่ด้านหน้าไร่ ไม่รู้ว่าจะเดินไปถึงเมื่อไรแต่เธอไม่อยากรอ เธออยากหันหลังให้พีรพล ไม่อยากพึ่งพาหรือยุ่งเกี่ยวกันอีกเพราะเหม่อลอยกับความปวดใจมิรันตีจึงไม่สนใจมองทางนักแล้วก็บังเอิญสะดุดล้มเข่ากระแทกได้แผล ร่างอรชรดันตนเองลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าราวไร้เรี่ยวแรง เธอไม่ได้เหนื่อยแต่ไม่มีกำลังใจมากกว่า ลุกขึ้นเดินอีกครั้งก็ก้าวเท้าช้าๆ ไปเรื่อยๆปริ้นๆแสงจาก
เมื่อคืนที่ผ่านมามิรันตีร้องไห้ครู่ใหญ่กว่าจะผละห่างจาก ชายหนุ่มแล้วพึมพำบอกเขา‘ขอโทษที่ทำให้ยุ่งยากใจค่ะ’จากนั้นก็รีบปาดน้ำตาทิ้งแล้วลุกขึ้น หันหน้าหลบเลี่ยงแม้รู้สึกได้ว่าพีรพลเหมือนจะพูดบางอย่างแต่เธอไม่ต้องการฟังคำปลอบให้ยิ่งรู้สึกดีกับเขา ชายหนุ่มจึงออกไปจากห้องของเธอ ต่อจากนั้นมิรันตีก็ร้องไห้ได้อย่างเต็มที่จนกระทั่งหลับไปเช้านี้หญิงสาวไม่ได้ตื่นเร็วเช่นเมื่อวาน เธอปวดหัวและตาบวมหากก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำเพื่อไปทำงานอย่างตรงต่อเวลา กินอาหารที่ พีรพลทำเผื่อแล้วช่วยเก็บล้างอย่างเรียบร้อย“ทายาที่มือหรือยัง”เป็นประโยคแรกที่ชายหนุ่มพูดกับเธอก่อนจะออกรถ“ทาแล้วค่ะ”“ล้างจานไปแล้ว ทาใหม่ดีกว่านะ พกยามาด้วยไหม”มิรันตีไม่ได้ตอบแต่ก็หยิบหลอดยาในกระเป๋าออกมาทา ชายหนุ่มเหลือบมองเล็กน้อยแล้วออกรถราวหมดเรื่องพูดคุย ขณะที่หญิงสาวเม้มริมฝีปากยับยั้งจิตใจที่อ่อนไหวของตน ย้ำกับตัวเองว่า พีรพลไม่ได้สนใจเธอ เขาเพียงแค่ช่วยนิติพลดูแลเธอให้ดีตามที่อีกฝ่ายฝากฝังไว้“ทำไมตาบวมจัง”เดือนแอบถามเสียงเบาขณะช่วยกันทำความสะอาดร้าน ในตอนแรกที่เจอหน้าอีกฝ่ายถามเพียงว่ามือเป็นอย่างไรบ้างเพราะพีรพลอยู่ด้วย“ไหวห
“กลัวจะชอบรัน”พรีพลชักสีหน้าทว่ามิรันตีจ้องเขาอยู่แล้วจึงขยับประชิดและก่อนที่ชายหนุ่มจะถอยเธอก็รีบเขย่งปลายเท้าขึ้นคว้าโอบลำคอหนาเอาไว้“รัน”“พี่พีจะบอกว่าไม่สนใจรันสินะคะ”“ปล่อยพี่”มิรันตีกอดคอเขาแน่นขึ้น ทำให้อีกฝ่ายหาทางผลักไม่ได้“พี่พีตัวร้อนจังค่ะ”เธอเงยหน้ากระซิบใกล้ริมฝีปากได้รูปเสียงแผ่ว“รันทำให้พี่อึดอัด ปล่อย”“อึดอัดหรือกลัวหวั่นไหว ยั้งใจตัวเองไม่อยู่กันแน่คะ”ความจริงมิรันตีก็ไม่ได้มั่นใจเท่าไรนัก แต่ไม่ลองก็ไม่รู้อย่างที่นิติพลบอก กับพีรพลแล้วมิรันตียินดีทุ่มหมดหน้าตักเพื่อให้เขาหันมาสนใจตนเอง“พี่ไม่ได้คิดอะไร ทำไมต้องหวั่นไหว”“ไม่หวั่นไหวจริงเหรอคะ”เธอจงใจขยับเข้าไปเบียดเขาอีกหน่อยทั้งตัว ขณะหัวใจเต้นระรัวขึ้นกับความใจกล้าของตัวเอง“งั้นจูบรันได้ไหมคะ”พร้อมถามก็เลื่อนริมฝีปากไปใกล้มากขึ้น แต่พีรพลเอนหนีก่อนเธอจะแตะแล้วยกมือขึ้นแกะมือเธอหลังคอเขา“พูดอะไรอย่างนี้ รันเป็นผู้หญิงนะไม่อายหรือไง ปล่อยพี่ได้แล้ว”“รันชอบพี่พีนี่นา ไม่ใช่แค่ชอบ รักต่างหาก รันตกหลุมรักพี่พีตั้งแต่ตอนที่ไปติวให้น็อต พี่พีอย่าใจร้ายกับรันเลยนะคะ เลิกทำเย็นชาใส่รันได้ไหม”มิรันตีสารภาพเ
ประกาศเจตจำนงออกไปอย่างนั้นแล้วมิรันตีก็ต้องนั่งประคบมือตัวเองเงียบๆ คนเดียว เพราะพีรพลเดินหนีออกไปโดยไม่พูดอะไร เมื่อทำใจให้นิ่งขึ้นได้แล้วหญิงสาวก็เอาผ้าเช็ดหน้าของชายหนุ่มไปซักตากก่อนกลับไปยังด้านหน้าเคาน์เตอร์“เป็นยังไงบ้าง”เดือนเป็นคนมากระซิบถาม ขณะที่พีรพลชงกาแฟโดยไม่ได้ใส่ใจมอง ทำเอามิรันตีใจแป้วไม่น้อย“ดีขึ้นแล้วล่ะ อีกวันสองวันก็น่าจะหาย”เดือนอายุมากกว่าเธอหนึ่งปี แต่อีกฝ่ายบอกให้คุยเหมือนเป็นเพื่อนกัน“ไว้เดี๋ยวมาลองแก้วใหม่กันนะ”“จ้ะ”มิรันตียิ้มรับ แอบเหลือบไปทางพีรพลอย่างกังวลเดือนก็ลูบไหล่เบาๆ พลางยิ้มบางให้กำลังใจแล้วขยับปากโดยไม่มีเสียง‘คุณพีใจดี ไม่ดุ’เธอได้แต่ยิ้มเจื่อน พลางคิดในใจว่าพีรพลใจดีกับทุกคนยกเว้นเธอยามเย็นหลังปิดร้านเดือนเห็นว่าเธอขึ้นรถกลับกับพีรพลก็ดูงุนงง ชายหนุ่มไม่มีทีท่าใด ทว่ามิรันตีกลับหน้าร้อนขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็คิดว่าเธออยู่บ้านเดียวกับพีรพลจริง แถมยังพยายามจะจีบเขาอยู่ด้วยจะอายคนมองทำไมแต่ถึงอย่างนั้นพีรพลก็ไม่เอ่ยอะไรกระทั่งถึงบ้าน มิรันตีพยายามกุลีกุจอช่วยชายหนุ่มทำอาหารมือเย็นทั้งที่เห็นชัดเจนว่า อีกฝ่ายแสดงสีหน้าเย็นชาตลอดเวลา“รันช่
เวลาเช้าหมอกลงหนา อากาศเย็นชุ่มชื้นน่านอนซุกตัวใต้ผ้าห่มอุ่น แต่มิรันตีอยากออกมาดูยามเช้าของที่นี่ ขุนเขาถูกโอบกอดด้วยสายหมอกขาว ความเขียวขจีชุ่มฉ่ำด้วยน้ำค้างช่วยให้อารมณ์สดชื่นตาม หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดซึมซับอากาศสุดแสนสบายอย่างรู้สึกดีเธอชอบที่นี่แม้มาอยู่ได้ไม่กี่วัน รู้สึกผ่อนคลายไร้กังวล ไร้ความตึงเครียด ยกเว้นเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับพีรพลครู่ใหญ่หญิงสาวจึงกลับเข้าไปอาบน้ำเตรียมตัวจะไปทำงานตามที่คุยกับพีรพลไว้ แม้ชายหนุ่มจะไม่ได้ตกปากรับคำแต่ไม่ได้ปฏิเสธก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรล่ะมั้งออกมาด้านนอกกลิ่นอาหารเช้ากับกาแฟก็เรียกน้ำย่อยในท้องทั้งที่ปกติเธอกินข้าวเช้าสายมากจนใกล้เที่ยง เข้าไปเห็นร่างสูงโปร่งกำลังกินแซนด์วิชกับไข่เจียวไส้กรอกและมีอีกจานไม่ต่างกันวางอยู่ตรงข้าม“ขอบคุณค่ะ”มิรันตีเอ่ยเพียงสั้นๆ แล้วนั่งลงกินโดยไม่พูดอะไรอีก คิดว่า พีรพลคงไม่ได้อยากพูดกับตนนักเมื่อต่างฝ่ายต่างกินอาหารจนเสร็จและเก็บล้างของตนเองเรียบร้อย พีรพลก็เตรียมตัวออกไปทำงานโดยไม่พูดไม่จาแต่มิรันตีก็ตีหน้าเฉยเดินตามไปยังรถและยืนฝั่งด้านข้างคนขับ ชายหนุ่มเหลือบมองเธอก็กลั้นใจสบตาเขาส่งคำถามด้วย