“เป็นยังไงบ้างล่ะ เดินเที่ยวในไร่ ถ่ายรูปมาบ้างหรือยัง”
พีรพลถามทั่วๆ ไป แต่มิรันตีเงียบนิติพลจึงตอบเสียงเบา
“เดินดูแล้วล่ะครับ แต่รันไม่อยากถ่าย”
“ถ้าอย่างนั้นก็จิบกาแฟเย็นๆ นั่งดูธรรมชาติให้สบายใจก็แล้วกัน”
เหมือนน้ำเสียงพีรพลจะนุ่มทุ้มขึ้น เธอจึงเหลือบขึ้นมองแต่เขาตบไหล่น้องชายแล้วผละไปน่าจะไม่ได้พูดกับเธอ
“ว่าแต่ ไม่อยากถ่ายรูปเลยจริงเหรอ ไม่ต้องอัปก็ได้นี่”
มิรันตีส่ายหน้า เธอกวาดมองด้านนอกที่เป็นไร่ชาเรียงแถวสวยงาม ผู้คนกำลังถ่ายรูปเดินดูเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงมีคนกำลังเก็บชาแล้วรู้สึกสมองผ่อนคลาย
“แค่มองก็รู้สึกสดชื่นแล้วล่ะ”
“แล้วจะไม่ปิดช่องกับแอคเคาต์ใช่ไหม”
“อืม เปิดไว้งั้นแหละ อย่างน้อยก็ยังทำเงินได้เรื่อยๆ”
“ก็จริง”
“ถึงไม่คิดจะทำแล้ว แต่ก็ยังต้องเลี้ยงแม่เลี้ยงน้องนี่นา”
นิติพลยิ้มอย่างอ่อนใจ
“น้องรันเริ่มทำงานแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนนี้คงพอช่วยจ่ายค่าบ้านที่รันซื้อให้ได้อยู่บ้างนะ”
มิรันตีพยักหน้าพร้อมยิ้มบาง เธอซื้อบ้านให้แม่กับน้องก่อนจึงใช้เวลาเก็บเงินดาวน์คอนโดอีกพักหนึ่ง มาตอนนี้ต้องผ่อนทั้งบ้านและคอนโด ยังดีที่น้องสาวเรียนจบและได้งานทำแล้ว แม้จะเป็นข้าราชการแต่ก็พอช่วยลดภาระลงได้เล็กน้อย ที่สำคัญมารดาของเธอภูมิใจมาก ผิดกับเธอที่แม่เห็นว่าทำงานไม่เป็นหลักแหล่งและไม่ชอบใจที่รู้ว่าเธอรับถ่ายงานเซ็กซี่ ท่านอยากให้หางานที่มั่นคงทำแม้จะเห็นว่าเธอหาเงินให้ท่านกับน้องได้ค่อนข้างมากก็ตาม
จากที่ห่างเหินกันนับแต่เธอย้ายมาอยู่หอใกล้มหาวิทยาลัย ยิ่งทำให้มิรันตีคุยกับมารดาน้อยลง เพราะมักถูกบ่นประชดประชันงานของเธอว่าขายเนื้อหนังมังสาในทุกครั้งที่ไปเยี่ยมบ้าน และเธอก็ไม่ได้กลับไปอยู่ที่บ้านแบบครอบครัวอีกเลย
ความจริงหญิงสาวไม่ได้ถ่ายแบบบ่อยนักหลังจากนั้น นับว่าปีละครั้งสองครั้งก็ว่าได้ ทว่ายุคนี้ผู้คนให้ความสนใจทางโซเชียลค่อนข้างเยอะ เธอเปิดช่องเป็นของตัวเองคนที่ติดตามทางโซเชียลอื่นๆ ก็มาตามต่อ รวมถึงโซเชียลที่ทำเงินได้ในแบบอื่นๆ ด้วย แม้จะถ่ายชีวิตประจำวันของตัวเอง ออกกำลัง เต้นน่ารักๆ ไปเที่ยวบ้าง กับรีวิวสินค้าเกี่ยวกับความงาม คนก็ชื่นชอบและสนใจ กลายเป็นไม่จำเป็นต้องทำงานก็มีเงินเข้าเยอะสามารถส่งให้แม่กับน้องสาวได้
มิรันตีรู้ว่ารูปร่างตัวเองดึงดูดความสนใจผู้ชาย แต่การทำงานของเธอมีขอบเขต ไม่เน้นโป๊ ทว่าการมีหน้าอกอวบใหญ่หน่อยใส่อะไรก็ดึงสายตาให้มองได้อยู่ดี ในตอนอายุน้อยเธออายจนต้องเดินห่อไหล่เสมอเพราะถูกมองจนเป็นปมด้อยในใจ แม้แฟนที่ติดตามหลายคนจะพยายามเชียร์ให้ทำแบบไพรเวตที่ถอดโชว์เล็กๆ น้อยๆ แล้วพวกเขาก็พร้อมจ่ายให้ แต่มิรันตีบอกไปว่าไม่สะดวกทั้งยังไม่คิดที่จะทำ
กระนั้นเธอก็มีคนแอบตามจนรู้ว่าพักอยู่ที่ไหน ชั้นอะไร น่ากลัวถึงขนาดมาเช่าห้องชั้นเดียวกันกับเธอและฉุดเธอเข้าห้องตัวเอง ยังดีที่มีคนมาเห็นพอดีเธอจึงรอดมาได้ มิรันตีเก็บเงินตั้งใจจะซื้อคอนโดอยู่แล้วจึงตัดสินใจย้ายออกจากอพาร์ตเมนต์ทันทีด้วยความกลัว ซึ่งนิติพลช่วยหาคอนโดใกล้กับเขาให้
ทว่าที่ทำให้เธอต้องหนีในครั้งนี้คือกลุ่มเพื่อนของนางแบบชวนไปงานเลี้ยงวันเกิด มิรันตีไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเธอไปงานปาร์ตี้ของคนรู้จักอย่างอัธยาศัยดี ทว่ากลับมีพวกคิดไม่ดีมอมยาเพื่อรุมโทรมเธอ หนึ่งในนั้นเป็นแฟนของนางแบบเพื่อนเธอ อีกฝ่ายตามหาแฟนตัวเองจนมาเจอเธอเข้าแล้วตามคนอื่นมาช่วย คนกลุ่มนั้นจึงหนีกระจัดกระจายและเพื่อนเธอก็ทะเลาะจนเลิกกับแฟน รวมทั้งรู้สึกผิดกับเธอมาก
มิรันตีอยากหลบหนีจากทุกอย่าง รวมทั้งชีวิตในแบบเดิมของตัวเอง ไม่อยากอยู่ในสายตาจับจ้องอย่างน่ากลัวของใครอีก เธออยากเปลี่ยนตัวเอง อยากมีชีวิตใหม่
“ถ้าได้อยู่ในที่อากาศดีๆ แบบนี้ตลอดไปก็คงดี”
มิรันตีจิบกาแฟสลับกับกินเค้กชาเขียวขณะสายตายังทอดมองด้านนอกที่เต็มไปด้วยสีเขียวทั้งไร่ชาและภูเขาสุดลูกหูลูกตา
“งั้นก็อยู่ที่นี่ไปเลยสิ”
“ฉันไม่มีปัญญาซื้อบ้านเพิ่มอีกแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่รู้จะทำงานอะไรด้วย”
เธอตอบอีกฝ่ายราวกับเปรยไม่ใช่น้อยเนื้อต่ำใจ และยังมองไร่ชาอย่างสบายใจ อยากให้เวลากับตัวเองสักพัก
“ก็อยู่กับพี่พี...”
คนที่กำลังอารมณ์ดีหันกลับมามองคนพูดอย่างดุๆ อีกครั้ง ทว่านิติพลกลับยังยิ้มระรื่น ทั้งยังพยักพเยิดไปยังกระจกใกล้ประตูทางเข้าที่มีป้ายขนาดเอสี่ติดอยู่ ป้ายนั้นเธอเห็นแล้วตั้งแต่ก่อนเข้าประตูมา
‘รับสมัครพนักงาน’
“แล้วก็ทำงานที่นี่”
แน่นอนว่ามิรันตีคิดตามเพราะน่าสนใจไม่น้อย เธอเองก็เคยสนใจร้านกาแฟ คิดไว้อยู่ว่าจบเรื่องบ้านกับคอนโดแล้วจะศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ในเมื่อสิ่งที่เธอทำอยู่เป็นงานที่วูบวาบไม่ยั่งยืนเช่นที่มารดาบ่น และเธอไม่ได้คิดจะไปต่อไกลกว่านี้ ไม่นานคนติดตามที่หวังในสิ่งที่มากกว่าเหมือนพวกที่คิดไม่ดีกับเธอก็จะค่อยๆ หายไป
“ไม่ใช่ว่าอยากอยู่ก็อยู่ได้ อยากทำก็ทำได้เสียหน่อย พี่พี...”
“แน่ะ ยอมรับแล้วล่ะสิว่าอยากอยู่ที่นี่กับพี่พี”
“ฉันหมายถึงงาน”
เธอกัดฟันพูดกับอีกฝ่าย ทว่าเจ้าตัวกลับหัวเราะในลำคอเบาๆ
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก เราเส้นก๋วยจั๊บ เดี๋ยวฝากให้”
“ย่ะ รู้แล้วว่าบ้านรวย”
มิรันตีทำปากยื่นใส่อีกฝ่าย แต่กลับค่อยๆ หน้านิ่งเมื่อนิติพลพูดต่อ
“พี่พีเหมาะกับรันนะ”
เธอจ้องเขานิ่งกลืนน้ำลายแล้วเลี่ยงมองไปทางอื่น แต่กลับเจอเข้ากับสายตาคมเข้มที่เหลือบมามองพอดี ทำเอาลมหายใจสะดุดและชะงักงันไป ทุกครั้งที่สบตามิรันตีจะรู้สึกว่าภายใต้ท่าทีสุขุมนุ่มลึกของพีรพลซ่อนเสน่หาเร่าร้อนอันน่าหลงใหล ราวเชิญชวนให้เธอกระโจนเข้าหาอยู่ตลอดเวลา ขณะได้ยินเพื่อนสนิทพูดน้ำเสียงจริงจังขึ้น
“ถ้าเขาเป็นคนใช่แล้วทำไมต้องหลบหน้า ทำไมต้องกลัว”
มิรันตีจำต้องละสายตาจากพีรพลเพราะเขากลับไปทำงานของตนต่อ มาสบตาคู่คมแตกต่างจากพี่ชายของนิติพล ไม่คิดว่า อีกฝ่ายจะมองออก
“ตกใจที่เรารู้เหรอ ว่ารันคิดยังไงกับพี่พี”
คงเพราะเธออึ้งและแสดงออกทางสีหน้าแววตาชัดเจนให้เขาเดาได้
“เล่นมองไม่ละสายตาอย่างนี้ใครก็มองออก”
นิติพลพูดด้วยท่าทางราวกำลังคุยเรื่องสนุกที่เอามาล้อกันเล่นทำให้เธอนึกฉุนขึ้นมา หากก็พูดเสียงเบาอย่างพยายามข่มอารมณ์ขัดเคืองใจในตัวเพื่อนสนิท
“เพราะนายไม่ใช่หรือไง ฉันเป็นแฟนนายอยู่ไม่ใช่หรือไง”
อีกฝ่ายจ้องเธอชั่วอึดใจ ก่อนสายตาค่อยแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนแล้วยื่นมือมาจับมือเธอพร้อมยิ้มบาง
“ขอบใจรันที่ช่วยเรามาจนถึงตอนนี้ ขอบใจที่อดทนเพื่อเรา ขอบใจจริงๆ”
คิ้วเรียวสวยขมวดที่อยู่ๆ ชายหนุ่มก็ขอบอกขอบใจราวซาบซึ้งทั้งที่ตัวเองมัดมือชกเธอโดยไม่ปรึกษากันสักคำและไม่สารภาพจนเธอเป็นฝ่ายถามเอง แล้วก็เปลี่ยนไปชวนคุยเรื่องไร่ชาแทนเหมือนไม่ได้รู้สึกผิดแต่อย่างใด
=====
น็อตก็ช่วยเชียร์ด้วย รันสู้ๆ ^^
บ้านของพีรพลอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ไม่ไกลไร่ชานัก โดยตั้งห่างจากบ้านหลังอื่น เพราะน่าจะซื้อที่ดินของคนที่นี่แล้วสร้างเมื่อตอนชายหนุ่มตัดสินใจมาอยู่ที่นี่ มิรันตีจำได้ว่ามารดาเขาเป็นคนเหนือและไปทำงานในบ้านของบิดานิติพล แต่จำไม่ได้ว่าจังหวัดอะไร ซึ่งท่านเสียไปนานหลายปีแล้วร่างอรชรนั่งอยู่ที่ชิงช้าตัวยาวหน้าบ้านมองพระอาทิตย์ตกดินพร้อมอากาศที่ค่อยๆ เย็นขึ้นอย่างชื่นชอบบรรยากาศธรรมชาติอันรื่นรมย์ กลับจากไร่ชาเธอกับนิติพลต่างก็แยกย้ายพักผ่อน ชายหนุ่มนอนที่โซฟา ส่วนเธอเข้าห้องจัดของต่อจากเมื่อวานจนเสร็จก่อนจะเผลอหลับไปเช่นกัน ตื่นมาเห็นว่าเย็นแล้วจึงออกมาเดินดูด้านนอกขณะที่นิติพลคุยสายกับคนรัก“นั่งจนเย็นแล้วยังไม่เข้าบ้านอีก นอกจากยุงจะหามก่อนพี่พีกลับมา ระวังจะหวัดกินด้วย”ร่างสูงโปร่งนั่งลงข้างๆ พร้อมในมือมีกระป๋องเบียร์ เขาเปิดแล้วก็จิบพลางมองไปข้างหน้าราวชมวิว โดยไม่ได้มองเธอ“นายนั่นแหละ พรุ่งนี้ทำงานยังจะกินเบียร์อีก”“กระป๋องเดียวเองจะได้นอนหลับสบาย อีกอย่างอากาศแบบนี้ได้แอลกอฮอล์เข้าไปทำให้เลือดสูบฉีดหน่อยๆ จะได้อุ่นขึ้น เอาไหม”เขาถามพร้อมยื่นกระป๋องมาให้ มิรันตีก็ทำปากยื่นพลางส่า
มิรันตีนอนคว่ำหน้าบนโซฟาดูซีรีส์แนวโรแมนติกของประเทศเกาหลีจากแท็บเลตแบรนด์ดังของตน พยายามหาสิ่งที่จะจดจ่อได้โดยไม่วนไปเปิดโซเชียลดูสถิติในแบบที่เคยทำ เธอตั้งใจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งหมดของตัวเอง แม้จะเพลิดเพลินอยู่บ้างแต่ก็รู้สึกได้ถึงความไร้ค่าของตนอยู่แบบนี้อาทิตย์สองอาทิตย์คงพอไหว แต่เดือนสองเดือนหรือมากกว่าคงทำไม่ได้‘ฉันจะทำอะไรดี’สุดท้ายมิรันตีก็ปิดซีรีส์พลิกตัวนอนหงายยกแขนขึ้นก่ายหน้าผาก ยอมรับว่าเธออยากไปสมัครงานที่ร้านกาแฟในไร่ชาที่พีรพลเป็นผู้จัดการและหุ้นส่วนอยู่ตามที่นิติพลแนะนำ อย่างน้อยหากสนใจทางนี้เธอก็ต้องเริ่มเรียนรู้เสียงมือถือดังขึ้นหยิบมาดูเห็นว่าเป็นเบอร์ของนิติพลจึงกดรับ‘โทษที เพิ่งหาเวลาโทรได้ อยู่คนเดียวเป็นไงบ้าง’ชายหนุ่มถามทันที แม้จะน้ำเสียงระรื่นแต่มิรันตีก็รู้ว่าเพื่อนเป็นห่วง เพราะตอนนี้บ่ายสองกว่า อีกฝ่ายคงโทรทันทีที่เพิ่งเคลียร์งานช่วงเช้าเสร็จเพราะเข้าช้า“แรกๆ ก็แปลกๆ แต่พอเริ่มซึมซับธรรมชาติสงบๆ เสียงนกเสียงลมพัดใบไม้ก็รู้สึกสบายใจเหมือนเดิม เหมือนตอนที่มีนายอยู่ด้วย”‘อืม แล้วกินข้าวหรือยัง ไม่ลืมใช่ไหม’“กินแล้ว”เธอหลุดยิ้มออกมาที่เพื่อนถามรา
ก็อกๆๆเสียงดังด้านนอกไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างอรชรที่นอนฟุบหน้าน้ำตาไหลกับที่นอนสนใจ แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายน่าจะไม่พอใจตนมาก“ถึงจะโกรธกันยังไงก็ออกมากินข้าว ถ้ารันไม่สบายขึ้นมา น็อตจะเป็นห่วง”เหมือนคนพูดเองก็ดูไม่ได้ใส่ใจเธอนัก เขาคงแค่ไม่ต้องการมีปัญหากับน้องชาย บอกแล้วพีรพลก็เงียบไป มิรันตีลุกขึ้นนั่งปาดน้ำตาลวกๆ เหลือบไปยังประตูแล้วสะบัดหน้าหนี“แค่ไม่กินข้าว ไม่ป่วยหรอก ว่ารันทำตัวเป็นเด็ก พี่พีเองก็พูดเหมือนรันเป็นเด็กเหมือนกัน”เธออุบอิบบ่นคนเดียวโดยไม่คิดจะกินข้าว มิรันตีรู้ว่าทำตัวไม่มีเหตุผลแต่ตอนนี้เธอทั้งโมโหทั้งอาย ยังไม่อยากเผชิญหน้ากับพีรพล ขอเวลาพักเว้นระยะกายและใจของตัวเองก่อนเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นและเป็นสายของเพื่อนหนุ่ม พอเธอไม่รับอีกฝ่ายก็ส่งข้อความมาไม่หยุดสุดท้ายเธอก็เปิดอ่าน‘รับสายสิ’‘เรารู้ว่ารันอยู่กับมือถือ’แล้วนิติพลก็โทรมาทันที“ทำไมไม่ออกไปกินข้าว”“พี่พีฟ้องน็อต?”“โทรมาบ่นต่างหาก”“บ่นว่ายังไงล่ะ”มิรันตีเสียงขุ่น หน้างอเมื่อรู้สึกราวถูกนินทาลับหลัง“ก็บ่นว่ารันดื้อ แล้วก็บ่นว่าเราหาเรื่องปวดหัวมาให้”“หึ...เรื่องปวดหัวเหรอ รันไปก็คงหายปวดหัวสินะ”“ไม่ประชด
เวลาเช้าหมอกลงหนา อากาศเย็นชุ่มชื้นน่านอนซุกตัวใต้ผ้าห่มอุ่น แต่มิรันตีอยากออกมาดูยามเช้าของที่นี่ ขุนเขาถูกโอบกอดด้วยสายหมอกขาว ความเขียวขจีชุ่มฉ่ำด้วยน้ำค้างช่วยให้อารมณ์สดชื่นตาม หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดซึมซับอากาศสุดแสนสบายอย่างรู้สึกดีเธอชอบที่นี่แม้มาอยู่ได้ไม่กี่วัน รู้สึกผ่อนคลายไร้กังวล ไร้ความตึงเครียด ยกเว้นเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับพีรพลครู่ใหญ่หญิงสาวจึงกลับเข้าไปอาบน้ำเตรียมตัวจะไปทำงานตามที่คุยกับพีรพลไว้ แม้ชายหนุ่มจะไม่ได้ตกปากรับคำแต่ไม่ได้ปฏิเสธก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรล่ะมั้งออกมาด้านนอกกลิ่นอาหารเช้ากับกาแฟก็เรียกน้ำย่อยในท้องทั้งที่ปกติเธอกินข้าวเช้าสายมากจนใกล้เที่ยง เข้าไปเห็นร่างสูงโปร่งกำลังกินแซนด์วิชกับไข่เจียวไส้กรอกและมีอีกจานไม่ต่างกันวางอยู่ตรงข้าม“ขอบคุณค่ะ”มิรันตีเอ่ยเพียงสั้นๆ แล้วนั่งลงกินโดยไม่พูดอะไรอีก คิดว่า พีรพลคงไม่ได้อยากพูดกับตนนักเมื่อต่างฝ่ายต่างกินอาหารจนเสร็จและเก็บล้างของตนเองเรียบร้อย พีรพลก็เตรียมตัวออกไปทำงานโดยไม่พูดไม่จาแต่มิรันตีก็ตีหน้าเฉยเดินตามไปยังรถและยืนฝั่งด้านข้างคนขับ ชายหนุ่มเหลือบมองเธอก็กลั้นใจสบตาเขาส่งคำถามด้วย
ประกาศเจตจำนงออกไปอย่างนั้นแล้วมิรันตีก็ต้องนั่งประคบมือตัวเองเงียบๆ คนเดียว เพราะพีรพลเดินหนีออกไปโดยไม่พูดอะไร เมื่อทำใจให้นิ่งขึ้นได้แล้วหญิงสาวก็เอาผ้าเช็ดหน้าของชายหนุ่มไปซักตากก่อนกลับไปยังด้านหน้าเคาน์เตอร์“เป็นยังไงบ้าง”เดือนเป็นคนมากระซิบถาม ขณะที่พีรพลชงกาแฟโดยไม่ได้ใส่ใจมอง ทำเอามิรันตีใจแป้วไม่น้อย“ดีขึ้นแล้วล่ะ อีกวันสองวันก็น่าจะหาย”เดือนอายุมากกว่าเธอหนึ่งปี แต่อีกฝ่ายบอกให้คุยเหมือนเป็นเพื่อนกัน“ไว้เดี๋ยวมาลองแก้วใหม่กันนะ”“จ้ะ”มิรันตียิ้มรับ แอบเหลือบไปทางพีรพลอย่างกังวลเดือนก็ลูบไหล่เบาๆ พลางยิ้มบางให้กำลังใจแล้วขยับปากโดยไม่มีเสียง‘คุณพีใจดี ไม่ดุ’เธอได้แต่ยิ้มเจื่อน พลางคิดในใจว่าพีรพลใจดีกับทุกคนยกเว้นเธอยามเย็นหลังปิดร้านเดือนเห็นว่าเธอขึ้นรถกลับกับพีรพลก็ดูงุนงง ชายหนุ่มไม่มีทีท่าใด ทว่ามิรันตีกลับหน้าร้อนขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็คิดว่าเธออยู่บ้านเดียวกับพีรพลจริง แถมยังพยายามจะจีบเขาอยู่ด้วยจะอายคนมองทำไมแต่ถึงอย่างนั้นพีรพลก็ไม่เอ่ยอะไรกระทั่งถึงบ้าน มิรันตีพยายามกุลีกุจอช่วยชายหนุ่มทำอาหารมือเย็นทั้งที่เห็นชัดเจนว่า อีกฝ่ายแสดงสีหน้าเย็นชาตลอดเวลา“รันช่
“กลัวจะชอบรัน”พรีพลชักสีหน้าทว่ามิรันตีจ้องเขาอยู่แล้วจึงขยับประชิดและก่อนที่ชายหนุ่มจะถอยเธอก็รีบเขย่งปลายเท้าขึ้นคว้าโอบลำคอหนาเอาไว้“รัน”“พี่พีจะบอกว่าไม่สนใจรันสินะคะ”“ปล่อยพี่”มิรันตีกอดคอเขาแน่นขึ้น ทำให้อีกฝ่ายหาทางผลักไม่ได้“พี่พีตัวร้อนจังค่ะ”เธอเงยหน้ากระซิบใกล้ริมฝีปากได้รูปเสียงแผ่ว“รันทำให้พี่อึดอัด ปล่อย”“อึดอัดหรือกลัวหวั่นไหว ยั้งใจตัวเองไม่อยู่กันแน่คะ”ความจริงมิรันตีก็ไม่ได้มั่นใจเท่าไรนัก แต่ไม่ลองก็ไม่รู้อย่างที่นิติพลบอก กับพีรพลแล้วมิรันตียินดีทุ่มหมดหน้าตักเพื่อให้เขาหันมาสนใจตนเอง“พี่ไม่ได้คิดอะไร ทำไมต้องหวั่นไหว”“ไม่หวั่นไหวจริงเหรอคะ”เธอจงใจขยับเข้าไปเบียดเขาอีกหน่อยทั้งตัว ขณะหัวใจเต้นระรัวขึ้นกับความใจกล้าของตัวเอง“งั้นจูบรันได้ไหมคะ”พร้อมถามก็เลื่อนริมฝีปากไปใกล้มากขึ้น แต่พีรพลเอนหนีก่อนเธอจะแตะแล้วยกมือขึ้นแกะมือเธอหลังคอเขา“พูดอะไรอย่างนี้ รันเป็นผู้หญิงนะไม่อายหรือไง ปล่อยพี่ได้แล้ว”“รันชอบพี่พีนี่นา ไม่ใช่แค่ชอบ รักต่างหาก รันตกหลุมรักพี่พีตั้งแต่ตอนที่ไปติวให้น็อต พี่พีอย่าใจร้ายกับรันเลยนะคะ เลิกทำเย็นชาใส่รันได้ไหม”มิรันตีสารภาพเ
เมื่อคืนที่ผ่านมามิรันตีร้องไห้ครู่ใหญ่กว่าจะผละห่างจาก ชายหนุ่มแล้วพึมพำบอกเขา‘ขอโทษที่ทำให้ยุ่งยากใจค่ะ’จากนั้นก็รีบปาดน้ำตาทิ้งแล้วลุกขึ้น หันหน้าหลบเลี่ยงแม้รู้สึกได้ว่าพีรพลเหมือนจะพูดบางอย่างแต่เธอไม่ต้องการฟังคำปลอบให้ยิ่งรู้สึกดีกับเขา ชายหนุ่มจึงออกไปจากห้องของเธอ ต่อจากนั้นมิรันตีก็ร้องไห้ได้อย่างเต็มที่จนกระทั่งหลับไปเช้านี้หญิงสาวไม่ได้ตื่นเร็วเช่นเมื่อวาน เธอปวดหัวและตาบวมหากก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำเพื่อไปทำงานอย่างตรงต่อเวลา กินอาหารที่ พีรพลทำเผื่อแล้วช่วยเก็บล้างอย่างเรียบร้อย“ทายาที่มือหรือยัง”เป็นประโยคแรกที่ชายหนุ่มพูดกับเธอก่อนจะออกรถ“ทาแล้วค่ะ”“ล้างจานไปแล้ว ทาใหม่ดีกว่านะ พกยามาด้วยไหม”มิรันตีไม่ได้ตอบแต่ก็หยิบหลอดยาในกระเป๋าออกมาทา ชายหนุ่มเหลือบมองเล็กน้อยแล้วออกรถราวหมดเรื่องพูดคุย ขณะที่หญิงสาวเม้มริมฝีปากยับยั้งจิตใจที่อ่อนไหวของตน ย้ำกับตัวเองว่า พีรพลไม่ได้สนใจเธอ เขาเพียงแค่ช่วยนิติพลดูแลเธอให้ดีตามที่อีกฝ่ายฝากฝังไว้“ทำไมตาบวมจัง”เดือนแอบถามเสียงเบาขณะช่วยกันทำความสะอาดร้าน ในตอนแรกที่เจอหน้าอีกฝ่ายถามเพียงว่ามือเป็นอย่างไรบ้างเพราะพีรพลอยู่ด้วย“ไหวห
“ไม่เป็นไรค่ะ”เธอบอกเสียงเบาแล้วรีบวางสาย ที่แท้พีรพลก็ไปส่งผู้หญิงคนนั้นก่อนนี่เอง คงเพราะฝนตกนั่นแหละ และหากไม่พอใจกันมีหรือจะเป็นห่วงจนต้องไปส่ง ที่เขาไม่สนใจเธอเพราะมีคนที่ถูกใจอยู่แล้ว มิรันตีพยักหน้าอย่างเข้าใจถ่องแท้พลางยิ้มอย่างเจ็บปวดในหัวใจอย่างน้อยก็ได้รู้ว่าตัวเองมองคนไม่ผิด พีรพลเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง เมื่อมีคนที่ใช่อยู่ในใจก็ไม่มองผู้หญิงคนไหนน้ำตาร้อนไหลลงอาบแก้มขณะทอดสายตามองสายฝนเม็ดหนา รอไปก็คงอีกนานเมื่อคนรักอยู่ด้วยกันย่อมไม่คิดถึงคนอื่น ความปวดร้าวในอกทำให้มิรันตีก้าวเดินออกจากหน้าร้าน ฝนเย็นจัดพร่างพรมคงพอช่วยสะกดความเสียใจของตัวเองได้‘รันต้องลืมพี่พีให้ได้แล้วจริงๆ สินะ’เจ้าของร่างอรชรเดินกลางฝนไปยังเส้นทางมุ่งสู่ด้านหน้าไร่ ไม่รู้ว่าจะเดินไปถึงเมื่อไรแต่เธอไม่อยากรอ เธออยากหันหลังให้พีรพล ไม่อยากพึ่งพาหรือยุ่งเกี่ยวกันอีกเพราะเหม่อลอยกับความปวดใจมิรันตีจึงไม่สนใจมองทางนักแล้วก็บังเอิญสะดุดล้มเข่ากระแทกได้แผล ร่างอรชรดันตนเองลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าราวไร้เรี่ยวแรง เธอไม่ได้เหนื่อยแต่ไม่มีกำลังใจมากกว่า ลุกขึ้นเดินอีกครั้งก็ก้าวเท้าช้าๆ ไปเรื่อยๆปริ้นๆแสงจาก
“ต่อจากเมื่อวานกันนะครับ”เอ่ยจบชายหนุ่มก็จูบซับกลีบปากอิ่ม เม้มแรงทั้งบนล่าง ปลายลิ้นอุ่นซอกแซกไล้ไปมาจนสามารถเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเธออย่างเร่าร้อนมือหนาบีบเคล้นทรวงอวบที่ยังมีผ้าลูกไม้เกาะครึ่งเต้าทรวงก่อนปลายนิ้วแกร่งจะไล้ผ่านเนินขาวขึ้นไปเกี่ยวสายเส้นเล็กลงจากไหล่บางปล่อยสองทรวงอวบใหญ่ให้เผยต่อตา ใบหน้าคมคายซุกไซ้สูดกลิ่นกายสาวปะปนสบู่เหลวหอมสดชื่น เม้มผิวอ่อนบางตรงซอกคอแล้วไซ้ลงมาหายอดอกสีหวาน เบียดแก้มสากเสียดสีกระตุ้นเร้ากายสาว และเขาก็อยากสัมผัสอกอวบคู่งามที่สุดสำหรับตนให้เนิ่นนานปากอุ่นจัดขยับเม้มยอดทรวงราวหยอกเย้าจนชูช่อโดดเด่นทั้งสองข้าง ก่อนรวบก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นเข้าอุ้งปากตน ดูดดื่มเบาแล้วเพิ่มแรงขึ้นจนหญิงสาวครวญคราง มือบางขยุ้มผมเขาหากพีรพลไม่ได้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใดชายหนุ่มไม่ได้ปลุกเร้าเพียงอกสาว เขาส่งมืออีกข้างสอดผ่านกางเกงขายาวเนื้อหนาของมิรันตีเข้าไปลูบโลมความสาวบอบบาง แล้วยังเคลื่อนเข้าไปแตะต้องจนถึงเนื้อใน ปลายนิ้วลากไล้ก่อนจะรุกรานอย่างย่ามใจเพราะขาเรียวสองข้างขยับกว้างเปิดทางอย่างไม่ต้องบังคับหรือบอกกล่าวมิรันตีครางเสียงเครือรับการปรนเปรอจากนิ้วแกร่ง แล
ประตูห้องเปิดผลัวะออกอย่างแรงพร้อมกับหมอนกระแทกเข้าใส่หน้าเขาเต็มๆ ทำเอานิติพลหน้าหงาย แต่ก็รับหมอนไว้ได้ก่อนหล่นลงพื้นพร้อมกับมองหน้าพี่ชายด้วยความงุนงง ทว่าพอเหลือบไปด้านหลังแล้วเห็นเจ้าของร่างอรชรรีบเดินตามมาใกล้พี่ชายที่ตีหน้ายักษ์ใส่เขาอยู่ก็เข้าใจได้ทันที“เอ่อ ผมไปนอนโซฟาข้างนอกก็ได้”เขาบอกพร้อมสีหน้ารู้สึกผิดมิรันตีรีบแทรกมายืนด้านหน้าพีรพลพลางยิ้มเจื่อนส่งสายตาขอโทษเพื่อนแล้วบอกสิ่งที่ตนตั้งใจในตอนแรก“ฉันแค่มาเช็กว่าพี่พียังมีไข้หรือเปล่าน่ะ แล้วก็จะกลับแล้ว”“เหรอ เช็กจนผมยุ่งไปหมดเลยเนอะ โอ๊ะ...”ร่างโปร่งของนิติพลผงะเซไปด้านหลังก้าวหนึ่งเพราะพี่ชายแอบยกเท้ามายันขา แล้วก็เป็นจังหวะให้มิรันตีรีบแทรกออกไปเมื่อมีพื้นที่ หญิงสาวก้มหน้างุดไม่มองใครอีก คนเป็นเพื่อนมองตามแล้วก็ถอนหายใจหันกลับมาก็เจอเข้ากับสายตาดุเข้มของพี่ชาย“นอนข้างนอกไปเลย”“โธ่พี่ ล้อเล่นนิดเดียว ไม่คิดว่ารันจะอายขนาดนี้”“น้องเวร เป็นเพื่อนยังไงวะ”“ขอโทษครับพี่”“ไปขอโทษรันโน่น”นิติพลหน้าซีด พลางส่ายหน้า“ตอนนี้รันงอนอยู่ เอาไว้พรุ่งนี้ใจเย็นก่อนดีกว่า”เขารู้ว่าควรง้อเจ้าตัวและเอาอกเอาใจเมื่อไร มิรันตีไ
เพราะเจ็บไม่น้อยวัชพลจึงให้พีรพลไปหาหมอที่อนามัยใกล้ๆ และกลับบ้าน แล้วให้กัญญาเฝ้าร้านกับเดือน เนื่องจากรู้ว่ามิรันตีก็ต้องตามไปดูแลเขากลับมาถึงบ้านหลังจากทำแผลที่สถานีอนามัยมิรันตีก็ประคองชายหนุ่มมานั่งที่โซฟาแล้วไปเอาน้ำมาให้เขา เธอพยายามเก็บอาการน้ำตาซึมกับสีหน้าที่เหมือนจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลาของตัวเองเอาไว้อย่างที่สุด แต่เมื่อชายหนุ่มดื่มน้ำแทบไม่ได้ แม้แต่จับแก้วยังลำบากเธอก็น้ำตาไหลจนได้“โธ่ พี่พี”ปลายนิ้วเรียวแตะโหนกแก้มช้ำกับมุมปากที่แตกของชายหนุ่มแล้วเลื่อนมือลงมาจับมือหนาที่แตกทั้งสองข้างขึ้นดู“เจ็บมากสินะคะ”พีรพลหัวเราะในลำคอเบาๆ พลางยิ้มอ่อนเธอจึงหน้างอ“ยังจะหัวเราะอีก รันตกใจแค่ไหนรู้ไหมคะ ที่เห็นคุณแก้มพยุงพี่พีเข้ามาร้านในสภาพนั้น”หญิงสาวเสียงเครือแล้วก้มหน้าร้องไห้ น้ำตาหยดลงบนมือหนาถูกแผลทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งเบาๆ เพราะแสบแต่ก็ทนได้ ทว่าเขาไม่อยากให้เธอร้องไห้ พีรพลจึงเป็นฝ่ายเปลี่ยนมาประคองใบหน้าเรียวสวยเงยขึ้นเกลี่ยนิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้“ทำเพื่อรัน เจ็บตัวนิดๆ หน่อยๆ พี่ทนได้”“นิดหน่อยที่ไหนกันคะ”“เอาน่า อย่างน้อยพวกนั้นก็จะไม่มาเหยียบที่ไร่ดิฐวัฒน์อีก”มิรันตีม
“มึงคิดว่ามึงแน่เหรอ ฮะ!”หนึ่งในนั้นตะโกนขึ้น“มึงกล้ามีเรื่องกับลูกค้าอย่างพวกกูเหรอ”อีกคนพูดเสียงดังตรงจุดนี้เป็นส่วนที่คนเข้ามาถึงน้อยเพราะจัดเอาไว้อย่างเฉพาะ ซึ่งไม่ไกลจากที่จอดรถของพีรพลนัก และเวลานี้ก็ไม่มีคนอื่นมาสูบบุหรี่“เออ กูจะเอาให้พวกมึงไม่กล้าเห่าหอนถึงผู้หญิงเสียๆ หายๆ ได้อีก”พีรพลสวนกลับอย่างไม่กลัว“มึงมาเสือกอะไรวะ หรือว่า...”คนพูดกระตุกยิ้มมุมปาก“นั่นเมียมึง”ไม่ต้องอธิบายก็รู้ว่าอีกฝ่ายพูดถึงใคร พีรพลกระโดดยกขาเข้าไปหาในทันใดและมันก็กระโดดหลบ ขณะที่เพื่อนทั้งสองคนที่เหลือรีบเข้ามารุมจับเขา ชายหนุ่มสลัดออกก่อนหันไปต่อยอีกคน แต่ก็ถูกถีบสีข้างจนเกือบล้ม แล้วก็มีคนตามมากระชากไหล่ไปต่อยการเตะต่อยสามรุมหนึ่งเป็นไปอย่างชุลมุน พีรพลโดนทั้งถีบทั้งต่อยไปหลายครั้ง หากเขาก็เหวี่ยงหมัดเอาคืนทั้งสามไปอย่างไม่หยุดหย่อนราวเรี่ยวแรงไม่หดหาย ครู่หนึ่งจึงมีคนเข้ามาห้ามซึ่งเป็นวัชพลกับคนงานในไร่อีกสองคน“หยุดได้แล้ว”วัชพลเสียงเข้ม เข้าไปกระชากหนึ่งในลูกค้าล็อกแขนไว้ คนงานอีกสองคนก็จับสองคนที่เหลือ“ปล่อยสิวะ”แม้จะไม่มีใครยอมแต่เพราะทั้งเจ็บตัวทั้งอ่อนล้าทำให้สลัดวัชพลกับคน
‘แกคิดว่าแม่เห็นแกเป็นเครื่องผลิตเงินหรือไง’เมื่อไปรับมารดาที่บ้าน มิรันตีก็ขอโทษและท่านก็เอ่ยมาราวประชด แต่ก็ไม่ได้มีทีท่าโกรธเคืองเธอ ทั้งยังพูดกับพีรพลด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้น ไม่ได้ซักหรือถามไถ่เรื่องงานอีก ทว่าหลังจากมาติกาออกจากโรงพยาบาลในวันถัดมา ก่อนจะลากลับมารดากลับพูดในสิ่งที่ทำให้เธอถึงกับน้ำตาซึม‘ฝากรันด้วยนะคะ เด็กคนนี้ชอบทำเป็นเก่ง แต่ยังไงก็ต้องมีคนดูแล’หลายเดือนผ่านไป มิรันตีได้ฝึกชงกาแฟกับชาและเครื่องดื่มอื่นๆ เพิ่มอีกหลายเมนูจนคล่องแคล่ว แต่บาริสต้าหลักยังเป็นพีรพลและเดือนเป็นผู้ช่วย ส่วนเธอนั้นทำเมนูที่ไม่ยุ่งยากหลายขั้นตอน อีกอย่างที่นี่ก็มีเค้กที่ทำเองด้วย ซึ่งอุปกรณ์ครบพร้อมอยู่ด้านใน ส่วนนี้เดือนจะเป็นผู้ทำโดยมีเธอช่วย และเดือนก็รู้ถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพีรพลดี‘ก็พอจะมองออกน่ะนะ’อีกฝ่ายยักไหล่พร้อมบอกอย่างไม่แปลกใจเมื่อเธอสารภาพกับเจ้าตัวหลังกลับจากกรุงเทพฯ ในเมื่อที่บ้านเธอเกิดเรื่องแต่ชายหนุ่มกลับตามไปด้วยอย่างไรก็ดูน่าแปลกวันนี้เป็นวันหยุดยาวนักขัตฤกษ์ในไร่จึงมีนักท่องเที่ยวค่อนข้างคึกคัก และนิติพลก็บอกว่าจะมาเยี่ยม แต่เขาจะมาวันพรุ่งนี้เพราะใช้เวลากับคน
ร่างอรชรถูกปล่อยลงใกล้เตียงนอนและชายหนุ่มก็กอดจูบลูบไล้เรือนกายนุ่มละมุน พร้อมปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอไปด้วย มิรันตีเองก็ดึงชายเสื้อชายหนุ่มจากเอวกางเกง ร่างสูงโปร่งถอยห่างเล็กน้อยจัดการกับชุดของเธอจนเหลือเพียงซับในสองชิ้นเขาก็ถอดเสื้อตนออกอย่างรวดเร็ว แล้วโอบพาเธอลงไปนอนบนเตียงมือหนาลูบแก้ม ไล้ปลายนิ้วโป้งบนกลีบปากอิ่ม ก่อนจะลากมือระเรื่อยผ่านลำคอบางมาถึงเนินอวบขาว ปัดป่ายเย้ายวนใจพร้อมริมฝีปากได้รูปประกบกับกลีบปากอิ่มที่เห่อแดงด้วยฤทธิ์จูบก่อนหน้านี้มิรันตีเปิดรับเมื่ออีกฝ่ายส่งลิ้นเข้ามาเกี่ยวรัดพัวพัน รับรู้ได้ถึงมือหนาเกาะกุมอกอวบเคล้นคลึง ขณะเดียวกันต้นขาแกร่งก็แทรกกลางร่างเสียดสีเร้าอารมณ์อย่างเร้าใจทำเอาเธอเกร็งไปทั้งตัวดื่มด่ำกับจูบหวานลึกซึ้งแล้วปากอุ่นก็ค่อยเคลื่อนแตะแผ่วพรมทั่วลำคอขาว ซุกซบดอมดม เม้มผิวอ่อนจนแดงเรื่อแล้วจึงไต่ลงต่ำจูบซับเนินอกสองข้าง และเริ่มปลดตะขอเปิดปลือยเต้าทรวง ความกลมกลึงอวบใหญ่กับยอดอกสีหวานชวนลิ้มลองปรากฏต่อหน้า ใบหน้าคมคายก็ถูไถจนได้ยินเสียงหวานครางผะแผ่ว“รันสวยที่สุด”ชายหนุ่มพึมพำแล้วไล้ลิ้นระรัวเหนือยอดอกสีหวานที่ชูชันตื่นตัวเต็มที่และย้ายไ
“ทำไมจะพูดไม่ได้ ฉันเป็นแม่แก คนเป็นแม่ก็ต้องช่วยลูกดูสิว่าผู้ชายจะเลี้ยงดูเราได้ไหม พาเราอยู่ด้วยกันได้ไปตลอดชีวิตไหม”“พอเถอะแม่”เธอพยายามตัดบทเมื่อเห็นว่ามารดายังพูดถึงพีรพลในแง่ไม่ดี แต่ท่านกลับหันไปบอกกับเขา“บอกตามตรงนะคะคุณ ฉันไม่คิดว่างานของคุณจะไปรอด ลองไปสอบข้าราชการดูไหมคะ อายุอาจจะเยอะไปหน่อย แต่ใต้โต๊ะก็น่าจะพอไหวนะคุณ ซื้อความมั่นคงให้ตัวเองกับครอบครัว น้าเองอยากให้รันมันทำจะแย่ แต่มันก็ไม่ทำ มัวถ่ายอะไรไร้สาระก็ไม่รู้”มิรันตีเผยอปากค้างที่มารดาตนล้ำเส้น เธอจับมือพีรพลทันทีด้วยห่วงความรู้สึกของเขา“แล้วนี่ยังพากันไปทำร้านกาแฟอีก โถ...จะเอาอะไรกินกันคะ”“งานราชการที่แม่อยากให้ทำนักหนาน่ะ เงินเดือนเท่าไรคะ”มารดาของเธออึกอักเล็กน้อยและเหมือนจะพูดบางอย่าง“ถึงจะมั่นคง แต่ก็ต้องเกษียณอยู่ดี แล้วจะทำอะไรหลังจากนั้นล่ะคะ คิดใหม่เริ่มใหม่ตอนอายุเยอะแล้วไม่ใช่ง่ายๆ นะคะ”“ยังไงก็มั่นคง มีสวัสดิการเยอะแยะ มีเงินหลังเกษียณ”“ก็ใช่ค่ะ รันยอมรับว่ามั่นคง ไม่ต้องกังวลตอนอายุมาก แต่รันขอร้อง อย่าดูถูกงานที่พี่พีทำ งานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และคุณค่าก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของตัวเรา ไม่ใ
‘เร็วๆ นะลูก แม่ทำอะไรไม่ถูกเลย น้องบอกว่าปวดท้องมาก แต่หมอกับพยาบาลบอกให้รอผลตรวจกับรอดูอาการ’มิรันตีบอกกับพีรพลว่าขอกลับกรุงเทพฯ หลังจากเปิดร้านได้ไม่ถึงชั่วโมงเพราะมารดาโทรมาบอกว่ามาติกาน้องสาวของเธอปวดท้องมากจนต้องไปโรงพยาบาล และท่านได้รู้จากเพื่อนร่วมงานจึงรีบตามไป แต่ก็ไม่รู้อะไรมากเธอไม่ได้บอกมารดาเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ท่านจึงไม่รู้ว่าเธอมาอยู่ที่อื่นแล้ว“พี่ไปด้วย”ชายหนุ่มถอดผ้ากันเปื้อนหลังหยุดคิดเพียงเล็กน้อย“แล้วร้านล่ะคะ”“พี่จะขอคุณวัช ฝากให้บัญชีของไร่มาดูแลแทนวันสองวัน”“จะดีเหรอคะ”“แต่ละเดือนจะมีวันหยุดที่พี่กับเดือนสลับกัน แล้วผู้จัดการไร่ก็จะให้คุณรินคนดูแลบัญชีกับคุณแก้มมาดูแทนอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นใครสะดวก แต่เพราะแบบนี้พี่ถึงปรึกษานายว่ารับคนมาช่วยเพิ่มดีกว่า หยุดคนนึงก็ยังมีอีกสองคนคอยรับลูกค้า”“ถ้างั้น รันมาอยู่ก็เหมือนไม่ได้ลดภาระน่ะสิคะ”มิรันตีรู้สึกว่าตัวเองหาเรื่องวุ่นวายมาให้พีรพล เพราะหากเขากับเธอไปไหนมาไหนด้วยกัน ก็ไม่ต่างจากเดิมเลย ทว่าชายหนุ่มก็เพียงยักไหล่“เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยว่ากัน ตอนนี้มีเรื่องฉุกเฉิน พี่ไม่อยากให้รันไปคนเดียว”พี
มิรันรันตีหอบแรง รู้สึกเหมือนไฟสุมทั่วกาย เหงื่อท่วมตัว แต่ยิ่งพีรพลขยำหน้าอกด้วยมืออุ่นกระด้าง อีกข้างยังเคล้นสะโพก และดื่มกินยอดทรวงข้างที่เหลือเต็มปากเต็มคำเธอยิ่งอารมณ์กระเจิง แม้จะรู้สึกเหนื่อยหากกลับโหมสะโพกห่มลงหากายแกร่งถี่รัวมากขึ้น แล้วก็เป็นตนเองที่สะดุ้งเฮือกทั้งตัว พิษรักแล่นปราดทะยานสูงในกายทำเอาเป็นฝ่ายถึงฝั่งฝันก่อนชายหนุ่มมือบางวางเกาะเกี่ยวบ่าหนาขณะร่างอรชรทรุดฮวบ ใบหน้าเรียวสวยซุกลงซอกคอหนาและได้ยินเสียงหัวเราะเข้มต่ำในลำคอ อีกฝ่าย“ปล้ำพี่ แต่หมดแรงก่อนซะงั้น”พีรพลเย้าคนที่ตัวอ่อนราวไร้กระดูก ต้องซุกซบเขาเป็นที่พึ่ง“หลอกให้อยากแล้วจากไปเหรอ หืม?”“เปล่าค่ะ”มิรันตีที่ยังอยู่ในภวังค์ซาบซ่านทั้งกายใจรีบบอก เธออยากทำให้พีรพลมีความสุขด้วยแต่ยังอ่อนแรงขยับตัวแทบไม่ไหว หญิงสาวพยายามจะโยกไหวร่างกายต่อ ทว่ากลับถูกชายหนุ่มยกตัวขึ้น“อุ๊ย”เขาจับเธอให้นั่งหันหลังซ้อนตัก ทำเอามิรันตีเลิ่กลั่กกระทั่งสองกายหลอมรวมอีกครั้งเพราะชายหนุ่มจัดการเธอจึงเอนกายพิงอกหนาเพราะเนื้อตัวอ่อนระทวย พร้อมกับที่ชายหนุ่มกระทั้นเบียดชิดมาหา และอาการหวามลึกกลับมาพร่าผลาญเธออีกครั้งชายหนุ่มฝังริมฝ