มิรันตีนอนคว่ำหน้าบนโซฟาดูซีรีส์แนวโรแมนติกของประเทศเกาหลีจากแท็บเลตแบรนด์ดังของตน พยายามหาสิ่งที่จะจดจ่อได้โดยไม่วนไปเปิดโซเชียลดูสถิติในแบบที่เคยทำ เธอตั้งใจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งหมดของตัวเอง แม้จะเพลิดเพลินอยู่บ้างแต่ก็รู้สึกได้ถึงความไร้ค่าของตน
อยู่แบบนี้อาทิตย์สองอาทิตย์คงพอไหว แต่เดือนสองเดือนหรือมากกว่าคงทำไม่ได้
‘ฉันจะทำอะไรดี’
สุดท้ายมิรันตีก็ปิดซีรีส์พลิกตัวนอนหงายยกแขนขึ้นก่ายหน้าผาก ยอมรับว่าเธออยากไปสมัครงานที่ร้านกาแฟในไร่ชาที่พีรพลเป็นผู้จัดการและหุ้นส่วนอยู่ตามที่นิติพลแนะนำ อย่างน้อยหากสนใจทางนี้เธอก็ต้องเริ่มเรียนรู้
เสียงมือถือดังขึ้นหยิบมาดูเห็นว่าเป็นเบอร์ของนิติพลจึงกดรับ
‘โทษที เพิ่งหาเวลาโทรได้ อยู่คนเดียวเป็นไงบ้าง’
ชายหนุ่มถามทันที แม้จะน้ำเสียงระรื่นแต่มิรันตีก็รู้ว่าเพื่อนเป็นห่วง เพราะตอนนี้บ่ายสองกว่า อีกฝ่ายคงโทรทันทีที่เพิ่งเคลียร์งานช่วงเช้าเสร็จเพราะเข้าช้า
“แรกๆ ก็แปลกๆ แต่พอเริ่มซึมซับธรรมชาติสงบๆ เสียงนกเสียงลมพัดใบไม้ก็รู้สึกสบายใจเหมือนเดิม เหมือนตอนที่มีนายอยู่ด้วย”
‘อืม แล้วกินข้าวหรือยัง ไม่ลืมใช่ไหม’
“กินแล้ว”
เธอหลุดยิ้มออกมาที่เพื่อนถามราวกับเธอเป็นเด็ก
‘ถ้าเหงาก็โทรมาได้ตลอดนะ’
“ไม่ทำงานหรือไง ถึงว่างรอรับสายฉัน”
นิติพลถอนหายใจราวเบื่อหน่ายมาตามสาย การเป็นลูกชายเจ้าของบริษัท และผลการเรียนไม่ดีนักแต่กลับได้เลื่อนขึ้นจากพนักงานทั่วไปเป็นรองหัวหน้า หัวหน้า จนตอนนี้ได้ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายมาก็ยังต้องพิสูจน์ตัวเอง ทำงานให้มีปัญหาน้อยที่สุด ยังดีที่นิติพลทำงานได้ดีเรียนรู้ได้เร็วต่างจากเวลาเรียนจึงค่อยๆ ลบคำสบประมาทไปได้
“ขอบใจมากนะ”
เธอบอกในสิ่งที่ยังไม่ได้บอกกับอีกฝ่ายในตอนอยู่ด้วยกัน
“ถึงจะลำบากใจหน่อย แต่นายก็พาฉันมาอยู่ในที่ดีๆ อากาศบริสุทธิ์ แล้วก็น่าพักผ่อนมากๆ ฉันรู้สึกสมองโล่งขึ้นเยอะ ไม่ค่อยกลับไปคิดเรื่องเครียดๆ เท่าไร”
‘ดีใจที่รันชอบ’
น้ำเสียงนิติพลดูดีขึ้นอย่างชัดเจน เธอจึงยิ้มกับตัวเอง ไม่อยากให้เพื่อนห่วงจนเกินไปเพราะอีกฝ่ายก็มีงานและชีวิตของเขา ส่วนเธอก็ต้องกลับไปยืนด้วยลำแข้งของตนให้ได้เหมือนเดิมเช่นกัน
คุยกันอีกไม่กี่ประโยคก็วางสาย จากนั้นมิรันตีก็นอนคิดเรื่องงานที่ร้านกาแฟว่าตนจะพูดกับพีรพลดีหรือไม่ อีกอย่างเธอยังไม่แน่ใจว่าสภาพจิตใจของตัวเองพร้อมรับมือกับความกดดันที่ต้องอยู่ใกล้ ชายหนุ่มแทบจะตลอดเวลาได้หรือยัง
ทว่าการเริ่มอะไรใหม่ๆ มีอะไรให้ทำ ให้ต้องใช้ความคิดและสมาธิจดจ่อก็ยังดีกว่าอยู่เฉยๆ สมองว่างจนอาจกลับไปคิดถึงเรื่องไม่ดีได้ มิรันตีพยายามหลีกเลี่ยงภาวะซึมเศร้า เธออยากเข้มแข็งให้ได้ในเร็ววัน
หลังจากนอนคิดนั่นนี่ครู่ใหญ่หญิงสาวก็เผลอหลับไป
เสียงกุกกักที่ดังขึ้นตรงประตูทำให้มิรันตีสะดุ้งตื่นทว่ายังอยู่ในภวังค์กึ่งฝันที่กำลังถูกเงาดำทะมึนไล่ต้อน รอบด้านมืดไปหมด หญิงสาวลุกขึ้นนั่งพร้อมความมึนและปวดหัวทำให้ยังจับต้นชนปลายไม่ได้
ปัง
ประตูเปิดออกกระแทกผนังแม้เสียงไม่ดังทว่าร่างสูงที่เป็นเงาดำปรากฏขึ้นก็ทำเอามิรันตีผวาตกใจกรีดร้องขึ้นทันที
“กรี๊ดดด”
หญิงสาวหลับตาก้มหน้ากุมหัวอย่างไม่รู้จะหนีอย่างไร เธอกลัวบรรยากาศเงียบสงัดกับความมืดสลัว มันเหมือนห้องที่ผู้ชายคนนั้นพยายามดึงเธอเข้าไป มิรันตีกรีดร้องให้คนช่วยไม่หยุดจึงถูกผลักลงพื้นนั่งคร่อมทับ มือหนาตะปบปิดปากหากเธอก็ยังส่งเสียงในลำคอพร้อมดิ้นรุนแรง นั่นทำให้คนร้ายไม่สามารถปิดประตูได้กระทั่งคนอื่นมาช่วยเธอไว้ได้ในที่สุด
“รัน!”
เธอถูกคว้าตัวไปเขย่าและเสียงเรียกก็ทำให้หญิงสาวหยุดชะงักลืมตาจึงเห็นว่าไฟถูกเปิดแล้ว ความสว่างช่วยให้เห็นคนตรงหน้าชัด ใบหน้าคมเข้มที่ละลายใจตนให้ความรู้สึกปลอดภัยในทันใด มิรันตีโผเข้ากอดคออีกฝ่ายอย่างต้องการหนีจากความกลัวที่ฝังลึกในใจ
“พี่พี”
หญิงสาวกอดรัดลำคอหนาแน่นขณะตัวยังสั่นเทา เหงื่อท่วม เพราะความวิตกหวาดกลัวที่ยังฝังใจ มิรันตีมักเปิดไฟทิ้งไว้เสมอหากต้องกลับคอนโดหลังพระอาทิตย์ตกแล้ว ส่วนวันนี้เธอนอนนานเกินไปและผิดเวลาจึงฝันร้าย
ครู่หนึ่งพีรพลก็แกะแขนเธอโดยก่อนหน้านี้เขายืนนิ่งไม่โอบตัวหรือพูดปลอบใจแม้แต่คำเดียว
“รัน ปล่อยได้แล้ว”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบ หากมิรันตีก็จับความรู้สึกได้ว่าไม่พอใจ เธอพยายามสงบสติตัวเองแล้วยอมปล่อยแขนลง เมื่อถอยเล็กน้อยร่างสูงใหญ่ที่โน้มตัวอยู่ก็ผละไปยืนห่างทันที
มิรันตีไม่ชอบท่าทางที่ดูรังเกียจตนของพีรพล ราวเธอฉวยโอกาสกับเขาทั้งที่ความจริงแล้วเธอกำลังกลัวต้องการที่พึ่ง ชายหนุ่มกลับทำเหมือนเธอจ้องจะงาบเขาตลอดเวลาอย่างนั้น
“ถ้าพี่พีไม่พอใจที่รันมาอยู่ที่นี่ก็น่าจะบอกกับน็อตไปตามตรงนะคะ”
พีรพลนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะส่ายหน้าราวเธอพูดเรื่องไร้สาระ
“พี่พีไม่ชอบรันอยู่แล้ว แค่ปฏิเสธหรือบอกน็อตไปตรงๆ ก็ได้นี่คะ จะได้ไม่ต้องลำบากใจกันทั้งสองฝ่าย”
เธอรู้สึกปวดใจกับการแสดงออกของพีรพล เขาตีหน้าเฉยและแทบจะไม่พูดกับเธอนับแต่ก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านเขา และมาตอนนี้ก็ยังแสดงทีท่ารังเกียจไม่ต้องการให้เธอเข้าใกล้ หญิงสาวไม่อยากทนอยู่ในบ้านที่เจ้าของปฏิเสธตนเอง
“รันจะเก็บของ”
บอกแล้วร่างอรชรก็ลุกพรวดขึ้นจะเดินหนีไปจากโซฟาแต่มือหนาฉุดแขนเธอเอาไว้
“นี่ อย่าทำตัวเป็นเด็กได้ไหม ใช้เหตุผลคุยกันสิ”
“รันเป็นเด็กตรงไหนคะ”
เธอหันกลับมาพูดเสียงดังขึ้นอย่างเหลืออด
“พี่พีไม่อยากให้รันอยู่ที่นี่ รันก็จะไป พี่พีก็จบปัญหา”
“แล้วพี่ก็จะมีปัญหากับน็อต”
เขายังเอ่ยน้ำเสียงเช่นเดิม
“แล้วทำไมต้องยอมตกลงด้วยล่ะคะ ยังไงน็อตก็บังคับพี่พีไม่ได้อยู่แล้ว”
“เพราะรันต้องการความช่วยเหลือไง แล้วน็อตก็เป็นห่วงรันมาก เรารู้จักกันมานาน ถึงจะไม่รู้ปัญหาส่วนตัวของรัน แต่น็อตบอกว่ารันต้องพักใจ สภาพจิตใจไม่ค่อยดี ถ้าพี่ปฏิเสธทั้งที่น้องชายขอร้อง น็อตก็คงมองว่าพี่ใจดำ”
มิรันตีไม่รู้ว่าจะหงุดหงิดที่เขาบอกว่าช่วยเพราะมนุษยธรรม หรือรู้สึกดีที่เขาพูดกับเธอยาวขึ้น
“แค่รันไม่ทำเหมือนเมื่อกี้ อยู่ให้ห่างๆ พี่ ต่างคนต่างอยู่ แต่พี่จะทำอาหารเอาไว้ให้ทุกวัน แค่นั้นก็ไม่มีปัญหา”
หญิงสาวกระตุกแขนตนที่เขาจับไว้ออกอย่างแรงทันที
“ค่ะ ขอบคุณมากที่เมตตาให้ที่ซุกหัวนอน ให้อาหารครบสามมื้อเหมือนสัตว์เลี้ยงตัวนึง รันจะเชื่อง อยู่แต่ในที่ของตัวเองไม่เสนอหน้าออกมาให้พี่พีเห็นอย่างที่พี่ต้องการ”
มิรันตีพูดเสียงเครือขณะบังคับไม่ให้ตัวเองน้ำตาไหลออกมา เมื่อครู่นี้เธอตกใจกลัว ไม่ได้เสแสร้งแกล้งอ่อยเขาอย่างที่อีกฝ่ายเข้าใจ
“ไม่เห็นต้องพูดแรงอย่างนี้เลย”
“ก็พีพี่แรงก่อนทำไม พี่พีคิดว่ารันยั่วพี่พีเหรอ”
เธอเสียงดังขึ้นกว่าเดิม แล้วก็เห็นอีกฝ่ายถอนหายใจด้วยท่าทางระอา
“พี่รู้ว่ารันกับน็อตเลิกกันแล้ว...”
“ใช่ค่ะ เราเลิกกันแล้ว แต่เมื่อกี้รันตกใจ รันกลัว รันฝันร้าย รันแค่กลัวไม่ได้ยั่ว ไม่ได้จะกระโดดตะครุบพี่พี เข้าใจไหม”
มิรันตีตะโกนออกมาพร้อมน้ำตาไหลอาบแก้มแล้วสะบัดหน้าวิ่งหนีเข้าห้องตัวเองไป
=====
เฮ้อ…พี่พีเห็นรันเป็นคนยังไงเนี่ย -_-"
ก็อกๆๆเสียงดังด้านนอกไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างอรชรที่นอนฟุบหน้าน้ำตาไหลกับที่นอนสนใจ แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายน่าจะไม่พอใจตนมาก“ถึงจะโกรธกันยังไงก็ออกมากินข้าว ถ้ารันไม่สบายขึ้นมา น็อตจะเป็นห่วง”เหมือนคนพูดเองก็ดูไม่ได้ใส่ใจเธอนัก เขาคงแค่ไม่ต้องการมีปัญหากับน้องชาย บอกแล้วพีรพลก็เงียบไป มิรันตีลุกขึ้นนั่งปาดน้ำตาลวกๆ เหลือบไปยังประตูแล้วสะบัดหน้าหนี“แค่ไม่กินข้าว ไม่ป่วยหรอก ว่ารันทำตัวเป็นเด็ก พี่พีเองก็พูดเหมือนรันเป็นเด็กเหมือนกัน”เธออุบอิบบ่นคนเดียวโดยไม่คิดจะกินข้าว มิรันตีรู้ว่าทำตัวไม่มีเหตุผลแต่ตอนนี้เธอทั้งโมโหทั้งอาย ยังไม่อยากเผชิญหน้ากับพีรพล ขอเวลาพักเว้นระยะกายและใจของตัวเองก่อนเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นและเป็นสายของเพื่อนหนุ่ม พอเธอไม่รับอีกฝ่ายก็ส่งข้อความมาไม่หยุดสุดท้ายเธอก็เปิดอ่าน‘รับสายสิ’‘เรารู้ว่ารันอยู่กับมือถือ’แล้วนิติพลก็โทรมาทันที“ทำไมไม่ออกไปกินข้าว”“พี่พีฟ้องน็อต?”“โทรมาบ่นต่างหาก”“บ่นว่ายังไงล่ะ”มิรันตีเสียงขุ่น หน้างอเมื่อรู้สึกราวถูกนินทาลับหลัง“ก็บ่นว่ารันดื้อ แล้วก็บ่นว่าเราหาเรื่องปวดหัวมาให้”“หึ...เรื่องปวดหัวเหรอ รันไปก็คงหายปวดหัวสินะ”“ไม่ประชด
เวลาเช้าหมอกลงหนา อากาศเย็นชุ่มชื้นน่านอนซุกตัวใต้ผ้าห่มอุ่น แต่มิรันตีอยากออกมาดูยามเช้าของที่นี่ ขุนเขาถูกโอบกอดด้วยสายหมอกขาว ความเขียวขจีชุ่มฉ่ำด้วยน้ำค้างช่วยให้อารมณ์สดชื่นตาม หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดซึมซับอากาศสุดแสนสบายอย่างรู้สึกดีเธอชอบที่นี่แม้มาอยู่ได้ไม่กี่วัน รู้สึกผ่อนคลายไร้กังวล ไร้ความตึงเครียด ยกเว้นเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับพีรพลครู่ใหญ่หญิงสาวจึงกลับเข้าไปอาบน้ำเตรียมตัวจะไปทำงานตามที่คุยกับพีรพลไว้ แม้ชายหนุ่มจะไม่ได้ตกปากรับคำแต่ไม่ได้ปฏิเสธก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรล่ะมั้งออกมาด้านนอกกลิ่นอาหารเช้ากับกาแฟก็เรียกน้ำย่อยในท้องทั้งที่ปกติเธอกินข้าวเช้าสายมากจนใกล้เที่ยง เข้าไปเห็นร่างสูงโปร่งกำลังกินแซนด์วิชกับไข่เจียวไส้กรอกและมีอีกจานไม่ต่างกันวางอยู่ตรงข้าม“ขอบคุณค่ะ”มิรันตีเอ่ยเพียงสั้นๆ แล้วนั่งลงกินโดยไม่พูดอะไรอีก คิดว่า พีรพลคงไม่ได้อยากพูดกับตนนักเมื่อต่างฝ่ายต่างกินอาหารจนเสร็จและเก็บล้างของตนเองเรียบร้อย พีรพลก็เตรียมตัวออกไปทำงานโดยไม่พูดไม่จาแต่มิรันตีก็ตีหน้าเฉยเดินตามไปยังรถและยืนฝั่งด้านข้างคนขับ ชายหนุ่มเหลือบมองเธอก็กลั้นใจสบตาเขาส่งคำถามด้วย
ประกาศเจตจำนงออกไปอย่างนั้นแล้วมิรันตีก็ต้องนั่งประคบมือตัวเองเงียบๆ คนเดียว เพราะพีรพลเดินหนีออกไปโดยไม่พูดอะไร เมื่อทำใจให้นิ่งขึ้นได้แล้วหญิงสาวก็เอาผ้าเช็ดหน้าของชายหนุ่มไปซักตากก่อนกลับไปยังด้านหน้าเคาน์เตอร์“เป็นยังไงบ้าง”เดือนเป็นคนมากระซิบถาม ขณะที่พีรพลชงกาแฟโดยไม่ได้ใส่ใจมอง ทำเอามิรันตีใจแป้วไม่น้อย“ดีขึ้นแล้วล่ะ อีกวันสองวันก็น่าจะหาย”เดือนอายุมากกว่าเธอหนึ่งปี แต่อีกฝ่ายบอกให้คุยเหมือนเป็นเพื่อนกัน“ไว้เดี๋ยวมาลองแก้วใหม่กันนะ”“จ้ะ”มิรันตียิ้มรับ แอบเหลือบไปทางพีรพลอย่างกังวลเดือนก็ลูบไหล่เบาๆ พลางยิ้มบางให้กำลังใจแล้วขยับปากโดยไม่มีเสียง‘คุณพีใจดี ไม่ดุ’เธอได้แต่ยิ้มเจื่อน พลางคิดในใจว่าพีรพลใจดีกับทุกคนยกเว้นเธอยามเย็นหลังปิดร้านเดือนเห็นว่าเธอขึ้นรถกลับกับพีรพลก็ดูงุนงง ชายหนุ่มไม่มีทีท่าใด ทว่ามิรันตีกลับหน้าร้อนขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็คิดว่าเธออยู่บ้านเดียวกับพีรพลจริง แถมยังพยายามจะจีบเขาอยู่ด้วยจะอายคนมองทำไมแต่ถึงอย่างนั้นพีรพลก็ไม่เอ่ยอะไรกระทั่งถึงบ้าน มิรันตีพยายามกุลีกุจอช่วยชายหนุ่มทำอาหารมือเย็นทั้งที่เห็นชัดเจนว่า อีกฝ่ายแสดงสีหน้าเย็นชาตลอดเวลา“รันช่
“กลัวจะชอบรัน”พรีพลชักสีหน้าทว่ามิรันตีจ้องเขาอยู่แล้วจึงขยับประชิดและก่อนที่ชายหนุ่มจะถอยเธอก็รีบเขย่งปลายเท้าขึ้นคว้าโอบลำคอหนาเอาไว้“รัน”“พี่พีจะบอกว่าไม่สนใจรันสินะคะ”“ปล่อยพี่”มิรันตีกอดคอเขาแน่นขึ้น ทำให้อีกฝ่ายหาทางผลักไม่ได้“พี่พีตัวร้อนจังค่ะ”เธอเงยหน้ากระซิบใกล้ริมฝีปากได้รูปเสียงแผ่ว“รันทำให้พี่อึดอัด ปล่อย”“อึดอัดหรือกลัวหวั่นไหว ยั้งใจตัวเองไม่อยู่กันแน่คะ”ความจริงมิรันตีก็ไม่ได้มั่นใจเท่าไรนัก แต่ไม่ลองก็ไม่รู้อย่างที่นิติพลบอก กับพีรพลแล้วมิรันตียินดีทุ่มหมดหน้าตักเพื่อให้เขาหันมาสนใจตนเอง“พี่ไม่ได้คิดอะไร ทำไมต้องหวั่นไหว”“ไม่หวั่นไหวจริงเหรอคะ”เธอจงใจขยับเข้าไปเบียดเขาอีกหน่อยทั้งตัว ขณะหัวใจเต้นระรัวขึ้นกับความใจกล้าของตัวเอง“งั้นจูบรันได้ไหมคะ”พร้อมถามก็เลื่อนริมฝีปากไปใกล้มากขึ้น แต่พีรพลเอนหนีก่อนเธอจะแตะแล้วยกมือขึ้นแกะมือเธอหลังคอเขา“พูดอะไรอย่างนี้ รันเป็นผู้หญิงนะไม่อายหรือไง ปล่อยพี่ได้แล้ว”“รันชอบพี่พีนี่นา ไม่ใช่แค่ชอบ รักต่างหาก รันตกหลุมรักพี่พีตั้งแต่ตอนที่ไปติวให้น็อต พี่พีอย่าใจร้ายกับรันเลยนะคะ เลิกทำเย็นชาใส่รันได้ไหม”มิรันตีสารภาพเ
เมื่อคืนที่ผ่านมามิรันตีร้องไห้ครู่ใหญ่กว่าจะผละห่างจาก ชายหนุ่มแล้วพึมพำบอกเขา‘ขอโทษที่ทำให้ยุ่งยากใจค่ะ’จากนั้นก็รีบปาดน้ำตาทิ้งแล้วลุกขึ้น หันหน้าหลบเลี่ยงแม้รู้สึกได้ว่าพีรพลเหมือนจะพูดบางอย่างแต่เธอไม่ต้องการฟังคำปลอบให้ยิ่งรู้สึกดีกับเขา ชายหนุ่มจึงออกไปจากห้องของเธอ ต่อจากนั้นมิรันตีก็ร้องไห้ได้อย่างเต็มที่จนกระทั่งหลับไปเช้านี้หญิงสาวไม่ได้ตื่นเร็วเช่นเมื่อวาน เธอปวดหัวและตาบวมหากก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำเพื่อไปทำงานอย่างตรงต่อเวลา กินอาหารที่ พีรพลทำเผื่อแล้วช่วยเก็บล้างอย่างเรียบร้อย“ทายาที่มือหรือยัง”เป็นประโยคแรกที่ชายหนุ่มพูดกับเธอก่อนจะออกรถ“ทาแล้วค่ะ”“ล้างจานไปแล้ว ทาใหม่ดีกว่านะ พกยามาด้วยไหม”มิรันตีไม่ได้ตอบแต่ก็หยิบหลอดยาในกระเป๋าออกมาทา ชายหนุ่มเหลือบมองเล็กน้อยแล้วออกรถราวหมดเรื่องพูดคุย ขณะที่หญิงสาวเม้มริมฝีปากยับยั้งจิตใจที่อ่อนไหวของตน ย้ำกับตัวเองว่า พีรพลไม่ได้สนใจเธอ เขาเพียงแค่ช่วยนิติพลดูแลเธอให้ดีตามที่อีกฝ่ายฝากฝังไว้“ทำไมตาบวมจัง”เดือนแอบถามเสียงเบาขณะช่วยกันทำความสะอาดร้าน ในตอนแรกที่เจอหน้าอีกฝ่ายถามเพียงว่ามือเป็นอย่างไรบ้างเพราะพีรพลอยู่ด้วย“ไหวห
“ไม่เป็นไรค่ะ”เธอบอกเสียงเบาแล้วรีบวางสาย ที่แท้พีรพลก็ไปส่งผู้หญิงคนนั้นก่อนนี่เอง คงเพราะฝนตกนั่นแหละ และหากไม่พอใจกันมีหรือจะเป็นห่วงจนต้องไปส่ง ที่เขาไม่สนใจเธอเพราะมีคนที่ถูกใจอยู่แล้ว มิรันตีพยักหน้าอย่างเข้าใจถ่องแท้พลางยิ้มอย่างเจ็บปวดในหัวใจอย่างน้อยก็ได้รู้ว่าตัวเองมองคนไม่ผิด พีรพลเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง เมื่อมีคนที่ใช่อยู่ในใจก็ไม่มองผู้หญิงคนไหนน้ำตาร้อนไหลลงอาบแก้มขณะทอดสายตามองสายฝนเม็ดหนา รอไปก็คงอีกนานเมื่อคนรักอยู่ด้วยกันย่อมไม่คิดถึงคนอื่น ความปวดร้าวในอกทำให้มิรันตีก้าวเดินออกจากหน้าร้าน ฝนเย็นจัดพร่างพรมคงพอช่วยสะกดความเสียใจของตัวเองได้‘รันต้องลืมพี่พีให้ได้แล้วจริงๆ สินะ’เจ้าของร่างอรชรเดินกลางฝนไปยังเส้นทางมุ่งสู่ด้านหน้าไร่ ไม่รู้ว่าจะเดินไปถึงเมื่อไรแต่เธอไม่อยากรอ เธออยากหันหลังให้พีรพล ไม่อยากพึ่งพาหรือยุ่งเกี่ยวกันอีกเพราะเหม่อลอยกับความปวดใจมิรันตีจึงไม่สนใจมองทางนักแล้วก็บังเอิญสะดุดล้มเข่ากระแทกได้แผล ร่างอรชรดันตนเองลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าราวไร้เรี่ยวแรง เธอไม่ได้เหนื่อยแต่ไม่มีกำลังใจมากกว่า ลุกขึ้นเดินอีกครั้งก็ก้าวเท้าช้าๆ ไปเรื่อยๆปริ้นๆแสงจาก
พีรพลขับรถกลับมายังร้านขณะฝนตกหนัก เห็นร้านปิดเงียบไม่มีคนก็แปลกใจ แม้เดือนอาจจะกลับก่อนแต่มิรันตีก็ควรยังอยู่ที่ร้าน ชายหนุ่มหยุดรถแล้วหยิบโทรศัพท์ตนที่ชาร์จอยู่มาดู เห็นว่าสายที่เพิ่งโทรเข้าก่อนหน้านี้เป็นสายของมิรันตี ซึ่งเขาฝากให้กัญญารับสายเพราะกำลังขับรถไปส่งอีกฝ่ายที่บ้านพัก มอเตอร์ไซค์ของหญิงสาวสตาร์ตไม่ค่อยติดบ่อยๆ จึงเอาไปให้ที่ร้านดู แล้วก็เห็นว่าฝนจะตกเขาจึงอาสาไปส่งเจ้าตัวตอนนั้นกัญญาบอกว่าคนโทรมาไม่ได้ฝากบอกอะไร และเขาก็ไม่ได้มองโทรศัพท์จึงไม่รู้ว่าเป็นสายของใครพีรพลกดโทรหามิรันตีแต่กลับเป็นฝากข้อความ“อะไร แบตหมดเหรอ”ชายหนุ่มบ่น แต่ถึงจะแบตหมดก็รอเขาอยู่ที่นี่ได้ ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่อยู่ จากนั้นเขาก็โทรไปถามเดือน‘เดือนออกมาก่อนเพราะกลัวว่าฝันตกแล้วจะขี่มอ’ ไซค์ลำบากน่ะค่ะ แต่ตอนออกมารันก็อยู่ที่ร้านนะคะ’ผู้ช่วยสาวบอกนั่นทำให้พีรพลยิ่งงง‘รันบอกว่ารอคนเดียวได้ เดือนก็เลยมาก่อน’เจ้าตัวย้ำมาอีกราวกับรู้สึกผิดที่เขามาแล้วไม่เจอมิรันตี“ผมเข้าใจ แต่แปลกใจที่รันไม่อยู่ที่ร้าน งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ”พีรพลบอกให้อีกฝ่ายไม่ต้องคิดมาก ส่วนเขาเองก็เริ่มกังวลใจ มิรันตีไม่รู้จักใ
‘อย่านะ’“เอามา”มิรันตีเลื่อนมือหนีไม่ให้อีกฝ่ายคว้าโทรศัพท์ได้ แล้วก็ตั้งใจทำหลุดมือหล่นลงไปด้านล่าง“รันจัง!”อีกฝ่ายคำราม เขาบีบมือบนข้างแก้มเธออย่างแรง แม้จะมีผ้าอยู่ก็ยังรู้สึกเจ็บ อาจจะเพราะถูกฟาดก่อนหน้านี้ด้วย มิรันตีสะอื้นเบาๆ พร้อมน้ำตาไหลอย่างห้ามไม่อยู่ สีหน้าคมสันดูคุกคามมากขึ้นทั้งเขายังกวาดมองเธอทั้งตัว แต่พอมองหน้าแล้วก็ทำท่าทางเสียอกเสียใจ“คนสวย ไม่ต้องกลัว ผมไม่ได้จะทำร้ายคุณเลย ผมแค่ดีใจที่เจอคุณ”น้ำเสียงกับคำพูดที่ราวใจดีของเขายิ่งทำให้เธอขวัญผวา“แล้วผมก็ไม่ชอบเลยที่คนพวกนั้นพิมพ์ข้อความแซวคุณ จีบคุณ”เสียงคมสันเริ่มเข้มขึ้น“ผมหวงรันจัง เพราะคุณเป็นของผมคนเดียว”เขาพยักหน้าและยิ้มอย่างมีความสุข มือหนาลูบแก้มที่ยังมีผ้าผูกปิดอยู่“ทันทีที่เห็นคุณที่คาเฟ่ ผมก็รู้ว่ามันคือพรหมลิขิต คุณกับผมเกิดมาเพื่อกันและกัน”เธอส่ายหน้าไปมาพลางเอียงหนีมือเขา แต่อีกฝ่ายก็บีบล็อกหน้าเธออีกครั้ง มิรันตียกมือผลักร่างหนาอย่างแรง ทำให้เขาผงะห่างเพียงเล็กน้อย คมสันจับมือเธอยกขึ้นฉับพลันจนต้องหลุดร้องเพราะความเจ็บอยู่ในลำคอ“ดูสิ ข้อมือเล็กเรียวของรันจังมีรอยขูดจนช้ำเหมือนที่ผมจินตนากา
“ต่อจากเมื่อวานกันนะครับ”เอ่ยจบชายหนุ่มก็จูบซับกลีบปากอิ่ม เม้มแรงทั้งบนล่าง ปลายลิ้นอุ่นซอกแซกไล้ไปมาจนสามารถเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเธออย่างเร่าร้อนมือหนาบีบเคล้นทรวงอวบที่ยังมีผ้าลูกไม้เกาะครึ่งเต้าทรวงก่อนปลายนิ้วแกร่งจะไล้ผ่านเนินขาวขึ้นไปเกี่ยวสายเส้นเล็กลงจากไหล่บางปล่อยสองทรวงอวบใหญ่ให้เผยต่อตา ใบหน้าคมคายซุกไซ้สูดกลิ่นกายสาวปะปนสบู่เหลวหอมสดชื่น เม้มผิวอ่อนบางตรงซอกคอแล้วไซ้ลงมาหายอดอกสีหวาน เบียดแก้มสากเสียดสีกระตุ้นเร้ากายสาว และเขาก็อยากสัมผัสอกอวบคู่งามที่สุดสำหรับตนให้เนิ่นนานปากอุ่นจัดขยับเม้มยอดทรวงราวหยอกเย้าจนชูช่อโดดเด่นทั้งสองข้าง ก่อนรวบก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นเข้าอุ้งปากตน ดูดดื่มเบาแล้วเพิ่มแรงขึ้นจนหญิงสาวครวญคราง มือบางขยุ้มผมเขาหากพีรพลไม่ได้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใดชายหนุ่มไม่ได้ปลุกเร้าเพียงอกสาว เขาส่งมืออีกข้างสอดผ่านกางเกงขายาวเนื้อหนาของมิรันตีเข้าไปลูบโลมความสาวบอบบาง แล้วยังเคลื่อนเข้าไปแตะต้องจนถึงเนื้อใน ปลายนิ้วลากไล้ก่อนจะรุกรานอย่างย่ามใจเพราะขาเรียวสองข้างขยับกว้างเปิดทางอย่างไม่ต้องบังคับหรือบอกกล่าวมิรันตีครางเสียงเครือรับการปรนเปรอจากนิ้วแกร่ง แล
ประตูห้องเปิดผลัวะออกอย่างแรงพร้อมกับหมอนกระแทกเข้าใส่หน้าเขาเต็มๆ ทำเอานิติพลหน้าหงาย แต่ก็รับหมอนไว้ได้ก่อนหล่นลงพื้นพร้อมกับมองหน้าพี่ชายด้วยความงุนงง ทว่าพอเหลือบไปด้านหลังแล้วเห็นเจ้าของร่างอรชรรีบเดินตามมาใกล้พี่ชายที่ตีหน้ายักษ์ใส่เขาอยู่ก็เข้าใจได้ทันที“เอ่อ ผมไปนอนโซฟาข้างนอกก็ได้”เขาบอกพร้อมสีหน้ารู้สึกผิดมิรันตีรีบแทรกมายืนด้านหน้าพีรพลพลางยิ้มเจื่อนส่งสายตาขอโทษเพื่อนแล้วบอกสิ่งที่ตนตั้งใจในตอนแรก“ฉันแค่มาเช็กว่าพี่พียังมีไข้หรือเปล่าน่ะ แล้วก็จะกลับแล้ว”“เหรอ เช็กจนผมยุ่งไปหมดเลยเนอะ โอ๊ะ...”ร่างโปร่งของนิติพลผงะเซไปด้านหลังก้าวหนึ่งเพราะพี่ชายแอบยกเท้ามายันขา แล้วก็เป็นจังหวะให้มิรันตีรีบแทรกออกไปเมื่อมีพื้นที่ หญิงสาวก้มหน้างุดไม่มองใครอีก คนเป็นเพื่อนมองตามแล้วก็ถอนหายใจหันกลับมาก็เจอเข้ากับสายตาดุเข้มของพี่ชาย“นอนข้างนอกไปเลย”“โธ่พี่ ล้อเล่นนิดเดียว ไม่คิดว่ารันจะอายขนาดนี้”“น้องเวร เป็นเพื่อนยังไงวะ”“ขอโทษครับพี่”“ไปขอโทษรันโน่น”นิติพลหน้าซีด พลางส่ายหน้า“ตอนนี้รันงอนอยู่ เอาไว้พรุ่งนี้ใจเย็นก่อนดีกว่า”เขารู้ว่าควรง้อเจ้าตัวและเอาอกเอาใจเมื่อไร มิรันตีไ
เพราะเจ็บไม่น้อยวัชพลจึงให้พีรพลไปหาหมอที่อนามัยใกล้ๆ และกลับบ้าน แล้วให้กัญญาเฝ้าร้านกับเดือน เนื่องจากรู้ว่ามิรันตีก็ต้องตามไปดูแลเขากลับมาถึงบ้านหลังจากทำแผลที่สถานีอนามัยมิรันตีก็ประคองชายหนุ่มมานั่งที่โซฟาแล้วไปเอาน้ำมาให้เขา เธอพยายามเก็บอาการน้ำตาซึมกับสีหน้าที่เหมือนจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลาของตัวเองเอาไว้อย่างที่สุด แต่เมื่อชายหนุ่มดื่มน้ำแทบไม่ได้ แม้แต่จับแก้วยังลำบากเธอก็น้ำตาไหลจนได้“โธ่ พี่พี”ปลายนิ้วเรียวแตะโหนกแก้มช้ำกับมุมปากที่แตกของชายหนุ่มแล้วเลื่อนมือลงมาจับมือหนาที่แตกทั้งสองข้างขึ้นดู“เจ็บมากสินะคะ”พีรพลหัวเราะในลำคอเบาๆ พลางยิ้มอ่อนเธอจึงหน้างอ“ยังจะหัวเราะอีก รันตกใจแค่ไหนรู้ไหมคะ ที่เห็นคุณแก้มพยุงพี่พีเข้ามาร้านในสภาพนั้น”หญิงสาวเสียงเครือแล้วก้มหน้าร้องไห้ น้ำตาหยดลงบนมือหนาถูกแผลทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งเบาๆ เพราะแสบแต่ก็ทนได้ ทว่าเขาไม่อยากให้เธอร้องไห้ พีรพลจึงเป็นฝ่ายเปลี่ยนมาประคองใบหน้าเรียวสวยเงยขึ้นเกลี่ยนิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้“ทำเพื่อรัน เจ็บตัวนิดๆ หน่อยๆ พี่ทนได้”“นิดหน่อยที่ไหนกันคะ”“เอาน่า อย่างน้อยพวกนั้นก็จะไม่มาเหยียบที่ไร่ดิฐวัฒน์อีก”มิรันตีม
“มึงคิดว่ามึงแน่เหรอ ฮะ!”หนึ่งในนั้นตะโกนขึ้น“มึงกล้ามีเรื่องกับลูกค้าอย่างพวกกูเหรอ”อีกคนพูดเสียงดังตรงจุดนี้เป็นส่วนที่คนเข้ามาถึงน้อยเพราะจัดเอาไว้อย่างเฉพาะ ซึ่งไม่ไกลจากที่จอดรถของพีรพลนัก และเวลานี้ก็ไม่มีคนอื่นมาสูบบุหรี่“เออ กูจะเอาให้พวกมึงไม่กล้าเห่าหอนถึงผู้หญิงเสียๆ หายๆ ได้อีก”พีรพลสวนกลับอย่างไม่กลัว“มึงมาเสือกอะไรวะ หรือว่า...”คนพูดกระตุกยิ้มมุมปาก“นั่นเมียมึง”ไม่ต้องอธิบายก็รู้ว่าอีกฝ่ายพูดถึงใคร พีรพลกระโดดยกขาเข้าไปหาในทันใดและมันก็กระโดดหลบ ขณะที่เพื่อนทั้งสองคนที่เหลือรีบเข้ามารุมจับเขา ชายหนุ่มสลัดออกก่อนหันไปต่อยอีกคน แต่ก็ถูกถีบสีข้างจนเกือบล้ม แล้วก็มีคนตามมากระชากไหล่ไปต่อยการเตะต่อยสามรุมหนึ่งเป็นไปอย่างชุลมุน พีรพลโดนทั้งถีบทั้งต่อยไปหลายครั้ง หากเขาก็เหวี่ยงหมัดเอาคืนทั้งสามไปอย่างไม่หยุดหย่อนราวเรี่ยวแรงไม่หดหาย ครู่หนึ่งจึงมีคนเข้ามาห้ามซึ่งเป็นวัชพลกับคนงานในไร่อีกสองคน“หยุดได้แล้ว”วัชพลเสียงเข้ม เข้าไปกระชากหนึ่งในลูกค้าล็อกแขนไว้ คนงานอีกสองคนก็จับสองคนที่เหลือ“ปล่อยสิวะ”แม้จะไม่มีใครยอมแต่เพราะทั้งเจ็บตัวทั้งอ่อนล้าทำให้สลัดวัชพลกับคน
‘แกคิดว่าแม่เห็นแกเป็นเครื่องผลิตเงินหรือไง’เมื่อไปรับมารดาที่บ้าน มิรันตีก็ขอโทษและท่านก็เอ่ยมาราวประชด แต่ก็ไม่ได้มีทีท่าโกรธเคืองเธอ ทั้งยังพูดกับพีรพลด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้น ไม่ได้ซักหรือถามไถ่เรื่องงานอีก ทว่าหลังจากมาติกาออกจากโรงพยาบาลในวันถัดมา ก่อนจะลากลับมารดากลับพูดในสิ่งที่ทำให้เธอถึงกับน้ำตาซึม‘ฝากรันด้วยนะคะ เด็กคนนี้ชอบทำเป็นเก่ง แต่ยังไงก็ต้องมีคนดูแล’หลายเดือนผ่านไป มิรันตีได้ฝึกชงกาแฟกับชาและเครื่องดื่มอื่นๆ เพิ่มอีกหลายเมนูจนคล่องแคล่ว แต่บาริสต้าหลักยังเป็นพีรพลและเดือนเป็นผู้ช่วย ส่วนเธอนั้นทำเมนูที่ไม่ยุ่งยากหลายขั้นตอน อีกอย่างที่นี่ก็มีเค้กที่ทำเองด้วย ซึ่งอุปกรณ์ครบพร้อมอยู่ด้านใน ส่วนนี้เดือนจะเป็นผู้ทำโดยมีเธอช่วย และเดือนก็รู้ถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพีรพลดี‘ก็พอจะมองออกน่ะนะ’อีกฝ่ายยักไหล่พร้อมบอกอย่างไม่แปลกใจเมื่อเธอสารภาพกับเจ้าตัวหลังกลับจากกรุงเทพฯ ในเมื่อที่บ้านเธอเกิดเรื่องแต่ชายหนุ่มกลับตามไปด้วยอย่างไรก็ดูน่าแปลกวันนี้เป็นวันหยุดยาวนักขัตฤกษ์ในไร่จึงมีนักท่องเที่ยวค่อนข้างคึกคัก และนิติพลก็บอกว่าจะมาเยี่ยม แต่เขาจะมาวันพรุ่งนี้เพราะใช้เวลากับคน
ร่างอรชรถูกปล่อยลงใกล้เตียงนอนและชายหนุ่มก็กอดจูบลูบไล้เรือนกายนุ่มละมุน พร้อมปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอไปด้วย มิรันตีเองก็ดึงชายเสื้อชายหนุ่มจากเอวกางเกง ร่างสูงโปร่งถอยห่างเล็กน้อยจัดการกับชุดของเธอจนเหลือเพียงซับในสองชิ้นเขาก็ถอดเสื้อตนออกอย่างรวดเร็ว แล้วโอบพาเธอลงไปนอนบนเตียงมือหนาลูบแก้ม ไล้ปลายนิ้วโป้งบนกลีบปากอิ่ม ก่อนจะลากมือระเรื่อยผ่านลำคอบางมาถึงเนินอวบขาว ปัดป่ายเย้ายวนใจพร้อมริมฝีปากได้รูปประกบกับกลีบปากอิ่มที่เห่อแดงด้วยฤทธิ์จูบก่อนหน้านี้มิรันตีเปิดรับเมื่ออีกฝ่ายส่งลิ้นเข้ามาเกี่ยวรัดพัวพัน รับรู้ได้ถึงมือหนาเกาะกุมอกอวบเคล้นคลึง ขณะเดียวกันต้นขาแกร่งก็แทรกกลางร่างเสียดสีเร้าอารมณ์อย่างเร้าใจทำเอาเธอเกร็งไปทั้งตัวดื่มด่ำกับจูบหวานลึกซึ้งแล้วปากอุ่นก็ค่อยเคลื่อนแตะแผ่วพรมทั่วลำคอขาว ซุกซบดอมดม เม้มผิวอ่อนจนแดงเรื่อแล้วจึงไต่ลงต่ำจูบซับเนินอกสองข้าง และเริ่มปลดตะขอเปิดปลือยเต้าทรวง ความกลมกลึงอวบใหญ่กับยอดอกสีหวานชวนลิ้มลองปรากฏต่อหน้า ใบหน้าคมคายก็ถูไถจนได้ยินเสียงหวานครางผะแผ่ว“รันสวยที่สุด”ชายหนุ่มพึมพำแล้วไล้ลิ้นระรัวเหนือยอดอกสีหวานที่ชูชันตื่นตัวเต็มที่และย้ายไ
“ทำไมจะพูดไม่ได้ ฉันเป็นแม่แก คนเป็นแม่ก็ต้องช่วยลูกดูสิว่าผู้ชายจะเลี้ยงดูเราได้ไหม พาเราอยู่ด้วยกันได้ไปตลอดชีวิตไหม”“พอเถอะแม่”เธอพยายามตัดบทเมื่อเห็นว่ามารดายังพูดถึงพีรพลในแง่ไม่ดี แต่ท่านกลับหันไปบอกกับเขา“บอกตามตรงนะคะคุณ ฉันไม่คิดว่างานของคุณจะไปรอด ลองไปสอบข้าราชการดูไหมคะ อายุอาจจะเยอะไปหน่อย แต่ใต้โต๊ะก็น่าจะพอไหวนะคุณ ซื้อความมั่นคงให้ตัวเองกับครอบครัว น้าเองอยากให้รันมันทำจะแย่ แต่มันก็ไม่ทำ มัวถ่ายอะไรไร้สาระก็ไม่รู้”มิรันตีเผยอปากค้างที่มารดาตนล้ำเส้น เธอจับมือพีรพลทันทีด้วยห่วงความรู้สึกของเขา“แล้วนี่ยังพากันไปทำร้านกาแฟอีก โถ...จะเอาอะไรกินกันคะ”“งานราชการที่แม่อยากให้ทำนักหนาน่ะ เงินเดือนเท่าไรคะ”มารดาของเธออึกอักเล็กน้อยและเหมือนจะพูดบางอย่าง“ถึงจะมั่นคง แต่ก็ต้องเกษียณอยู่ดี แล้วจะทำอะไรหลังจากนั้นล่ะคะ คิดใหม่เริ่มใหม่ตอนอายุเยอะแล้วไม่ใช่ง่ายๆ นะคะ”“ยังไงก็มั่นคง มีสวัสดิการเยอะแยะ มีเงินหลังเกษียณ”“ก็ใช่ค่ะ รันยอมรับว่ามั่นคง ไม่ต้องกังวลตอนอายุมาก แต่รันขอร้อง อย่าดูถูกงานที่พี่พีทำ งานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และคุณค่าก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของตัวเรา ไม่ใ
‘เร็วๆ นะลูก แม่ทำอะไรไม่ถูกเลย น้องบอกว่าปวดท้องมาก แต่หมอกับพยาบาลบอกให้รอผลตรวจกับรอดูอาการ’มิรันตีบอกกับพีรพลว่าขอกลับกรุงเทพฯ หลังจากเปิดร้านได้ไม่ถึงชั่วโมงเพราะมารดาโทรมาบอกว่ามาติกาน้องสาวของเธอปวดท้องมากจนต้องไปโรงพยาบาล และท่านได้รู้จากเพื่อนร่วมงานจึงรีบตามไป แต่ก็ไม่รู้อะไรมากเธอไม่ได้บอกมารดาเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ท่านจึงไม่รู้ว่าเธอมาอยู่ที่อื่นแล้ว“พี่ไปด้วย”ชายหนุ่มถอดผ้ากันเปื้อนหลังหยุดคิดเพียงเล็กน้อย“แล้วร้านล่ะคะ”“พี่จะขอคุณวัช ฝากให้บัญชีของไร่มาดูแลแทนวันสองวัน”“จะดีเหรอคะ”“แต่ละเดือนจะมีวันหยุดที่พี่กับเดือนสลับกัน แล้วผู้จัดการไร่ก็จะให้คุณรินคนดูแลบัญชีกับคุณแก้มมาดูแทนอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นใครสะดวก แต่เพราะแบบนี้พี่ถึงปรึกษานายว่ารับคนมาช่วยเพิ่มดีกว่า หยุดคนนึงก็ยังมีอีกสองคนคอยรับลูกค้า”“ถ้างั้น รันมาอยู่ก็เหมือนไม่ได้ลดภาระน่ะสิคะ”มิรันตีรู้สึกว่าตัวเองหาเรื่องวุ่นวายมาให้พีรพล เพราะหากเขากับเธอไปไหนมาไหนด้วยกัน ก็ไม่ต่างจากเดิมเลย ทว่าชายหนุ่มก็เพียงยักไหล่“เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยว่ากัน ตอนนี้มีเรื่องฉุกเฉิน พี่ไม่อยากให้รันไปคนเดียว”พี
มิรันรันตีหอบแรง รู้สึกเหมือนไฟสุมทั่วกาย เหงื่อท่วมตัว แต่ยิ่งพีรพลขยำหน้าอกด้วยมืออุ่นกระด้าง อีกข้างยังเคล้นสะโพก และดื่มกินยอดทรวงข้างที่เหลือเต็มปากเต็มคำเธอยิ่งอารมณ์กระเจิง แม้จะรู้สึกเหนื่อยหากกลับโหมสะโพกห่มลงหากายแกร่งถี่รัวมากขึ้น แล้วก็เป็นตนเองที่สะดุ้งเฮือกทั้งตัว พิษรักแล่นปราดทะยานสูงในกายทำเอาเป็นฝ่ายถึงฝั่งฝันก่อนชายหนุ่มมือบางวางเกาะเกี่ยวบ่าหนาขณะร่างอรชรทรุดฮวบ ใบหน้าเรียวสวยซุกลงซอกคอหนาและได้ยินเสียงหัวเราะเข้มต่ำในลำคอ อีกฝ่าย“ปล้ำพี่ แต่หมดแรงก่อนซะงั้น”พีรพลเย้าคนที่ตัวอ่อนราวไร้กระดูก ต้องซุกซบเขาเป็นที่พึ่ง“หลอกให้อยากแล้วจากไปเหรอ หืม?”“เปล่าค่ะ”มิรันตีที่ยังอยู่ในภวังค์ซาบซ่านทั้งกายใจรีบบอก เธออยากทำให้พีรพลมีความสุขด้วยแต่ยังอ่อนแรงขยับตัวแทบไม่ไหว หญิงสาวพยายามจะโยกไหวร่างกายต่อ ทว่ากลับถูกชายหนุ่มยกตัวขึ้น“อุ๊ย”เขาจับเธอให้นั่งหันหลังซ้อนตัก ทำเอามิรันตีเลิ่กลั่กกระทั่งสองกายหลอมรวมอีกครั้งเพราะชายหนุ่มจัดการเธอจึงเอนกายพิงอกหนาเพราะเนื้อตัวอ่อนระทวย พร้อมกับที่ชายหนุ่มกระทั้นเบียดชิดมาหา และอาการหวามลึกกลับมาพร่าผลาญเธออีกครั้งชายหนุ่มฝังริมฝ