แชร์

อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย
อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย
ผู้แต่ง: Abyssgloom

ตอนที่ 1 กุหลาบใต้สายลมหนาว

ผู้เขียน: Abyssgloom
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-24 20:44:21

เสียงกังวานของกระดิ่งทองหน้าคฤหาสน์วาเรนไฮม์ดังขึ้นท่ามกลางสายลมเย็นที่พัดผ่านสวนกุหลาบสีแดงสด

ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่หน้าประตูใหญ่ ร่างกายในชุดคนรับใช้ฝึกหัดดูขัดกับท่วงท่าที่เคยสง่างามในอดีต ผมสีน้ำตาลที่เคยเรียบลื่นถูกลมพัดจนยุ่งเหยิง ใบหน้ามีร่องรอยอิดโรย จากการทำงานหนักตลอดเวลาที่ผ่านมา เสียงเข้มจากหัวหน้าคนรับใช้ดังขึ้นอย่างเย็นชา

"เข้าไป อย่าให้คุณหนูแคทลีนรอนาน" พูดเสร็จ ชายคนนั้นก็เดินหายเข้าไปในมุมอาคาร เขาสูดลมหายใจลึก เตรียมตัวก่อนจะก้าวเข้าไปในคฤหาสน์ที่ครั้งนึงมันเคยเป็นของเขา

เมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องรับรองหลัก แคทลีน วาเรนไฮม์ นั่งอยู่บนเก้าอี้ผ้าไหมสีงาช้าง มือเรียวของเธอกำลังถือแก้วน้ำชาพร้อมจิบเบาๆ เธอมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่เคยเต็มไปด้วยความห่วงใย บัดนี้กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความเฉยชาดังเช่นทุกวัน

"มาสายนะ" เธอเอ่ยเสียงเรียบ

เขาก้มศีรษะขอโทษ "ขออภัยครับคุณแคทลีน งานเมื่อคืนใช้เวลา ทำให้ตื่นสายครับ"

แคทลีนเลิกคิ้ว "งานเมื่อคืน? ก็แค่กวาดพื้นหลังงานเลี้ยง ไม่ได้ไปสู้กับอะไรสักหน่อย ทำอะไรชักช้าไปได้"

เธอวางแก้วชาลงบนโต๊ะ ก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้ทำท่าเหมือนไม่สนใจคำตอบ

ชายหนุ่มเงียบกริบ เขาคุ้นเคยกับคำพูดลักษณะนี้จากเธอในช่วงตลอดเวลาที่ผ่านมา คำพูดที่แสนเย็นชาไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเท่าไหร่ แต่ภายในใจกลับรู้สึกมีบางอย่างสึกกร่อนลงไปมากขึ้น

"วันหนึ่ง ฉันจะเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดเพื่อที่จะอยู่เคียงข้างคุณ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม ฉันสัญญา"

ชายหนุ่มนึกถึงคำสัญญาในอดีต ที่บัดนี้ ดูเหมือนจะเลือนลางตามกาลเวลาที่ผ่านไป เด็กสาวในตอนนั้น ไม่ได้ไร้เดียงสาอีกต่อไปแล้ว

หญิงสาวลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ เธอเดินตรงไปหยุดตรงหน้าเขา ร่างบางในชุดเดรสผ้าไหมสีขาวดูสง่างาม

"วันนี้มีงานจัดเลี้ยง นายต้องดูแลความเรียบร้อยในสวน อย่าทำให้พวกเขาไม่พอใจ"เขาพยักหน้ารับคำ แม้ในใจจะรู้สึกเหมือนถูกลดทอนคุณค่าลง

“ครับ คุณแคทลีน”

หญิงสาวเดินออกจากห้องไปทันที เธอทิ้งเขาไว้ทั้งอย่างนั้น โดยที่ไม่แม้แต่จะชายตามองกลับมา

ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็กลับมาดูแลสวนกุหลาบซึ่งเป็นหน้าที่หลักที่เขาต้องรับผิดชอบ เสียงคนรับใช้จากตระกูลอื่นดังขึ้น ในขณะที่เขากำลังทำงานอยู่

"นี่ ดูสิ ไอ้คนที่เคยเป็นถึงอัศวิน ตอนนี้กลายเป็นคนรับใช้ไปซะแล้ว"

"แต่ก็สมแล้วล่ะ ตระกูลของมันก็ล่มสลายไปแล้ว ครอบครัวก็ลี้ภัยกลับประเทศตัวเอง แต่มันยังจะหน้าด้านเสร่ออยู่ต่ออีก"

ชายหนุ่มยังคงทำงานภายใต้เสียงนินทาเหล่านั้นต่อไป แม้ว่าจะได้ยินคำเหล่านั้นชัดเจน ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา มันทำให้เขาชินชากับคำพูดเหล่านั้นไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ความไม่พอใจก็ถูกเก็บสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ

“นี้ฉันกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย?”

เขาได้แต่คิดในใจ ความรู้สึกที่เคยมั่นคง บัดนี้กลับรู้สึกเหมือนมันใกล้จะพังทลาย ชายหนุ่มทำงานอยู่เพียงลำพัง เป็นเวลาหลายชั่วโมง จนกระทั่งงานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้น

ความคึกคักภายในคฤหาสน์พึ่งจะเริ่มต้นขึ้น แต่สำหรับเขา มันกลับรู้สึกยาวนาน

งานเลี้ยงกำลังดำเนินไปอย่างเรียบร้อย แขกเหรื่อในชุดหรูหราต่างจับกลุ่มพูดคุย ดื่มไวน์ และหัวเราะอย่างรื่นเริง เสียงดนตรีจากวงเครื่องสายบรรเลงอย่างไพเราะ

ชายหนุ่มยืนเงียบอยู่ตรงมุมสวน มือหยาบกร้านถือถาดเงินที่เต็มไปด้วยแก้วไวน์ ตอนนี้ชายหนุ่มทำหน้าที่เป็นเหมือนบริกร แต่ถึงอย่างนั้น กลับรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่ตัวตลก

"เฮ้ นั่นไม่ใช่คนจากตระกูลไรอันเดอร์หรือ?" เสียงกระซิบดังขึ้นใกล้ๆ แต่เจตนาของคำพูดไม่ได้ถูกปกปิดแม้แต่น้อย 

"คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะกลายเป็นคนรับใช้ ช่างน่าเวทนา"

"ได้ยินว่าคุณแคทลีนยังคงเก็บเขาไว้อยู่ น่าสงสารจริงๆ" อีกเสียงหนึ่งหัวเราะเบาๆ

"ดูจากที่มันกล้าเสนอหน้ามาที่นี้ มันคงคิดว่าตัวเองมีโอกาสได้เคียงท่านหญิงอีกล่ะมั้ง ช่างน่าสมเพชจริงๆ"

คำพูดเหล่านั้นไม่ได้ทำให้เขาขยับตัวแม้แต่น้อย เขาทำเหมือนไม่ได้ยิน แม้ในใจจะรู้สึกเจ็บปวดเพียงใด

สายตาของเขาจับจ้องไปที่อดีตคู่หมั้น ซึ่งเดินไปมาท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติ โดยที่เธอไม่ได้มองมาทางนี้แม้แต่ครั้งเดียว เสียงกระซิบที่แฝงความเหยียดหยามจากเหล่าคนรับใช้และแขกในงานเลี้ยงคอยย้ำเตือนเขา ว่าตอนนี้เขาเป็นเพียงส่วนเกินของชีวิตเธอก็เท่านั้น

ในใจของเขาราวกลับมีบางสิ่งที่ชัดเจนขึ้น เหมือนกับว่าเขาได้ตัดสินใจบางอย่างในใจแล้ว

 

ในคฤหาสน์ หลังจากเวลาผ่านไปเล็กน้อย

แคทลีน วาเรนไฮม์ กำลังยืนอยู่ตรงกลางห้องโถงใหญ่ เธอยิ้มแย้มอย่างสง่างามในชุดเดรสสีเขียว สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจ แขกหลายคนเข้ามาทักทายเธอด้วยคำชมไม่ขาดสาย

"คุณแคทลีนช่างเป็นสุภาพสตรีที่เพียบพร้อมเสียจริง" ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ขณะพูดต่อ

"แต่ผมสงสัยว่าเหตุใดคุณถึงยังเก็บ 'ภาระ' ไว้อยู่"

คำพูดที่เต็มไปด้วยการเสียดสีทำให้เธอชะงักเล็กน้อย แต่หญิงสาวยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้

"ภาระ?" เธอถามกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

"อดีตคู่หมั้นของคุณน่ะครับ คนรับใช้ในสวนคนนั้น" ชายหนุ่มตอบอย่างไม่เกรงใจ

"หากคุณปล่อยเขาไปเสีย ทุกคนก็คงเข้าใจ ไม่มีใครกล้าตำหนิคุณหรอก"

หญิงสาวยิ้มบางๆ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นขึ้นเล็กน้อย"

เรื่องนั้น ฉันไม่คิดว่าคุณจะสามารถตัดสินใจแทนฉันได้น่ะ?"

คำพูดนั้นทำให้ชายหนุ่มหยุดพูด แต่ในใจของเธอกลับรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าจากคำถามเหล่านี้

สำหรับเธอแล้ว หากเขาไม่มีเธอ เขาก็จะไม่เหลืออะไรเลยในชีวิต ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องพึ่งพาเธอ เพื่อให้ชีวิตของตัวเองมีคุณค่า 

หญิงสาวที่กำลังจมอยู่ในความคิด ก็สังเกตุเห็นถึงท่าทีของแขกที่มองเธออยู่ ก่อนจะปั้นหน้าขึ้นมา เพื่อสร้างบรรยากาศในงานเลี้ยงให้ดำเนินต่อไป 

ในคืนนั้น หลังจากงานเลี้ยงสิ้นสุดลง ชายหนุ่มที่เพิ่งเสร็จจากการทำงานในสวน เดินกลับไปยังห้องพักเล็กๆของเขา

ภายในห้องที่ดูซอมซ่อและเงียบสงบ เขานั่งลงบนเตียงไม้เก่าๆที่สึกหรอไปตามกาลเวลา สายลมเย็นจากหน้าต่างพัดผ่านเข้ามา ทำให้เห็นดวงจันทร์ที่ส่องแสงอยู่บนฟ้า มันสว่างไสว งดงาม แต่กลับดูห่างไกลราวกับไม่อาจเอื้อมถึง

มือของเขาค่อยๆลูบไปตามขอบเตียงไม้ที่ขรุขระ มองเห็นภาพตัวเองในอดีตที่ผ่านมา—จากอัศวินผู้เคยมีเกียรติ บัดนี้กลับตกต่ำลงกลายเป็นคนรับใช้ในตระกูล เพียงเพราะข้อกล่าวหา ช่างน่าเวทนา เกินกว่าจะทนไหว

"บางที….อาจจะถึงเวลาที่ต้องปล่อยวางทุกอย่างแล้วจริงๆ"ชายหนุ่มพูดขึ้น เขาลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะไม้เก่าใต้หน้าต่าง ลิ้นชักเล็กๆที่ซ่อนอยู่ถูกเปิดออกมา เผยให้เห็นจดหมายที่ถูกซ่อนไว้อย่างระมัดระวัง เขามองมันสักพัก ก่อนจะตัดสินใจวางมันลงบนโต๊ะอย่างเงียบเชียบ

ชายหนุ่มหยิบถุงเล็กๆที่บรรจุเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก กระชับถุงเงินในมือแน่นก่อนจะเหลือบมองดาบเหล็กเก่าๆที่วางพาดอยู่ข้างๆโต๊ะ

เขาหยิบมันขึ้นมาสะพายไว้ที่เอว ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู  ท่าทางของเขายังคงลังเลอยู่เล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็ผลักประตูออกไป เดินฝ่าความมืดมุ่งหน้าออกจากเมือง โดยไม่หันหลับกลับมามองห้องพักที่เขาเคยอยู่อีกเลย

บทที่เกี่ยวข้อง

  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 2 ใต้ฟ้ากว้างไร้กรอบจำกัด

    รุ่งอรุณตอนเช้าในคฤหาสน์แสงแดดอ่อนๆลอดผ่านผ้าม่านผืนบาง หญิงสาวที่หลับไหลลืมตาตื่น เธอเริ่มต้นวันตามปกติด้วยการล้างหน้า ก่อนที่จะสวมชุดคลุมเรียบหรู แล้วเดินตรงไปที่หน้าต่างสนามฝึกด้านล่างเป็นสิ่งแรกที่เธอมองหา ดวงตาของเธอกวาดมองไปทั่วบริเวณ แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า—ไม่มีแม้แต่เงาของ อดีตคู่หมั้นของเธอเลยแม้แต่น้อยเธอยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพึมพำ“จะต้องให้ฉันพูดอีกกี่ครั้งถึงจะทำตัวดีขึ้นเนี่ย...”น้ำเสียงของเธอเจือความเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขุ่นเคืองในทันทีอดีตคู่หมั้นของเธอ ที่ครั้งนึงเคยเป็นอัศวินผู้แข็งแกร่ง เปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรีและความสามารถ แต่หลังจากตระกูลล่มสลาย สถานะของเขาก็ถูกลดทอนลง นับแต่นั้น เขาก็แสดงให้เห็นด้านที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น—ความเฉื่อยชา“เมื่อก่อนยังออกมาซ้อมอยู่ตลอดแท้ๆ หลังๆมานี้ทำตัวขี้เกียจขึ้นสิน่ะ”เธอบ่นเบาๆพลางนึกย้อนถึงช่วงแรกๆที่เขาถูกลดสถานะเลง ตอนนั้นชายหนุ่มยังคงตื่นแต่เช้ามาฝึกดาบอยู่เสมอ แต่ช่วงหลังๆมานี้... เธอแทบไม่เห็นภาพนั้นอีกแล้วเธอเดินกลับมานั่งที่โต๊ะเล็กข้างเตียง หยิบปากกาและกระดาษขึ้นมา ก่อนจะเริ่มเขียนรายการที่ตั้งใจจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-24
  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 3 ความต้องการที่ลุ่มหลง

    ย่านกลางเมืองหลวงในคฤหาสน์ขุนนางของตระกูลวาเลนไฮน์แสงแดดอ่อนยามสายส่องผ่านม่านหน้าต่างหรูหราในห้องรับรองส่วนตัว หญิงสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนจดหมาย ใบหน้าของเธอเรียบเฉย แต่ในแววตากลับมีประกายแห่งความกังวลซ่อนเร้น เธอเพิ่งเปิดจดหมายฉบับล่าสุดจากหัวหน้าคนรับใช้ที่ติดตามคู่หมั้นของเธอ ข่าวลือในจดหมายชวนให้หัวใจหนักอึ้ง—เขายังคงใช้ชีวิตขาดความรับผิดชอบ ไม่ยอมฝึกฝน หรือทำงานใดๆ อย่างที่ควรจะเป็นเธอวางจดหมายลง ถอนหายใจยาว ความผิดหวังแทรกซึมในใจลึกยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ภาพความทรงจำในอดีตยังแจ่มชัด เธอเคยเห็นเขาเป็นอัศวินผู้เปี่ยมด้วยศักดิ์ศรี ฝีมือดาบที่เฉียบคมและสายตาที่มุ่งมั่น วันนี้ทุกอย่างนั้นกลายเป็นเงาจางๆ คนที่เธอเคยศรัทธาดูเหมือนจะหลงทาง ไม่มีแววตาแห่งการต่อสู้เหลืออยู่เลยเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางเดินด้านนอก ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออกอย่างถือวิสาสะ องค์รัชทายาทลำดับที่สามก้าวเข้ามา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แต่งแต้มบนใบหน้า ดวงตาของเขามีประกายแห่งความเหนือกว่า“ท่านหญิง” เขาเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่เจือด้วยความมั่นใจที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าอยู่ที่นี่ เลยตั้งใจมาเยี่ยม”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-24
  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 4 เส้นทางบนเกลียวคลื่น

    เสียงคลื่นกระทบเรือไม้ดังสะท้อนในความมืดของมหาสมุทร ชายหนุ่มยืนพิงราวเรือ พลางทอดสายตามองเส้นขอบฟ้าที่ลับหายไปกับแสงดาว คืนนี้เงียบสงบ เหมาะกับการรับสายลมเย็นที่พัดผ่านตอนแรกเขาตั้งใจจะอาศัยอยู่ที่ท่าเรือสักพักหนึ่ง แล้วค่อยออกเดินทางต่อ ท่าเรือนั้นเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ร้านเหล้าเสียงดัง ผู้คนเดินขวักไขว่ เหมาะกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่แล้วคำเชิญจากพ่อค้าก็เปลี่ยนความตั้งใจของเขาพ่อค้าคนนี้เป็นคนเดียวกับที่เขาขอติดเกวียนมาด้วย เมื่อเขาได้เห็นฝีมือการต่อสู้ของชายหนุ่มในระหว่างการเดินทาง พ่อค้าจึงเสนอค่าจ้างก้อนใหญ่เพื่อให้คุ้มกันสินค้าไปยังทวีปอื่น แม้ตอนแรกจะลังเล แต่เมื่อคิดถึงค่าตอบแทน สวัสดิการที่ได้รับ แถมโอกาสเดินทางไกลที่เขาไม่เคยสัมผัส เขาจึงตอบรับข้อเสนอ"ถึงตอนแรกจะไม่ชิน ทำให้เมาเรือก็เถอะ แต่พอปรับตัวได้ มันก็ไม่เลวเลย…." เขาพึมพำกับตัวเองกลุ่มผู้คุ้มกันที่พ่อค้าจ้างมาก่อนหน้านี้ได้สลายตัว แยกย้ายออกไปแล้ว เหลือเพียงเขาและพวกอีกไม่กี่คนที่ตัดสินใจเดินทางต่อเรือลำนี้ไม่ใหญ่นัก แต่ดูแข็งแรงพอที่จะฝ่ามหาสมุทร เขาเดินสำรวจดาดฟ้าเรืออย่างละเอียดเมื่อขึ้นมาเป็นครั้งแรก ลูกเรื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-24
  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 5 คลื่นคำรามแห่งความพินาศ

    เสียงคลื่นที่เคยไหลเอื่อยกลายเป็นเสียงคำรามก้องของทะเลที่บ้าคลั่ง ลมพายุพัดกระหน่ำจนใบเรือแทบขาดเป็นชิ้น เสากระโดงส่งเสียงลั่นประหนึ่งจะหักสะบั้นลงได้ทุกเมื่อ ลูกเรือบนดาดฟ้าวิ่งวุ่นพยายามยึดเชือกและควบคุมเรือไม่ให้พลิกคว่ำเม็ดฝนที่กระหน่ำลงมาเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงผิวหนัง ท้องฟ้าสีดำทะมึนตัดกับแสงฟ้าผ่าที่วูบวาบ ทุกครั้งที่แสงปรากฏ มันเผยให้เห็นใบหน้าของลูกเรือที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง “เร็วเข้า! ดึงเชือกให้แน่น!” กัปตันหญิงตะโกนลั่น แข่งกับเสียงฟ้าผ่าที่ดังสนั่นเป็นระยะ เธอยืนอยู่กลางดาดฟ้าพร้อมกับมือที่ชี้นำทุกคนอย่างมั่นคงขณะที่ทุกอย่างกำลังตกอยู่ในสถานการณ์วุ่ยวาย ชายหนุ่มจับราวเรือแน่นจนมือซีด ดวงตาของเขากวาดมองไปรอบๆ เห็นคลื่นยักษ์ลูกแล้วลูกเล่าพุ่งเข้าหาเรือ ดาดฟ้าที่เปียกชุ่มทำให้ทุกย่างก้าวลื่นไถลจนแทบจะยืนไม่อยู่ หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก ความกลัวและความหวังถูกบีบคั้นจนแทบจะขาดอากาศหายใจ ขณะที่เรือโคลงเคลงไปตามคลื่นยักษ์ แม้จะผ่านการเดินทางมาหลายวันแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ดวงตาของเขาสอดส่องไปยังลูกเรือคนอื่นที่พยายามอย่างสุดความสามารถ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-24
  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 6 ตำนานแห่งลีเวียธาน

    นานมาแล้ว ในยุคสมัยที่เทพเจ้ายังปกครองเหนือทุกสิ่ง ท้องทะเลทั้งหมดเป็นอาณาเขตของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่ง มันเป็นทั้งผู้พิทักษ์และผู้พิพากษาแห่งผืนน้ำ ชื่อของมันถูกจารึกลงในแผ่นหินโบราณ และเล่าขานด้วยความหวาดกลัว “ลีเวียธาน”ลีเวียธานคือร่างมหึมาแห่งเกลียวคลื่น ลำตัวยาวไร้ที่สิ้นสุดปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำสนิทเหมือนค่ำคืนไร้ดวงจันทร์ ดวงตาสีทองของมันส่องประกายราวกับเพลิงแห่งเทพเจ้าที่ไม่มีวันดับ ลมหายใจของมันสร้างพายุ ลำตัวของมันสร้างคลื่นยักษ์ที่สามารถกลืนกินทั้งทวีป ไม่มีสิ่งใดหนีพ้นจากเงื้อมมือของมันตามคำสั่งของเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ลีเวียธานมีหน้าที่รักษาสมดุลของทะเล กำจัดสิ่งใดก็ตามที่อาจคุกคามความบริสุทธิ์แห่งผืนน้ำ มันเป็นทั้งผู้ปกป้องและผู้ทำลาย ท้องทะเลคืออาณาเขตของมัน และไม่มีผู้ใดกล้าล่วงล้ำแต่แล้วมนุษย์ก็สร้างเรือ ล่องเรือข้ามน่านน้ำด้วยความหยิ่งผยอง ลีเวียธานมองเห็นเรือใบเหล่านั้นเป็นดั่งสิ่งแปลกปลอมที่บุกรุกเขตแดนของมัน มันพิโรธ พายุร้ายเกิดขึ้นจากหางที่สะบัดของมัน คลื่นยักษ์พัดเรือให้แตกเป็นเสี่ยงๆ นักเดินเรือมากมายจมหายสู่ก้นสมุทรพร้อมเสียงกรีดร้องที่ไม่มีผู้ใดได้ยินเทพ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-24

บทล่าสุด

  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 6 ตำนานแห่งลีเวียธาน

    นานมาแล้ว ในยุคสมัยที่เทพเจ้ายังปกครองเหนือทุกสิ่ง ท้องทะเลทั้งหมดเป็นอาณาเขตของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่ง มันเป็นทั้งผู้พิทักษ์และผู้พิพากษาแห่งผืนน้ำ ชื่อของมันถูกจารึกลงในแผ่นหินโบราณ และเล่าขานด้วยความหวาดกลัว “ลีเวียธาน”ลีเวียธานคือร่างมหึมาแห่งเกลียวคลื่น ลำตัวยาวไร้ที่สิ้นสุดปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำสนิทเหมือนค่ำคืนไร้ดวงจันทร์ ดวงตาสีทองของมันส่องประกายราวกับเพลิงแห่งเทพเจ้าที่ไม่มีวันดับ ลมหายใจของมันสร้างพายุ ลำตัวของมันสร้างคลื่นยักษ์ที่สามารถกลืนกินทั้งทวีป ไม่มีสิ่งใดหนีพ้นจากเงื้อมมือของมันตามคำสั่งของเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ลีเวียธานมีหน้าที่รักษาสมดุลของทะเล กำจัดสิ่งใดก็ตามที่อาจคุกคามความบริสุทธิ์แห่งผืนน้ำ มันเป็นทั้งผู้ปกป้องและผู้ทำลาย ท้องทะเลคืออาณาเขตของมัน และไม่มีผู้ใดกล้าล่วงล้ำแต่แล้วมนุษย์ก็สร้างเรือ ล่องเรือข้ามน่านน้ำด้วยความหยิ่งผยอง ลีเวียธานมองเห็นเรือใบเหล่านั้นเป็นดั่งสิ่งแปลกปลอมที่บุกรุกเขตแดนของมัน มันพิโรธ พายุร้ายเกิดขึ้นจากหางที่สะบัดของมัน คลื่นยักษ์พัดเรือให้แตกเป็นเสี่ยงๆ นักเดินเรือมากมายจมหายสู่ก้นสมุทรพร้อมเสียงกรีดร้องที่ไม่มีผู้ใดได้ยินเทพ

  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 5 คลื่นคำรามแห่งความพินาศ

    เสียงคลื่นที่เคยไหลเอื่อยกลายเป็นเสียงคำรามก้องของทะเลที่บ้าคลั่ง ลมพายุพัดกระหน่ำจนใบเรือแทบขาดเป็นชิ้น เสากระโดงส่งเสียงลั่นประหนึ่งจะหักสะบั้นลงได้ทุกเมื่อ ลูกเรือบนดาดฟ้าวิ่งวุ่นพยายามยึดเชือกและควบคุมเรือไม่ให้พลิกคว่ำเม็ดฝนที่กระหน่ำลงมาเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงผิวหนัง ท้องฟ้าสีดำทะมึนตัดกับแสงฟ้าผ่าที่วูบวาบ ทุกครั้งที่แสงปรากฏ มันเผยให้เห็นใบหน้าของลูกเรือที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง “เร็วเข้า! ดึงเชือกให้แน่น!” กัปตันหญิงตะโกนลั่น แข่งกับเสียงฟ้าผ่าที่ดังสนั่นเป็นระยะ เธอยืนอยู่กลางดาดฟ้าพร้อมกับมือที่ชี้นำทุกคนอย่างมั่นคงขณะที่ทุกอย่างกำลังตกอยู่ในสถานการณ์วุ่ยวาย ชายหนุ่มจับราวเรือแน่นจนมือซีด ดวงตาของเขากวาดมองไปรอบๆ เห็นคลื่นยักษ์ลูกแล้วลูกเล่าพุ่งเข้าหาเรือ ดาดฟ้าที่เปียกชุ่มทำให้ทุกย่างก้าวลื่นไถลจนแทบจะยืนไม่อยู่ หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก ความกลัวและความหวังถูกบีบคั้นจนแทบจะขาดอากาศหายใจ ขณะที่เรือโคลงเคลงไปตามคลื่นยักษ์ แม้จะผ่านการเดินทางมาหลายวันแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ดวงตาของเขาสอดส่องไปยังลูกเรือคนอื่นที่พยายามอย่างสุดความสามารถ

  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 4 เส้นทางบนเกลียวคลื่น

    เสียงคลื่นกระทบเรือไม้ดังสะท้อนในความมืดของมหาสมุทร ชายหนุ่มยืนพิงราวเรือ พลางทอดสายตามองเส้นขอบฟ้าที่ลับหายไปกับแสงดาว คืนนี้เงียบสงบ เหมาะกับการรับสายลมเย็นที่พัดผ่านตอนแรกเขาตั้งใจจะอาศัยอยู่ที่ท่าเรือสักพักหนึ่ง แล้วค่อยออกเดินทางต่อ ท่าเรือนั้นเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ร้านเหล้าเสียงดัง ผู้คนเดินขวักไขว่ เหมาะกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่แล้วคำเชิญจากพ่อค้าก็เปลี่ยนความตั้งใจของเขาพ่อค้าคนนี้เป็นคนเดียวกับที่เขาขอติดเกวียนมาด้วย เมื่อเขาได้เห็นฝีมือการต่อสู้ของชายหนุ่มในระหว่างการเดินทาง พ่อค้าจึงเสนอค่าจ้างก้อนใหญ่เพื่อให้คุ้มกันสินค้าไปยังทวีปอื่น แม้ตอนแรกจะลังเล แต่เมื่อคิดถึงค่าตอบแทน สวัสดิการที่ได้รับ แถมโอกาสเดินทางไกลที่เขาไม่เคยสัมผัส เขาจึงตอบรับข้อเสนอ"ถึงตอนแรกจะไม่ชิน ทำให้เมาเรือก็เถอะ แต่พอปรับตัวได้ มันก็ไม่เลวเลย…." เขาพึมพำกับตัวเองกลุ่มผู้คุ้มกันที่พ่อค้าจ้างมาก่อนหน้านี้ได้สลายตัว แยกย้ายออกไปแล้ว เหลือเพียงเขาและพวกอีกไม่กี่คนที่ตัดสินใจเดินทางต่อเรือลำนี้ไม่ใหญ่นัก แต่ดูแข็งแรงพอที่จะฝ่ามหาสมุทร เขาเดินสำรวจดาดฟ้าเรืออย่างละเอียดเมื่อขึ้นมาเป็นครั้งแรก ลูกเรื

  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 3 ความต้องการที่ลุ่มหลง

    ย่านกลางเมืองหลวงในคฤหาสน์ขุนนางของตระกูลวาเลนไฮน์แสงแดดอ่อนยามสายส่องผ่านม่านหน้าต่างหรูหราในห้องรับรองส่วนตัว หญิงสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนจดหมาย ใบหน้าของเธอเรียบเฉย แต่ในแววตากลับมีประกายแห่งความกังวลซ่อนเร้น เธอเพิ่งเปิดจดหมายฉบับล่าสุดจากหัวหน้าคนรับใช้ที่ติดตามคู่หมั้นของเธอ ข่าวลือในจดหมายชวนให้หัวใจหนักอึ้ง—เขายังคงใช้ชีวิตขาดความรับผิดชอบ ไม่ยอมฝึกฝน หรือทำงานใดๆ อย่างที่ควรจะเป็นเธอวางจดหมายลง ถอนหายใจยาว ความผิดหวังแทรกซึมในใจลึกยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ภาพความทรงจำในอดีตยังแจ่มชัด เธอเคยเห็นเขาเป็นอัศวินผู้เปี่ยมด้วยศักดิ์ศรี ฝีมือดาบที่เฉียบคมและสายตาที่มุ่งมั่น วันนี้ทุกอย่างนั้นกลายเป็นเงาจางๆ คนที่เธอเคยศรัทธาดูเหมือนจะหลงทาง ไม่มีแววตาแห่งการต่อสู้เหลืออยู่เลยเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางเดินด้านนอก ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออกอย่างถือวิสาสะ องค์รัชทายาทลำดับที่สามก้าวเข้ามา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แต่งแต้มบนใบหน้า ดวงตาของเขามีประกายแห่งความเหนือกว่า“ท่านหญิง” เขาเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่เจือด้วยความมั่นใจที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าอยู่ที่นี่ เลยตั้งใจมาเยี่ยม”

  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 2 ใต้ฟ้ากว้างไร้กรอบจำกัด

    รุ่งอรุณตอนเช้าในคฤหาสน์แสงแดดอ่อนๆลอดผ่านผ้าม่านผืนบาง หญิงสาวที่หลับไหลลืมตาตื่น เธอเริ่มต้นวันตามปกติด้วยการล้างหน้า ก่อนที่จะสวมชุดคลุมเรียบหรู แล้วเดินตรงไปที่หน้าต่างสนามฝึกด้านล่างเป็นสิ่งแรกที่เธอมองหา ดวงตาของเธอกวาดมองไปทั่วบริเวณ แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า—ไม่มีแม้แต่เงาของ อดีตคู่หมั้นของเธอเลยแม้แต่น้อยเธอยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพึมพำ“จะต้องให้ฉันพูดอีกกี่ครั้งถึงจะทำตัวดีขึ้นเนี่ย...”น้ำเสียงของเธอเจือความเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขุ่นเคืองในทันทีอดีตคู่หมั้นของเธอ ที่ครั้งนึงเคยเป็นอัศวินผู้แข็งแกร่ง เปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรีและความสามารถ แต่หลังจากตระกูลล่มสลาย สถานะของเขาก็ถูกลดทอนลง นับแต่นั้น เขาก็แสดงให้เห็นด้านที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น—ความเฉื่อยชา“เมื่อก่อนยังออกมาซ้อมอยู่ตลอดแท้ๆ หลังๆมานี้ทำตัวขี้เกียจขึ้นสิน่ะ”เธอบ่นเบาๆพลางนึกย้อนถึงช่วงแรกๆที่เขาถูกลดสถานะเลง ตอนนั้นชายหนุ่มยังคงตื่นแต่เช้ามาฝึกดาบอยู่เสมอ แต่ช่วงหลังๆมานี้... เธอแทบไม่เห็นภาพนั้นอีกแล้วเธอเดินกลับมานั่งที่โต๊ะเล็กข้างเตียง หยิบปากกาและกระดาษขึ้นมา ก่อนจะเริ่มเขียนรายการที่ตั้งใจจ

  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 1 กุหลาบใต้สายลมหนาว

    เสียงกังวานของกระดิ่งทองหน้าคฤหาสน์วาเรนไฮม์ดังขึ้นท่ามกลางสายลมเย็นที่พัดผ่านสวนกุหลาบสีแดงสดชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่หน้าประตูใหญ่ ร่างกายในชุดคนรับใช้ฝึกหัดดูขัดกับท่วงท่าที่เคยสง่างามในอดีต ผมสีน้ำตาลที่เคยเรียบลื่นถูกลมพัดจนยุ่งเหยิง ใบหน้ามีร่องรอยอิดโรย จากการทำงานหนักตลอดเวลาที่ผ่านมา เสียงเข้มจากหัวหน้าคนรับใช้ดังขึ้นอย่างเย็นชา"เข้าไป อย่าให้คุณหนูแคทลีนรอนาน" พูดเสร็จ ชายคนนั้นก็เดินหายเข้าไปในมุมอาคาร เขาสูดลมหายใจลึก เตรียมตัวก่อนจะก้าวเข้าไปในคฤหาสน์ที่ครั้งนึงมันเคยเป็นของเขาเมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องรับรองหลัก แคทลีน วาเรนไฮม์ นั่งอยู่บนเก้าอี้ผ้าไหมสีงาช้าง มือเรียวของเธอกำลังถือแก้วน้ำชาพร้อมจิบเบาๆ เธอมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่เคยเต็มไปด้วยความห่วงใย บัดนี้กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความเฉยชาดังเช่นทุกวัน"มาสายนะ" เธอเอ่ยเสียงเรียบเขาก้มศีรษะขอโทษ "ขออภัยครับคุณแคทลีน งานเมื่อคืนใช้เวลา ทำให้ตื่นสายครับ"แคทลีนเลิกคิ้ว "งานเมื่อคืน? ก็แค่กวาดพื้นหลังงานเลี้ยง ไม่ได้ไปสู้กับอะไรสักหน่อย ทำอะไรชักช้าไปได้"เธอวางแก้วชาลงบนโต๊ะ ก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้ทำท่าเห

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status