Home / แฟนตาซี / อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย / ตอนที่ 10 จดหมายในกระเป๋าผ้า

Share

ตอนที่ 10 จดหมายในกระเป๋าผ้า

Author: Abyssgloom
last update Last Updated: 2025-04-09 17:52:02

“เธอได้ยินข่าวรึยัง?”

เสียงกระซิบดังขึ้นในร้านขนมปังซึ่งมักเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของแม่บ้าน แต่เช้านี้ กลับมีแต่ความเงียบงันตึงเครียดราวกับพายุจะมา หญิงสาวสองคนยืนต่อคิวอยู่ใกล้ตะกร้าขนมปังอบใหม่ แต่ไม่มีใครสนใจกลิ่นหอมกรุ่นเหล่านั้นอีกต่อไป

“เรื่อง ไอ้คุณชายจากตระกูลทรยศ นั่นน่ะเหรอ?” อีกคนตอบทันทีด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยรังเกียจ

“นังคนใช้ที่บ้านฉันเล่าว่า เขาหายตัวไปจากคฤหาสน์กลางดึกเลยนะ ทั้งที่คุณหนูแคทลีนก็อุตส่าห์เลี้ยงไว้เป็นอย่างดี พยายามดึงขึ้นมาจากดินจากโคลน พอถึงเวลากลับตอบแทนด้วยการ หนีหาย อย่างกับคนขี้ขลาด!”

“แย่ยิ่งกว่านั้นอีกเถอะ! ไอ้นี่สิ! อยู่กินกับตระกูลคู่หมั้นของตัวเอง พอมีโอกาสพิสูจน์ความจริง ก็ถอยหลังกลับลำ ทิ้งคุณหนูเขาไว้ให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน!”

หญิงอีกคนยกมือขึ้นกอดอกแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์

“เขาว่ากันว่า...คืนก่อนจะหายตัวไป มีคนเห็นเขาแอบคุยกับชายแปลกหน้าสองคนตรงท่ารถใต้ดินฝั่งตะวันตกของเมือง แล้วก็หายเงียบ! นี่มันไม่ใช่บังเอิญแล้ว! มันคือ การวางแผนหลบหนี ชัดๆ!”

“ใช่! แล้วคนในตลาดตอนนี้ก็พูดกันว่า ไอ้คุณชายบ้านั่น อาจจะเป็นสายลับให้พวกประเทศอื่นก็ได้!”

“สายลับเหรอ?” อีกคนทำตาโต ก่อนจะส่ายหน้าแรงๆ

“ไม่น่าแปลกใจหรอก! เลือดมันก็สีเดียวกันกับพ่อแม่มันที่หนีออกนอกประเทศไปเมื่อสี่ปีก่อนนั่นแหละ รู้ไหม? เมื่อสิบปีก่อน ตอนที่ประเทศต่างๆร่วมมือกันทำลายประเทศของเจ้าราชาคลั่งนั่น —แล้วอยู่ๆ ข้อมูลกำลังรบของเราก็รั่วไหล ทำให้มีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก!”

เธอเว้นจังหวะก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงต่ำแต่เย็นเยียบ

“ใครล่ะจะเป็นคนทำ... ถ้าไม่ใช่พวกมัน? ดูตอนนี้สิ ตอนลำบากก็หนี พอมีโอกาสก็หักหลัง คนอย่างพวกมันไว้ใจไม่ได้หรอก!”

“ตอนนี้พระราชากำลังคัดเลือกผู้ถือครอง ดาบผู้พิทักษ์ คนใหม่ แต่คนมันก็คุยกันให้แซ่ดว่า จริงๆแล้ว ตำนานที่ว่า แค่คนในตระกูลนั่นเท่านั้นที่จะดึงดาบขึ้นได้ เป็นเรื่องโกหก!”

เสียงขุ่นของเธอเริ่มดังขึ้นจนคนในร้านเริ่มเหลียวมอง

อีกคนพยักหน้า แต่สีหน้ากลับเคร่งเครียด

“แต่นี่ก็น่ากลัวนะ... เห็นว่าองค์ชายที่สามจะเป็นผู้ทดสอบคนแรกที่จะถือครองดาบเอง ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง... ทั้งทวีปได้เกิดสงครามแน่ๆ”

“ก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ!” เธอสวนทันควัน “พวกเราต้องขายข้าวให้ประเทศพวกนั้นต่ำกว่าราคาตลาดตั้ง 30 เปอร์เซ็นต์! ทุกปี! ถ้าไม่มีสนธิสัญญาบ้าๆ นั่น ประเทศพวกเราคงไม่ต้องทนขาดรายได้ให้พวกมันตลอดหรอก”

“แล้วพอเราจะไม่ส่งข้าวตามโควตาให้แค่รอบเดียว พวกมันก็ขู่จะส่งกองกำลังมา ‘ตรวจสอบ’ สนธิสัญญา — ใครให้สิทธิ์พวกมัน?! ไอ้พวกไม่รู้จักบุญคุณ!”

หญิงสาวทั้งสองสบตากันก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ในเวลาที่ประเทศกำลังจะลุกเป็นไฟแบบนี้ เรากลับมี คนที่เกิดบนผืนดินของเราเอง คิดทรยศลับหลัง ไม่ต่างอะไรกับงูเห่า... พวกมันไม่สมควรได้รับความเมตตา”

เสียงสนทนาจากหน้าร้านลอดเข้ามาได้แม้มีประตูไม้เก่ากั้นอยู่ หญิงสาวในชุดทำงานเรียบง่ายหยุดมือขณะกำลังคลึงแป้ง เสียงมีดหั่นและเครื่องตีแป้งยังดังต่อไปอย่างสม่ำเสมอ แต่เธอไม่ได้ฟังมันแล้ว

ไม่มีใครในร้านรู้ว่าเรื่องที่พูดกันอยู่นั้นผิดเพี้ยนขนาดไหน ไม่มีใครรู้เลย... ว่าความจริงเป็นยังไง นอกจากเธอ

เธอล้วงมือลงไปในกระเป๋ากระโปรงช้าๆ ปลายนิ้วแตะถูกกระดาษที่เริ่มแข็งกระด้างจากเหงื่อและความชื้น มันเป็นซองจดหมายขนาดเล็ก ขอบยุ่ยเล็กน้อย แต่ยังปิดผนึกไว้แน่นหนา เธอพกมันไว้กับตัวทุกวัน ไม่เคยปล่อยให้ห่าง

ในจดหมายนั้น เป็นหลักฐานว่าคุณชายไม่ได้หายตัวไปอย่างที่ข่าวลือ เขาออกเดินทางไปนานกว่านั้นหลายสัปดาห์ แต่ไปที่ไหนนั้นก็ยากจะรู้ เรื่องการหนีออกนอกประเทศทุกอย่างล้วนเป็นการจัดฉาก ถ้าจดหมายไปถึง ความจริงจะถูกเปิดเผย

แต่ปัญหาก็คือ ตอนนี้คนที่อยู่รอบตัวคุณหนูล้วนเกี่ยวข้องกับการจัดฉากนี้โดยตรง เธอไม่มีทางรู้ได้เลยว่าใครไว้ใจได้ และถ้าเธอเข้าไปหาคุณหนูด้วยตัวเอง จดหมายนั่นอาจถูกทำลายก่อนจะถูกเปิดอ่าน

เธอเคยคิดถึงเหล่าเพื่อนอัศวินที่คุณชายเคยฝึกด้วยกัน แต่คนเหล่านั้นล้วนประจำอยู่ในตระกูลขุนนาง และ เธอไม่ใช่คนที่มีสิทธิ์ไปพบกับคนระดับนั้น ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีหลักฐานว่าพวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทุกทางล้วนมีแต่ความเสี่ยง

“ยืนเหม่ออะไรน่ะ! รีบปั้นแป้งให้เสร็จ เดี๋ยวรอบต่อไปจะอบไม่ทัน!”

เสียงเจ้าของร้านตะโกนข้ามโต๊ะไม้ หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย หันกลับไปตอบเสียงเบา

“ค่า…”

มือกลับไปคลึงแป้งต่ออย่างเชื่องช้า ตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม อย่างน้อยก็ในสายตาคนภายนอก

เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังแผ่ว แสงสีส้มอ่อนจากดวงอาทิตย์ลอดผ่านกระจกหน้าร้านเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะถูกกลืนหายไปในเงาของยามเย็น — ได้เวลาปิดร้านแล้ว

ถนนสายรองเริ่มเงียบลงทีละน้อย ตึกสูงทอดเงาเข้าหาซอกซอยแคบๆ หญิงสาวเดินเร็วขึ้น มือหนึ่งกำชายกระโปรงแน่น อีกมือดึงสายกระเป๋าผ้าบนบ่า กระเป๋าใบเดิมที่พอมีน้ำหนักอยู่แล้วกลับรู้สึกหนักผิดปกติ เธอสูดหายใจ กลั้นความหงุดหงิดไว้กับเสียงสะบัดของมัน

“ไม่น่าเดินทางนี้เลย…” เธอพึมพำ เบือนหน้าไปมองซอยด้านข้าง เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง เธอชะงัก หันขวับกลับไปทันที ไม่มีใคร แต่ความรู้สึกว่า มีคนอยู่ใกล้ๆ ยังไม่หายไป

“อย่าคิดมาก...” เธอกระซิบกับตัวเอง ค่อยๆหันกลับ แต่ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างตัว ใกล้เกินไปจนเธอสะดุ้ง

“น้องสาว... เดินคนเดียวแบบนี้ไม่กลัวหรอครับ?”

ร่างสูงสามคนก้าวออกจากเงาตึก คนแรกผมหยิกยุ่งเหยิง ยิ้มเหมือนคนไม่มีอะไรจะเสีย อีกคนพิงกำแพง มือกอดอก สายตาโลมเลีย ส่วนคนสุดท้าย สูงที่สุดในกลุ่ม เงียบจนน่าขนลุก เดินตรงเข้ามาหาเธอโดยไม่พูดสักคำ

เธอก้าวถอยหลังทันที

“ขะ...ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนพวกคุณ—”

“ไม่ได้รบกวนอะไรหรอกน้อง”

ชายผมหยิกพูดขึ้น น้ำเสียงเหมือนล้อเล่นแต่แฝงอะไรบางอย่าง

“เราแค่แปลกใจ... ผู้หญิงตัวคนเดียว เดินเข้าซอยแบบนี้ คิดอะไรอยู่เหรอ?”

“ฉัน... แค่จะกลับบ้าน”

เธอถอยอีกก้าว แต่หลังไปชนกับกำแพงอิฐแผ่นหนึ่ง ใจเต้นแรงจนแทบได้ยินเอง มือกำสายกระเป๋าแน่นขึ้น

ชายที่พิงกำแพงหลุดหัวเราะในลำคอ ก่อนจะดันตัวออกมาเดินเข้าใกล้

“กลับบ้านหรอ... ไม่แวะทักพวกพี่สักคำ มันก็ใจร้ายเกินไปหน่อยนะ”

มือหยาบกร้านยื่นเข้ามาจะจับแขนเธอ เธอสะบัดหนีแทบจะทันที ดวงตาเบิกกว้าง

“อย่า…..อย่าแตะต้องฉัน!”

“หืมมม… ดื้อซ่ะด้วย แบบนี้ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่”

เสียงทุ้มต่ำจากชายร่างสูงที่เงียบมาตลอดดังขึ้น เขาเดินเข้ามาประชิด คว้าข้อมือเธอไว้แน่นอย่างง่ายดาย เธอพยายามดึงออกเต็มแรง แต่ไม่ขยับเลยสักนิด

“ปล่อยนะ!”

“ใจเย็นสิ”

ชายผมหยิกเดินเข้ามาใกล้ เอื้อมมือมาหาคางเธอ

“ไม่มีใครอยากทำร้ายเธอหรอก พวกเราแค่อยากพูดคุยกับน้องสาวเฉยๆ...”

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

เสียงตะโกนดังขึ้นจากด้านหลัง เสียงนั้นชัดเจน หนักแน่นพอจะทำให้ทุกคนหยุดชะงัก

จากปลายถนน ร่างของหญิงสาวในชุดเกราะหนังสีเข้ม ก้าวออกมาอย่างองอาจ ผมดำยาวถูกรวบขึ้นอย่างเรียบร้อย ด้านหลังสะพายดาบสีดำใสขนาดกลางเอาไว้ แสงสะท้อนจากมันทำให้ปลายดาบดูวาววับ

พวกอันธพาลหันขวับไปมอง

“โอ้โห... น้องสาวเล่นเป็นอัศวินงั้นหรอ?”

ชายผมหยิกตะโกนเย้ย

“ดูดาบนั้นสิ สงสัยทำมาจากแก้วแหงๆ ท่าทางดูบอบบางชะมัด ฮ่าๆ”

เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบใหม่ หนึ่งในนั้นยกมือทำท่าโบกไม้โบกมืออย่างกวนประสาท

หญิงสาวในชุดเกราะไม่พูดอะไร เธอเพียงหยิบดาบที่สะพายอยู่ด้านหลัง จากนั้น...

"ฉึก!"

เสียงเหล็กกระแทกพื้นดังก้องไปทั่วตรอก เธอก้าวเข้ามาอีกก้าว ดวงตาสีน้ำเงินเย็นเฉียบจ้องตรงไปไม่กะพริบ

“ขยะอย่างพวกแก... แค่ใช้มือเปล่า ฉันก็จัดการได้แล้ว”

เสียงของเธอไม่ดัง แต่หนักแน่นพอจะเปลี่ยนเสียงหัวเราะให้กลายเป็นความเงียบอึดอัด

ชายคนหนึ่งชะงักเล็กน้อย “หึ คิดว่าตัวเองแน่นักหรอ?”

“ลองดูสิ” เธอเอียงคอเล็กน้อย “อยากรู้จริงๆว่าเลือดสวะอย่างพวกแก มันจะไหลเร็วหรือช้า”

อันธพาลคนหนึ่งสบถลั่น “ยัยบ้านี่!”

เขาพุ่งเข้ามาโดยไม่ฟังเสียงใคร...

แต่แล้วไม่ถึงสิบนาที ทุกอย่างก็จบลง — พวกอันธพาลสามคนก็ถูกจับมัดนอนกองอยู่กับพื้น หอบหายใจอย่างหมดแรง ร่างกายเต็มไปด้วยรอยช้ำจากแรงปะทะที่พวกมันไม่ทันแม้แต่จะมองเห็นต้นทาง

หญิงสาวในชุดเกราะไม่ได้หยิบดาบออกมาใช้แม้แต่ครั้งเดียว ดาบขนาดกลางยังคงปักอยู่บนถนน มีเพียงการเคลื่อนไหวที่เฉียบคม เงียบงัน และรุนแรงพอจะทำให้พวกมันสลบได้โดยไม่ต้องฆ่า

เธอสะบัดมือก่อนจะเช็ดเลือดจางๆที่ติดอยู่ออก ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หญิงสาวที่ถูกช่วยยืนอยู่ไม่ไกล ตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจแต่สายตายังคงจับจ้องเธออย่างไม่วางตา

“…ขะ ขอบคุณค่ะ…” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย

หญิงสาวในชุดเกราะหันมาเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำเงินจ้องตรงมา สงบนิ่งแต่ไม่เย็นชา

“ถ้า ถ้าไม่มีคุณ… ฉันคง…”

“อย่าเดินลำพังในซอยแบบนี้อีกน่ะ มันอันตราย” เธอพูดขัดขึ้น ราบเรียบเหมือนกำชับ ไม่ใช่ตำหนิ

หญิงสาวเม้มปากแน่น ก่อนจะพยายามตั้งสติ “เอ่อ… ขอถามได้ไหมคะ… คุณชื่ออะไร?”

หญิงสาวในชุดเกราะมองเธอเงียบๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ

“…ซีรัส”

จากนั้นเธอก็หมุนตัวกลับ ลากพวกอันธพาลทั้งสามโดยไม่ออกแรงมากนัก ราวกับน้ำหนักพวกนั้นไม่ใช่เรื่องลำบากสำหรับเธอเลยแม้แต่น้อย

“แล้วคราวหน้า… ก็ระวังตัวให้มากกว่านี้ด้วยล่ะ” เธอพูดทิ้งท้ายโดยไม่หันกลับมา

หญิงสาวที่ถูกช่วยมองตามร่างในชุดเกราะที่ค่อยๆ ลับหายไปในเงามืดของถนนสายเล็ก พลันสายลมเย็นยามค่ำก็พัดผ่านหลังคา เธอยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มลงมองกระเป๋าผ้าของตัวเอง แล้วพึมพำเบาๆ

“ถ้าเธอเป็นเพื่อนกับคุณชาย… ก็คงดีไม่น้อย”

เสียงเธอเจือความเสียดายและลังเล ก่อนจะเงยหน้าขึ้น สายตายังคงจับจ้องไปยังทางที่หญิงในชุดเกราะจากไป

“จะได้ส่งจดหมายนี่ถึงมือคุณหนูเสียที... เฮ้อ น่าเสียดายจริงๆ ท่าทางเป็นคนดีซ่ะด้วย”

เธอส่ายหน้าน้อยๆ แล้วหลุบตาลงคล้ายยอมรับความจริง

ความเงียบกลับคืนมาอีกครั้ง — แต่ในใจของเธอ ไม่มีทางลืมชื่อของผู้หญิงคนนั้นได้เลย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 1 กุหลาบใต้สายลมหนาว

    เสียงกังวานของกระดิ่งทองหน้าคฤหาสน์วาเรนไฮม์ดังขึ้นท่ามกลางสายลมเย็นที่พัดผ่านสวนกุหลาบสีแดงสดชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่หน้าประตูใหญ่ ร่างกายในชุดคนรับใช้ฝึกหัดดูขัดกับท่วงท่าที่เคยสง่างามในอดีต ผมสีน้ำตาลที่เคยเรียบลื่นถูกลมพัดจนยุ่งเหยิง ใบหน้ามีร่องรอยอิดโรย จากการทำงานหนักตลอดเวลาที่ผ่านมา เสียงเข้มจากหัวหน้าคนรับใช้ดังขึ้นอย่างเย็นชา"เข้าไป อย่าให้คุณหนูแคทลีนรอนาน" พูดเสร็จ ชายคนนั้นก็เดินหายเข้าไปในมุมอาคาร เขาสูดลมหายใจลึก เตรียมตัวก่อนจะก้าวเข้าไปในคฤหาสน์ที่ครั้งนึงมันเคยเป็นของเขาเมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องรับรองหลัก แคทลีน วาเรนไฮม์ นั่งอยู่บนเก้าอี้ผ้าไหมสีงาช้าง มือเรียวของเธอกำลังถือแก้วน้ำชาพร้อมจิบเบาๆ เธอมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่เคยเต็มไปด้วยความห่วงใย บัดนี้กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความเฉยชาดังเช่นทุกวัน"มาสายนะ" เธอเอ่ยเสียงเรียบเขาก้มศีรษะขอโทษ "ขออภัยครับคุณแคทลีน งานเมื่อคืนใช้เวลา ทำให้ตื่นสายครับ"แคทลีนเลิกคิ้ว "งานเมื่อคืน? ก็แค่กวาดพื้นหลังงานเลี้ยง ไม่ได้ไปสู้กับอะไรสักหน่อย ทำอะไรชักช้าไปได้"เธอวางแก้วชาลงบนโต๊ะ ก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้ทำท่าเห

    Last Updated : 2025-01-24
  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 2 ใต้ฟ้ากว้างไร้กรอบจำกัด

    รุ่งอรุณตอนเช้าในคฤหาสน์แสงแดดอ่อนๆลอดผ่านผ้าม่านผืนบาง หญิงสาวที่หลับไหลลืมตาตื่น เธอเริ่มต้นวันตามปกติด้วยการล้างหน้า ก่อนที่จะสวมชุดคลุมเรียบหรู แล้วเดินตรงไปที่หน้าต่างสนามฝึกด้านล่างเป็นสิ่งแรกที่เธอมองหา ดวงตาของเธอกวาดมองไปทั่วบริเวณ แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า—ไม่มีแม้แต่เงาของ อดีตคู่หมั้นของเธอเลยแม้แต่น้อยเธอยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพึมพำ“จะต้องให้ฉันพูดอีกกี่ครั้งถึงจะทำตัวดีขึ้นเนี่ย...”น้ำเสียงของเธอเจือความเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขุ่นเคืองในทันทีอดีตคู่หมั้นของเธอ ที่ครั้งนึงเคยเป็นอัศวินผู้แข็งแกร่ง เปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรีและความสามารถ แต่หลังจากตระกูลล่มสลาย สถานะของเขาก็ถูกลดทอนลง นับแต่นั้น เขาก็แสดงให้เห็นด้านที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น—ความเฉื่อยชา“เมื่อก่อนยังออกมาซ้อมอยู่ตลอดแท้ๆ หลังๆมานี้ทำตัวขี้เกียจขึ้นสิน่ะ”เธอบ่นเบาๆพลางนึกย้อนถึงช่วงแรกๆที่เขาถูกลดสถานะเลง ตอนนั้นชายหนุ่มยังคงตื่นแต่เช้ามาฝึกดาบอยู่เสมอ แต่ช่วงหลังๆมานี้... เธอแทบไม่เห็นภาพนั้นอีกแล้วเธอเดินกลับมานั่งที่โต๊ะเล็กข้างเตียง หยิบปากกาและกระดาษขึ้นมา ก่อนจะเริ่มเขียนรายการที่ตั้งใจจ

    Last Updated : 2025-01-24
  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 3 ความต้องการที่ลุ่มหลง

    ย่านกลางเมืองหลวงในคฤหาสน์ขุนนางของตระกูลวาเลนไฮน์แสงแดดอ่อนยามสายส่องผ่านม่านหน้าต่างหรูหราในห้องรับรองส่วนตัว หญิงสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนจดหมาย ใบหน้าของเธอเรียบเฉย แต่ในแววตากลับมีประกายแห่งความกังวลซ่อนเร้น เธอเพิ่งเปิดจดหมายฉบับล่าสุดจากหัวหน้าคนรับใช้ที่ติดตามคู่หมั้นของเธอ ข่าวลือในจดหมายชวนให้หัวใจหนักอึ้ง—เขายังคงใช้ชีวิตขาดความรับผิดชอบ ไม่ยอมฝึกฝน หรือทำงานใดๆ อย่างที่ควรจะเป็นเธอวางจดหมายลง ถอนหายใจยาว ความผิดหวังแทรกซึมในใจลึกยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ภาพความทรงจำในอดีตยังแจ่มชัด เธอเคยเห็นเขาเป็นอัศวินผู้เปี่ยมด้วยศักดิ์ศรี ฝีมือดาบที่เฉียบคมและสายตาที่มุ่งมั่น วันนี้ทุกอย่างนั้นกลายเป็นเงาจางๆ คนที่เธอเคยศรัทธาดูเหมือนจะหลงทาง ไม่มีแววตาแห่งการต่อสู้เหลืออยู่เลยเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางเดินด้านนอก ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออกอย่างถือวิสาสะ องค์รัชทายาทลำดับที่สามก้าวเข้ามา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แต่งแต้มบนใบหน้า ดวงตาของเขามีประกายแห่งความเหนือกว่า“ท่านหญิง” เขาเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่เจือด้วยความมั่นใจที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าอยู่ที่นี่ เลยตั้งใจมาเยี่ยม”

    Last Updated : 2025-01-24
  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 4 เส้นทางบนเกลียวคลื่น

    เสียงคลื่นกระทบเรือไม้ดังสะท้อนในความมืดของมหาสมุทร ชายหนุ่มยืนพิงราวเรือ พลางทอดสายตามองเส้นขอบฟ้าที่ลับหายไปกับแสงดาว คืนนี้เงียบสงบ เหมาะกับการรับสายลมเย็นที่พัดผ่านตอนแรกเขาตั้งใจจะอาศัยอยู่ที่ท่าเรือสักพักหนึ่ง แล้วค่อยออกเดินทางต่อ ท่าเรือนั้นเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ร้านเหล้าเสียงดัง ผู้คนเดินขวักไขว่ เหมาะกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่แล้วคำเชิญจากพ่อค้าก็เปลี่ยนความตั้งใจของเขาพ่อค้าคนนี้เป็นคนเดียวกับที่เขาขอติดเกวียนมาด้วย เมื่อเขาได้เห็นฝีมือการต่อสู้ของชายหนุ่มในระหว่างการเดินทาง พ่อค้าจึงเสนอค่าจ้างก้อนใหญ่เพื่อให้คุ้มกันสินค้าไปยังทวีปอื่น แม้ตอนแรกจะลังเล แต่เมื่อคิดถึงค่าตอบแทน สวัสดิการที่ได้รับ แถมโอกาสเดินทางไกลที่เขาไม่เคยสัมผัส เขาจึงตอบรับข้อเสนอ"ถึงตอนแรกจะไม่ชิน ทำให้เมาเรือก็เถอะ แต่พอปรับตัวได้ มันก็ไม่เลวเลย…." เขาพึมพำกับตัวเองกลุ่มผู้คุ้มกันที่พ่อค้าจ้างมาก่อนหน้านี้ได้สลายตัว แยกย้ายออกไปแล้ว เหลือเพียงเขาและพวกอีกไม่กี่คนที่ตัดสินใจเดินทางต่อเรือลำนี้ไม่ใหญ่นัก แต่ดูแข็งแรงพอที่จะฝ่ามหาสมุทร เขาเดินสำรวจดาดฟ้าเรืออย่างละเอียดเมื่อขึ้นมาเป็นครั้งแรก ลูกเรื

    Last Updated : 2025-01-24
  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 5 คลื่นคำรามแห่งความพินาศ

    เสียงคลื่นที่เคยไหลเอื่อยกลายเป็นเสียงคำรามก้องของทะเลที่บ้าคลั่ง ลมพายุพัดกระหน่ำจนใบเรือแทบขาดเป็นชิ้น เสากระโดงส่งเสียงลั่นประหนึ่งจะหักสะบั้นลงได้ทุกเมื่อ ลูกเรือบนดาดฟ้าวิ่งวุ่นพยายามยึดเชือกและควบคุมเรือไม่ให้พลิกคว่ำเม็ดฝนที่กระหน่ำลงมาเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงผิวหนัง ท้องฟ้าสีดำทะมึนตัดกับแสงฟ้าผ่าที่วูบวาบ ทุกครั้งที่แสงปรากฏ มันเผยให้เห็นใบหน้าของลูกเรือที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง “เร็วเข้า! ดึงเชือกให้แน่น!” กัปตันหญิงตะโกนลั่น แข่งกับเสียงฟ้าผ่าที่ดังสนั่นเป็นระยะ เธอยืนอยู่กลางดาดฟ้าพร้อมกับมือที่ชี้นำทุกคนอย่างมั่นคงขณะที่ทุกอย่างกำลังตกอยู่ในสถานการณ์วุ่ยวาย ชายหนุ่มจับราวเรือแน่นจนมือซีด ดวงตาของเขากวาดมองไปรอบๆ เห็นคลื่นยักษ์ลูกแล้วลูกเล่าพุ่งเข้าหาเรือ ดาดฟ้าที่เปียกชุ่มทำให้ทุกย่างก้าวลื่นไถลจนแทบจะยืนไม่อยู่ หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก ความกลัวและความหวังถูกบีบคั้นจนแทบจะขาดอากาศหายใจ ขณะที่เรือโคลงเคลงไปตามคลื่นยักษ์ แม้จะผ่านการเดินทางมาหลายวันแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ดวงตาของเขาสอดส่องไปยังลูกเรือคนอื่นที่พยายามอย่างสุดความสามารถ

    Last Updated : 2025-01-24
  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 6 ตำนานแห่งลีเวียธาน

    นานมาแล้ว ในยุคสมัยที่เทพเจ้ายังปกครองเหนือทุกสิ่ง ท้องทะเลทั้งหมดเป็นอาณาเขตของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่ง มันเป็นทั้งผู้พิทักษ์และผู้พิพากษาแห่งผืนน้ำ ชื่อของมันถูกจารึกลงในแผ่นหินโบราณ และเล่าขานด้วยความหวาดกลัว “ลีเวียธาน”ลีเวียธานคือร่างมหึมาแห่งเกลียวคลื่น ลำตัวยาวไร้ที่สิ้นสุดปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำสนิทเหมือนค่ำคืนไร้ดวงจันทร์ ดวงตาสีทองของมันส่องประกายราวกับเพลิงแห่งเทพเจ้าที่ไม่มีวันดับ ลมหายใจของมันสร้างพายุ ลำตัวของมันสร้างคลื่นยักษ์ที่สามารถกลืนกินทั้งทวีป ไม่มีสิ่งใดหนีพ้นจากเงื้อมมือของมันตามคำสั่งของเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ลีเวียธานมีหน้าที่รักษาสมดุลของทะเล กำจัดสิ่งใดก็ตามที่อาจคุกคามความบริสุทธิ์แห่งผืนน้ำ มันเป็นทั้งผู้ปกป้องและผู้ทำลาย ท้องทะเลคืออาณาเขตของมัน และไม่มีผู้ใดกล้าล่วงล้ำแต่แล้วมนุษย์ก็สร้างเรือ ล่องเรือข้ามน่านน้ำด้วยความหยิ่งผยอง ลีเวียธานมองเห็นเรือใบเหล่านั้นเป็นดั่งสิ่งแปลกปลอมที่บุกรุกเขตแดนของมัน มันพิโรธ พายุร้ายเกิดขึ้นจากหางที่สะบัดของมัน คลื่นยักษ์พัดเรือให้แตกเป็นเสี่ยงๆ นักเดินเรือมากมายจมหายสู่ก้นสมุทรพร้อมเสียงกรีดร้องที่ไม่มีผู้ใดได้ยินเทพ

    Last Updated : 2025-01-24
  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 7 รอยร้าวแห่งเกียรติยศ

    แสงแรกของวันสาดส่องลงบนชายหาดที่เงียบสงบ คลื่นทะเลซัดเอื่อย ๆ สัมผัสผืนทรายราวกับต้องการปลอบโยนผู้ที่ถูกพัดพามาเกยตื้น ลมยามเช้าพัดเอากลิ่นไอทะเลคละคลุ้งไปทั่ว เสียงนกนางนวลลอยล่องอยู่เบื้องบน ทว่าความเงียบสงบของเช้าวันนี้ถูกทำลายลงด้วยเสียงร้องของชายชรา“เฮ้ย! มีคนรอดชีวิตมาเกยตื้น!”ชาวประมงวัยกลางคนที่เดินเลาะชายหาดเพื่อเก็บหอยและเศษไม้รีบตะโกนเรียกผู้คนในหมู่บ้าน ไม่นานนัก ชาวบ้านหลายคนต่างพากันวิ่งมาตามเสียงเรียก ก่อนที่สายตาของพวกเขาจะจับจ้องไปยังร่างของผู้รอดชีวิตสามคนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนผืนทรายร่างแรกเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวหนังเต็มไปด้วยบาดแผลเก่าใหม่ปะปนกัน ทว่าในมือของเขายังคงกำดาบเก่าคร่ำคร่าราวกับสัญชาตญาณสั่งให้ไม่ปล่อยมัน แม้ว่าเขาจะหมดสติไปแล้วก็ตาม ร่างที่สองคือชายวัยกลางคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของคนร่ำรวย แต่บัดนี้ฉีกขาดและเปรอะเปื้อนโคลนจนแทบจำสภาพเดิมไม่ได้ ใบหน้าของเขาซีดเซียว ดูเหมือนจะเป็นพ่อค้าหรือขุนนางจากที่ใดที่หนึ่ง ส่วนร่างสุดท้ายคือหญิงสาวในชุดกัปตันเรือ แม้เปียกโชกไปทั้งตัวและมีร่องรอยความเหนื่อยล้าบนใบหน้า แต่ท่าทางของเธอกลับดูสงบอย่

    Last Updated : 2025-02-25
  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 8 ดาบที่ไร้ผู้ครอบครอง

    ภายในห้องประชุมของวัง บรรยากาศอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ฝนที่สาดกระหน่ำนอกหน้าต่างส่งเสียงเคาะกระจกเป็นจังหวะไม่สม่ำเสมอ คล้ายกำลังนับถอยหลังสู่บางสิ่งที่ไม่มีใครอยากเผชิญกษัตริย์นั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ตั้งอยู่สูงจากพื้น เบื้องหน้าคือเหล่าขุนนาง ขุนพล และรัชทายาททั้งสามคนที่ยืนเรียงแถว แววตาของกษัตริย์นั้นเย็นชาและเฉียบคม มองตรงไปโดยไม่พูดอะไร แต่ทุกคนรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจที่แผ่ปกคลุมไปทั้งห้องทันใดนั้น ประตูเปิดออก ข้าหลวงคนหนึ่งรีบเข้ามา คุกเข่าทันที ก่อนจะรายงานด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ... เรายังหาตัวท่าน เซลวิน ไม่เจอขอรับ”คำพูดนั้นเหมือนเสียงระเบิดในห้องเงียบๆ ทุกสายตาหันมามอง เสนาบดีบางคนเบิกตากว้าง รัชทายาทคนโตกับคนรองขมวดคิ้ว แต่มีเพียงองค์ชายคนเล็กที่แอบยิ้มมุมปาก ราวกับกำลังพอใจกับข่าวนี้เสียงทรงอำนาจดังขึ้น มันเปี่ยมไปด้วยพลังจนไม่มีใครกล้าขัด“เขาอยู่กับตระกูลวาเรนไฮม์ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงหายตัวไปได้? ไม่ใช่ว่าพวกเขารักกันดีงั้นรึ?”ข้าหลวงกลืนน้ำลายก่อนตอบ“ตอนนี้คุณหนูแคทลีน วาเรนไฮม์กำลังรีบกลับไปที่คฤหาสน์เพื่อตรวจสอบด้วยตัวเองอยู่พ่ะย่ะค่ะ... ไม่มีใคร

    Last Updated : 2025-04-07

Latest chapter

  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 10 จดหมายในกระเป๋าผ้า

    “เธอได้ยินข่าวรึยัง?”เสียงกระซิบดังขึ้นในร้านขนมปังซึ่งมักเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของแม่บ้าน แต่เช้านี้ กลับมีแต่ความเงียบงันตึงเครียดราวกับพายุจะมา หญิงสาวสองคนยืนต่อคิวอยู่ใกล้ตะกร้าขนมปังอบใหม่ แต่ไม่มีใครสนใจกลิ่นหอมกรุ่นเหล่านั้นอีกต่อไป“เรื่อง ไอ้คุณชายจากตระกูลทรยศ นั่นน่ะเหรอ?” อีกคนตอบทันทีด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยรังเกียจ“นังคนใช้ที่บ้านฉันเล่าว่า เขาหายตัวไปจากคฤหาสน์กลางดึกเลยนะ ทั้งที่คุณหนูแคทลีนก็อุตส่าห์เลี้ยงไว้เป็นอย่างดี พยายามดึงขึ้นมาจากดินจากโคลน พอถึงเวลากลับตอบแทนด้วยการ หนีหาย อย่างกับคนขี้ขลาด!”“แย่ยิ่งกว่านั้นอีกเถอะ! ไอ้นี่สิ! อยู่กินกับตระกูลคู่หมั้นของตัวเอง พอมีโอกาสพิสูจน์ความจริง ก็ถอยหลังกลับลำ ทิ้งคุณหนูเขาไว้ให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน!”หญิงอีกคนยกมือขึ้นกอดอกแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์“เขาว่ากันว่า...คืนก่อนจะหายตัวไป มีคนเห็นเขาแอบคุยกับชายแปลกหน้าสองคนตรงท่ารถใต้ดินฝั่งตะวันตกของเมือง แล้วก็หายเงียบ! นี่มันไม่ใช่บังเอิญแล้ว! มันคือ การวางแผนหลบหนี ชัดๆ!”“ใช่! แล้วคนในตลาดตอนนี้ก็พูดกันว่า ไอ้คุณชายบ้านั่น อาจจะเป็นสายลับให้พวกประเทศอื่นก็ได้!”“สายลับเ

  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 9 แผนที่เกือบไร้ช่องโหว่

    เสียงฝนโปรยปรายดังสะท้อนกระจกหน้าต่างรถม้าที่เร่งสปีดผ่านถนนกรวดกลับไปยังคฤหาสน์วาเรนไฮม์ หญิงสาวในชุดดำเรียบหรูเอนตัวมาข้างหน้า มือกำชายผ้าคลุมแน่น เธอไม่อาจซ่อนความกระวนกระวายใจได้ประตูรถยังไม่ทันเปิดสนิท ร่างนั้นก็ก้าวลงอย่างรวดเร็ว รองเท้าบูตกระแทกลานหินเสียงดัง เธอไม่เหลียวมองข้ารับใช้ที่วิ่งเข้ามาต้อนรับด้วยซ้ำ เอ่ยถามทันทีโดยไม่หยุดเดิน“เขาหายตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”หัวหน้าแม่บ้านที่รออยู่ใกล้บันไดขยับเข้ามาอย่างร้อนรน“เมื่อวานช่วงสายค่ะคุณหนู ข้ารับใช้เห็นว่าเขาไม่ได้ออกมาทำงาน เลยไปดูที่ห้องแต่ก็ไม่เจอ ไม่ทราบแน่ชัดว่าออกไปเมื่อใด”“แล้วได้สั่งให้คนที่เหลือไปตรวจสอบรอบๆ เมืองรึยัง?”“ค่ะ ดิฉันได้สั่งการไปแล้ว แต่ขณะนี้ก็ยังไม่เจอคุณชายเลยค่ะ…”เธอไม่รอฟังต่อ ก้าวฉับๆ ไปทางฝั่งตะวันตกของคฤหาสน์ เส้นทางเปียกชื้นจากฝนทำให้เสียงฝีเท้าดังขึ้นกว่าปกติ อาคารของข้ารับใช้เงียบผิดสังเกต แม้จะไม่ใช่เวลาพักแคทลีนมุ่งตรงไปยังห้องของเขา เธอแค่ต้องการดู—ว่าเขาทิ้งอะไรไว้หรือเปล่า บางอย่างที่อาจบอกได้ว่าเขาจากไปเพราะเหตุจำเป็น... หรือเพราะตั้งใจ“หรือว่า…เขาหายไปเพราะสภาพแวดล้อมไม่ดี?”ปร

  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 8 ดาบที่ไร้ผู้ครอบครอง

    ภายในห้องประชุมของวัง บรรยากาศอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ฝนที่สาดกระหน่ำนอกหน้าต่างส่งเสียงเคาะกระจกเป็นจังหวะไม่สม่ำเสมอ คล้ายกำลังนับถอยหลังสู่บางสิ่งที่ไม่มีใครอยากเผชิญกษัตริย์นั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ตั้งอยู่สูงจากพื้น เบื้องหน้าคือเหล่าขุนนาง ขุนพล และรัชทายาททั้งสามคนที่ยืนเรียงแถว แววตาของกษัตริย์นั้นเย็นชาและเฉียบคม มองตรงไปโดยไม่พูดอะไร แต่ทุกคนรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจที่แผ่ปกคลุมไปทั้งห้องทันใดนั้น ประตูเปิดออก ข้าหลวงคนหนึ่งรีบเข้ามา คุกเข่าทันที ก่อนจะรายงานด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ... เรายังหาตัวท่าน เซลวิน ไม่เจอขอรับ”คำพูดนั้นเหมือนเสียงระเบิดในห้องเงียบๆ ทุกสายตาหันมามอง เสนาบดีบางคนเบิกตากว้าง รัชทายาทคนโตกับคนรองขมวดคิ้ว แต่มีเพียงองค์ชายคนเล็กที่แอบยิ้มมุมปาก ราวกับกำลังพอใจกับข่าวนี้เสียงทรงอำนาจดังขึ้น มันเปี่ยมไปด้วยพลังจนไม่มีใครกล้าขัด“เขาอยู่กับตระกูลวาเรนไฮม์ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงหายตัวไปได้? ไม่ใช่ว่าพวกเขารักกันดีงั้นรึ?”ข้าหลวงกลืนน้ำลายก่อนตอบ“ตอนนี้คุณหนูแคทลีน วาเรนไฮม์กำลังรีบกลับไปที่คฤหาสน์เพื่อตรวจสอบด้วยตัวเองอยู่พ่ะย่ะค่ะ... ไม่มีใคร

  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 7 รอยร้าวแห่งเกียรติยศ

    แสงแรกของวันสาดส่องลงบนชายหาดที่เงียบสงบ คลื่นทะเลซัดเอื่อย ๆ สัมผัสผืนทรายราวกับต้องการปลอบโยนผู้ที่ถูกพัดพามาเกยตื้น ลมยามเช้าพัดเอากลิ่นไอทะเลคละคลุ้งไปทั่ว เสียงนกนางนวลลอยล่องอยู่เบื้องบน ทว่าความเงียบสงบของเช้าวันนี้ถูกทำลายลงด้วยเสียงร้องของชายชรา“เฮ้ย! มีคนรอดชีวิตมาเกยตื้น!”ชาวประมงวัยกลางคนที่เดินเลาะชายหาดเพื่อเก็บหอยและเศษไม้รีบตะโกนเรียกผู้คนในหมู่บ้าน ไม่นานนัก ชาวบ้านหลายคนต่างพากันวิ่งมาตามเสียงเรียก ก่อนที่สายตาของพวกเขาจะจับจ้องไปยังร่างของผู้รอดชีวิตสามคนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนผืนทรายร่างแรกเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวหนังเต็มไปด้วยบาดแผลเก่าใหม่ปะปนกัน ทว่าในมือของเขายังคงกำดาบเก่าคร่ำคร่าราวกับสัญชาตญาณสั่งให้ไม่ปล่อยมัน แม้ว่าเขาจะหมดสติไปแล้วก็ตาม ร่างที่สองคือชายวัยกลางคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของคนร่ำรวย แต่บัดนี้ฉีกขาดและเปรอะเปื้อนโคลนจนแทบจำสภาพเดิมไม่ได้ ใบหน้าของเขาซีดเซียว ดูเหมือนจะเป็นพ่อค้าหรือขุนนางจากที่ใดที่หนึ่ง ส่วนร่างสุดท้ายคือหญิงสาวในชุดกัปตันเรือ แม้เปียกโชกไปทั้งตัวและมีร่องรอยความเหนื่อยล้าบนใบหน้า แต่ท่าทางของเธอกลับดูสงบอย่

  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 6 ตำนานแห่งลีเวียธาน

    นานมาแล้ว ในยุคสมัยที่เทพเจ้ายังปกครองเหนือทุกสิ่ง ท้องทะเลทั้งหมดเป็นอาณาเขตของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่ง มันเป็นทั้งผู้พิทักษ์และผู้พิพากษาแห่งผืนน้ำ ชื่อของมันถูกจารึกลงในแผ่นหินโบราณ และเล่าขานด้วยความหวาดกลัว “ลีเวียธาน”ลีเวียธานคือร่างมหึมาแห่งเกลียวคลื่น ลำตัวยาวไร้ที่สิ้นสุดปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำสนิทเหมือนค่ำคืนไร้ดวงจันทร์ ดวงตาสีทองของมันส่องประกายราวกับเพลิงแห่งเทพเจ้าที่ไม่มีวันดับ ลมหายใจของมันสร้างพายุ ลำตัวของมันสร้างคลื่นยักษ์ที่สามารถกลืนกินทั้งทวีป ไม่มีสิ่งใดหนีพ้นจากเงื้อมมือของมันตามคำสั่งของเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ลีเวียธานมีหน้าที่รักษาสมดุลของทะเล กำจัดสิ่งใดก็ตามที่อาจคุกคามความบริสุทธิ์แห่งผืนน้ำ มันเป็นทั้งผู้ปกป้องและผู้ทำลาย ท้องทะเลคืออาณาเขตของมัน และไม่มีผู้ใดกล้าล่วงล้ำแต่แล้วมนุษย์ก็สร้างเรือ ล่องเรือข้ามน่านน้ำด้วยความหยิ่งผยอง ลีเวียธานมองเห็นเรือใบเหล่านั้นเป็นดั่งสิ่งแปลกปลอมที่บุกรุกเขตแดนของมัน มันพิโรธ พายุร้ายเกิดขึ้นจากหางที่สะบัดของมัน คลื่นยักษ์พัดเรือให้แตกเป็นเสี่ยงๆ นักเดินเรือมากมายจมหายสู่ก้นสมุทรพร้อมเสียงกรีดร้องที่ไม่มีผู้ใดได้ยินเทพ

  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 5 คลื่นคำรามแห่งความพินาศ

    เสียงคลื่นที่เคยไหลเอื่อยกลายเป็นเสียงคำรามก้องของทะเลที่บ้าคลั่ง ลมพายุพัดกระหน่ำจนใบเรือแทบขาดเป็นชิ้น เสากระโดงส่งเสียงลั่นประหนึ่งจะหักสะบั้นลงได้ทุกเมื่อ ลูกเรือบนดาดฟ้าวิ่งวุ่นพยายามยึดเชือกและควบคุมเรือไม่ให้พลิกคว่ำเม็ดฝนที่กระหน่ำลงมาเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงผิวหนัง ท้องฟ้าสีดำทะมึนตัดกับแสงฟ้าผ่าที่วูบวาบ ทุกครั้งที่แสงปรากฏ มันเผยให้เห็นใบหน้าของลูกเรือที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง “เร็วเข้า! ดึงเชือกให้แน่น!” กัปตันหญิงตะโกนลั่น แข่งกับเสียงฟ้าผ่าที่ดังสนั่นเป็นระยะ เธอยืนอยู่กลางดาดฟ้าพร้อมกับมือที่ชี้นำทุกคนอย่างมั่นคงขณะที่ทุกอย่างกำลังตกอยู่ในสถานการณ์วุ่ยวาย ชายหนุ่มจับราวเรือแน่นจนมือซีด ดวงตาของเขากวาดมองไปรอบๆ เห็นคลื่นยักษ์ลูกแล้วลูกเล่าพุ่งเข้าหาเรือ ดาดฟ้าที่เปียกชุ่มทำให้ทุกย่างก้าวลื่นไถลจนแทบจะยืนไม่อยู่ หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก ความกลัวและความหวังถูกบีบคั้นจนแทบจะขาดอากาศหายใจ ขณะที่เรือโคลงเคลงไปตามคลื่นยักษ์ แม้จะผ่านการเดินทางมาหลายวันแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ดวงตาของเขาสอดส่องไปยังลูกเรือคนอื่นที่พยายามอย่างสุดความสามารถ

  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 4 เส้นทางบนเกลียวคลื่น

    เสียงคลื่นกระทบเรือไม้ดังสะท้อนในความมืดของมหาสมุทร ชายหนุ่มยืนพิงราวเรือ พลางทอดสายตามองเส้นขอบฟ้าที่ลับหายไปกับแสงดาว คืนนี้เงียบสงบ เหมาะกับการรับสายลมเย็นที่พัดผ่านตอนแรกเขาตั้งใจจะอาศัยอยู่ที่ท่าเรือสักพักหนึ่ง แล้วค่อยออกเดินทางต่อ ท่าเรือนั้นเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ร้านเหล้าเสียงดัง ผู้คนเดินขวักไขว่ เหมาะกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่แล้วคำเชิญจากพ่อค้าก็เปลี่ยนความตั้งใจของเขาพ่อค้าคนนี้เป็นคนเดียวกับที่เขาขอติดเกวียนมาด้วย เมื่อเขาได้เห็นฝีมือการต่อสู้ของชายหนุ่มในระหว่างการเดินทาง พ่อค้าจึงเสนอค่าจ้างก้อนใหญ่เพื่อให้คุ้มกันสินค้าไปยังทวีปอื่น แม้ตอนแรกจะลังเล แต่เมื่อคิดถึงค่าตอบแทน สวัสดิการที่ได้รับ แถมโอกาสเดินทางไกลที่เขาไม่เคยสัมผัส เขาจึงตอบรับข้อเสนอ"ถึงตอนแรกจะไม่ชิน ทำให้เมาเรือก็เถอะ แต่พอปรับตัวได้ มันก็ไม่เลวเลย…." เขาพึมพำกับตัวเองกลุ่มผู้คุ้มกันที่พ่อค้าจ้างมาก่อนหน้านี้ได้สลายตัว แยกย้ายออกไปแล้ว เหลือเพียงเขาและพวกอีกไม่กี่คนที่ตัดสินใจเดินทางต่อเรือลำนี้ไม่ใหญ่นัก แต่ดูแข็งแรงพอที่จะฝ่ามหาสมุทร เขาเดินสำรวจดาดฟ้าเรืออย่างละเอียดเมื่อขึ้นมาเป็นครั้งแรก ลูกเรื

  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 3 ความต้องการที่ลุ่มหลง

    ย่านกลางเมืองหลวงในคฤหาสน์ขุนนางของตระกูลวาเลนไฮน์แสงแดดอ่อนยามสายส่องผ่านม่านหน้าต่างหรูหราในห้องรับรองส่วนตัว หญิงสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนจดหมาย ใบหน้าของเธอเรียบเฉย แต่ในแววตากลับมีประกายแห่งความกังวลซ่อนเร้น เธอเพิ่งเปิดจดหมายฉบับล่าสุดจากหัวหน้าคนรับใช้ที่ติดตามคู่หมั้นของเธอ ข่าวลือในจดหมายชวนให้หัวใจหนักอึ้ง—เขายังคงใช้ชีวิตขาดความรับผิดชอบ ไม่ยอมฝึกฝน หรือทำงานใดๆ อย่างที่ควรจะเป็นเธอวางจดหมายลง ถอนหายใจยาว ความผิดหวังแทรกซึมในใจลึกยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ภาพความทรงจำในอดีตยังแจ่มชัด เธอเคยเห็นเขาเป็นอัศวินผู้เปี่ยมด้วยศักดิ์ศรี ฝีมือดาบที่เฉียบคมและสายตาที่มุ่งมั่น วันนี้ทุกอย่างนั้นกลายเป็นเงาจางๆ คนที่เธอเคยศรัทธาดูเหมือนจะหลงทาง ไม่มีแววตาแห่งการต่อสู้เหลืออยู่เลยเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางเดินด้านนอก ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออกอย่างถือวิสาสะ องค์รัชทายาทลำดับที่สามก้าวเข้ามา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แต่งแต้มบนใบหน้า ดวงตาของเขามีประกายแห่งความเหนือกว่า“ท่านหญิง” เขาเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่เจือด้วยความมั่นใจที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าอยู่ที่นี่ เลยตั้งใจมาเยี่ยม”

  • อดีตอัศวินผันตัวเป็นนักผจญภัย   ตอนที่ 2 ใต้ฟ้ากว้างไร้กรอบจำกัด

    รุ่งอรุณตอนเช้าในคฤหาสน์แสงแดดอ่อนๆลอดผ่านผ้าม่านผืนบาง หญิงสาวที่หลับไหลลืมตาตื่น เธอเริ่มต้นวันตามปกติด้วยการล้างหน้า ก่อนที่จะสวมชุดคลุมเรียบหรู แล้วเดินตรงไปที่หน้าต่างสนามฝึกด้านล่างเป็นสิ่งแรกที่เธอมองหา ดวงตาของเธอกวาดมองไปทั่วบริเวณ แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า—ไม่มีแม้แต่เงาของ อดีตคู่หมั้นของเธอเลยแม้แต่น้อยเธอยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพึมพำ“จะต้องให้ฉันพูดอีกกี่ครั้งถึงจะทำตัวดีขึ้นเนี่ย...”น้ำเสียงของเธอเจือความเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขุ่นเคืองในทันทีอดีตคู่หมั้นของเธอ ที่ครั้งนึงเคยเป็นอัศวินผู้แข็งแกร่ง เปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรีและความสามารถ แต่หลังจากตระกูลล่มสลาย สถานะของเขาก็ถูกลดทอนลง นับแต่นั้น เขาก็แสดงให้เห็นด้านที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น—ความเฉื่อยชา“เมื่อก่อนยังออกมาซ้อมอยู่ตลอดแท้ๆ หลังๆมานี้ทำตัวขี้เกียจขึ้นสิน่ะ”เธอบ่นเบาๆพลางนึกย้อนถึงช่วงแรกๆที่เขาถูกลดสถานะเลง ตอนนั้นชายหนุ่มยังคงตื่นแต่เช้ามาฝึกดาบอยู่เสมอ แต่ช่วงหลังๆมานี้... เธอแทบไม่เห็นภาพนั้นอีกแล้วเธอเดินกลับมานั่งที่โต๊ะเล็กข้างเตียง หยิบปากกาและกระดาษขึ้นมา ก่อนจะเริ่มเขียนรายการที่ตั้งใจจ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status