Share

บทที่ 334

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
หลังจากนั้นมินาน เหล่าขุนนางต้าเหยียนต่างก็ส่ายหัวและถอนหายใจ

“หากฟ้าสร้างกระดาน หมากคือเหล่าดวงดารา ผู้ใดหนาจะกล้าลงเล่น? โคลงคู่นี้น่าทึ่งจริง ๆ!”

“โคลงคู่แรกนี้ยิ่งใหญ่และทรงพลังยิ่งนัก!”

“นั่นสิ เปิดมาได้อย่างเฉียบขาดเช่นนี้ มิแปลกใจเลยที่หนานกงจื่อชินจะเป็นบุตรแห่งนักปราชญ์ของหอดารารักษ์ สมคำร่ำลือจริง ๆ!”

“เฮ้อ องค์รัชทายาทมิควรให้เป่ยเยี่ยนเป็นฝ่ายคิดโจทย์เลย รอบนี้พวกเราพ่ายแพ้แล้ว”

“นั่นสิ กว่าจะชนะได้สักรอบนั้นมิง่ายเลย สุดท้ายพวกเราก็แพ้อีกแล้ว”

“...”

ในตอนนี้แม้แต่เว่ยเจิงและเหลยเจิ้นที่มีความรู้ความสามารถก็ยังมิพูดอะไร พลางขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ

ฉินหยางกล่าวโทษด้วยความมิพอใจ “องค์รัชทายาท ดูเถิดว่าท่านทำเรื่องงามหน้าอะไรลงไป กว่าจะชนะได้สักรอบนั้นมิง่ายเลย แต่ตอนนี้กลับคืนให้อีกฝ่ายไปหมดแล้ว ท่านจะอธิบายกับเสด็จพ่ออย่างไร?”

ฉินซูยิ้มเยาะ “ข้ายังมิได้สู้กลับเลย เจ้าพูดมาได้อย่างไรว่ารอบนี้พ่ายแพ้แล้ว?”

“หึ ๆ เช่นนั้นต่อโคลงคู่ที่สองได้หรือไม่เล่าพ่ะย่ะค่ะ?”

“แน่นอน!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็มองไปที่ฉินซูด้วยความมิอยากเชื่อ

แม้แต่ฉินอู๋ต้าว เว่ยเจิงแ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 335

    มู่หรงฟู่และคนอื่น ๆ จากเป่ยเยี่ยนก็ตกตะลึงเช่นกันหนานกงจื่อชินส่ายหัวโดยมิรู้ตัวและพึมพำด้วยความมิอยากเชื่อ “เป็น… เป็นไปได้อย่างไรกัน องค์รัชทายาททรงต่อโคลงบทแรกอย่างทรงพลังเช่นนี้ได้อย่างไร?”โคลงคู่ที่ในอดีตเขามิสามารถต่อได้ แต่ฉินซูกลับทำได้ มันยากมากที่เขาจะยอมรับข้อเท็จจริงนี้ได้เฉิงจืออี้มองฉินซูด้วยความประหลาดใจ และอดมิได้ที่จะอุทานอย่างชื่นชม “คาดมิถึงว่าองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนจะทรงต่อโคลงคู่ที่สองได้อย่างงดงามประณีตถึงเพียงนี้ กระหม่อมขอชื่นชมจากใจจริงพ่ะย่ะค่ะ!”พูดจบ เขาก็ประสานมือคารวะฉินซูอย่างจริงใจด้วยความประทับใจในความรู้ความสามารถของฉินซูอย่างแท้จริงหลังจากที่ได้มาสมทบกับหนานกงจื่อชินและคนอื่น ๆ เขาก็ได้รู้โคลงคู่แรกจากปากของอีกฝ่ายซึ่งก็คือ ‘หากฟ้าสร้างกระดาน หมากคือเหล่าดวงดารา ผู้ใดหนาจะกล้าลงเล่น’เขากับหนานกงจื่อชินและคนอื่น ๆ ต่างใช้ความคิดกันอย่างหนักมาหลายวัน แต่ก็มิสามารถคิดโคลงคู่สองที่เหมาะสมได้เมื่อครู่ที่หนานกงจื่อชินเอ่ยโคลงคู่แรกออกมา เขาก็เชื่อว่าเป่ยเยี่ยนจะต้องชนะการแข่งในรอบนี้แต่มิว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาก็มิเคยคาดคิดว่า ฉินซูจะต่อโคลงค

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 336

    ทันทีที่ฉินซูพูดจบ ทุกคนก็อุทานออกมา“มิจริงน่า? องค์รัชทายาททรงจะท้าทายวงการวรรณกรรมเป่ยเยี่ยนด้วยตัวคนเดียวหรือ?”“เมื่อครู่มู่หรงฟู่พูดไว้มิใช่หรือว่า คนเหล่านั้นที่มาในครั้งนี้ล้วนเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นที่มีความรู้ความสามารถ และแน่นอนว่าต้องโดดเด่นในเป่ยเยี่ยนมากพอที่จะเป็นตัวแทนวงการวรรณกรรมแห่งเป่ยเยี่ยนได้”“แต่องค์รัชทายาททรงแข็งแกร่งและมุ่งมั่นมาก หากทรงสามารถเอาชนะการประลองรอบนี้ได้ ชื่อเสียงของพระองค์ต้องโด่งดังไปทั่วแว่นแคว้นเป็นแน่!!”“คิดไกลไปกระมัง? เฉิงจืออี้เป็นผู้อาวุโสแห่งสำนักหอสมุดหลวงของเป่ยเยี่ยนเชียวนะ จนถึงตอนนี้เขายังมิได้ออกโรงเลย หากเขาเป็นผู้คิดโจทย์ องค์รัชทายาทจะทรงมั่นใจหรือว่าพระองค์สามารถตอบโต้ได้?”“ที่พูดมาก็ถูก คนรุ่นหลังที่ยังเยาว์เช่นหนานกงจื่อชินย่อมไม่มีอะไรต้องกังวล แต่ท่านผู้อาวุโสเฉิงรับผิดชอบดูแลสำนักหอสมุดหลวงของเป่ยเยี่ยนมานับทศวรรษ พูดได้ว่าเขาคลุกคลีอยู่กับบทกวีและเพลงกลอนทุกวัน โจทย์ที่เขาคิดนั้นต้องพิเศษอย่างแน่นอน แม้องค์รัชทายาทจะทรงมีความสามารถที่โดดเด่น แต่ก็อาจมิสามารถรับมือได้”ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกัน พวกเขาก็เริ่มทำสีหน้ากังวลอ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 337

    ฉินซูเพียงแค่ยิ้มเบา ๆ ให้พวกนางทั้งสองและมองไปที่ฉินอู๋ต้าว“เสด็จพ่อ อ๋องหนิงเป็นฝ่ายเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา หากลูกมิตอบตกลง เกรงว่าจะทำให้ตำหนักบูรพาและเสด็จพ่อทรงต้องขายพระพักตร์ ดังนั้น ขอเพียงเสด็จพ่อทรงเห็นด้วย อ๋องหนิงก็ยินดีที่จะให้เป็นไปตามนี้เช่นกัน เท่านี้ ก็จะเป็นไปตามที่เขาต้องการพ่ะย่ะค่ะ!”หลังจากที่ฉินซูพูดจบ ฉินหยาง ฉินหงและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกเบิกบาน!เจ้าฉินซู กล้าเอาตำแหน่งในตำหนักบูรพามาใช้เป็นเดิมพัน อวดดีถึงขั้นนี้เชียวรึ?ก็ดี กำลังกังวลที่หาวิธีโค่นเจ้ามิได้อยู่พอดี ในเมื่อเจ้าหาวิธีมาให้ขข้าถึงที่เช่นนี้ ก็อย่าโทษที่พวกข้ามิไว้หน้าก็แล้วกันเมื่อคิดได้เช่นนั้น ฉินหยางที่กลัวว่าใต้หล้าจะวุ่นวายมิพอก็เอ่ยขึ้น “เสด็จพี่รอง ในเมื่อองค์รัชทายาทตรัสเช่นนี้แล้ว ดังนั้นท่านจะทำตัวขี้ขลาดมิได้ มิว่าอย่างไรท่านก็ต้องเดิมพันกับองค์รัชทายาทสิ!”ฉินหงก็กล่าวด้วยว่า “ถูกต้อง มิเช่นนั้นมันจะเป็นการมิไว้หน้าองค์รัชทายาท นอกจากนี้ทางเป่ยเยี่ยนก็มีท่านผู้อาวุโสเฉิงคอยรับผิดชอบอยู่ ท่านมิต้องกังวลเลย!”ฉินเซียวส่งสายตาเป็นประกายวาว ในใจก็นึกลังเลขึ้นมาตอนนี้ฉินซูตกลงที่จะเดิม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 338

    มู่หรงฟู่กล่าวด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ “ฉินซู ถึงตาท่านแล้ว นี่คือโคลงเล่นคำสำนวน หากต่อโคลงมิได้ ท่านก็จะมิได้เป็นองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนอีกต่อไป จากนี้ก็ระวังด้วย ฮ่า ๆ ๆ !”ฉินซูยิ้มเบา ๆ พลางส่ายหัว!เมื่อเห็นเช่นนั้น หนานกงจื่อชินก็แทบรอมิไหวที่จะถาม “ฉินซู ท่านส่ายหน้าเช่นนี้หมายความว่าต่อโคลงมิได้ใช่หรือไม่?”ทุกคนจ้องมองไปที่ฉินซู รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน!แต่ฉินซูกลับยิ้มเยาะและพูดว่า “โคลงคู่แรกง่ายถึงเพียงนี้จะไปยากอะไรกัน ข้ามิคิดจะสนใจมันด้วยซ้ำ!”ขุนนางผู้คิดโคลงคู่แรกเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง “ฮ่า ๆ ท่านช่างคุยโวได้อย่างมิละอายใจเสียจริง เช่นนั้น ท่านก็ต่อโคลงคู่ที่สองมาเถิด!”ฉินซูไพล่มือไว้ด้านหลังแล้วพูดอย่างมิเร็วหรือช้าจนเกินไป “ภูตผีวิญญาณแห่งธารน้ำและขุนเขา ปีศาจทั้งสี่เหล่า เผยเงาอยู่เบื้องหน้า!”ทันใดนั้น ด้านหน้าพระที่นั่งขนาดใหญ่ก็เงียบเป็นเป่าสาก!มิรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรเสียงพัดในมือของหนานกงจื่อชินที่หล่นลงพื้นดัง ‘พรึ่บ’ ได้ทำลายความเงียบของสถานที่แห่งนั้นภายในชั่วพริบตานั้น…“โอ้! องค์ชายรัชทายาทผู้เกรียงไกร!” หวังฉือชูมือกู่ร้องเสียงดัง!ขุนนางห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 339

    เมื่อได้ยินคำพูดของฉินซู ใบหน้าของมู่หรงจื่อเยียนก็ซีดเผือดด้วยความตกใจ!เดิมทีนางคิดว่าโคลงคู่แรกของนางสามารถหยุดยั้งฉินซูได้แล้ว แต่นางคาดมิถึงว่า อีกฝ่ายมิเพียงต่อโคลงได้เท่านั้น ทว่ายังคิดโคลงคู่สองบทออกมาในเวลาเดียวกันได้อีกด้วย!มาถึงตอนนี้นางมิกล้าดูถูกฉินซูอีกแล้วหากเพียงครั้งสองครั้งก็อาจกล่าวได้ว่าอีกฝ่ายโชคดี แต่เป็นหลายครั้งหลายคราที่ฉินซูสามารถจัดการได้โดยมิต้องใช้ความพยายามใด ๆ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 340

    มู่หรงฟู่ยิ้มเยาะและพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านก็แต่งบทกวีสิ กระหม่อมมิเชื่อหรอกว่าท่านจะทำได้จริง ๆ!”ฉินซูกลอกตาไปมา จากนั้นก็ขยิบตาแล้วถามว่า “มู่หรงฟู่ ในเมื่อพูดเช่นนี้ เจ้าอยากเดิมพันกับข้าด้วยหรือไม่?”มู่หรงฟู่พูดโดยมิได้คิดอะไร “เดิมพันก็เดิมพัน ใครกลัวกันเล่า!”แต่ทันทีที่พูดจบ เขาก็รู้สึกมิสบายใจขึ้นมาจึงรีบพูดต่อ “แต่งบทเดียวมินับ ถึงอย่างไรก็ต้องแต่งสอง… โอ้ ไม่สิ สามบทแล้วกัน! หากท่านแต่งกวีสามบทเกี่ยวกับเพลงอำลามิได้ก็จะถือว่าแพ้ จากนั้นก็ต้องเห่าให้เหมือนสุนัขต่อหน้าธารกำนัล กล้าหรือไม่?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็บังเกิดความโกลาหล ณ ที่แห่งนี้ให้องค์รัชทายาทเห่าเลียนแบบสุนัขน่ะหรือ นี่มิเป็นการโยนศักดิ์ศรีของราชวงศ์ต้าเหยียนลงพื้นแล้วเหยียบย่ำอย่างหนักหรือไรมิทันที่พวกเขาจะได้พูดอะไร ฉินซูก็ตอบตกลงอย่างมิลังเล“ตกลง หากข้าแต่งกวีสามบทได้ หลังจากคล้ายวันพระราชสมภพของไทฮองไทเฮา เจ้า มู่หรงฟู่จะต้องอยู่ในเมืองหลงเฉิงแคว้นต้าเหยียนเป็นเวลาครึ่งปี!”คำพูดของฉินซูทำให้สีหน้าของฉินอู๋ต้าวเปลี่ยนไป!ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ มู่หรงฟู่จะสามารถกลับไปยังเป่ยเยี่ยนได้หลังจ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 341

    คำพูดนี้ของฉินซูมิใช่เป็นการถ่อมตัวเสียทีเดียว เพราะหากเขามิใช่ผู้เดินทางข้ามเวลามาแล้วนั้น มิต้องพูดถึงกวีโบราณเลย แม้แต่ต่อโคลงคู่ เขาก็คงทำมิได้ด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าท่าทางถ่อมตัวของเขาในสายตาของมู่หรงฟู่นั้นกลับกลายเป็นการเสแสร้ง! มู่หรงฟู่แค่นเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชาก่อนจะเอ่ยเร่งอย่างหงุดหงิดว่า “ฉินซู นี่แค่หนึ่งบทเท่านั้น ยังเหลืออีกสองบท!” “ในเมื่อเจ้าร้อนใจเช่นนี้ ข้าก็จะมิหลบซ่อนอีกแล้ว ทุกคนจงฟังให้ดี!” ฉินซูกระแอมและเริ่มเปล่งเสียงท่องบทกวีดังชัดเจน “อัสดงหม่นหมองท้องฟ้าอุไรไกลนับพันลี้ มีฝูงห่านลมพัดผ่านหิมะโปรยปราย อย่ากังวลเรื่องสหายภายภาคหน้า ทั้งใต้หล้าผู้ใดหนามิรู้จักท่าน!” เขาท่องแค่บทที่หนึ่งของบทกวีอำลาต่งต้าเท่านั้นส่วนบทที่สองนั้นมิจำเป็นต้องเอ่ยออกมาเลยเพราะแค่บทแรกก็ทำให้พวกเขาร้องอุทานอย่างประหลาดใจได้แล้ว เป็นไปตามคาด เมื่อเสียงของเขาหยุดลง ทุกคนต่างประทับใจและหลงใหลไปตาม ๆ กัน “อย่ากังวลเรื่องสหายภายภาคหน้า ทั้งใต้หล้าผู้ใดหนามิรู้จักท่าน! ช่างเป็นกวีที่ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมนัก!” “บทกวีเต็มไปด้วยจินตภาพอันงดงาม แค่หลับตาลงก็เห็นภาพท้องฟ้าอุ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 342

    เมื่อได้ยิน ทุกคนต่างตกใจอีกครั้ง! ”ว่ากระไรนะ? บทกวีของรัชทายาทสามารถร้องเป็นเพลงได้งั้นหรือ?” “มิเคยได้ยินและมิเคยเห็นเรื่องเช่นนี้เลยจริงๆ!” “รัชทายาททรงรีบร้องเถิด พวกเราอดใจรอมิไหวแล้ว!” ทุกคนพูดพร้อมกับพากันเอ่ยเร่งออกมา ยามนี้เอง มู่หรงจื่อเยียนก็พูดขึ้นมาว่า “หม่อมฉันสามารถดีดพิณได้ หากองค์รัชทายาทมิรังเกียจ หม่อมฉันจะเป็นผู้บรรเลงพิณให้ท่านเอง” “ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!” สายตาทุกคนหันมาจับจ้องที่มู่หรงจื่อเยียนทันที! เซี่ยหลานที่เต็มไปด้วยความหึงหวง เอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “ท่านหญิงจื่อเยียน ท่านเป็นชาวเป่ยเยี่ยน ตอนนี้เสนอตัวดีดพิณให้กับองค์รัชายาทต้าเหยียนของพวกเรา เช่นนี้… ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?” หนานกงจื่อชินสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยก่อนจะกล่าวตำหนิเบา ๆ ว่า “จื่อเยียน ท่านทำเกินไปหน่อยกระมัง อย่าลืมว่าท่านคือท่านหญิงแห่งเป่ยเยี่ยนของเรา” มู่หรงจือเยียนขบริมฝีบากเบา ๆ แล้วอธิบายอย่างน้อยใจว่า “ข้าเพียงแค่ต้องการผ่อนคลายบรรยากาศเท่านั้น ถึงแม้การประลองนี้จะเกี่ยวข้องกับสองแคว้น ทว่าก่อนหน้านี้ตกลงกันไว้ว่า เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนความรู้เท่านั้น เพราะฉะนั้นมิจำเป็นต้องทำใ

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 709

    ทันทีที่เขาลงบันไดมา จีอันก็ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ศิษย์พี่รอง โดนดุมาหรือไร?”“ไป ๆ ๆ หัวโขกจนปูดไปหมด เรื่องนี้ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย!”“ดูเถอะ ขี้ใจน้อยเหมือนสตรีไปได้”“นี่ เจ้าอยู่ดี ๆ มิชอบใช่หรือไม่? ข้าจะฟาดเจ้าคอยดูเถอะ!” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปหาแส้ยาวมาจากไหนก็มิทราบจีอันแคะขี้มูกแล้วกล่าวอย่างมิได้ยี่หระว่า “ข้ามิกลัวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรท่านก็สู้ข้ามิได้”“ข้า… เจ้ามันร้ายกาจ ข้ายอมแพ้!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหมดความอดทนใดทันที จีอันผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังหนา อีกทั้งยังเก่งกาจจนน่าขนลุก สู้มิได้ เขาหลบดีกว่าพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมื่อเห็นฉินซู จีอันก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้โหแฮะ องค์รัชทายาท มิไปประกาศศักดาที่ใดหรือ ไฉนจึงมาเยือนสำนักหอดูดาวหลวงของเราได้?”ฉินซูงงงวยเล็กน้อย จึงถามกลับว่า “ตัวข้าต้องไปประกาศศักดาที่ใดเล่า? อวดอ้างกระไร?”“ท่านมิทรงทราบหรือ? ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยง่ายเหมือนปอกกล้วยเช่นนี้ ผลงานระดับนี้ไยมิไปประกาศให้ทั่วเล่า? หากเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะร้องแรกแหกกระเชอคุยโวไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ท่านนี่ช่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 708

    ชิวก่วนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “หาได้มีโจรผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาไม่พ่ะย่ะค่ะ หูก่วงเซิงและพวกตายไปโดยไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ? หูก่วงเซิงและพวกตายแล้วรึ?”ฉงชูโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่แค่พวกเขา แม้แต่กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นนายของอ๋องฉู่ก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว”“ว่ากระไรนะเพคะ?”ฉงชูโม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง!เมื่อได้สติกลับมา นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ด้วยกำลังของอ๋องฉู่เพียงลำพัง ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่ ดังนั้นเบื้องหลังของเขาต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือเป็นแน่เพคะ!”ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศพของหูก่วงเซิงและพวกอยู่ที่ใด?”“ตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ไปดูกัน”ฉินซูกล่าวจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วหวังฉือเห็นเขาออกมาก็คำนับแล้วกำลังจะกล่าวทว่าฉินซูกลับพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าหวัง ไปกันเถิด ไปศาลต้าหลี่ของท่านด้วยกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉือก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบพยักหน้าหนึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาถึงศาลต้าหลี่เมื่อมองดูร่างไร้วิญญาณของหูก่วงเซิงและพวก ฉ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 707

    ฉงชูโม่พยักหน้าหนักแน่น “ถูกต้องแล้วเพคะ เรื่องนี้มิใช่แค่ข้าน้อยคนเดียวที่เห็นกับตา ทหารทั้งสามทัพหลายนายก็เห็นเช่นกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินอู๋ต้าวก็มิสู้ดีขึ้นมาทันตาอดีตองค์รัชทายาทสำมะเลเทเมาบัดนี้กลับสร้างคุณงามความดีครั้งยิ่งใหญ่ อีกทั้งวรยุทธ์ก็ยังลึกล้ำเกินหยั่งถึง นี่มัน… เกินความคาดหมายของเขาไปมาก!ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดว่าเบื้องหลังฉินซูต้องมียอดฝีมือคอยชี้แนะแต่จากที่เห็นในเวลานี้ ยอดฝีมือที่ว่านั้น แท้จริงแล้วก็คือฉินซูเองกล่าวคือ ฉินซูมิเพียงแต่มีกลยุทธ์ที่เหนือชั้น แต่วรยุทธ์ก็ยังก้าวเข้าสู่ระดับที่น่าตกตะลึงซ้ำร้ายฉินซูยังจงใจปิดบังวรยุทธ์ของตนอีกด้วย!เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ความระแวงที่ฉินอู๋ต้าวมีต่อฉินซูก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเห็นฉินอู๋ต้าวนิ่งอึ้งไป ฉงชูโม่ก็กล่าวต่ออย่างมีนัยแฝงว่า “ฝ่าบาท ข่าวลือเรื่ององค์รัชทายาททรงทักษะยอดเยี่ยม เกรงว่าอีกมินานคงจะแพร่สะพัดไปทั่วหลงเฉิงเพคะแต่ก็ดีเหมือนกันเพคะ เหล่าคนชั่วที่คิดจะลอบสังหารองค์รัชทายาทจะได้ประมาณตนก่อนจะลงมือ เช่นนี้แล้ว ก็จะได้มิต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยขององค์รัชทายาทให้มา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 706

    สวี่จิ้นเสนาบดีกรมโยธาธิการกล่าวว่า “องค์รัชทายาท พระองค์ได้นำหนานเยวี่ยทั้งเจ็ดมณฑลสามสิบแปดเมืองมาอยู่ภายใต้ต้าเหยียนของเรา คุณูปการอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ สมควรได้รับการประทานเครื่องยศเก้าประการแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูส่ายหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าสวี่ ท่านกล่าวผิดแล้ว มีคำกล่าวว่า ใต้หล้าไพศาลล้วนเป็นแผ่นดินขององค์จักรพรรดิ บนแผ่นดินนี้ล้วนเป็นข้ารองพระบาทขององค์จักรพรรดิ ข้าในฐานะองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ย่อมถือเอาความผาสุกของราษฎรเป็นภารกิจของตน ทุกสิ่งที่ทำล้วนเป็นหน้าที่”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูก็ประสานมือคำนับฉินอู๋ต้าวอีกครั้ง “เสด็จพ่อ ดังนั้นรางวัลอันยิ่งใหญ่อย่างเครื่องยศเก้าประการนี้ลูกมิกล้ารับไว้จริง ๆ หวังว่าเสด็จพ่อจะทรงเข้าพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าขุนนางระดับสูงก็อุทานด้วยความประหลาดใจอีกครั้งรางวัลอันยิ่งใหญ่เช่นเครื่องยศเก้าประการนี้ องค์รัชทายาทกลับปฏิเสธจริง ๆ หรือ?ต้องเท้าความว่า หากฉินซูในฐานะเป็นองค์รัชทายาทรับรางวัลนี้ ในภายภาคหน้า สถานะความสำคัญของเขาในสายตาของขุนนางและราษฎรแห่งต้าเหยียนก็แทบจะเทียบเท่ากับฉินอู๋ต้าวผู้เป็นองค์จักรพรรดิได้เลยทีเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 705

    ฉงชูโม่กำลังจะกล่าวต่อ แต่กลับสังเกตเห็นว่าฉินซูกำลังส่ายหน้าให้นางเล็กน้อยเมื่อเห็นดังนั้น คิ้วเรียวก็ขมวดเล็กน้อยด้วยความสงสัยจากนั้นเสียงของฉินซูก็ดังขึ้นในหูของนาง “สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หลักฐานสำคัญหายไป”ฉินซูใช้วิชาแห่งกระแสจิต ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตได้นอกจากฉงชูโม่เมื่อได้ยินถ้อยคำของฉินซู แววตาของฉงชูโม่ก็พลันไหววูบ จากนั้นจึงกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดจะกล่าวทูลแล้วเพคะ”เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวก็มองฉงชูโม่ด้วยความสงสัยผาดหนึ่งแล้วหันไปมองฉินซูแทน“องค์รัชทายาท รายงานเรื่องคลังหลวงของหนานเยวี่ยหน่อยซิ”“ลูกน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูประสานมือแล้วพูดต่อ “ทูลเสด็จพ่อ ในการตรวจค้นคลังหลวงของหนานเยวี่ยครั้งนี้ ลูกพบผ้าไหมแพรพรรณสูงค่ามากมายนับมิถ้วน เงินแท้รวมทั้งสิ้นสิบสามล้านกว่าตำลึง ทองคำสองล้านตำลึง เสบียงอาหารก็มีมากถึงเกือบแสนต้านพ่ะย่ะค่ะ”“ลูกได้จัดสรรเงินจำนวนหนึ่งล้านตำลึงจากทั้งหมดในพระนามของเสด็จพ่อ เพื่อใช้เป็นรางวัลแก่ทหารทั้งสามทัพ ส่วนพืชพรรณธัญหารก็ได้สั่งให้คนนำกลับไปเก็บไว้ที่เจียวโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 704

    ฉินอู๋ต้าวผงกศีรษะให้ฉินอวี่เล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “อ๋องฉู่ ในเมื่อชูโม่เข้าใจตัวเจ้าผิดไป เจ้าก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งเถิด”“ลูกรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอวี่ประสานมือคำนับ แล้วกล่าวช้า ๆ ว่า “ชูโม่ ตอนที่ลงใต้ไปยังเจียวโจว ยามนั้นข้าประมาทเลินเล่อ ถูกคนสนิทขโมยตราประจำตัวไป ภายหลังจึงได้ทราบว่าเจ้าคนสารเลวนั่นถูกเติ้งหม่างซื้อตัวไปนานแล้วแม้แต่หูก่วงเซิงและคนอื่น ๆ ก็ยังแปรพักตร์ไปเข้าข้างหนานเยวี่ย กว่าข้าจะรู้ตัวทัพหนานเยวี่ยก็บุกเข้าประตูเมืองเจียวโจวแล้วด้วยความจำเป็น ข้าจึงต้องถอยกลับมาก่อน จากนั้นก็เดินทางทั้งวันทั้งคืน เมื่อกลับมาถึงหลงเฉิงก็รีบทูลเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทรงทราบในทันที”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็แค่นยิ้มหยันทันที “ท่านอ๋องฉู่ ท่านทรงคิดว่าแค่โยนความผิดทั้งหมดไปให้คนสนิทขอท่านแล้วเรื่องก็จะจบลงง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?”ฉินอวี่โต้กลับว่า “สิ่งที่ตัวข้าพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง จะเรียกว่าโยนความผิดได้อย่างไร?”ฉงชูโม่มิได้โต้เถียงกับเขาต่อ แต่หันไปกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ฝ่าบาท ที่ทะเลตงไห่ ท่านอ๋องฉู่...”ยังมิทันที่นางจะพูดจบ ขันทีน้อยคนหนึ่งก็วิ่งเข้าม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 703

    “นึกมิถึงว่าเขาจะหนีรอดไปได้ เขาก็มีฝีมือเหมือนกันนี่ ดูท่าทางจะเตรียมการมาอย่างดีเชียว”“องค์รัชทายาท เมื่อกลับถึงหลงเฉิงแล้วเข้าเฝ้าฝ่าบาท จะทูลเรื่องที่อ๋องฉู่สมคบคิดก่อกบฏหรือไม่เพคะ?”“ทูลสิ ต้องทูลอยู่แล้ว ตอนนี้พวกเรามีทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุ ยิ่งกว่านั้นการที่เขาสมคบคิดก่อกบฏก็เป็นความจริง อย่างไรก็ต้องทูล”“แต่ยามนี้อ๋องฉู่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ด้วยนิสัยระแวดระวังของฝ่าบาท เกรงว่าพระองค์จะมิทรงเชื่อพวกเราเต็มร้อยกระมังเพคะ”ฉินซูกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “หลังจากเรื่องของอ๋องฉู่แดงขึ้นมา เขาก็หายตัวไป นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการหนีความผิด พวกเรากราบทูลตามความจริง บวกกับคำให้การของเหล่าคนสนิทของอ๋องฉู่และทหารห้าหมื่นนายที่ไม่มีรายชื่อในทะเบียน ก็เพียงพอที่จะตัดสินความผิดของอ๋องฉู่ได้แล้ว”“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นคนนั้น หม่อมฉันให้พวกตงฟางไป๋นำทางกลับหลงเฉิงล่วงหน้าไปแล้วเพคะ”ฉงชูโม่พูดพลางรู้สึกกระวนกระวายใจแปลก ๆจากนั้น พวกเขาก็พักค้างคืนที่เมืองหลงโย่วก่อนนอน ฉินซูสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังมหาศาลที่แผ่ออกมาจากห้องฝั่งตรงข้ามที่นั่นคือห้องของจีอันด้วยคว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 702

    เซวียหมิงมองไปยังทิศทางที่ฉินซูและพรรคพวกจากไปพลางพึมพำกับตัวเอง“คิดมิถึงเลยว่าจะได้เจอกับคนที่สามารถกลืนกินปราณเลือดอาถรรพ์ได้ จีอันหรือ? ข้าจะจำเจ้าเอาไว้!”“แล้วก็ฉินซู เจ้าคอยข้าก่อนเถอะ สักวันข้าจะทำให้เจ้าทุกข์ทรมานจนอยู่ต่อมิไหว จะตายก็มิได้!”“แค่นี้ก็น่าจะพอให้ข้าใช้แล้ว”เขาพูดพลางมองลูกแก้วสีแดงอมม่วงในมือภายในลูกแก้วนั้นคือปราณเลือดอาถรรพ์จุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ของเขาคือต้องการหามหาปุโรหิตแห่งสำนักจันทราโรหิต เพื่อขอยืมปราณเลือดอาถรรพ์มาใช้แต่เมื่อเข้าใกล้บริเวณนี้ ก็เห็นเฉินซีถูกฉงชูโม่ล่อลวงไปแล้ว ส่วนสาวกของสำนักจันทราโรหิตก็บาดเจ็บล้มตายกันเป็นเบือ เขาจึงฉวยโอกาสจัดการสาวกที่เหลือของสำนักจันทราโรหิต จากนั้นก็เข้าไปในถ้ำจนได้พบกับแท่นบูชาต่อมาก็ฉวยโอกาสที่ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยมิทันระวังจัดการอีกฝ่ายจนสลบไป และเก็บรวบรวมปราณเลือดอาถรรพ์เหล่านี้ได้อย่างง่ายดายจากนั้นเซวียหมิงก็หันหลังเดินออกจากที่นี่ไปเช่นกันขณะที่เขาเดินผ่านป่าแห่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเท้าเหยียบเข้ากับบางสิ่งบางอย่างเมื่อก้มลงมอง ก็พบว่าเป็นขลุ่ยกระดูกสีขาวบริสุทธิ์เขายกมันขึ้นมาด

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status