Share

บทที่ 340

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
มู่หรงฟู่ยิ้มเยาะและพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านก็แต่งบทกวีสิ กระหม่อมมิเชื่อหรอกว่าท่านจะทำได้จริง ๆ!”

ฉินซูกลอกตาไปมา จากนั้นก็ขยิบตาแล้วถามว่า “มู่หรงฟู่ ในเมื่อพูดเช่นนี้ เจ้าอยากเดิมพันกับข้าด้วยหรือไม่?”

มู่หรงฟู่พูดโดยมิได้คิดอะไร “เดิมพันก็เดิมพัน ใครกลัวกันเล่า!”

แต่ทันทีที่พูดจบ เขาก็รู้สึกมิสบายใจขึ้นมาจึงรีบพูดต่อ “แต่งบทเดียวมินับ ถึงอย่างไรก็ต้องแต่งสอง… โอ้ ไม่สิ สามบทแล้วกัน! หากท่านแต่งกวีสามบทเกี่ยวกับเพลงอำลามิได้ก็จะถือว่าแพ้ จากนั้นก็ต้องเห่าให้เหมือนสุนัขต่อหน้าธารกำนัล กล้าหรือไม่?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็บังเกิดความโกลาหล ณ ที่แห่งนี้

ให้องค์รัชทายาทเห่าเลียนแบบสุนัขน่ะหรือ นี่มิเป็นการโยนศักดิ์ศรีของราชวงศ์ต้าเหยียนลงพื้นแล้วเหยียบย่ำอย่างหนักหรือไร

มิทันที่พวกเขาจะได้พูดอะไร ฉินซูก็ตอบตกลงอย่างมิลังเล

“ตกลง หากข้าแต่งกวีสามบทได้ หลังจากคล้ายวันพระราชสมภพของไทฮองไทเฮา เจ้า มู่หรงฟู่จะต้องอยู่ในเมืองหลงเฉิงแคว้นต้าเหยียนเป็นเวลาครึ่งปี!”

คำพูดของฉินซูทำให้สีหน้าของฉินอู๋ต้าวเปลี่ยนไป!

ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ มู่หรงฟู่จะสามารถกลับไปยังเป่ยเยี่ยนได้หลังจ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (9)
goodnovel comment avatar
รุจน์ สมสีมี
หายไปไหนแล้วไม่อัพเลย..
goodnovel comment avatar
รัฐภูมิ สุดรุ่งโรจน์
กว่าจะอัพเดทแต่ละที
goodnovel comment avatar
phing1048
รอมา1อาทิตย์ไม่อัพเดดเลย
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 341

    คำพูดนี้ของฉินซูมิใช่เป็นการถ่อมตัวเสียทีเดียว เพราะหากเขามิใช่ผู้เดินทางข้ามเวลามาแล้วนั้น มิต้องพูดถึงกวีโบราณเลย แม้แต่ต่อโคลงคู่ เขาก็คงทำมิได้ด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าท่าทางถ่อมตัวของเขาในสายตาของมู่หรงฟู่นั้นกลับกลายเป็นการเสแสร้ง! มู่หรงฟู่แค่นเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชาก่อนจะเอ่ยเร่งอย่างหงุดหงิดว่า “ฉินซู นี่แค่หนึ่งบทเท่านั้น ยังเหลืออีกสองบท!” “ในเมื่อเจ้าร้อนใจเช่นนี้ ข้าก็จะมิหลบซ่อนอีกแล้ว ทุกคนจงฟังให้ดี!” ฉินซูกระแอมและเริ่มเปล่งเสียงท่องบทกวีดังชัดเจน “อัสดงหม่นหมองท้องฟ้าอุไรไกลนับพันลี้ มีฝูงห่านลมพัดผ่านหิมะโปรยปราย อย่ากังวลเรื่องสหายภายภาคหน้า ทั้งใต้หล้าผู้ใดหนามิรู้จักท่าน!” เขาท่องแค่บทที่หนึ่งของบทกวีอำลาต่งต้าเท่านั้นส่วนบทที่สองนั้นมิจำเป็นต้องเอ่ยออกมาเลยเพราะแค่บทแรกก็ทำให้พวกเขาร้องอุทานอย่างประหลาดใจได้แล้ว เป็นไปตามคาด เมื่อเสียงของเขาหยุดลง ทุกคนต่างประทับใจและหลงใหลไปตาม ๆ กัน “อย่ากังวลเรื่องสหายภายภาคหน้า ทั้งใต้หล้าผู้ใดหนามิรู้จักท่าน! ช่างเป็นกวีที่ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมนัก!” “บทกวีเต็มไปด้วยจินตภาพอันงดงาม แค่หลับตาลงก็เห็นภาพท้องฟ้าอุ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 342

    เมื่อได้ยิน ทุกคนต่างตกใจอีกครั้ง! ”ว่ากระไรนะ? บทกวีของรัชทายาทสามารถร้องเป็นเพลงได้งั้นหรือ?” “มิเคยได้ยินและมิเคยเห็นเรื่องเช่นนี้เลยจริงๆ!” “รัชทายาททรงรีบร้องเถิด พวกเราอดใจรอมิไหวแล้ว!” ทุกคนพูดพร้อมกับพากันเอ่ยเร่งออกมา ยามนี้เอง มู่หรงจื่อเยียนก็พูดขึ้นมาว่า “หม่อมฉันสามารถดีดพิณได้ หากองค์รัชทายาทมิรังเกียจ หม่อมฉันจะเป็นผู้บรรเลงพิณให้ท่านเอง” “ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!” สายตาทุกคนหันมาจับจ้องที่มู่หรงจื่อเยียนทันที! เซี่ยหลานที่เต็มไปด้วยความหึงหวง เอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “ท่านหญิงจื่อเยียน ท่านเป็นชาวเป่ยเยี่ยน ตอนนี้เสนอตัวดีดพิณให้กับองค์รัชายาทต้าเหยียนของพวกเรา เช่นนี้… ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?” หนานกงจื่อชินสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยก่อนจะกล่าวตำหนิเบา ๆ ว่า “จื่อเยียน ท่านทำเกินไปหน่อยกระมัง อย่าลืมว่าท่านคือท่านหญิงแห่งเป่ยเยี่ยนของเรา” มู่หรงจือเยียนขบริมฝีบากเบา ๆ แล้วอธิบายอย่างน้อยใจว่า “ข้าเพียงแค่ต้องการผ่อนคลายบรรยากาศเท่านั้น ถึงแม้การประลองนี้จะเกี่ยวข้องกับสองแคว้น ทว่าก่อนหน้านี้ตกลงกันไว้ว่า เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนความรู้เท่านั้น เพราะฉะนั้นมิจำเป็นต้องทำใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 343

    ทั้งสองมองหน้ากันพลางยิ้มให้กันอย่างสดใสโดยมิได้นัดหมาย ราวกับเห็นใจและเข้าใจกันเป็นอย่างดี เมื่อเห็นสายตาของทั้งสองคนที่แฝงไปด้วยความรู้สึกคลุมเครือ หนานกงจื่อชินรู้สึกหึงหวงขึ้นมาทันที เขาดึงตัวมู่หรงจื่อเยียนมาใกล้ ๆ แล้วกระซิบว่า “จื่อเยียน ท่านกำลังทำอะไร เขาคือองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ศัตรูแคว้นเป่ยเยี่ยนของเรา กระหม่อมมิว่าอะไรที่ท่านดีดพิณให้เขา ทว่าถ้าท่านคิดเป็นอื่นกับเขา กระหม่อมมิอาจมองข้ามได้!” มู่หรงจื่อเยียนตกใจและรีบอธิบายว่า “ท่านพี่จื่อชิน ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้ามิได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย เพียงแค่รู้สึกว่าบทกวีที่เขาเพิ่งขับร้องนั้น…” พูดมิทันจบ หนานกงจื่อชินซักถามด้วยความโกรธเคืองว่า “บทกวีที่เขาร้องเป็นอย่างไรรึ? ท่านรู้สึกว่ามันยอดเยี่ยม รู้สึกว่าเขามีพรสวรรค์และน่าทึ่ง รู้สึกว่าเขาเป็นบุรุษที่ท่านใฝ่ฝันใช่หรือไม่?” “มิ… มิใช่เช่นนั้น ท่านพี่จื่อชินฟังข้าอธิบายก่อน…” “มิต้องอธิบาย ท่านควรตระหนักถึงสถานะของตนเองและถอยออกมาก่อนจะสายเกินไป มิเช่นนั้น ใครก็ช่วยท่านมิได้ กระหม่อมขอเตือนท่านเป็นครั้งสุดท้าย อย่าทำให้ท่านอ๋องอวี้ต้องเดือดร้อน!” ได้ยินเช่นนี้ มู

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 344

    ครั้นแล้วฉินเซียวก็เอ่ยเสียงเคร่งขรึมว่า “ใต้เท้าหวัง อันที่จริงข้อสงสัยขององค์ชายมู่หรงก็มิใช่เรื่องที่ไร้เหตุผลนัก มิว่าอย่างไรทุกคนก็ต่างรู้ดีว่าองค์รัชทายาทเป็นคนเช่นไร” หวังฉือแค่นเสียงตะคอกเย็นชา “ท่านอ๋องหนิง ข้าน้อยขอเตือนท่านว่า ท่านทรงเป็นจวิ้นอ๋องแห่งต้าเหยียนของพวกเรา มิใช่ฝั่งเป่ยเยี่ยน เวลาพูด ขอให้ระมัดระวังจุดยืนของตัวท่านด้วย!” ฉินเซียวผายมือออกแล้วกล่าวว่า “ใต้เท้าหวังก็พูดเกินไป ข้าแค่พูดอย่างยุติธรรมเท่านั้นเอง ในเมื่อองค์ชายมู่หรงเกิดข้อสงสัย เช่นนั้นแล้วองค์รัชทายาทก็ควรจะพิสูจน์ตนเพื่อความโปร่งใส วิธีนี้จึงจะได้รับการนับถือมิใช่หรือ?” “พูดจาไร้สาระสิ้นดี องค์รัชทายาทชนะก็คือชนะ บัดนี้มู่หรงฟู่กล่าวหาองค์รัชทายาทโดยไม่มีหลักฐาน มิใช่คิดจะบิดพลิ้วหรือไร? ที่คิดมิถึงไปกว่านั้นคือ ท่านอ๋องหนิงที่เป็นจวิ้นอ๋องแห่งต้าเหยียนกลับสมรู้ร่วมคิดกับองค์ชายต่างแคว้นผู้นี้ การกระทำเช่นนี้คู่ควรกับการโปรดปรานที่องค์จักรพรรดิทรงมีต่อท่านหรือไม่? หรือว่าท่านอ๋องหนิงคิดจะกบฏต่อแผ่นดิน?” คำพูดของหวังฉือคมกริบ ตรงประเด็นสำคัญทุกคำ! และหลังจากที่ฉินอู๋ต้าวได้ยินคำพูดของหวังฉ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 345

    สิ่งที่ทำให้ฉินซูประหลาดใจที่สุดคือทับทิมที่ฝังอยู่ในด้ามจับของกริช อัญมณีเม็ดนี้มีเส้นสายคมชัด เมื่อดูผิวเผิน มันเต็มไปด้วยความรู้สึกคล้ายกับสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปในยุคสมัยใหม่ก่อนที่เขาจะเดินทางข้ามเวลามา ตามหลักแล้วในยุคโบราณที่มีเทคโนโลยีล้าหลัง เป็นไปมิได้เลยที่จะเจียระไนอัญมณีแข็ง ๆ ให้เป็นรูปทรงเช่นนี้แม้จะขัดให้เข้ารูป ก็จะต้องมีร่องรอยความหยาบกร้านอยู่บ้างแน่นอน แต่เมื่อฉินซูตรวจดูอย่างละเอียดก็พบว่า ทุกพื้นผิวของทับทิมเม็ดนี้เรียบเนียนไร้ที่ติ เห็นได้ชัดว่ามิใช่สิ่งที่มนุษย์จะทำได้ คำอธิบายเดียวคือมันถูกตัดด้วยเทคโนโลยีศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เพียงแต่ผลิตภัณฑ์เช่นนี้จะปรากฏในยุคศักดินาของโลกต่างมิติได้อย่างไร? ฉินซูครุ่นคิดอย่างไรก็มิเข้าใจ ครั้นเห็นว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีทางคิดออกได้ในตอนนี้ ฉินซูจึงเลิกคิ้วและมองมู่หรงฟู่พร้อมถามว่า “มู่หรงฟู่ ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าเต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้หรือไม่?” ในขณะที่พูดเขายังจงใจยกกริชในมือขึ้นภายใต้แสงอาทิตย์ ภายใต้แสงแดดที่สาดส่อง ใบมีดของกริชเปล่งแสงเย็นออกมาจาง ๆ ราวกับสามารถพรากวิญญาณของคนไปได้! เมื่อมู่หรงฟู่นึ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 346

    ฉินเซียวเห็นฉินอู๋ต้าวมิพูดอะไรจึงกัดฟันพูดขึ้นมา เขาชี้ไปที่ฉินซูและถามว่า “องค์รัชทายาท ท่านเพิ่งพูดว่าหมู่เฟยตั้งใจก้าวก่ายการตัดสินใจแทนเสด็จพ่อ แต่บัดนี้ท่านกำลังบีบบังคับผู้อื่นเช่นนี้ มิยิ่งเป็นการก้าวก่ายเช่นกันงั้นหรือ?” ฉินซูรู้สึกขบขันกับคำพูดของฉินเซียว “ฮ่า ๆ ฉินเซียวเอ๋ยฉินเซียว เสด็จพ่อเพิ่งจะขอให้เจ้าคิดให้ดีก่อนพูด แต่เจ้ากลับมิใส่ใจเลยจริง ๆ! การเดิมพันเมื่อครู่ ข้าบังคับให้เจ้ามาพนันกับข้าหรือไร? ยิ่งกว่านั้นตอนนั้นเสด็จพ่อทรงอนุญาตเป็นนัย ดวงตาหลายคู่ต่างก็มองเห็นกันทั้งนั้น ข้าพูดตามความจริง แล้วไฉนในปากของเจ้ากลับกลายเป็นว่าข้าก้าวก่ายไปได้เล่า?” “ข้า…” ฉินเซียวทำอะไรมิถูก ถึงแม้ความคิดในหัวจะหมุนไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็หาคำที่เหมาะสมมาตอบโต้ฉินซูมิได้ไปสักพัก ฉินซูเอามือไพล่หลังแล้วพูดต่อ “บัดนี้เจ้ากับหมู่เฟยกลับคำต่อหน้าธารกำนัลแล้วยังคิดจะให้หมู่เฟยสนับสนุนพวกเจ้าอีก อย่างไรกัน พวกเจ้าอยากให้คนทั่วหล้าหัวเราะเยาะงั้นหรือ? เสด็จพ่อเป็นจักรพรรดิสูงศักดิ์ คำพูดของพระองค์หนักแน่นที่สุด หากพระองค์กลับคำและผิดคำพูดเหมือนพวกเจ้าทั้งสอง ราษฎรทั่วทั้งแผ่นดิน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 347

    ฉินอู่ต้าวขมวดคิ้วและรู้สึกลังเลในใจอยู่เล็กน้อย ฉินซูก้าวมาด้านหน้าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทั้งมิได้ถ่อมตนและหยิ่งผยอง “เสด็จย่าทวด ท่านคือพระอัยยิกาของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อทรงยอมท่านย่อมเป็นเรื่องที่ถูกต้องเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ทว่าผู้น้อยอยากขอเตือนเสด็จทวดว่า นอกจากเสด็จพ่อจะทรงเป็นพระราชนัดดาของท่านแล้ว พระองค์ยังทรงเป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ต้าเหยียนของพวกเราด้วย! การกระทำทุกอย่างของพระองค์ ล้วนเชื่อมโยงกับแผ่นดินและความมั่นคงของแคว้น มิเช่นนั้นจะมีคำกล่าวว่าจักรพรรดิตรัสคำไหนคำนั้นได้อย่างไร? แน่นอนว่าคำพูดของท่าน เสด็จพ่อมิอาจมิรับฟังได้ เพียงทว่า วันนี้เสด็จพ่อต้องกระทำสิ่งที่ทำให้คำพูดพระองค์หมดความน่าเชื่อถือเพราะอิทธิพลของเสด็จย่าทวด นั่นจะมิทำให้พระองค์ถูกมองว่าไร้ความซื่อสัตย์ไร้ความเมตตาและไร้ศีลธรรมหรือ?ผู้น้อยคิดว่า เสด็จย่าทวดคงทรงมิได้ต้องการให้เป็นเช่นนี้หรอกใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?” ไทฮองไทเฮามีสีหน้าถมึงทึงและกล่าวตำหนิว่า “เจ้าเด็กนี่ปากกล้านัก ในเมื่อเจ้ายังรู้ว่าข้าคือเสด็จย่าทวดของเจ้า เช่นนั้นเจ้าพูดมาว่า หากเสด็จพ่อของเจ้าฟังคำของข้าแล้วจะมิซื่อสัตย์ ไร้เมตตาและไร้ศ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 348

    ฉินอู๋ต้าวและคนอื่น ๆ ต่างมองไปที่ฉินซูด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง ทุกคนไม่มีใครคาดคิดเลยว่า องค์รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดจะมีวาทศิลป์ช่างเจรจาจนทำให้ไทฮองไทเฮาผู้เผด็จการต้องเสียอารมณ์เช่นนี้ วิธีนี้ทำให้พวกเขาทึ่งจริง ๆ! เสียนเฟยยังมิยอมแพ้ นางอ้อนวอนฉินอู๋ต้าวอย่างน่าสงสารพร้อมกับน้ำตานองหน้าว่า “ฝ่าบาท พระองค์ทรงลดตำแหน่งเซียวเอ๋อร์เป็นฝู่กั๋วกงมิได้นะเพคะ พระองค์ทรงรับปากหม่อมฉันแล้ว…” ฉินอู๋ต้าวโบกมือแล้วขัดจังหวะนางอย่างเย็นชา “ชายาที่รัก อย่าพูดอีกเลย เรื่องนี้ได้ข้อสรุปแล้ว บัดนี้งานเลี้ยงใกล้ยุติแล้ว เจ้าและคนอื่นๆ กลับวังหลังเถอะ” “เหลยเจิ้น เว่ยเจิง เจ้าสองคนตามตัวข้าไปหารือที่ห้องทรงพระอักษร ส่วนคนอื่น ๆ แยกย้ายกันตามอัธยาศัยได้” ฉินอู๋ต้าวพูดจบก็เดินไปที่ห้องทรงพระอักษรโดยมิหันกลับมามอง เหลยเจิ้นและเว่ยเจิงเดินตามไปอย่างมิรีบร้อน คนอื่น ๆ ที่เหลือต่างพากันยืนขึ้นและทำความเคารพ “ข้าน้อยน้อมส่งเสด็จฝ่าบาท” เสียนเฟยจ้องเขม็งลงมาที่ฉินซูก่อนจะออกจากแท่นสูง ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชังและประกายอาฆาตก็ฉายวาบผ่านไป! จากนั้นนางก็กลับวังหลังพร้อมกับพร

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 709

    ทันทีที่เขาลงบันไดมา จีอันก็ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ศิษย์พี่รอง โดนดุมาหรือไร?”“ไป ๆ ๆ หัวโขกจนปูดไปหมด เรื่องนี้ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย!”“ดูเถอะ ขี้ใจน้อยเหมือนสตรีไปได้”“นี่ เจ้าอยู่ดี ๆ มิชอบใช่หรือไม่? ข้าจะฟาดเจ้าคอยดูเถอะ!” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปหาแส้ยาวมาจากไหนก็มิทราบจีอันแคะขี้มูกแล้วกล่าวอย่างมิได้ยี่หระว่า “ข้ามิกลัวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรท่านก็สู้ข้ามิได้”“ข้า… เจ้ามันร้ายกาจ ข้ายอมแพ้!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหมดความอดทนใดทันที จีอันผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังหนา อีกทั้งยังเก่งกาจจนน่าขนลุก สู้มิได้ เขาหลบดีกว่าพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมื่อเห็นฉินซู จีอันก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้โหแฮะ องค์รัชทายาท มิไปประกาศศักดาที่ใดหรือ ไฉนจึงมาเยือนสำนักหอดูดาวหลวงของเราได้?”ฉินซูงงงวยเล็กน้อย จึงถามกลับว่า “ตัวข้าต้องไปประกาศศักดาที่ใดเล่า? อวดอ้างกระไร?”“ท่านมิทรงทราบหรือ? ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยง่ายเหมือนปอกกล้วยเช่นนี้ ผลงานระดับนี้ไยมิไปประกาศให้ทั่วเล่า? หากเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะร้องแรกแหกกระเชอคุยโวไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ท่านนี่ช่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 708

    ชิวก่วนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “หาได้มีโจรผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาไม่พ่ะย่ะค่ะ หูก่วงเซิงและพวกตายไปโดยไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ? หูก่วงเซิงและพวกตายแล้วรึ?”ฉงชูโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่แค่พวกเขา แม้แต่กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นนายของอ๋องฉู่ก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว”“ว่ากระไรนะเพคะ?”ฉงชูโม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง!เมื่อได้สติกลับมา นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ด้วยกำลังของอ๋องฉู่เพียงลำพัง ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่ ดังนั้นเบื้องหลังของเขาต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือเป็นแน่เพคะ!”ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศพของหูก่วงเซิงและพวกอยู่ที่ใด?”“ตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ไปดูกัน”ฉินซูกล่าวจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วหวังฉือเห็นเขาออกมาก็คำนับแล้วกำลังจะกล่าวทว่าฉินซูกลับพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าหวัง ไปกันเถิด ไปศาลต้าหลี่ของท่านด้วยกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉือก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบพยักหน้าหนึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาถึงศาลต้าหลี่เมื่อมองดูร่างไร้วิญญาณของหูก่วงเซิงและพวก ฉ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 707

    ฉงชูโม่พยักหน้าหนักแน่น “ถูกต้องแล้วเพคะ เรื่องนี้มิใช่แค่ข้าน้อยคนเดียวที่เห็นกับตา ทหารทั้งสามทัพหลายนายก็เห็นเช่นกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินอู๋ต้าวก็มิสู้ดีขึ้นมาทันตาอดีตองค์รัชทายาทสำมะเลเทเมาบัดนี้กลับสร้างคุณงามความดีครั้งยิ่งใหญ่ อีกทั้งวรยุทธ์ก็ยังลึกล้ำเกินหยั่งถึง นี่มัน… เกินความคาดหมายของเขาไปมาก!ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดว่าเบื้องหลังฉินซูต้องมียอดฝีมือคอยชี้แนะแต่จากที่เห็นในเวลานี้ ยอดฝีมือที่ว่านั้น แท้จริงแล้วก็คือฉินซูเองกล่าวคือ ฉินซูมิเพียงแต่มีกลยุทธ์ที่เหนือชั้น แต่วรยุทธ์ก็ยังก้าวเข้าสู่ระดับที่น่าตกตะลึงซ้ำร้ายฉินซูยังจงใจปิดบังวรยุทธ์ของตนอีกด้วย!เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ความระแวงที่ฉินอู๋ต้าวมีต่อฉินซูก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเห็นฉินอู๋ต้าวนิ่งอึ้งไป ฉงชูโม่ก็กล่าวต่ออย่างมีนัยแฝงว่า “ฝ่าบาท ข่าวลือเรื่ององค์รัชทายาททรงทักษะยอดเยี่ยม เกรงว่าอีกมินานคงจะแพร่สะพัดไปทั่วหลงเฉิงเพคะแต่ก็ดีเหมือนกันเพคะ เหล่าคนชั่วที่คิดจะลอบสังหารองค์รัชทายาทจะได้ประมาณตนก่อนจะลงมือ เช่นนี้แล้ว ก็จะได้มิต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยขององค์รัชทายาทให้มา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 706

    สวี่จิ้นเสนาบดีกรมโยธาธิการกล่าวว่า “องค์รัชทายาท พระองค์ได้นำหนานเยวี่ยทั้งเจ็ดมณฑลสามสิบแปดเมืองมาอยู่ภายใต้ต้าเหยียนของเรา คุณูปการอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ สมควรได้รับการประทานเครื่องยศเก้าประการแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูส่ายหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าสวี่ ท่านกล่าวผิดแล้ว มีคำกล่าวว่า ใต้หล้าไพศาลล้วนเป็นแผ่นดินขององค์จักรพรรดิ บนแผ่นดินนี้ล้วนเป็นข้ารองพระบาทขององค์จักรพรรดิ ข้าในฐานะองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ย่อมถือเอาความผาสุกของราษฎรเป็นภารกิจของตน ทุกสิ่งที่ทำล้วนเป็นหน้าที่”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูก็ประสานมือคำนับฉินอู๋ต้าวอีกครั้ง “เสด็จพ่อ ดังนั้นรางวัลอันยิ่งใหญ่อย่างเครื่องยศเก้าประการนี้ลูกมิกล้ารับไว้จริง ๆ หวังว่าเสด็จพ่อจะทรงเข้าพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าขุนนางระดับสูงก็อุทานด้วยความประหลาดใจอีกครั้งรางวัลอันยิ่งใหญ่เช่นเครื่องยศเก้าประการนี้ องค์รัชทายาทกลับปฏิเสธจริง ๆ หรือ?ต้องเท้าความว่า หากฉินซูในฐานะเป็นองค์รัชทายาทรับรางวัลนี้ ในภายภาคหน้า สถานะความสำคัญของเขาในสายตาของขุนนางและราษฎรแห่งต้าเหยียนก็แทบจะเทียบเท่ากับฉินอู๋ต้าวผู้เป็นองค์จักรพรรดิได้เลยทีเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 705

    ฉงชูโม่กำลังจะกล่าวต่อ แต่กลับสังเกตเห็นว่าฉินซูกำลังส่ายหน้าให้นางเล็กน้อยเมื่อเห็นดังนั้น คิ้วเรียวก็ขมวดเล็กน้อยด้วยความสงสัยจากนั้นเสียงของฉินซูก็ดังขึ้นในหูของนาง “สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หลักฐานสำคัญหายไป”ฉินซูใช้วิชาแห่งกระแสจิต ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตได้นอกจากฉงชูโม่เมื่อได้ยินถ้อยคำของฉินซู แววตาของฉงชูโม่ก็พลันไหววูบ จากนั้นจึงกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดจะกล่าวทูลแล้วเพคะ”เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวก็มองฉงชูโม่ด้วยความสงสัยผาดหนึ่งแล้วหันไปมองฉินซูแทน“องค์รัชทายาท รายงานเรื่องคลังหลวงของหนานเยวี่ยหน่อยซิ”“ลูกน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูประสานมือแล้วพูดต่อ “ทูลเสด็จพ่อ ในการตรวจค้นคลังหลวงของหนานเยวี่ยครั้งนี้ ลูกพบผ้าไหมแพรพรรณสูงค่ามากมายนับมิถ้วน เงินแท้รวมทั้งสิ้นสิบสามล้านกว่าตำลึง ทองคำสองล้านตำลึง เสบียงอาหารก็มีมากถึงเกือบแสนต้านพ่ะย่ะค่ะ”“ลูกได้จัดสรรเงินจำนวนหนึ่งล้านตำลึงจากทั้งหมดในพระนามของเสด็จพ่อ เพื่อใช้เป็นรางวัลแก่ทหารทั้งสามทัพ ส่วนพืชพรรณธัญหารก็ได้สั่งให้คนนำกลับไปเก็บไว้ที่เจียวโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 704

    ฉินอู๋ต้าวผงกศีรษะให้ฉินอวี่เล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “อ๋องฉู่ ในเมื่อชูโม่เข้าใจตัวเจ้าผิดไป เจ้าก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งเถิด”“ลูกรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอวี่ประสานมือคำนับ แล้วกล่าวช้า ๆ ว่า “ชูโม่ ตอนที่ลงใต้ไปยังเจียวโจว ยามนั้นข้าประมาทเลินเล่อ ถูกคนสนิทขโมยตราประจำตัวไป ภายหลังจึงได้ทราบว่าเจ้าคนสารเลวนั่นถูกเติ้งหม่างซื้อตัวไปนานแล้วแม้แต่หูก่วงเซิงและคนอื่น ๆ ก็ยังแปรพักตร์ไปเข้าข้างหนานเยวี่ย กว่าข้าจะรู้ตัวทัพหนานเยวี่ยก็บุกเข้าประตูเมืองเจียวโจวแล้วด้วยความจำเป็น ข้าจึงต้องถอยกลับมาก่อน จากนั้นก็เดินทางทั้งวันทั้งคืน เมื่อกลับมาถึงหลงเฉิงก็รีบทูลเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทรงทราบในทันที”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็แค่นยิ้มหยันทันที “ท่านอ๋องฉู่ ท่านทรงคิดว่าแค่โยนความผิดทั้งหมดไปให้คนสนิทขอท่านแล้วเรื่องก็จะจบลงง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?”ฉินอวี่โต้กลับว่า “สิ่งที่ตัวข้าพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง จะเรียกว่าโยนความผิดได้อย่างไร?”ฉงชูโม่มิได้โต้เถียงกับเขาต่อ แต่หันไปกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ฝ่าบาท ที่ทะเลตงไห่ ท่านอ๋องฉู่...”ยังมิทันที่นางจะพูดจบ ขันทีน้อยคนหนึ่งก็วิ่งเข้าม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 703

    “นึกมิถึงว่าเขาจะหนีรอดไปได้ เขาก็มีฝีมือเหมือนกันนี่ ดูท่าทางจะเตรียมการมาอย่างดีเชียว”“องค์รัชทายาท เมื่อกลับถึงหลงเฉิงแล้วเข้าเฝ้าฝ่าบาท จะทูลเรื่องที่อ๋องฉู่สมคบคิดก่อกบฏหรือไม่เพคะ?”“ทูลสิ ต้องทูลอยู่แล้ว ตอนนี้พวกเรามีทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุ ยิ่งกว่านั้นการที่เขาสมคบคิดก่อกบฏก็เป็นความจริง อย่างไรก็ต้องทูล”“แต่ยามนี้อ๋องฉู่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ด้วยนิสัยระแวดระวังของฝ่าบาท เกรงว่าพระองค์จะมิทรงเชื่อพวกเราเต็มร้อยกระมังเพคะ”ฉินซูกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “หลังจากเรื่องของอ๋องฉู่แดงขึ้นมา เขาก็หายตัวไป นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการหนีความผิด พวกเรากราบทูลตามความจริง บวกกับคำให้การของเหล่าคนสนิทของอ๋องฉู่และทหารห้าหมื่นนายที่ไม่มีรายชื่อในทะเบียน ก็เพียงพอที่จะตัดสินความผิดของอ๋องฉู่ได้แล้ว”“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นคนนั้น หม่อมฉันให้พวกตงฟางไป๋นำทางกลับหลงเฉิงล่วงหน้าไปแล้วเพคะ”ฉงชูโม่พูดพลางรู้สึกกระวนกระวายใจแปลก ๆจากนั้น พวกเขาก็พักค้างคืนที่เมืองหลงโย่วก่อนนอน ฉินซูสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังมหาศาลที่แผ่ออกมาจากห้องฝั่งตรงข้ามที่นั่นคือห้องของจีอันด้วยคว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 702

    เซวียหมิงมองไปยังทิศทางที่ฉินซูและพรรคพวกจากไปพลางพึมพำกับตัวเอง“คิดมิถึงเลยว่าจะได้เจอกับคนที่สามารถกลืนกินปราณเลือดอาถรรพ์ได้ จีอันหรือ? ข้าจะจำเจ้าเอาไว้!”“แล้วก็ฉินซู เจ้าคอยข้าก่อนเถอะ สักวันข้าจะทำให้เจ้าทุกข์ทรมานจนอยู่ต่อมิไหว จะตายก็มิได้!”“แค่นี้ก็น่าจะพอให้ข้าใช้แล้ว”เขาพูดพลางมองลูกแก้วสีแดงอมม่วงในมือภายในลูกแก้วนั้นคือปราณเลือดอาถรรพ์จุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ของเขาคือต้องการหามหาปุโรหิตแห่งสำนักจันทราโรหิต เพื่อขอยืมปราณเลือดอาถรรพ์มาใช้แต่เมื่อเข้าใกล้บริเวณนี้ ก็เห็นเฉินซีถูกฉงชูโม่ล่อลวงไปแล้ว ส่วนสาวกของสำนักจันทราโรหิตก็บาดเจ็บล้มตายกันเป็นเบือ เขาจึงฉวยโอกาสจัดการสาวกที่เหลือของสำนักจันทราโรหิต จากนั้นก็เข้าไปในถ้ำจนได้พบกับแท่นบูชาต่อมาก็ฉวยโอกาสที่ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยมิทันระวังจัดการอีกฝ่ายจนสลบไป และเก็บรวบรวมปราณเลือดอาถรรพ์เหล่านี้ได้อย่างง่ายดายจากนั้นเซวียหมิงก็หันหลังเดินออกจากที่นี่ไปเช่นกันขณะที่เขาเดินผ่านป่าแห่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเท้าเหยียบเข้ากับบางสิ่งบางอย่างเมื่อก้มลงมอง ก็พบว่าเป็นขลุ่ยกระดูกสีขาวบริสุทธิ์เขายกมันขึ้นมาด

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status