ฉินซูพูดต่อว่า "งามขนาดนี้ แต่มิให้คนมอง มันเกินไปหน่อยนะ"“ถุย! เลิกพูดจาป้อยอหว่านล้อมเถอะ ปัญหาใหญ่มาถึงหน้าประตูบ้านท่านแล้วรู้บ้างหรือไม่?” “ปัญหาใหญ่? ปัญหาใหญ่อะไร?”ฉงชูโม่พูดอย่างมิพอใจ "เรื่องที่ท่านพบโอวหยางขุยตามลำพัง ตอนนี้ข่าวไปถึงหูท่านอ๋องจิ้นแล้ว ท่านอ๋องจิ้นเสด็จไปหาชิ่งกั๋วกง และยังพูดจาหว่านล้อมให้เซี่ยหลานมาเป็นพยานอีกด้วย"ฉินซูขมวดคิ้วแล้วถามว่า "เจ้ามาบอกเรื่องเพียงแค่นี้รึ?""มิเช่นนั้นแล้วจะมีอะไรอีกเล่า? นี่มิใช่เรื่องใหญ่หรือไร? อย่าลืมสิว่าฝ่าบาททรงมีรับสั่งอย่างชัดเจน ห้ามคนในราชสำนักและเชื้อพระวงศ์คบค้ากับคนในยุทธภพ ท่านนี่รู้ทั้งรู้ยังฝ่าฝืน ท่านทรงคิดว่าอ๋องจิ้นกับพรรคพวกจะจัดการท่านอย่างไร?"“จะไปเดายากอะไร พวกเขาจะต้องรีบฉวยโอกาสโจมตีข้าแน่ วันพรุ่งคงยื่นฎีกาว่าร้ายข้าแน่นอน”"ในเมื่อรู้อยู่แล้ว เหตุใดท่านถึงทำเหมือนมิแยแสสิ่งใดเลยเล่า หรือคิดจะปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม?"ฉงชูโม่มองฉินซูด้วยความผิดหวัง ในใจคิดว่าเขาคงยอมแพ้จริง ๆแต่ฉินซูกลับหัวเราะแล้วพูดว่า "ที่แท้เจ้าก็แอบห่วงข้านี่เอง ข้านึกว่าเจ้าเป็นเพียงสายลับที่ฝ่าบาทส่งมาสอดส่องข้าเส
อ๋องจิ้นกล่าวออกมาอย่างมิเกรงกลัวว่า “ตำหนักบูรพา องค์รัชทายาทฉินซูพ่ะย่ะค่ะ!”” พูดจบ เขาก็ชี้นิ้วไปทางฉินซูเมื่อทุกคนได้ยิน ต่างก็ตกใจไปตาม ๆ กัน!ฉินอู๋ต้าวเอนหลังพิงบนบัลลังก์มังกร และรับสั่งด้วยความสนใจว่า "เหตุใดเจ้าถึงต้องการฟ้องร้ององค์รัชทายาท?"อ๋องจิ้นพูดอย่างโกรธแค้นว่า “เสด็จพ่อ เมื่อวานนี้องค์รัชทายาทลอบพบปะกับชาวยุทธภพในตำหนักบูรพา ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนรับสั่งของฝ่าบาทอย่างโจ่งแจ้ง ขอเสด็จพ่อทรงพิจารณาลงโทษด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”“ว่ากระไรนะ! องค์รัชทายาทกล้าคบค้ากับชาวยุทธภพรึ?”“เป็นไปมิได้ องค์รัชทายาทซึ่งเป็นผู้สืบบัลลังก์ของแผ่นดิน จะกล้าฝ่าฝืนรับสั่งของฝ่าบาทเช่นนี้หรือ?”“จะผู้สืบบัลลังก์อะไรกัน ก็เป็นแค่องค์รัชทายาทที่รอวันถูกปลดเท่านั้น”“แต่ก่อนที่จะถูกปลด พระองค์ก็ยังเป็นองค์รัชทายาทอยู่ การที่พระองค์คบค้ากับชาวยุทธภพเช่นนี้ หรือว่าพระองค์ทรงคิดจะใช้กำลังจากยุทธภพเพื่อแย่งชิงบัลลังก์?”ในท้องพระโรง บรรดาขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์เมื่อได้ยินเสียงเหล่านี้ ใบหน้าของฉินอู๋ต้าวก็เริ่มเคร่งขรึมลง นัยน์ตาอันเย็นเยียบจับจ้องไปที่ฉินซู แต่กลั
เซี่ยหลานมองภาพวาดก่อนจะพยักหน้าอย่างช้า ๆ “ใช่เพคะ เป็นเขาคนนี้”“เสด็จพ่อ นี่คือภาพวาดของเจ้าสำนักอาทิตย์อัสดง โอวหยางขุย นั่นหมายความว่า เมื่อวานนี้องค์รัชทายาทได้พบกับเขาจริง ๆ เขาจงใจฝ่าฝืนรับสั่งของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องลงโทษอย่างหนัก มิเช่นนั้นจะเป็นการยากที่จะทำให้ขุนนางอยู่ในโอวาทได้พ่ะย่ะค่ะ”ทันทีที่ฉินเหยี่ยนกล่าวจบ เซี่ยเหอก็ยืนขึ้นแล้วกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ฝ่าบาท องค์รัชทายาทเป็นถึงผู้สืบทอดราชบัลลังก์ แต่กลับจงใจฝ่าฝืนเช่นนี้ กระหม่อมขอเสนอให้ปลดองค์รัชทายาทจากตำแหน่งพ่ะย่ะค่ะ!”“ข้าน้อยเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” “ข้าน้อยก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ในทันใดนั้น บรรดาขุนนางที่เป็นพรรคพวกของอ๋องจิ้นและอ๋องฉีต่างก็ออกมาสนับสนุนเขาฉินอู๋ต้าวมองฉินซูด้วยสายตาเย็นเยียบและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “องค์รัชทายาท เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่?”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่มีสิ่งใดจะพูด”เมื่อได้ยินคำตอบนี้ หญิงสาวที่อยู่ข้างฉินซูอย่างฉงชูโม่ก็อึ้งไปเล็กน้อย นางมองเขาด้วยความประหลาดใจฉินอู๋ต้าวแค่นเสียงเย็นชา “หึ เช่นนั้นเจ้าก็ยอมรับแล้วว่าได้พบปะกับโอวหยางขุยเมื่อวานนี้ใช่หรือไม่?”“นั่นเป็นความจร
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินซู หลายคนก็ถึงกับตกตะลึงอ๋องจิ้นส่งคนไปลอบสังหารองค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้เป็นความจริง นี่จะเป็นเรื่องที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งราชสำนัก! และหากความผิดในข้อหาลอบสังหารได้รับการพิสูจน์ แม้จะมิถึงขั้นประหารชีวิต อ๋องจิ้นจะต้องถูกปลดจากตำแหน่งอ๋องอย่างแน่นอน ฉินเหยี่ยนย่อมตระหนักถึงเรื่องนี้ดี เขารีบปฏิเสธทันที “ท่านพูดเหลวไหล ข้าไปส่งคนลอบสังหารท่านเมื่อไร?”“เจ้ามิยอมรับก็มิเป็นไร โอวหยางขุยสารภาพทุกอย่างแล้ว นี่คือคำสารภาพที่เขาเขียนด้วยมือของตัวเอง”ฉินซูพูดพร้อมกับหยิบคำให้การของโอวหยางขุยออกมา และยื่นให้ฉินเหยี่ยนดู“ฉินเหยี่ยน เจ้าคงรู้จักลายมือของโอวหยางขุยดีใช่หรือไม่?”เมื่อเห็นลายมือในคำให้การ ฉินเหยี่ยนก็ถึงกับสะดุ้ง ใบหน้าของเขาซีดเผือดลงทันทีเขารีบปฏิเสธเสียงดัง “มิจริง นี่มันคำสารภาพปลอม ท่านปลอมแปลงมันขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายข้า!”“ก็คิดไว้อยู่แล้วว่าเจ้าจะปฏิเสธ แต่ก็เอาเถอะ ข้าได้เตรียมรับมือไว้แล้ว”เมื่อได้ยินว่าฉินซูยังมีแผนสำรอง ฉินเหยี่ยนก็ยิ่งหวาดหวั่น รีบร้องขอความช่วยเหลือจากฉินอู๋ต้าวทันที “เสด็จพ่อ กระหม่อมถูกใส่ร้าย
สายตาของเขาราวกับจะบอกว่า ‘เจ้ามิใช่หรือที่บอกว่าจะให้ข้าตัดสินใจเองทั้งหมด และไม่มีข้อขัดข้อง? แล้วคำพูดเมื่อครู่นี้มันหมายความว่าอย่างไร? เจ้าต้องการให้ข้าลงโทษให้หนักขึ้นใช่หรือไม่?’แม้ว่าฉินอู๋ต้าวจะโกรธกับคำพูดของฉินซู แต่ต่อหน้าปัญหาที่ฉินซูโยนมาให้ มิว่าจะอยากแก้ไขปัญหาหรือไม่ เขาก็ต้องรับไว้หลังจากสงบสติอารมณ์ลง เขากล่าวอย่างช้า ๆ “สิ่งที่องค์รัชทายาทพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง ฉินเหยี่ยน ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าได้ส่งคนไปลอบสังหารองค์รัชทายาทหรือไม่?”ขณะกล่าว เขาแอบส่งสายตาเป็นนัยให้ฉินเหยี่ยนฉินเหยี่ยนเข้าใจทันที รีบส่ายหัวปฏิเสธ “เสด็จพ่อ กระหม่อมถูกใส่ร้าย กระหม่อมไม่มีทางกระทำการอันอุกอาจเช่นนี้ได้แน่พ่ะย่ะค่ะ”“ดี! ในเมื่อเจ้ามิยอมรับ และองค์รัชทายาทก็ไม่มีหลักฐานอื่นใดนอกจากคำให้การนี้ เราจะเลิกประชุมกันก่อน ข้าจะให้สำนักหอดูดาวหลวงไปสืบสวนให้กระจ่างในภายหลัง”หลังจากพูดเสร็จ ฉินอู๋ต้าวก็เตรียมจะลุกออกจากบัลลังก์แต่ฉินซูกลับพูดขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย “เสด็จพ่อ กระหม่อมมิได้มีแค่คำให้การนี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมยังมีพยานบุคคลด้วย!”ฉินอู๋ต้าวชะงักเท้า มองฉินซูอย่างด
ในใจฉินเหยี่ยนเต็มไปด้วยความทุกข์ ใบหน้าซีดเซียวกระซิบอย่างสิ้นหวังว่า "หากโอวหยางขุยเข้าวังมาเป็นพยานจริง ๆ แผนสำรองของข้าก็แทบไม่มีค่าอะไรแล้ว โอ๊ย ตายแน่ ๆ ฉินซูไปทำอิท่าไหนถึงสามารถโน้มน้าวโอวหยางขุยได้กัน"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินหยางก็ขมวดคิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความรำคาญ แล้วถอยห่างจากฉินเหยี่ยนไปสองสามก้าวทันทีเห็นได้ชัดว่าเขาประเมินฉินเหยี่ยนสูงไป แต่เดิมเขาหวังจะใช้ฉินเหยี่ยนโค่นฉินซู แต่เรื่องกลับมิเป็นตามแผน นอกจากจะมิสำเร็จยังพาตัวเองติดบ่วงไปด้วยอีกคนมิเพียงแต่ฉินหยางเหล่าองค์ชายคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะส่ายหัวเบา ๆ อยู่ในใจฉินเหยี่ยนมีแววตาสับสน ความคิดแล่นเร็ว พยายามหาวิธีออกจากสถานการณ์นี้บนบัลลังก์ ฉินอู๋ต้าวจ้องฉินซูด้วยสายตาที่เย็นชา มิปิดบังความโกรธเกรี้ยวภายในใจของเขานั้นโกรธจัด เพราะนานมาแล้วที่ไม่มีใครกล้าทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเช่นนี้แต่วันนี้ องค์รัชทายาทที่กำลังจะถูกปลดกลับโยนปัญหาหนักอกมาให้เขาต่อหน้าขุนนางทั้งราชสำนัก เขาจึงเริ่มเกลียดฉินซูยิ่งกว่าเดิมหากสายตาสามารถฆ่าคนได้ ฉินซูคงตายไปหลายร้อยหนแล้วในยามนี้แต่แม้จะต้องเผชิญกัยสายตาเย็นช
ฉินอู๋ต้าวกำหมัดแน่นและกล่าวด้วยเสียงเข้มว่า “โอวหยางขุย เจ้าบอกมา ผู้ใดที่สั่งการอยู่เบื้องหลังให้เจ้ามาลอบสังหารองค์รัชทายาท เจ้าอย่าได้กลัว หากมีเหตุผลอันควร ข้าจะพิจารณาโทษของเจ้าอย่างยุติธรรม แต่หากกล่าวหาลอย ๆ ข้าจะสั่งประหารตระกูลของเจ้าเก้าชั่วโคตรทันที!”เมื่อคำพูดของเขาจบลง สายตาของทุกคนในท้องพระโรงก็หันไปจ้องมองโอวหยางขุยทันทีโอวหยางขุยชี้ไปที่ฉินเหยี่ยนแล้วกล่าวด้วยเสียงดัง “ฝ่าบาท กระหม่อมได้รับคำสั่งจากท่านอ๋องจิ้น เมื่อครั้งที่องค์รัชทายาทเสด็จลงใต้ ท่านอ๋องจิ้นก็ส่งคนมายังสำนักอาทิตย์อัสดงเพื่อแจ้งสารถึงกระหม่อม...”ยังมิทันที่เขาจะพูดจบ ฉินเหยี่ยนก็โกรธจนตะโกนขึ้นมาด้วยความอับอาย “โอวหยางขุย เจ้าปั้นเรื่องเจ้าใส่ความข้า ข้ามิเคยส่งคนไปหาเจ้าเลย เรื่องนี้ไม่มีมูลความจริง ข้ากับเจ้าก็ไม่มีเรื่องบาดหมางกัน เจ้าจะกล่าวหาข้าด้วยเหตุใด? บอกมา เป็นองค์รัชทายาทที่ข่มขู่ให้เจ้าทำเช่นนี้ใช่หรือไม่? หากมิพูดออกมา เสด็จพ่อจะประหารเจ้าเก้าชั่วโคตรเชียวนะ!”โอวหยางขุยยังคงนิ่ง สีหน้ามิเปลี่ยนและกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “ฝ่าบาท องค์รัชทายาทมิได้ข่มขู่กระหม่อมแม้แต่น้อย และทุกคำที่กร
เมื่อเห็นว่าฉินอู๋ต้าวโกรธจัด ขุนนางทุกคนในท้องพระโรงต่างก้มหน้าลง ไม่มีใครกล้าสบสายตาหรือเผชิญหน้ากับความโกรธของจักรพรรดิองค์นี้แม้แต่เหลยเจิ้น เว่ยเจิง และฉงชูโม่ก็ยังต้องเบี่ยงสายตา มิกล้าสบตาตรง ๆมีเพียงฉินซูที่ยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง ยืนหยัดพูดอย่างมีเหตุผลว่า “ฝ่าบาท พยานหลักฐานทั้งหมดประจักษ์ชัดเจนอยู่ตรงหน้า ลูกมิเข้าใจว่ามีอะไรที่ยังต้องตรวจสอบอีก หากแม้แต่เรื่องการลอบสังหารองค์รัชทายาท ร้ายแรงเพียงนี้แล้ว ยังสามารถปล่อยผ่านไปได้ ลูกก็ขอสละตำแหน่งองค์รัชทายาทเสียยามนี้เลยดีกว่า ลูกมิอยากใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง ต้องคอยระวังภัยร้ายจากเหล่าขุนนางทรยศเช่นนี้ หากเป็นเช่นนั้น ลูกขอให้จบเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”"เจ้า!!" ฉินอู๋ต้าวโกรธจนกัดฟันแน่น สุดท้ายถึงกับไอมิหยุดด้วยความโมโห และกระทืบเท้าด้วยความอับอายและโกรธจัดเฉาฉุนรีบเข้ามาช่วยปลอบประโลม พร้อมกล่าวอย่างวิตกว่า "ฝ่าบาท โปรดรักษาพระวรกาย อย่ามีโทสะเลยพ่ะย่ะค่ะ"ฉินอู๋ต้าวส่งสัญญาณให้เขาถอยไป จากนั้นจึงมองฉินซูด้วยสายตาเคร่งขรึม และถามอย่างเน้นหนักว่า "องค์รัชทายาท เจ้าคิดจะบีบบังคับข้ารึ?"สายตาของเขาเฉี