Share

บทที่ 171

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
last update Last Updated: 2024-10-12 18:00:01
“ใช่เพคะฝ่าบาท มิเพียงเจอแต่ในหลงโย่วเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในคืนแรกของการเดินทางไปทางใต้ด้วย ตอนที่พวกเราพักค้างแรมในเมืองอวี๋หาง ก็ตกไปอยู่ในกับดักของพวกโจรเข้าเพคะ”

“ระบุตัวตนของโจรเหล่านั้นได้แล้วหรือยัง?”

“ส่วนใหญ่ได้รับการระบุตัวตนแล้วเพคะ บางส่วนมาจากสำนักอาทิตย์อัสดง บางส่วนก็มาจากสำนักเบญจพิษ และยังมีบางส่วนที่มาจากสำนักบู๊ลิ้มที่มีรากฐานลึกซึ้งเพคะ”

ดวงตาของฉินอู๋ต้าวขรึมลง สีหน้าของเขามิสู้ดีนัก เขาเปล่งเสียงเยือกเย็นออกมา “สำนักบางสำนักในยุทธภพกล้าทำร้ายองค์รัชทายาทรึ! พวกมันไปเอาความกล้ามาจากที่ใด!”

ฉงชูโม่ยังคงเงียบและมิตอบอะไร

ฉินอู๋ต้าวถามอีกครั้ง “พวกโจรจากสำนักอาทิตย์อัสดงและสำนักเบญจพิษ มีคำอธิบายหรือไม่ว่าผู้ใดเป็นคนสั่งพวกเขา?”

“มีเพคะ! หากอิงตามการส่งมอบงาน พวกเขาได้รับคำสั่งจากอ๋องจิ้นและอ๋องซิ่นตามลำดับเพคะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินอู๋ต้าวก็มิสู้ดียิ่งกว่าเดิม

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “นอกจากเจ้าแล้ว มีใครอีกบ้างที่รู้เรื่องนี้?”

ฉงชูโม่ตอบตามความจริง “องค์รัชทายาทเองก็ทรงทราบเพคะ”

“พูดอีกอย่างก็คือ ไม่มีใครรู้นอกจากเจ้ากับองค์รัชทายาทใ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 172

    หลังจากที่ฉงชูโม่ออกมาจากวัง นางก็มิได้ตรงไปยังตำหนักบูรพา แต่ไปที่จวนชิ่งกั๋วกงก่อนเมื่อมาถึงจวนชิ่งกั๋วกง นางมิได้เข้าทางเข้าหลัก แต่กลับกระโดดขึ้นไปบนกำแพงและข้ามมาที่หน้าต่างห้องส่วนตัวของเซี่ยหลานตอนนี้เซี่ยหลานกำลังอ่านตำราบทกวีอย่างเพลิดเพลินเมื่อเห็นคนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่นอกหน้าต่าง นางก็ตกใจมากจนถอยหลังไปสองก้าวด้วยใบหน้าซีดเซียวหลังจากที่เห็นชัดเจนว่า คนที่มาคือฉงชูโม่ นางก็ถอนหายใจยาวพลางตบหน้าอกแล้วบ่นว่า “ชูโม่ เจ้าปีนกำแพงข้ามมาได้อย่างไร ทำเอาข้าตกอกตกใจหมด!”“ข้าขี้เกียจทักทายท่านปู่ของเจ้ากับคนอื่น ๆ น่ะ จะร้อนรนอะไรปานนั้น? หรือว่าเจ้าซ่อนบุรุษไว้ในห้อง?”ฉงชูโม่พูดติดตลกแล้วกระโดดข้ามหน้าต่างเข้าไปในห้อง แสร้งทำเป็นตรวจดูห้องส่วนตัวของเซี่ยหลานเซี่ยหลานกลอกตาใส่อีกฝ่ายแล้วพูดอย่างเคือง ๆ “ไปให้พ้นเลย เจ้าต่างหากที่ซ่อนบุรุษเอาไว้ อีกอย่างข้าก็มิได้ร้อนรน ข้าแค่ตกใจที่จู่ ๆ เจ้าก็โผล่พรวดมา ว่าแต่ นี่เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อใด?”“เพิ่งกลับมาวันนี้ นี่อย่างไรเล่า พอกลับมาข้าก็รีบมาหาเจ้าเลย”“แล้วการเดินทางไปทางใต้ของเจ้าราบรื่นหรือไม่?”“ก็ถือว่าราบรื่

    Last Updated : 2024-10-12
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 173

    ฉงชูโม่มิปฏิเสธและรีบเปลี่ยนอาภรณ์อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นฉงชูโม่อยู่ในชุดที่พลิ้วไหว ใจของเซี่ยหลานก็เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาและความเกลียดชัง“ชูโม่ เวลาเจ้าสวมกระโปรงเจ้าเหมือนนางสวรรค์ลงมาจุติยังใต้หล้าเลย เสียดายที่ข้ามิใช่บุรุษ มิเช่นนั้นข้าจะไปสู่ขอเจ้าอย่างแน่นอน”“เจ้าก็พูดชมเกินจริง เจ้าเองก็ดูดี เอาเถอะ ข้ามิพูดกับเจ้าแล้วดีกว่า วันหลังหากข้าว่างจะมาหาเจ้าอีกนะ”หลังจากที่ฉงชูโม่พูดจบ นางก็กระโดดข้ามขอบหน้าต่างแล้วหายตัวไปเซี่ยหลานพึมพำกับตัวเองด้วยท่าทางแปลก ๆ “ชูโม่ รีบร้อนเช่นนี้อีกทั้งยังตั้งใจแต่งตัวผัดหน้าเป็นพิเศษ นางต้องไปหาคนในใจแน่ ๆ มิได้การ ข้าต้องตามไปด้วยเพื่อป้องกันมิให้นางถูกหลอก”แต่หลังจากที่นางออกมาจากประตู ฉงชูโม่ก็หายตัวไปแล้วนางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในหัว นางพูดอย่างมีไหวพริบ “องค์รัชทายาทเดินทางไปยังทางใต้พร้อมกับชูโม่ เขาจะต้องรู้แน่ว่าใครเป็นคนในใจของนาง”พูดจบ นางก็มุ่งหน้าไปยังตำหนักบูรพา……ตำหนักบูรพาหลังจากที่ฉินซูจัดการหางานให้กับสองพี่น้องตงฟางไป๋ เขาก็ได้รู้จากผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาถึงเหตุการณ์สำคัญบา

    Last Updated : 2024-10-12
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 174

    ฉงชูโม่พูดด้วยความประหลาดใจ “มิจริงน่า? ท่านเดาถูกด้วยหรือนี่!”นางอดมิได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง นางทำตัวโจ่งแจ้งไปหรือ?“มันจะยากอะไรเล่า? ตามนิสัยของเจ้า หากมิใช่เพราะรับสั่งของฝ่าบาท เจ้าจะแต่งตัวผัดหน้าสวย ๆ มาอวดข้ารึ?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฉินซูก็พูดต่อด้วยความขมขื่นเล็กน้อย “ข้าแค่คาดมิถึงว่า เสด็จพ่อตั้งใจจะปล่อยผ่านเหตุการณ์ใหญ่อย่างการลอบสังหารองค์รัชทายาท นี่มันเกินความคาดหมายของข้าจริง ๆ”“องค์รัชทายาท เรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรง ฝ่าบาทคงจะทรงกังวลว่า หากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปจะเป็นการทำให้ราชวงศ์เสื่อมเสียชื่อเสียง นอกจากนี้ ท่านก็มิได้เป็นอะไร อีกทั้งคนร้ายก็ถูกจับกุมแล้ว มิว่าจะคิดอย่างไร ท่านก็มิได้เสียเปรียบเลยเพคะ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สายตาของฉินซูที่มองฉงชูโม่ก็กลายเป็นเฉยเมยเมื่อสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในดวงตาของฉินซู ฉงชูโม่ก็สะดุ้งแล้วถามด้วยสีหน้างุนงง “องค์รัชทายาททรงคิดว่าหม่อมฉันพูดอะไรผิดไปหรือเพคะ?”ฉินซูยิ้มอย่างเย็นชาพลางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เจ้าพูดถูกแล้ว อีกทั้งเจ้าก็คงอยากจะพูดด้วยว่า ในสายพระเนตรของฝ่าบาทหรือแม้แต่สายตาของทุกคน ข้าฉินซูนั้นเป

    Last Updated : 2024-10-12
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 175

    นางหันมาตะคอกตงฟางไป๋ “ตงฟางไป๋ พวกเจ้าสองพี่น้องสิ้นชีพแล้วรึไร? เหตุใดถึงมิตามไปปกป้ององค์รัชทายาท?”“หา? โอ้ ๆ พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้เลยจอรับ”เมื่อเห็นการทะเลาะกันระหว่างฉินซูและฉงชูโม่ ตงฟางไป๋กับตงฟางโซ่วที่เดิมทีอยากจะหาเรื่องสนุก ๆ ทำ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ถูกฉงชูโม่ตวาดใส่อย่างไร้เหตุผลทั้งสองเดินตามไปอย่างมิพอใจหลังจากยืนส่งฉินซูไปจนลับสายตา ฉงชูโม่ก็พูดด้วยความโกรธ “คนชั่ว คนสารเลว กล้าทำตัวแย่ ๆ ใส่ข้ารึ หากมิใช่เพราะท่านกำลังลำบาก ข้าจะต่อยให้ฟันร่วงหมดปากเลย”ขณะที่พูดนางก็ยกกำปั้นขึ้นมาด้วยในเวลานี้ เซี่ยหลานที่บังเอิญเดินมาจากอีกฝั่งของหน้าประตูตำหนักบูรพาก็ได้เห็นภาพนี้เข้านางถามด้วยความประหลาดใจ “ชูโม่ เหตุใดถึงได้โกรธปานนั้นเล่า? สีหน้าของเจ้าเต็มไปด้วยความคับข้องใจ หรือว่าองค์รัชทายาทจะรังแกเจ้า?”ฉงชูโม่ที่ยังคงโกรธพูดว่า “อย่าไปพูดถึงเลย ก็แค่คนสารเลวคนหนึ่ง ข้าเห็นว่าเขาทนทุกข์ทรมานมามาก ก็เลยอยากแต่งตัวสวย ๆ แล้วออกไปพักผ่อนกับเขา แต่ผลก็คือเขาทำให้ความปรารถนาดีของข้าพังมิเหลือชิ้นดี!”“เอ๊ะ? ที่เจ้าขอให้ข้าช่วยแต่งตัวผัดหน้าให้เป็นพิเศษก็เพราะองค์รัชทายาท

    Last Updated : 2024-10-13
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 176

    ตรอกผิงคัง ตั้งอยู่ทางใต้ของพระราชวังในเมืองหลงเฉิง มิไกลจากพระราชวังมากนักที่นี่เต็มไปด้วยโรงน้ำชา โรงสุรา และสถานเริงรมย์มากมาย ทั้งหมดตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ทำให้ทิวทัศน์งดงามเป็นพิเศษ ด้วยเหตุนี้ ตรอกผิงคังจึงกลายเป็นแหล่งรวมตัวของบรรดาบัณฑิตและกวีชื่อก้องในหลงเฉิงมาช้านานบ้างก็ชอบเขียนบทกวีในโรงน้ำชาและโรงสุรา บ้างก็อวดฝีมือในสถานเริงรมย์ จนทำให้ชื่อเสียงของตรอกผิงคังเป็นที่เลื่องลือไปทั้งในและนอกเมืองหลงเฉิงนอกจากนี้ วันผู้สูงอายุใกล้เข้ามาแล้ว ประกอบกับการเรียกร้องของจักรพรรดิ ทำให้บัณฑิตจากทั่วทั้งแคว้นต้าเหยียนหลั่งไหลมาที่นี่อย่างมิขาดสาย ทำให้ตรอกผิงคังในเวลานี้คึกคักไปด้วยผู้คนยิ่งกว่าที่เคยฉินซูเดินเดินเตร็ดเตร่อย่างไร้จุดหมาย ทอดสายตามองไปรอบ ๆ ตลาดวันนี้เขาสวมอาภรณ์ธรรมดา ไม่มีใครจดจำเขาได้ ตงฟางไป๋และตงฟางโซ่ว สองพี่น้องคอยเดินตามมิห่าง“มิน่าเชื่อเลยว่า แค่ตลาดธรรมดา ๆ ในหลงเฉิงจะครึกครื้นถึงเพียงนี้ ราวกับช่วงเทศกาลปีใหม่ไม่มีผิด” ตงฟางโซ่วกล่าวด้วยความตื่นเต้นเมื่อมองดูฝูงชนที่พลุกพล่านในตลาดตงฟางไป๋จ้องเขาอย่างดุดันก่อนจะพูดตำหนิด้วยน้ำเสียงเข้ม “อย่าม

    Last Updated : 2024-10-13
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 177

    ฉินซูพูดอย่างมิสบอารมณ์ว่า “หากเปิดเผยตัวตนออกไป ก็มิสนุกสิ รออีกสักหน่อย แล้วพวกเจ้าก็จำไว้ว่าห้ามทำให้ใครรู้ว่าข้าเป็นใคร จำไว้ให้ดี”พี่น้องตงฟางทั้งสองคนรีบรับคำอย่างเคารพ “พวกเราจำไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”ในขณะเดียวกันเจ้าของร้านได้ยินว่ามีคนต้องการเข้าร่วมงานในร้าน จึงพูดกับเสี่ยวเอ้อร์ด้วยความรำคาญว่า “ก็หาข้ออ้างปฏิเสธไปสิ พวกแขกที่อยู่ในร้านตอนนี้ล้วนเป็นบัณฑิตชั้นสูง ในภายภาคหน้าพวกเขาอาจสอบได้ตำแหน่งขุนนาง หรือแม้แต่ได้ทำงานในราชสำนัก เราจะทำให้พวกเขามิพอใจมิได้”เสี่ยวเอ้อร์ยิ้มแห้งแล้วอธิบายว่า “แต่คุณชายที่อยู่นอกประตูนั้นดูท่าทางมิธรรมดา หากเขาเป็นลูกหลานขุนนางใหญ่ เราก็มิอาจทำให้เขามิพอใจได้เช่นกันขอรับ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เถ้าแก่จึงพยักหน้าอย่างช้า ๆ “ก็จริง เอาเถอะ ข้าไปดูเองดีกว่า”พูดจบ เขาก็เดินไปยังหน้าประตูร้านสายตาของเขากวาดผ่านร่างสองพี่น้องตระกูลตงฟางไปเฉย ๆ แล้วหยุดลงที่ฉินซูแม้ฉินซูจะแต่งตัวเรียบง่าย แต่ด้วยคิ้วคมเข้มดั่งคมดาบ ดวงตาคมกล้า รูปร่างสง่างาม แม้ยืนอยู่เฉย ๆ เจ้าของร้านก็รู้ได้ทันทีว่าเขามิใช่คนธรรมดา เมื่อสังเกตเห็นเช่นนั้น เขาจึงโค้งคำนับ

    Last Updated : 2024-10-13
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 178

    "เจ้าบอกว่าตนเป็นสหายของคุณชายซุยหรือ?" ชายหนุ่มแซ่ซุนมองสำรวจฉินซูด้วยความสงสัย จากนั้นก็เอ่ยถามอย่างเคลือบแคลงฉินซูเพียงมองแวบเดียวก็จำอีกฝ่ายได้ทันที ชายผู้นี้มีนามว่าซุนฉี บุตรชายของขุนนางชั้นผู้น้อยกรมพิธีการตอนแรก ฉินซูยังกังวลว่าซุนฉีจะจำตนได้หรือไม่ แต่เมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย เขาก็โล่งใจ ความกังวลของฉินซูเป็นสิ่งที่เกินความจำเป็น เพราะถึงแม้ว่าซุนฉีจะสนิทสนมกับซุยห้าว แต่ก็มิเคยมีโอกาสได้พบกับฉินซูอย่างใกล้ชิดมาก่อน ดังนั้นจึงมิแปลกที่อีกฝ่ายจะจำเขามิได้ฉินซูยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบเสียงเรียบว่า "ใช่แล้ว"ซุนฉียังคงมองฉินซูด้วยท่าทีสงสัย "แต่สหายของคุณชายซุย ข้ารู้จักทั้งหมด มิเคยเห็นเจ้ามาก่อน เจ้าอยากจะเข้ามาในนี้เพื่อยกฐานะตัวเองใช่หรือไม่?"ฉินซูเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา ‘ข้าเป็นถึงรัชทายาท จะมายกฐานะตัวเองในโรงสุรานี้น่ะหรือ น่าขันเสียจริง’ เขาพยายามกลั้นยิ้มและพูดว่า "เจ้านี่ช่างพูดตลกนัก นอกจากคุณชายซุยแล้ว ที่นี่ยังจะมีขุนนางใหญ่โตที่ไหนอีก"ซุนฉีคิดตาม และเห็นด้วยว่าที่ฉินซูพูดนั้นก็มีเหตุผล เขาลูบคางคิดสักพัก จากนั้นก็พูดว่า "สหายของคุณชายซุยล้วนเป็

    Last Updated : 2024-10-13
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 179

    กลายเป็นว่าการแสดงความสามารถของตนเมื่อครู่นั้นถูกฉินซูชิงไปครึ่งหนึ่ง ซุนฉีกล่าวอย่างมิพอใจ “เมื่อกี้เจ้าคงจะแค่คาดเดาได้เท่านั้น ข้าจะออกคำโคลงอีกบท หากเจ้าสามารถตอบได้จริง ข้าจะยอมให้เจ้าเข้าไป!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น คิ้วของฉินซูกระตุกเล็กน้อย สีหน้าปรากฏความมิพอใจ ตงฟางไป๋เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้น จึงก้าวไปข้างหน้าแล้วตะคอกใส่ซุนฉี “เจ้ามันไร้ยางอาย! เมื่อสักครู่เจ้าบอกว่า หากคุณชายของข้าต่อโคลงกลอนได้ จะยอมให้เข้าไป ตอนนี้กลับมากล่าวหาว่า คุณชายของข้าเดาสุ่ม เจ้าเล่นมิเป็น หรือคิดว่าคุณชายของข้าใครจะรังแกก็ได้ใช่หรือไม่?” ขณะที่พูด กำปั้นอันใหญ่โตของเขาก็กำขึ้นจนเกิดเสียงกร๊อบแกร๊บของข้อต่อ แสดงให้เห็นถึงการข่มขู่อย่างเต็มที่ ซุนฉีตอบรับอย่างมิได้รีบร้อนว่า “เขาตอบได้เร็วถึงเพียงนี้ ข้าสงสัยว่าเขาเดาก็มิผิดอะไร หากคุณชายของเจ้ามีความรู้จริง ไฉนจะตอบอีกโคลงมิได้เล่า?” “เจ้า...” ตงฟางไป๋กำลังจะพูดต่อ แต่ฉินซูกลับยกมือห้ามไว้ “พอแล้ว ข้าจะตอบโคลงอีกบทก็ได้ แต่ข้าขอเตือนไว้ก่อน หากเจ้ายังจงใจกลั่นแกล้งอีกละก็ อย่าหาว่าบ่าวทั้งสองคนนี้ของข้ามิเกรงใจ!” “หึ เจ้า

    Last Updated : 2024-10-14

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 476

    ทั่วป๋าชื่อหันไปถามทหารคนเดิม "รัชทายาทไร้ประโยชน์นั่นพาคนมาเท่าใด?""ท่านหัวหน้า พวกเขามากันเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น!”“ว่ากระไรนะ แค่สิบกว่าคน?”“ขอรับ อีกทั้งคนที่ติดตามมาด้วยก็เป็นเพียงเจ้าหน้าที่จากอำเภอฉงซาน หลายคนยังเป็นหน้าเดิมที่เคยเห็นกันอยู่แล้ว”ได้ยินดังนั้น ทั่วป๋าชื่อก็หัวเราะลั่นอีกครั้ง ฮ่าฮ่าฮ่า! รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดคนนั้นช่างกล้าจริง ๆ! แค่สิบกว่าคนก็กล้าบุกเข้ามาในชนเผ่าโครยอของข้า คิดว่าชนเผ่าโครยอของเรายังอ่อนแอเหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อนหรืออย่างไร!”ผู้นำคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "ท่านหัวหน้า รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดคนนั้นกล้ามาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ คงต้องมีอะไรให้พึ่งพาอยู่เป็นแน่ เราอย่าประมาทเลย"ทั่วป๋าชื่อโบกมือไปมา เอ่ยอย่างมิเห็นด้วย “หึ ๆ เขาเป็นแค่รัชทายาทที่กำลังจะถูกปลด จะมีอะไรให้พึ่งพาได้!"“ท่านหัวหน้า ข้าได้ยินมาว่า ช่วงนี้รัชทายาทเปลี่ยนไปมาก เมื่อมินานมานี้ในงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทฮองไทเฮา เขายังสามารถเอาชนะบัณฑิตของเป่ยเยี่ยนได้อย่างหมดจด แม้แต่ขุนนางอาวุโสของสำนักหอสมุดหลวงแห่งเป่ยเยี่ยนก็ยังแพ้ให้เขา"“เจ้าคิดมากไปแล้ว! เ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 475

    "ยังเหลืออีกสองลูก""นั่นก็เพียงพอแล้ว"หลังจากที่กู้เสวี่ยเจี้ยนพูดจบก็กอดกระบี่ยาวเอนตัวพิงประตูหลับตาพักผ่อนเซี่ยหลานพูดอย่างมิสบายใจ "องค์รัชทายาท ในเมื่อชนเผ่าโครยอกล้าตัดเส้นทางน้ำของแม่น้ำกุ้ยฮวาเจียงได้ แสดงว่าพวกเขาอาจมีเจตนาร้าย หากเกิดการต่อสู้ขึ้น พวกเราที่มีเพียงสิบกว่าคนจะเอาชนะได้อย่างไรเพคะ?"ฉินซูยิ้มอย่างมิใส่ใจ "วางใจได้ ต่อให้เกิดการต่อสู้ ก็มิได้หมายความว่าจะแพ้เสียหน่อย อีกทั้งข้าคือองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ หากพวกเขากล้าล่วงเกินเช่นนั้น มิกลัวหรือว่าราชสำนักจะส่งทหารมาเหยียบพวกเขาให้ราบเป็นหน้ากลองหรือไร?”“มิว่าอย่างไร ท่านก็ต้องระวังตัวด้วยเพคะ หม่อมฉันจะรอท่านกลับมา”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ออกเดินทางพร้อมกู้เสวี่ยเจี้ยนและถานเหวยก่อนที่กู้เสวี่ยเจี้ยนจะออกไป นางจ้องมองไปยังเซี่ยหลานพร้อมกับรอยยิ้มเย็นแฝงเลศนัยที่ชวนให้ครุ่นคิดเมื่อเห็นเช่นนี้ เซี่ยหลานก็อดขมวดคิ้วมิได้ มองมิออกว่าแววตาของกู้เสวี่ยเจี้ยนต้องการสื่อถึงสิ่งใดด้านนอกที่ว่าการอำเภอกานรุ่ยมาพร้อมกับทหารสิบนายและเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วฉินซูมิพูดพร่ำทำเพลง พลันโบกมือสั่งการ "ไปก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 474

    ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาฉินซูดูแลจัดการเรื่องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในอำเภอฉงซานด้วยการสนับสนุนเสบียงข้าวที่เพียงพอ ชาวบ้านกว่าสองแสนคนในอำเภอฉงซานจึงมิต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไปอย่างไรก็ตาม ปัญหาการขาดแคลนน้ำเนื่องจากแม่น้ำกุ้ยฮวาเจียงแห้งขอดนั้นยังมิได้รับการแก้ไขวันนี้ที่ห้องประชุมใหญ่ของที่ว่าการอำเภอฉินซูสอบถามผู้ว่าการอำเภอ “ใต้เท้ากาน แม่น้ำกุ้ยฮวาเจียงของพวกท่านมีต้นน้ำอยู่ที่ใด?”กานรุ่ยตอบด้วยความเคารพ "กราบทูลองค์รัชทายาท แม่น้ำกุ้ยฮวาเจียงเป็นเพียงสาขาหนึ่งของแม่น้ำเหลียนเจียง โดยจุดที่ไหลมาบรรจบกันอยู่ที่ทางด้านเหนือห่างไปสามสิบลี้ที่เนินเขาสูง"“ในเมื่อแม่น้ำกุ้ยฮวาเจียงเป็นเพียงแม่น้ำสาขา แล้วมันจะแห้งแล้งได้อย่างไร? หรือว่าแม่น้ำเหลียนเจียงเองก็แห้งไปด้วย?”“มิใช่เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ แม่น้ำเหลียนเจียงยังคงมีน้ำไหลอย่างอุดมสมบูรณ์ แต่เป็นเพราะชนเผ่าโครยอได้ทำการปิดกั้นทางน้ำสาขาที่แม่น้ำเชื่อมต่อเอาไว้ ข้าน้อยเคยส่งคนไปเจรจาหลายครั้งแล้วแต่ก็มิเป็นผลสำเร็จเลยสักครั้ง”ฉินซูแค่นเสียงอย่างเย็นชา "หึ! แค่ชนเผ่าตัวเล็ก ๆ ก็กล้าปิดกั้นแม่น้ำสาขาของต้าเหยียน ข้าเก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 473

    ก่อนที่คูมู่จะพูดจบ ผู้เฒ่าก็เตือนเขาว่า "คูมู่ ผู้ออกบวชมิพูดจาเท็จ รีบพูดความจริงมาเสียดี ๆ"น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบขึ้นกว่าเดิมคูมู่อธิบายด้วยสีหน้าขมขื่น "อาจารย์อา คนผู้นั้นเตือนศิษย์ไว้โดยเฉพาะว่า หากศิษย์เปิดเผยตัวตนของเขาออกไป เขาจะมิช่วยแก้ไขสิ่งที่เขาทำไว้"“ถ้าเช่นนั้น เจ้าจะมาหาอาตมาด้วยเหตุใด? รอให้คนผู้นั้นช่วยแก้ไขก็พอแล้วมิใช่หรือ”“อาจารย์อา คนผู้นั้นใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ศิษย์ แต่ศิษย์มิต้องการสมรู้ร่วมคิดกับเขา จึงต้องมารบกวนท่าน”ผู้เฒ่าส่ายหัวเล็กน้อย "เจ้าตั้งใจปิดบังอาตมา ข้อนี้อาตมามิถือโทษ แต่ถึงเจ้าจะพูดความจริง พลังนี้อาตมาก็มิอาจทำอะไรได้อยู่ดี"เมื่อได้ยินเช่นนั้น คูมู่ก็เผยสีหน้าหมดหวังเย่ชางสิงอดมิได้ที่จะพึมพำว่า "นึกว่าจะเป็นพระอริยะเสียอีก ที่แท้ก็แค่นี้เองรึ?"ยังมิทันที่เขาจะพูดจบ บรรยากาศรอบ ๆ ก็เย็นยะเยือกลงอย่างฉับพลันจนเขาต้องสั่นสะท้านเขาเหลือบมองไปทางผู้เฒ่า เห็นเพียงสายตาเย็นเยียบของอีกฝ่ายจ้องเขม็งมาที่ตนอย่างแน่วแน่หัวใจของเย่ชางสิงสั่นสะท้าน ความกลัวแผ่ซ่านไปจนถึงกระดูกเขารีบพูดออกมาด้วยความตกใจ "ท่านผู้อาวุโส อย่าเข้าใจผิด ข้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 472

    หลังจากตรวจนับสิ่งของแล้วก็พบว่าข้าวสารบนเรือมิได้เสียหายมากนักสวีหลายจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วสั่งว่า “รุ่งสางวันพรุ่งก็ไปซื้อข้าวสารในเมืองมาเสริมส่วนที่เสียหายคืนนี้ให้ครบ”ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งตอบรับด้วยความเคารพว่า “รับทราบ!"ตลอดคืนที่เหลือ สวีหลายทำหน้าที่เป็นคนเฝ้าด้วยตัวเองโชคดีที่ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นอีกจนถึงรุ่งเช้าหลังจากที่ไปซื้อข้าวในเมืองกลับมาได้แล้ว เรือสินค้าก็ออกเดินทางต่อไปและมุ่งหน้าล่องใต้ไปตามแม่น้ำ……ในเวลาเดียวกันห่างออกไปทางทิศตะวันออกของเมืองหลงเฉิงราวหลายสิบลี้ อารามลอยฟ้าเสวียนคงบนภูเขาอันซานร่างสองร่างปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูวัดในสภาพค่อนข้างอิดโรยคนหนึ่งเป็นพระธุดงค์รูปร่างกำย ใบหน้าฉายแววเคร่งเครียดราวกับมีความแค้นฝังลึก มือถือไม้เท้าปราบมารอีกคนหนึ่งเป็นผู้เฒ่าอายุเกินหกสิบปี สวมชุดคลุมสีดำ ผมยุ่งเหยิงปล่อยกระเซอะกระเซิง มือถือไม้เท้าหัวมังกรปรากฏว่าพวกเขาก็คือคู่มู่และเย่ชางสิง!ทั้งสองเดินทางอยู่หลายวัน กว่าจะกลับมาถึงอารามลอยฟ้าเสวียนคงนักพรตที่กำลังกวาดลานวัดก็คำนับคูมู่แล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “ศิษย์คารวะอา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 471

    จูฟางพูดด้วยสีหน้าขมขื่น "ข้ามิรู้จริง ๆ ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร..."“มิรู้แม้แต่ตัวตนของคนบอกข่าว เจ้าก็ยังเชื่อคำพูดเขาอย่างนั้นรึ?”“ท่านจอมยุทธ์ พวกเราเป็นโจรสลัด ได้ยินข่าวเช่นนี้ก็อดที่จะเชื่อมิได้อยู่แล้ว และเมื่อเรือของพวกท่านเทียบท่า คนของเราก็เห็นว่าบนเรือขนข้าวสารไว้จริง ๆ เราจึงกล้าลงมือเสี่ยงเช่นนี้”สวีหลายถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก "แล้วเจ้าจะหาตัวคนที่ปล่อยข่าวลือนั่นได้หรือไม่?"จูฟางได้แต่ยกมืออย่างจนใจ "ท่านจอมยุทธ์ คนผู้นั้นหายตัวไปนานแล้ว ข้าจะไปตามหาได้อย่างไร?"“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีประโยชน์ให้เก็บเจ้าเอาไว้!”สวีหลายขยับกระบี่ในมือ แผลยาวบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนลำคอของจูฟาง เลือดสดไหลรินออกมามิหยุด!จูฟางตกใจจนขาสั่น ปัสสาวะรดกางเกงด้วยความหวาดกลัว!เขารีบพูดขึ้น "โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิดท่านจอมยุทธ์! ข้าจะหาตัวคนผู้นั้นมาให้ มิว่าจะยากเย็นเพียงใด ขอแค่ท่านไว้ชีวิตข้าเท่านั้น!""ดีมาก!"สวีหลายเก็บกระบี่ก่อนจะยื่นมือไปจับคางของจูฟาง และยัดยาสองเม็ดเข้าไปในปากจูฟางพยายามดิ้นรน แต่กลับเผลอกลืนยานั้นลงไปโดยมิตั้งใจเมื่อเห็นเช่นนั้น สวีหลายก็ปล่อยตัวเขาสีหน้าขอ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 470

    ”ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!”หัวลูกศรลุกเป็นไฟพุ่งแหวกอากาศตรงไปยังเรือสินค้าดอกแล้วดอกเล่าในชั่วพริบตา กระสอบข้าวที่กองอยู่บนเรือก็ลุกไหม้ขึ้นทันที“มิดีแล้ว! พวกมันจุดไฟเผา รีบดับไฟเร็วเข้า!”เฉิงผิงตะโกนเสียงดัง พร้อมทั้งคว้าโล่หวายขึ้นมาแล้วพุ่งไปดับไฟเป็นคนแรกเมื่อเห็นเช่นนั้น คนอื่น ๆ ก็รีบเข้ามาช่วยดับไฟกันอย่างเร่งด่วนแต่ในเวลานี้ ลูกธนูเพลิงยังคงพุ่งมามิหยุด เมื่อพวกเขาดับไฟที่จุดหนึ่งได้ อีกจุดหนึ่งก็ลุกไหม้ขึ้นมาอีกเมื่อเห็นฉากนี้ สายตาของสวีหลายก็ฉายแววอาฆาตรุนแรง!ก่อนออกเดินทาง เขาได้สัญญากับฉินซูเอาไว้ว่า ตราบใดที่ตนยังอยู่ ข้าวจะต้องปลอดภัย!หากปล่อยให้พวกโจรจุดไฟต่อไป ข้าวจำนวนแปดพันต้านนี้จะต้องถูกเผาจนมิเหลือแน่เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็ชักกระบี่ยาวออกมาจากฝัก พร้อมพูดเสียงหนักแน่นว่า “เฉิงผิง เจ้าคอยดูแลเรือสินค้าให้ดี ข้าจะลงไปฆ่าพวกมันเอง!”พูดจบ ร่างของเขาก็ขยับพลิ้วไหว กระโดดเพียงมิกี่ครั้งก็ลงไปถึงตลิ่งแม่น้ำกระบี่ในมือของเขากระตุกเบา ๆ ก่อนจะพุ่งตรงเข้าหาพวกโจรด้วยความรวดเร็วเฉิงอิงที่อยู่บนเรือเห็นเช่นนั้นก็คว้ากระบี่ขึ้นมา แล้วกระโดดลงไปช่วยทันทีอย่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 469

    “ทุกคนลุกขึ้นเถอะ สถานการณ์ภัยพิบัติในเมืองเป็นอย่างไรบ้าง?”“กราบทูลองค์รัชทายาท หลังจากที่เสบียงข้าวมาถึงเมื่อสองวันที่แล้ว ราษฎรในเมืองก็ได้รับข้าวแล้ว เมื่อรวมกับเสบียงข้าวที่องค์รัชทายาททรงนำมาในคราวนี้ก็เพียงพอที่จะช่วยให้ราษฎรพ้นวิกฤตในปีนี้ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ"ฉินซูพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "เช่นนี้ก็ดี รีบนำทางพ่อค้าข้าวเข้าไปในคลัง ข้าขอบอกไว้ก่อน หากผู้ใดที่กล้าปล้นข้าวหรือยักยอกไปแม้เพียงเล็กน้อย ข้าจะประหารโดยมิละเว้น!"ผู้ว่าการอำเภอและคนอื่น ๆ ต่างสะดุ้งตกใจแล้วรีบบอกว่ามิกล้าจากนั้นถานเหวยก็เริ่มควบคุมการเก็บข้าวสารเข้าคลัง ส่วนพวกฉินซูก็ไปพักผ่อน……ภายในเขตเหยี่ยนโจวเรือสินค้าลำหนึ่งจอดเทียบท่าที่ท่าเรือในยามราตรีที่มีแสงจันทร์สว่างจ้า เรือสินค้าลำนี้ที่มีขนาดใหญ่สะดุดตาและโดดเด่นท่ามกลางเรือเล็ก ๆ ที่จอดอยู่เรือสินค้าลำนี้เต็มไปด้วยข้าว และในห้องเก็บสินค้าของท้องเรือยังมีการเก็บเงินหลายสิบหีบไว้อีกด้วยเรือสินค้าลำนี้เป็นเรือที่สวีหลายและพรรคพวกอยู่ในเวลานี้ สวีหลายกำลังเดินสำรวจบนเรือร่วมกับเฉิงอิงและคนอื่น ๆหลังจากยืนยันว่าไม่มีอะไรผิดปกติบนเรือ เฉิงอิ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 468

    ฉินซูยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และพูดว่า "หากเจ้ากล้าป่าวประกาศ ข้าก็จะเอาเรื่องของเราสองคนไปพูดเช่นกัน!"“เมื่อครู่ยังบอกเองว่า ถ้ำแห่งนี้คือความลับของเราสองคน แต่ตอนนี้กลับเอามาใช้ข่มขู่หม่อมฉัน ช่างไร้ยางอายนัก!”“เหอะ ๆ ข้ามิได้หมายถึงเรื่องนี้ แต่หมายถึงตอนที่เราอยู่ในห้องนอนของเฉินหว่านเอ๋อร์...“ฉินซูพูดพลางตบมือสองสามครั้งใบหน้าของกู้เสวี่ยเจี้ยนพลันแดงก่ำ นางโมโหจนขาดสติ ยกฝ่ามือฟาดใส่ฉินซูทันทีคนหลังหลบเลี่ยงอย่างรวดเร็วพลางพูดแก้ตัว "ไยเจ้าจึงโหดร้ายขนาดนี้? ข้าก็แค่พูดเล่น อีกอย่าง เป็นเจ้าที่พูดว่าจะเผยความลับของข้าก่อนมิใช่รึ!"กู้เสวี่ยเจี้ยนหยุดเคลื่อนไหวแล้วกล่าวเสียงดุ "หากท่านยังพูดถึงเรื่องคืนนั้นอีก หม่อมฉันจะตัดลิ้นท่านให้สุนัขกินเสีย!"“คืนนั้นเจ้าก็ดูจะเพลิดเพลินดี ไยต้องขัดขืนขนาดนี้ด้วยเล่า หรือว่า… เป็นเพราะข้าหยาบคายเกินไป?”ฉินซูพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ท่าทางอยากรู้ความจริงจนกู้เสวี่ยเจี้ยนโมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “คนสารเลว! หม่อมฉันให้ท่านเลิกพูดแล้ว ท่านยังจะมิหยุดใช่หรือไม่ คิดว่าหม่อมฉันมิกล้าตัดลิ้นท่านจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”นางพูดพร้อมชักกระบี่ยาวออก

DMCA.com Protection Status