Share

บทที่ 145

Penulis: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นลูกธนูจำนวนมากดุจดังฝนห่าใหญ่ที่โปรยปรายลงมาอย่างมิขาดสาย พุ่งตรงมายังพวกเขา

ม่านตาของฉงชูโม่หดตัวลงในทันใด พลันคว้าแขนของฉินซูแล้วหลบไปด้านหลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง

“ฉึก ฉึก…”

ลูกธนูเหล่านั้นปักเข้าไปในลำต้นของต้นไม้ ทำให้เกิดเสียงทื่อ

ฉินซูบ่นพึมพำ “โจรพวกนี้สมองมิค่อยดีหรือไร ปล่อยธนูในป่าแบบนี้ มิได้เปลืองลูกธนูหรอกรึ”

ขณะที่เขากำลังพูด เสียงแหวกอากาศก็ดังขึ้นอีกครั้ง

คราวนี้ลูกธนูถูกยิงมาพร้อมกันจากสองทิศทาง ด้านหลังต้นไม้ใหญ่ดูเหมือนจะหลบมิพ้นแล้ว

ฉงชูโม่ตวัดฝ่ามือออกไปสองครั้ง ปัดลูกธนูที่พุ่งเข้ามาด้านหน้าให้กระเด็นออกไป พร้อมกับตะโกนเบา ๆ “กอดหม่อมฉันไว้แน่น ๆ!”

ฉินซูอึ้งไป นี่มันเรื่องดีอะไรอย่างเยี่ยงนี้?!

เขามิลังเลเลย สอดมือทั้งสองข้างโอบรอบเอวบางของฉงชูโม่ ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงสัมผัสที่นุ่มนวลบนหน้าอก

ฉงชูโม่ขมวดคิ้ว แต่ตอนนี้ก็มิสนใจอะไรมากนัก นางกระทืบเท้าลงบนพื้นอย่างแรง ร่างกายของนางก็ลอยขึ้นไปในอากาศ

ระหว่างทาง นางใช้ปลายเท้าทั้งสองข้างยันกิ่งไม้ พาฉินซูไปที่ยอดไม้สูง

“ท่านอยู่ที่นี่ กอดกิ่งไม้ไว้ให้แน่น หากท่านตกลงมาตาย ก็อย่าหาได้
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 146

    หลังเฝิงไป่จงพูดจบ เขาก็สะบัดมือออกโดยมิทันให้สัญญาณเตือนใด ๆ ทันใดนั้น ผงสีขาวกลุ่มหนึ่งก็พุ่งเข้าไปหาฉงชูโม่ ผงสีขาวเหล่านี้ส่งกลิ่นฉุนแสบจมูก ระหว่างทางที่มันกระทบกับลำต้นของต้นไม้ ต้นไม้นั้นก็เกิดเสียง "ร้อนฉ่า" ขึ้นมา และถูกกัดกร่อนจนเป็นรอยลึกในพริบตา ผงสีขาวที่ดูเหมือนไร้พิษสง กลับซ่อนพิษร้ายแรงเอาไว้! ฉงชูโม่มิกล้าประมาท นางถอยร่น พร้อมกับฟาดกระแสพลังฝ่ามือออกไปสองสาย ผงสีขาวเหล่านั้นหมุนวนกลางอากาศ ก่อนจะพุ่งกลับไปทางเดิม เฝิงไป่จงร้องออกมาอย่างตกใจ จากนั้นจึงฟาดฝ่ามือออกไปอย่างแรง สองผู้อาวุโสที่อยู่ข้างกายเขาก็ลงมือพร้อมกัน มวลผงสีขาววิ่งเป็นสายอย่างไร้หารควบคุมในอากาศ และในที่สุดก็พุ่งเข้าใส่ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ "ฉ่า ฉ่า!" ลำต้นของต้นไม้นั้นปล่อยควันสีน้ำเงินเข้มออกมา ในชั่วพริบตานั้น ลำต้นมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งกว้างเท่ากับปากชามถูกกัดกร่อนจนโค่นลงด้วยเสียง "แกร๊บ!" แสดงให้เห็นว่า ผงสีขาวนี้มิใช่พิษธรรมดา เฝิงไป่จงตะโกนออกมามิดังนัก "พี่หยาง ท่านพาคนเข้าไปสังหารองค์รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดเสีย ส่วนแม่นางนี่ข้าจะจัดการเอง!" "ดี

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 147

    เมื่อพูดจบ ร่างของตู๋กูโฉ่วเยวี่ยพุ่งตัวหายวับไปยังยอดเขาที่อยู่ไกลออกไปอย่างรวดเร็ว ฝานชุ่นตะโกนด่าจางเฉวียนและคนของเขาว่า “ถอยไป หากกล้าขัดขวาง จะฆ่ามิเว้น!” จางเฉวียนตะคอกกลับไปด้วยความโกรธ “ฝานชุ่น เจ้ามิไปเฝ้าประตูเมืองให้ดี แต่กลับพาทหารมาที่นี่ นี่คิดจะก่อกบฏรึ?” “พ่อบ้านจาง ท่านผู้นั้นคือศิษย์ของท่านเจ้าสำนักหอดูดาวหลวง หากท่านคิดจะขัดขวางเขา ก็ดูให้ดีก่อนว่าตนมีปัญญาพอหรือไม่ ข้าให้ท่านเลือกสองทาง จะถอยหรือว่าตาย!” ฝานชุ่นมิเสียเวลาพูดมาก เขาชักดาบออกมาทันที เหล่าทหารที่อยู่ข้างหลังเขาก็ชักอาวุธออกมาเช่นกัน เมื่อเห็นเช่นนั้น จางเฉวียนก็กวาดตามองอย่างสับสน สีหน้าดูลังเล หากเปรียบเทียบกำลังรบแล้ว อย่างไรทหารรักษาการณ์ของเมืองไม่มีทางสู้กับทหารที่รักษาเมืองได้แน่ เพราะทหารเหล่านี้ ล้วนเป็นผู้ที่กลับมาจากสนามรบ กล่าวได้ว่าทุกคนล้วนผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน ฝานชุ่นเห็นว่าจางเฉวียนยังคงลังเล ก็เตะเขาล้มลงกับพื้นทันที แล้วตะโกนว่า “ใครกล้าขัดขวาง ฆ่ามิละเว้น!” หลังพูดจบ เขาก็นำคนวิ่งเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว ภายในป่า เฝิงไป่จงและ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 148

    เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ หยางเจียนถึงกับหน้าซีดด้วยความตกใจแล้วถามว่า “เจ้า… เจ้าคือองค์รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดจริง ๆ หรือ?” ตามข้อมูลที่เขามี องค์รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดนี้เป็นเพียงคนขี้เหล้าที่ไร้ความสามารถ แล้วจะมีพลังขนาดนี้ได้อย่างไร ฉินซูยิ้มเบิกบานพลางตอบ “ข้าหาใช่รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดมิ อย่างน้อย ตอนนี้ก็ยังมิใช่!” เขาโบกมือไปมาในอากาศ หยิบใบไม้มาได้หนึ่งกำมือ “พลังจิตเคลื่อนย้าย!!” หยางเจียนร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนตะโกนลั่น “ถอย! ถอยเร็ว! บุรุษผู้นี้เป็นยอดฝีมือขั้นสูง!” หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังเตรียมจะหนี แต่ตอนนั้นเอง ฉินซูที่อยู่บนยอดไม้ก็โบกมือครั้งใหญ่ “ซู่ ซู่ ซู่!” ใบไม้ที่ในมือของเขาพุ่งออกมา เกิดเสียงแหวกอากาศอันแหลมคมจากนั้น บรรดาลูกน้องของหยางเจียนก็ล้มลงกับพื้นอย่างพร้อมเพรียง ตรงหน้าผากของพวกเขาแต่ละคนมีใบไม้ใบหนึ่งปักอยู่ลึกจนเห็นชัด หยางเจียนตกตะลึงจนแทบพูดมิออก ยืนมึนงงอยู่กับที่ราวกับถูกฟ้าผ่า การใช้ใบไม้เป็นอาวุธสังหารเช่นนี้ แม้แต่ประมุขพรรคเพลิงผลาญยังมิอาจทำได้! เมื่อได้สติกลับคืนมา หยางเจียนถามอย่างมิเชื่อสายต

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 149

    “โฮก!!!” เสียงคำรามหนัก ๆ ของสัตว์ดังขึ้นมิขาดสาย! เมื่อได้ยินเสียงนี้ ฉินซูอดมิได้ที่จะขมวดคิ้ว “เสียงนี้… หรือว่า…” สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะหยิบหน้ากากหนังบางเฉียบราวปีกจักจั่นจากในอกเสื้อขึ้นมาปิดลงบนใบหน้า จากนั้น เขาก็พลิกเสื้อคลุมยาวอีกด้าน เปลี่ยนร่างเป็นบุรุษในชุดคลุมสีดำในพริบตา ร่างของฉินซูหายวับพุ่งตรงไปยังทิศทางที่มีเสียงสัตว์คำรามดังมา ในขณะเดียวกัน ฉงชูโม่ที่ไล่ตามกลุ่มคนของสำนักเบญจพิษก็มาถึงยอดเขาแห่งนี้เช่นกัน เมื่อได้ยินเสียงคำรามหนักแน่นของสัตว์ หัวใจของฉงชูโม่ก็เต้นระรัว เกิดความหวาดกลัวอย่างที่มิเคยรู้สึกมาก่อน ฝั่งเฝิงไป่จงและคนอื่น ๆ ก็ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว เหงื่อท่วมไปทั้งร่างเสียงนี้ช่างน่าขนลุกเกินไปจริง ๆ เมื่อเห็นฉงชูโม่ไล่ตามมาทัน เฝิงไป่จงจึงเสนอขึ้นว่า “แม่นาง ฟังดูแล้ว เสียงสัตว์คำรามดังอยู่ใกล้ ๆ นี้เอง มิสู้เราพักการต่อสู้ไว้ก่อนแล้วออกจากที่นี่ ค่อยไปตัดสินกันใหม่ดีหรือไม่?” “มิต้องให้ยุ่งยากเช่นนั้นหรอก ฆ่าพวกเจ้าให้หมด มิได้ใช้เวลานานขนาดนั้น!” ฉงชูโม่พูดจบ ก็หงายฝ่ามือตบไปทางเฝิงไป่จง เฝิงไป่จงกัด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 150

    “รองเจ้าสำนัก หนีเร็ว!” ผู้อาวุโสสำนักเบญจพิษที่เพิ่งได้สติจากความตกตะลึง รีบตะโกนเสียงดังลั่น จากนั้นเขาก็หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไปอย่างมิคิดชีวิต แต่เขายังวิ่งไปได้มิกี่ก้าว สัตว์ร่างยักษ์นั่นก็กระโจนเข้าหาเขาราวภูเขาลูกย่อมถล่มเข้าใส่ เมื่อรู้สึกได้ถึงกระแสลมรุนแรงที่พัดมาจากด้านหลัง ผู้อาวุโสถึงกับตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ รีบหันกลับแล้วโยนผงสีดำไปยังสัตว์ร้ายตัวนั้น ผงนี้มีกลิ่นเหม็นสาบชวนคลื่นไส้ ชัดเจนว่ามันเต็มไปด้วยพิษร้ายแรง แต่สัตว์ร้ายกลับอ้าปากกว้าง ดูดผงพิษทั้งหมดเข้าปากด้วยแรงดูดมหาศาลไปในพริบตา แรงดูดมหาศาลนั้นทำให้ร่างของผู้อาวุโสถึงกับชะงักเล็กน้อย และในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ สัตว์ร้ายก็เข้าประชิดตัวเขา เปิดปากกว้างก่อนจะงับลงไปอย่างรุนแรง “กร๊อบ!” เสียงกระดูกแตกดังขึ้น ผู้อาวุโสสำนักเบญจพิษถูกสัตว์ร้ายกัดจนศีรษะขาดออกจากร่างทันที ร่างไร้ศีรษะของเขาสั่นระริกก่อนจะร่วงลงกับพื้น เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ มิว่าจะเป็นฉงชูโม่ หรือฝั่งเฝิงไป่จงต่างก็สีหน้าด้วยความตกใจ ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งของสำนักเบญจพิษก็รีบหันหลังแล้ววิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนก เฝิงไป่จงรี

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 151

    เขี้ยวเหล็กและอาวุธลับของผู้อาวุโสเซี่ยงพุ่งเข้าใส่ร่างของสัตว์ร้ายอย่างแม่นยำ แต่มิคาดคิดว่า สัตว์ร้ายนั้นมิได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย และความเร็วของมันก็มิได้ลดลงเลย เฝิงไป่จงตกใจกลัวจนแทบเสียสติ พลางตะโกนใส่ฉงชูโม่ว่า “ยังมัวยืนบื้ออะไรอยู่ หากข้าตาย เจ้าจะเป็นเป้าหมายต่อไปของสัตว์ร้ายตัวนี้” “มิต้องให้เจ้ามาเตือนข้าหรอก” ฉงชูโม่ตอบเบา ๆ ก่อนพุ่งทะยานออกไปราวกับกระสุนปืน ในมือของนางถือกริชเขี้ยวมังกรที่ทอประกายเย็นวาบ หลังจากรวบรวมพลังนางก็พุ่งเข้าแทงสัตว์ร้ายอย่างรุนแรง คมกริชเกือบจะแทงเข้าไปที่ลำคอของสัตว์ร้าย แต่สัตว์ร้ายพลิกตัวหลบได้อย่างมิน่าเชื่อ หลีกเลี่ยงการโจมตีร้ายแรงของฉงชูโม่ไปได้พร้อมกันนั้น มันยังยกกรงเล็บคมกริบขึ้นสูงแล้วฟาดใส่นางอย่างรุนแรง ฉงชูโม่เบิกตากว้าง รีบยกกริชเขี้ยวมังกรขึ้นมาป้องกัน “แกร๊ง!” กรงเล็บของสัตว์ร้ายกระแทกเข้ากับใบมีดของกริช แรงอันมหาศาลนั้นทำให้ฉงชูโม่กระเด็นออกไป นางเซถอยหลังไปสิบกว่าก้าว ก่อนจะพยายามทรงตัวอย่างยากลำบาก ลมปราณในร่างกายของนางปั่นป่วนอย่างควบคุมมิอยู่ สุดท้ายทนมิไหว “อั่ก” กระอักเลือดออกมาเต็มปาก เมื่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 152

    ทันทีที่เสียงนั้นสิ้นสุด ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นขวางอยู่ระหว่างฉงชูโม่และสัตว์ร้ายอย่างกะทันหัน “ท่านผู้อาวุโส! เหตุใดถึงเป็นท่าน?!” แม้ว่าฉงชูโม่จะมองมิเห็นใบหน้าของผู้มาใหม่ในเวลานี้ แต่เพียงเห็นเสื้อคลุมสีดำและแผ่นหลังอันสง่างามของเขา นางก็จำได้ทันทีว่าเขาคือบุคคลที่เคยชี้แนะในป่าเมืองอวี๋หางมาก่อน ชายชุดดำมิได้สนใจฉงชูโม่ สายตาเย็นเยียบไร้อารมณ์จ้องมองไปยังสัตว์ร้ายตรงหน้า สัตว์ร้ายดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความมิธรรมดาของชายตรงหน้า มันส่งเสียงครางเบา ๆ อย่างมิสบายใจ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มันกลับค่อย ๆ ถอยหลังกลับไปอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นเช่นนั้น เฝิงไป่จงและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึงจนพูดมิออกเมื่อครู่นี้สัตว์ร้ายยังทำท่าทีดุร้ายราวกับจะกลืนกินทุกคน แต่เมื่อเห็นชายชุดดำคนนี้ มันกลับดูขลาดเขลา ยังมิทันจะต่อสู้ มันก็คิดจะหนีเสียแล้ว? ชายชุดดำหัวเราะเย็นชา ก่อนที่ร่างของเขาจะหายวับไปจากที่เดิมในทันทีชั่วพริบตาต่อมา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้าสัตว์ร้าย! ขนของสัตว์ร้ายตั้งชันทั่วตัว สีหน้าของมันเผยความหวาดกลัวเหมือนมนุษย์ มันคำรามเสียงดัง พร้อมยกกรงเล็บคม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 153

    กระแสลมรุนแรงโหมกระหน่ำ เฝิงไป่จงถูกกระแสพลังฝ่ามือกระแทกจนร่างระเบิดกลายเป็นละอองเลือด!ผู้อาวุโสเซี่ยงตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง รีบหันหลังวิ่งหนีไปทันทีชายชุดดำมิแม้แต่จะชายตามองเขา และมิได้ไล่ตามด้วย แต่เพียงฟาดฝ่ามือไปกลางอากาศในทิศทางที่ผู้อาวุโสเซี่ยงกำลังหลบหนีไป เสียง“ปัง” ดังขึ้นอีกครั้ง ร่างของผู้อาวุโสเซี่ยงระเบิดกลายเป็นละอองเลือดเช่นกัน เมื่อเห็นชายชุดดำใช้เพียงสองฝ่ามือก็จัดการเฝิงไป่จงและผู้อาวุโสเซี่ยจนร่างกลายเป็นละอองเลือด ใบหน้าของฉงชูโม่ก็เต็มไปด้วยความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก นางกำลังจะลุกขึ้นกล่าวขอบคุณ แต่ชายชุดดำกลับโบกมือแล้วกล่าวว่า “ตั้งใจดูดซับพลังจากแก่นแท้พลังให้ดี ของสิ่งนี้หาได้ยาก อย่าให้สูญเปล่า” “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่ชี้แนะ” ฉงชูโม่กล่าวขอบคุณด้วยความจริงใจ ก่อนจะนั่งลงขัดสมาธิและเริ่มฝึกหมุนเวียนลมปราณ ในขณะนั้นเอง มีเสียงคำรามกึกก้องดังมาจากที่มิไกลนัก ฉงชูโม่สะดุ้งเฮือก มองไปยังทิศทางที่เสียงดังมาด้วยความตกใจ เบื้องหน้านั้นคือหุบเขาเล็ก ๆ ที่ยามนี้ฝูงนกจำนวนมากพากันบินหนีขึ้นฟ้ากันไปอย่างตื่นตระหนก ชายชุดดำหรี่ตาลง

Bab terbaru

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 688

    เช้าตรู่ของสองวันต่อมายามนี้ท้องฟ้ามืดครึ้ม พื้นที่หล่งซีที่มีภูเขาสูงป่าทึบส่วนใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกขาวโพลนในป่าทึบอันมืดมิดชื้นแฉะนั้น ร่างสามร่างกำลังเดินฝ่าเข้าไปคนแรกคือชายหนุ่มในชุดสีขาวสะอาดตา มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า กระบี่เจ็ดดาวเล่มยักษ์ในมือของเขาโดดเด่นเป็นพิเศษหญิงสาวอีกคนสวมชุดเกราะ แม้จะแต่งกายแบบแม่ทัพ แต่ก็หาได้บดบังใบหน้างดงามราวกับเทพธิดาไม่แม้แต่น้อย กลับเพิ่มความองอาจขึ้นหลายส่วนทั้งสองคือตู๋กูโฉ่วเยวี่ยและฉงชูโม่ส่วนชายชุดดำอีกคนคือสายลับชนเผ่าหรงตะวันตกที่ถูกตู๋กูโฉ่วเยวี่ยบังคับให้นำทางยามนี้เป็นช่วงที่หนาวจัดของเหมันตฤดู ท่ามกลางป่าชื้น อาภรณ์จึงเปียกชื้นได้ง่ายอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ทำให้ยิ่งรู้สึกถึงความหนาวเสียดกระดูกดังนั้นแม้แต่ฉงชูโม่ยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวย่ำสวรรค์ก็ยังแก้มแดงจากความหนาวอย่างอดมิได้สายลับชนเผ่าหรงตะวันตกที่นำทางยิ่งหนาวจนตัวสั่น ฟันบนล่างเริ่มกระทบกันสั่นงก ๆทว่าสิ่งที่ฉงชูโม่คาดมิถึงก็คือ ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยที่มีวรยุทธ์อ่อนแอกว่าตนเล็กน้อยกลับมีสีหน้าปกติราวกับมิได้รับผลกระทบจากไอเย็นนี้“ท่านผู้อาวุโสทั้งสอง ข้าน้อยทนมิไหวแ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 687

    อีกฝ่ายหน้าแดงก่ำ กล่าวด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดว่า “เลิกพูดจาหวานหูได้แล้วเพคะ ท่านยังมิได้เล่าเรื่องหนานเยวี่ยให้หม่อมฉันฟังเลย ท่านตีฝ่าด่านป้องกันแสนยากเข็ญของหนานเยวี่ยแล้วยึดครองหนานเยวี่ยได้อย่างไรกันแน่?”ฉินซูยักไหล่ แล้วเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ ให้ฟังเขาเล่าด้วยท่าทีสบาย ๆ แต่ฟังแล้วมู่หรงจื่อเยียนกลับรู้สึกฮึกเหิม!“นึกมิถึงเลยว่า ท่านจะมากเล่ห์ร้อยเหลี่ยมถึงเพียงนี้ ถึงกับให้ลูกน้องปลอมตัวเป็นทหารหนานเยวี่ยหลอกให้เปิดประตูเมือง แต่แม่ทัพหนานเยวี่ยก็ช่างโง่เง่าเสียกระไรปานนั้น มองมิออกหรือไร”ฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “ข้าแทรกซึมเข้าไปในหนานเยวี่ยตั้งแต่ก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังให้จ้าวควงแต่งตั้งเป็นกุนซือของเติ้งหม่าง หากไร้ขั้นตอนนี้ไปข้าคงมิอาจหลอกล่อให้เปิดประตูเมืองแล้วจับจ้าวควงได้ง่าย ๆ เช่นนี้หรอก”“ก็จริงเพคะ ดูเหมือนว่าท่านจะทรงปราดเปรื่องลึกล้ำมากทีเดียว สมกับเป็นชายที่มู่หรงจื่อเยียนหมายตา!”เมื่อกล่าวเช่นนั้น ใบหน้างดงามของมู่หรงจื่อเยียนก็เผยสีชมพูระเรื่ออีกครั้งเมื่อทราบว่าฉินซูแสดงวรยุทธ์อันน่าทึ่งในแคว้นหนานเยวี่ย นางก็บ่นด้วยความเป็นห่วงเต็มประดา“ฉิน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 686

    ฉินซูหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าว “ข้าสบายดี หาได้มีกระไรต้องเป็นห่วงไม่”“ฉินซู ท่านตีหนานเยวี่ยแตกพ่ายจริงหรือ แล้วยังสังหารจักรพรรดิจ้าวควงนั่นด้วยหรือเพคะ?”จนถึงวันนี้ มู่หรงจื่อเยียนก็ยังมิกล้าเชื่อเนื่องด้วยฉินซูนำทหารไปเพียงหมื่นนายเท่านั้น คนเพียงเท่านี้จะตีด่านปราการแคว้นหนานเยวี่ยได้หรือไม่ก็ยังตอบมิได้ นับประสากระไรกับการบุกยึดพระราชสถานหนานเยวี่ยเมื่อเห็นฉินซูพยักหน้ารับ นางก็ตกใจจนยกมือขึ้นมือปิดปากเล็ก ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจเมื่อได้สติกลับมา นางก็รีบร้อนกล่าว “ท่านทำได้อย่างไร? รีบเล่าให้หม่อมฉันฟังหน่อยเถิดเพคะ”“คุยตรงนี้คงมิเหมาะ ไปเถิด กลับไปที่โรงเตี๊ยมแล้วค่อยว่ากัน”ในยามนี้ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเมืองเจียวโจวทยอยกลับมาอยู่ที่เดิม โรงเตี๊ยมที่เคยปิดประตูแน่นหนาก่อนหน้า บัดนี้ก็เปิดประตูต้อนรับแขกแล้วเมื่อเห็นฉินซูลากมู่หรงจื่อเยียนไปยังโรงเตี๊ยม ตี๋จิ่งและคนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าถมึงทึงขึ้นทันใดในฐานะองครักษ์ของมู่หรงจื่อเยียน ยามนี้พวกเขาเชื่อสนิทใจแล้วว่า ท่านหญิงของตนเสร็จฉินซูไปแล้วหนึ่งในนั้นกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “พี่ตี๋ ดูเหมือนว่าแคว้นหนา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 685

    “ถ้าเช่นนั้นก็ขอบคุณสำหรับน้ำใจ” ฉินซูหัวเราะเบา ๆ“พวกเรากลับ!”ชายชราเหลือบมองจ้าวอวี้เสวียนแล้วหันหลังเดินจากไปจ้าวอวี้เสวียนมีสีหน้าประหลาดใจ แต่ก็มิกล้าพูดกระไรมากนัก นางจ้องมองฉินซูจากระยะไกลผาดหนึ่งแล้วประคองเซวียหมิงตามไปเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินซูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแม้ว่าวรยุทธ์ของชายชราผู้นี้จะมิน่าสะพรึงกลัวเท่าซ่างกวนอวิ๋นซี แต่ก็เหนือกว่ายอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ทั่วไปลิบลับหากอีกฝ่ายสู้มิคิดชีวิตมิสนใจสิ่งใด เขาก็มิมั่นใจว่าจะสามารถหลบหนีได้อย่างปลอดภัยที่รอดพ้นอันตรายมาได้ในครั้งนี้ ถือว่าได้รับความคุ้มครองจากชื่อเสียงของเหลยเจิ้นแล้วเขารวบรวมสติแล้วสั่งว่า “พวกเราก็ไปกันเถิด”ชิวก่วนและคนอื่น ๆ เพิ่งได้สติ ก็พยักหน้ากันอย่างเหม่อลอยเมื่อครู่แม้ว่าชายชรากับฉินซูจะประลองกันเพียงกระบวนท่าเดียว แต่วรยุทธ์นั้นก็เกินขอบเขตความเข้าใจของพวกเขาไปมากมุมมองที่พวกเขามีต่อใต้หล้านี้ถูกทำลายลง ถึงกับรู้สึกว่าตนเองช่างเล็กจ้อยราวกับมดปลวกด้านนอกหุบเขาจ้าวอวี้เสวียนถามด้วยความค้างคาใจว่า “ท่านอาจารย์อา ไฉนท่านถึงปล่อยฉินซูไปง่าย ๆ เช่นนั้น แม้จะมิแก้แค้นให้ศ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 684

    “แย่งชิงสมบัติของสำนักไท่เสวียนของข้าแล้วยังคิดจะสังหารคนอีก ทำเช่นนี้ช่างเกินไปจริง ๆ!”เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ จ้าวอวี้เสวียนและเซวียหมิงที่หมดหวังไปแล้วก็เผยสีหน้ายินดีสุดขีดเห็นเพียงร่างคนวูบไหว ชายชราสวมชุดคลุมสีขาวก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขาแล้ว“ท่านอาจารย์อา!!”จ้าวอวี้เสวียนยินดีจนน้ำตาไหล ในที่สุดก็รอดแล้วชายชราพยักหน้าเล็กน้อยพลางมองเซวียหมิงที่บาดเจ็บสาหัส จากนั้นใบหน้าเฒ่าชราก็มืดคล้ำลงทันทีสายตาเย็นเยียบลุ่มลึกของเขาจับจ้องไปที่ฉินซู ก่อนจะเปล่งวาจาชัดถ้อยคำ “ข้ามิสนว่าเจ้าเป็นใคร รีบคืนป้ายอาญาสิทธิ์ไท่เสวียนมาเสีย แล้วจงตัดแขนตนทั้งสองข้าง เรื่องที่เจ้าทำร้ายเซวียหมิงจะถือว่าเลิกแล้วต่อกัน”ฉินซูยักไหล่กล่าวว่า “อายุก็มาก ไฉนยังพูดจาไร้เดียงสาเช่นนี้ หรือว่าคนของสำนักไท่เสวียนของพวกเจ้าทุกคนเป็นพวกไร้สมองเหมือนเจ้ากันหมด?”ในดวงตาของชายชราเผยจิตสังหารแวบหนึ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าอยากตายหรือไร?”“ข้าพูดไปตามความจริงเท่านั้น แม้ว่าข้าจะตัดแขนทั้งสองข้างตามที่เจ้าพูด เจ้าอาจจะปล่อยข้าไป แต่จ้าวอวี้เสวียนมิยอมปล่อยแน่ เพราะข้าสังหารราชวงศ์จ้าว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 683

    ดวงตาของฉินซูเบิกกว้าง เมื่อเห็นภาพมหัศจรรย์นี้ทำแบบนี้ได้ด้วยหรือนี่?จากนั้นเขาก็ปล่อยกระแสพลังฝ่ามือออกมาอีกหลายครั้ง พยายามจะทำลายโล่จำแลงจากป้ายอาญาสิทธิ์นั้นลง แต่กลับพบว่าหลังจากโจมตีติดต่อกันหลายครั้งป้ายอาญาสิทธิ์นั้นก็ยังคงแข็งแกร่งราวกับหินผาป้ายอาญาสิทธิ์นั่นเป็นของวิเศษ!เมื่อคิดได้ดังนั้น ดวงตาของฉินซูก็เป็นประกายในทันที ใบหน้าฉายแววละโมบสิ่งที่เขาขาดแคลนมากที่สุดในยามนี้ก็คือของวิเศษคุ้มภัยเช่นนี้บัดนี้คงต้องคิดหาวิธีแล้ว!เขาเหลือบมองไปรอบ ๆ แล้วถามด้วยใบหน้าเปี่ยมด้วยความสงสัยว่า “จ้าวอวี้เสวียน ป้ายอาญาสิทธิ์ของเจ้า เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของผู้บำเพ็ญตนใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้เรื่องผู้บำเพ็ญตนด้วยหรือ?!” สีหน้าของจ้าวอวี้เสวียนยิ่งทวีความประหลาดใจ“ข้าต้องรู้อยู่แล้วสิ ในเมื่อพวกเจ้าเป็นพวกผู้บำเพ็ญตน จะปลิดชีพพวกเจ้าให้หมดสิ้นย่อมเป็นการยาก พวกเจ้าไปซะ วันนี้ข้าจะมิฆ่าพวกเจ้า”เมื่อได้ยินเช่นนั้น จ้าวอวี้เสวียนก็ดีใจมากนางยื่นนิ้วเรียวยาวขาวผ่องแตะป้ายอาญาสิทธิ์ ป้ายอาญาสิทธิ์นั้นก็หดวูบคืนสู่ขนาดเดิมแล้วตกลงมาบนฝ่ามือนางในขณะที่จ้าวอวี้เสวียนกำลังจะประค

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 682

    เห็นที่ทรวงอกของเซวียหมิงปรากฏแสงสีทองวาบขึ้นอย่างกะทันหัน และรวมตัวกันเป็นคำว่า 'เสวียน' ขนาดใหญ่!กระแสพลังฝ่ามืออันรุนแรงของฉินซูเมื่อสัมผัสกับอักษร 'เสวียน' ดังกล่าว ก็สลายหายไปกลางอากาศในพริบตา“หือ?”ฉินซูอุทานด้วยความประหลาดใจ มองภาพอันน่าพิศวงนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเต็มใบหน้าสีหน้าของจ้าวอวี้เสวียนเปลี่ยนไปฉับพลัน รีบถามขึ้น “ศิษย์พี่รอง ท่านเป็นกระไรหรือไม่?”เซวียหมิงส่ายหน้า เขาอ้าปากกำลังจะพูดบางอย่างแต่แล้วก็กระอักเลือดออกมาคำโตยามนี้ กระดูกแขนทั้งสองข้างของเขาหักเป็นหลายท่อน ลมปราณในร่างกายก็ปั่นป่วนราวกับน้ำเดือด ใบหน้าซีดเผือดจนไร้สีเลือดจ้าวอวี้เสวียนตกใจมาก จากนั้นก็ตวาดใส่ฉินซูว่า “เจ้าองค์รัชทายาทผู้รอวันปลด เจ้ากล้าทำร้ายศิษย์พี่ของข้า เจ้าต้องตาย สำนักไท่เสวียนของข้าจะมิปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด!”“พวกเจ้าเป็นฝ่ายลงมือก่อน บัดนี้ฝีมือมิทัดเทียมผู้อื่น ยังกล้าปากพล่อย คิดว่าตัวข้าสังหารพวกเจ้ามิได้หรือ?”เมื่อสิ้นเสียงของฉินซู เขาก็ตบฝ่ามือข้ามห้วงเวหาออกไปอีกครามวลอากาศโดยรอบปั่นป่วน จากนั้นเงาฝ่ามือแข็งแกร่งราวกับวัตถุจริงก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว“ศิษย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 681

    จ้าวอวี้เสวียนพยักหน้า จากนั้นทั้งสองก็เตรียมจะใช้วิชาตัวเบาหนีไปทว่าในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงแผ่วเบาเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังของทั้งสองพวกเขาทั้งสองหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณ ก็ต้องตกใจจนถอยกรูดไปหลายก้าว เมื่อตั้งหลักได้แล้วก็มองฉินซูที่โผล่มากะทันหันด้วยท่าทีระแวดระวังราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูร้ายฉินซูไพล่มือไว้ด้านหลังพลางพินิจมองทั้งสองด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตางดงามราวดอกท้อของจ้าวอวี้เสวียน และรัศมีแห่งความสูงศักดิ์ที่แผ่ออกมาจากตัวนาง ฉินซูเลิกคิ้วถามว่า “จ้าวอวี้เสวียนหรือ?”จ้าวอวี้เสวียนมีสีหน้าประหลาดใจ พลันถามกลับเสียงหลงว่า “เจ้ารู้จักข้าด้วยหรือ?!”ฉินซูหัวเราะน้อย ๆ “เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย ครั้นที่อยู่ในถัวเฉิง ข้าได้ยินคนพูดถึงองค์หญิงอวี้เสวียนบ่อยครั้งว่ามีรัศมีสูงส่ง งดงามน่าหลงใหล วันนี้ได้เห็นกับตา จริงดังคำว่าแล้ว”“เจ้ามิเคยพบข้า ไยจึงรู้ว่าข้าเป็นใคร?”“เจ้ากับข้าต่างก็เป็นเชื้อพระวงศ์ ลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของหน่อเนื้อราชวงศ์นั้นเห็นได้ชัดเจน คำถามเช่นนี้จำเป็นต้องถามด้วยรึ?”จ้าวอวี้เสวียนใคร่ครวญแล้วก็เห็นด้วย จึงกัดฟันกล่าวว่า “ฉินซู เจ้าสังหารเช

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 680

    เหยียนซงใจเต้นระรัว รีบกล่าวว่า “ตราบใดที่องค์รัชทายาททรงเมตตาไว้ชีวิตเหล่าข้าน้อย ข้าน้อยยินดีถวายสมบัติล้ำค่าของสำนักอสนีบาตให้พ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูมีสีหน้าประหลาดใจ “โอ้? สมบัติกระไร?”เหยียนซงรีบควักกล่องไม้เล็ก ๆ สลักลวดลายงดงามออกมาจากอกเสื้อ “องค์รัชทายาท นี่คือแผนที่ขุมทรัพย์ที่สืบทอดมาจากปฐมาจารย์ของสำนักอสนีบาต ว่ากันว่าในขุมทรัพย์นั้นมีทองคำ เงินและอัญมณีมากมายฝังอยู่ อีกทั้งยังมีคัมภีร์สุดยอดวิชาลับ นี่คือสมบัติล้ำค่าที่สุดของสำนักอสนีบาตเสมอมา ข้าน้อยยินดีมอบให้องค์รัชทายาทด้วยความเต็มใจพ่ะย่ะค่ะ”เขาพูดพลางยกกล่องไม้นั้นทูนขึ้นเหนือศีรษะด้วยสองมือฉินซูโบกมือขึ้นกลางอากาศ กล่องไม้นั้นก็ลอยมาอยู่ในมือของเขาโดยตรงเมื่อเห็นว่าฉินซูสามารถใช้พลังจิตเคลื่นย้ายได้ เหยียนซงก็ยิ่งตกใจหนักกว่าเดิมฉินซูเปิดกล่องไม้นั้น ด้านในมีหนังวัวสีเหลืองซีดเมื่อคลี่หนังวัวออก ข้างในก็เป็นแผนที่“ขุมทรัพย์ที่เจ้าพูดถึง อยู่ที่เป่ยเยี่ยนหรือ?”เนื่องจากเขากวาดตามองซ้ายขวาแล้วพบว่าส่วนล่างสุดของแผนที่คือเมืองที่อยู่ตอนเหนือสุดของต้าเหยียน และเหนือขึ้นไปอีกก็คือดินแดนเป่ยเยี่ยนเหยียนซงพยัก

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status