Share

บทที่ 142

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
last update Last Updated: 2024-10-05 18:00:00
หัวใจของหูเฟิงจมดิ่งลง แต่เขาก็ยังคงพูดด้วยความอดทนและหวังดีว่า “องค์รัชทายาท เมื่อวานข้าน้อยมิได้ตั้งใจจะล่วงเกินจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่เห็นลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงรีบร้อนพาคนมาด้วยความโมโห ขอองค์รัชทายาทโปรดอภัยให้ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“เรื่องที่เจ้าพาคนมาเมื่อวาน ตัวข้ามิถือสา แต่ประเด็นสำคัญคือ ลูกชายของเจ้าที่อวดดี หากตัวข้ามิใช่รัชทายาท ในตอนนี้อาจจะโดนพวกเจ้าฆ่าไปแล้วกระมัง”

“เอ่อ... เอ่อ...”

หูเฟิงทำหน้าลำบากใจ มิรู้จะตอบอย่างไร ในที่สุด เขาจึงแอบลอบส่งสายตาไปให้หูก่วงเผิง

หูก่วงเผิงเข้าใจความหมายในทันที และเริ่มร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดใจ

“ฮือ ๆ… องค์รัชทายาท ข้าน้อยผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยสาบานว่าจะมิกล้าทำอีก ท่านเป็นผู้มีน้ำพระทัยกว้างขวาง โปรดยกโทษให้ข้าน้อยสักครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าน้อยตอนนี้ก็เป็นขันทีแล้ว ถึงอยากจะทำมิดีมิร้ายกับพวกสตรี ก็ไม่มีปัญญาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอองค์รัชทายาทโปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

พูดจบ เขาก็โขกหัวคำนับกับพื้นมิหยุด

เขาเอาหัวโขกพื้นจนดังสนั่น

“องค์รัชทายาท ข้าน้อยรู้ดีว่าตัวข้าน้อยสั่งสอนลูกมิดี ก็ไม่มีหน้าจะด
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 143

    ฉงชูโม่กลับดูสง่างามและมีพลัง แม้จะแต่งกายเรียบง่ายและไร้เครื่องประทินโฉม แต่ก็ยังคงสวยงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์เมื่อเห็นฉงชูโม่ ร่องรอยความโลภและความชั่วร้ายก็ฉายขึ้นมาในส่วนลึกของแววตาของก่วงเผิง เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็วในใจ!หากมิได้มา ก็ทำลายนางซะ!หูเฟิงถามอย่างใจเย็นว่า “องค์รัชทายาท ท่านทรงต้องการเสด็จไปที่ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ข้ามิคุ้นเคยกับหลงโย่ว เจ้ามีคำแนะนำอะไรหรือไม่?”หูเฟิงลูบเคราที่คางของเขาแกล้งทำเป็นครุ่นคิด จากนั้นจึงค่อย ๆ พูดออกมา“องค์รัชทายาท เพลานี้เข้าสู่สารทฤดูมาได้สักพักแล้ว ป่าต้นเฟิง[footnoteRef:0]นอกเมืองตะวันตกกำลังงดงามเลยทีเดียว ที่นั่นยังมีทะเลสาบให้พายเรือ และมีโรงเตี๊ยมอยู่ริมทะเลสาบด้วย อาหารที่นั่นขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในใต้หล้า หากองค์รัชทายาทมิทรงรังเกียจ พวกเราไปเที่ยวที่นั่นกันสักหน่อย แล้วไปทานอาหารที่โรงเตี๊ยมนั้นกันดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” [0: ต้นเฟิง หมายถึง ต้นเมเปิล] หูก่วงเผิงเสริมว่า “ใช่แล้ว องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นเดือนสิบพอดี ปลาหอมหมื่นลี้ในทะเลสาบชิงเยวี่ยกำลังอ้วนท้วนสมบูรณ์ที่สุด องค์รัชทายาทเสด็จมาถึงหลงโย่วแล้ว ต้องลองเสวยอา

    Last Updated : 2024-10-06
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 144

    นอกเมืองทางตะวันตกของหลงโย่ว ภายในป่าต้นเฟิงฉินซูเดินเล่นชมทัศนียภาพอันสวยงามทั้งสองข้างทางหูเฟิงเดินไปกับเขาครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างระมัดระวังว่า “องค์รัชทายาท แถวนี้มักจะมีชาวหรงตะวันตกปรากฏตัว พวกเขาเป็นคนดุร้ายและมองว่าคนต้าเหยียนของเราเป็นศัตรู เพื่อความปลอดภัย ข้าน้อยจะส่งองครักษ์ออกไป เพื่อมิให้ชาวหรงตะวันตกฉวยโอกาสเข้ามา”ฉินซูยิ้มอย่างมีเลศนัย “ก็ดี ให้พวกเขาไปเฝ้าอยู่ข้างนอกป่าก็แล้วกัน อย่าให้ใครมารบกวนอารมณ์ข้า”“ข้าน้อยก็คิดเช่นนั้น ข้าน้อยขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”หูเฟิงโค้งคำนับอย่างนอบน้อม แล้วก็หันหลังเตรียมจะจากไปทันใดนั้น ฉงชูโม่ก็พูดขึ้นมาว่า “ใต้เท้าหู ท่านออกคำสั่งให้พวกเขาโดยตรงก็ได้ใช่หรือไม่ เหตุใดต้องไปด้วยตัวเองด้วยเล่า?”หูเฟิงชะงักฝีเท้า ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มประจบประแจง อธิบายว่า “ข้าน้อยเพียงกังวลว่าพวกเขาจะทำผิดพลาด เนื่องจากองค์รัชทายาททรงมีฐานันดรสูงส่ง ความปลอดภัยจึงมิอาจละเลยได้”“จริงหรือ? ข้าเห็นท่านรีบร้อนจากไปเช่นนี้ คงต้องการให้บางคนลงมือได้สะดวกขึ้นกระมัง?”เมื่อได้ยินคำพูดของฉงชูโม่ หัวใจของหูเฟิงก็เต้นแรงด้วยความตกใจ เขาแอบคิดในใจว่า แผนกา

    Last Updated : 2024-10-06
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 145

    เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นลูกธนูจำนวนมากดุจดังฝนห่าใหญ่ที่โปรยปรายลงมาอย่างมิขาดสาย พุ่งตรงมายังพวกเขาม่านตาของฉงชูโม่หดตัวลงในทันใด พลันคว้าแขนของฉินซูแล้วหลบไปด้านหลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง “ฉึก ฉึก…”ลูกธนูเหล่านั้นปักเข้าไปในลำต้นของต้นไม้ ทำให้เกิดเสียงทื่อฉินซูบ่นพึมพำ “โจรพวกนี้สมองมิค่อยดีหรือไร ปล่อยธนูในป่าแบบนี้ มิได้เปลืองลูกธนูหรอกรึ”ขณะที่เขากำลังพูด เสียงแหวกอากาศก็ดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้ลูกธนูถูกยิงมาพร้อมกันจากสองทิศทาง ด้านหลังต้นไม้ใหญ่ดูเหมือนจะหลบมิพ้นแล้วฉงชูโม่ตวัดฝ่ามือออกไปสองครั้ง ปัดลูกธนูที่พุ่งเข้ามาด้านหน้าให้กระเด็นออกไป พร้อมกับตะโกนเบา ๆ “กอดหม่อมฉันไว้แน่น ๆ!”ฉินซูอึ้งไป นี่มันเรื่องดีอะไรอย่างเยี่ยงนี้?!เขามิลังเลเลย สอดมือทั้งสองข้างโอบรอบเอวบางของฉงชูโม่ ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงสัมผัสที่นุ่มนวลบนหน้าอกฉงชูโม่ขมวดคิ้ว แต่ตอนนี้ก็มิสนใจอะไรมากนัก นางกระทืบเท้าลงบนพื้นอย่างแรง ร่างกายของนางก็ลอยขึ้นไปในอากาศระหว่างทาง นางใช้ปลายเท้าทั้งสองข้างยันกิ่งไม้ พาฉินซูไปที่ยอดไม้สูง“ท่านอยู่ที่นี่ กอดกิ่งไม้ไว้ให้แน่น หากท่านตกลงมาตาย ก็อย่าหาได้

    Last Updated : 2024-10-06
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 146

    หลังเฝิงไป่จงพูดจบ เขาก็สะบัดมือออกโดยมิทันให้สัญญาณเตือนใด ๆ ทันใดนั้น ผงสีขาวกลุ่มหนึ่งก็พุ่งเข้าไปหาฉงชูโม่ ผงสีขาวเหล่านี้ส่งกลิ่นฉุนแสบจมูก ระหว่างทางที่มันกระทบกับลำต้นของต้นไม้ ต้นไม้นั้นก็เกิดเสียง "ร้อนฉ่า" ขึ้นมา และถูกกัดกร่อนจนเป็นรอยลึกในพริบตา ผงสีขาวที่ดูเหมือนไร้พิษสง กลับซ่อนพิษร้ายแรงเอาไว้! ฉงชูโม่มิกล้าประมาท นางถอยร่น พร้อมกับฟาดกระแสพลังฝ่ามือออกไปสองสาย ผงสีขาวเหล่านั้นหมุนวนกลางอากาศ ก่อนจะพุ่งกลับไปทางเดิม เฝิงไป่จงร้องออกมาอย่างตกใจ จากนั้นจึงฟาดฝ่ามือออกไปอย่างแรง สองผู้อาวุโสที่อยู่ข้างกายเขาก็ลงมือพร้อมกัน มวลผงสีขาววิ่งเป็นสายอย่างไร้หารควบคุมในอากาศ และในที่สุดก็พุ่งเข้าใส่ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ "ฉ่า ฉ่า!" ลำต้นของต้นไม้นั้นปล่อยควันสีน้ำเงินเข้มออกมา ในชั่วพริบตานั้น ลำต้นมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งกว้างเท่ากับปากชามถูกกัดกร่อนจนโค่นลงด้วยเสียง "แกร๊บ!" แสดงให้เห็นว่า ผงสีขาวนี้มิใช่พิษธรรมดา เฝิงไป่จงตะโกนออกมามิดังนัก "พี่หยาง ท่านพาคนเข้าไปสังหารองค์รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดเสีย ส่วนแม่นางนี่ข้าจะจัดการเอง!" "ดี

    Last Updated : 2024-10-07
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 147

    เมื่อพูดจบ ร่างของตู๋กูโฉ่วเยวี่ยพุ่งตัวหายวับไปยังยอดเขาที่อยู่ไกลออกไปอย่างรวดเร็ว ฝานชุ่นตะโกนด่าจางเฉวียนและคนของเขาว่า “ถอยไป หากกล้าขัดขวาง จะฆ่ามิเว้น!” จางเฉวียนตะคอกกลับไปด้วยความโกรธ “ฝานชุ่น เจ้ามิไปเฝ้าประตูเมืองให้ดี แต่กลับพาทหารมาที่นี่ นี่คิดจะก่อกบฏรึ?” “พ่อบ้านจาง ท่านผู้นั้นคือศิษย์ของท่านเจ้าสำนักหอดูดาวหลวง หากท่านคิดจะขัดขวางเขา ก็ดูให้ดีก่อนว่าตนมีปัญญาพอหรือไม่ ข้าให้ท่านเลือกสองทาง จะถอยหรือว่าตาย!” ฝานชุ่นมิเสียเวลาพูดมาก เขาชักดาบออกมาทันที เหล่าทหารที่อยู่ข้างหลังเขาก็ชักอาวุธออกมาเช่นกัน เมื่อเห็นเช่นนั้น จางเฉวียนก็กวาดตามองอย่างสับสน สีหน้าดูลังเล หากเปรียบเทียบกำลังรบแล้ว อย่างไรทหารรักษาการณ์ของเมืองไม่มีทางสู้กับทหารที่รักษาเมืองได้แน่ เพราะทหารเหล่านี้ ล้วนเป็นผู้ที่กลับมาจากสนามรบ กล่าวได้ว่าทุกคนล้วนผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน ฝานชุ่นเห็นว่าจางเฉวียนยังคงลังเล ก็เตะเขาล้มลงกับพื้นทันที แล้วตะโกนว่า “ใครกล้าขัดขวาง ฆ่ามิละเว้น!” หลังพูดจบ เขาก็นำคนวิ่งเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว ภายในป่า เฝิงไป่จงและ

    Last Updated : 2024-10-07
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 148

    เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ หยางเจียนถึงกับหน้าซีดด้วยความตกใจแล้วถามว่า “เจ้า… เจ้าคือองค์รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดจริง ๆ หรือ?” ตามข้อมูลที่เขามี องค์รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดนี้เป็นเพียงคนขี้เหล้าที่ไร้ความสามารถ แล้วจะมีพลังขนาดนี้ได้อย่างไร ฉินซูยิ้มเบิกบานพลางตอบ “ข้าหาใช่รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดมิ อย่างน้อย ตอนนี้ก็ยังมิใช่!” เขาโบกมือไปมาในอากาศ หยิบใบไม้มาได้หนึ่งกำมือ “พลังจิตเคลื่อนย้าย!!” หยางเจียนร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนตะโกนลั่น “ถอย! ถอยเร็ว! บุรุษผู้นี้เป็นยอดฝีมือขั้นสูง!” หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังเตรียมจะหนี แต่ตอนนั้นเอง ฉินซูที่อยู่บนยอดไม้ก็โบกมือครั้งใหญ่ “ซู่ ซู่ ซู่!” ใบไม้ที่ในมือของเขาพุ่งออกมา เกิดเสียงแหวกอากาศอันแหลมคมจากนั้น บรรดาลูกน้องของหยางเจียนก็ล้มลงกับพื้นอย่างพร้อมเพรียง ตรงหน้าผากของพวกเขาแต่ละคนมีใบไม้ใบหนึ่งปักอยู่ลึกจนเห็นชัด หยางเจียนตกตะลึงจนแทบพูดมิออก ยืนมึนงงอยู่กับที่ราวกับถูกฟ้าผ่า การใช้ใบไม้เป็นอาวุธสังหารเช่นนี้ แม้แต่ประมุขพรรคเพลิงผลาญยังมิอาจทำได้! เมื่อได้สติกลับคืนมา หยางเจียนถามอย่างมิเชื่อสายต

    Last Updated : 2024-10-07
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 149

    “โฮก!!!” เสียงคำรามหนัก ๆ ของสัตว์ดังขึ้นมิขาดสาย! เมื่อได้ยินเสียงนี้ ฉินซูอดมิได้ที่จะขมวดคิ้ว “เสียงนี้… หรือว่า…” สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะหยิบหน้ากากหนังบางเฉียบราวปีกจักจั่นจากในอกเสื้อขึ้นมาปิดลงบนใบหน้า จากนั้น เขาก็พลิกเสื้อคลุมยาวอีกด้าน เปลี่ยนร่างเป็นบุรุษในชุดคลุมสีดำในพริบตา ร่างของฉินซูหายวับพุ่งตรงไปยังทิศทางที่มีเสียงสัตว์คำรามดังมา ในขณะเดียวกัน ฉงชูโม่ที่ไล่ตามกลุ่มคนของสำนักเบญจพิษก็มาถึงยอดเขาแห่งนี้เช่นกัน เมื่อได้ยินเสียงคำรามหนักแน่นของสัตว์ หัวใจของฉงชูโม่ก็เต้นระรัว เกิดความหวาดกลัวอย่างที่มิเคยรู้สึกมาก่อน ฝั่งเฝิงไป่จงและคนอื่น ๆ ก็ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว เหงื่อท่วมไปทั้งร่างเสียงนี้ช่างน่าขนลุกเกินไปจริง ๆ เมื่อเห็นฉงชูโม่ไล่ตามมาทัน เฝิงไป่จงจึงเสนอขึ้นว่า “แม่นาง ฟังดูแล้ว เสียงสัตว์คำรามดังอยู่ใกล้ ๆ นี้เอง มิสู้เราพักการต่อสู้ไว้ก่อนแล้วออกจากที่นี่ ค่อยไปตัดสินกันใหม่ดีหรือไม่?” “มิต้องให้ยุ่งยากเช่นนั้นหรอก ฆ่าพวกเจ้าให้หมด มิได้ใช้เวลานานขนาดนั้น!” ฉงชูโม่พูดจบ ก็หงายฝ่ามือตบไปทางเฝิงไป่จง เฝิงไป่จงกัด

    Last Updated : 2024-10-08
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 150

    “รองเจ้าสำนัก หนีเร็ว!” ผู้อาวุโสสำนักเบญจพิษที่เพิ่งได้สติจากความตกตะลึง รีบตะโกนเสียงดังลั่น จากนั้นเขาก็หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไปอย่างมิคิดชีวิต แต่เขายังวิ่งไปได้มิกี่ก้าว สัตว์ร่างยักษ์นั่นก็กระโจนเข้าหาเขาราวภูเขาลูกย่อมถล่มเข้าใส่ เมื่อรู้สึกได้ถึงกระแสลมรุนแรงที่พัดมาจากด้านหลัง ผู้อาวุโสถึงกับตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ รีบหันกลับแล้วโยนผงสีดำไปยังสัตว์ร้ายตัวนั้น ผงนี้มีกลิ่นเหม็นสาบชวนคลื่นไส้ ชัดเจนว่ามันเต็มไปด้วยพิษร้ายแรง แต่สัตว์ร้ายกลับอ้าปากกว้าง ดูดผงพิษทั้งหมดเข้าปากด้วยแรงดูดมหาศาลไปในพริบตา แรงดูดมหาศาลนั้นทำให้ร่างของผู้อาวุโสถึงกับชะงักเล็กน้อย และในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ สัตว์ร้ายก็เข้าประชิดตัวเขา เปิดปากกว้างก่อนจะงับลงไปอย่างรุนแรง “กร๊อบ!” เสียงกระดูกแตกดังขึ้น ผู้อาวุโสสำนักเบญจพิษถูกสัตว์ร้ายกัดจนศีรษะขาดออกจากร่างทันที ร่างไร้ศีรษะของเขาสั่นระริกก่อนจะร่วงลงกับพื้น เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ มิว่าจะเป็นฉงชูโม่ หรือฝั่งเฝิงไป่จงต่างก็สีหน้าด้วยความตกใจ ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งของสำนักเบญจพิษก็รีบหันหลังแล้ววิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนก เฝิงไป่จงรี

    Last Updated : 2024-10-08

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 464

    เป่ยเยี่ยน บริเวณใกล้เขตพระราชสถานส่วนนอก มีอาคารสูงตระหง่านกว่ายี่สิบจั้งตั้งอยู๋เหนือประตูใหญ่แขวนแผ่นป้ายที่จักรพรรดิเป่ยเยี่ยนประทานให้ บนป้ายแกะสลักตัวอักษรใหญ่ที่งดงามและทรงพลัง ‘หอดารารักษ์’ในขณะนั้น ภายในเรือนปีกข้างของหอดารารักษ์ มีชายชราในชุดเต๋ากำลังนั่งสมาธิฝึกจิตเพียงเห็นเขามีผมขาวดั่งนกกระเรียน แต่ใบหน้ายังดูอ่อนเยาว์ รอบกายมีหมอกบางเบาปกคลุม ท่าทางดูราวกับเซียนสิ่งนี้เกิดจากพลังลมปราณที่แผ่ออกมา แสดงให้เห็นถึงความลึกซึ้งและแข็งแกร่งของกำลังภายในของเขาได้อย่างชัดเจนเขาคือหนึ่งในแปดผู้อาวุโสของหอดารารักษ์ มีนามว่าซือคงเหยียนหนานกงจื่อชินก็คือศิษย์เอกของเขา!ในขณะนั้นเอง ชายหนุ่มในชุดขาวผู้มีสีหน้าหวาดหวั่นได้เดินเข้ามาและโค้งคำนับต่อซือคงเหยียนอย่างนอบน้อม“ท่านผู้อาวุโสซือคง ท่านเจ้าสำนักเชิญท่านไปที่หอวิญญาณขอรับ”หมอกบางรอบกายซือคงเหยียนพลันเคลื่อนไหว มันก็แทรกซึมกลับเข้าไปในร่างของเขาเขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาอันลึกล้ำส่องประกายแสงพุ่งออกมาวูบหนึ่ง!จากนั้นเขาก็เหลือบมองชายหนุ่มในชุดขาวและถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ "เหตุใดเจ้าสำนักจึงเรียกข้าให้ไปที่หอวิญญ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 463

    เมื่อนั้นนางจึงพบว่า ตนและฉินซูได้ออกจากเส้นทางหน้าผาแคบ ๆ นั้นแล้ว และยืนอยู่บนทุ่งหญ้าราบเรียบหลังจากยืนยันว่าพ้นภัยแล้ว มู่หรงจื่อเยียนก็ถอนหายใจยาว“ไปเถอะ ตามทางนี้ เราน่าจะกลับไปยังถนนหลวงได้”ฉินซูจับมือมู่หรงจื่อเยียน แล้วเดินเข้าไปในป่าหลังจากเดินผ่านป่าเล็ก ๆ ไปพวกเขาก็กลับเข้าถนนสายหลักได้สำเร็จขณะนั้นผู้คนที่สัญจรบนถนนหลวงต่างชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเห็นชายและหญิงคู่หนึ่งโผล่ออกมาจากป่าในกลุ่มนั้นมีชายหนุ่มบางคนที่มีลักษณะมิน่าไว้วางใจ เมื่อเห็นใบหน้างดงามของมู่หรงจื่อเยียน ก็เกิดความคิดมิดีขึ้นทันที!พวกเขาถูมือและเดินเข้าไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้าเมื่อเห็นท่าทางที่มุ่งร้ายของพวกเขา มู่หรงจื่อเยียนจึงหลบอยู่ด้านหลังฉินซูอย่างหวาด ๆฉินซูหรี่ตามองพิจารณาคนเหล่านั้นเล็กน้อย เขาเอ่ยถามอย่างสบาย ๆ "พวกเจ้าทั้งหลาย คิดจะทำอะไร?"“เจ้าหนู ไสหัวไปซะ มิอย่างนั้นอย่าหาว่าพวกข้ามิเกรงใจ!”“ถูกต้อง ถ้ามิอยากตาย ก็ส่งสาวน้อยมากเสน่ห์คนนี้มาให้เราแต่โดยดี มิเช่นนั้นก็อย่าหาว่าพวกเราโหดเหี้ยมไร้ปรานี!"พวกเขาทำหน้าตาน่ากลัวราวกับปีศาจ พยายามข่มขู่ฉินซูให้ล่าถอย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 462

    ดวงตางดงามของมู่หรงจื่อเยียนเป็นประกาย นางยินดีแทนฉินซูด้วยใจจริงในความเห็นของนาง หากผู้มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมเช่นฉินซูสามารถบรรลุเคล็ดวิชาที่ลึกซึ้งเช่นนี้ได้ จะต้องกลายเป็นเสือติดปีกแน่ และจะผู้เลิศทั้งศาสตร์บุ๋นและบู๊อย่างแท้จริงฉินซูเก็บม้วนหยกจารึกอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงพามู่หรงจื่อเยียนเดินไปยังทางออกด้านนอกทางออกมีหน้าผาอีกแห่งหนึ่งเนื่องจากแสงจากทางออกสว่างจ้าเกินไป มู่หรงจื่อเยียนจึงมิได้สังเกตเห็นว่ามีหุบเหวอยู่ใต้ฝ่าเท้าของนางเลยแม้แต่น้อย!ต้องขอบคุณมือและดวงตาที่ว่องไวของฉินซู จึงสามารถดึงนางกลับมาได้เมื่อมองไปที่เหวลึกนั้น มู่หรงจื่อเยียนก็แอบรำพึงในใจว่า เกือบไปแล้ว นางตกใจจนเหงื่อเย็นชุ่มร่างหลังจากตั้งสติได้แล้ว นางก็พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ "สถานที่ที่เราอยู่ตอนนี้ก็เป็นเหวลึก แต่บัดนี้กลับมีเหวลึกอยู่ใต้เท้าของเราอีก ภูมิแคว้นที่นี่แปลกประหลาดเกินไปแล้ว"ฉินซูก้มมองลงไป เห็นหุบเหวขนาดใหญ่ที่มีรอยแยกเป็นเส้นยาวอยู่ใต้หน้าผา!หุบเหวนั้นด้านบนกว้างด้านล่างแคบ โดยที่ผนังทั้งสองด้านนั้นเรียบผิดปกติ ทอดยาวจากตะวันออกไปยังตะวันตกเขามองอย่างละ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 461

    ทันใดนั้นมู่หรงจื่อเยียนก็เข้าใจเจตนาของฉินซู และไล่ตามกวางน้อยสองตัวนั้นไปพร้อมกับเขาสิ่งที่เห็นคือกวางน้อยสองตัวนั้นวิ่งไปยังน้ำตกที่อยู่มิไกลเมื่อมาถึงเบื้องหน้าน้ำตก พวกมันมิได้หยุดชะงักลงแต่กลับกระโจนเข้าไปทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้นฉินซูก็อุ้มมู่หรงจื่อเยียนขึ้นมาด้วยท่วงท่าผ่อนคลาย เขาสะกิดปลายเท้ากับพื้นเบาๆ ก่อนร่างทั้งสองจะพุ่งไปยังน้ำตกราวกับลูกธนูที่หลุดออกจากสายเพียงชั่วพริบตา ทั้งสองก็ทะลุผ่านน้ำตกและลงพื้นอย่างมั่นคงมู่หรงจื่อเยียนตะลึงงัน!นางมองไปยังฉินซูอย่างตกใจและสับสนด้วยดวงตางดงาม เอ่ยถาม “ฉินซู ท่านใช้วิชาตัวเบาได้เก่งกาจเพียงนี้ได้อย่างไร?!”ฉินซูยิ้มหยักยิ้ม “ข้ามิได้เก่งกาจแค่วิชาตัวเบาหรอก ไปเถอะ กวางน้อยสองตัวนั้นวิ่งเข้าไปในถ้ำนี้ ทางออกน่าจะอยู่ที่นี่”เมื่อนั้นมู่หรงจื่อเยียนจึงเพิ่งตระหนักได้ว่าด้านหลังน้ำตกนี้มีถ้ำอยู่นี่เอง!นางเดินตามฉินซูเข้าไปในถ้ำส่วนยอดของถ้ำมีรอยแยกขนาดมิเล็กมิใหญ่ แสงแดดรำไรส่องผ่านรอยแยกลงมายังพื้นดิน จึงมองเห็นสภาพภายในถ้ำได้อย่างชัดเจนแทนที่จะบอกว่าเป็นถ้ำ เรียกว่าเป็นทางเดินกว้าง ๆ คงจะเหมาะสมกว่าเห็นได้ชัดว่า

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 460

    อีกครึ่งชั่วยามต่อมาฉินซูและมู่หรงจื่อเยียนก็กอดกันแน่นอย่างพึงพอใจภาพบรรยากาศนี้เหมือนกับความสุขสงบในวสันตฤดู ร่างกายเมามายด้วยความหลงใหล จนมิสามารถขยับตัวได้เมื่อเห็นความสุขบนใบหน้าของมู่หรงจื่อเยียน ฉินซูคิดว่าใช้ ‘ความสุขสงบในวสันตฤดู ร่างกายเมามายด้วยความหลงใหล จนมิสามารถขยับตัวได้’ มาอธิบายจะดูเหมาะสมกว่าเขารู้สึกสะเทือนอารมณ์ที่จู่ ๆ ก็ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับมู่หรงจื่อเยียน ช่างน่าประหลาดใจจริง ๆเมื่อเห็นสีหน้าของเขา มู่หรงจื่อเยียนก็พูดติดตลก “อะไรกัน ท่านคิดว่า หม่อมฉันมิคู่ควรกับองค์รัชทายาทเช่นท่านหรือ? บิดาของหม่อมฉันเป็นอ๋องแห่งเป่ยเยี่ยน และหม่อมฉันเองก็มีศักดิ์เป็นถึงท่านหญิง”ฉินซูพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้ามิได้คิดเช่นนั้น ข้าก็แค่ปลงว่าชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่มิสามารถคาดเดาได้ ใครจะไปคิดว่า หลังจากกินผลไม้ไปแค่สองสามลูก จะทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น”“ฉินซู ท่านได้หม่อมฉันแล้วคงมิคิดจะทอดทิ้งกันหรอกใช่หรือไม่?”ดวงตาที่คู่สวยของมู่หรงจื่อเยียนเคล้าไปด้วยน้ำตา มีท่าทางเศร้าโศกเป็นอย่างมากฉินซูใจอ่อนยวบพลางรีบพูดปลอบ “มิใช่แน่นอน หากเจ้าเต็มใจที่จะอยู่กับข้า ข

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 459

    เมื่อเห็นเขากลับมาพร้อมกับปลาไนตัวใหญ่หลายตัว ใบหน้าของมู่หรงจื่อเยียนก็เต็มไปด้วยความชื่นชม“ฉินซู สุดยอดมาก ท่านจับปลาได้เร็วถึงเพียงนี้เลยหรือ!”“มิเท่าไรหรอก”ฉินซูยิ้มอย่างถ่อมตัวพลางย่างปลาบนไฟสักพักเนื้อปลาก็ถูกย่างจนร้อนและส่งกลิ่นหอมทำให้มู่หรงจื่อเยียนอยากอาหารมากกว่าเดิมและอดมิได้ที่จะกลืนน้ำลาย หลังจากที่ย่างปลาเสร็จ ทั้งสองก็แทบรอมิไหวที่จะได้กินปลาไนเนื้อปลามีรสหวานและเหนียวหนึบ อร่อยมากแม้จะมิได้ปรุงรสในมิช้า มู่หรงจื่อเยียนก็แทะปลาจนหมด จากนั้นก็เรอออกมาด้วยความพึงพอใจหลังจากอิ่มแล้วนางก็ยิ้มเบา ๆ พลางเดินไปยังบริเวณที่อยู่มิไกลเมื่อกลับมา นางก็มาพร้อมกับผลไม้สีแดงก่ำหลายลูกอยู่ในมือผลไม้นี้ดูเหมือนลูกท้อ แต่มีสีแดงสดแม้กระทั่งก่อนกินก็ยังได้กลิ่นหอมฉุยโชยมาฉินซูถามอย่างสงสัย “นี่คือผลไม้อะไรหรือ?”“หม่อมฉันก็มิรู้ นี่เป็นครั้งแรกที่หม่อมฉันได้เห็นผลไม้ชนิดนี้”มู่หรงจื่อเยียนพูดพลางกัดผลไม้ไปหนึ่งคำฉินซูขมวดคิ้วและพูดว่า “มิรู้ว่ามันเป็นผลไม้ชนิดไหนแต่เจ้าก็ยังกล้ากินเข้าไปน่ะหรือ มิกลัวถูกพิษหรืออย่างไร?”“กลัวอะไร กวางน้อยสองตัวตรงนั้นก็กำ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 458

    นั่นคือหุบเขาที่ถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขารอบด้าน!ท้องฟ้าสีครามที่มีแสงแดดอบอุ่น เมฆขาวลอยเด่นอยู่บนอากาศ ในหุบเขามีเนินเขาสีหยกที่เต็มไปด้วยหญ้าเขียวขจี!บนหญ้าอันเขียวชอุ่มมีดอกไม้หลากสีสันออกดอกบานสะพรั่งลำห้วยกว้างประมาณสิบศอกไหลคดเคี้ยวผ่านผืนหญ้าไปน้ำในลำห้วยใสราวกับกระจกจนเห็นปลาแหวกว่ายอยู่ใต้ผืนน้ำสายน้ำไหลเชี่ยว ฝูงผึ้งและผีเสื้อพากันโบยบินร่ายรำทำให้ที่นี่เป็นดั่งดินแดนสวรรค์ก็มิปานเมื่อเห็นทิวทัศน์ตรงหน้า มู่หรงจื่อเยียนก็ขยี้ตาอย่างแรง!“โอ้สวรรค์ นี่ข้ามิได้ฝันไปใช่ไหม ข้างนอกเข้าสู่เหมันตฤดูแล้ว แต่ที่นี่กลับดูเหมือนอยู่ในวสันตฤดู!”ฉินซูเองก็ประหลาดใจไปชั่วขณะเช่นกัน ทิวทัศน์งดงามเช่นนี้ ดินแดนแห่งความฝันคงเป็นเช่นนี้สินะมู่หรงจื่อเยียนโน้มตัวไปเด็ดดอกไม้สีแดงมาดอมดม ทันใดนั้นใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยอาการเคลิบเคลิ้ม“หอมยิ่งนัก”เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินซูก็ส่งยิ้มหวานดูเหมือนมิว่าจะอยู่ในยุคไหน สตรีก็ชอบดอกไม้กันหมดสินะเขามองไปรอบ ๆ และหลังจากแน่ใจว่าไม่มีอันตรายที่อาจเกิดขึ้นแล้ว เขาก็ผ่อนคลายความระแวงลงจากนั้นก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่เพื่อมองทัศนียภาพโดยร

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 457

    ภายใต้แสงคบไฟ ฉินซูรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าในนั้นมีเตียงหิน และอีกด้านหนึ่งมีโต๊ะหินกับม้านั่งหินแต่ทั้งเตียงหินและม้านั่งหินนั้นถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครดูแลทำความสะอาดมาเป็นเวลานานแล้วเมื่อเห็นภาพนี้ มู่หรงจื่อเยียนก็พูดด้วยความมิอยากเชื่อ “มีคนอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยหรือ? คงมิใช่ปีศาจภูเขาพวกนั้นหรอกใช่หรือไม่?”“ปีศาจภูเขากินดิบพวกนั้นจะสร้างเตียงและโต๊ะหินเหล่านี้ได้อย่างไร ที่กำแพงมีคบไฟอยู่ จุดไฟให้หมดก่อน”“เพคะ!”ทั้งสองยกคบไฟจุดคบไฟติดผนังบนกำแพงหินทันใดนั้น ถ้ำก็สว่างราวกับกลางวันในเวลานี้ พวกเขาทั้งสองสังเกตเห็นว่า ด้านหนึ่งมีตัวอักษรจำนวนมากถูกสลักอยู่บนกำแพงหินมู่หรงจื่อเยียนเหลือบไปอ่านตัวอักษรบนนั้นแล้วขมวดคิ้วขึ้นมา“สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนภาษาโบราณ ฉินซู ท่านรู้จักตัวอักษรโบราณมิใช่หรือ ลองอ่านดูสิว่ามันเขียนไว้ว่าอย่างไร?”แค่เหลือบไปเห็นฉินซูก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง!ตัวอักษะบนนั้นเป็นตัวอักษรจีนตัวย่อนี่!เมื่ออ่านอย่างละเอียด ในใจของเขาก็เกิดความโกลาหล!ข้อมูลบนบันทึกนั้นทำให้เขารู้จักโลกใบนี้มากขึ้นตามที่กล่าวมาข้างต้น ในปี ค.ศ. 2130 อุ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 456

    ฉินซูดีดนิ้วปล่อยพลังใส่ค้างคาวเหล่านั้นร่วงลงไปที่พื้นเขาพูดอย่างมิสบอารมณ์ “แค่ค้างคาวเท่านั้นเอง กลัวปานนั้นเลยรึ?”มู่หรงจื่อเยียนมองเขาอย่างขุ่นเคือง “เป็นสตรีก็ต้องกลัวเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แถมที่นี่ก็ยังมืดและน่ากลัว หม่อมฉันขนลุกไปหมดแล้ว”“เจ้าขี้กลัวเช่นนี้แต่ก็ยังมากับหนานกงจื่อชินเพื่อสกัดกั้นและสังหารข้าน่ะรึ?”“ท่านเข้าใจผิดแล้ว จริง ๆ แล้วข้า… ข้าคิดจะเกลี้ยกล่อมเขามิให้ลงมือทำร้ายท่านต่างหากเล่า”ฉินซูยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจและถามหยอกเย้า “ที่หนานกงจื่อชินบอกว่าเจ้าชอบข้านั่นคงมิใช่เรื่องจริงหรอกกระมัง?”ใบหน้าที่งดงามของมู่หรงจื่อเยียนเปลี่ยนเป็นสีแดง พลางหลบเลี่ยงมิกล้าจ้องตาของฉินซูตรง ๆนางก้มหน้าขยำชายเสื้อแน่นและมิพูดอะไรเมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว ฉินซูก็มองความคิดของนางออกแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่มีอารมณ์จะมาพูดเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ จึงเปลี่ยนเรื่อง “ไปเถิด หาทางออกก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง”จากนั้นเขาก็หยิบพับไฟพกพามาจากอ้อมอกพลางจุดไฟแล้วมองไปรอบ ๆ“ท่านรอหม่อมฉันด้วย!”มู่หรงจื่อเยียนตามไปด้วยสีหน้าเขินอาย จากนั้นก็กอดแขนของฉินซูอย่างแน่นหนาโดยมิเอ่ยคำอธิบา

DMCA.com Protection Status