แชร์

บทที่ 106

ผู้เขียน: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-09-24 18:00:01
หานไท่ไขว้มือไว้ข้างหลัง ยิ้มอย่างดูถูกและพูดอย่างมิแยแสว่า “ถึงจะเป็นองค์รัชทายาท แต่เขาก็เป็นแค่คนไร้ค่าที่รู้จักแต่จะสนุกสนาน อีกมิกี่เดือนเขาก็จะถูกปลดแล้ว ข้าจะไปกลัวเขาหาปะไร! ยิ่งไปกว่านั้น คนที่อยู่เบื้องหลังข้าคือเสนาบดีกรมพระคลัง เสนาบดีหลินเป็นคนของท่านอ๋องฉี เมื่อมีท่านอ๋องฉีหนุนหลัง ข้าจะไปกลัวองค์รัชทายาทที่กำลังจะถูกปลดด้วยเหตุใดเล่า?”

จูเจิ้งเสียนตั้งใจจะเตือนอีกสักหน่อย แต่เฉินควนที่อยู่ข้าง ๆ หานไท่พูดอย่างหงุดหงิดว่า “ใต้เท้าจู เลิกโอ้เอ้ได้แล้ว ไปกันเถิด ไปที่ว่าการอำเภอของท่านก่อนค่อยว่ากัน”

“ขอรับ เชิญท่านทั้งสอง!”

จูเจิ้งเสียนโค้งคำนับและเดินนำไปข้างหน้าอย่างนอบน้อม

เมื่อผ่านร้านสุราที่ตกแต่งอย่างหรูหรา หานไท่เงยหน้าขึ้นมองป้ายโดยมิตั้งใจ จากนั้นก็พูดอย่างครุ่นคิดว่า “ใต้เท้าจู ข้าจำได้ว่าสาวงามในหอนางโลมลี่ชุนดูเหมือนจะมิเลว ท่านไปเลือกสองสามคนมาด้วยกัน อ้อ ใช่แล้ว อย่าลืมนำสุราลืมโศกมาด้วย”

“ข้าน้อยรับคำสั่ง!”

ประมาณสองเค่อต่อมา

จูเจิ้งเสียนก็พาสตรีแต่งหน้าจัดจ้านหลายคนและไหเหล้ากลับไปที่ห้องโถงใหญ่ของที่ว่าการอำเภอ

“ใต้เท้าหาน สตรีเหล่านี้เป็นสาวงามที่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 107

    “เอ่อ นี่…”จูเจิ้งเสียนมิรู้จะตอบอย่างไร จึงหันไปมองหานไท่เพื่อขอความช่วยเหลืออีกฝ่ายหัวเราะแห้งแล้วกล่าวขอโทษว่า “องค์รัชทายาททรงเดินทางมาไกล คงจะเหนื่อยมาก กระหม่อมจึงถือวิสาสะหาสาวงามมาปรนนิบัติพัดวี พร้อมกับนำสุราลืมโศกมาด้วยหลายไห นี่เป็นสุราขึ้นชื่อของอำเภอหล่งเซียงของเรา องค์รัชทายาท…”เขายังพูดมิทันจบ ฉินซูก็โบกมือแล้วถามอย่างมิใส่ใจว่า “หานไท่ เจ้าคิดจะเอาสุรานารีมาเอาใจข้ารึ?”เมื่อเห็นปฏิกิริยาของฉินซู หานไท่ก็มิรู้จะตอบอย่างไรในทันทีเฉินควนที่อยู่ข้าง ๆ รีบอธิบายว่า “องค์รัชทายาทโปรดอย่าเข้าใจผิดำพ่ะย่ะค่ะ ใต้เท้าหานเพียงเป็นห่วงว่า องค์ชายจะทรงเหน็ดเหนื่อย จึงหาคนมาปรนนิบัติ หาได้มีเจตนาอื่นใดไม่พ่ะย่ะค่ะ”“พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท สตรีเหล่านี้มีความสามารถร้องรำทำเพลง กระหม่อมจะให้พวกนางร่ายรำให้องค์รัชทายาทได้ชมสักหน่อย”หลังจากที่หานไท่พูดจบ เขาก็ส่งสายตาไปยังหญิงงามเหล่านั้นหญิงสาวเหล่านั้นมองหน้ากัน และกำลังจะทำอะไรบางอย่างในตอนนั้น ฉงชูโม่ผู้ที่มิพูดอะไรเลย พลันได้พูดขึ้นมา!เสียงของนางเย็นชาและเยาะเย้ยว่า “ใต้เท้าหาน เหตุผลที่องค์รัชทายาทหยุดพักที่หล่งเซี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-24
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 108

    หานไท่กล่าวอย่างจริงจังว่า “องค์รัชทายาททรงรับสั่งรุนแรงเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ในเขตแดนของแคว้นต้าเหยีนของเรากำลังประสบปัญหาน้ำท่วมทางใต้และภัยแล้งทางเหนือ ราชสำนักกำลังรอเงินจากพ่อค้าข้าวและชาวบ้านเพื่อซื้อข้าวไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยอยู่พ่ะย่ะค่ะ”“เนื่องจากเวลาเร่งด่วน เราจึงต้องใช้มาตรการพิเศษบางอย่าง”“กล่าวโดยสรุป นี่ก็เพื่อราชสำนัก ชาวบ้านในอำเภอหล่งเซียงในฐานะราษฎรของแคว้นต้าเหยียน การช่วยเหลือราชสำนักก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล และเป็นเกียรติของพวกเขาด้วย”ฉินซูเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “ดีจริง ๆ เพื่อราชสำนัก ใต้เท้าหานช่างเก่งเรื่องเสียสละเพื่อคนอื่นจริง ๆ!”แววตาของหานไท่มีอาการลังเลเล็กน้อย ในใจก็คิดแผนการได้อย่างรวดเร็ว จึงกล่าวอย่างมิยอมอ่อนข้อว่า “องค์รัชทายาท สิ่งที่เกิดขึ้นในอำเภอหล่งเซียงช่วงนี้ ที่จริงแล้วสำนักขุนนางใหญ่ก็ทราบพ่ะย่ะค่ะ หากท่านต้องการสอบสวนเรื่องนี้ ก็สามารถกราบทูลองค์จักรพรรดิ ให้พระองค์ทรงตัดสินได้พ่ะย่ะค่ะ”แววตาของฉินซูเย็นชาขึ้น ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หานไท่ เจ้ากำลังจะใช้องค์จักรพรรดิมากดดันข้ารึ?”เมื่อสัมผัสกับสายตาเย็นชาของฉินซู หานไท่ก็รู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-24
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 109

    ฉงชูโม่เหลือบมองด้วยความสงสัย คิ้วเรียวของนางยิ่งขมวดแน่นขึ้นนางมิเคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า จูเจิ้งเสียน ผู้ว่าการอำเภอผู้นี้ จะมิเคารพต่อกฎหมายเช่นนี้ เขามิเพียงแต่ส่งคนไปขโมยปศุสัตว์และสัตว์ปีกของชาวบ้านในอำเภอไปขายเท่านั้น แต่ยังหลอกลวงที่ดินทำกินของชาวบ้านไปขายให้ผู้เช่าในราคาสูงอีกด้วยเงินที่ได้มา เขาแบ่งเป็นหกส่วนกับสี่ส่วน โดยสี่ส่วนจะถูกส่งไปเป็นเครื่องบรรณาการให้กับราชสำนัก ส่วนอีกหกส่วนจะถูกแบ่งระหว่างที่ว่าการอำเภอและที่ว่าการมณฑลกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ อำเภอหล่งเซียงส่งเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงให้กับราชสำนัก เมื่อรวมกับส่วนที่พวกเขาแบ่งกันแล้ว เท่ากับว่าพวกเขาขูดรีดเงินไปทั้งหมดกว่าสามแสนตำลึงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉงชูโม่ก็อดมิได้ที่จะกำกริชเขี้ยวมังกรให้แน่นยิ่งขึ้นเดิมทีชีวิตของชาวบ้านก็ลำบากมากอยู่แล้ว เหล่าขุนนางชั่วช้าเหล่านี้อ้างว่าทำเพื่อราชสำนัก แต่กลับยักยอกเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง!ฉินซูตบมือนางเบา ๆ เป็นสัญญาณให้นางใจเย็นลงจากนั้นฉินซูก็โยนสมุดบัญชีลงบนโต๊ะ แล้วพูดเยาะเย้ยว่า “ใต้เท้าหาน พวกเจ้าช่างกล้าจริง ๆ เงินที่ได้มา ราชสำนักกลับได้เพียงสี่ส่วน พวกเจ้ากลับแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-25
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 110

    ฉงชูโม่แปลกใจเล็กน้อย จากนั้นนางก็ถ่มน้ำลาย “ถุย ใครเป็นห่วงท่านกัน หม่อมฉันแค่กังวลเรื่องชีวิตภายหน้าของตัวเองเท่านั้น โปรดจำไว้ว่าตอนนี้หม่อมฉันเป็นอาจารย์ตำหนักบูรพา หากท่านถูกปลดออกจากตำแหน่งก่อนวันชุนเฟินปีหน้า มันจะทำให้หม่อมฉันดูไร้ประโยชน์ หม่อมฉันก็ต้องรักษาหน้าตาเหมือนกันนะ”ฉินซูหัวเราะออกมา เขาส่ายหัวเบา ๆ แล้วพูดว่า “มิต้องห่วง เรื่องเสด็จพ่อข้ามีวิธีจัดการเอง นอกจากนี้ ตราบใดที่ยังมีเงินส่งไป สำนักขุนนางใหญ่ก็จะมิพูดอันใด”“แต่มิใช่ว่าท่านสั่งให้หานไท่พวกนั้นเอาเงินที่ยึดมาจากชาวบ้านในอำเภอหล่งเซียงคืนให้ชาวบ้านแล้วหรือ?”“แต่คนที่รวยในอำเภอหล่งเซียงมิใช่ชาวบ้าน”ฉงชูโม่มองฉินซูด้วยความมิเข้าใจ กำลังจะถามให้ชัดเจนฉินซูในเวลานี้กลับเงยหน้าถามสตรีจากหอนางโลมลี่ชุนว่า “พวกเจ้าเข้ามาสิ ข้ามีเรื่องจะถามพวกเจ้า”สตรีหลายคนมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ เดินมาคุกเข่าลงตรงหน้าฉินซูฉินซูถามอย่างแผ่วเบาว่า “ในอำเภอหล่งเซียงของพวกเจ้า ครอบครัวใดที่ร่ำรวยที่สุด?”“กราบทูลองค์รัชทายาท ในหล่งเซียงที่ร่ำรวยที่สุดต้องยกให้ตระกูลหลี่เพคะ”“ใช่แล้ว ยังมีตระกูลจา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-25
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 111

    “จะอธิบายอย่างไร? ก็ต้องทำตามที่เขาบอกก่อนสิ ส่วนเรื่องที่สำนักขุนนางใหญ่ถามขึ้นมา เราก็พูดความจริงไปเลย สารเลว ทำข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว”หานไท่พูดอย่างโกรธจัด ทำให้แผลที่ข้างหูของเขาถูกกระทบกระเทือนจนต้องกัดฟันด้วยความเจ็บปวดเฉินควนเห็นด้วย “ใช่แล้ว ถึงแม้การกระทำขององค์รัชทายาทครั้งนี้จะทำให้พวกเราสูญเสียไปมิน้อย แต่เขาก็จะทำให้สำนักขุนนางใหญ่มิพอใจด้วย ด้วยเหตุนี้ วันที่เขาจะถูกปลดก็จะมาถึงเร็วขึ้นเป็นแน่!”หานไท่กลอกตาไปมา แล้วสั่งว่า “นายทะเบียนเฉิน รีบเขียนจดหมาย บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ แล้วให้คนส่งไปให้ท่านอ๋องฉี ถามว่าท่านอ๋องฉีมีแผนการอะไรหรือไม่”“ขอรับ ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”ครึ่งชั่วยามต่อมาจูเจิ้งเสียนใช้ข้ออ้างที่ว่า ราชสำนักจะชดเชยความเสียหายให้กับราษฎร จึงได้นำเงินที่ยึดมาส่งคืนให้กับชาวเมืองการกระทำเช่นนี้ทำให้ชาวบ้านรู้สึกขอบคุณราชสำนักและยกย่องสรรเสริญมิขาดปากเพราะในสายตาของพวกเขา ปศุสัตว์ในบ้านของพวกเขาล้วนถูกสัตว์ประหลาดขนแดงจับไปกินจนหมดสิ้น บัดนี้ราชสำนักจ่ายเงินชดเชยให้พวกเขา แล้วจะมิให้พวกเขาดีใจจนเนื้อเต้นได้อย่างไรจูเจิ้งเสียนและคนอื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-25
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 112

    เมื่อเห็นพวกเขาร้องทุกข์กันระงม ฉินซูก็แค่นเสียงหึในลำคออย่างมิใส่ใจ พลางพูดว่า“ทุกท่าน ครั้งนี้หากข้ามิเข้ามาแทรกแซง พวกเจ้าจะโกงกินได้เท่าไหร่ ก็น่าจะรู้แก่ใจกันดีอยู่แล้ว” “พวกเจ้าเป็นขุนนางมานานหลายปี ทุจริตไปเท่าไหร่ล้วนรู้อยู่แก่ใจ ยามนี้ข้าแค่ให้พวกเจ้าออกเงินที่อำเภอหล่งเซียงควรจะส่งไปยังสำนักขุนนางใหญ่เท่านั้นเอง”“แน่นอน หากพวกเจ้ามิยอม ก็ง่ายนิดเดียว ข้าจะตรวจสอบพวกเจ้าให้ละเอียด หากสุดท้ายพิสูจน์ได้ว่า พวกเจ้าเป็นขุนนางมือสะอาด ข้าจะขอโทษต่อหน้าชาวบ้านทั้งอำเภอ เป็นอย่างไร?”หลังจากฟังฉินซูพูดจบ สีหน้าของหานไท่และคนอื่น ๆ ก็ดูแย่ยิ่งกว่ากินแมลงวันเข้าไปเสียอีกในใจพวกเขาก็รู้ดีว่า หากฉินซูจะตรวจสอบ พวกเขาก็คงหนีมิพ้นเมื่อถึงเวลานั้น หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยขึ้นมา มิเพียงแต่ตำแหน่งทางการจะมิแน่นอน แม้แต่การถูกริบทรัพย์สินก็มิอาจหลีกเลี่ยงได้!ถึงตอนนั้น คงมิใช่แค่เงินมิกี่หมื่นตำลึงก็จะจบเรื่องได้เมื่อคิดถึงจุดนี้ หานไท่จึงรีบตบหน้าอกพลางพูดว่า “ในเมื่อองค์รัชทายาทตรัสมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเราก็จะทำตามรับสั่งของท่าน เพื่อเติมเต็มช่องว่างนี้พ่ะย่ะค่ะ”“ใช่แล้ว ถือว่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-25
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 113

    ฉินซูยิ้มถามอย่างอารมณ์ดีว่า “ใต้เท้าจู ไฉนสีหน้าเจ้าดูแย่เช่นนั้นเล่า มิสบายหรือไร? หรือว่าจะให้ข้าไปที่จวนตระกูลหลี่ด้วยตัวเอง?”จูเจิ้งเสียนส่ายหัวรัวอย่างกับกลอง แล้วรีบพูดว่า “หามิได้ ๆ มิกล้ารบกวนองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”เขามิกล้าให้ฉินซูไปด้วย มิเช่นนั้นตระกูลหลี่คงต้องเสียเงินเสียทองมากหลายเป็นแน่ฉินซูก็มิได้มีเจตนาจะทำให้ยากลำบาก เขาจึงพูดอย่างใจเย็นว่า “เช่นนั้น ก็อย่ารอช้า พวกเจ้ารีบไปรีบกลับเถอะ”หานไท่ก็สนับสนุนว่า “ใช่แล้ว ใต้เท้าจู พวกเราออกเดินทางกันเถอะ มิงั้นกลับมาช้าจะรบกวนเวลาพักผ่อนขององค์รัชทายาทแล้ว”จากนั้น จูเจิ้งเสียนก็จำใจพาหานไท่และเฉินควนไปที่จวนตระกูลหลี่อย่างมิเต็มใจนักหลังจากที่พวกเขาออกไปแล้ว ฉงชูโม่ก็รู้สึกชื่นชมอย่างสุดซึ้งและกล่าวว่า “องค์รัชทายาททรงมีวิธีการที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เพคะ ด้วยวิธีนี้ จูเจิ้งเสียนและหานไท่จะต้องมีความขัดแย้งกันอย่างแน่นอน แม้ว่าในภายหน้าพวกเขาจะยังคงฉ้อราษฎร์บังหลวง แต่พวกเขาก็จะเกลียดชังกันและกันเพราะการแบ่งผลประโยชน์ที่มิเท่าเทียมกัน หรือแม้กระทั่งแอบทำร้ายกัน ขุนนางภายใต้ท่านอ๋องฉีเมื่อเกิดความขัดแย้งภายใน เขาจะไม่ม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-26
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 114

    เมื่อได้ยินคำพูดของฉินซู สีหน้าของหานไท่ก็เผยความกังวลออกมาและกล่าวว่า “องค์รัชทายาท กระหม่อมมิทราบว่าท่านมีธุระสำคัญอันใดที่ต้องรีบไปยังหลงโย่ว แต่ยามนี้ก็ดึกแล้ว แม้จะมิพูดถึงเส้นทางที่ขรุขระ ยามกลางคืนถึงแม้จะไม่มีโจร ก็ยังมีสัตว์ร้ายอีกมากมาย หรือว่ารอให้ฟ้าสว่างแล้วค่อยออกเดินทางดีกว่าหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่แล้วองค์รัชทายาท หากท่านจะเดินทางยามกลางคืน หากเกิดอะไรขึ้น พวกเราก็รับผิดชอบมิไหว”“ใต้เท้าเฉินพูดถูกแล้ว องค์รัชทายาทพักอีกคืนหนึ่งเถิดพ่ะย่ะค่ะ แล้ววันพรุ่งค่อยออกเดินทาง!”เฉินควนและจูเจิ้งเสียนก็รีบช่วยกันเกลี้ยกล่อมฉินซูลูบคาง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พยักหน้าอย่างลำบากใจ“เอาเถอะ งั้นวันพรุ่งค่อยออกเดินทาง พวกเจ้าก็ไปทำธุระของพวกเจ้าเถอะ ข้าจะกลับไปพักผ่อนก่อน”หลังจากพูดจบ ฉินซูก็พาฉงชูโม่กลับไปยังจวนด้านหลังที่ว่าการอำเภอหลังจากที่เขาจากไปแล้ว หานไท่จึงพึมพำกับตัวเองว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทจะไปหลงโย่วหรือนี่!”“ใต้เท้าหาน เรื่องนี้เราควรจะแจ้งให้ท่านอ๋องฉีทรงทราบหรือไม่?”“ไร้สาระ แน่นอนว่าต้องแจ้ง! รีบส่งสารด่วนแปดร้อยลี้ไปแจ้งท่านอ๋องฉีเดี๋ยวนี้!”“ข้าน้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-26

บทล่าสุด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 494

    หนึ่งชั่วยามต่อมาฉินซูและคนอื่น ๆ กลับมาถึงที่ว่าการอำเภอเหรากู่ พบว่ามีเหล่าเจ้าหน้าที่จำนวนมากมุงล้อมรอบอยู่หน้าประตูที่ว่าการอำเภอ ถานเหวยจึงเอ่ยถาม "ใต้เท้าเว่ย เกิดเรื่องอะไรขึ้น?"ผู้ว่าการเว่ยเห็นฉินซูและคนอื่น ๆ กลับมาก็รีบรุดหน้าเข้ามาพบเขาดูตื่นตระหนกอย่างมากและกล่าวขึ้น "องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! ผู้ตรวจการของเราถูกสังหารไปหลายคน ส่วนใต้เท้าเซี่ยเองก็ถูกคนชั่วนั่นจับตัวไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"“ว่ากระไรนะ?!”ฉินซูเปลี่ยนสีหน้า ถามเสียงเข้มว่า “เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”“ข้าน้อยเองก็มิทราบรายละเอียดนัก แต่คนร้ายได้เขียนข้อความทิ้งไว้ตรงหน้าประตูที่ว่าการอำเภอ หากพระองค์...”มิทันพูดจบ ฉินซูก็ก้าวยาว ๆ ผ่านฝูงชนตรงไปตรงหน้าประตูที่ว่าการอำเภอบนประตูมีข้อความถูกจารึกไว้อย่างแข็งแกร่งและทรงพลัง "ฉินซู หากอยากช่วยสตรีของเจ้าก็จงมาที่ลานหินแตกนอกเมือง หากเจ้ามิมาถึงก่อนอาทิตย์ตกดินก็รอรับศพสตรีของเจ้าซะ!"เมื่อเห็นสิ่งนี้ ใบหน้าของฉินซูก็ดุดันน่าสะพรึงกลัวกู้เสวี่ยเจี้ยนเหลือบมองฉินซูอย่างสงสัยเล็กน้อย จากนั้นก็จึงดึงปิ่นปักผมที่ปักไว้บนประตูออกมาหลังจากพินิจปิ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 493

    ผู้ตรวจการที่ประจำอยู่หน้าประตูมองเห็นชายผู้นั้น ก็เอ่ยถามขึ้น “ท่านลุง มีเรื่องอะไรจะมาแจ้งความหรือ?”ชายชราผู้มีผมขาวแต่ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ สวมเสื้อคลุมสีเทา มิใช่ใครอื่นนอกจากซือคงเหยียน!เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "องค์รัชทายาทอยู่ที่ที่ว่าการอำเภอของพวกเจ้าหรือไม่?"ผู้ตรวจการหลายคนสบตากัน ก่อนที่หัวหน้ากลุ่มจะถามกลับด้วยความระมัดระวัง "ท่านเป็นใคร เหตุใดจึงสอบถามเรื่องนี้?"แววอำมหิตฉายไปทั่วใบหน้าของซือคงเหยียน มือใหญ่ของเขาพลันยื่นออกมา!เพียงชั่วพริบตา เขาก็คว้าคอผู้ตรวจการคนนั้นเอาไว้!ทันใดนั้นสีหน้าของคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนไป ทุกคนต่างชักดาบออกมา!“ปล่อยหัวหน้าของเราเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นพวกเราจะมิเกรงใจแล้ว!”ซือคงเหยียนเหลือบมองพวกเขาและพูดอย่างหยามหยัน "แมลงตัวกระจ้อย ยังกล้าตะโกนใส่หน้าข้า ช่างมิรู้จักความตายเสียแล้ว!"สิ้นเสียงพูด เขายกมืออีกข้างออกมาตบผู้ตรวจการคนนั้นผ่านอากาศ!ลมปราณที่รวดเร็วสายหนึ่งพุ่งออกมาจากกลางฝ่ามือของเขา!ผู้ตรวจการหลายคนยังมิทันได้ขยับตัวก็ถูกแรงฝ่ามือนั้นซัดปลิวไปไกลถึงสี่หรือห้าจั้ง ก่อนจะตกกระแทกพื้นอย่างแรงหลังจากที่พวกเขาล้มลงกับ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 492

    ดวงตาของซือคงเหยียนฉายแววสังหาร จากนั้นเขาก็เริ่มค้นหาภายในป่าแต่หลังจากค้นหาอยู่นานก็มิพบอะไรเลยสีหน้าของเขาหม่นมืดลึกลับ และพึมพำกับตัวเอง“ทั่วทั้งป่ามีเพียงตรงนี้ที่มีเลือดของจื่อชิน แต่ว่าศพของเขาไปอยู่ที่ใดกัน? ต่อให้ถูกพวกปีศาจภูเขากิน ก็เป็นไปมิได้ที่จะหายไปมิเหลือร่องรอย!”ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องน่าประหลาดเกินไปแต่ตอนนี้ที่ยังหาศพของหนานกงจื่อชินมิพบ ซือคงเหยียนจึงทำได้เพียงเก็บความคับแค้นไว้ในใจและเดินออกจากป่าไปในตอนนั้นเอง ที่ถนนหลวงด้านนอก มีพ่อค้าเร่กลุ่มหนึ่งเดินผ่านพอดีชายคนหนึ่งพูดด้วยความดีใจอย่างยิ่ง "พี่เจียง เจ้าได้ยินแล้วหรือยังว่า องค์รัชทายาทแห่งแคว้นต้าเหยียนของเราได้สังหารบุตรแห่งนักปราชญ์หออะไรนั่นของเป่ยเยี่ยนแล้ว!"เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของซือคงเหยียนพลันมืดหม่นลง ร่างของเขาวูบไหวชั่วขณะก่อนปรากฏขึ้นตรงหน้าชายผู้นั้นราวกับภูติผีชายคนนั้นตกใจกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของซือคงเหยียนจนขาอ่อนและเซล้มลงกับพื้นเมื่อเห็นกลิ่นอายอำมหิตบนใบหน้าของซือคงเหยียน ชายคนนั้นก็ตื่นตกใจจนพูดอะไรแทบมิออก“เจ้า… เจ้าเป็นใคร คิดจะทำ… ทำอะไร?”ซือคงเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 491

    “หวังฉือกับเนี่ยหงไอ้สุนัขสองตัวนั่น กล้าโจมตีพวกเราต่อหน้าเหล่าขุนนางเลยรึ น่าโมโหนัก!”ฉินหงปลอบใจเขา "เสด็จพี่สามใจเย็นก่อน ทั้งตุลาการศาลต้าหลี่และผู้ตรวจการฝ่ายซ้ายไม่มีทางก่อปัญหาใหญ่ได้หรอก เมื่อไหร่ที่รัชทายาทล้มลง พวกเขาก็จะกลายเป็นสุนัขไร้เจ้าของ ไยต้องไปถือสาหาความกับพวกเขาเล่า”“ข้าแค่หงุดหงิดเท่านั้นเอง อีกอย่าง เสด็จพ่อยังสั่งให้หัวหน้าสำนักจับตาดูหอดารารักษ์ แล้วคนจากหอดารารักษ์จะมีโอกาสไปแก้แค้นฉินซูได้อย่างไร?”“ความแข็งแกร่งของหอดารารักษ์มิได้ด้อยไปกว่าสำนักหอดูดาวหลวงเลย เจ้าสำนักคงมิสามารถควบคุมพวกเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จ มิว่าจะอย่างไร เรื่องนี้ต้องทำให้องค์รัชทายาทยุ่งยากแน่นอน พวกเราแค่รอดูผลลัพธ์ก็พอ”ฉินหยางพยักหน้าเล็กน้อยและถามอีกครั้ง "ว่าแต่ มีข่าวคราวจากเรือสินค้าที่มุ่งใต้ไปยังหลิ่งหนานบ้างหรือไม่?"ฉินหงถอนหายใจ “ยังไม่มีเลย แต่ถ้าคำนวณเวลา ตอนนี้เรือลำนั้นน่าจะผ่านเขตเหยี่ยนโจวแล้ว”“หึ พวกโจรสลัดในเหยี่ยนโจวนั่นช่างไร้ประโยชน์เสียจริง ข้าวแปดพันต้านกับเงินหกแสนตำลึง ทั้งหมดนี้เป็นทรัพย์สินมหาศาล แต่พวกมันกลับมิกล้าลงมือ!”“คงมิแน่เสมอไปว่าจะมิกล้าลง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 490

    ฉินอู๋ต้าวยังมิทันได้แสดงท่าที หวังฉือก็โต้แย้งขึ้นมาทันควัน “ข้าน้อยมิเข้าใจคำพูดของอ๋องซิ่น ยามนี้ยังไม่มีหลักฐานที่แสดงว่าเป็นฝีมือขององค์รัชทายาทเลย แล้วเหตุใดท่านจึงต้องให้องค์จักรพรรดิทรงพิจารณาให้รอบคอบด้วยหรือ?”“นั่นสิ เป่ยเยี่ยนเดิมทีก็มีความตั้งใจจะล่วงล้ำพรมแดนของราชวงศ์ต้าเหยียนมาตลอด ยามนี้ยังมิได้มีการระดมทัพเลย แต่ท่านอ๋องซิ่นกลับกลัวแล้ว หากวันหนึ่งเป่นเยี่ยนระดมทัพขึ้นมาจริง ๆ ท่านจะมิสนับสนุนให้องค์จักรพรรดิแบ่งดินแดนให้เลยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฉินหยางถูกหวังฉือและเนี่ยหงโต้กลับจนหน้าซีดในที่สุดบัดนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่า หวังฉือและเนี่ยหง ทั้งสองเป็นขุนนางระดับสองที่กลายเป็นคนของฉินซูไปแล้วเขาเกิดความสงสัย ฉินซูเป็นองค์รัชทายาทผู้รอวันถูกปลด เขามีดีอะไรที่ทำให้ทั้งสองคนนั้นยอมรับเขาเป็นผู้นำ?แต่เมื่อเผชิญกับคำซักถามอย่างเข้มงวดของหวังฉือและเนี่ยหง เขาก็มิอาจอุบเงียบเอาไว้ได้ จึงแค่นเสียงเย็นชา"หึ! ข้าในฐานะจวิ้นอ๋องแห่งราชวงศ์ต้าเหยียน ต่อให้วันข้างหน้าสงครามปะทุขึ้นอีกครั้ง ก็ย่อมไม่มีทางให้เสด็จพ่อยอมสละดินแดนเพื่อขอสันติภาพ เพียงแต่ยามนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเร

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 489

    ข่าวที่ว่าฉินซูได้สังหารบุตรแห่งนักปราชญ์ของหอดารารักษ์นั้นแพร่กระจายราวกับไฟป่า ก่อให้เกิดความปั่นป่วนทั้งในและนอกเมืองหลงเฉิงผู้คนต่างพูดถึงเรื่องนี้ทุกมื้อหลังอาหารบางคนยกย่องฉินซูว่าเขาทำให้ต้าเหยียนมีเกียรติบางคนถึงกับแอบส่ายหัว แม้ว่าฉินซูจะเป็นรัชทายาท ทว่าการสังหารบุตรแห่งนักปราชญ์ของหอดารารักษ์โดยไร้เหตุผลนั้นคงมิเป็นที่ยอมรับของราชสำนักเป่ยเยี่ยนและหอดารารักษ์ จากนี้ไปฉินซูองค์รัชทายาทผู้นี้อาจไม่มีวันมีชีวิตที่สงบสุขอีกต่อไปคนที่รู้สึกประหลาดใจที่สุดคงเป็นมู่หรงจื่อเยียนหลังจากที่ได้ยินข่าวนี้ ใจนางก็เกิดความสงสัยว่า คนที่ฆ่าหนานกงจื่อชินคือฉินซูจริง ๆ หรือ?แต่ฉินซูเก่งแค่วิชาตัวเบาเท่านั้น แล้วเขาจะสังหารหนานกงจื่อชินได้อย่างไร?ทว่าเมื่อนึกถึงเมื่อยามหลังจากที่ออกมาจากดินแดนแห่งความฝันนั้น ฉินซูเอาชนะอันธพาลเหล่านั้นได้ในพริบตา นางก็ตระหนักว่าความแข็งแกร่งของฉินซูนั้นมิธรรมดาเมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็รีบสงบสติอารมณ์ และบังคับให้ตัวเองใจเย็นลงหากมู่หรงฟู่รู้ว่าฉินซูมีฝีมือที่เหนือชั้นเช่นนี้ สถานการณ์ของฉินซูคงจะอันตรายอย่างมากต่อมา มู่หรงจื่อเยียนเลือกที่จะ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 488

    ฉินหงมองเนื้อหาในจดหมายเพียงครู่เดียว สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป!เขากล่าวเสียงทุ้มหนัก "เตรียมเกี้ยว ข้าจะไปจวนอ๋องซิ่น แล้วก็แจ้งให้ใต้เท้าหลินและใต้เท้าเซี่ยมาประชุมที่จวนอ๋องซิ่นด้วย!""พ่ะย่ะค่ะ!"สองเค่อต่อมาฉินหงพร้อมด้วยหลินซีและคนอื่น ๆ ก็มารวมตัวกันที่จวนอ๋องซิ่นฉินหยางถามอย่างสงสัย "น้องสี่ ดึกป่านนี้พวกเจ้ายังมากัน มีข่าวดีอะไรจากทางคูมู่หรือ?""ยังติดต่อคูมู่มิได้ แต่เสด็จพี่สาม พวกท่านลองดูนี่ก่อน"ฉินหงพูดพลางวางจดหมายฉบับนั้นลงบนโต๊ะฉินหยาง หลินซีและคนอื่น ๆ เข้ามาอ่านข้อความบนจดหมายโดยพร้อมเพรียงหลังจากได้อ่านแล้ว เซี่ยเหอก็เอ่ยขึ้นอย่างตกใจ "ว่ากระไรนะ? ฉินซูสังหารศิษย์เอกของหอดารารักษ์?!"ฉินหยางถามด้วยสีหน้าฉงน "น้องสี่ แน่ใจหรือว่าข่าวนี้เป็นความจริง?""น่าจะมิใช่เรื่องเท็จ ศิษย์เอกของหอดารารักษ์มีฐานะสูงส่งในแคว้นเป่ยเยี่ยน ผู้ใดจะกล้าพูดเล่นเกี่ยวกับเรื่องนี้""แต่ศิษย์เอกอย่างหนานกงจื่อชินมีพลังแข็งแกร่งนัก องค์รัชทายาทจะสังหารเขาได้อย่างไร?"หลินซีเองก็กล่าวเสริมขึ้นเช่นกัน "ใช่แล้ว แม้กู้เสวี่ยเจี้ยนแห่งสำนักหอดูดาวหลวงจะติดตามองค์รัชทายาทไปทางเหนือด้วยแต่ด้ว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 487

    นางพูดด้วยเสียงสะอื้นพร้อมถามกลับว่า "เสด็จพี่หมายความว่าอย่างไร? หรือท่านคิดว่าหม่อมฉันเป็นคนฆ่าพี่จื่อชินเช่นนั้นหรือ?"ซือคงเหยียนรีบพูดขึ้น "องค์ชาย ท่านหญิงจื่อเยียนมีใจรักใคร่กับจื่อชิน นางจะทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร? การตายของจื่อชินถือเป็นการกระทบกระเทือนใจอย่างใหญ่หลวงต่อนาง โปรดอย่าได้สงสัยในตัวนางเลยพ่ะย่ะค่ะ"มู่หรงฟู่ครุ่นคิดแล้วเห็นด้วย จากนั้นก็สงบอารมณ์ลงเขาพูดอย่างจริงจัง "จื่อเยียน ข้าหาได้มีเจตนาสงสัยเจ้าไม่ แต่เจ้าต้องบอกความจริงเกี่ยวกับการตายของจื่อชิน มิเช่นนั้นพวกเราจะล้างแค้นให้เขาได้อย่างไร?"“หม่อมฉันมิรู้จริง ๆ เดิมทีพี่จื่อชินได้ขวางเส้นทางของฉินซูไว้ในป่า หม่อมฉันกังวลว่า คนของฉินซูจะรู้เรื่องนี้เข้า จึงขอร้องพี่จื่อชินว่าอย่าทำอะไรวู่วาม สุดท้ายเขาก็ฟาดข้าจนหมดสติไปพอฟื้นขึ้นมาอีกที ก็พบว่าตัวเองอยู่ที่ใต้หน้าผา หม่อมฉันปีนขึ้นมาอย่างยากลำบากแล้วหาม้าตัวหนึ่งขี่กลับมา ส่วนเรื่องอื่นหม่อมฉันมิรู้จริง ๆ”หลังจากฟังคำพูดของมู่หรงจื่อเยียนแล้ว สีหน้าของมู่หรงฟู่และซือคงเหยียนก็ยิ่งเคร่งเครียดมากขึ้นผ่านไปครู่หนึ่ง มู่หรงฟู่ก็เอ่ยขึ้นเสียงหนักอึ้ง "

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 486

    มู่หรงจื่อเยียนตกตะลึง ก่อนถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ "เสด็จพี่ พี่จื่อชินเขายังมิได้กลับมาหรอกหรือ?"“ไม่ เกิดเรื่องอันใดขึ้น? พวกเจ้ามิได้กลับมาด้วยกันหรอกหรือ?”“เป็นไปมิได้ หากพูดตามเหตุผล เขาควรจะกลับมาเร็วกว่าหม่อมฉันสิ หรือว่าระหว่างจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นจึงทำให้เขากลับมาล่าช้า?”มู่หรงจื่อเยียนครุ่นคิดในใจ ตนและฉินซูติดอยู่ในดินแดนแห่งความฝันนานขนาดนั้น หนานกงจื่อชินก็น่าจะกลับมาตั้งนานแล้วถึงจะถูกหรือว่า เขาจะยังตามหาตนอยู่ที่บริเวณขอบผานั่น?มู่หรงฟู่มองไปรอบ ๆ แล้วพูดว่า "ที่นี่เต็มไปด้วยสายลับ เข้าไปคุยข้างในดีกว่า"มู่หรงจื่อเยียนพยักหน้าเห็นด้วย และเดินตามมู่หรงฟู่เข้าไปข้างในทันทีที่นางนั่งลง มู่หรงฟู่ก็ถามขึ้นด้วยความร้อนใจ "เป็นอย่างไรบ้าง? ทำสำเร็จหรือไม่? ฉินซูถูกกำจัดเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่?"มู่หรงจื่อเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบว่า "มิสำเร็จ ตอนที่พี่จื่อชินกำลังจะลงมือก็มีกลุ่มปีศาจภูเขาเข้ามาก่อกวน ต่อมา… หม่อมฉันก็พลัดหลงกับเขา ส่วนเรื่องหลังจากนั้น หม่อมฉันก็มิรู้แล้ว”มู่หรงฟู่ขมวดคิ้วรู้สึกว่า คำพูดของมู่หรงจื่อเยียนดูมิค่อยสมเหตุสมผลกันเขาขมวดคิ้วแ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status