หานไท่ไขว้มือไว้ข้างหลัง ยิ้มอย่างดูถูกและพูดอย่างมิแยแสว่า “ถึงจะเป็นองค์รัชทายาท แต่เขาก็เป็นแค่คนไร้ค่าที่รู้จักแต่จะสนุกสนาน อีกมิกี่เดือนเขาก็จะถูกปลดแล้ว ข้าจะไปกลัวเขาหาปะไร! ยิ่งไปกว่านั้น คนที่อยู่เบื้องหลังข้าคือเสนาบดีกรมพระคลัง เสนาบดีหลินเป็นคนของท่านอ๋องฉี เมื่อมีท่านอ๋องฉีหนุนหลัง ข้าจะไปกลัวองค์รัชทายาทที่กำลังจะถูกปลดด้วยเหตุใดเล่า?”จูเจิ้งเสียนตั้งใจจะเตือนอีกสักหน่อย แต่เฉินควนที่อยู่ข้าง ๆ หานไท่พูดอย่างหงุดหงิดว่า “ใต้เท้าจู เลิกโอ้เอ้ได้แล้ว ไปกันเถิด ไปที่ว่าการอำเภอของท่านก่อนค่อยว่ากัน”“ขอรับ เชิญท่านทั้งสอง!”จูเจิ้งเสียนโค้งคำนับและเดินนำไปข้างหน้าอย่างนอบน้อมเมื่อผ่านร้านสุราที่ตกแต่งอย่างหรูหรา หานไท่เงยหน้าขึ้นมองป้ายโดยมิตั้งใจ จากนั้นก็พูดอย่างครุ่นคิดว่า “ใต้เท้าจู ข้าจำได้ว่าสาวงามในหอนางโลมลี่ชุนดูเหมือนจะมิเลว ท่านไปเลือกสองสามคนมาด้วยกัน อ้อ ใช่แล้ว อย่าลืมนำสุราลืมโศกมาด้วย”“ข้าน้อยรับคำสั่ง!”ประมาณสองเค่อต่อมาจูเจิ้งเสียนก็พาสตรีแต่งหน้าจัดจ้านหลายคนและไหเหล้ากลับไปที่ห้องโถงใหญ่ของที่ว่าการอำเภอ“ใต้เท้าหาน สตรีเหล่านี้เป็นสาวงามที่
“เอ่อ นี่…”จูเจิ้งเสียนมิรู้จะตอบอย่างไร จึงหันไปมองหานไท่เพื่อขอความช่วยเหลืออีกฝ่ายหัวเราะแห้งแล้วกล่าวขอโทษว่า “องค์รัชทายาททรงเดินทางมาไกล คงจะเหนื่อยมาก กระหม่อมจึงถือวิสาสะหาสาวงามมาปรนนิบัติพัดวี พร้อมกับนำสุราลืมโศกมาด้วยหลายไห นี่เป็นสุราขึ้นชื่อของอำเภอหล่งเซียงของเรา องค์รัชทายาท…”เขายังพูดมิทันจบ ฉินซูก็โบกมือแล้วถามอย่างมิใส่ใจว่า “หานไท่ เจ้าคิดจะเอาสุรานารีมาเอาใจข้ารึ?”เมื่อเห็นปฏิกิริยาของฉินซู หานไท่ก็มิรู้จะตอบอย่างไรในทันทีเฉินควนที่อยู่ข้าง ๆ รีบอธิบายว่า “องค์รัชทายาทโปรดอย่าเข้าใจผิดำพ่ะย่ะค่ะ ใต้เท้าหานเพียงเป็นห่วงว่า องค์ชายจะทรงเหน็ดเหนื่อย จึงหาคนมาปรนนิบัติ หาได้มีเจตนาอื่นใดไม่พ่ะย่ะค่ะ”“พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท สตรีเหล่านี้มีความสามารถร้องรำทำเพลง กระหม่อมจะให้พวกนางร่ายรำให้องค์รัชทายาทได้ชมสักหน่อย”หลังจากที่หานไท่พูดจบ เขาก็ส่งสายตาไปยังหญิงงามเหล่านั้นหญิงสาวเหล่านั้นมองหน้ากัน และกำลังจะทำอะไรบางอย่างในตอนนั้น ฉงชูโม่ผู้ที่มิพูดอะไรเลย พลันได้พูดขึ้นมา!เสียงของนางเย็นชาและเยาะเย้ยว่า “ใต้เท้าหาน เหตุผลที่องค์รัชทายาทหยุดพักที่หล่งเซี
หานไท่กล่าวอย่างจริงจังว่า “องค์รัชทายาททรงรับสั่งรุนแรงเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ในเขตแดนของแคว้นต้าเหยีนของเรากำลังประสบปัญหาน้ำท่วมทางใต้และภัยแล้งทางเหนือ ราชสำนักกำลังรอเงินจากพ่อค้าข้าวและชาวบ้านเพื่อซื้อข้าวไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยอยู่พ่ะย่ะค่ะ”“เนื่องจากเวลาเร่งด่วน เราจึงต้องใช้มาตรการพิเศษบางอย่าง”“กล่าวโดยสรุป นี่ก็เพื่อราชสำนัก ชาวบ้านในอำเภอหล่งเซียงในฐานะราษฎรของแคว้นต้าเหยียน การช่วยเหลือราชสำนักก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล และเป็นเกียรติของพวกเขาด้วย”ฉินซูเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “ดีจริง ๆ เพื่อราชสำนัก ใต้เท้าหานช่างเก่งเรื่องเสียสละเพื่อคนอื่นจริง ๆ!”แววตาของหานไท่มีอาการลังเลเล็กน้อย ในใจก็คิดแผนการได้อย่างรวดเร็ว จึงกล่าวอย่างมิยอมอ่อนข้อว่า “องค์รัชทายาท สิ่งที่เกิดขึ้นในอำเภอหล่งเซียงช่วงนี้ ที่จริงแล้วสำนักขุนนางใหญ่ก็ทราบพ่ะย่ะค่ะ หากท่านต้องการสอบสวนเรื่องนี้ ก็สามารถกราบทูลองค์จักรพรรดิ ให้พระองค์ทรงตัดสินได้พ่ะย่ะค่ะ”แววตาของฉินซูเย็นชาขึ้น ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หานไท่ เจ้ากำลังจะใช้องค์จักรพรรดิมากดดันข้ารึ?”เมื่อสัมผัสกับสายตาเย็นชาของฉินซู หานไท่ก็รู
ฉงชูโม่เหลือบมองด้วยความสงสัย คิ้วเรียวของนางยิ่งขมวดแน่นขึ้นนางมิเคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า จูเจิ้งเสียน ผู้ว่าการอำเภอผู้นี้ จะมิเคารพต่อกฎหมายเช่นนี้ เขามิเพียงแต่ส่งคนไปขโมยปศุสัตว์และสัตว์ปีกของชาวบ้านในอำเภอไปขายเท่านั้น แต่ยังหลอกลวงที่ดินทำกินของชาวบ้านไปขายให้ผู้เช่าในราคาสูงอีกด้วยเงินที่ได้มา เขาแบ่งเป็นหกส่วนกับสี่ส่วน โดยสี่ส่วนจะถูกส่งไปเป็นเครื่องบรรณาการให้กับราชสำนัก ส่วนอีกหกส่วนจะถูกแบ่งระหว่างที่ว่าการอำเภอและที่ว่าการมณฑลกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ อำเภอหล่งเซียงส่งเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงให้กับราชสำนัก เมื่อรวมกับส่วนที่พวกเขาแบ่งกันแล้ว เท่ากับว่าพวกเขาขูดรีดเงินไปทั้งหมดกว่าสามแสนตำลึงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉงชูโม่ก็อดมิได้ที่จะกำกริชเขี้ยวมังกรให้แน่นยิ่งขึ้นเดิมทีชีวิตของชาวบ้านก็ลำบากมากอยู่แล้ว เหล่าขุนนางชั่วช้าเหล่านี้อ้างว่าทำเพื่อราชสำนัก แต่กลับยักยอกเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง!ฉินซูตบมือนางเบา ๆ เป็นสัญญาณให้นางใจเย็นลงจากนั้นฉินซูก็โยนสมุดบัญชีลงบนโต๊ะ แล้วพูดเยาะเย้ยว่า “ใต้เท้าหาน พวกเจ้าช่างกล้าจริง ๆ เงินที่ได้มา ราชสำนักกลับได้เพียงสี่ส่วน พวกเจ้ากลับแ
ฉงชูโม่แปลกใจเล็กน้อย จากนั้นนางก็ถ่มน้ำลาย “ถุย ใครเป็นห่วงท่านกัน หม่อมฉันแค่กังวลเรื่องชีวิตภายหน้าของตัวเองเท่านั้น โปรดจำไว้ว่าตอนนี้หม่อมฉันเป็นอาจารย์ตำหนักบูรพา หากท่านถูกปลดออกจากตำแหน่งก่อนวันชุนเฟินปีหน้า มันจะทำให้หม่อมฉันดูไร้ประโยชน์ หม่อมฉันก็ต้องรักษาหน้าตาเหมือนกันนะ”ฉินซูหัวเราะออกมา เขาส่ายหัวเบา ๆ แล้วพูดว่า “มิต้องห่วง เรื่องเสด็จพ่อข้ามีวิธีจัดการเอง นอกจากนี้ ตราบใดที่ยังมีเงินส่งไป สำนักขุนนางใหญ่ก็จะมิพูดอันใด”“แต่มิใช่ว่าท่านสั่งให้หานไท่พวกนั้นเอาเงินที่ยึดมาจากชาวบ้านในอำเภอหล่งเซียงคืนให้ชาวบ้านแล้วหรือ?”“แต่คนที่รวยในอำเภอหล่งเซียงมิใช่ชาวบ้าน”ฉงชูโม่มองฉินซูด้วยความมิเข้าใจ กำลังจะถามให้ชัดเจนฉินซูในเวลานี้กลับเงยหน้าถามสตรีจากหอนางโลมลี่ชุนว่า “พวกเจ้าเข้ามาสิ ข้ามีเรื่องจะถามพวกเจ้า”สตรีหลายคนมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ เดินมาคุกเข่าลงตรงหน้าฉินซูฉินซูถามอย่างแผ่วเบาว่า “ในอำเภอหล่งเซียงของพวกเจ้า ครอบครัวใดที่ร่ำรวยที่สุด?”“กราบทูลองค์รัชทายาท ในหล่งเซียงที่ร่ำรวยที่สุดต้องยกให้ตระกูลหลี่เพคะ”“ใช่แล้ว ยังมีตระกูลจา
“จะอธิบายอย่างไร? ก็ต้องทำตามที่เขาบอกก่อนสิ ส่วนเรื่องที่สำนักขุนนางใหญ่ถามขึ้นมา เราก็พูดความจริงไปเลย สารเลว ทำข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว”หานไท่พูดอย่างโกรธจัด ทำให้แผลที่ข้างหูของเขาถูกกระทบกระเทือนจนต้องกัดฟันด้วยความเจ็บปวดเฉินควนเห็นด้วย “ใช่แล้ว ถึงแม้การกระทำขององค์รัชทายาทครั้งนี้จะทำให้พวกเราสูญเสียไปมิน้อย แต่เขาก็จะทำให้สำนักขุนนางใหญ่มิพอใจด้วย ด้วยเหตุนี้ วันที่เขาจะถูกปลดก็จะมาถึงเร็วขึ้นเป็นแน่!”หานไท่กลอกตาไปมา แล้วสั่งว่า “นายทะเบียนเฉิน รีบเขียนจดหมาย บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ แล้วให้คนส่งไปให้ท่านอ๋องฉี ถามว่าท่านอ๋องฉีมีแผนการอะไรหรือไม่”“ขอรับ ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”ครึ่งชั่วยามต่อมาจูเจิ้งเสียนใช้ข้ออ้างที่ว่า ราชสำนักจะชดเชยความเสียหายให้กับราษฎร จึงได้นำเงินที่ยึดมาส่งคืนให้กับชาวเมืองการกระทำเช่นนี้ทำให้ชาวบ้านรู้สึกขอบคุณราชสำนักและยกย่องสรรเสริญมิขาดปากเพราะในสายตาของพวกเขา ปศุสัตว์ในบ้านของพวกเขาล้วนถูกสัตว์ประหลาดขนแดงจับไปกินจนหมดสิ้น บัดนี้ราชสำนักจ่ายเงินชดเชยให้พวกเขา แล้วจะมิให้พวกเขาดีใจจนเนื้อเต้นได้อย่างไรจูเจิ้งเสียนและคนอื
เมื่อเห็นพวกเขาร้องทุกข์กันระงม ฉินซูก็แค่นเสียงหึในลำคออย่างมิใส่ใจ พลางพูดว่า“ทุกท่าน ครั้งนี้หากข้ามิเข้ามาแทรกแซง พวกเจ้าจะโกงกินได้เท่าไหร่ ก็น่าจะรู้แก่ใจกันดีอยู่แล้ว” “พวกเจ้าเป็นขุนนางมานานหลายปี ทุจริตไปเท่าไหร่ล้วนรู้อยู่แก่ใจ ยามนี้ข้าแค่ให้พวกเจ้าออกเงินที่อำเภอหล่งเซียงควรจะส่งไปยังสำนักขุนนางใหญ่เท่านั้นเอง”“แน่นอน หากพวกเจ้ามิยอม ก็ง่ายนิดเดียว ข้าจะตรวจสอบพวกเจ้าให้ละเอียด หากสุดท้ายพิสูจน์ได้ว่า พวกเจ้าเป็นขุนนางมือสะอาด ข้าจะขอโทษต่อหน้าชาวบ้านทั้งอำเภอ เป็นอย่างไร?”หลังจากฟังฉินซูพูดจบ สีหน้าของหานไท่และคนอื่น ๆ ก็ดูแย่ยิ่งกว่ากินแมลงวันเข้าไปเสียอีกในใจพวกเขาก็รู้ดีว่า หากฉินซูจะตรวจสอบ พวกเขาก็คงหนีมิพ้นเมื่อถึงเวลานั้น หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยขึ้นมา มิเพียงแต่ตำแหน่งทางการจะมิแน่นอน แม้แต่การถูกริบทรัพย์สินก็มิอาจหลีกเลี่ยงได้!ถึงตอนนั้น คงมิใช่แค่เงินมิกี่หมื่นตำลึงก็จะจบเรื่องได้เมื่อคิดถึงจุดนี้ หานไท่จึงรีบตบหน้าอกพลางพูดว่า “ในเมื่อองค์รัชทายาทตรัสมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเราก็จะทำตามรับสั่งของท่าน เพื่อเติมเต็มช่องว่างนี้พ่ะย่ะค่ะ”“ใช่แล้ว ถือว่า
ฉินซูยิ้มถามอย่างอารมณ์ดีว่า “ใต้เท้าจู ไฉนสีหน้าเจ้าดูแย่เช่นนั้นเล่า มิสบายหรือไร? หรือว่าจะให้ข้าไปที่จวนตระกูลหลี่ด้วยตัวเอง?”จูเจิ้งเสียนส่ายหัวรัวอย่างกับกลอง แล้วรีบพูดว่า “หามิได้ ๆ มิกล้ารบกวนองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”เขามิกล้าให้ฉินซูไปด้วย มิเช่นนั้นตระกูลหลี่คงต้องเสียเงินเสียทองมากหลายเป็นแน่ฉินซูก็มิได้มีเจตนาจะทำให้ยากลำบาก เขาจึงพูดอย่างใจเย็นว่า “เช่นนั้น ก็อย่ารอช้า พวกเจ้ารีบไปรีบกลับเถอะ”หานไท่ก็สนับสนุนว่า “ใช่แล้ว ใต้เท้าจู พวกเราออกเดินทางกันเถอะ มิงั้นกลับมาช้าจะรบกวนเวลาพักผ่อนขององค์รัชทายาทแล้ว”จากนั้น จูเจิ้งเสียนก็จำใจพาหานไท่และเฉินควนไปที่จวนตระกูลหลี่อย่างมิเต็มใจนักหลังจากที่พวกเขาออกไปแล้ว ฉงชูโม่ก็รู้สึกชื่นชมอย่างสุดซึ้งและกล่าวว่า “องค์รัชทายาททรงมีวิธีการที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เพคะ ด้วยวิธีนี้ จูเจิ้งเสียนและหานไท่จะต้องมีความขัดแย้งกันอย่างแน่นอน แม้ว่าในภายหน้าพวกเขาจะยังคงฉ้อราษฎร์บังหลวง แต่พวกเขาก็จะเกลียดชังกันและกันเพราะการแบ่งผลประโยชน์ที่มิเท่าเทียมกัน หรือแม้กระทั่งแอบทำร้ายกัน ขุนนางภายใต้ท่านอ๋องฉีเมื่อเกิดความขัดแย้งภายใน เขาจะไม่ม
ฉินซูรับจดหมายมาเปิดดู สีหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวดูอัปลักษณ์เกินบรรยายเนื้อความในจดหมายเขียนว่า 'องค์รัชทายาทผู้รอวันปลด ข้ายังมีธุระด่วนต้องกลับเป่ยเยี่ยน ไม่มีเวลาเล่นแมวไล่จับหนูกับเจ้า ข้าจับตัวเด็กสาวจากสำนักหอดูดาวหลวงไว้แล้ว ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งเดือน หากเจ้ามิปรากฏตัวที่หอดารารักษ์ภายในเวลานั้น ก็เตรียมเก็บศพเด็กคนนั้นได้เลย!'ลงนาม ซ่างกวนอวิ๋นซี!หลังจากที่ฉินซูอ่านจดหมายจบ พ่อค้าคนนั้นก็ยื่นกระบี่ยาวให้เห็นเพียงปลอกกระบี่ประดับด้วยอัญมณีเจ็ดเม็ดเรียงกันเป็นรูปกลุ่มดาวหมีใหญ่!ที่ปลายด้ามกระบี่ยังมีน้ำเต้าหยกขาวเล็ก ๆ สองลูกห้อยอยู่ เป็นกระบี่ประจำตัวของกู้เสวี่ยเจี้ยน!ฉินซูถามด้วยเสียงเคร่งขรึม "คนที่ให้เจ้าส่งจดหมาย ตอนนี้อยู่ที่ใด?""เมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน คนผู้นั้นให้เงินข้าสิบตำลึง ฝากข้าให้นำจดหมายและกระบี่เล่มนี้มาให้ท่าน พอนางให้ของกับข้าแล้วก็ขี่ม้าไปทางเหนือ บอกว่าจะกลับเป่ยเยี่ยน"เมื่อได้ยินพ่อค้าพูดเช่นนี้ สีหน้าของฉินซูก็นิ่งขรึมราวกับน้ำนิ่งกู้เสวี่ยเจี้ยนถูกซ่างกวนอวิ๋นซีจับตัวไปแล้ว แถมยังถูกพาตัวกลับเป่ยเยี่ยน!เขามิคาดคิดว่าเจ้าสำนักหอดารารักษ์จะใช้
ซ่างกวนอวิ๋นซีเหลือบมองด้านหลังของฉินซูแวบหนึ่ง จากนั้นหลับตาลงอีกครั้ง ตั้งใจใช้พลังฝ่าผนึกในร่างกายผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูปซ่างกวนอวิ๋นซีลืมตาขึ้นทันที มองไปยังทิศทางที่ฉินซูจากไปด้วยสายตาคมกริบจากนั้นร่างของนางก็วูบหายไป เพียงพริบตาก็ไปปรากฏบนต้นไม้ใหญ่ด้านหน้าเมื่อมองไปรอบ ๆ บริเวณนี้ ไม่มีแม้แต่เงาของฉินซู!นางแค่นเสียงเย็นชา กล่าวด้วยจิตสังหารแรงกล้า "องค์รัชทายาทผู้รอวันปลด ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะหนีไปได้ถึงไหน!"พูดจบ นางก็กระโจนขึ้นไล่ตามไปข้างหน้าทันทีเวลาเดียวกันนั้นเอง ฉินซูวิ่งหนีจนสุดกำลัง มาถึงบริเวณรอบนอกของป่าเขาหยิบหน้ากากหนังบางเบาราวปีกแมลงทับออกมาจากอกเสื้อ สวมครอบใบหน้าอย่างคล่องแคล่วจากนั้นก็รีบกลับด้านเสื้อคลุม สวมใหม่อีกครั้ง พลิกโฉมกลายเป็นชายชราในชุดคลุมสีดำเมื่อมาถึงถนนหลวง เขาชะลอฝีเท้าลง เดินปะปนไปกับผู้คนบนท้องถนนมินานนักร่างของซ่างกวนอวิ๋นซีก็พุ่งออกมาจากป่า!เมื่อมาถึงถนนหลวง นางกวาดสายตาคมกริบไปตามผู้คนบนถนนเมื่อแน่ใจว่าไม่มีฉินซูอยู่ในนั้น นางก็กระโจนขึ้นเวหาติดตามไปข้างหน้ารอจนกระทั่งนางหายลับไปสุดสายตา ฉินซูที่ปลอมเป็นชายชราใน
เมื่อได้ยินคำพูดของซ่างกวนอวิ๋นซี ฉินซูก็มีหน้าเคร่งเครียดทันที!เขาคิดในใจว่า ข้าเป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนอยู่ดี ๆ จะให้ไปเป็นบุตรแห่งนักปราชญ์แห่งหอดารารักษ์ของเจ้าด้วยเหตุใด?เห็นข้าโง่หรือไร!เขาปฏิเสธอย่างเด็ดขาด "เจ้าอย่ามาล้อเล่น ข้าเป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ไม่มีทางไปเป็นบุตรแห่งนักปราชญ์ของเป่ยเยี่ยนพวกเจ้าได้หรอก""พูดให้ถูกคือ บุตรแห่งนักปราชญ์แห่งหอดารารักษ์ต่างหาก!""หอดารารักษ์ของเจ้าก็เป็นของเป่ยเยี่ยน ข้ามิยอมรับอยู่แล้ว!"ซ่างกวนอวิ๋นซีส่งเสียงหึ กล่าวอย่างหยิ่งผยอง "เจ้าคิดว่า เจ้ามีสิทธิ์ปฏิเสธหรือ เมื่อข้าฝ่าผนึกในร่างกายได้ การจับเจ้ากลับไปก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก""วันนี้ข้าขอพูดไว้ตรงนี้ เจ้าต้องเป็นบุตรแห่งนักปราชญ์แห่งหอดารารักษ์ มิอยากเป็นก็ต้องเป็น!"นางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงเด็ดเดี่ยว แสดงออกถึงความแข็งแกร่ง!มุมปากของฉินซูกระตุกเล็กน้อย หมดคำจะพูดหากซ่างกวนอวิ๋นซีฝ่าผนึกได้จริงและฟื้นพลังที่แข็งแกร่งจนน่าสะพรึงกลัวนั้นกลับมา เขาก็ไม่มีทางต่อต้านได้ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเผชิญหน้ากับวรยุทธ์อันแท้จริง จะรักษาชีวิตไว้ได้หรือไม่
"เจ้าคนลามก เจ้าอย่าได้ใจไป ข้าฟื้นพลังกลับมาได้เมื่อใด ข้าจะทำให้เจ้าอยากตายก็ตายมิได้ อยากอยู่ก็อยู่มิได้!""ขอร้องล่ะ ข้ามิได้ตั้งใจสังหารหนานกงจื่อชินกับซือคงเหยียนอะไรนั่นเสียหน่อย เจ้ามิอยากรู้เรื่องราวเบื้องหลังหรือ?""มิว่าอย่างไร ก็เปลี่ยนแปลงความจริงที่เจ้าสังหารพวกเขามิได้ ดังนั้นข้าต้องสังหารเจ้า!"ฉินซูหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าว "แต่ตอนนี้เจ้าสังหารข้ามิได้ ขืนต่อสู้กันต่อไปก็มีแต่จะบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย สู้พวกเราถอยกันคนละก้าวดีกว่าหรือไม่?"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ร่างของซ่างกวนอวิ๋นซีก็กระโดดถอยหลังหลุดออกจากวงล้อมการต่อสู้หลังจากทรงตัวได้ นางถามเสียงแข็ง "ถอยกันคนละก้าวอย่างไร? หรือเจ้าจะยอมจำนน กลับไปหอดารารักษ์กับข้าเพื่อรับโทษ?""เฮ้อ ตอนนี้เจ้าก็ทำอะไรข้ามิได้ แล้วเหตุใดจึงคิดว่าข้าจะกลับไปกับเจ้า? ช่างเป็นคนอกโตแต่ไร้สมองเสียจริง!""เจ้า!! ไร้ยางอาย!"ซ่างกวนอวิ๋นซีโกรธจนถ่มน้ำลาย"หึ ๆ เจ้าอย่าโกรธไปเลย หญิงงามเช่นเจ้า หากโกรธจะหมดสวยหนา ต้องชมเลยว่ารูปร่างหน้าตาของเจ้าถือว่าโดดเด่นที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเจอมา โดยเฉพาะรูปร่างนี้ สุดยอด หากได้ร่วมค่ำคืนกับตัวข้าสัก
จบเห่แล้ว!กู้เสวี่ยเจี้ยนหน้าซีดเผือด หัวใจดิ่งวูบลงสู่ก้นบึ้ง!แต่ในขณะนั้นเอง ก็มีร่างหนึ่งวาบผ่านมาอยู่ตรงหน้านาง ฉินซูยืนขวางนางไว้!เห็นเพียงฉินซูตบฝ่ามือออกไป!ในวินาทีต่อมา กระแสพลังฝ่ามือแข็งแกร่งสองสายก็ปะทะกันอย่างรุนแรง“เปรี้ยง!!”กระแสพลังฝ่ามือระเบิดออก ปราณบริสุทธิ์บ้าคลั่งกลายเป็นปราณวายุม้วนตัว พุ่งออกไปรอบด้านต้นไม้ใหญ่บริเวณใกล้เคียงถูกกดจนล้มลงไปอีกเป็นจำนวนมาก!กู้เสวี่ยเจี้ยนเองก็ถูกคลื่นพลังอันบ้าคลั่งนี้ผลักให้ถอยร่นไปเรื่อย ๆ เช่นกัน!หากไม่มีฉินซูคอยปกป้องป่านนี้นางคงถูกพัดกระเด็นไปแล้วแต่ถึงกระนั้น ภายใต้แรงกดดันของปราณวายุที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ร่างของฉินซูก็ถอยหลังไปหลายก้าวอย่างห้ามมิได้สุดท้ายจึงไปพิงอยู่กับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งจึงทรงตัวอยู่ได้"เอ๋?!"ฉินซูอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ เพราะเขาพบว่าซ่างกวนอวิ๋นซีที่อยู่ตรงข้ามก็ถอยหลังไปสองก้าวเช่นกัน!สิ่งนี้ทำให้เขางุนงงมากเมื่อครู่ซ่างกวนอวิ๋นซีแสดงพลังอันน่าตกใจเช่นนี้ออกมา เหตุใดบัดนี้ถึงอ่อนแอลงเช่นนี้?ฝั่งซ่างกวนอวิ๋นซีเริ่มหงุดหงิด ด้วยความโมโหนางจึงกระทืบเท้าลงบนพื้นพุ่งเข้าหาฉินซูราว
เมื่อคิดได้ดังนั้น นางก็สะบัดข้อมือ ปราณแห่งกระบี่คมกริบก็ฟันเข้าที่ต้นไม้ใหญ่ข้าง ๆ'โครม!'ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นล้มลง ฝุ่นฟุ้งกระจายเป็นวงกว้างแล้วฉินซูก็อุ้มนางวิ่งไป ส่วนนางก็คอยใช้ปราณแห่งกระบี่ฟันต้นไม้ข้างทางเป็นระยะเช่นนี้ไปตลอดทางผ่านไปกว่าหนึ่งเค่อ ในที่สุดก็มองมิเห็นร่างของซ่างกวนอวิ๋นซีไล่ตามหลังมาแล้วเมื่อเห็นดังนั้น กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ถอนหายใจโล่งอกแต่ในขณะนั้น ฉินซูกลับหยุดลงกู้เสวี่ยเจี้ยนเร่งเร้า "ฉินซู เจ้าหยุดทำไม รีบไปสิ พวกเราอุตส่าห์หนีนางพ้นแล้วนะ"ฉินซูกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น "พวกเราหนีนางมิพ้น""กระไรนะ?!"กู้เสวี่ยเจี้ยนชะงักไป จากนั้นจึงเอี้ยวศีรษะไปมองเห็นสตรีผู้งามสง่าราวกับเทพธิดา ยืนอยู่มิไกลพร้อมด้วยปราณสังหาร!นั่นคือซ่างกวนอวิ๋นซีในตอนนี้ผมเผ้านางกระเซิงเล็กน้อย ผ้าคลุมหน้าหายไปไหนมิอาจทราบได้ ฉินซูและกู้เสวี่ยเจี้ยนจึงได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนางใบหน้าที่งดงามเกินต้านทานของซ่างกวนอวิ๋นซี ยังดูดีกว่าหงฉู่ม่อได้ชื่อว่างามที่สุดในต้าเหยียนอยู่เพียงเล็กน้อย!"เอ่อ เจ้าเป็นเจ้าสำนักหอดารารักษ์จริง ๆ หรือ?"ฉินซูอดถามอีกครั้งมิได้ เพราะซ่า
เมื่อเห็นหยกครึ่งซีกนี้ ดวงตาของซ่างกวนอวิ๋นซีก็หดเล็กลง ใบหน้างดงามฉายแววตกใจ!หยกนี้เป็นหยกที่นางมอบให้ซือคงเหยียนเมื่อครานั้นพลังที่อยู่ภายในนั้นเทียบเท่ากับการลงมือของนางหนึ่งครั้งหลังจากฉินซูขว้างหยกนี้ออกไป พลันอุ้มกู้เสวี่ยเจี้ยนขึ้นมา แล้วร่างก็วูบหายไปในป่าเขาใช้ปราณบริสุทธิ์ในร่างกายอย่างเต็มที่ ความเร็วของเขาเร็วมากจนน่าตกตะลึงในขณะเดียวกันหลังจากที่หยกนั้นชนเข้ากับฝ่ามือลวงตาน่าสะพรึงกลัวนั้น มันก็แตกออกพลังอันน่าพรั่นพรึงระดับเดียวกันก็ปะทุออกมาจากภายในตู้ม...เสียงดังสนั่นหวั่นไหวระเบิดออก พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ปรากฏรอยแตกคล้ายใยแมงมุมมากมายภายใต้แรงกดดันมหาศาลนี้ ทำให้กลางลำต้นของต้นไม้เกือบทั้งหมดในรัศมีหลายลี้หักลง!โครม!จากป่าที่อยู่ไกลออกไปนั้นมีนกจำนวนนับมิถ้วนบินหนีออกกระจัดกระจายไปทุกทิศทางส่วนฉินซูและกู้เสวี่ยเจี้ยนหลบพ้นจากรัศมีของแรงระเบิดไปอย่างฉิวเฉียดเมื่อเห็นป่าด้านหลังถูกทำลายราบเป็นหน้ากลอง กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ตกใจจนพูดมิออกฉินซูเองก็รู้สึกเสียวสันหลังมิแพ้กันแต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาให้คิดมาก พลันใช้ปราณทั้งหมดไปกับวิชาตัวเบ
เมื่อเห็นภาพนั้นฉินซูก็ขมวดคิ้ว รู้สึกได้ถึงลางร้ายซ่างกวนอวิ๋นซีส่งเสียงหึ "เจ้าฉินซู เจ้าองค์รัชทายาทผู้รอวันปลด กล้าสังหารบุตรแห่งนักปราชญ์และผู้อาวุโสหอดารารักษ์ของข้า วันนี้ ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยเลือด ตอบแทนด้วยชีวิต!"เมื่อสิ้นเสียง กลิ่นอายสังหารน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งออกมาจากร่างของนางจากนั้นนางก็สะบัดสองนิ้ว ลำแสงกระบี่ราวกับจับต้องได้สายหนึ่งก็พุ่งตรงมาหาฉินซูฉินซูผลักกู้เสวี่ยเจี้ยนออกไป จากนั้นก็กำหมัดกระแทกออกทันใดเงาหมัดแฝงด้วยปราณวายุอันพลุ่งพล่านพุ่งเข้าปะทะกับปราณแห่งกระบี่ของซ่างกวนอวิ๋นซีตูม...หลังจากเสียงระเบิดดังขึ้น ฉินซูและซ่างกวนอวิ๋นซีก็ถอยหลังไปคนละก้าว!เมื่อเห็นดังนั้น กู้เสวี่ยเจี้ยนก็อ้าปากค้างจนกรามแทบหลุด!ซ่างกวนอวิ๋นซีเป็นถึงเจ้าสำนักหอดารารักษ์ วรยุทธ์ของนางกล้าแกร่ง เกรงว่าจะมิด้อยไปกว่าหัวหน้าโหรหลวงทีเดียวแต่บัดนี้ฉินซูกลับต่อสู้กับนางได้อย่างสูสี แล้วจะมิให้นางตกใจได้อย่างไร!นางย่อมมิรู้ว่า ตอนนี้พลังในร่างของซ่างกวนอวิ๋นซีถูกหัวหน้าโหรหลวงสะกดเอาไว้ วรยุทธ์จึงอยู่ที่ระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดเท่านั้นส่วนฉินซูขมวดคิ้วและรู้สึกงุนงงเล็ก
"ว่ากระไรนะ? เจ้าสำนักหอดารารักษ์?!"ฉินซูเบิกตากว้าง แทบมิเชื่อสายตา!ไฉนเจ้าสำนักหอดารารักษ์จึงได้อ่อนเยาว์เช่นนี้?ในดวงตาคู่สวยของซ่างกวนอวิ๋นซีเผยความประหลาดใจ นางเหลือบมองกู้เสวี่ยเจี้ยนเมื่อเห็นลายปักกลุ่มดาวหมีใหญ่ที่ปักอยู่บนชุดของนาง ก็แค่นเสียงหัวเราะเย็นชา "ตาเจ้ายังพอมีแววอยู่บ้าง มิเสียทีที่เป็นศิษย์ของตาเฒ่าเหลยเจิ้นนั่น!"กู้เสวี่ยเจี้ยนหัวใจเย็นวาบ รีบกระซิบบอกกับฉินซู "เจ้าสำนักหอดารารักษ์มีพลังลึกล้ำเกินหยั่งถึง ควานหาทั่วต้าเหยียน มีเพียงอาจารย์ของหม่อมฉันเท่านั้นที่ต้านทานนางได้ ท่านหนีไปเถิด หม่อมฉันจะพยายามถ่วงเวลานางไว้ให้นานที่สุด"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูก็เผยรอยยิ้มขมขื่นตั้งแต่ที่ซ่างกวนอวิ๋นซีปรากฏตัว เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันรุนแรงที่แผ่ซ่านมาจากนางนี่แสดงให้เห็นว่า พลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งจนน่าตกใจกู้เสวี่ยเจี้ยนต้องการถ่วงเวลานางก็มิต่างกระไรจากเรื่องเพ้อฝันเมื่อเห็นฉินซูนิ่งเฉย กู้เสวี่ยเจี้ยนก็เร่งเร้าอย่างร้อนรน "ไยท่านยังยืนอยู่อีก รีบไปเร็วเข้า"ฉินซูส่ายหน้าอย่างจนปัญญา "เจ้าถ่วงเวลานางมิได้หรอก อีกทั้งเป้าหมายของนางคือข้า เจ้าหลบไป