ณ เมืองหลวง ท้องฟ้ามืดสนิท เสียงกีบม้าดังกึกก้องราวเสียงฟ้าร้อง ไฟคบเพลิงเรียงรายเป็นสาย ทั้งชุดมัจฉาบิน และดาบปักลาย ทุกคนสวมเสื้อคลุมสีดำสนิท ท่าทีทั้งองอาจและหยิ่งผยอง! หน่วยองครักษ์เสื้อแพรระดมกำลังออกมา ล้อมรอบจวนตระกูลโจวไว้แน่นหนาราวกับถังเหล็ก “หน่วยองครักษ์เสื้อแพรทำงาน!” “คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป!” ตามมาด้วยเสียงตะโกนออกคำสั่ง ร้านรวงทั้งสองข้างทางรีบปิดประตูอย่างแน่นหนาราวกับกลัวโรคระบาด ผู้คนบนท้องถนน เดินกลับเข้าบ้านด้วยสีหน้าวิตกกังวล แล้วค่อยๆ เปิดช่องหน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก สายลมเย็นยะเยือกพัดโชยเข้ามา ทำให้ขนลุกซู่! หน่วยองครักษ์เสื้อแพรมากมายขนาดนี้! เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว! ชื่อเสียงที่น่ากลัวของหน่วยองครักษ์เสื้อแพรแพร่สะพัดไปทั่วทั้งแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือขุนนางชนชั้นสูง ต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อได้ยิน เด็กเล็กๆพากันร้องไห้กระจองอแง ที่น่าประหลาดใจมากก็คือ. จวนที่หน่วยองครักษ์เสื้อแพรเข้าปิดล้อมก็คือจวนของโจวซิงผู้ตรวจการราชสำนัก! เขาคือหัวหน้าของสามศาล มีอำนาจล้นฟ้า! หน่วยองครักษ์เสื้อแพรยอมฟังเพียงคำสั่งฝ่าบาท หร
ขันทีใหญ่เว่ยซวิน! เขามาที่นี่ด้วยตัวเอง! คนในจวนตระกูลโจวอาจไม่สนใจหน่วยองครักษ์เสื้อแพรได้ แต่สำหรับพระเก้าพันปีผู้นี้ กลับเป็นที่รู้จักกันดีว่าโหดร้ายและใจดำ เป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาท อำนาจในมือของเขาสูงกว่าผู้ตรวจการราชสำนักอย่างโจวซิงมาก ตอนนี้ตระกูลโจวจบสิ้นแล้ว! เมื่อเห็นเว่ยซวินเดินเข้ามา เหล่าสมาชิกของหน่วยองครักษ์เสื้อแพรก็จับด้ามดาบไว้แน่น ตัวตั้งตรงเป็นระเบียบ จางอี้รีบเดินไปข้างหน้า ประสานมือคำนับ: “พระเก้าพันปี! ยังไม่พบตัว....คนขอรับ! น่าจะหนีไปแล้ว!” “หนีไปแล้ว?” เว่ยซวินตกใจ ขมวดคิ้วแน่น “จะหนีไปได้ยังไง? หรือว่ามีคนแจ้งข่าว? หากฝ่าบาทสั่งลงโทษ เราจะแบกรับไม่ไหว! ไปค้นหา! ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน แม้จะต้องพลิกแผ่นดินหา ก็ต้องหาโจวซิงมาให้ได้!” หน่วยองครักษ์เสื้อแพรทั้งหมดประสานมือคำนับ และเอ่ยเสียงดังกึกก้อง: “รับคำสั่ง!” คงจะหาคนไม่เจอแน่! อย่างน้อยต้องสอบถามที่อยู่ของโจวซิงให้ได้ เพื่อจะได้ชี้แจงต่อฝ่าบาท! ดังนั้น คนของตระกูลโจวจึงถูกหน่วยองครักษ์เสื้อแพรจับเส้นผมลากเข้าไปในห้องทีละคน เสียงร้องครวญครางที่น่าสลดใจดังก้องไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน
“จับได้แล้วหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงสีหน้าดูจริงจังขึ้นมาทันที นางรีบขึ้นม้าแล้วขี่ไปยังทิศทางที่มีเสียงเรียก หลี่หลงหลินและหลิ่วหรูเยียนมองหน้ากัน ก่อนจะตามไปทันที คบเพลิงสว่างไสว! ทหารจากภูเขาทิศประจิมหลายสิบคนล้อมรถม้าคันหนึ่งไว้อย่างแน่นหนา ชายสองคนในเสื้อคลุมไหมปักถูกลงลงจากรถ หนึ่งหนุ่มหนึ่งเฒ่า ชายหนุ่มที่ไม่เคยเห็นสถานการณ์แบบนี้ ใบหน้าซีดเซียว คุกเข่าลงกับพื้น ตัวสั่นเทาเหมือนใบไม้ต้องลม ผู้สูงวัยกว่าดูเหมือนจะผ่านโลกมามาก เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกเจ้าเป็นทหารจากหน่วยใด กล้ามาขัดขวางรถของข้า! พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? ข้าคือโจวซิงผู้ตรวจการราชสำนัก รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้ไปยังชายแดนเหนืออย่างลับๆ!” “ถ้าเข้าใจสถานการณ์แล้วก็รีบไสหัวไปซะ!” เหล่าทหารเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก็มองหน้ากันด้วยความสงสัย พวกเขาทำตามคำสั่งของหลี่หลงหลินให้ซุ่มรออยู่ที่นี่ และตรวจสอบรถม้าที่ผ่านมา ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าคนที่พวกเขาต้องขัดขวางคือใคร ไม่คิดเลยว่าจะมาขวางผู้ตรวจการราชสำนักโจวซิงได้ และเขายังอ้างอีกว่าได้รับคำสั่งจากฝ่าบาท นั่นก็เหมือนเป็นขุนนางตรว
โจวซิงรู้สึกราวกับหัวใจตายด้าน ชัดเจนแล้ว! หลี่หลงหลินมาที่นี่เพื่อเขาโดยเฉพาะ “องค์รัชทายาท …” โจวซิงเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ "แต่ข้ากับพระองค์ ไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกันในอดีต และก็ไม่มีความแค้นเคืองกันในปัจจุบัน! ทำไมท่านถึงต้องมาคอยสร้างปัญหาให้ข้าเช่นนี้? จนถึงตอนนี้ ข้าก็ยังไม่เข้าใจว่าข้าไปทำอะไรให้ท่านไม่พอใจ" หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเย็นชา “เจ้าไม่ได้ทำให้ข้าโกรธ แต่เจ้าไปทำให้พี่สะใภ้สี่ของข้าโกรธต่างหาก…” พี่สะใภ้สี่? โจวซิงตกตะลึง สีหน้าสับสน พี่สะใภ้สี่ของหลี่หลงหลิน คือหลิ่วหรูเยียนนางคณิกาในสำนักการสังคีตไม่ใช่หรือ? แต่คณิกาคนนี้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับตน? โจวซิงคิดไม่ออกจริงๆ หญิงสาวคนหนึ่งสวมเสื้อขนสัตว์สีขาวบริสุทธิ์ เดินเหยียบย่ำบนหิมะทีละก้าว มาหยุดอยู่ตรงหน้าโจวซิง เปิดหมวกผ้าคลุมออก เผยให้เห็นใบหน้างดงามไร้ที่ติ ดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยความเย็นชา กัดฟันแน่นและเอ่ยว่า:“โจวซิง เจ้าโจรชั่ว ยังจำข้าได้หรือไม่?” “เจ้าคือ…” “หลิ่วหรูเยียน พี่สะใภ้สี่ขององค์รัชทายาท!” “แต่ข้าไม่เคยเจอเจ้ามาก่อนเลย” โจวซิงจ้องไปที่ใบหน้าที่งดงามของหลิ่วหรูเยียนอย่างละ
“หลังห้องส้วมหรือ?” หลี่หลงหลินเลิกคิ้วเล็กน้อย และพูดอย่างมีนัยว่า “ใต้เท้าโจว ท่านนี่สกปรกจริงๆ!” โจวซิงหัวเราะแห้งๆ ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะกลัวว่าจะทำให้หลี่หลงหลินโกรธจนรักษาชีวิตน้อยๆของเขาไว้ไม่ได้ ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วมุ่น “ตรอกหนานผี? ไม่ใช่เรื่องโกหกใช่หรือไม่?” หลี่หลงหลินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เขาไม่กล้าหรอก! อีกทั้ง…” ถ้าหากโจวซิงโกหกจริงๆ ก็ยังเค้นถามโจวกว่างลูกชายของเขาได้ ต้องถามออกมาได้แน่ “พี่สะใภ้สี่” “ถึงตาของท่านแล้ว!” หลี่หลงหลินลุกขึ้นยืนข้างๆ หลิ่วหรูเยียนพยักหน้า พลางเดินเข้ามาหาโจวซิง จากนั้นดึงมีดสั้นออกมาจากเอว ดวงตาเย็นชา เปล่งประกายแสงอันน่าสะพรึงกลัว โจวซิงรู้สึกขนลุกซุ่ “องค์รัชทายาทนี่พระองค์หมายความว่าอย่างไร?” หลี่หลงหลินพูดด้วยน้ำเสียงเย็น “คนทำผิดย่อมต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำ เจ้าทำให้ครอบครัวของนางพังพินาศ “ถูกทอดทิ้งให้ต้องเผชิญกับความยากลำบากของโลกภายนอก! ถึงเวลาที่ต้องชำระแค้นนี้แล้ว!” หลิ่วหรูเยียนกัดริมฝีปากเบาๆ แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “เจ้าโจรใจทราม! เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าต้องใช้ชีวิตเช่นไรตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานี้? แม้แต่ในค
หลี่หลงหลินไม่ชอบการเข่นฆ่า ในฐานะที่เป็นองค์รัชทายาท จะมาทำให้มือแปดเปื้อนได้อย่างไร? แต่เพื่อหลิ่วหรูเยียน แม้จะแปดเปื้อนก็ช่าง เพราะว่า ขุนนางฉ้อฉลอย่างโจวซิง สมควรแก่การถูกฆ่า หลี่หลงหลินไม่ได้เสียใจเลยสักนิด หลิ่วหรูเยียนลืมตาขึ้น พบว่าโจวซิงตายแล้ว น้ำตาไหลพราก ร้องไห้หนักอยู่ครู่หนึ่งถึงค่อยเช็ดน้ำตาและเอ่ยขอบคุณหลี่หลงหลิน “องค์รัชทายาท ข้าน้อยขอบคุณท่านมาก” “ถ้าไม่มีท่าน ข้าน้อยคงทำไม่ได้แน่!” “ถ้าปล่อยให้เจ้าคนเลวทรามนี้มีชีวิตอยู่ ข้าน้อยคงไม่มีวันหายโกรธ!” หลี่หลงหลินพยักหน้า และเอ่ยว่า “เรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว! ความแค้นในใจของเจ้า ควรจะปล่อยวางได้แล้ว! คนเราจะจมอยู่ในความเกลียดชังไม่ได้ ต้องเรียนรู้ที่จะมีความสุขในชีวิต!” หลิ่วหรูเยียนรู้สึกขอบคุณมาก ใบหน้าแดงระเรื่อ “องค์รัชทายาท ท่านพูดถูก! ข้าควรจะปล่อยวางอดีต และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ร่วมกันสร้างครอบครัว...” การฆ่าโจวซิงทำให้หลิ่วหรูเยียนสามารถปล่อยวางความแค้นและเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้เสียที ในใจของนางมั่นใจว่าจะต้องมีลูกน้อยที่น่ารักให้กับหลี่หลงหลินหลายๆคน หลี่หลงหลินปรับเสื้อคลุมให้กระชับขึ้
แม้ฮ่องเต้หวู่จะไม่ค่อยถนัดในเรื่องการปกครอง แต่เรื่องการรบนั้นเขามีความสามารถไม่เลว เขาอาจจะไม่เก่งในเรื่องการหาเงินและการพัฒนา แต่ในด้านการรบนั้น ฮ่องเต้หวู่มีประสบการณ์ล้ำลึก เมื่อได้ยินข่าวว่าโจวซิงหนีไปทางเหนือ เพื่อเข้าร่วมกับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ เมื่อได้ยินข่าวนี้ ฮ่องเต้หวู่รู้สึกได้ถึงอันตรายทันที หากจัดการไม่ดี เรื่องการทรยศของโจวซิงอาจกลายเป็นชนวนให้เกิดสงครามระหว่างต้าเซี่ยกับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนืออีกครั้ง แต่ตอนนี้โจวซิงหนีไปแล้ว แม้แต่กองกำลังองครักษ์เสื้อแพรก็ยังมีโอกาสน้อยที่จะจับเขากลับมา เลี้ยงทหารพันวัน ใช้ทหารหนึ่งวัน วิธีเดียวที่ทำได้คือ ส่งทหารใหม่ตระกูลซูไปทางเหนือทันที เพื่อเตรียมรับมือการรบระหว่างสองแคว้น เมื่อเว่ยซวินได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที จะเกิดสงคราม? มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือ? แต่เมื่อคิดไปคิดมา ฮ่องเต้หวู่ไม่ได้เป็นคนกังวลเกินเหตุ โจวซิงในฐานะผู้ตรวจการราชสำนักทรยศไปเข้ากับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ นี่เป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ มีโอกาสสูงที่ทั้งสองแคว้นจะเปิดสงคราม หลี่หลงหลินกลับมีท่าทีสงบ ม
หลี่หลงหลินเดินไปข้างหน้า วางกล่องไม้ลงบนโต๊ะ ฮ่องเต้หวู่ส่งสายตาให้เว่ยซวิน “เปิดดูสิ!” เว่ยซวินรีบเข้าไปเปิดกล่อง โอ้... เมื่อเห็นหัวที่เปื้อนเลือดในกล่อง ฮ่องเต้หวู่และเว่ยซวินต่างก็สะดุ้งตกใจ ไม่ผิดแน่! เป็นโจวซิงจริงๆ! “ฮ่าฮ่าฮ่า...” ฮ่องเต้หวู่หัวเราะอย่างมีความสุข “สวรรค์มีตา กรรมตามสนอง! เจ้าคนต่ำทราม เจ้ากล้าทรยศแคว้น หัวขาดจากตัวไปแล้ว ยังถือว่าโชคดีสำหรับเจ้า หากมาอยู่ในมือของข้า ข้าคงจะหั่นเจ้าเป็นพันๆ ชิ้น!” เมื่อเว่ยซวินมั่นใจว่าโจวซิงตายแล้ว ก็รู้สึกโล่งใจ ส่งสายตาขอบคุณไปที่หลี่หลงหลิน การที่กองกำลังองครักษ์เสื้อแพรต้องตามล่าโจวซิงนั้นไม่ต่างจากการหาเข็มในมหาสมุทร โอกาสที่จะพบเจอมีน้อยมาก ถึงเวลานั้นหากไม่ประสบความสำเร็จ โจวซิงหนีไปยังชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือได้ ฮ่องเต้หวู่จะต้องทรงพิโรธอย่างมาก และลงโทษกองกำลังองครักษ์เสื้อแพร ไม่ว่าจะเป็นเว่ยซวิน หรือทหารทุกนายในหน่วยองครักษ์เสื้อแพรล้วนจะต้องรับการลงโทษ ซึ่งหมายความว่า ไม่เพียงแต่ตัวเขา แต่ทั้งหน่วยองครักษ์เสื้อแพรต่างก็ติดหนี้บุญคุณหลี่หลงหลิน หลี่หลงหลินเอ่ยว่า “เสด็จพ่อ ในเมื่อโ
ระดับเทคโนโลยีเครื่องทำความร้อนใต้พื้นนั้นไม่ได้สูงมากนักเป็นเพียงท่อทองแดง แต่มีราคาแพงมากไม่ต้องพูดถึงชาวบ้านทั่วไป เกรงว่าแม้แต่เชื้อพระวงศ์ก็ยังไม่มีปัญญาใช้มีเพียงสถานที่อย่างพระราชวังเท่านั้นที่สามารถติดตั้งเครื่องทำความร้อนใต้พื้นเพื่อป้องกันความหนาวเย็นได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายหลี่หลงหลินไม่ได้พูดอะไรมาก เขาจ้องมองขาเรียวเล็กและตรงของกงซูหว่านอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับไปด้วยความพึงพอใจ......ตำหนักฉือหนิงองค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่นำของขวัญมากมายมาเข้าเฝ้าฮองไทเฮา“เด็กดี!”“ในที่สุดเจ้าก็กลับมาเมืองหลวงแล้ว!”“ข้าคิดว่าจะไม่ได้เจอเจ้าอีกแล้ว!”ฮองไทเฮาโอบกอดหลี่เทียนฉี่ไว้แน่นหลี่เทียนฉี่บีบน้ำตาออกมาสองสามหยดและพูดอย่างเสแสร้งว่า “เสด็จย่า ในตงไห่ ไม่มีวันไหนเลยที่ข้าจะไม่คิดถึงท่าน...”“กลับมาก็ดีแล้ว! กลับมาก็ดีแล้ว!”ฮองไทเฮาหลั่งน้ำตา ร้องไห้สะอึกสะอื้นหลี่เทียนฉี่เป็นบุตรชายคนโตที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เขาถูกแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาทเมื่ออายุได้สามขวบ และเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ของต้าเซี่ยเรียกได้ว่าเขาได้รับความรักมากมายสิ่งนี้ทำให้หลี่เทียนฉ
การกำหนดเครื่องแต่งกายให้เป็นแบบเดียวกัน ก็เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งตัวอย่างเช่น การสวมกระโปรง ไว้ผมยาว ล้วนเป็นข้อห้ามกงซูหว่าน ในฐานะบุคคลอันดับสองของสถาบันวิจัยซีซาน กลับไม่สนใจเรื่องนี้เลย สวมชุดสีดำทั้งวัน ช่างฝีมือด้านล่างอยากใส่อะไรก็ใส่ แต่ละคนสวมชุดคลุมยาว นี่ไม่ใช่การเอาชีวิตของตนเองมาล้อเล่นหรอกหรือ?กงซูหว่านใจเต้นแรง แววตาเป็นประกาย “กำหนดชุดทำงาน กำหนดกฎระเบียบที่เข้มงวด! รัชทายาท ความคิดของเจ้าดีมาก! แต่... ชุดทำงานที่เจ้าพูด มีลักษณะอย่างไร? ไม่ใช่กระโปรงที่สั้นกว่านี้ใช่หรือไม่?”ช่างฝีมือส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ชุดทำงานของพวกเขาพูดง่าย ทำความสะอาดให้เรียบร้อยก็พอแต่ในสถาบันวิจัย ยังมีช่างฝีมือหญิงสาวอีกส่วนหนึ่งดูท่าทางเจ้าชู้ของหลี่หลงหลิน หากออกแบบเสื้อผ้าที่ไม่เหมาะสม ให้พวกนางสวมใส่ จะต้องอับอายขายหน้าแน่!หลี่หลงหลินกล่าวอย่างชอบธรรม “สะใภ้รอง เจ้าคิดอะไร? อะไรคือกระโปรงที่สั้นกว่านี้ ข้าลามกขนาดนั้นหรือ? ใครไม่รู้บ้างว่า ข้าหลี่หลงหลินเป็นคนซื่อตรง ไม่สนใจสตรี!”กงซูหว่านเบ้ปากเสแสร้ง เจ้าเสแสร้งทั้งนั้น!เจ้าหลอกน้องสาวข้าก็พอ หากข้าเชื่อเจ้าสักคำ ก็ไม่ใ
“ซี้ดๆ...”หลี่หลงหลินมองใต้กระโปรงดำของกงซูหว่าน น่องขาขาวดุจหยก ดวงตาเบิกกว้าง ขมุบขมิบปากอย่างอดไม่ได้เพียงน่าเสียดาย กระโปรงยังยาว ถึงเพียงหัวเข่าเท่านั้น...กงซูหว่านพบว่าหลี่หลงหลินจับจ้องขาของตนอยู่ตลอด ใบหน้าแดงเรื่อ “ท่านกำลังมองอันใด?”หลี่หลงหลินเงยหน้า เผยรอยยิ้มไร้พิษสง “ข้าคิดว่ากระโปรงของพี่สะใภ้รองยังยาวอยู่บ้าง”ยังยาว?กงซูหว่านอึ้งงันอยู่กับที่ ดวงตาสองข้างจับจ้องหลี่หลงหลิน ใบหน้าร้อนผะผ่าวตนเองดีชั่วอย่างไรก็เป็นสตรีในครอบครัวมีศีลธรรม มิใช่สตรีในโลกีย์ขายยิ้มยั่วยวนคน เผยน่องขาออกมาได้นี่ก็ถึงขีดจำกัดแล้ว หลี่หลงหลินถึงขั้นได้คืบเอาศอก ยังอยากให้กระโปรงสั้นขึ้นอีกนิด?ไร้สาระ!กงซูหว่านโมโหบ้างแล้ว สบถเสียงเย็นยามหลี่หลงหลินเป็นองค์ชาย ยังมีความเคารพตนหลายส่วน ทุกวันร้องเรียกพี่สะใภ้อย่างนั้น พี่สะใภ้อย่างนี้บัดนี้เขาเป็นรัชทายาท อุปนิสัยเจ้าชู้มักมากก็เผยออกมาแล้ว“คนลามก!”กงซูหว่านเผยสีหน้าเย็นชา สบถด่าทีหนึ่ง หันหลังจากไปหลี่หลงหลินจับข้อมือขาวนวลของกงซูหว่านไว้ ใบหน้าจริงจัง “พี่สะใภ้รอง ท่านเข้าใจความนัยข้าผิดไปแล้ว!”กงซูหว่านขมวดคิ้ว “เ
อันที่จริง หลี่หลงหลินมีความเห็นแก่ตัวไม่เพียงติดตั้งเครื่องทำความร้อนให้ไทฮองไทเฮา แต่ยังทำเพื่อมารดาของตนฮองเฮาหลินอีกด้วยขอเพียงฝ่าบาทรับปากติดตั้งเครื่องทำความร้อนให้ตำหนักฉือหนิงหลี่หลงหลินจะใช้ประโยชน์จากภารกิจนี้ ติดตั้งเครื่องทำความร้อนที่ตำหนักฉางเล่อ ขอเพียงพระมารดาตอบตกลง ก็ไม่มีใครกล้าพูดอันใดอย่างไรเสียบัดนี้หลินซื่อก็ไม่ใช่สนมที่ใครก็สามารถรังแกได้อีก แต่เป็นมารดาของใต้หล้าฮองเฮาแห่งต้าเซี่ย!ฮองเฮาหลินชะงักไป เอ่ยถามอยากตกตะลึง “ฤดูร้อน? ทำได้จริงหรือ?”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินอยู่เหนือความรู้ของนางเปลี่ยนแปลงฤดูกาลเป็นฤดูร้อน นี่คือวิธีการของเซียนอย่างไม่ต้องสงสัยหลี่หลงหลินอธิบายหลักการการติดตั้งเครื่องทำความร้อนหนึ่งรอบฮองเฮาหลินตกตะลึงพรึงเพริด ส่ายหน้าอย่างต่อเนื่อง “เจ้าพูดว่าใช้ท่อทองแดง วางไว้ใต้พื้นตำหนักฉางเล่อ? ไม่ได้ ไม่ได้! นี่ต้องจ่ายเงินมากน้อยเพียงใด? ฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว!”“หากมีเงินเหล่านี้ มิสู้นำไปบรรเทาทุกข์ให้ราษฎรจะดีกว่า!”“หากข้ารู้สึกหนาว สวมใส่เสื้อผ้าหนาหน่อยก็พอ หากไม่ไหวจริงๆ ก็เดินให้มากหน่อย ร่างกายก็อบอุ่นแล้ว”หลี่หลงห
“เครื่องทำความร้อน?”ฮ่องเต้หวู่ได้ยินคำศัพท์แปลกใหม่นี้ ก็ชะงักไปเล็กน้อยเจ้าเก้าเจ้าเด็กคนนี้ คิดจะเล่นพิเรนทร์อันใดอีก?หลี่หลงหลินอธิบาย “ภายในวังล้วนใช้ถ่านให้ความอบอุ่น ไม่เพียงราคาสูง อีกทั้งยังเย็น ใกล้เกินไปก็สำลักควัน ลูกอายุน้อย ยังมิอาจทนต่อควันได้ นับประสาอะไรกับเสด็จย่าเล่า?”ถ้อยวาจานี้ พูดเสียจนฮ่องเต้หวู่ใจอ่อนแท้จริงแล้ว เขาเองก็คิดว่าเผาถ่านให้ความอบอุ่น ไม่สบายอย่างมากระยะนี้ไทฮองไทเฮาไออย่างรุนแรงเคยตามหมอหลวงมาตรวจอาการ นี่เกี่ยวข้องกับผิงถ่านให้ความอบอุ่นจริงๆ เสียด้วยแต่หากไม่เผาก็จะหนาวฮ่องเต้หวู่เฟ้นหาวิธีการ กลับไม่พบวิธีที่ดีอะไรเขาเป็นลูกกตัญญูคนหนึ่ง กำลังกังวลเพราะเรื่องนี้อยู่เชียวหลี่หลงหลินคิดหาวิธีการออกแล้ว?ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า พูดอย่างแปลกใจ “ใช่ ถ่านไร้ควันทำให้สำลัก เสด็จย่าของเจ้าไออยู่ตลอด ทว่าเครื่องทำความร้อนนี้ ตกลงคืออันใด ทั้งให้ความอบอุ่น ทั้งไม่สำลัก?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “กราบทูลเสด็จพ่อ เครื่องทำความร้อนนี้ อุ่นยิงกว่าถ่านไร้ควัน! ใช้ท่อโลหะเชื่อมต่อ ภายในมีน้ำร้อนส่งผ่านต่อเนื่องไม่หยุด!”ฮ่องเต้หวู่สงสัย “น้ำร้อน
“แค่กๆ...”ฮ่องเต้หวู่ผิงไฟเพียงครู่เดียวก็ไอออกมาอย่างต่อเนื่อง โบกมือ “เอาไปๆ...”ตอนนี้เอง หลี่หลงหลินในชุดคลุมตัวใหญ่ มาหยุดหน้าประตูห้องทรงพระอักษร ค้อมตัวลงพูดว่า “ลูกถวายบังคมเสด็จพ่อ!”ใบหน้าฮ่องเต้หวู่ประดับรอยยิ้ม รีบโบกมือ “เจ้าเก้า ข้างนอกหนาว เจ้ารีบเข้ามาเถอะ!”เพียงหลี่หลงหลินผ่านประตูเข้ามา ก็ได้กลิ่นเผาไหม้สายหนึ่งแม้ว่าถ่านไร้ควันไม่ก่อให้เกิดควัน แต่อย่างไรเสียก็เป็นถ่าน ครั้นจุดขึ้นมาก็ย่อมมีกลิ่นแปลกอยู่บ้างอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง ทำให้คนรู้สึกไม่สบายทว่า ความเป็นอยู่ภายในวังหลวงดีกว่าราษฎร์มากนักครั้นถึงฤดูหนาว ราษฎร์ทำได้เพียงก่อกองไฟรับความอบอุ่น ควันมีมาก ทำให้คนสำลักฤดูหนาวหลายปีที่ผ่านมา มักมีราษฎร์หนาวตายปีนี้มีผ้าฝ้ายที่ทอขึ้นมาเป็นปริมาณมากของหลี่หลงหลิน สถานการณ์จึงดีขึ้นเล็กน้อยหลี่หลงหลินค้อมตัวลง “เสด็จพ่อ ท่านเรียกตัวลูกเข้าวังด้วยเหตุใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้หวู่คลี่ยิ้มมีเมตตา มองหลี่หลงหลิน “เราได้ยินว่าหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยฉบับล่าสุดมียอดขายทะลุหนึ่งล้านฉบับแล้ว? เจ้าจะต้องหาเงินได้ไม่น้อยกระมัง?”หัวใจหลี่หลงหลินสั่นไหว อยากส
แท้จริงแล้ว หลี่เทียนฉี่เองก็เกิดความกลัวภายในใจหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยเจ้าสิ่งนี้ ช่างชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริดโดยแท้!ซ่งชิงหลวนเป็นบัณฑิต สูงส่งบริสุทธิ์ พูดว่าปรักปรำก็ปรักปรำไปแล้ว ถูกขานับหมื่นข้างเหยียบไว้ ไม่อาจพลิกสถานการณ์ได้อีกตนเองเล่า?ต้องรู้ว่าตนเองเป็นรัชทายาทถูกปลด ก่อกบฏจริง บุกยึดวังหลวง เกิดเงามืดภายในใจฮ่องเต้หวู่หากหลี่หลงหลินเด็กคนนี้เขียนส่งเดชในหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย พูดว่าตนมีเจตนาชั่ว เตรียมการก่อกบฏฮ่องเต้หวู่จะทำเช่นไร?อิงตามอุปนิสัยไร้เยื่อใยของเขา ก็ไม่แน่ว่าจะฆ่าคนในครอบครัวเพื่อรักษาคุณธรรมหลี่เทียนฉียิ่งคิดก็ยิ่งกลัว สั่นสะท้านทั่วทั้งสรรพางค์กาย เสิ่นชิงโจวเงียบงันครู่หนึ่ง พูดว่า “ทีแรกข้าวางแผนลอกเลียนแบบหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย ท้าทายหลี่หลงหลิน ตอนนี้มองดูแล้วเส้นทางสายนี้มิอาจเดินได้อีก! พวกเรากลับไปเดินบนเส้นทางแห่งอำนาจและกลอุบายนี้อีกครั้ง”ภายในสมองของเขาปรากฏฉากเผชิญหน้ากับหลี่หลงหลินทั้งๆ ที่เป็นหมากล้อม หลี่หลงหลินกลับทำลายกฎ เล่นหมากห้าแถวหนังสือพิมพ์เองก็เฉกเดียวกันตนเองวางแผนใช้สิ่งแปลกใหม่นี้ ต่อสู้กับ
“นี่...”“นี่คืออะไรกัน!”“บทความเหลวไหลไร้สาระ!”เว้นเสียแต่นวนิยายของหลิ่วหรูเยียนแล้ว เรื่องอื่นล้วนเป็นเรียงที่ความเกี่ยวข้องกับซ่งชิงหลวนพาดหัวข่าวใหญ่ที่สุด ‘สัมพันธ์ฉาบฉวยของบัณฑิตซ่งชิงหลวนและนางคณิกา’สำหรับพาดหัวข่าวอื่น ไม่มีอันใดน่าสนใจมิน่าเล่าซ่งชิงหลวนอ่านแล้ว ก็กระอักโลหิตหมดสติไปแม้แต่เสิ่นชิงโจวได้อ่านแล้ว ก็รู้สึกอึดอัดคับข้องใจนี่ต่ำช้าเกินไป เหลวไหลเกินไปแล้วดีชั่วอย่างไรซ่งชิงหลวนก็เป็นบัณฑิต ต่อให้ละโมบไปบ้าง อีกทั้งยังเลี้ยงดูอนุ แต่เรื่องนางคณิกาสำนักการสังคีตนี้ คือการถูกใส่ร้าย!“ช่างเหลวไหลสิ้นดี!”“หลี่หลงหลินอ้างฐานะรัชทายาทของตน ถึงขั้นเขียนเรื่องเหลวไหล ปรักปรำความบริสุทธิ์ของคนอื่น!”“มิอาจทนไหวอีกต่อไปแล้ว!”เสิ่นชิงโจวโมโหเกรี้ยวกราด เกือบสิ้นสติไปเหตุผลง่ายมากแม้ว่าหลี่หลงหลินปรักปรำซ่งชิงหลวน แต่แท้จริงแล้วกำลังโจมตีสำนักปราชญ์ชัดๆ!หากไม่มีหนัง ไฉนเลยจะมีขน?หากชื่อเสียงสำนักปราชญ์ถูกทำลาย เช่นนั้นเสิ่นชิงโจวอยู่ในสำนักปราชญ์ก็สูญเสียสิทธิ์ในการพูดแล้ว!นี่คือดึงฟืนใต้หม้ออย่างแท้จริง!ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้หลี่หลงหลินสามาร
คุกเสิ่นชิงโจวอยู่เพียงลำพังคนเดียว กำลังวางหมากอย่างผ่อนคลายเสียงฝีเท้าลนลานพลันดังขึ้น องค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่โผล่พรวดพราดเข้ามา สีหน้าตกตะลึงรับมือไม่ทัน“จะกระวนกระวายอะไร?”“บัณฑิต ต้องสุขุมเยือกเย็น”เสิ่นชิงโจวเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ตะคอกใส่ “ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเป็นผู้ที่จะเป็นฮ่องเต้ เหตุใดจึงได้ลนลานถึงเพียงนี้ ไม่มีความล้ำลึกเลยแม้แต่น้อย?”หลี่เทียนฉี่ถูกสั่งสอน ก้มหน้าลงพูดว่า “อาจารย์ ท่านสั่งสอนถูกแล้ว”เสิ่นชิงโจววางหมาก เอ่ยปากเสียงเรียบ “หนังสือพิมพ์ปรัชญาขงจื๊อต้าเซี่ยของพวกเราขายได้กี่ฉบับ?”หลี่เทียนฉี่เอ่ยตอบตามสัตย์จริง “หนี่ง...หนึ่งร้อยฉบับ”หนึ่งร้อย?ได้ยินจำนวนนี้ เสิ่นชิงโจวตกตะลึงพรึงเพริดในทันใดอิงตามที่เขารู้ หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยของหลี่หลงหลิน ฉบับแรกขายได้ถึงหนึ่งแสนฉบับแม้ว่าหนังสือพิมพ์ปรัชญาขงจื๊อต้าเซี่ยเป็นของเลียนแบบ ต่างกันเพียงคำเดียว ยิ่งไปกว่านั้นยังตั้งใจวางขายก่อนหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยอีกด้วยอย่างน้อยยอดขายก็ควรขายได้หนึ่งหมื่นฉบับกระมัง?ต่อให้เป็นห้าพันฉบับ ก็ถือว่ายังดี!หนึ่งร้อยฉบับคืออะไรกัน?เสิ่นชิงโจวใค