หลิ่วหรูเยียนเก่งเรื่องการเย็บปักถักร้อย ตระหนักดีว่าการถือกำเนิดของเครื่องทอผ้าแบบนี้จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างไร! นี่ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่บอกว่า มันจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างแน่นอน! “พี่สะใภ้รอง!” “ท่านฉลาดมากจริงๆ!” “ที่สามารถประดิษฐ์เครื่องทอผ้าขั้นสูงเช่นนี้ออกมาได้!” หลิ่วหรูเยียนพูดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ กงซูหว่านส่ายหัวและมองไปที่หลี่หลงหลิน พลางพูดว่า “ผู้ที่คิดค้นเครื่องทอผ้านี้ไม่ใช่ข้า แต่เป็นองค์ชายเก้า! ข้าต้องยอมรับเลยว่าภูมิปัญญาขององค์ชายเก้านั้นอยู่เหนือข้ามาก!” หลี่หลงหลินยิ้มอ่อนน้อม: “พี่สะใภ้รองกล่าวเกินไปแล้ว!” เป็นเขาหรือ? หลิ่วหรูเยียนตกใจสุดขีด ดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ! องค์ชายเก้าไม่ใช่คนไร้ประโยชน์? ทําไมแม้แต่คนฉลาดมากอย่างสะใภ้รอง ยังรู้สึกว่าด้อยกว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา? หรือว่าตนจะเข้าใจเขาผิดไปจริงๆ? ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ประสิทธิภาพของเครื่องทอผ้านี้ เหนือจินตนาการจริงๆ! แต่ด้วยเครื่องทอผ้าเพียงเครื่องเดียว การจะทำเงินให้ได้ทุกวันเกรงว่าจะเป็นเรื่องยาก...” หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “เครื่
เจ้าไปโรงรับจำนำ เอาจี้หยกนี้ไปจำนำซะ บอกไปว่าฮ่องเต้พระราชทานให้องค์ชายสี่ ไม่ว่าอย่างไรก็มีค่าหลายหมื่นตำลึง!”ซูเฟิ่งหลิงรับจี้หยกมา ด้วยความวิงเวียนศีรษะนี่คือจี้หยกที่ฮ่องเต้พระราชทาน มูลค่ามหาศาลเดิมทีซูเฟิ่งหลิงคิดว่า หลี่หลงหลินจะเก็บจี้หยกเอาไว้สุดท้าย สิ่งของมูลค่ามหาศาลเช่นนี้ กลับนำไปจำนำโรงรับจำนำเพื่อแลกเงินไม่เห็นเงินเป็นเงินจริงๆ!หลิ่วหรูเยียนก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน ดวงตาคู่สวยจับจ้องหลี่หลงหลินเศรษฐีที่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย นางพบเจอมามากแต่คนอย่างหลี่หลงหลิน ที่เห็นเงินเป็นเหมือนดินโคลน หายากนัก!การกระทำของเขา คล้ายโยนเงินมหาศาลทิ้งแล้วได้อิสระภาพและความกล้าหาญกลับคืนมา!ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเป็นปม “องค์ชายเก้า ถึงอย่างไรจี้หยกนี้ก็เป็นของพระราชทานจากฮ่องเต้ ท่านนำไปจำนำเช่นนี้ ไม่ดีเท่าใดกระมัง?”หลี่หลิงหลินยิ้มบางๆ “จี้หยกนี้เสด็จพ่อพระราชทานให้พี่สี่! แม้เสด็จพ่อทรงทราบเรื่อง ก็ตำหนิเพียงพี่สี่! เกี่ยวอะไรกับข้าล่ะ?”ทุกคนสูดลมหายใจเข้าอย่างไม่ต้องสงสัย หลี่หลงหลินวางหลุมพรางไว้ให้องค์ชายสี่หรือ?ร้ายกาจเกินไปแล้ว!“จริงด้วย!”หลี่หลงหลินตบหน้าผา
“ไม่อาจให้ได้เช่นนั้นหรือ?”สีหน้าของหญิงสาวทุกคนในตระกูลสูฉายความตกตะลึง จ้องมองไปที่หลี่หลงหลินพวกนางคิดไม่ถึงว่า เรื่องที่ฮูหยินผู้เฒ่าซูอนุญาตแล้ว หลี่หลงหลินจะปฏิเสธเด็ดขาดเช่นนี้!แค่จักรเย็บผ้าหนึ่งหลังเองไม่ใช่หรือ?จำเป็นต้องขนาดนี้เชียวหรือ?หรือว่า หลี่หลงหลินจะบีบหลิ่วหรูเยียนออกจากตระกูลซู เข้าไปในหลุมนรกสำนักการสังคีตใหม่เช่นนั้นหรือ?ซูเฟิ่งหลิงพูดด้วยความโมโห “องค์ชายเก้า ท่านใจแข็งเกินไปแล้วกระมัง? หรือว่า ท่านจะบีบให้พี่สะใภ้สี่ถึงตายเช่นนั้นหรือ?”สีหน้าของทุกคนไม่สบอารมณ์เล็กน้อย การกระทำนี้ของหลี่หลงหลิน เกินไปแล้วจริงๆ!หลิ่วหรูเยียนส่ายหน้ายิ้มเศร้า “พวกเจ้าหยุดพูดได้แล้ว นี่อาจจะเป็นชะตาชีวิตของข้าก็ได้...”หลี่หลงหลินยิ้มบางๆ พูด “พี่สะใภ้สี่ เจ้าเข้าใจความหมายของข้าผิดไปแล้ว! เจ้าช่ำชองงานเย็บปักถักร้อย หากให้เจ้าทอแค่ผ้า เช่นนั้นก็เป็นการใช้ความสามารถของเจ้าไม่เหมาะสมกับงาน แตกต่างอะไรกับหญิงวัยกลางคนทั่วไปพวกนั้นอย่างไร?”หลิ่วหรูเยียนชะงัก “หม่อมฉันยังไม่เข้าใจเพคะ! ท่านอยากให้หม่อมฉันทำอะไรกันแน่เพคะ...”หลี่หลงหลินชี้ไปที่จักรเย็บผ้า อธิบาย “จ
“เอ่อ...”“ข้าช่วยพี่สะใภ้สี่ ย้ายจักรเย็บผ้าเข้าไปในห้องของนาง”พูดจบ ซูเฟิ่งหลิงวิ่งราวกับกำลังหนีหลี่หลงหลินมองแผ่นหลังของซูเฟิ่งหลิง ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “สตรีที่น่าสนใจ!”วันถัดมา หลี่หลงหลินนอนถึงสายของอีกวันเหมือนเช่นเคย กว่าจะค่อยๆ ลุกขึ้นเขาเพิ่งมาถึงโถงใหญ่ เห็นลั่วอวี้จู๋ร้อนรนราวกับมดในกระทะร้อน เดินวนไปมา สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความกังวล“พี่สะใภ้ใหญ่ อรุณสวัสดิ์!” หลี่หลงหลินกล่าวทักทายลั่วอวี้จู๋ด้วยรอยยิ้มลั่วอวี้จู๋รีบเดินขึ้นหน้า “องค์ชาย ตอนนี้กี่ยามแล้ว! เหตุใดจึงตื่นสายเช่นนี้? เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย “พี่สะใภ้ใหญ่ ใจเย็นก่อน นั่งลงแล้วค่อยๆ พูด”ภารกิจที่เขาให้ลั่วอวี้จู๋คือ จัดซื้อวัตถุดิบฝ้ายลินินหรือว่ามีคนกักตุนวัตถุดิบ ทำให้วัตถุดิบขึ้นราคา?หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็แย่แล้ว!แผนการสู่ความร่ำรวย อาจจะพังพินาศ!แต่ว่าเป็นไปไม่ได้หนิ!ก่อนสงคราม มีคนกักตุนอาหารแห้ง ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ใครจะกักตุนฝ้ายลินินกันเล่า?ลั่วอวี้จู๋นั่งลงจิบน้ำชา ใจเย็นลงเล็กน้อย “แต่เช้าตรู่ หม่อมฉันทำตามคำสั่งขององค์ชาย ไปซื้อฝ้ายลินินที่ร้านค้
“ไม่มีค่าแม้แต่แดงเดียวเช่นนั้นหรือ?”“เป็นไปได้อย่างไร!”ลั่วอวี้จู๋กระวนกระวาย หน้าเปลี่ยนสีเดิมทีหวังว่าจะได้เงินจากการขายจี้หยก ไปแจกจ่ายเงินชดเชยให้พวกหญิงหม้ายและเด็กกำพร้าผลสุดท้าย จี้หยกขององค์ชายสี่ไม่มีค่า ขายไม่ออกควรทำอย่างไรดี!“ของปลอมเช่นนั้นหรือ?”หลี่หลงหลินขมวดคิ้วเป็นปม ถือจี้หยกไว้ในมือ มองอย่างถี่ถ้วนเนื้อหยกนี้มีความโปร่งใส งานละเอียด ไม่มีทางเป็นของปลอมแน่นอน!อีกทั้ง หลี่หลงหลินจำได้ว่า จี้หยกชิ้นนี้ เป็นเครื่องประดับชิ้นโปรดของฮ่องเต้หวู่ ที่พกติดตัวมานานหลายปีครั้งหนึ่งตอนล่าสัตว์ฤดูวสันต์ องค์ชายสี่ได้อันดับหนึ่ง ฮ่องเต้หวู่ดีพระทัยมาก พระราชทานจี้หยกให้เขา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจจี้หยกในมือฮ่องเต้ มูลค่ามหาศาลแน่นอน แล้วจะเป็นของปลอมได้อย่างไร?“ท่านไม่เชื่อข้าหรือ์”ซูเฟิ่งหลิงน้อยอกน้อยใจอย่างมาก “ตามพี่สะใภ้รองมา ให้นางตรวจสอบ ก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ?”กงซูหว่านไม่เพียงชำนาญงานไม้ การถลุงโลหะจำพวกทองคำ แกะสลักไข่มุกต่างๆ ก็ชำนาญมากลั่วอวี้จู๋พยักหน้า พูด “ได้! ข้าไปตามนางมา!”หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งกงซูหว่านมาถึงโถงใหญ่ มือเรียวยาวลูบจี้ห
ซูเฟิ่งหลิงใส่ชุดบุรุษสีขาวจันทรา มือสะบัดพัด เดินวนตรงหน้าหลี่หลงหลินรอบหนึ่ง พูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นอย่างไรบ้างเพคะ? ข้าแต่งชายเช่นนี้ หล่อกว่าท่านใช่ไหมเพคะ?”ยามปกติตอนที่ซูเฟิ่งหลิงมีเวลาว่าง นางก็มักจะแต่งเป็นชาย ไม่ว่าจะเดินตลาดหรือล่าสัตว์ ล้วนสะดวกก็แต่งหญิงเสื้อผ้าบุรุษชุดนนี้ของนาง ตัดเย็บพอดีตัว บวกกับใบหน้างดงามที่มีความน่าเกรงขาม เพียงเปลี่ยนชุด ก็กลายเป็นคุณชายเจ้าชู้ ผู้หล่อเหลาและสง่าผ่าเผยหญิงงามดั่งหยก บุรุษหล่อเหลาไม่มีใครเทียบได้!หากซูเฟิ่งหลิงแต่งกายเช่นนี้ ไปเดินในสำนักการสังคีต ไม่รู้ว่าจะมีสตรีมากน้อยเพียงใดหมายปองหลี่หลงหลินเดินวนรอบซูเฟิ่งหลิงหลายรอบ พูดงึมงำ “เหมือน! เหมือนจริงๆ!”ซูเฟิ่งหลิงพูดด้วยความแปลกใจ “เหมือนอะไรเพคะ?”หลี่หลิงหลินหัวเราะแล้วพูด “ออร่าอ่อนโยนนี้ของเจ้า จะเหมือนอะไรได้? แน่นอนว่าเหมือน...ที่ออกมาจากวังหลวง"ซูเฟิ่งหลิงโมโหอย่างมาก มืออมชมพูกำหมัดแน่น ไล่ต่อหลี่หลงหลิน “ท่านบอกว่าข้าเหมือนขันทีเช่นนั้นหรือ? รนหาที่ตาย!”ลั่วอวี้จู๋ถอนหายใจ “พวกเจ้าสองสามีภรรยา หยุดเล่นกันได้แล้ว!จริงจังหน่อย!”ซูเฟิ่งหลิงถลึงตามองหลี่หลงหลิน ก
ซูเฟิ่งหลิงในชุดสีขาว มือถือพัด สง่าผ่าเผย เดินเข้าไปในจวี้เป่าไจพวกพนักงานเห็นนาง ตัวแข็งทื่อกลายเป็นเห็น ยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นบุรุษที่หล่อเหลายิ่งนัก!เพียงแต่ บุคลิกอ่อนโยนเล็กน้อย!หรือว่ามาจากวังหลวง?เถ้าแก่ซ่งโบกมือ บอกให้พนักงานถอยออกไป เดินมาต้อนรับด้วยตนเองพร้อมกับรอยยิ้ม “คุณชายท่านนี้ หน้าตาไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าใดนัก!”ซูเฟิ่งหลิงกระแอมไอ พูดเสียงทุ้ม “ข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก”เมื่อเถ้าแก่ซ่งได้ฟัง รู้ทันทีว่าชายหนุ่มผู้หล่อเหลาตรงหน้า ไม่ใช่บุรุษอย่างแน่นอนน่าจะเป็นขันทีในวังหลวงด้วยเหตุนี้ เถ้าแก่ซ่งจึงยิ่งให้เกียรติมากขึ้น “เช่นนั้นท่านมาที่ร้านเล็กๆ ของเรา มีธุระใดขอรับ?”ซูเฟิ่งหลิงไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบจี้หยกออกมา “ราคาเดียว หนึ่งแสนตำลึง!”เมื่อเถ้าแก่ซ่งเห็นจี้หยก รูม่านตาหดเล็กจี้หยกนี้ เป็นอัญมณีล้ำค่าจริงๆ!หากอยู่ในยุคที่บ้านเมืองสงบสุข ราคาหนึ่งแสนตำลึงไม่ถือว่าแพงปัญหาคือ เวลานี้บ้านเมืองวุ่นวายบ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองให้วัตถุโบราณล้ำค่า บ้านเมืองวุ่นวายทองคำล้ำค่าในยุคสมัยที่บ้านเมืองว้าวุ่นเช่นนี้ ราคาของจี้หยก ลดแล้วลดอีกหนึ่งแสนตำลึง ถือ
เว่ยซวินผายมือ “ลุกขึ้นเถอะ! เถ้าแก่ซ่ง ช่วงนี้จวี้เป่าไจมีของดีอะไรเช่นนั้นหรือ?”เถ้าแก่ซ่งรีบพูด “เรียนพระเก้าพันปี หลายวันก่อนไม่มีของอะไรน่าสนใจขอรับ แต่ว่าวันนี้ มีคนมาที่ร้าน พร้อมกับจี้หยกหนึ่งอัน บอกว่าจะขายหนึ่งแสนตำลึงขอรับ!”เมื่อเว่ยซวินได้ฟัง เขาเด้งตัวลุกขึ้นทันที “จี้หยกหนึ่งอัน ขายหนึ่งแสนตำลึงเช่นนั้นหรือ? เห็นว่าข้าเป็นคนโง่หรือ? นำออกมาเร็วเข้า ให้ข้าดูสิ ว่าเป็นจี้หยกอะไร?”เถ้าแก่ซ่งถือจี้หยกด้วยสองมือ ยื่นไปให้ พูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าน้อยก็รู้สึกแพงเหมือนกันขอรับ! ดังนั้นจึงตั้งใจจนำมาโดยเฉพาะ ให้พระเก้าพันปีดูขอรับ...”เว่ยซวินมองจี้หยก ตาโตทันทีคนอื่นไม่รู้จักจี้หยกนี้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่เว่ยซวินจะไม่รู้!นี่คืออัญมณีที่ฮ่องเต้หวู่ทรงโปรดปราน ซึ่งพระราชทานให้องค์ชายสี่แล้ว!อยู่ที่นี่ได้อย่างไร?เถ้าแก่ซ่งเห็นสีหน้าของเว่ยซวินผิดปกติ จึงถามหยั่งเชิง “พระเก้าพันปี ดูเหมือนว่าจี้หยกนี้จะเป็นของราชวงศ์กระมังขอรับ?”เว่ยซวินหัวเราะในลำคอ “นี่คือจี้หยกที่ฝ่าบาทพกติดตัว เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”“ห๊ะ?”เมื่อเถ้าแก่ซ่งได้ยิน คล้ายฟ้าผ่าลงมา ตัวของเขาสั่นเทา “จี้.
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค