เครื่องทอผ้านี้แตกต่างจากเครื่องทอผ้าที่นางเคยเห็นก่อนหน้านี้มาก! ไม่เพียงแต่มีขนาดใหญ่ขึ้นเท่านั้น แต่ยังดูซับซ้อนมากกว่าด้วย หลิ่วหรูเยียนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ โดยเฉพาะความรู้สึกสับสน “องค์ชายเก้าผู้นี้ไม่ได้มีเจตนาดี! เขาจงใจทําให้ข้าเป็นตัวตลก! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของท่าน! ให้ทุกคนได้รับรู้ว่าท่านสกปรกมากแค่ไหน เป็นผู้ชายที่ไร้ความสามารถแค่ไหน! “ หลิ่วหรูเยียนขบกรามแน่น และมองหลี่หลงหลินด้วยความเคียดแค้น แต่ดวงตาของนางกลับเย้ายวน และมองหลี่หลงหลินอย่างหลงใหล และพูดอย่างออดอ้อนว่า: “องค์ชาย! เครื่องทอผ้าเครื่องนี้ บ่าวใช้ไม่เป็น ท่านมาสอนบ่าวด้วยตัวเองหน่อยได้หรือไม่? “ สมแล้วที่เป็นนางคณิกาแห่งสำนักการสังคีต! การใช้เสน่ห์นั้นกลายเป็นธรรมชาติไปแล้ว เปลี่ยนจากแทนตัวเองว่าข้า เป็นแทนตัวเองว่าบ่าว น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นอ่อนหวานจนน่าหลงใหล เหมือนทั้งออดอ้อน ทั้งขอร้อง ฟังแล้วทำให้ใจละลาย ! ซูเฟิ่งหลิงใช้โอกาสนี้เติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ: “ ใช่ องค์ชายเก้า! ทําไมท่านไม่รีบไปช่วยพี่สะใภ้สี่หน่อยล่ะ? “ แม้ว่าเป้าหมายของสองสาวแตกต่างกัน แต่ใ
หลิ่วหรูเยียนเก่งเรื่องการเย็บปักถักร้อย ตระหนักดีว่าการถือกำเนิดของเครื่องทอผ้าแบบนี้จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างไร! นี่ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่บอกว่า มันจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างแน่นอน! “พี่สะใภ้รอง!” “ท่านฉลาดมากจริงๆ!” “ที่สามารถประดิษฐ์เครื่องทอผ้าขั้นสูงเช่นนี้ออกมาได้!” หลิ่วหรูเยียนพูดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ กงซูหว่านส่ายหัวและมองไปที่หลี่หลงหลิน พลางพูดว่า “ผู้ที่คิดค้นเครื่องทอผ้านี้ไม่ใช่ข้า แต่เป็นองค์ชายเก้า! ข้าต้องยอมรับเลยว่าภูมิปัญญาขององค์ชายเก้านั้นอยู่เหนือข้ามาก!” หลี่หลงหลินยิ้มอ่อนน้อม: “พี่สะใภ้รองกล่าวเกินไปแล้ว!” เป็นเขาหรือ? หลิ่วหรูเยียนตกใจสุดขีด ดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ! องค์ชายเก้าไม่ใช่คนไร้ประโยชน์? ทําไมแม้แต่คนฉลาดมากอย่างสะใภ้รอง ยังรู้สึกว่าด้อยกว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา? หรือว่าตนจะเข้าใจเขาผิดไปจริงๆ? ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ประสิทธิภาพของเครื่องทอผ้านี้ เหนือจินตนาการจริงๆ! แต่ด้วยเครื่องทอผ้าเพียงเครื่องเดียว การจะทำเงินให้ได้ทุกวันเกรงว่าจะเป็นเรื่องยาก...” หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “เครื่
เจ้าไปโรงรับจำนำ เอาจี้หยกนี้ไปจำนำซะ บอกไปว่าฮ่องเต้พระราชทานให้องค์ชายสี่ ไม่ว่าอย่างไรก็มีค่าหลายหมื่นตำลึง!”ซูเฟิ่งหลิงรับจี้หยกมา ด้วยความวิงเวียนศีรษะนี่คือจี้หยกที่ฮ่องเต้พระราชทาน มูลค่ามหาศาลเดิมทีซูเฟิ่งหลิงคิดว่า หลี่หลงหลินจะเก็บจี้หยกเอาไว้สุดท้าย สิ่งของมูลค่ามหาศาลเช่นนี้ กลับนำไปจำนำโรงรับจำนำเพื่อแลกเงินไม่เห็นเงินเป็นเงินจริงๆ!หลิ่วหรูเยียนก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน ดวงตาคู่สวยจับจ้องหลี่หลงหลินเศรษฐีที่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย นางพบเจอมามากแต่คนอย่างหลี่หลงหลิน ที่เห็นเงินเป็นเหมือนดินโคลน หายากนัก!การกระทำของเขา คล้ายโยนเงินมหาศาลทิ้งแล้วได้อิสระภาพและความกล้าหาญกลับคืนมา!ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเป็นปม “องค์ชายเก้า ถึงอย่างไรจี้หยกนี้ก็เป็นของพระราชทานจากฮ่องเต้ ท่านนำไปจำนำเช่นนี้ ไม่ดีเท่าใดกระมัง?”หลี่หลิงหลินยิ้มบางๆ “จี้หยกนี้เสด็จพ่อพระราชทานให้พี่สี่! แม้เสด็จพ่อทรงทราบเรื่อง ก็ตำหนิเพียงพี่สี่! เกี่ยวอะไรกับข้าล่ะ?”ทุกคนสูดลมหายใจเข้าอย่างไม่ต้องสงสัย หลี่หลงหลินวางหลุมพรางไว้ให้องค์ชายสี่หรือ?ร้ายกาจเกินไปแล้ว!“จริงด้วย!”หลี่หลงหลินตบหน้าผา
“ไม่อาจให้ได้เช่นนั้นหรือ?”สีหน้าของหญิงสาวทุกคนในตระกูลสูฉายความตกตะลึง จ้องมองไปที่หลี่หลงหลินพวกนางคิดไม่ถึงว่า เรื่องที่ฮูหยินผู้เฒ่าซูอนุญาตแล้ว หลี่หลงหลินจะปฏิเสธเด็ดขาดเช่นนี้!แค่จักรเย็บผ้าหนึ่งหลังเองไม่ใช่หรือ?จำเป็นต้องขนาดนี้เชียวหรือ?หรือว่า หลี่หลงหลินจะบีบหลิ่วหรูเยียนออกจากตระกูลซู เข้าไปในหลุมนรกสำนักการสังคีตใหม่เช่นนั้นหรือ?ซูเฟิ่งหลิงพูดด้วยความโมโห “องค์ชายเก้า ท่านใจแข็งเกินไปแล้วกระมัง? หรือว่า ท่านจะบีบให้พี่สะใภ้สี่ถึงตายเช่นนั้นหรือ?”สีหน้าของทุกคนไม่สบอารมณ์เล็กน้อย การกระทำนี้ของหลี่หลงหลิน เกินไปแล้วจริงๆ!หลิ่วหรูเยียนส่ายหน้ายิ้มเศร้า “พวกเจ้าหยุดพูดได้แล้ว นี่อาจจะเป็นชะตาชีวิตของข้าก็ได้...”หลี่หลงหลินยิ้มบางๆ พูด “พี่สะใภ้สี่ เจ้าเข้าใจความหมายของข้าผิดไปแล้ว! เจ้าช่ำชองงานเย็บปักถักร้อย หากให้เจ้าทอแค่ผ้า เช่นนั้นก็เป็นการใช้ความสามารถของเจ้าไม่เหมาะสมกับงาน แตกต่างอะไรกับหญิงวัยกลางคนทั่วไปพวกนั้นอย่างไร?”หลิ่วหรูเยียนชะงัก “หม่อมฉันยังไม่เข้าใจเพคะ! ท่านอยากให้หม่อมฉันทำอะไรกันแน่เพคะ...”หลี่หลงหลินชี้ไปที่จักรเย็บผ้า อธิบาย “จ
“เอ่อ...”“ข้าช่วยพี่สะใภ้สี่ ย้ายจักรเย็บผ้าเข้าไปในห้องของนาง”พูดจบ ซูเฟิ่งหลิงวิ่งราวกับกำลังหนีหลี่หลงหลินมองแผ่นหลังของซูเฟิ่งหลิง ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “สตรีที่น่าสนใจ!”วันถัดมา หลี่หลงหลินนอนถึงสายของอีกวันเหมือนเช่นเคย กว่าจะค่อยๆ ลุกขึ้นเขาเพิ่งมาถึงโถงใหญ่ เห็นลั่วอวี้จู๋ร้อนรนราวกับมดในกระทะร้อน เดินวนไปมา สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความกังวล“พี่สะใภ้ใหญ่ อรุณสวัสดิ์!” หลี่หลงหลินกล่าวทักทายลั่วอวี้จู๋ด้วยรอยยิ้มลั่วอวี้จู๋รีบเดินขึ้นหน้า “องค์ชาย ตอนนี้กี่ยามแล้ว! เหตุใดจึงตื่นสายเช่นนี้? เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย “พี่สะใภ้ใหญ่ ใจเย็นก่อน นั่งลงแล้วค่อยๆ พูด”ภารกิจที่เขาให้ลั่วอวี้จู๋คือ จัดซื้อวัตถุดิบฝ้ายลินินหรือว่ามีคนกักตุนวัตถุดิบ ทำให้วัตถุดิบขึ้นราคา?หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็แย่แล้ว!แผนการสู่ความร่ำรวย อาจจะพังพินาศ!แต่ว่าเป็นไปไม่ได้หนิ!ก่อนสงคราม มีคนกักตุนอาหารแห้ง ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ใครจะกักตุนฝ้ายลินินกันเล่า?ลั่วอวี้จู๋นั่งลงจิบน้ำชา ใจเย็นลงเล็กน้อย “แต่เช้าตรู่ หม่อมฉันทำตามคำสั่งขององค์ชาย ไปซื้อฝ้ายลินินที่ร้านค้
“ไม่มีค่าแม้แต่แดงเดียวเช่นนั้นหรือ?”“เป็นไปได้อย่างไร!”ลั่วอวี้จู๋กระวนกระวาย หน้าเปลี่ยนสีเดิมทีหวังว่าจะได้เงินจากการขายจี้หยก ไปแจกจ่ายเงินชดเชยให้พวกหญิงหม้ายและเด็กกำพร้าผลสุดท้าย จี้หยกขององค์ชายสี่ไม่มีค่า ขายไม่ออกควรทำอย่างไรดี!“ของปลอมเช่นนั้นหรือ?”หลี่หลงหลินขมวดคิ้วเป็นปม ถือจี้หยกไว้ในมือ มองอย่างถี่ถ้วนเนื้อหยกนี้มีความโปร่งใส งานละเอียด ไม่มีทางเป็นของปลอมแน่นอน!อีกทั้ง หลี่หลงหลินจำได้ว่า จี้หยกชิ้นนี้ เป็นเครื่องประดับชิ้นโปรดของฮ่องเต้หวู่ ที่พกติดตัวมานานหลายปีครั้งหนึ่งตอนล่าสัตว์ฤดูวสันต์ องค์ชายสี่ได้อันดับหนึ่ง ฮ่องเต้หวู่ดีพระทัยมาก พระราชทานจี้หยกให้เขา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจจี้หยกในมือฮ่องเต้ มูลค่ามหาศาลแน่นอน แล้วจะเป็นของปลอมได้อย่างไร?“ท่านไม่เชื่อข้าหรือ์”ซูเฟิ่งหลิงน้อยอกน้อยใจอย่างมาก “ตามพี่สะใภ้รองมา ให้นางตรวจสอบ ก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ?”กงซูหว่านไม่เพียงชำนาญงานไม้ การถลุงโลหะจำพวกทองคำ แกะสลักไข่มุกต่างๆ ก็ชำนาญมากลั่วอวี้จู๋พยักหน้า พูด “ได้! ข้าไปตามนางมา!”หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งกงซูหว่านมาถึงโถงใหญ่ มือเรียวยาวลูบจี้ห
ซูเฟิ่งหลิงใส่ชุดบุรุษสีขาวจันทรา มือสะบัดพัด เดินวนตรงหน้าหลี่หลงหลินรอบหนึ่ง พูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นอย่างไรบ้างเพคะ? ข้าแต่งชายเช่นนี้ หล่อกว่าท่านใช่ไหมเพคะ?”ยามปกติตอนที่ซูเฟิ่งหลิงมีเวลาว่าง นางก็มักจะแต่งเป็นชาย ไม่ว่าจะเดินตลาดหรือล่าสัตว์ ล้วนสะดวกก็แต่งหญิงเสื้อผ้าบุรุษชุดนนี้ของนาง ตัดเย็บพอดีตัว บวกกับใบหน้างดงามที่มีความน่าเกรงขาม เพียงเปลี่ยนชุด ก็กลายเป็นคุณชายเจ้าชู้ ผู้หล่อเหลาและสง่าผ่าเผยหญิงงามดั่งหยก บุรุษหล่อเหลาไม่มีใครเทียบได้!หากซูเฟิ่งหลิงแต่งกายเช่นนี้ ไปเดินในสำนักการสังคีต ไม่รู้ว่าจะมีสตรีมากน้อยเพียงใดหมายปองหลี่หลงหลินเดินวนรอบซูเฟิ่งหลิงหลายรอบ พูดงึมงำ “เหมือน! เหมือนจริงๆ!”ซูเฟิ่งหลิงพูดด้วยความแปลกใจ “เหมือนอะไรเพคะ?”หลี่หลิงหลินหัวเราะแล้วพูด “ออร่าอ่อนโยนนี้ของเจ้า จะเหมือนอะไรได้? แน่นอนว่าเหมือน...ที่ออกมาจากวังหลวง"ซูเฟิ่งหลิงโมโหอย่างมาก มืออมชมพูกำหมัดแน่น ไล่ต่อหลี่หลงหลิน “ท่านบอกว่าข้าเหมือนขันทีเช่นนั้นหรือ? รนหาที่ตาย!”ลั่วอวี้จู๋ถอนหายใจ “พวกเจ้าสองสามีภรรยา หยุดเล่นกันได้แล้ว!จริงจังหน่อย!”ซูเฟิ่งหลิงถลึงตามองหลี่หลงหลิน ก
ซูเฟิ่งหลิงในชุดสีขาว มือถือพัด สง่าผ่าเผย เดินเข้าไปในจวี้เป่าไจพวกพนักงานเห็นนาง ตัวแข็งทื่อกลายเป็นเห็น ยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นบุรุษที่หล่อเหลายิ่งนัก!เพียงแต่ บุคลิกอ่อนโยนเล็กน้อย!หรือว่ามาจากวังหลวง?เถ้าแก่ซ่งโบกมือ บอกให้พนักงานถอยออกไป เดินมาต้อนรับด้วยตนเองพร้อมกับรอยยิ้ม “คุณชายท่านนี้ หน้าตาไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าใดนัก!”ซูเฟิ่งหลิงกระแอมไอ พูดเสียงทุ้ม “ข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก”เมื่อเถ้าแก่ซ่งได้ฟัง รู้ทันทีว่าชายหนุ่มผู้หล่อเหลาตรงหน้า ไม่ใช่บุรุษอย่างแน่นอนน่าจะเป็นขันทีในวังหลวงด้วยเหตุนี้ เถ้าแก่ซ่งจึงยิ่งให้เกียรติมากขึ้น “เช่นนั้นท่านมาที่ร้านเล็กๆ ของเรา มีธุระใดขอรับ?”ซูเฟิ่งหลิงไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบจี้หยกออกมา “ราคาเดียว หนึ่งแสนตำลึง!”เมื่อเถ้าแก่ซ่งเห็นจี้หยก รูม่านตาหดเล็กจี้หยกนี้ เป็นอัญมณีล้ำค่าจริงๆ!หากอยู่ในยุคที่บ้านเมืองสงบสุข ราคาหนึ่งแสนตำลึงไม่ถือว่าแพงปัญหาคือ เวลานี้บ้านเมืองวุ่นวายบ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองให้วัตถุโบราณล้ำค่า บ้านเมืองวุ่นวายทองคำล้ำค่าในยุคสมัยที่บ้านเมืองว้าวุ่นเช่นนี้ ราคาของจี้หยก ลดแล้วลดอีกหนึ่งแสนตำลึง ถือ
สำหรับหนิงชิงโหวแล้ว สำนักการสังคีตก็เหมือนบ้านของเขา ทันทีที่ก้าวเข้ามา แม่เล้าแห่งหอนางโลมผู้ยังคงดูมีเสน่ห์แม้อายุเริ่มมากก็เดินเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้า “บัณฑิตหนิง มาแล้วหรือ! วันนี้จะดื่มเหล้าอะไรดีเจ้าคะ แล้วอยากพบยอดคณิกาคนไหนหรือเปล่า? หนิงชิงโหวหัวเราะ “ให้คนขนเหล้าที่อยู่บนรถม้าของข้าลงมา! เหล้านี่ล้ำค่ามาก หากทำแตกไปแม้แต่ไหเดียว เจ้าจะต้องขายทรัพย์สินจนหมดตัวเพื่อชดใช้แน่นอน! แล้วก็เรียกยอดคณิกาทั้งเจ็ดมาที่นี่ด้วย!” ยอดคณิกาของสำนักการสังคีต เดิมทีมีเพียงหลิ่วหรูเยียนคนเดียว แต่หลังจากที่หลิ่วหรูเยียนไถ่ตัวออกไปใช้ชีวิตเรียบง่าย คนอื่น ๆ จึงได้เผยตัวขึ้นมา และกลายเป็นยอดคณิกาคนใหม่ทั้งเจ็ด อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับหลิ่วหรูเยียนที่เชี่ยวชาญทั้งดนตรี หมากล้อม การเขียน และการวาดภาพ อีกทั้งยังมีความงามเป็นเลิศ ยอดคณิกาทั้งเจ็ดนี้ยังไม่สมบูรณ์แบบขนาดนั้น บางคนเก่งการเต้น บางคนเล่นดนตรีได้ดี บางคนเชี่ยวชาญบทกวีและเพลง บางคนมีเสียงร้องที่ไพเราะ... รูปแบบแตกต่างกันไป มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง ปกติหนิงชิงโหวจะเลือกนางคณิกาเพียงคนเดียวมาร่วมดื่ม แต่ว
มีเพียงซุนชิงไต้ที่กำลังอยู่ในครัว มือถือชามข้าว กินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย “พี่สะใภ้สาม องค์ชายเก้าหายไปไหน?” ซูเฟิ่งหลิงถามขึ้น “เขาไม่ได้กลับมาพร้อมพี่หรือ?” ซุนชิงไต้ตอบแบบไม่ชัดเพราะกำลังเคี้ยวข้าว “อ๋อ เขาไปขายสุรากับบัณฑิตหนิง บอกว่าคืนนี้อาจจะไม่กลับมา!” ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วแน่น”คืนนี้ไม่กลับมา?” ด้วยสัญชาตญาณของผู้หญิง นางรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมีเพื่อนจอมเจ้าเล่ห์อย่างบัณฑิตหนิงแล้ว คำตอบมันก็แทบจะชัดเจนอยู่แล้ว! ซูเฟิ่งหลิงโกรธจนตัวสั่น “ไอ้สองตัวสารเลวนี้! อย่าบอกนะว่าแอบไปมั่วที่สำนักการสังคีต!” ซุนชิงไต้ประหลาดใจ “น้องสาว เจ้าฉลาดเหมือนพี่สะใภ้รองเลย! พี่สะใภ้รองก็พูดว่าองค์ชายเก้ากับบัณฑิตหนิงต้องไปสำนักการสังคีตแน่ ๆ! มีแต่ข้าที่โง่ ไม่ทันคิดเลย!” ซูเฟิ่งหลิงโมโหถึงขั้นหยิบหอกเงินขึ้นมา “สันดานเสียแก้ไม่หายจริง ๆ! ข้าจะไปที่สำนักการสังคีตเดี๋ยวนี้ แล้วเจาะรูบนตัวของไอ้จอมเจ้าชู้นั่นให้พรุน!” ซุนชิงไต้ตกใจจนหน้าซีดเผือด นางเป็นคนไร้เล่ห์เหลี่ยม ไม่เข้าใจเรื่องของชายหญิงเลย ไม่คาดคิดว่าเพียงคำพูดไม่กี่คำของตนเอง จะทำให้ซูเฟิ
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลี่หลงหลินตัดสินใจจะทำสุราแล้ว เขาย่อมวางแผนการขายไว้ล่วงหน้าแล้ว สุราหอมกลิ่นดีแต่กลัวซอยลึก? ไม่มีทางเป็นไปได้! หลี่หลงหลินโอบไหล่หนิงชิงโหว พลางพูดด้วยรอยว่า “บัณฑิต! เรื่องดื่มสุรา ข้าไม่ถนัด แต่เรื่องค้าขาย ท่านก็ไม่ถนัด!” หนิงชิงโหวฟังแล้วรู้สึกประหลาดใจ “องค์ชายเก้า ท่านมีวิธีแล้วหรือ? หรือว่า...เป็นวิธีเดิม...” วิธีเดิมที่เขาหมายถึง คือวิธีที่หลี่หลงหลินใช้ตอนขายน้ำหอมดอกไม้ เริ่มต้นจากการส่งไปยังวังหลวงให้เหล่าสนมทดลองใช้ เพียงแค่ทำให้เป็นที่นิยมในวังหลวง จากนั้นก็จะมีคนเลียนแบบมากมายดุจปลาตะเพียนข้ามแม่น้ำ แต่หลี่หลงหลินส่ายหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงขบขัน “วิธีเดิม ใช้ครั้งนี้ไม่ได้ผล” หนิงชิงโหวได้ยินก็ประหลาดใจยิ่งขึ้น “ทำไมล่ะ?” หลี่หลงหลินอธิบายว่า “สุรานั้น! มีคนที่หลงใหลคลั่งไคล้ แต่ก็มีคนที่เกลียดเหมือนยาพิษ ความแตกต่างในรสนิยมนั้นใหญ่กว่า! แม้แต่เสด็จพ่อของข้าเอง ก็ไม่ได้โปรดปรานสุรานัก!”“ “ขุนนางทั้งหลายก็เช่นกัน ดื่มสุราเพียงเพื่อสร้างความสนุก ใช้เจรจากิจการงานต่างๆ หรือผูกสัมพันธ์เท่านั้น!” “ในราชสำนัก คนที่นับว่าเป็นคอส
หนิงชิงโหวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุรา เขาไม่ได้ดื่มสุราแบบรวดเดียวหมด เขายกถ้วยสุราขึ้นมา สูดกลิ่นที่ปลายจมูกก่อน “หอมมาก!” หนิงชิงโหวกล่าวชม “กลิ่นหอมของสุรานี้เทียบได้กับสุราเทพเมามายของสำนักการสังคีตเลย! ไม่สิ กลิ่นนี้หอมและเข้มข้นยิ่งกว่าสุราเทพเมามายอีก!” กงซูหว่านกลับใช้แขนเสื้อปิดจมูก พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย นางมองว่าสุราทำให้เส้นประสาทชาและบั่นทอนสติสัมปชัญญะ นางจึงแทบไม่ดื่มสุรา กลิ่นของเหล้าขาวสำหรับนางนั้น ฉุนจนทนไม่ได้ ซุนชิงไต้กลับไม่มีปัญหาอะไร เพราะนางมักต้มยาสมุนไพรบ่อย ๆ ซึ่งกลิ่นสมุนไพรนั้นฉุนยิ่งกว่าสุรา หนิงชิงโหวเมื่อดมกลิ่นเสร็จ เขาก็อดใจไม่ไหว ดื่มสุราจากถ้วยจนหมดในรวดเดียว “สุราดี!” สุรารสชาติเช่นนี้เขาไม่เคยลิ้มลองมาก่อน ใบหน้าของเขาแดงก่ำทันที ขนลุกซุ่ไปทั้วทั้งร่าง เขาถึงกับกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น เหล้าข้าวทั่วไปมีฤทธิ์เมาพอ ๆ กับเบียร์ คนที่ดื่มเหล้าได้ ดื่มแปดชามสิบชามก็ไม่เมา แต่สุรากลั่นมีฤทธิ์เมาสูงกว่าเหล้าข้าวสิบเท่า แม้แต่คนดื่มเก่งอย่างหนิงชิงโหว เพียงถ้วยเดียวก็รู้สึกมึนเมาราวกับลอยละล่องขึ้นไปบนฟ้า “เหล้ารสช
โรงกลั่นขนาดเล็กใช้เวลาเพียงสี่ถึงเจ็ดวันในการกลั่นสุรา แต่โรงกลั่นขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาถึงสองเดือน เพราะระยะเวลากลั่นที่นานขึ้นทำให้สุรามีรสชาติกลมกล่อม หอม และมีความเข้มข้นของฤทธิ์เมาสูงขึ้น หลี่หลงหลินไม่มีเวลามากขนาดนั้น เขาจึงใช้เวลาเพียงสี่วันในการหมักสุราชุดแรกออกมา สถานที่หมักสุรานั้นอยู่ในสถาบันวิจัยภูเขาประจิม แม้ว่าหลี่หลงหลินจะดื่มสุรา แต่เขาไม่ได้เป็นคนติดสุรา ดังนั้น เพื่อทดสอบคุณภาพของสุรา เขาจึงเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านสุราอย่างหนิงชิงโหวมา หนิงชิงโหวที่ได้รับฉายาว่า บัณฑิตหยิ่งยโสอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า แท้จริงแล้วในยามปกติเป็นคนสุขุมอ่อนโยน แต่เมื่อเมา เขากลับแสดงความคลุ้มคลั่ง ด่าทอฟ้าดิน และหัวเราะเยาะทุกสิ่งไม่เว้นแม้แต่ขงจื๊อ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา หนิงชิงโหวเป็นคนติดสุรา เคยลิ้มรสสุราชั้นเลิศจากทั่วหล้า เขาจึงมีสิทธิ์ออกความเห็นมากที่สุด เมื่อได้ยินว่าหลี่หลงหลินจะกลั่นสุราที่ดีที่สุดในโลก และขอให้เขามาชิม แม้เขาจะไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย “องค์ชายเก้า!” “ข้ามาตรฐานสูงเรื่องสุรานะ!” “ท่านบอกว่าสุราเหินเวหาเพียงดื่มคำเดียวก
สุรานี้สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตและโชคชะตาของแคว้นได้! นี่แหละคือสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุด! หลี่หลงหลินกล่าวด้วยความมั่นใจว่า “สิ่งนี้มีชื่อว่าระเบิดขวด เพียงใช้สุราที่มีฤทธิ์เมาผสมกับดินปืน ก็สามารถสร้างได้ ไม่เพียงแต่ต้นทุนต่ำ แต่ยังมีอานุภาพการทำลายล้างที่น่าทึ่ง! จำได้หรือไม่ว่าข้าเคยพูดถึงรถถังให้เจ้าฟัง?” กงซูหว่านพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า แน่นอนว่านางจำได้ หลี่หลงหลินเคยบอกว่า รถถังคือราชาแห่งสงครามบนบกอย่างแท้จริง! หากรถถังถือกำเนิดขึ้น ม้าศึกก็จะถูกขับออกจากเวทีประวัติศาสตร์โดยสิ้นเชิง หากราชวงศ์ต้าเซี่ยมีรถถัง การทำลายล้างชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ หรือแม้แต่การพิชิตโลกก็จะไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน! หลี่หลงหลินพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “แม้ว่ารถถังจะทรงพลัง แต่ระเบิดขวดนี่แหละคือศัตรูตัวฉกาจของมัน! ลองคิดดูสิว่า ระเบิดขวดจะมีพลังทำลายล้างมากแค่ไหน!” คำพูดนี้ของหลี่หลงหลินไม่ได้พูดเกินจริง ในความเป็นจริง ระเบิดขวดถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ต่อกรกับรถถังโดยเฉพาะ กงซูหว่านตื่นเต้นมาก และพูดออกมาด้วยความใจจดใจจ่อ “ทำไมท่านไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้! รีบบอกข้ามาเถอะว่าการกลั
เมื่อพูดแล้ว ก็ลงมือทันที หลี่หลงหลินสั่งให้ลั่วอวี้จู๋เรียกกงซูหว่านและซุนชิงไต้เข้ามา การกลั่นสุรานั้นต้องใช้อุปกรณ์หลากหลาย อีกทั้งทุกกระบวนการยังต้องให้กงซูหว่านเป็นผู้ดูแล ส่วนซุนชิงไต้ พี่สะใภ้สาม ซึ่งเป็นหมอเทวดา นางมีความรู้เกี่ยวกับกระบวนการหมักดอง เพราะในชีวิตประจำวัน นางก็มักกลั่นสุราสมุนไพรเพื่อใช้รักษาผู้ป่วย ด้วยการช่วยเหลือของนาง สุราเหินเวหาที่ผลิตออกมาย่อมต้องมีรสชาติที่ไม่ธรรมดา ไม่นานนัก กงซูหว่านและซุนชิงไต้ก็มาถึงยอดเขาทิศประจิม “องค์ชายเก้า คราวนี้ท่านจะทำของอร่อยอะไรอีกล่ะ?” ซุนชิงไต้ในชุดกระโปรงสีเขียวล้วน ผูกผมหางม้าสองข้าง พอมาถึงก็รื้อค้นตู้ไปทั่ว มองหาของกิน ขณะที่กงซูหว่านในชุดกระโปรงสีดำ ใบหน้างดงามเรียบเฉย กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เรียกข้ามา ท่านต้องการให้ทำอะไร? จะมีสิ่งประดิษฐ์ใหม่อีกหรือ?” หลี่หลงหลินยิ้มเจ้าเล่ห์ “พี่สะใภ้ทั้งสอง ข้ามีเรื่องเล็กน้อยอยากขอให้ช่วย! ข้าตั้งใจจะกลั่นสุรา...” เมื่อได้ยินเรื่องสุรา ทั้งซุนชิงไต้และกงซูหว่านที่ตอนแรกดูสนใจ ก็หมดความสนใจลงทันที กงซูหว่านหาวออกมาเบา ๆ “หากท่านต้องการกลั่นสุรา ไปหาโ
แต่แล้วเมื่อคิดหาวิธีที่ดีกว่าได้ สายตาของหลี่หลงหลินก็สว่างวาบขึ้น “พี่สะใภ้!” “ข้านึกอะไรดีๆ ออกแล้ว!” หลี่หลงหลินตบหน้าผากตัวเองด้วยความตื่นเต้นและพูดว่า“ธัญพืชเก่าเก็บที่กองอยู่เต็มยุ้งฉาง เราสามารถนำไปกลั่นเป็นสุราได้! ไม่เพียงแต่จะขายได้เงิน ยังมีประโยชน์ในด้านอื่นอีกด้วย!” ลั่วอวี้จู๋นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัวพลางยิ้มเจื่อน “องค์ชาย ท่านคิดง่ายเกินไปแล้ว! เรื่องการกลั่นสุรานั้นไม่มีทางเป็นไปได้!” หลี่หลงหลินแปลกใจ “ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ?” ลั่วอวี้จู๋พูดด้วยสีหน้าจำใจ “องค์ชาย ท่านไม่ทราบหรือว่าในดินแดนต้าเซี่ย เกลือ เหล็ก และสุรา ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของราชสำนัก? หากเป็นการกลั่นไว้ดื่มเองย่อมไม่มีปัญหา แต่หากนำออกขายล่ะก็ ถือเป็นโทษถึงตาย!” หลี่หลงหลินพลันนึกขึ้นได้ ในประวัติศาสตร์ มีหลายราชวงศ์ที่มีกฎหมายห้ามกลั่นสุราเอง เนื่องจากเหตุผลสองประการ ประการแรก สุราเหมือนกับเกลือและเหล็ก สามารถเก็บภาษีในอัตราสูงได้ ประการที่สอง การกลั่นสุราใช้ธัญพืชเป็นวัตถุดิบ หากเป็นยุคที่ธัญพืชเหลือเฟือ การนำมากลั่นสุราย่อมไม่ใช่ปัญหา แต่ต้าเซี่ยในปัจจุบันกลับอยู่
ลั่วอวี้จู๋ถอนหายใจ “ปัญหาหนี้สินยังพอถ่วงเวลาได้! แต่ปัญหาคือเงินทุนหมุนเวียนของพวกเราเหลืออยู่ไม่มากแล้ว! ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหารของนักเรียนในโรงเรียนที่ภูเขาทิศประจิม หรือค่าเลี้ยงดูทหารใหม่ แค่ค่าใช้จ่ายในการกินอยู่ประจำวัน ก็เป็นจำนวนเงินที่มากพอสมควรแล้ว!” หลี่หลงหลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามว่า “แล้วธุรกิจอื่น ๆ ล่ะ?” หลังจากที่หลี่หลงหลินบริหารจัดการมาอย่างดีแล้ว ตอนนี้ตระกูลซูก็มีธุรกิจและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นมากมาย แต่ละวันมีรายรับเท่าไหร่ และมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของลั่วอวี้จู๋แม่บ้านคนนี้ หลี่หลงหลินในฐานะเจ้าของที่ไม่ลงมือทำงานด้วยตัวเอง กลับทำตัวเหมือนผู้จัดการที่ปล่อยปละละเลย เอาแต่พักผ่อน ลั่วอวี้จู๋หยิบสมุดบัญชีออกมายื่นให้หลี่หลงหลิน “องค์ชาย ท่านลองตรวจสอบเองเถิด!” หลังจากที่หลี่หลงหลินตรวจสอบบัญชีเสร็จ ก็ขมวดคิ้วเป็นปม แม้ตอนนี้เขาจะมีธุรกิจอยู่มากมาย ทั้งน้ำตาลทรายขาวและเหล็กกล้าที่ตีหนึ่งร้อยครั้งที่มีมูลค่ามหาศาล แต่สิ่งเหล่านี้เป็นวัตถุดิบเชิงกลยุทธ์ที่ไม่สะดวกในการขาย ส่วนน้ำหอมดอกไม้และแว่นสายตายาวกลับมีปริมาณการผลิต