คำพูดของหลี่หลงหลินในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการพูดเพื่อเอาใจ แต่เป็นพูดจากใจจริง ฮ่องเต้หวู่ ถึงแม้จะไม่ใช่ฮ่องเต้ที่เก่งกาจที่สุด แค่เพียงพระองค์ที่มีความห่วงใยประชาชน และพยายามคิดหาทางช่วยเหลือประชาชนในทุกๆ ด้าน ก็เพียงพอที่จะบ่งบอกว่า พระองค์ไม่ใช่ฮ่องเต้ที่เลวร้ายแล้ว หากพระองค์เกิดในยุคสมัยที่รุ่งเรือง ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร ฮ่องเต้หวู่ก็จะเป็นพระราชาที่รักษาความมั่นคง หรือแม้แต่เป็นผู้นำที่ขยายอาณาจักรได้อย่างยิ่งใหญ่ แต่น่าเสียดาย ที่พระองค์เกิดในช่วงปลายของราชวงศ์นี้... เพราะไม่เชี่ยวชาญด้านการปกครอง แต่เก่งด้านการสงคราม จึงทำให้พระองค์ต้องเผชิญกับการถูกกล่าวหาว่าใช้การทหารมากเกินไป และถึงขั้นกลายเป็นพระราชาที่ทำให้แผ่นดินล่มสลาย “ข้าไม่ใช่เป็นพระราชาที่โง่เขลาหรือ?” เมื่อฮ่องเต้หวู่ได้ยินคำพูดของหลี่หลงหลิน ดวงตาของพระองค์ดูผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย: “จริงหรือ?” หลี่หลงหลินพยักหน้า และกล่าวอย่างมั่นใจ: “ลูกไม่ได้โกหก! ตราบใดที่เสด็จพ่อมีความมุ่งมั่น ก็ยังไม่สายเกินไป!” ฮ่องเต้หวู่ส่ายหัวพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น: “ความมุ่งมั่น ข้ายังมี... แต่อายุเริ่มเยอะแล้วจริงๆ...”
เว่ยซวินไม่เข้าใจอยู่บ้าง กระซิบถามเสียงค่อยพระราชโองการนี้เขียนไว้ดีแล้ว เหตุใดฮ่องเต้หวู่ไม่นำออกมาเล่าฮ่องเต้หวู่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เอ่ยว่า “สุดท้ายเราก็ยังมิอาจหักใจได้! ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เรานำพระราชโองการออกมา เจ้าเก้าก็ไม่มีวันรับปาก! เขาเป็นเด็กที่ดีคนหนึ่ง! รอก่อนเถอะ อาจยังไม่ถึงเวลา!”“เราอารมณ์ไม่ดี ไปตำหนักฉางเล่อเถอะ”“เราจะไปหาหลินกุ้ยเฟย คุยกับนาง”วังหลังมีสตรีงามสามพันคน มีเพียงหลินกุ้ยเฟยที่นั่น ฮ่องเต้หวู่ถึงจะสามารถทำใจให้สงบลงได้ นอนหลับสนิทเว่ยซวินพูดอย่างลำบากใจ “ฝ่าบาท ฮองเฮาเพิ่งส่งคนมา พูดว่าอยากเชิญท่านเสด็จไปที่ตำหนักเฟิ่งซีสักเที่ยวหนึ่ง พูดว่าอยากตุ๋นน้ำแกงโสมให้ท่าน ท่านว่า...”ดวงตาฮ่องเต้หวู่ทอประกาย พูดอย่างตกตะลึง “ฮองเฮาถึงขั้นต้มน้ำแกงโสมให้เรา? เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะไปตำหนักเฟิ่งซีก่อน ไม่สามารถทำให้ฮองเฮาเสียน้ำใจได้!”เว่ยซวินทำความเคารพ “กระหม่อมน้อมรับคำสั่ง!”......คุกหลี่หลงหลินได้พบเสิ่นชิงโจวที่ห้องขังแห่งหนึ่งสมเป็นอาจารย์ของฮ่องเต้ติดคุกก็ยังแตกต่างจากผู้อื่น ได้อยู่ในห้องหรูหราห้องนี้แม้เล็ก
“วางบนจุดกลางกระดาน ทรงพลังไม่อาจหยุดยั้ง!”รูม่านตาเสิ่นชิงโจวหดลง พลังแห่งการต่อสู้ถูกจุดขึ้นภายในใจ“ทว่า...”เสิ่นชิงโจวยิ้มเบาๆ “องค์ชายเก้า พรสวรรค์ของท่านล้นเหลือ แต่ท้ายที่สุดท่านก็ยังเด็กเกินไป! ท่านแข็งแกร่งเพียงใดก็ช่าง ครั้นลมพัดผ่านยอดเขา...”เสิ่นชิงโจวกลับไม่ยอมรับการท้าทายจากหลี่หลงหลิน แต่วางหมากด้วยท่าทางสงบเยือกเย็น อิงตามจังหวะของตน วางหมากสีขาวที่มุมแห่งหนึ่งครู่ต่อมาหลี่หลงหลินวางอีกตัว ใกล้กับจุดกลางกระดานเสิ่นชิงโจวขมวดคิ้วนี่คือการเดินหมากแปลกประหลาดอะไรกันไม่เคยเห็นมาก่อน!แต่อย่างไรก็ตาม!อิงตามจังหวะการเดินของตน ไม่ต้องให้หลี่หลงหลินเข้ามายุ่งหมาก วางลงช้าๆเพียะ ๆ ๆ...วางต่อเนื่องสี่ตัว เสิ่นชิงโจวมองออกแล้ว ฝีมือการเดินหมากของหลี่หลงหลินอ่อนหัดยิ่งนักถึงขั้นเรียกได้ว่า เขาเดินหมากไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ!หมากดำสี่ตัวถึงขั้นกลายเป็นเส้นตรงหนึ่งเส้นน่าขันยิ่งนัก!เสิ่นชิงโจวส่ายหน้า “ดูท่าแล้วข้ามองคนผิดไป! เดิมทีท่านก็ไม่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ของข้า...”เพียะ!หลี่หลงหลินวางหมากตัวที่ห้าอย่างไม่เกรงใจ ยิ้มเย็นพูดว่า “ห้าหมากเรียงกัน! ท่านอ
“ไร้เหตุผลสิ้นดี!”ซูเฟิ่งหลิงตกตะลึง “เดินหมากแพ้ ก็ล้มกระดาน? ทำเลยเถิดถึงเพียงนี้เชียว? ช่างแล้ว ท่านเองก็อย่าโกรธเขาเลย! อย่างไรเสีย เขากลายเป็นนักโทษ ยังจะสามารถก่อปัญหาสร้างความวุ่นวายอะไรได้อีก?”“กระดานหมาก...กระดานหมาก...”หลี่หลงหลินอึดอัดใจแย่แล้ว ปากบ่นงึมงำไม่หยุด เอ่ยถามซูเฟิ่งหลิงอย่างกะทันหัน “เจ้าพูด อะไรคือกระดากหมากของข้า?”ซูเฟิ่งหลิงใคร่ครวญครู่หนึ่ง พูดว่า “นั่นยังต้องพูดอีกหรือ! ย่อมต้องเป็นฝ่าบาทอย่างไรเล่า!”หลี่หลงหลินชะงัก “เสด็จพ่อ?”ซูเฟิ่งหลิงพูดอย่างจริงจัง “ใช่แล้ว! ท่านสามารถทำสำเร็จไปเสียทุกอย่าง ชนิดที่ว่าแม้แต่ในทางที่ไม่ถูกต้องก็ทำได้! ก็เพราะท่านเป็นองค์ชายเก้า โอรสที่ฝ่าบาทโปรดปรานที่สุด!”“หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ศีรษะคงหลุดจากบ่าไปแล้ว!”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เจ้าพูดมีเหตุผลยิ่งนัก! สิ่งที่ข้าพึ่งพาอาศัย ตั้งแต่เริ่มจนจบก็คืออำนาจกษัตริย์! เป็นที่โปรดปรานของเสด็จพ่อ! ก็เพราะสาเหตุนี้ ข้าถึงสามารถโอหังไม่เกรงกลัว ไม่ให้ความสำคัญต่อกษัตริย์เท่าที่ควร ลบหลู่ขุนนางได้!”“ไม่ว่าอัครมหาเสนาบดีตู้เหวินยวน หรืออาจารย์ของฮ่องเต้เสิ่นชิงโจว!”“ข้าล้
หลี่หลงหลินพาซูเฟิ่งหลิง เดินผ่านศาลาระเบียงทางเดิน สวนพฤกษา มุ่งหน้าไปยังตำหนังเฟิ่งซี“ฮองเฮาประสงค์ร้ายต่อฝ่าบาท?”ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วแน่น รู้สึกเหลือจะเชื่อ “องค์ชายเก้า นี่ตกลงเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่? ใช่หรือไม่ว่าท่านเข้าใจผิดไป!”สีหน้าหลี่หลงหลินไม่สบอารมณ์มาก “ข้าเองก็หวังให้เข้าใจผิดไป! แต่...พวกเราล้วนถูกเสิ่นชิงโจวหลอกแล้ว! เขามิได้ทำเพื่อใต้หล้า และราษฎร์!”“เสิ่นชิงโจวก่อกบฏ ก็เพื่อ...เพื่อองค์ชายใหญ่!”ซูเฟิ่งหลิงชะงัก พูดอย่างไม่เข้าใจ “องค์ชายใหญ่ ท่านกำลังพูดถึงรัชทายาทที่ถูกปลดหลี่เทียนฉี่?”หลี่หลงหลินพยักหน้า “ใช่! ก็คือเสด็จพี่ใหญ่!”อันที่จริง ฮ่องเต้หวู่มิได้แต่งตั้งรัชทายาท แต่ยึดตามหลักธรรมเนียมปฏิบัติของบรรพบุรุษ แต่งตั้งลูกชายคนโตหลี่เทียนฉี่เป็นรัชทายาท โปรดปรานเขาอย่างมากจากนั้น ไม่รู้เพราะเหตุใด รัชทายาทกลับก่อกบฏ ตกตะลึงทั้งใต้หล้า!ฮ่องเต้หวู่กริ้วหนัก ปลดตำแหน่งรัชทายาท ส่งฮองเฮาเข้าตำหนักเย็นหลายปีต่อมา เหล่าขุนนางขอความเมตตาอย่างยากลำบาก ฮ่องเต้หวู่จึงคลายโทสะ อภัยโทษรัชทายาท แต่งตั้งเขาเป็นเจ้าแคว้น ปกครองตงไห่ เฝ้าชายแดนของต้าเซี่ย!ต่อ
เสิ่นชิงโจวทำทั้งหมด ก็เพื่อองค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่!ในอดีต หลี่เทียนฉี่ก่อกบฏล้มเหลว ถูกปลดจากรัชทายาทกลายเป็นเจ้าแคว้นเสิ่นชิงโจวไม่ยอมตัดใจ!วางแผนมานานหลายปี ก็เพื่อช่วยหลี่เทียนฉี่ก่อกบฏอีกครั้ง ครอบครองบัลลังก์ฮ่องเต้!ซูเฟิ่งหลิงพูดอย่างกระตือรือร้น “ข้าเข้าใจแล้ว! ฮองเฮาหลู่เป็นมารดาแท้ๆ ขององค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่! ยิ่งไปกว่านั้น หลี่เทียนฉี่ก่อกบฏล้มเหลว นางพลอยเดือดร้อนไปด้วย ถูกส่งเขาตำหนักเย็น! ปากนางไม่พูด แต่ฝ่าบาทในหัวใจนาง กลับมีความแค้นฝังลึก!”“ระหว่างสามีและลูกชาย นางเลือกลูกชาย!”“ดังนั้น นางไม่ใช่ช่วยเสิ่นชิงโจว แต่ช่วยหลี่เทียนฉี่ ปลงพระชนม์ฝ่าบาท!”สีหน้าหลี่หลงหลินไม่สบอารมณ์มาก “ใช่แล้ว! ต่อให้เสด็จพ่อระวังเยี่ยงไร ก็คิดไม่ถึง ภรรยาร่วมผูกผมร่วมเตียงเคียงหมอนมานานหลายปีจะทำร้ายพระองค์! หวังว่าจะยังทันเวลา!”ระหว่างพูด หลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงมาถึงหน้าตำหนักเฟิ่งซีแล้ววันนี้ตำหนักเฟิ่งซี ป้องกันอย่างแน่นหนาองครักษ์หน้าประตูเห็นสองคนมา ก็รีบกางแขนขวางไว้ “องค์ชาย! ฮองเฮามีรับสั่ง ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าตำหนักเฟิ่งซี! ท่านโปรดกลับไปด้วย!”สีหน้าหลี่หลงหล
มุกเหงื่อขนาดเท่าถั่วเหลือง ผุดพราวเต็มหน้าผาก ร่างกายกระตุกอย่างแรงมองออกว่า เขากำลังได้รับความเจ็บปวดยากเกินจะทนไหว“ใครกัน? ใครวางยาทำร้ายเรา?”“หรือว่า จะเป็นนางกำนัลข้างกายฮองเฮา?”ต่อให้มาถึงขั้นนี้ ฮ่องเต้หวู่ก็ไม่เคยคิดมาก่อน คนวางยาพิษจะเป็นคนเคียงหมอนของตน“เสด็จพ่อ...”หลี่หลงหลินเองก็ว้าวุ่น “ท่านอดทนก่อน! ลูกจะรีบไปตามหมอหลวง...”ฮ่องเต้หวู่จับมือหลี่หลงหลินไว้แน่นๆ เส้นเลือดปูดนูนบนหน้าผาก “เจ้าเก้า เราอาจจะทนไม่ไหวแล้ว! เจ้าอย่าไป...เรายังมีเรื่องสำคัญ...”เพราะความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ฮ่องเต้หวู่พูดได้ไม่ชัดนัก นิ้วมือของเขาสั่นเทา หยิบของบางอย่างออกจากอก ส่งถึงมือหลี่หลงหลินหลี่หลงหลินก้มหน้าอ่าน ตัวคนก็อึ้งงันอยู่กับที่!พระราชโองการ!พระราชโองการแต่งตั้งรัชทายาท!องค์ชายคนอื่น ต่างเฝ้าฝันถึงสิ่งนี้หลังฮ่องเต้หวู่เขียนดีแล้ว ก็พกติดตัวไว้อยู่ตลอดความเป็นตายอยู่ตรงหน้า ฮ่องเต้หวู่นำพระราชโองการออกมา มอบให้หลี่หลงหลินแคว้นจะขาดกษัตริย์ไปไม่ได้!หากฮ่องเต้หวู่เป็นอะไรไป วิญญาณกลับสู่น้ำพุเก้าชั้นฟ้าฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ ยังมิได้แต่งตั้งรัชทายาท ใต้หล้าจ
ในเวลาเดียวกันฮองเฮาผู้มีเมตตาและคุณธรรมท่านนี้ ฉีกหน้ากากที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความอบอุ่นอย่างสิ้นเชิง ในสายตาของหลี่หลงหลิน ราวกับอสรพิษที่เลือกกัดคนตัวหนึ่ง!เพื่อทำให้ลูกชายแท้ๆ หลี่เทียนฉี่ขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้ฮองเฮาหลู่ใกล้เสียสติเต็มที!แม้แต่ฮ่องเต้หวู่ นางก็กล้าลงมือสังหาร!นับประสาอะไรกับหลี่หลงหลิน?ขอเพียงฮองเฮาหลู่นำพระราชโองการแต่งตั้งรัชทายาทไปจากมือหลี่หลงหลินได้ แก้ไขชื่อแซ่ เปลี่ยนจากหลี่หลงหลินเป็นหลี่เทียนฉี่เช่นนั้น หลี่เทียนฉี่รัชทายาทที่ถูกปลด ก็สามารถกลับมาเป็นรัชทายาทได้ใหม่อีกครั้ง อย่างถูกต้องตามครรลองครองธรรม!“ท่านอย่าฝันเลย!”หลี่หลงหลินเก็บพระราชโองการไว้ในอก เผชิญหน้ากับฮองเฮาหลู่ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากภายนอกระลอกหนึ่งเว่ยซวินในชุดปักลายหม่าง เร่งฝีเท้าบุกเข้ามาข้างหลังเขา ยังมีองครักษ์เสื้อแพรทั้งหมดที่ชวนให้ตกตะลึงพรึงเพริดก็คือ ซูเฟิ่งหลิงถูกองครักษ์เสื้อแพรจับไว้ มือสองข้างไพล่หลัง ผลักเข้ามาแล้วเว่ยซวินเห็นฮ่องเต้หวู่นอนบนพื้น ไม่รู้เป็นหรือตาย ทันใดนั้นว้าวุ่นใจหนัก สีหน้าไม่สบอารมณ์มากฮองเฮาหลู่รีบร้องตะโกน ล้มล
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค
น้ำ...น้ำ!หลิ่วหรูเยียนถูกความเผ็ดทำให้หน้าแดงก่ำ มุกเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก ทำให้ผิวพรรณขาวดุจหิมะถูกแต้มด้วยสีแดงเรื่อหลี่หลงหลินยื่นน้ำเย็นที่เตรียมไว้ดีแล้วให้หลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นเอ่ยปากชม “องค์ชาย! อร่อยเหลือเกิน หม่อมฉันไม่เคยกินของอร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย มีความสุขยิ่งนัก!”เวลาเพียงชั่วพริบตา หัวปลาจานใหญ่ก็หายไปจนหมดเหล่าสะใภ้แต่ละคนหน้าแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวเต็มศีรษะ ปอยผมติดบนหน้าผาก ขับให้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษซูเฟิ่งหลิงถูกความเผ็ดทำให้ริมฝีปากแดงเจ่อ ความสงสัยที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่มลายหายไปราวกับหมอกผ่านตาซุนชิงไต้ยกชามข้าว จับจ้องหลี่หลงหลินและเอ่ยถาม “องค์ชาย ยังมีหัวปลาอีกหรือไม่ เมื่อครู่กินเร็วเกินไป ยังไม่รู้รสเพคะ”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเอือมระอาพี่สะใภ้สามคิดว่ากำลังกินโสมกระมัง จึงกินได้ไม่รู้รสก็แค่ตะกละเท่านั้นหลี่หลงหลินพยักหน้าและตอบว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านวางใจได้ หากท่านชอบ ภายภาคหน้าจะทำให้พวกพี่สะใภ้กินจนพอใจ!”ซุนชิงไต้เผยสีหน้าดีใจ คีบผลสีแดงเข้าปาก จากนั้นถูกความเผ็ดทำให้หน้าบิดเบี้ยว แต่นาง
ที่ต้าเซี่ย นับตั้งแต่โบราณมาไม่คุ้นชินกับการกินหัวปลา ปกติแล้วจะตัดหัวตัดหางเลือกเพียงลำตัว หัวปลาย่อมถูกทิ้งไปแต่บัดนี้หลี่หลงหลินถึงขั้นนำหัวปลาที่เหลือมาทำอาหารหนึ่งชนิดทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือจะเชื่ออยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้นหัวปลาหวงฮื้อใหญ่ยังมีขนาดใหญ่มาก ขนาดเล็กที่สุดก็ราวฝ่ามือ มองดูแล้วน่ากลัว ชนิดที่ว่าทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกอยู่บ้างเหล่าสะใภ้ตกใจจนใบหน้างดงามเผือดซีดนิ้วเรียวยาวของซูเฟิ่งหลิงปิดปากไว้ อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “องค์ชาย เจ้าสิ่งนี้กินเยี่ยงไร? มองดูแล้วน่ากลัวมากเหลือเกิน!”ลั่วอวี้จู๋เผยสีหน้าลำบากใจ “หัวปลานี้กินได้แน่หรือ?”ตอนนี้ทุกคนไม่เพียงสงสัยหลี่หลงหลิน แต่ยังสงสัยต่อหัวปลานี้หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ปลาหวงฮื้อล้ำค่าทั้งตัว หัวปลาย่อมสามารถกินได้ ไม่เพียงแค่นี้ หัวปลายังเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด!”“จริงหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงยังสงสัยดังเดิม ในสายตาของนาง หลี่หลงหลินกำลังปลอบตน ต้องการเห็นเรื่องตลกของตนซุนชิงไต้มองซูเฟิ่งหลิงด้วยสีหน้าจริงจังและเปล่งเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายไม่พูดความเท็จ หัวปลาหวงฮื้อใหญ่นี้กินได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยัง
ลั่วอวี้จู๋พูดอยู่ทางด้านข้าง “ใช่แล้ว องค์ชาย เรื่องเหล่านี้ยกให้สะใภ้สามเถอะเพคะ”หลี่หลงหลินกลับยืดอกตรงดุจต้นไผ่ พูดเสียงเรียบๆ ว่า “พวกพี่สะใภ้วางใจก็พอ ถึงตอนนั้นจะต้องถูกปากพวกพี่สะใภ้แน่”.....พลบค่ำเหล่าสะใภ้และซูเฟิ่งหลิงรอในห้องอาหารนานแล้ว ล้วนแปลกใจตกลงหลี่หลงหลินจะนำความแปลกใจอันใดมาอีกแต่ไหนแต่ไรมาหลี่หลงหลินไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องที่เขาทำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใดสองมือของซูเฟิ่งหลิงยกขึ้นเท้าคาง คนหิวแทบแย่ “ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายเล่นพิเรนทร์อันใดอีก จะต้องลงมือเข้าครัวด้วยตนเองให้ได้ สำคัญที่สุดคือองค์ชายทำอาหารเป็นแน่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงรู้จักหลี่หลงหลินดีมาก แม้พูดว่าฉลาดหลักแหลม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชี่ยวชาญทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่เกิดก็มีคนคอยปรนนิบัติ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องให้กังวล น่ากลัวว่าแม้แต่ประตูห้องครัวก็ไม่เคยเฉียดเข้าไป นับประสาอะไรกับฆ่าปลาทำอาหารเล่า?ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้า สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ดูท่าแล้ว คืนนี้ข้าจะต้องหิวตาย”ลั่วอวี้จู๋อ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออกจึงเอ่ยปลอบ “น้องหญิงเล็ก ผ
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ