“สุรากลั่นบริสุทธิ์?” เมื่อได้ยินคำที่ไม่คุ้นเคย เหล่าขุนนางในท้องพระโรงต่างหันมามองหน้ากัน ฮ่องเต้หวู่สายตาวูบไหว “สุรากลั่นบริสุทธิ์นี้ดื่มได้หรือไม่? จะเหมือนกับสุราเมาพันวันในตำนานที่ดื่มเพียงจอกเดียวก็เมาได้ถึงพันวันหรือ?”หลี่หลงหลินส่ายหน้าแล้วยิ้ม “สุรากลั่นบริสุทธิ์นี้ดื่มไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ! หากดื่มเข้าไป ไม่เพียงแต่จะเมาเท่านั้น อาจถึงขั้นไม่ฟื้นตื่นขึ้นมาอีกเลย”สีพระพักตร์ของฮ่องเต้หวู่แปรเปลี่ยนทันที “มีพิษหรือ? เช่นนั้นสุรากลั่นบริสุทธิ์นี้มีประโยชน์อันใด?”หลี่หลงหลินอธิบาย “สุรากลั่นบริสุทธิ์มีประโยชน์ในหลายด้านอย่างยิ่ง! ยกตัวอย่างเช่น ใช้ฆ่าเชื้อโรคบนบาดแผล ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อได้มาก หรือหากเกิดโรคระบาด ก็สามารถใช้พ่นในอากาศเพื่อฆ่าเชื้อได้พ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่เลิกคิ้วขึ้น กล่าวด้วยความตื่นเต้น “สุรากลั่นบริสุทธิ์มีประโยชน์วิเศษถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”ฮ่องเต้หวู่ในฐานะโอรสสวรรค์ ผู้ผ่านศึกสงครามมาครึ่งค่อนชีวิต เขารู้ดีว่า เหล่าทหารส่วนใหญ่ไม่ได้ตายในสนามรบทันที แต่หลังจากได้รับบาดเจ็บ ขาดการรักษา จนเกิดหนองและทนทุกข์ทรมานตายไปในยุคโบราณ การเกิดหนองแทบ
หลี่หลงหลินถือขวดกระเบื้องที่บรรจุสุรากลั่นบริสุทธิ์ เดินตรงไปยังหัวหน้าผู้ดูแลการทำนายท้องฟ้า ก่อนจะยื่นให้ ขุนนางทั้งหลายต่างกรูเข้ามาล้อมรอบด้วยความอยากรู้เกี่ยวกับสุรากลั่นบริสุทธิ์หัวหน้าผู้ดูแลการทำนายท้องฟ้าเปิดฝาขวดกระเบื้อง สูดดมเพียงเล็กน้อยคิ้วก็ขมวดเข้าหากันทันที ช่างกลิ่นฉุนยิ่งนัก!กลิ่นของสุรากลั่นบริสุทธิ์ไม่เหมือนกลิ่นสุราทั่วไปโดยสิ้นเชิง ขุนนางคนอื่นๆ ก็รีบยกมือปิดจมูก ไม่ค่อยชินกับกลิ่นฉุนของเหล้ากลั่นบริสุทธิ์นี้นัก หัวหน้าผู้ดูแลการทำนายท้องฟ้าหัวเราะเยาะ “องค์ชายเก้า สุรากลั่นบริสุทธิ์อะไรกัน มันก็แค่สุรารสจัดเท่านั้น!” หลี่หลงหลินยิ้มบาง “เจ้าว่าเป็นสุรารสจัด เช่นนั้นเจ้ากล้าดื่มสักจอกหรือไม่?” สีหน้าของหัวหน้าผู้ดูแลการทำนายท้องฟ้าถึงกับเปลี่ยนไป หลี่หลงหลินบอกแล้วว่าสุรากลั่นบริสุทธิ์มีพิษ หากดื่มเข้าไปแล้วตายคาที่ ย่อมเป็นการตายที่แสนอัปยศ! หัวหน้าผู้ดูแลการทำนายท้องฟ้าจำต้องรวบรวมความกล้าตอบกลับ “ข้าไม่ชอบดื่มสุรา! อย่างไรก็ดี ข้าก็ยังยืนยันว่ามันคือสุรารสจัด หาใช่สุรากลั่นบริสุทธิ์ที่ท่านกล่าวอ้างไม่ เว้นเสียแต่ว่าท่านจะสามารถพิสูจ
ฮ่องเต้หวู่ปีติยินดีจนบ้าคลั่ง ยิ่งกว่าความทรงพลัง เขามีความสุขกับคำว่าต้นทุนต่ำสามคำนี้ยิ่งกว่า! เหตุใดปืนใหญ่สายฟ้าเหินเวหาถึงได้ทรงอานุภาพ?มิใช่เพราะมันมีพลังทำลายล้างมากกว่าปืนใหญ่หงอีแต่เป็นเพราะมันราคาถูก! อาวุธเทพไร้เทียมทาน ต่อให้ทรงพลังเพียงใด ก็มีเพียงชิ้นเดียว ในสนามรบ จะไปเทียบกับอาวุธมาตรฐานที่ผลิตจำนวนมากได้อย่างไร? “ฮ่าๆๆ!”ฮ่องเต้หวู่หัวเราะลั่น “มีขวดเพลิงนี้! ทหารต้าเซี่ยก็เหมือนกับเสือติดปีก ยากที่ผู้ใดจะต้านทานได้!” ในหัวของเขา ได้จินตนาการถึงฉากที่กองทัพต้าเซี่ย กำจัดชนเผ่าป่าเถื่อนทางเหนือจนหนีแตกกระเจิง หลี่หลงหลินเมื่อได้เปรียบแล้วย่อมไม่ยอมผ่อนปรน หันไปมองหัวหน้าผู้ดูแลการทำนายท้องฟ้าด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ท่านหัวหน้าผู้ดูแลการทำนายท้องฟ้า ท่านยังมีสิ่งใดจะกล่าวอีกหรือไม่?” ใบหน้าของหัวหน้าผู้ดูแลการทำนายท้องฟ้า ซีดเผือดจนยากจะมอง เขาไม่สามารถกล่าวสิ่งใดได้อีก ในขณะนั้นเอง ผู้ช่วยเสนาบดีกรมคลังก้าวออกมากล่าวว่า “ฝ่าบาท องค์ชายเก้าได้คิดค้นอาวุธทรงพลังอีกชนิดหนึ่งขึ้นมา สมควรแก่การยินดีอย่างยิ่ง! แต่...ปัญหาเร่งด่วนในขณะนี้คือเรื่องยุ้ง
ยุ้งฉางถูกเผาหมดแล้ว จะมีน้ำมันอะไรเหลืออีก? ต่อหน้าทุกคน เจ้ากรมคลังส่ายหน้าพลางหัวเราะอย่างขมขื่น:"ฝ่าบาท กระหม่อมเองก็อยากจะออกไปบรรเทาทุกข์เพื่อแบ่งเบาภาระของฝ่าบาท! มีใจแต่ไร้กำลังจริงๆ! ที่จริงแล้ว ไม่ใช่แค่กระหม่อมเท่านั้น กระหม่อมเชื่อว่าเหล่าขุนนางท่านอื่นๆ ก็คงรู้สึกเช่นเดียวกันใช่หรือไม่?" "พวกกระหม่อมก็เป็นเพียงปุถุชนธรรมดาเท่านั้น!" "แม่ศรีเรือนทำครัวไร้ข้าวสารไม่ได้ฉันใด!" "เราก็ไม่สามารถเสกอาหารออกมาได้ฉันนั้น!" ฮ่องเต้หวู่ไม่พอใจมาก เอ่ยด้วยความโกรธว่า:"ถ้าเช่นนั้นเจ้าก้าวออกมายืนตรงนี้ทำไม? หรือคิดจะล้อเล่นกับเราอย่างนั้นหรือ?" เจ้ากรมคลังรีบโค้งคำนับแล้วเอ่ยว่า"กระหม่อมมิกล้า! กระหม่อมแม้ไม่มีความสามารถพอจะบรรเทาทุกข์ได้ แต่ในท่ามกลางราชสำนักแห่งนี้ ยังมีบุคคลหนึ่งที่สามารถรับภาระหนักนี้ได้ และช่วยพยุงต้าเซี่ยให้อยู่ยืนยงได้!" ฮ่องเต้หวู่ประหลาดใจ แล้วเอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า:"คนผู้นี้คือใคร? ทำไมเราถึงไม่รู้ว่ามีคนที่มีความสามารถเช่นนี้อยู่ในหมู่ขุนนาง?" เจ้ากรมคลังแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วหันสายตาไปหาหลี่หลงหลิน:"คนที่กระหม่อมอยากเสนอ...ก็คือองค์ชายเก้
หลี่หลงหลินออกจากท้องพระโรง กลับมายังจวนตระกูลซู ทันทีที่ก้าวเข้าประตู บรรดาสตรีในตระกูลซูก็กรูกันเข้ามาห้อมล้อม “องค์ชายเก้า สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?” “เป็นไฟมังกรเผายุ้งฉางหลวงจริงหรือไม่?” “มีคนพูดว่าเป็นเพราะผีสางทำให้เกิดเรื่องร้ายๆ ทำให้คนตกใจกลัวกันไปหมด!” “โดยเฉพาะกลุ่มผู้อพยพนอกเมือง เริ่มรวมตัวก่อความวุ่นวายแล้ว!” เสียงซักถามของพวกนางดังเซ็งแซ่อยู่รอบตัวหลี่หลงหลิน หลี่หลงหลินเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด:“ครั้งนี้ สถานการณ์ร้ายแรงมาก! เสด็จพ่อทรงแต่งตั้งข้าเป็นผู้แทนพระองค์รับหน้าที่บรรเทาภัยพิบัติ!” บรรดาสตรีต่างชะงักไปทันที ผู้แทนพระองค์บรรเทาภัยพิบัติ? นี่ไม่ใช่ภารกิจที่ดีเลย ถ้าจัดการผิดพลาด อาจร้ายแรงถึงหัวขาดได้! ฮูหยินผู้เฒ่าซูเดินเข้ามาถือไม้เท้าหัวมังกรในมือ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า:“องค์ชายเก้า ตำแหน่งผู้แทนพระองค์บรรเทาภัยพิบัตินี้ชัดเจนว่าเป็นตำแหน่งของแพะรับบาป! ปกติท่านเป็นคนฉลาดหลักแหลม ทำไมครั้งนี้ถึงได้...โง่...” หลี่หลงหลินยิ้มอย่างขมขื่น:“ฮูหยินผู้เฒ่า! วิกฤตข้าวยากหมากแพงในเมืองหลวงครั้งนี้ บางทีต่อไปในหนังสือประวัติศาสตร์อา
หลี่หลงหลินกลับส่ายหน้าอย่างช้าๆ: “ไม่ได้!” ซูเฟิ่งหลิงถึงกับอึ้ง:“ทำไมล่ะ? พ่อค้าข้าวพวกนี้มันก็แค่พวกดูดเลือดเห็นแก่ได้! ประชาชนมากมายไม่มีอาหารกิน แต่พวกมันกลับไม่ยอมเปิดยุ้งฉางปล่อยธัญพืช กลับกันยังเก็งกำไร กว้านซื้อธัญพืชจนราคาพุ่งสูง ทำกำไรบนความทุกข์ยากของชาติ!” “ตอนนี้ราคาธัญพืชพุ่งขึ้นไปถึงสิบห้าเท่าของเมื่อวานแล้ว จะมีประชาชนสักกี่คนที่รับไหว?” หลี่หลงหลินพูดด้วยเสียงหนักแน่น:“พวกพ่อค้าธัญพืชเหล่านี้เลวจริง! แต่การฆ่าพวกเขา ไม่ใช่ทางแก้ปัญหา! สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือเร่งส่งธัญพืชจากที่อื่นมาทางน้ำให้เร็วที่สุด” บรรดาสตรีต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับหลี่หลงหลิน การฆ่าพ่อค้าธัญพืชนั้นเป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่การขนธัญพืชจากที่อื่นมา คือการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ! ขณะนี้ตามบ้านเรือนของประชาชนยังพอมีธัญพืชกักตุนอยู่บ้าง แต่หากอีกไม่กี่วันธัญพืชที่เก็บไว้ และไม่มีธัญพืชใหม่ส่งเข้ามา ประชาชนจะต้องอดตายอย่างแน่นอน! เมื่อถึงตอนนั้น จะเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้น! “พี่สะใภ้ใหญ่!” หลี่หลงหลินหันไปหาลั่วอวี้จู๋:“ตระกูลลั่วเป็นพ่อค้ารายใหญ่ทางใต้! ท่านช่วยใช้สายสัมพัน
“หยุดก่อน!” ในขณะนั้น เสียงตื่นตระหนกก็ดังขึ้นมา ผู้ช่วยเจ้ากรมคลังวิ่งอย่างกระเซอะกระเซิงเข้ามาหา ก่อนจะคุกเข่าต่อหน้าหลี่หลงหลิน:“องค์ชายเก้า พวกเขาไม่รู้จักสถานะของท่าน ขอได้โปรดอย่าถือสาพวกเขาเลย...” เหล่าทหารที่เฝ้ายุ้งฉางเห็นเช่นนั้น ต่างรีบคุกเข่าลงกับพื้น ร่างกายสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด หลี่หลงหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย:“ข้าไม่ถือสากับพวกเขาหรอก” เมื่อเอ่ยจบ ผู้ช่วยเจ้ากรมคลังก็พาหลี่หลงหลินเข้าไปในกระโจมที่สร้างขึ้นชั่วคราว “ในยุ้งฉางยังเหลือธัญพืชอยู่เท่าไร?” หลี่หลงหลินนั่งลง สายตามองตรงไปข้างหน้าราวกับเปลวเพลิง ผู้ช่วยเจ้ากรมคลังอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบเสียงเบา:“ไม่ถึงห้าหมื่นฉื่อ...” หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว สีหน้าดูเครียดมาก เหลือธัญพืชเพียงแค่ห้าหมื่นฉื่อ เกรงว่าคงประคองสถานการณ์ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน! ดูท่าวิกฤตครั้งนี้จะร้ายแรงกว่าที่เขาคาดคิด แต่ สิ่งที่ต้องทำก่อนอื่นใดคือการหาความจริงเรื่องไฟมังกรไหม้ยุ้งฉาง! เพราะธัญพืชหลายแสนฉื่อถูกเผาวอดในคืนเดียว มันช่างน่าสงสัยยิ่งนัก จะต้องมีเบื้องหลังบางอย่างที่ซ่อนอยู่! หลี่หลงหลินเหลื
บางคนบอกว่ามีมังกรเพลิงหนึ่งตัว บ้างก็ว่าสองตัวหรือสามตัว... กระทั่งมีผู้ดูแลยุ้งฉางคนหนึ่ง เมื่อทบทวนความจำ บอกว่าเห็นมังกรเพลิงสิบกว่าตัว บินวนอยู่ในอากาศ สร้างความน่าหวาดหวั่น จากนั้น หลี่หลงหลินจึงสอบถามชาวบ้านที่มาช่วยดับไฟอีกหลายคนคำตอบที่ได้จากพวกเขาก็แทบจะเหมือนกัน ในกระโจม หลี่หลงหลินนั่งขมวดคิ้ว ใช้นิ้วบีบหว่างคิ้วอย่างครุ่นคิด ซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่ข้างๆ ดวงตาคู่งามเป็นประกายด้วยความสงสัย ก่อนพูดขึ้นว่า:“องค์ชายเก้า คนมากมายล้วนพูดตรงกันว่าพวกเขาเห็นไฟมังกรเผายุ้งฉาง! หรือว่า...บนโลกนี้มีมังกรเพลิงอยู่จริง?” “ถ้ามันมีพลังร้ายกาจถึงเพียงนี้ หากจับมังกรเพลิงมาใช้ในสงคราม จะไม่กลายเป็นอาวุธที่ไร้เทียมทานหรอกหรือ?” หลี่หลงหลินหัวเราะกับความคิดของซูเฟิ่งหลิง พร้อมเอ่ยว่า:“ความคิดไม่เลวเลย! แต่ทั้งนี้ต้องมีมังกรเพลิงอยู่จริงเสียก่อน!” ซูเฟิ่งหลิงอึ้งเล็กน้อย ก่อนถามด้วยความไม่เข้าใจ:“ท่านหมายความว่า...มังกรเพลิงไม่มีอยู่จริง?” หลี่หลงหลินพยักหน้า กล่าวด้วยความมั่นใจ:“แน่นอนว่าไม่มีอยู่จริง!” ซูเฟิ่งหลิงเบิกตากว้าง พูดอย่างสับสน:“แต่คนมากมายพูดตรงกันหมดว่าพ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค
น้ำ...น้ำ!หลิ่วหรูเยียนถูกความเผ็ดทำให้หน้าแดงก่ำ มุกเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก ทำให้ผิวพรรณขาวดุจหิมะถูกแต้มด้วยสีแดงเรื่อหลี่หลงหลินยื่นน้ำเย็นที่เตรียมไว้ดีแล้วให้หลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นเอ่ยปากชม “องค์ชาย! อร่อยเหลือเกิน หม่อมฉันไม่เคยกินของอร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย มีความสุขยิ่งนัก!”เวลาเพียงชั่วพริบตา หัวปลาจานใหญ่ก็หายไปจนหมดเหล่าสะใภ้แต่ละคนหน้าแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวเต็มศีรษะ ปอยผมติดบนหน้าผาก ขับให้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษซูเฟิ่งหลิงถูกความเผ็ดทำให้ริมฝีปากแดงเจ่อ ความสงสัยที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่มลายหายไปราวกับหมอกผ่านตาซุนชิงไต้ยกชามข้าว จับจ้องหลี่หลงหลินและเอ่ยถาม “องค์ชาย ยังมีหัวปลาอีกหรือไม่ เมื่อครู่กินเร็วเกินไป ยังไม่รู้รสเพคะ”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเอือมระอาพี่สะใภ้สามคิดว่ากำลังกินโสมกระมัง จึงกินได้ไม่รู้รสก็แค่ตะกละเท่านั้นหลี่หลงหลินพยักหน้าและตอบว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านวางใจได้ หากท่านชอบ ภายภาคหน้าจะทำให้พวกพี่สะใภ้กินจนพอใจ!”ซุนชิงไต้เผยสีหน้าดีใจ คีบผลสีแดงเข้าปาก จากนั้นถูกความเผ็ดทำให้หน้าบิดเบี้ยว แต่นาง
ที่ต้าเซี่ย นับตั้งแต่โบราณมาไม่คุ้นชินกับการกินหัวปลา ปกติแล้วจะตัดหัวตัดหางเลือกเพียงลำตัว หัวปลาย่อมถูกทิ้งไปแต่บัดนี้หลี่หลงหลินถึงขั้นนำหัวปลาที่เหลือมาทำอาหารหนึ่งชนิดทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือจะเชื่ออยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้นหัวปลาหวงฮื้อใหญ่ยังมีขนาดใหญ่มาก ขนาดเล็กที่สุดก็ราวฝ่ามือ มองดูแล้วน่ากลัว ชนิดที่ว่าทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกอยู่บ้างเหล่าสะใภ้ตกใจจนใบหน้างดงามเผือดซีดนิ้วเรียวยาวของซูเฟิ่งหลิงปิดปากไว้ อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “องค์ชาย เจ้าสิ่งนี้กินเยี่ยงไร? มองดูแล้วน่ากลัวมากเหลือเกิน!”ลั่วอวี้จู๋เผยสีหน้าลำบากใจ “หัวปลานี้กินได้แน่หรือ?”ตอนนี้ทุกคนไม่เพียงสงสัยหลี่หลงหลิน แต่ยังสงสัยต่อหัวปลานี้หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ปลาหวงฮื้อล้ำค่าทั้งตัว หัวปลาย่อมสามารถกินได้ ไม่เพียงแค่นี้ หัวปลายังเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด!”“จริงหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงยังสงสัยดังเดิม ในสายตาของนาง หลี่หลงหลินกำลังปลอบตน ต้องการเห็นเรื่องตลกของตนซุนชิงไต้มองซูเฟิ่งหลิงด้วยสีหน้าจริงจังและเปล่งเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายไม่พูดความเท็จ หัวปลาหวงฮื้อใหญ่นี้กินได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยัง
ลั่วอวี้จู๋พูดอยู่ทางด้านข้าง “ใช่แล้ว องค์ชาย เรื่องเหล่านี้ยกให้สะใภ้สามเถอะเพคะ”หลี่หลงหลินกลับยืดอกตรงดุจต้นไผ่ พูดเสียงเรียบๆ ว่า “พวกพี่สะใภ้วางใจก็พอ ถึงตอนนั้นจะต้องถูกปากพวกพี่สะใภ้แน่”.....พลบค่ำเหล่าสะใภ้และซูเฟิ่งหลิงรอในห้องอาหารนานแล้ว ล้วนแปลกใจตกลงหลี่หลงหลินจะนำความแปลกใจอันใดมาอีกแต่ไหนแต่ไรมาหลี่หลงหลินไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องที่เขาทำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใดสองมือของซูเฟิ่งหลิงยกขึ้นเท้าคาง คนหิวแทบแย่ “ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายเล่นพิเรนทร์อันใดอีก จะต้องลงมือเข้าครัวด้วยตนเองให้ได้ สำคัญที่สุดคือองค์ชายทำอาหารเป็นแน่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงรู้จักหลี่หลงหลินดีมาก แม้พูดว่าฉลาดหลักแหลม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชี่ยวชาญทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่เกิดก็มีคนคอยปรนนิบัติ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องให้กังวล น่ากลัวว่าแม้แต่ประตูห้องครัวก็ไม่เคยเฉียดเข้าไป นับประสาอะไรกับฆ่าปลาทำอาหารเล่า?ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้า สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ดูท่าแล้ว คืนนี้ข้าจะต้องหิวตาย”ลั่วอวี้จู๋อ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออกจึงเอ่ยปลอบ “น้องหญิงเล็ก ผ
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ