ชื่อเสียงของพวกเขาเองก็เหมือนกันต่อให้ผ่านไปอีกหลายพันปี ก็ยังได้รับการจดจำจากคนรุ่นหลัง ได้รับการยกย่องจากคนรุ่นหลัง!นี่คือชื่อเสียงโด่งดังตลอดกาล!มีฮ่องเต้มากน้อยเพียงใดร้องขอแต่กลับไม่ได้รับมา!มีบัณฑิตมากน้อยเพียงใดใฝ่ฝันถึงแม้กระทั่งในยามหลับฝัน!หนิงชิงโหวตื่นเต้นมากเกินไป น้ำตาคลอหน่วยแม้เขาได้ชื่อว่าบัณฑิตหยิ่งยโสอันดับหนึ่งของใต้หล้า มีชื่อเสียงอยู่บ้างในต้าเซี่ยแต่หนิงชิงโหวรู้ตนเองเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ คนหนึ่งภายในสายธารแห่งประวัติศาสตร์ ไม่นับว่ามีความสำคัญอะไร!เขาเองก็เป็นบัณฑิต หวังจะฝากชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ ให้คนรุ่นหลังยกย่อง! ทว่า ไฉนเลยจะง่ายดายถึงเพียงนั้น!ฝากชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ มีเพียงฮ่องเต้ประทานให้คนใหญ่คนโตตนเองเป็นเพียงคนมดปลวกเท่านั้น!จากนั้นหลี่หลงหลินกลับใช้วิธีเช่นนี้ เขียนชื่อของตนลงในบทกวีนับตั้งแต่นี้ไป ชื่อของตน จะอยู่เป็นอมตะไปกับบทกวี!นี่คือเกียรติยิ่งใหญ่เพียงใด!หนิงชิงโหวลุกขึ้น คารวะหลี่หลงหลินอย่างลึกซึ้งบุญคุณเช่นนี้ ไม่สามารถสะท้อนออกมาผ่านวาจาได้ทางฝั่งซูเฟิ่งหลิง รู้สึกตื้นตันสะเทือนอารมณ์เฉกเดีย
เหล่านางคณิกาต่างพากันลุกขึ้น มีทั้งร้องเพลง มีทั้งเต้นรำ มีทั้งหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุขสำนักการสังคีตกลายเป็นทะเลแห่งความสุข!ซูเฟิ่งหลิงตื่นเต้นเป็นพิเศษ มือกำหมัดแน่นนี่ต่างหากภาพที่ต้าเซี่ยพึงมี!กลับมาแล้ว!ทุกอย่างล้วนกลับมาแล้ว!ถัดจากเสียงหัวเราะมีความสุข หลี่หลงหลินร้องเพลงเสียงดัง“มีหนึ่งบทเพลง ขอทุกท่านเอียงหูฟัง!“ฆ้องกลองอาหารเลิศรสใดล้วนไม่สำคัญ ปรารถนาเพียงดื่มให้เมาไม่ฟื้น”“นับตั้งแต่โบราณปราชญ์บัณฑิตล้วนเงียบเหงา เว้นเสียแต่นักดื่มยังมีชื่อ”“งานเลี้ยงหอผิงเล่อของเฉินอ๋อง ดื่มสุราหมื่นถังสนุกสนานอย่างเต็มที่”“เหตุใดเจ้าของร้านเอ่ยว่าข้าไม่มีเงิน มีสุรามากน้อยเพียงใดก็เอามาให้หมด”ร้องถึงตรงนี้ เห็นได้ชัดว่ายังขาดประโยคสุดท้ายไป แต่หลี่หลงหลินกลับหยุดอย่างอย่างกะทันหันทุกคนหยุดชะงักนิ่งไป ทั้งหมดล้วนร้อนใจมากหนิงชิงโหวเกาหัวงุนงง “ต่อไปเล่า...คงไม่ใช่ว่าไม่มีแล้วหรอกกระมัง?”บทกวีอมตะ เหลือเพียงประโยคสุดท้ายแล้วหรือว่า หลี่หลงหลินใช้พรสวรรค์จนหมดไป เขียนไม่ออกแล้ว?หรือว่า เขาดื่มมากเกินไป เมาจนไม่ได้สติ?แต่งกวี ไม่คล้ายเขียนเรียงความ สาม
ตัวอย่างมีมากมายนักสำหรับการแสดงของตนนี้ หลี่หลงหลินสามารถให้ได้ถึงเก้าคะแนนหักหนึ่งคะแนน เพราะกลัวตนเองโอหังมากเกินไปหากไม่ผิดไปจากที่คาด พรุ่งนี้บทกวี ‘เชิญดื่มสุรา’ นี้จะเผยแพร่ไปทั่วทั้งเมืองหลวง ชนิดที่ว่าโด่งดังตั้งแต่เหนือจรดใต้ที่จะโด่งดังไปพร้อมกัน ยังมีสุราเหินเวหาอีกด้วยไปจนถึงประโยคนี้ “สุราดี กวีดียิ่งขึ้น” หนิงชิงโหวได้ยินก็ดีใจมาก รีบลงจากหอไป อยู่ใต้รถม้าไม่ผิดไปดังคาด หาสุราไหสุดท้ายพบแล้ว วิ่งอุ้มกลับมาอย่างระมัดระวังและหยุดต่อหน้าหลี่หลงหลินหลี่หลงหลินเปิดฝาไหสุรา ดื่มด่ำรสชาติหอมหวานอย่างเต็มที่“ม้าห้าดอก”“เสื้อขนสัตว์ทองพันชั่ง”“เรียกลูกเจ้านำไปแลกสุราเลิศรส”“ร่วมดื่มลืมเศร้าทั้งมวลเถิด”หลังพูดจบ หลี่หลงหลินกอดไหสุรา นอนหลับไปครั้งนี้ เขาเอาชนะฤทธิ์สุราไม่ได้ เมาล้มลงไปแล้วจริงๆ!ทุกคนล้วนตกตะลึง อ้าปากกว้าง พูดไม่ออกอยู่นานประโยคสุดท้าย เติมเต็มได้อย่างสมบูรณ์งดงาม!ร่วมดื่มลืมเศร้าทั้งมวลเถิด!หลุดพ้นมากเพียงใด กล้าหาญมากเพียงใด เด็ดเดี่ยวมากเพียงใด!กวีบทนี้อยู่เหนือขอบเขตของมนุษย์ ทะยานสู่แดนเซียนแล้ว!องค์ชายเก้าสมเป็นจอมกวีแห่
ปัง!พวกนางคณิกาทะเลาะกันจนซูเฟิ่งหลิงปวดหัว ตบโต๊ะดังปัง พูดเสียงโกรธขึ้ง “พวกเจ้าไม่ต้องแย่งกันแล้ว! องค์ชายเก้าเป็นของข้า!”เหล่านางคณิกาอึ้งงัน มองซูเฟิ่งหลิงอย่างแปลกใจพี่ชายน้อยคนนี้ หล่อเหลาอย่างแท้จริง คล้ายทั้งชายและหญิงแต่ หว่างคิ้วนั้น ความองอาจเช่นนั้นของบุรุษ กลับเป็นสิ่งที่สตรีไม่สามารถเลียนแบบได้เขาบุรุษตัวโตคนหนึ่ง จะแย่งองค์ชายเก้า?เรื่องบ้าอะไรกัน?หรือว่า ต้องการต้อนรับบุรุษ บุรุษอยู่เหนือบุรุษ?แม้พูดว่าภายในสำนักการสังคีต พวกนางเคยเห็นเรื่องไร้สาระหมดทุกอย่างมาก่อนแต่นึกภาพชายหล่อเหลาสองคนอยู่ด้วยกัน พวกนางหายใจถี่กระชั้นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ใบหน้าแดงเรื่อ“ใช่แล้ว!”“ก่อนหน้านี้ได้ยินข่าวลือ องค์ชายเก้าเป็นตะวันพันมังกร!”“อ๊าย เขามิได้ชมชอบบุรุษจริงหรอกกระมัง?”“เป็นไปไม่ได้! อย่างน้อยก็ต้องเป็นได้ทั้งบุรุษและสตรี!”เหล่านางคณิกานึกถึงข่าวลือในอดีต สีหน้าแดงยิ่งขึ้นอย่างสุดระงับซูเฟิ่งหลิงคร้านจะอธิบาย แบกหลี่หลงหลินออกไปแล้วคณิกาเหล่านั้นย่อมไม่ยอม รีบเข้ามาขวางไว้ซูเฟิ่งหลิงหยิบทวนเงินออกมา เปล่งเสียงเยียบเย็น “ใครขวัญกล้าขวางทางข้า! อย่
“หาไม่แล้ว จะต้องขายดีแน่!”แม่เล้ามองกลุ่มคนหัวดำทะมึน สลดใจภายในใจทว่า นี่เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ของดีย่อมคุ้มค่าต่อการรอคอย!สุราต้องหมักนานถึงจะหอม!ภูเขาทิศประจิมหมักออกมาไม่ได้ ก็ทำได้เพียงรออีกสองสามวันขณะเดียวกันภูเขาทิศประจิมเองก็ครึกครื้นมากรถม้าหรูหราแต่ละคัน แล่นเข้าภูเขาทิศประจิมเจ้าของร้านและเถ้าแก่ร้านอาหารมีหน้ามีตาภายในเมืองหลวง ล้วนมาทั้งหมดแล้วพวกเขาเองก็ได้ยินเรื่องที่สำนักการสังคีตเมื่อวานนี้แล้ว นอกจากความตกใจต่อบทกวีของหลี่หลงหลิน ยังมีไหวพริบพบช่องทางทำการค้าอีกด้วยไม่ว่าเป็นใคร ได้อ่าน ‘เชิญดื่มสุรา’ แล้ว นอกจากตกตะลึงต่อพรสวรรค์ขององค์ชายเก้า จะต้องแปลกใจมากแน่ เชิญดื่มสุรานี้ ดื่มสุราอะไรเล่า?ฟังให้ดีอีกครั้ง!สุราเหินเวหา!สุราดี กวีดียิ่งขึ้น!ประโยคโฆษณานี้ ยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!สุราเหินเวหา จะต้องโด่งดังแน่!ดังนั้น เถ้าแก่ร้านเจ้าของร้านเหล่านี้ รีบเดินทางมายังภูเขาทิศประจิม ต้องการเจรจาทำความร่วมมือหลี่หลงหลินย่อมไม่ออกหน้าด้วยตนเอง พบเถ้าแก่เหล่านี้ลั่วอวี้จู๋พบพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นยังลงนามในสัญญาแล้วอีกสองสามวันสุราเหินเว
ณ จวนองค์ชายสี่หลี่จือได้รู้ว่าหลี่หลงหลินอยู่ที่สำนักการสังคีต แต่งกวีอมตะหนึ่งบท ยังมีคณิกาเจ็ดคนอยู่เป็นเพื่อน คนก็โมโหหนัก“ถือสิทธิ์อะไร!”“เหตุใดเจ้าเก้าชนะข้าไปทุกเรื่อง!”“นี่ไม่ยุติธรรม!”หลี่จือบันดาลโทสะ ปาแจกันกระเบื้องเคลือบลงพื้นแตกกระจายเซียวเม่ยเอ๋อร์ยืนอยู่ด้านข้าง สายตายามสบมองหลี่จือ เจือความหมิ่นแคลนหลายส่วนเฮ้อเป็นองค์ชายเหมือนกันองค์ชายสี่กลับเป็นกระสอบฟางไร้ประโยชน์องค์ชายเก้ามีความรู้มหาศาล มีพรสวรรค์ด้านกวีเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า!เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?หากมีทางเลือกแล้วล่ะก็ เซียวเม่ยเอ๋อร์ยังยินดี ให้หลี่หลงหลินเป็นราชบุตรเขยของตน ไม่เลือกหลี่จือเพียงแต่น่าเสียดายหลี่หลงหลินดูเบาไม่สนใจตนตอนนี้เอง เซียวเซวียนเช่อเดินเข้ามา มองพื้นเละเทะแวบหนึ่ง เอ่ยปากว่า “องค์ชายสี่ ท่านเองก็ได้เห็นกวีบทใหม่ขององค์ชายเก้าแล้วกระมัง?”หลี่จือเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “มีอะไรให้ดูกัน! ก็แค่กวีหนึ่งบทมิใช่หรือ! ใต้หล้ามีคนแต่งกวีได้มากมาย เจ้าเก้ามีอะไรยอดเยี่ยมกันเล่า!”เซียวเซวียนเช่อส่ายหน้า “หากเป็นบทกวีทั่วไป ไม่มีอะไรยอดเยี่ยมจริงนั่นล่ะ! แต่กวีอมตะ กล
เซียวเม่ยเอ๋อร์เป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ ใบหน้างดงามของนางเปลี่ยนเป็นซีดเผือด “โอ๊ย แย่แล้ว! เดิมทีหลี่หลงหลินเงินทุนหมดไปแล้วแท้ๆ แต่ผลปรากฏว่าสุราเหินเวหาที่เขาหมักดันขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาจะกลับมาตั้งตัวได้อีกหรือ?”สีหน้าของหลี่จือดูแย่ถึงขีดสุด หากความคิดของเซียวเซวียนเช่อถูกต้อง เช่นนั้นหลี่หลงหลินก็สามารถใช้เหล้าเวหาเหินนี้ เพียงอย่างเดียวก็ลบล้างกลยุทธ์ของใต้เท้าผู้นั้นได้อย่างง่ายดาย! หรือว่า... ใต้เท้าผู้นั้นยังไม่อาจเอาชนะหลี่หลงหลินได้เลยอย่างนั้นหรือ!เด็กคนนี้น่ากลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ?หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง หลี่จือก็เอ่ยเสียงร้อนรนว่า “ท่านราชครู... แล้วจะทำอย่างไรดี?”เซียวเซวียนเช่อสูดลมหายใจลึกก่อนกล่าวว่า “ข้าก็ยังไม่แน่ใจ! คงมีแต่คืนนี้ที่ข้าต้องเสี่ยงอีกครั้ง ไปยังวิหารฟู่จื่อ เพื่อพบอาจารย์ของข้า! ขอเพียงองค์ชายสี่ช่วยจัดการเรื่องนี้ให้...”ฐานะของเซียวเซวียนเช่อนั้นพิเศษนัก หากเขาเข้าออกสถานที่อย่างวิหารฟู่จื่อตามอำเภอใจย่อมทำให้เกิดความสงสัย ดังนั้นเขาจึงมาขอความช่วยเหลือจากองค์ชายสี่หลี่จือ ให้ช่วยจัดการนัดหมายในยามดึกแม้ว่าหลี่จือจะ
ท้องพระโรง“ฝ่าบาท!”“เมื่อคืนนี้เกิดเหตุเพลิงไหม้เผาคลัง คลังหลวงกลายเป็นเถ้าถ่าน!”“เสบียงที่สูญเสียไป มีมากกว่าสามแสนชั่ง!”“กระหม่อม...สมควรตายหมื่นครั้ง!”ผู้ช่วยเสนาบดีกรมคลังคำนับแนบพื้น ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวฮ่องเต้หวู่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร ราวกับถูกฟ้าผ่าลงมากลางใจ สมองว่างเปล่าไม่อาจรับรู้สิ่งใด“เท่า...เท่าไหร่นะ?”“สามแสนชั่งหรือ?”เสบียงหนึ่งชั่ง เท่ากับหนึ่งร้อยจินสามแสนชั่ง ก็เสบียงคือสามสิบล้านจิน?ราชสำนักต้าเซี่ยเก็บเสบียงได้เพียงเท่านี้ในหนึ่งปี!แล้วทั้งหมดนี้ถูกเผาจนหมดเพียงกองไฟเดียว?ตุบ!ฮ่องเต้หวู่ตกตะลึงจนเกินไป ดวงตาพร่ามัว ร่างทรุดลงนั่งบนบัลลังก์มังกรอย่างหมดแรง ก่อนจะหมดสติไป“ฝ่าบาททรงเป็นลมแล้ว!”“เร็วเข้า! เรียกหมอหลวงมา!”เว่ยซวินตกใจจนทำอะไรไม่ถูก รีบตะโกนเสียงดังหมอหลวงรีบเร่งมาถึง ทั้งบีบจุดฝังเข็มและกรอกยา วุ่นวายกันอยู่นานกว่าจะช่วยให้ฮ่องเต้หวู่ฟื้นคืนสติได้“ประหาร...”“ลากเจ้าเศษสวะนี่ไปประหารเสีย!”สิ่งแรกที่ฮ่องเต้หวู่เอ่ยเมื่อเบิกตาขึ้นคือคำสั่งอย่างโกรธเกรี้ยว ให้ลงโทษประหารผู้ช่วยเสนาบดีกรมคลังทันทีกรม
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค
น้ำ...น้ำ!หลิ่วหรูเยียนถูกความเผ็ดทำให้หน้าแดงก่ำ มุกเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก ทำให้ผิวพรรณขาวดุจหิมะถูกแต้มด้วยสีแดงเรื่อหลี่หลงหลินยื่นน้ำเย็นที่เตรียมไว้ดีแล้วให้หลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นเอ่ยปากชม “องค์ชาย! อร่อยเหลือเกิน หม่อมฉันไม่เคยกินของอร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย มีความสุขยิ่งนัก!”เวลาเพียงชั่วพริบตา หัวปลาจานใหญ่ก็หายไปจนหมดเหล่าสะใภ้แต่ละคนหน้าแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวเต็มศีรษะ ปอยผมติดบนหน้าผาก ขับให้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษซูเฟิ่งหลิงถูกความเผ็ดทำให้ริมฝีปากแดงเจ่อ ความสงสัยที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่มลายหายไปราวกับหมอกผ่านตาซุนชิงไต้ยกชามข้าว จับจ้องหลี่หลงหลินและเอ่ยถาม “องค์ชาย ยังมีหัวปลาอีกหรือไม่ เมื่อครู่กินเร็วเกินไป ยังไม่รู้รสเพคะ”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเอือมระอาพี่สะใภ้สามคิดว่ากำลังกินโสมกระมัง จึงกินได้ไม่รู้รสก็แค่ตะกละเท่านั้นหลี่หลงหลินพยักหน้าและตอบว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านวางใจได้ หากท่านชอบ ภายภาคหน้าจะทำให้พวกพี่สะใภ้กินจนพอใจ!”ซุนชิงไต้เผยสีหน้าดีใจ คีบผลสีแดงเข้าปาก จากนั้นถูกความเผ็ดทำให้หน้าบิดเบี้ยว แต่นาง
ที่ต้าเซี่ย นับตั้งแต่โบราณมาไม่คุ้นชินกับการกินหัวปลา ปกติแล้วจะตัดหัวตัดหางเลือกเพียงลำตัว หัวปลาย่อมถูกทิ้งไปแต่บัดนี้หลี่หลงหลินถึงขั้นนำหัวปลาที่เหลือมาทำอาหารหนึ่งชนิดทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือจะเชื่ออยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้นหัวปลาหวงฮื้อใหญ่ยังมีขนาดใหญ่มาก ขนาดเล็กที่สุดก็ราวฝ่ามือ มองดูแล้วน่ากลัว ชนิดที่ว่าทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกอยู่บ้างเหล่าสะใภ้ตกใจจนใบหน้างดงามเผือดซีดนิ้วเรียวยาวของซูเฟิ่งหลิงปิดปากไว้ อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “องค์ชาย เจ้าสิ่งนี้กินเยี่ยงไร? มองดูแล้วน่ากลัวมากเหลือเกิน!”ลั่วอวี้จู๋เผยสีหน้าลำบากใจ “หัวปลานี้กินได้แน่หรือ?”ตอนนี้ทุกคนไม่เพียงสงสัยหลี่หลงหลิน แต่ยังสงสัยต่อหัวปลานี้หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ปลาหวงฮื้อล้ำค่าทั้งตัว หัวปลาย่อมสามารถกินได้ ไม่เพียงแค่นี้ หัวปลายังเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด!”“จริงหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงยังสงสัยดังเดิม ในสายตาของนาง หลี่หลงหลินกำลังปลอบตน ต้องการเห็นเรื่องตลกของตนซุนชิงไต้มองซูเฟิ่งหลิงด้วยสีหน้าจริงจังและเปล่งเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายไม่พูดความเท็จ หัวปลาหวงฮื้อใหญ่นี้กินได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยัง
ลั่วอวี้จู๋พูดอยู่ทางด้านข้าง “ใช่แล้ว องค์ชาย เรื่องเหล่านี้ยกให้สะใภ้สามเถอะเพคะ”หลี่หลงหลินกลับยืดอกตรงดุจต้นไผ่ พูดเสียงเรียบๆ ว่า “พวกพี่สะใภ้วางใจก็พอ ถึงตอนนั้นจะต้องถูกปากพวกพี่สะใภ้แน่”.....พลบค่ำเหล่าสะใภ้และซูเฟิ่งหลิงรอในห้องอาหารนานแล้ว ล้วนแปลกใจตกลงหลี่หลงหลินจะนำความแปลกใจอันใดมาอีกแต่ไหนแต่ไรมาหลี่หลงหลินไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องที่เขาทำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใดสองมือของซูเฟิ่งหลิงยกขึ้นเท้าคาง คนหิวแทบแย่ “ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายเล่นพิเรนทร์อันใดอีก จะต้องลงมือเข้าครัวด้วยตนเองให้ได้ สำคัญที่สุดคือองค์ชายทำอาหารเป็นแน่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงรู้จักหลี่หลงหลินดีมาก แม้พูดว่าฉลาดหลักแหลม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชี่ยวชาญทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่เกิดก็มีคนคอยปรนนิบัติ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องให้กังวล น่ากลัวว่าแม้แต่ประตูห้องครัวก็ไม่เคยเฉียดเข้าไป นับประสาอะไรกับฆ่าปลาทำอาหารเล่า?ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้า สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ดูท่าแล้ว คืนนี้ข้าจะต้องหิวตาย”ลั่วอวี้จู๋อ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออกจึงเอ่ยปลอบ “น้องหญิงเล็ก ผ
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ