หลี่หลงหลินจ้องไปที่สมุดบัญชีบนโต๊ะ จมอยู่ในความคิดเป็นเวลานาน!ซูเฟิ่งหลิงกลับมาด้วยอาการหอบ “ไม่มีใครตามทันเลย!”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”แม้ว่าจะตามบัณฑิตวัยกลางคนผู้นั้นทัน ก็น่าจะถามอะไรไม่ได้เรื่องนี้มีลับลมคมในมากเกินไป!หลักฐานที่สามารถโค่นล้มตู้เหวินยวนได้ กลับตกลงมาจากฟ้าถึงในมือเช่นนี้หลี่หลงหลินรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลจริงๆ!“ทำไม? เจ้าโง่ไปแล้วหรือ?”ซูเฟิ่งหลิงสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติบนสีหน้าของหลี่หลงหลิน “เมื่อครู่ เจ้ายังกระวนกระวายอยู่เลย! หรือว่ามีคนมาทวงหนี้เจ้า?”หลี่หลงหลินชี้ไปที่สมุดบัญชี “เจ้าเอาไปอ่านเองเถอะ!”ซูเฟิ่งหลิงเปิดสมุดบัญชีนั้นด้วยสีหน้าสงสัย“เฮ้ย!”อ่านเพียงครู่เดียว ซูเฟิ่งหลิงก็ตกใจจนลุกขึ้น พูดด้วยความประหลาดใจ “นี่คือ... นี่คือ...”ใบหน้าของหลี่หลงหลินมืดมนดุจน้ำ เอ่ยเสียงเบา “หลักฐานที่โค่นล้มตู้เหวินยวนได้!”ซูเฟิ่งหลิงตื่นเต้นมากจนใบหน้างดงามของนางแดงเรื่อ “ใช่...ใช่แล้ว! สมุดบัญชีนี้มาจากไหน?”หลี่หลงหลินกลอกตามองซูเฟิ่งหลิง แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าเอาให้ข้าไม่ใช่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงตะลึงเล็กน้อย “ข้ารู้อยู่แ
หัวใจของหลี่หลงหลินรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในทันที “เอาล่ะๆ ข้าพูดผิดไป! ไม่ว่าเส้นทางจะยาวไกลสักแค่ไหน จะมีเจ้าและข้าเดินไปด้วยกัน!”ซูเฟิ่งหลิงมีความสุขขึ้นมา “ค่อยยังชั่ว!”วันรุ่งขึ้นประชุมเช้าก่อนรุ่งสาง เหล่าขุนนางและชนชั้นสูงทั้งหมดมารวมตัวกันที่หน้าประตูอู๋เหมิน รอการประชุมเช้าเริ่มต้นขึ้นหลี่หลงหลินที่ปกติแล้วมักจะนอนเกียจคร้านอยู่บ้านวันนี้กลับเป็นครั้งแรกที่เขาสวมชุดปักลายกิเลน มาเข้าร่วมประชุมเช้าตั้งแต่เช้าตรู่“เอ๋?”หลี่หลงหลินก็รู้สึกประหลาดใจที่พบว่าหลี่จือก็อยู่ด้วยนอกจากองค์รัชทายาทที่จำเป็นต้องดูแลแคว้นแล้ว ต้องมาประชุมเช้าทุกวันและมาเข้าร่วมตรงเวลาส่วนองค์ชายธรรมดา ไม่จำเป็นต้องเข้าประชุมเช้าทุกครั้งอย่างเช่นหลี่หลงหลิน เขาเองก็มาน้อยครั้งมากหลี่จือเองก็เช่นกันการได้นอนจนเต็มอิ่ม เป็นเรื่องที่มีความสุขไม่ใช่หรือ?แต่หลี่หลงหลินคิดๆ แล้วก็เข้าใจเมื่อไม่นานมานี้ เนื่องจากเรื่องของฉินกุ้ยเฟย พี่สี่ก็ถูกโยงเข้าไปเกี่ยว และถูกกักบริเวณไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะได้ถูกยกเลิกการกักบริเวณ ดังนั้นเขาจึงต้องประพฤติตนดีขึ้น เพื่อเปลี่ยนความรู้สึกของเสด็จพ่อที่มีต
ภายในท้องพระโรง เกิดเสียงฮือฮาขึ้น!ผู้ที่องค์ชายเก้าต้องการฟ้องร้องคือ อัครมหาเสนาบดีตู้เหวินยวน ผู้นำกลุ่มขุนนาง!แม้แต่ฮ่องเต้หวู่ยังตกตะลึง มองไปที่หลี่หลงหลินอย่างไม่อยากจะเชื่อเจ้าเก้า ข้าให้เจ้าตรวจสอบตู้เหวินยวนก็จริงแต่เรื่องใหญ่เช่นนี้ เจ้าควรปรึกษากับข้าเป็นการส่วนตัวก่อน!เจ้ามาฟ้องร้องตู้เหวินยวนในราชสำนักโดยตรงเช่นนี้ หากว่าเอาหลักฐานที่แน่ชัดออกมามิได้ จุดจบจะเป็นเช่นไร?ตามสามัญสำนึกแล้วหลี่หลงหลินควรจะเข้าวังมาหารือกับฮ่องเต้หวู่ก่อน เอามาตรการตอบโต้ออกมา แล้วค่อยคิดแผนแต่คำพูดของซูเฟิ่งหลิงได้เตือนหลี่หลงหลิงตู้เหวินยวนมีพรรคพวกมากเกินไป มีอำนาจมากเกินไป!ฮ่องเต้หวู่คิดจะกำจัดตู้เหวินยวนจริงๆ หรือ?อาจจะไม่ก็ได้!เมื่อไหร่ที่ตู้เหวินยวนถูกกำจัด เช่นนั้นกลุ่มขุนนางจะได้รับผลกระทบอย่างหนักสถานะเสาสามต้นของราชสำนัก ชนชั้นสูง ขันที และขุนนาง จะต้องไม่สมดุลนี่เป็นสิ่งที่ฮ่องเต้หวู่ไม่ต้องการเห็นอย่างแน่นอนดังนั้น ฮ่องเต้หวู่เพียงต้องการใช้โอกาสเอาชนะตู้เหวินยวน ปราบปรามกลุ่มขุนนาง เพื่อรวบรวมอำนาจของฮ่องเต้ให้มั่นคง แต่เขาไม่ได้อยากให้ตู้เหวินยวนตาย!
หรือก็คือว่า เว่ยซวินไม่ใช่คนส่งสมุดบัญชีเล่มนี้มา! แล้วจะเป็นของใครกัน? หลี่หลงหลินกวาดสายตามองเหล่าข้าราชการที่ยืนอยู่ด้านหลังตู้เหวินยวน พลางขมวดคิ้วมุ่น หรือว่าจะเป็นผู้ที่มีคุณธรรมในกลุ่มข้าราชการจริงๆ? ดูเหมือนจะเหลือเพียงความเป็นไปได้นี้เท่านั้น! เว่ยซวินเดินก้าวเล็กๆ กลับไปที่หน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้หวู่ และนำสมุดบัญชีขึ้นถวาย ฮ่องเต้หวู่เปิดสมุดบัญชีด้วยความร้อนใจ ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที จริงด้วย! สมุดบัญชีเล่มนี้เป็นของจริง! มีบันทึกการยักยอกเงินชดเชยของตู้เหวินยวน รวมถึงหลักฐานรับสินบนและบิดเบือนความยุติธรรมอื่นๆ! ปัง! ฮ่องเต้หวู่โกรธจนเลือดขึ้นหน้า เตะโต๊ะทรงพระอักษรจนล้ม พร้อมชี้ไปที่จมูกของตู้เหวินยวนและด่ากราด: “เจ้าตู้เหวินยวน! เป็นถึงอัครมหาเสนาบดี กลับทำผิดกฎหมาย แม้แต่เงินชดเชยก็ยังกล้ายักยอก! มีอะไรอีกบ้างที่เจ้ายังไม่กล้าทำ!” ขุนนางทั้งราชสำนักต่างหน้าถอดสี องค์ชายเก้าไม่ได้พูดแบบลอยๆ งั้นหรือ? เขาหาหลักฐานการทุจริตของตู้เหวินยวนเจอจริงๆ หรือ? เป็นไปได้อย่างไร! พลั่ก! ตู้เหวินยวนคุกเข่าลง แต่ยังคงสงบนิ่ง: “ฝ่าบาท โป
องค์ชายสี่ยอมเสียสละคนในครอบครัวเพื่อความถูกต้อง ออกมายืนยันความผิดของพ่อตาตู้เหวินยวน? ทั่วท้องพระโรงเงียบสงัด ขุนนางทั้งหลายต่างตะลึงงัน นี่มันเรื่องอะไรกัน? ตู้เหวินยวนเองก็ตกตะลึงเช่นกัน แล้วหันมองไปที่หลี่จือด้วยความไม่เชื่อ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย ว่าคนที่ทรยศเขา จะเป็นหลี่จือลูกเขยของเขาเอง! “คราวนี้ยุ่งแล้ว!” สีหน้าของตู้เหวินยวนมืดมนอย่างที่สุด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตู้เหวินยวนไว้ใจหลี่จือเป็นอย่างมาก ถึงขนาดยกลูกสาวให้แต่งงานกับเขาด้วย หลี่จือรู้อะไรมากเกินไป แค่เปิดเผยออกมาเพียงไม่กี่เรื่อง ก็สามารถทำให้ตู้เหวินยวนไม่มีทางฟื้นตัวได้อีกตลอดกาลแล้ว! หลี่หลงหลินเองก็ตกใจไม่น้อย แล้วหันมองไปที่หลี่จือด้วยความฉงน พี่สี่ของเขาเกิดมีสำนึกผิดชอบชั่วดีขึ้นมางั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้! เขาไม่ใช่คนแบบนั้น! ยิ่งไปกว่านั้น การที่พี่สี่หักหลังตู้เหวินยวน จะมีประโยชน์อะไร? หากกลุ่มข้าราชการล่มสลาย เขาก็จะจบเห่ไปด้วย! หลี่หลงหลินค่อนข้างรู้สึกสับสน สถานการณ์ตอนนี้ ชักจะมองไม่ออกแล้วว่ามันจะไปทางไหน! ฃฮ่องเต้หวู่เองก็ตกใจไม่น้อย สายตาจ้องไปที่หลี่จือ”เจ้
หลี่จือหัวเราะเสียงดังลั่น ขณะเดินออกจากท้องพระโรง ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากที่ไกลๆ: “เจ้าเก้า เจ้าก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเท่านั้น! ต่อจากนี้ จงดูข้าแสดงฝีมือให้เต็มที่เถิด!” หมากตัวหนึ่ง! หลี่หลงหลินเหมือนถูกฟ้าผ่าฟาด ยืนนิ่งอยู่กับที่ ความรู้สึกไร้พลังที่ห่างหายมานานถ่าโถมเข้ามาอีกครั้ง! หากข้าเป็นเพียงหมาก... แล้วใครกันคือผู้เล่น? ...... ณ คุกหลวง ตู้เหวินยวนตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นคือองค์ชายสี่หลี่จือ “ไอ้สารเลว!” “เจ้ากล้าทรยศข้า!” “เจ้าหมาป่าไม่รู้จักคุณคน!” ตู้เหวินยวนโกรธจนตัวสั่น จ้องหลี่จือตาเขม็งพร้อมกับด่าทออย่างเดือดดาล สิ่งที่ตู้เหวินยวนเกลียดที่สุด ไม่ใช่หลี่หลงหลิน แต่เป็นหลี่จือไอ้คนชั่วหยาบช้าไร้ยางอาย! หากตู้เหวินยวนไม่ถูกพันธการไว้จนขยับไม่ได้ เขาคงกระโจนเข้าไปสู้กับหลี่จือนานแล้ว! หลี่จือนั่งลงบนเก้าอี้อย่างใจเย็น รินชาถ้วยหนึ่งและจิบเบาๆ: “ท่านพ่อตา อย่าเพิ่งโมโห! ข้าไม่ได้ทรยศท่าน แต่กำลังช่วยท่านต่างหาก!” ตู้เหวินยวนหัวเราะเยาะ: “การแทงข้างหลัง แล้วซ้ำเติมคนอื่น นับเป็นการช่วยหรือ?” หลี่จือถอนหายใจ: “ท่านพ่อตา ท่านชาญฉลาด
สำหรับชาวบ้านทั่วไป การหย่าภรรยาไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร เพียงมีหนังสือหย่าก็เพียงพอ แต่สำหรับตระกูลชนชั้นแล้ว กลับไม่สามารถทำได้ง่ายเช่นนั้น เจ้าบอกบอกว่าจะหย่าก็หย่าได้เลยหรือ? หน้าตาของบ้านฝ่ายหญิงเล่าไม่สำคัญหรือ? ดังนั้น หากตระกูลชนชั้นสูงต้องการหย่าภรรยา จำเป็นต้องมีลายลงนามของคนในครอบครัวฝ่ายหญิงในเอกสารหย่า เพื่อแสดงว่าฝ่ายหญิงมีความผิดในด้านคุณธรรมบางประการ หากครอบครัวฝ่ายหญิงไม่ลงนามชื่อ แต่ฝ่ายชายดึงดันและยืนยันที่จะหย่ากับภรรยา จะถูกตำหนิว่าทรยศและถูกสาปแช่ง ชื่อเสียงจะย่อยยับไม่มีชิ้นดี แม้แต่หลี่จือในฐานะองค์ชายก็ไม่อาจแบกรับได้! ตู้เหวินยวนไม่เคยคิดเลยว่า หลี่จือจะโหดเหี้ยมถึงขั้นต้องการหย่ากับบุตรสาวของตน! “เจ้า เจ้า เจ้า ...” ช”เจ้า เจ้าคนเนรคุณ เจ้าคนไม่มีความรับผิดชอบ!” “คิดจะให้ข้าลงนามในเอกสารหย่าหรือ? ฝันไปเถอะ!” ตู้เหวินยวนตื่นตะลึง ดวงตาจ้องมองหลี่จืออย่างแน่นิ่ง หลี่จือหัวเราะ “ท่านพ่อตา ตอนนี้ท่านเป็นเพียงนักโทษ! ข้าจำเป็นต้องตัดขาดกับท่าน ถึงจะช่วยท่านออกมาได้อย่างสะดวกไม่ใช่หรือ?” ตู้เหวินยวนชะงัก มันก็มีเหตุผลอยู่บ้าง
ในโถงใหญ่ หลี่จือจิบชาอย่างช้า ๆ มองดูบรรดาขุนนางทั้งหลายด้วยรอยยิ้มเย็นชาแล้วกล่าวว่า “พวกท่านวางใจได้! ในสมุดบัญชีมีเพียงหลักฐานความผิดของตู้เหวินยวนเท่านั้น! ต่อให้เจ้าเก้าตรวจสอบ ก็ไม่มีทางสาวถึงตัวพวกท่านได้!” “แต่ว่า...” “ตู้เหวินยวนล่มแล้ว แต่กลุ่มข้าราชการจะล่มไม่ได้!” “นี่ก็เป็นพระประสงค์ของเสด็จพ่อเช่นกัน!” “พวกท่านเข้าใจหรือไม่?” เหล่าขุนนางต่างรู้สึกสะดุ้ง ก็จริงอย่างที่ว่านั่นแหละ หากกลุ่มข้าราชการล่มลง เช่นนั้น สถานการณ์ในราชสำนักก็จะเสียสมดุล เมื่อถึงตอนนั้น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่อย่างแน่นอน ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ ฮ่องเต้หวู่เองก็ไม่ต้องการให้ราชสำนักปั่นป่วนมากเกินไป หลี่จือกล่าวต่อว่า “การล่มสลายของตู้เหวินยวนเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้! แผ่นดินย่อมไม่ไร้จักรพรรดิ กลุ่มข้าราชการก็ไม่ควรเป็นกลุ่มมังกรไร้หัว! พวกท่านเข้าใจหรือไม่?” บรรดาขุนนางหันมองหน้ากันไปมา คำพูดนี้ขององค์ชายสี่หมายความว่าอย่างไร? กลุ่มมังกรไม่ควรไร้หัว? หรือเขาต้องการเข้ามารับหน้าที่แทนตู้เหวินยวนและควบคุมกลุ่มข้าราชการ? แม้กลุ่มข้าราชการจะสนับสนุนหลี่จือมาโดยต
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค
น้ำ...น้ำ!หลิ่วหรูเยียนถูกความเผ็ดทำให้หน้าแดงก่ำ มุกเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก ทำให้ผิวพรรณขาวดุจหิมะถูกแต้มด้วยสีแดงเรื่อหลี่หลงหลินยื่นน้ำเย็นที่เตรียมไว้ดีแล้วให้หลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นเอ่ยปากชม “องค์ชาย! อร่อยเหลือเกิน หม่อมฉันไม่เคยกินของอร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย มีความสุขยิ่งนัก!”เวลาเพียงชั่วพริบตา หัวปลาจานใหญ่ก็หายไปจนหมดเหล่าสะใภ้แต่ละคนหน้าแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวเต็มศีรษะ ปอยผมติดบนหน้าผาก ขับให้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษซูเฟิ่งหลิงถูกความเผ็ดทำให้ริมฝีปากแดงเจ่อ ความสงสัยที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่มลายหายไปราวกับหมอกผ่านตาซุนชิงไต้ยกชามข้าว จับจ้องหลี่หลงหลินและเอ่ยถาม “องค์ชาย ยังมีหัวปลาอีกหรือไม่ เมื่อครู่กินเร็วเกินไป ยังไม่รู้รสเพคะ”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเอือมระอาพี่สะใภ้สามคิดว่ากำลังกินโสมกระมัง จึงกินได้ไม่รู้รสก็แค่ตะกละเท่านั้นหลี่หลงหลินพยักหน้าและตอบว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านวางใจได้ หากท่านชอบ ภายภาคหน้าจะทำให้พวกพี่สะใภ้กินจนพอใจ!”ซุนชิงไต้เผยสีหน้าดีใจ คีบผลสีแดงเข้าปาก จากนั้นถูกความเผ็ดทำให้หน้าบิดเบี้ยว แต่นาง
ที่ต้าเซี่ย นับตั้งแต่โบราณมาไม่คุ้นชินกับการกินหัวปลา ปกติแล้วจะตัดหัวตัดหางเลือกเพียงลำตัว หัวปลาย่อมถูกทิ้งไปแต่บัดนี้หลี่หลงหลินถึงขั้นนำหัวปลาที่เหลือมาทำอาหารหนึ่งชนิดทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือจะเชื่ออยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้นหัวปลาหวงฮื้อใหญ่ยังมีขนาดใหญ่มาก ขนาดเล็กที่สุดก็ราวฝ่ามือ มองดูแล้วน่ากลัว ชนิดที่ว่าทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกอยู่บ้างเหล่าสะใภ้ตกใจจนใบหน้างดงามเผือดซีดนิ้วเรียวยาวของซูเฟิ่งหลิงปิดปากไว้ อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “องค์ชาย เจ้าสิ่งนี้กินเยี่ยงไร? มองดูแล้วน่ากลัวมากเหลือเกิน!”ลั่วอวี้จู๋เผยสีหน้าลำบากใจ “หัวปลานี้กินได้แน่หรือ?”ตอนนี้ทุกคนไม่เพียงสงสัยหลี่หลงหลิน แต่ยังสงสัยต่อหัวปลานี้หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ปลาหวงฮื้อล้ำค่าทั้งตัว หัวปลาย่อมสามารถกินได้ ไม่เพียงแค่นี้ หัวปลายังเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด!”“จริงหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงยังสงสัยดังเดิม ในสายตาของนาง หลี่หลงหลินกำลังปลอบตน ต้องการเห็นเรื่องตลกของตนซุนชิงไต้มองซูเฟิ่งหลิงด้วยสีหน้าจริงจังและเปล่งเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายไม่พูดความเท็จ หัวปลาหวงฮื้อใหญ่นี้กินได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยัง
ลั่วอวี้จู๋พูดอยู่ทางด้านข้าง “ใช่แล้ว องค์ชาย เรื่องเหล่านี้ยกให้สะใภ้สามเถอะเพคะ”หลี่หลงหลินกลับยืดอกตรงดุจต้นไผ่ พูดเสียงเรียบๆ ว่า “พวกพี่สะใภ้วางใจก็พอ ถึงตอนนั้นจะต้องถูกปากพวกพี่สะใภ้แน่”.....พลบค่ำเหล่าสะใภ้และซูเฟิ่งหลิงรอในห้องอาหารนานแล้ว ล้วนแปลกใจตกลงหลี่หลงหลินจะนำความแปลกใจอันใดมาอีกแต่ไหนแต่ไรมาหลี่หลงหลินไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องที่เขาทำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใดสองมือของซูเฟิ่งหลิงยกขึ้นเท้าคาง คนหิวแทบแย่ “ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายเล่นพิเรนทร์อันใดอีก จะต้องลงมือเข้าครัวด้วยตนเองให้ได้ สำคัญที่สุดคือองค์ชายทำอาหารเป็นแน่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงรู้จักหลี่หลงหลินดีมาก แม้พูดว่าฉลาดหลักแหลม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชี่ยวชาญทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่เกิดก็มีคนคอยปรนนิบัติ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องให้กังวล น่ากลัวว่าแม้แต่ประตูห้องครัวก็ไม่เคยเฉียดเข้าไป นับประสาอะไรกับฆ่าปลาทำอาหารเล่า?ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้า สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ดูท่าแล้ว คืนนี้ข้าจะต้องหิวตาย”ลั่วอวี้จู๋อ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออกจึงเอ่ยปลอบ “น้องหญิงเล็ก ผ
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ