หลังจากส่งฮ่องเต้หวู่กลับไปแล้ว หลี่หลงหลินก็ไปหาพบซูเฟิ่งหลิงที่ลานฝึก ซูเฟิ่งหลิงกำลังสั่งการให้ทหารเก็บกวาดสนามรบ เมื่อสัญญากับหลีเฟิงอวิ๋นไว้แล้ว ก็ต้องส่งศพของทหารซีเหลียงที่ตายไปกลับไป ฝังให้เรียบร้อย หลี่หลงหลินถาม “มีคนตายและบาดเจ็บเท่าไหร่?” ซูเฟิ่งหลิงตอบ “ซีเหลียงตายเจ็ดร้อย! ฝ่ายเราตายและบาดเจ็บไม่ถึงร้อย!” ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่! ทหารราบสองพันนาย สู้กับทหารม้าสามพันนาย อัตราการสูญเสียคือหนึ่งต่อเจ็ด! ช่างเป็นปาฏิหาริย์! ยิ่งไปกว่านั้น ซูเฟิ่งหลิงพูดถึงทั้งคนตายและบาดเจ็บ หมายความว่าในบรรดาร้อยกว่าคน ส่วนใหญ่เป็นแค่บาดเจ็บ มีผู้เสียชีวิตเพียงเล็กน้อย! มีหมอเทวดาซุนชิงไต้ คอยรักษาอาการบาดเจ็บให้ทันท่วงที เชื่อว่าอีกไม่นาน อาการบาดเจ็บของพวกเขาก็จะหายสนิท! หลี่หลงหลินดีใจมาก “ศึกภูเขาทิศประจิม ชนะด้วยจำนวนที่น้อยกว่า ชนะด้วยกำลังที่อ่อนแอกว่า เพียงพอที่จะทำให้ทั่วหล้าตกตะลึง! ไม่ได้ ข้าต้องหาวิธีเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป...” จะเผยแพร่อย่างไร? แน่นอนว่าต้องผ่านสำนักการสังคีต! หลี่หลงหลินค้นพบแล้วว่า ในยุคนี้ สถานที่ที่ข่าวสารแพร่กระจายเร็วที่สุดคือสำน
กงซูหว่านกลับหันหน้าเข้าสถาบันวิจัย ตั้งแต่เช้าจรดค่ำล้วนไม่ออกมาหลี่หลงหลินครุ่นคิด ไปหาหนิงชิงโหวอีกครั้ง พูดยิ้มๆ “หนิงเซิง! วันนี้ได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ ใช่หรือไม่ว่าสมควรฉลองสักหน่อย?”หนิงชิงโหวรู้ชัดในทันใด ยิ้มกว้างพูดว่า “องค์ชาย วันนี้ถึงตาท่านเลี้ยงแล้ว!”หลี่หลงหลินและหนิงชิงโหวโอบบ่ากัน “ไปๆ! คืนนี้เจ้าจะต้องเรียกนางคณิกาฝูเซียงมาให้ได้! ข้าเตรียมบทกวีไว้มอบให้นางแล้ว!”หนิงชิงโหวพูดยิ้มๆ “บทกวีขององค์ชายจะต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ นางคณิกาฝูเซียงจะต้องใจสั่นหวั่นไหว ดวงตาดุจสายน้ำคู่นั้นล้วนต้องหลั่งน้ำตาออกมา!”หลี่หลงหลินและหนิงชิงโหวสหายชั่วคู่นี้ออกจากภูเขาทิศประจิม มุ่งหน้าไปยังสำนักการสังคีตก่อนนี้หลี่หลงหลิน แม้มีฐานะขององค์ชาย แต่แท้จริงแล้วไม่ร่ำเรียนไร้ความสามารถ ไม่ได้รับความสำคัญจากเหล่านางคณิกามากนักอย่างไรเสียสำหรับเหล่านางคณิกาแล้ว สำคัญที่สุดก็คือชื่อเสียง!เพราะเหตุใดคือชื่อเสียงน่ะหรือ?เพราะลูกค้าที่เหล่านางคณิกาต้องเผชิญหน้าก็คือบัณฑิตบัณฑิตมีชื่อเสียง เหล่านางคณิกาย่อมพลอยได้ดิบได้ดีไปด้วย!สำหรับการเพิ่มชื่อเสียง วิธีที่ดีที่สุดคืออะไร?แน่
“หนิงเซิง!”“ข้ามีธุระด่วน ขอไปก่อนแล้ว!”หลี่หลงหลินรีบสะบัดแขนหยกของนางคณิกาออก ผุดลุกขึ้นได้ก็วิ่งไปแล้วเพิ่งถึงภายในลาน หลี่หลงหลินก็กลับไปอีกครั้ง หยิบแป้งชาดหนึ่งตลับจากฝูเซียงไปอีกด้วยนางคณิกาทั้งหมดล้วนตกตะลึงเหม่อลอย มองเงาด้านหลังหลี่หลงหลินที่กำลังรีบร้อนจากไป “องค์ชายเก้านี่เป็นอะไรไปแล้ว? เหตุใดตกตะลึงรับมือไม่ทันเพียงนี้? ราวกับเห็นผีก็มิปาน?”หนิงชิงโหวเดาบางอย่างได้ ยิ้มขมปร่า “สิงโตเหอตง น่ากลัวยิ่งกว่าผีเสียอีก!”นางคณิกาฝูเซียงถอนหายใจ น้ำตาคลอหน่วย “ทั้งๆ ที่องค์ชายพูดว่าจะมอบบทกวีให้ข้า! ปรากฏว่ามิได้มอบบทกวีก็ช่างเถอะ! ยังหยิบแป้งชาดตลับไม้กฤษณาของข้าไปด้วย แพงมากนะ...”หนิงชิงโหวหยิงตั๋วเงินออกมา ยัดไว้ที่หน้าทรวงอกนางคณิกาฝูเซียง พูดยิ้มๆ “ก็แค่แป้งชาดหนึ่งตลับเท่านั้นมิใช่หรือ? ข้าคืนให้เจ้าแทนองค์ชายแล้วกัน! ส่วนเรื่องกวีน่ะหรือ ให้ข้าคิดดู...”บทกวีของหนิงเซิงไร้เทียมทานไม่เป็นสองรองใคร บัดนี้ยังได้เป็นจอหงวนอีกด้วย เขายินดีแต่งกวีให้ ย่อมเป็นเรื่องดีมากนางคณิกาฝูเซียงหยุดสะอื้นแย้มยิ้มในทันใดภายในสำนักการสังคีตกลับมามีเสียงหัวเราะอีกครั้ง....
ซูเฟิ่งหลิงชะงัก สมองคิดตามไม่ทันอยู่บ้างข้ายังไม่บันดาลโทสะ เหตุใดท่านกระทืบเท้าก่อนเล่า?ซูเฟิ่งหลิงแค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง “เหลวไหล! ท่านไปสำนักการสังคีตใช่หรือไม่!”หลี่หลงหลินยิ้มเย็นพูดว่า “เจ้าเห็นใครไปสำนักการสังคีตแล้วไม่ค้างแรมด้วยหรือ?”ซูเฟิ่งหลิงชะงักเป็นหลักการนี้จริงเสียด้วยไปสำนักการสังคีตไม่ค้างแรม นั่นมิเท่ากับเสียเงินเปล่าหรอกหรือ?มิหนำซ้ำยังถูกคนอื่นหัวเราะ พูดว่าเจ้าไม่ได้เรื่อง!“หรือว่าเขามิได้ไปสำนักการสังคีต?”ซูเฟิ่งหลิงนึกฉงนภายในใจ ขยับขึ้นมาดมตัวหลี่หลงหลิน โกรธขึ้งขึ้นมาในทันใดสวบ!ซูเฟิ่งหลิงยกทวนเงินในมือ ปลายคมกริบชี้คอหลี่หลงหลิน พูดอย่างมีโทสะ “ทั้งตัวล้วนคือกลิ่นชาด! ยังพูดว่าท่านไม่ได้ไปสำนักการสังคีตอีกกระนั้น? คิดว่าข้าเป็นเด็กสาวขวบรึ?”หลี่หลงหลินถอนหายใจ หยิบตลับชาดจากวงแขน ท่าทีโศกเศร้า “ตลับไม้กฤษณาของชั้นเลิศ! เดิมทีวางแผนมอบให้เจ้าเป็นของขวัญ คิดไม่ถึงเจ้าจะเข้าใจข้าผิดเช่นนี้!”“ข้าผิดหวังเหลือเกิน!”ซูเฟิ่งหลิงเหม่อลอย มองหลี่หลงหลินอย่างเก้อกระดาก “ท่านวางแผนมอบแป้งชาดให้ข้าเป็นของขวัญ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าสีหน้าซูเฟิ่
ครู่ต่อมาร่างกายหลี่หลงหลินกลายเป็นแข็งทื่อ ไม่รู้สมควรรับมือเยี่ยงไรข้าแกล้งหลับต่อ?หรือหมุนตัวกลับไปกอดนาง ทำเรื่องให้นางเขินอายสักหน่อย?สมองของหลี่หลงหลินต่อสู้กันหนักลงท้ายเขายังเลือกหมุนตัวกลับมา ตกตะลึงพบว่าซูเฟิ่งหลิงหลับไปแล้วต่อสู้มาตลอดทั้งวัน ยังตั้งใจอาบน้ำแช่กลีบดอกไม้เป็นพิเศษ ทำร่างกายให้หอมฉุย ฝืนพาตนเองมาหาหลี่หลงหลินนางเหนื่อยมากเกินไป ถึงเตียงได้ก็หลับ...แสงจันทร์ส่องผ่านบานหน้าต่าง ตกลงบนใบหน้ายามหลับของซูเฟิ่งหลิง แพรขนตายาวสั่นเบาๆ งดงามดุจนางเซียนในภาพวาด!หลี่หลงหลินมิอาจหักใจปลุกนาง ยิ้มน้อยๆ หมุนตัวเตรียมนอนหลับต่อพึ่บ!หลี่หลงหลินเพิ่งหลับตา กำลังจะเข้าสู่ห้วงฝัน จู่ๆ ก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวซูเฟิ่งหลิงแย่งผ้าห่มไปจนหมดแล้ว!หลี่หลงหลินยื่นมือออกไปดึงผ้าห่ม กลับถูกนางถีบลงเตียงแล้ว!“บัดซบ...”หลี่หลงหลินโมโหมาก ลุกขึ้นมอง พบว่าซูเฟิ่งหลิงนอนกางแขนขา ยึดครองเตียงไปแล้ว“ได้ๆ ล่วงเกินไม่ได้ หลบก็ไม่ได้กระนั้นรึ?”หลี่หลงหลินเอือมระอา สวมเสื้อผ้าออกจากห้องเช้าวันต่อมา“นอนหลับสบายเหลือเกิน!”ซูเฟิ่งหลิงยืดเอวอย่างเกียจคร้าน เดินออกจ
เขาวางแผนเข้าไปนอนหลับชดเชยภายในห้องหัวหน้าสำนักศึกษาปรากฏว่าเพิ่งเข้าประตูก็มีขันทีมาถ่ายทอดพระราชโองการแล้ว “องค์ชายเก้า ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ท่านและหมอเทวดาซุนเข้าวังในทันที!”หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว “เข้าวังอีกแล้ว? เสด็จพ่อร้อนใจเพราะเรื่องผงปรุงรสไก่หนึ่งไหเพียงนี้เชียวหรือ?”ส่งขันทีถ่ายทอดพระราชโองการกลับไป หลี่หลงหลินมาที่ห้องซุนชิงไต้ ลากนางออกจากความฝัน “พี่สะใภ้สาม ฝ่าบาทให้พวกเราเข้าวัง! อาจเกิดเรื่องขึ้นแล้ว!”ซุนชิงไต้ยังแทะน่องไก่ในความฝัน น้ำลายไหลเยิ้ม นั่งบนรถม้าอย่างสะลึมสะลือ นี่ถึงมีสติขึ้นมา “หา องค์ชายเก้า! ท่านจะพาหม่อมฉันไปที่ใด?”หลี่หลงหลินพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าพูดหลายรอบแล้ว เข้าวังเข้าเฝ้าฝ่าบาท”ซุนชิงไต้พองแก้ม “เข้าวังอีกแล้วหรือ น่ารำคาญยิ่งนัก! รู้ตั้งแต่แรกว่าน่ารำคาญเพียงนี้ ก็ไม่รักษาอาการประชวรให้ฝ่าบาทแล้ว! พูดไปแล้ว ข้ายังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยนะ...”หลี่หลงหลินเตรียมน่องไก่ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ยัดใส่มือนางมัดผมหางม้าสองข้างตามหลักโลลิ คลี่ยิ้มกว้าง “คิกๆ ขอเพียงมีน่องไก่ ไปที่ใดก็ได้!”รถม้าแล่นเข้าวังหลี่หลงหลินถือไหผงปรุงรสไก่ไว้ในมือ พาซุ
ฮ่องเต้หวู่เหม่อลอย ตรัสงึมงำ “วิถีแห่งฟ้าก็เป็นเช่นนี้? ตกลงเราทำผิดอันใด สวรรค์จึงลงโทษเราเช่นนี้!”ตู้เหวินยวนขยับขึ้นมาหนึ่งก้าว ประกบมือพูดว่า “ฝ่าบาท ระยะนี้ภายนอกเมืองหลวงเองก็พบว่ามีบางครอบครัวติดโรคร้าย! กระหม่อมสงสัยว่าอาจเป็นโรคเดียวกันกับไข้มาลาเรียที่หมอเทวดาซุนพูดถึงพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่ตกตะลึงหน้าถอดสี “อะไรนะ? หรือว่าโรคไข้มาลาเรียพิษจั้งนี้แพร่มาถึงเมืองหลวงแล้วกระนั้น?”เพราะเหตุนี้ฮ่องเต้หวู่จึงหวั่นวิตกทิศใต้ของต้าเซี่ย ปกติแล้วอากาศร้อน พบไข้จั้งชี่ได้บ่อยๆทว่าเพราะการเดินทางไม่สะดวก ไข้จั้งชี่แพร่เชื้อเพียงในบริเวณนั้น มิได้แพร่ออกมาอย่างง่ายดายแม้เป็นเช่นนี้ กลับมีคนตายเพราะไข้จั้งชี่ทุกปี จำนวนชวนให้คนตกตะลึง เห็นถึงความร้ายแรงได้!ราษฎร์ในเมืองหลวงแออัด มีสามัญชนหลายล้ายคน!หากไข้มาลาเรียแพร่มาถึงเมืองหลวง นั่นก็ยุ่งยากแล้ว!ฮ่องเต้หวู่รีบตรัส “หมอเทวดาซุน! ไข้มาลาเรียนี้ เจ้ามีวิธีรับมือหรือไม่?”ซุนชิงไต้ขมวดคิ้วแน่น “หม่อมฉันกลับรู้วิธีไม่น้อย! แต่ล้วนเคยลองมาก่อนแล้ว ผลลัพธ์ไม่แน่นอน...”ภายในห้องทรงพระอักษรเงียบกริบ เหล่าขุนนางล้วนก้มหน้า ส
? ? ?หลี่หลงหลินอึ้งงันอยู่กับที่แล้วนี่มันอะไรกันเล่า?ใครป่วย ก็ส่งไปขังในคุก?นี่คือหลักการอะไรกัน?ภายในคุกน้ำสกปรกโสโครก สภาพแวดล้อมไม่ถูกสุขอนามัยอย่างร้ายกาจคนป่วยถูกส่งเข้าไปขัง นั่นเท่ากับตัดสินโทษตาย!แต่ว่านี่ก็นับเป็นการกักกันอย่างหนึ่งบางทีวิธีรับมือโรคระบาดในยุคสมัยโบราณก็เรียบง่ายหยาบโลนเช่นนี้!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วอยู่นานกลับไม่คลายออก ถอนพระทัย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ถ่ายทอดพระราชโองการ!”ตู้เหวินยวนเห็นฮ่องเต้หวู่ยอมรับความเห็นของตนแล้ว ดีใจขึ้นมาในทันใด พูดต่อ “ไข้มาลาเรียเริ่มจากแดนเหนือ! กระหม่อมกำลังสงสัย ไข้มาลาเรียที่ถูกพบในเมืองหลวงนี้แพร่มาจากเหล่าผู้ลี้ภัย!”“กระหม่อมขอให้ฝ่าบาทถ่ายทอดพระราชโองการขับไล่ผู้ลี้ภัยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”หลี่หลงหลินงุนงงแล้วตู้เหวินยวนนี่มิใช่กำลังล้อเล่นกระมัง?ต่อให้ไข้มาลาเรียแพร่จากแดนเหนือต่อให้บนตัวของผู้ลี้ภัยเป็นพาหะนำโรคจริงเจ้าไม่เข้ากระบวนการกักกันควบคุม ตรงข้ามกันต้องการขับไล่ผู้ลี้ภัยนี่มิใช่กำลังทำให้ไข้มาลาเรียแพร่ระบาดหรือ?เมื่อนั้นไม่เพียงเมืองหลวง ทุกหนแห่งไปจนถึงทั่วทั้งแคว้นต้าเซี่ย ผู้
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค
น้ำ...น้ำ!หลิ่วหรูเยียนถูกความเผ็ดทำให้หน้าแดงก่ำ มุกเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก ทำให้ผิวพรรณขาวดุจหิมะถูกแต้มด้วยสีแดงเรื่อหลี่หลงหลินยื่นน้ำเย็นที่เตรียมไว้ดีแล้วให้หลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นเอ่ยปากชม “องค์ชาย! อร่อยเหลือเกิน หม่อมฉันไม่เคยกินของอร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย มีความสุขยิ่งนัก!”เวลาเพียงชั่วพริบตา หัวปลาจานใหญ่ก็หายไปจนหมดเหล่าสะใภ้แต่ละคนหน้าแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวเต็มศีรษะ ปอยผมติดบนหน้าผาก ขับให้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษซูเฟิ่งหลิงถูกความเผ็ดทำให้ริมฝีปากแดงเจ่อ ความสงสัยที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่มลายหายไปราวกับหมอกผ่านตาซุนชิงไต้ยกชามข้าว จับจ้องหลี่หลงหลินและเอ่ยถาม “องค์ชาย ยังมีหัวปลาอีกหรือไม่ เมื่อครู่กินเร็วเกินไป ยังไม่รู้รสเพคะ”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเอือมระอาพี่สะใภ้สามคิดว่ากำลังกินโสมกระมัง จึงกินได้ไม่รู้รสก็แค่ตะกละเท่านั้นหลี่หลงหลินพยักหน้าและตอบว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านวางใจได้ หากท่านชอบ ภายภาคหน้าจะทำให้พวกพี่สะใภ้กินจนพอใจ!”ซุนชิงไต้เผยสีหน้าดีใจ คีบผลสีแดงเข้าปาก จากนั้นถูกความเผ็ดทำให้หน้าบิดเบี้ยว แต่นาง
ที่ต้าเซี่ย นับตั้งแต่โบราณมาไม่คุ้นชินกับการกินหัวปลา ปกติแล้วจะตัดหัวตัดหางเลือกเพียงลำตัว หัวปลาย่อมถูกทิ้งไปแต่บัดนี้หลี่หลงหลินถึงขั้นนำหัวปลาที่เหลือมาทำอาหารหนึ่งชนิดทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือจะเชื่ออยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้นหัวปลาหวงฮื้อใหญ่ยังมีขนาดใหญ่มาก ขนาดเล็กที่สุดก็ราวฝ่ามือ มองดูแล้วน่ากลัว ชนิดที่ว่าทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกอยู่บ้างเหล่าสะใภ้ตกใจจนใบหน้างดงามเผือดซีดนิ้วเรียวยาวของซูเฟิ่งหลิงปิดปากไว้ อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “องค์ชาย เจ้าสิ่งนี้กินเยี่ยงไร? มองดูแล้วน่ากลัวมากเหลือเกิน!”ลั่วอวี้จู๋เผยสีหน้าลำบากใจ “หัวปลานี้กินได้แน่หรือ?”ตอนนี้ทุกคนไม่เพียงสงสัยหลี่หลงหลิน แต่ยังสงสัยต่อหัวปลานี้หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ปลาหวงฮื้อล้ำค่าทั้งตัว หัวปลาย่อมสามารถกินได้ ไม่เพียงแค่นี้ หัวปลายังเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด!”“จริงหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงยังสงสัยดังเดิม ในสายตาของนาง หลี่หลงหลินกำลังปลอบตน ต้องการเห็นเรื่องตลกของตนซุนชิงไต้มองซูเฟิ่งหลิงด้วยสีหน้าจริงจังและเปล่งเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายไม่พูดความเท็จ หัวปลาหวงฮื้อใหญ่นี้กินได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยัง
ลั่วอวี้จู๋พูดอยู่ทางด้านข้าง “ใช่แล้ว องค์ชาย เรื่องเหล่านี้ยกให้สะใภ้สามเถอะเพคะ”หลี่หลงหลินกลับยืดอกตรงดุจต้นไผ่ พูดเสียงเรียบๆ ว่า “พวกพี่สะใภ้วางใจก็พอ ถึงตอนนั้นจะต้องถูกปากพวกพี่สะใภ้แน่”.....พลบค่ำเหล่าสะใภ้และซูเฟิ่งหลิงรอในห้องอาหารนานแล้ว ล้วนแปลกใจตกลงหลี่หลงหลินจะนำความแปลกใจอันใดมาอีกแต่ไหนแต่ไรมาหลี่หลงหลินไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องที่เขาทำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใดสองมือของซูเฟิ่งหลิงยกขึ้นเท้าคาง คนหิวแทบแย่ “ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายเล่นพิเรนทร์อันใดอีก จะต้องลงมือเข้าครัวด้วยตนเองให้ได้ สำคัญที่สุดคือองค์ชายทำอาหารเป็นแน่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงรู้จักหลี่หลงหลินดีมาก แม้พูดว่าฉลาดหลักแหลม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชี่ยวชาญทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่เกิดก็มีคนคอยปรนนิบัติ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องให้กังวล น่ากลัวว่าแม้แต่ประตูห้องครัวก็ไม่เคยเฉียดเข้าไป นับประสาอะไรกับฆ่าปลาทำอาหารเล่า?ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้า สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ดูท่าแล้ว คืนนี้ข้าจะต้องหิวตาย”ลั่วอวี้จู๋อ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออกจึงเอ่ยปลอบ “น้องหญิงเล็ก ผ
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ